ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    [ Fic Kuroko no Basket ] มิติพิศวงของยัยจอมมึน (All x Oc )

    ลำดับตอนที่ #46 : มิติพิศวง ภาค 2 ตอนที่ 2 [Re]

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 3.08K
      310
      15 มี.ค. 64

     

     

    มิติพิศวง ภาค 2

    ตอนที่ 2

     

    [ วันแรกของการแลกเปลี่ยน ]

     

     

     

    --โรงเรียนโยเซ็น--

     

    เหตุการณ์ในช่วงเช้าผ่านไปอย่างราบรื่นท่ามกลางความช่วยเหลือของ เด็กหนุ่มคนหนึ่งผู้เป็นสมาชิกทีมบาสของโยเซ็นแถมยังถูกสถาปนาให้กลายเป็นเพื่อนร่วมห้องชั่วคราวอีกด้วย พอถึงเวลาพักเที่ยงมุราซากิบาระก็หมุนตัวมาหาเธอแทบจะทันทีพร้อมห่อขนมเต็มอ้อมแขนของเขา อมีเรียได้แต่มองห่อขนมพวกนั้นสลับกับมองกระเป๋าของเด็กหนุ่ม ร่างบางแทบจะยกมือกุมขมับกับความติดขนมของเด็กหนุ่มตัวสูงโย่งคนนี้ 

    พอเลื่อนสายตาไปมองอีกคนที่เพิ่งจะไปซื้ออาหารกลางวันมาเมื่อสักครู่—

    “พี่ทัตสึทานขนมปังเป็นอาหารเที่ยงหรอคะ?” เธอย่นคิ้วอย่างสงสัย ไม่รู้ทำไมถึงได้มีภาพของญาติหัวแดงจอมโวยวายซ้อนทับกับพี่ทัตสึนะ “....ทำเหมือนไทกะเลยนะคะ” แต่พอหลุดปากพูดเรื่องนั้นออกไป ใบหน้ามึนงงเหมือนจะติดสตั้นไปครู่ใหญ่ ก่อนตีมึนทำเหมือนเมื่อครู่ตัวเองไม่ได้ทำหน้าแปลก ๆ

    “ก็มันสะดวกดีนะครับ” ทัตสึยะยิ้ม เขาลากเก้าอี้มานั่งข้างเด็กสาวเพื่อปิดไม่ให้คนอื่นคิดจะมาแทรก 

    “ว่าแต่...พี่ทัตสึอยู่ปีสองนิน่า ไม่ได้ไปทานข้าวกับเพื่อนเหรอคะ?” อมีเรียถามทัตสึยะ หากแต่เธอกลับยกมือฟาดเข้าที่แขนของมุราซากิบาระที่กำลังจะล้วงมือหยิบขนมมากิน แล้วส่งสายตาดุให้เด็กหนุ่มพร้อมกับพูดเสียงเข้ม “ไปล้างมือก่อนค่ะมุราซากิบาระ แล้วช่วงเที่ยงต้องทานข้าวก่อนค่ะ --อย่าแอบเอาขนมไปกินในห้องน้ำด้วย”

    “บู่ว มาสเมลโล่รู้ได้ไง...” 

    ทัตสึยะหัวเราะเสียงเบา เขาอ้าปากงับลูกชิ้นรูปปลาหมึกที่อมีเรียคีบมาจ่อตรงปากเขา “อัตสึชิ อย่าลืมสิว่ามีเรียเขาต้องคอยดูแลไทกะนะ...”

    พอนึกถึงช่วงเวลาที่ไทกะไม่มีคนคอยดูแลแบบนี้แล้ว คงเปิ่นน่าดู~

    จะว่าไปตอนที่ยังเด็ก ทั้งเขาและไทกะก็ได้อมีเรียคอยช่วยดูแลกันทั้งคู่เช่นกัน ถ้าให้เปรียบว่าอมีเรียกลายเป็นคุณแม่ของไทกะ น้องสาวผู้ทำหน้าเบื่อที่อยู่ตรงหน้าเขาก็เป็นคุณแม่สำหรับเขาเหมือนกัน

    “เป็นคุณแม่ผู้น่ารักของพวกเรานิเนอะ” หากแต่นัยยะกลับไม่ใช่อย่างที่พูดออกไป

    “.....”

     

    ....................................................

     

    ตลอดเวลาเรียนอมีเรีบแทบจะเรียนไม่รู้เรื่องเลย เนื่องจากที่นั่งของเธอโคตรจะตกอับพอสมควรเลยละ 

    สุดท้ายในคาบต่อมามุราซากิบาระก็มาเปลี่ยนที่นั่งกับเธอพร้อมรอยยิ้มมุมปาก ที่ไม่ว่าจะดูยังไงก็รู้ว่าเขาจงใจกวนเธอแน่นอน ตอนนี้เธอเลยกลายเป็นคนมานั่งโต๊ะของมุราซากิบาระแทนเขา และเขาก็ไปนั่งแทนที่เธอ เป็นการสับเปลี่ยนตำแหน่งที่อำนวยความสะดวกกับเธอในสายตาคนอื่น แต่ความจริงมันอำนวยความสะดวกต่อคนตัวสูงมากกว่า

    “มุราซากิบาระ อัตสึชิ หยุดกินขนมด้วยค่ะ” เสียงหวานใสเข้มขึ้นเล็กน้อย 

    เธอกดเสียงให้ต่ำเพื่อไม่ให้รบกวนการสอนของอาจารย์หน้าชั้นเรียน ใช้หางตามองคนที่กำลังจะยัดขนมเข้าปากโดยอาศัยหัวของเธอบังสายตาคนหน้าห้อง คนตัวสูงสะดุ้งตัวเล็กน้อยแล้วเอาขนมที่กำลังจะเข้าปากเก็บลงห่อตามเดิม เขายอมทำตามที่เด็กสาวบอกก่อนจะนั่งยิ้มเอานิ้วม้วนผมสีฟ้ามิ้นของร่างบางเล่น

    ไม่ใช่เพราะเรื่องอะไรหรอก แค่กลัวโดนโกรธเฉย ๆ

    แค่นั้นจริง ๆ นะ (ส่งสายตาบอกให้เชื่อ)

    จนกระทั่งหมดเวลาเรียนของวันนี้ ร่างบางจึงตามใจคนตัวสูงด้วยการนั่งป้อนขนมเขารอเวลาไปเข้าชมรม ปล่อยให้เขาทำเนียนรุกเธอเหมือนกับที่อาคาชิเคยทำ แต่การกระทำแบบนั้นของมุราซากิบาระไม่ได้โจ่งแจ้งเหมือนอาคาชิ แต่เป็นการรุกเหมือนเด็กน้อยที่กำลังอ้อนแม่ไม่มีผิดเลย— 

    ไม่รู้ทำไม แต่เธอคิดแบบนั้นจริงๆ..

    ยิ่งกับการที่มานั่งอยู่บนม้านั่งชมรมบาสโยเซ็น แล้วมีมุราซากิบาระนอนหนุนตักอ้าปากกินขนมที่เธอป้อนให้เขาแบบนี้ มองจากนอกดาวโลกก็ยังรู้เลยว่าเขาเห็นเธอเป็นแม่มากกว่าเพื่อนอย่างไม่ต้องสงสัย (ไม่ใช่เลยน้อง!)

    ตอนแรกก็บ่นว่าการกินไปนอนไปมันไม่ดี แต่เมื่อเขาเริ่มเบะปากทำท่าจะงอแง อมีเรียก็เผลอตามใจเขาอย่างที่เห็นในตอนนี้ ทั้งที่จะปฏิเสธหรือตำหนิเขาต่อก็ได้แท้ ๆ หากแต่อมีเรียกลับเลือกตามใจอันเป็นช้อยที่ไม่ว่าใครก็คาดไม่ถึง ทัตสึยะมองน้องสาวของเขาที่โดนมุราซากิบาระรุกโดยที่สาวเจ้าก็ปล่อยผ่านไป เหมือนว่าไม่ใส่ใจมันเลยสักนิด เขามองบรรยากาศพวกนั้นด้วยความรู้สึกที่บอกได้ยาก

    เขาไม่รู้เลยว่า จะสงสาร หรือ หึงหวง ดี

    หากแต่มีสิ่งหนึ่งที่ทัตสึยะมั่นใจ ที่หนึ่งในสายตาจอมหน้ามึนในที่นี่คือเขาอย่างแน่นอน

    “พี่ทัตสึคะ ขนมเลอะปากนะคะ”

    “ขอบคุณนะคะตัวเล็ก”

    เขาส่งยิ้มขอบคุณให้เด็กสาวที่เพิ่งใช้นิ้วปาดเช็ดเศษขนมออกจากปากให้เมื่อครู่ ในขณะที่มุราซากิบาระกลับใช้ผ้าเช็ดหน้าเช็ดแทน –เห็นความแตกต่างในเรื่องความสำคัญรึยังละ..?

    ถ้าอมีเรียไม่ได้ให้ความสำคัญเขาเป็นที่หนึ่งจริง เธอไม่มีทางใช้นิ้วสัมผัสปากเขาแบบนี้แน่นอน

     

     

    อากาศข้างนอกโรงยิมค่อนข้างหนาวกว่าที่โตเกียวพอสมควร เนื่องจากสภาพภูมิประเทศที่เดิมทีก็เอื้ออำนวยต่ออากาศหนาวอยู่แล้วดังนั้นจึงไม่แปลกที่อมีเรียจะซุกตัวอยู่ในเสื้อโค้ทตัวหนา ยังดีที่ได้มุราซากิบาระอุ้มเธอมาที่นี่ด้วยตัวเอง เธอเลยไม่ต้องเดินฝ่าลมหนาวมาทั้ง ๆ ที่ตัวเองเป็นโรคภูมิแพ้อากาศ พอได้เข้ามาในโรงยิมเลยโดนร่างสูงกอดอยู่พักใหญ่ ก่อนที่จะเปลี่ยนมาเป็นนอนหนุนตักเธอเหมือนอย่างในตอนนี้

    และแน่นอนว่าอมีเรียไม่ได้ปฏิเสธเขา

    หากไม่เพราะเขาอุ้มตัวเธอราวเด็กน้อยฝ่าอากาศหนาวมา เป็นเธอเองเนี่ยแหละที่จะนอนซมไม่สบายในเช้าวันพรุ่งนี้ อย่างน้อย ๆ เธอก็ได้ไออุ่นจากร่างกายสูงใหญ่ของมุราซากิบาระ นั่นจึงไม่แปลกเลยถ้าหากใครเข้ามาแล้วเห็นว่า อมีเรียกำลังตามใจมุราซากิบาระอยู่

    นั่งกินขนมรออยู่ไม่นาน สมาชิกทีมบาสโยเซ็นก็เริ่มทยอยกันเข้ามาทีละคนสองคน

    จนเมื่อสมาชิกบาสโยเซ็นมากันครบหมดแล้ว มุราซากิบาระจึงได้ลุกเดินไปรวมตัวกับคนอื่น ๆ ทัตสึยะเองที่ตอนแรกนั่งอยู่กับเธอ เขาออกไปข้างนอกตั้งแต่ที่มีโทรศัพท์เข้าก่อนหน้านี้ประมาณสามนาทีได้แล้ว และดูจากเสียงรองเท้าที่ดังขึ้นจากการวิ่งเขาคงเพิ่งมาถึง พร้อมกับยื่นเอกสารบางอย่างให้ โดยบอกว่าเป็นของที่ประธานนักเรียนฝากมาให้ อมีเรียเลยรับมาก่อนจะกลายเป็นพนักงานรับฝากของให้กับสองหนุ่มอย่างช่วยไม่ได้

    –จะว่าไปทีมโยเซ็นต่างจากตอนที่เจอกันครานั้นไปเล็กน้อย แต่มันก็ดีสำหรับพวกเขาละน่ะ

    โครม!

    เสียงที่เกิดจากการดังค์ลูกของมุราซากิบาระดังขึ้นตามด้วยแป้นบาสที่พังหักคามือของเขา ดูเหมือนการที่แป้นบาสหักด้วยฝีมือมุราซากิบาระจะเป็นเรื่องที่เห็นได้ยาก แต่มันก็เป็นเรื่องชินตาสำหรับทีมโยเซ็นโดยเฉพาะกับทัตสึยะที่ทุกคนเรียกเขาว่า คู่หูยักษ์ใหญ่ 

    อมีเรียเลิกคิ้วมองเหตุการณ์ซ้อมที่เหมือนเดจาวูด้วยสายตาประหลาดใจ จำได้ว่าตอนที่ไทกะเล่นมันมือเขาก็ดังค์จนแป้นหักคามือเหมือนกับมุราซากิบาระตอนนี้จริงๆ แต่การที่เขากระโดดดังค์แบบนั้น มันจะส่งผลเสียต่อเข่าของเขาเนื่องด้วยส่วนสูงที่เกินมาตรฐานไปโขแบบนั้น เลยทำให้เรื่องน้ำหนักตัวของเขาต้องสูงตามความสูงไปด้วย ในขณะที่กระดูกกลับเติบโตตามสภาพมวลกล้ามเนื้อของร่างกายไม่ทัน 

    ถ้ายังโดดมากเกินความจำเป็นอาจจะทำให้เขาบาดเจ็บอีก

    ปากที่เตรียมจะอ้าเพื่อพูดห้ามปรามก็ต้องชะงัก เมื่อเห็นสีหน้าทมึนของโค้ช

    “อย่าใส่แรงมากสิย่ะ!” 

    โค้ชสาวประจำทีมโยเซ็นตวาดเด็กหนุ่มผมม่วงพร้อมกับเอาดาบไม้ฟาดใส่เขา

    อันนี้ก็เดจาวู... เหมือนเห็นรุ่นพี่ริโกะที่กำลังแยกเขี้ยวใส่ไทกะเลย

    “น่า ๆ ..อัตสึชิ วันหลังก็ออมแรงหน่อยละกัน ไว้ไปใส่ในวันแข่งจริงทีเดียวสิ” ทัตสึยะเอ่ยด้วยน้ำเสียงอ่อนโยนเหมือนปกติ เธอแอบเห็นนะว่ามุราซากิบาระทำปากขมุบขมิบล้อเลียนสิ่งที่พี่ชายร่วมสาบานของเธอพูด ยังดีที่ได้พ่อพระแห่งทีมเข้ามาช่วยเกลี่ยกล่อมไม่ให้โค้ชลงโทษยักษ์ใหญ่มากไปกว่านี้ ไม่อย่างงั้นอาจได้เห็นการวิวาทเพิ่มขึ้นก็ได้

    โดยเฉพาะข้อวิวาทเรื่องการห้ามทานขนม--

    เหมือนเด็กทำความผิดแต่ไม่ยอมรับผิดเลยนะ..มุราซากิบาระเนี่ย

     

    ~ 사랑해 널 이느낌 이대로 그려왔던 헤매임의 끝 ~이세상 속에서 반복되는 슬픔 이젠 안녕 ~

     

    อมีเรียนั่งมองการซ้อมของโยเซ็นไปได้สักพัก โทรศัพท์ที่ตอนนี้เธอเปิดเสียงแล้วก็ดังขึ้นพอดิบพอดี เธอละสายตาจากสนามบาสแล้วค้นกระเป๋าของตัวเองเพื่อหาโทรศัพท์นั่น เมื่อเจอโทรศัพท์เธอก็ยกยิ้มกับสายที่โทรเข้ามา หมาน้อยของเธอเองแหละ คิเสะ เรียวตะ

    “อมีเรียพูดค่ะ” เธอกดรับสายแล้วแนบโทรศัพท์เข้ากับหู ตาก็กลับไปสนใจการซ้อมของทีมบาสโยเซ็นต่อ

    [มายฮันนี่! ตอนนี้มายฮันนี่อยู่ไหนฮะ] 

    เสียงที่ดูเหงาหงอยเล็กน้อยดังออกมาจากปลายสาย ทำให้เธอเลิกคิ้วสงสัยทันที

    ไม่สบายรึเปล่านะ....?

    “อยู่โยเซ็นค่ะ”

    [ทำไมมายฮันนี่ไปอยู่ที่นั้นละฮะ! งั้นแสดงว่าจริงอย่างที่คุโรโกจจิบอกนะสิว่ามายฮันนี่ไปแลกเปลี่ยนต่างโรงเรียน...]

    อมีเรียคิดเล็กน้อยว่าคนรอบข้างเธอมีใครชื่อแปลกอย่าง คุโรโกจจิด้วยงั้นเหรอ?.. แต่นึกๆดูแล้วคิเสะเป็นคนที่ชอบเติมคำหลังชื่อคนที่เขาสนิทด้วยหรือสนใจ คงจะหมายถึงคุโรโกะสิน่ะ “ใช่ค่ะ พอดีว่ามันน่าสนใจดีนะ”

    [ทำไมไม่หาผมละฮะ มายฮันนี่บอกว่าจะทำตามที่ผมขอหนึ่งอย่างนิน่า]

    “คิเสะยังไม่ได้บอกเราค่ะว่าอยากได้อะไร...ขอโทษนะคะ”

    [แงะ...ฮืออ แล้วที่ต่อไปต่อจากโยเซ็นจะไปที่ไหนฮะ]

    อมีเรียย่นคิ้วแล้วคลายออก ก่อนจะหยิบเอาสมุดประจำตัวออกมาเปิดดูว่าเธอเลือกที่ไหนไว้ต่อจากนี้ กวาดสายตามองแล้วเอ่ยบอกคนปลายสายที่ตั้งใจรอฟังอยู่ “ราคุซันค่ะ พอดีว่ามันตรงกับวันที่จะต้องไปงานเลี้ยงแถวนั้นพอดีค่ะ”

    หากแต่เจ้าของปลายสายกลับส่งเสียงร้องไห้งอแงตอบกลับมาให้เธอแทน

    [แง มายฮันนี่ทิ้งผมหรอฮะ]

    “.....” เฮ่อ...

    [มายฮันนี่..จะมาหาผมเมื่อตอนไหนเหรอฮะ] เขาถามด้วยความสงสัย

    “....คงจะหลังจากที่ไปโรงเรียนชูโตคุแล้วนะคะ”

    [มาหาผมที่หลังมิโดริมิจจิอย่างงั้นเหรอฮะ ใจร้าย!]

    “......”

    น้องหมาของเธองอแงซะแล้ว 

    อมีเรียไม่รู้จะปลอบคนตัวโตแต่กำลังงอแงยังไงดี สุดท้ายเธอจึงเลือกที่จะให้สัญญาแก่เขาว่าจะโทรและส่งข้อความหาทุกวันเป็นการไถ่โทษ แน่นอนว่าคิเสะยอมรับข้อเสนอนี้ อีกทั้งเขายังให้เธอสัญญาว่าจะถ่ายรูปส่งมาให้เขาดูด้วย จะเป็นรูปอะไรก็ได้ แต่ต้องมีตัวเธออยู่ในภาพสักนิดก็ยังดี พร้อมกับให้เหตุผลว่าเอาไว้ดูเวลาคิดถึง

    มันก็ไม่ใช่เรื่องยากที่อมีเรียจะทำไม่ได้ ถึงใจจริงอมีเรียจะไม่ชอบถ่ายรูปก็เถอะ

    “ตกลงค่ะ”

    [ เย้! ผมรักมายฮันนี่ที่สุดเลยฮะ จุ้บ ๆ ] น้ำเสียงจากที่ตอนแรกเหงาหงอยเริ่มกลับมาสดใสอีกครั้ง ตามด้วยเสียงดังจุ้บข้างหูที่ดังสองสามครั้งแล้วจึงเงียบไป [ อ่ะ! มายฮันนี่ฮะผมต้องไปถ่ายแบบต่อแล้ว งือ คิดถึงนะฮะไว้จะเมลล์หา ]

    “ขอให้งานในวันนี้ผ่านไปด้วยดีนะคะ”

    [ ครับผม! ]

     

    .

    .

    .

     

    นั่งรอทัตสึยะกับมุราซากิบาระอยู่เช่นนั้นในขณะเดียวกันเธอก็นั่งทำการบ้านที่ได้รับมาวันนี้ไปด้วย จนกระทั่งพวกเขาเลิกซ้อมอมีเรียถึงได้ส่งผ้าขนหนูของพวกเขาที่วางอยู่บนกระเป๋าส่งให้ทั้งสองคนที่เดินมาทางเธอ ส่วนพวกน้ำดื่มพวกเขาต่างก็ได้จากเพื่อนร่วมทีมที่ส่งต่อมาให้กันแล้วละ พอให้พวกเขานั่งพักกันสักหน่อยเธอก็ยกมือตีมือมุราซากิบาระทีหนึ่งโทษฐานที่คิดจะล้วงขนมออกมากินอีกแล้ว เธอหรี่ตาดุเขาเสียงเข้ม

    “ห้ามกินขนมหลังซ้อมเสร็จสิค่ะ และอีกอย่างห้ามกินในสนามด้วย”

    “มาสเมลโล่อ่า..ขอนิดเดียวนะ” มุราซากิบาระเริ่มงอแงอีกครั้งที่เขาโดนดุ 

    ด้วยรู้ดีว่าหากทำท่าทางเช่นนั้น หรือทำหน้างอแงออดอ้อน อมีเรียจะใจอ่อนให้เขาไม่เหมือนกับโค้ชแก่ใจยักษ์ที่ชอบเอาไม้ไล่ฟาดไล่ตีเขาเสียเหลือเกิน บอกแล้วอมีเรียนะใจดีกว่าผู้หญิงทุกคนเลย!

    อมีเรียพ่นลมหายใจออกมาด้วยความเหนื่อยใจ “ไม่ได้ค่ะ เดี๋ยวไม่พาไปทานข้าวด้วยนะคะ— วันนี้กะว่าจะชวนพี่ทัตสึกับมุราซากิบาระ ไปทานอาหารเย็นด้วยกันที่โรงแรมนะคะ”

    “เห...โรงแรมที่มีเรียพักอยู่อย่างงั้นเหรอ?” ทัตสึยะชะโงกหน้าเอาคางมาวางเกยบนไหล่เล็ก แล้วยิ้มเมื่อเจ้าของไหล่ชายตามองเขาด้วยหางตา ไม่คิดจะหันหน้ามาแม้แต่น้อยราวกับรู้ทันความคิดของเขา แต่คนอย่างทัตสึยะสนใจเรื่องนั้นที่ไหนละ?

    “ค่ะ ไม่ได้หรอคะ?”

    “ได้สิ!”

    มุราซากิบาระโพล่งขึ้นมาเสียงดัง มือก็คว้าเอาร่างเล็กมานั่งบนตักแกร่งแล้วเอาหัววางแหมะบนกลุ่มผมสีฟ้ามิ้นปลายขาวของเด็กสาว ในขณะที่ทัตสึชิหัวเราะในลำคอกับท่าทางแบบนี้ของคู่หู นี่ขนาดยังไม่ได้เป็นอะไรกัน ยังแสดงความเป็นเจ้าของขนาดนี้เลยแหะ— ส่วนอมีเรียเธอแค่ปรือตามึน ๆ ของตนมองเด็กหนุ่มบ้าขนมหวานที่กำลังกอดเธออยู่ก็เท่านั้น ไม่แม้แต่จะหวีดร้องหรือต่อต้านเหมือนที่ผู้หญิงส่วนใหญ่เขาทำ ไม่พอยังขยับให้ตัวเองนั่งพิงได้สบายอีกต่างหาก โดยที่ภายในหัวของเธอกลับกำลังโต้เถียงกับตัวเองอยู่

    ทำไมรู้สึกว่าเปลืองตัวจังแหะ....?

    แต่ก่อนที่จะได้ตำหนิหรือดุพ่อผมม่วงผู้ทำตัวเหมือนเด็กน้อย เสียงเรียกจากเพื่อนร่วมทีมของเขาก็ดังขึ้นมาเสียก่อน อมีเรียหันไปมองทุกคนแล้วส่งยิ้มให้เป็นมารยาท ก็แหม่...เธอมองไม่เห็นใบหน้าพวกเขานิ นอกจากพี่ทัตสึกับมุราซากิบาระแล้ว นอกนั้นก็ปกติของคนเป็นโรคลืมใบหน้า—

    “สวัสดี เธอคือผู้จัดการทีมเซย์รินสิน่ะ” ฟุคุอิเอ่ยทักเด็กสาวที่อยู่ในอ้อมแขนของพ่อตัวโย่งประจำทีม

    จะว่าไปเขาก็รู้สึกคุ้น ๆ ว่าตอนเจอกันครั้งแรก เด็กสาวก็ถูกมุราซากิบาระอุ้มมานั่งตักแบบนี้เลย 

    เดจาวู หรือ เจ้าหมอนั้นมันจงใจ?!

    “สวัสดีค่ะ อมีเรีย เกรซ คาร์เชล ปีหนึ่งเป็นนักเรียนแลกเปลี่ยนตามนโยบายรัฐนะคะ” เธอก้มหัวให้เขาเล็กน้อย ในสมองก็เริ่มค้นหาข้อมูลสมาชิกทีมโยเซ็นว่าแต่ละคนมีจุดเด่นตรงไหนบ้าง แต่จะลุกขึ้นยืนก็ไม่ได้อีกละเพราะโดนล๊อคเอวไว้ด้วยแขนแกร่งของคนผมม่วงที่ชื่อ มุราซากิบาระ อัตสึชิ 

    เธอดิ้นอยู่เล็กน้อยก่อนจะนิ่งแล้วเบือนหน้าช้อนตามองคนตัวสูงด้วยสายตาขุ่นมัว

    “ปล่อยก่อนค่ะ ตามมารยาที่พึงมือเราจะต้องลุกขึ้นโค้งตัวให้อีกฝ่ายนะคะ”

    “ไม่เป็นไรหรอกครับ คุณผู้จัดการเซย์ริน” ฟุคุอิโบกมือไปมา

    ตามใจเจ้าคนเอาแต่ใจต่อไปเถอะ อย่าขัดใจเลยเดี๋ยวพวกเขาซวยแทนครับ

    ทัตสึยะยิ้มขำแล้วจิ้มเอวเด็กหนุ่มผมม่วง เพื่อเป็นการเตือนว่าเขาควรปล่อยอมีเรียได้แล้ว ก่อนที่เด็กสาวในอ้อมแขนของเขาจะอารมณ์เสีย “อัตสึชิปล่อยมีเรียเถอะ ถ้ามีเรียโกรธขึ้นมาจะแย่เอานะ”

    “มาสเมลโล่ห้ามโกรธนะ...”

    “.....”

    พี่ทัตสึยะ... เจ้าเล่ห์นะคะ 

    .

    .

    .

     

    ร่างบางนั่งไขว่ห้างมองกลุ่มนักเรียนหญิงที่จู่ ๆ ก็มารวมกลุ่มกันเข้ามาทักเธอในช่วงที่ทีมบาสโยเซ็นไปเปลี่ยนชุดในห้องเปลี่ยนเสื้อ เธอกวาดสายตามองเด็กสาวกลุ่มนั้นด้วยความสงสัยว่าคิดจะทำอะไร ในขณะที่เด็กสาวกลุ่มนั้นกำลังโดนจ้องสำรวจตั้งแต่บนลงล่างด้วยท่าทางนิ่งเฉยก็มีใครคนหนึ่งถามขึ้นเสียงดัง

    “ท เธอคือนักเรียนแลกเปลี่ยนจากเซย์รินใช่มั้ย?”

    “ค่ะ” อมีเรียตอบเด็กสาวคนนั้น

    “ค คือ.. เธอเป็นเจ้าหญิงเหมันต์จริงๆใช่มั้ย?— สาวงามอันดับ 1 ของเซย์รินนะ”

    คิ้วเรียวเลิกขึ้นด้วยความสงสัยกับสิ่งที่อีกฝ่ายพูด “ถ้าหมายถึงคนอื่นชอบเรียกกันละก็..ใช่ ดิฉันคือเจ้าหญิงเหมันต์ค่ะ มีธุระอะไรกับดิฉันรึเปล่าคะ?” ถึงจะไม่ได้ให้ความสนใจในข่าวลือของตัวเองสักเท่าไหร่ แต่เรื่องฉายาที่คนอื่นตั้งให้อมีเรียก็พอได้ยินผ่านหูมาบ้างอยู่ โดยเฉพาะกับในงานตอนวันงานเทศกาลที่โรงเรียน

    “อ่า! พวกเราชื่นชอบคุณมาก ๆ เลยค่ะ!!” เด็กสาวกลุ่มนั้นโพล่งออกมาด้วยใบหน้าตื่นเต้น แววตาของพวกเธอสั่นระริกเล็กน้อยแฝงอารมณ์ดีใจปนตื่นเต้นเอาไว้ภายใน “ภาพตอนคุณขึ้นแสดงความสามารถเหมือนกับเจ้าหญิง ไม่สิ เหมือนราชินีหิมะไม่ผิดเลยค่ะ”

    “ค คะ?..อ่ะ เอ่อ.. ขอบคุณค่ะ” ใบหน้าของเด็กสาวแข็งค้างไปครู่ ก่อนกะพริบตาปริบๆด้วยความมึนงง

    “ขอถ่ายรูปได้รึเปล่าค่ะ!”

    “อ อื้อ..”

    เพราะยังตกใจกับสีหน้าของแต่ละคนที่ตื่นเต้นราวกับได้เจอไอดอล อมีเรียจึงเผลอตอบรับไปโดยไม่ทันได้รู้ตัว แต่เมื่อตั้งสติได้แล้ว ใบหน้าหวานออกแนวเซ็กซี่ตามสไตค์สาวสายเลือดรัสเซียก็กลับมามึนอึนอีกครั้ง โดยที่ภายในหัวของเธอกำลังตั้งคำถามกับตัวเองอยู่

    เดี๋ยวนะ... นี่เราดังไกลมาถึงโยเซ็นได้ยังไง? (ยัง..ยังไม่รู้ตัวอีก!!!)

     

     

    พอถ่ายรูปกับเด็กสาวกลุ่มนั้นจนเสร็จ เธอก็ได้พูดคุยด้วยนิดหน่อยพร้อมกับถามว่ารู้จักเธอได้ยังไง และนั้นก็ทำให้อมีเรียได้คำตอบ ก็ในเมื่อโฮร์มเพจของโรงเรียนเซย์รินมีรูปของเธอที่นั่งบนบัลลังก์แปะเด่นหลาอยู่อย่างนั้น มองยอดแชร์ที่เยอะจนน่าตกใจสลับกับคอมเม้นต์ใต้ภาพ – 

    ใช้เธอได้คุ้มกันจริงๆนะพวกรุ่นพี่ทั้งหลาย...

    แต่ถ้าหากถามว่าอมีเรียจะดุหรือตำหนิพวกเขาหรือเปล่า คำตอบก็แค่คำเดียวคือ ‘ไม่’

    อย่างน้อยมันก็สร้างผลดีทั้งฝั่งเธอ และทั้งฝั่งของโรงเรียน อีกทั้งการที่คนอื่น ๆ เข้าพูดคุยด้วยอย่างเป็นมิตร นั้นดีกว่าการที่เข้ามาพูดคุยด้วยท่าทางที่ต้องการเป็นศัตรูเสียอีก

    เมื่อโบกมือลากันแล้วร่างบางก็ทรุดนั่งรอสองหนุ่มต่อ..

    รอสักพักพวกเขาก็เดินมาทางเธอในชุดนักเรียนโยเซ็น อมีเรียยิ้มบาง มือก็หยิบกระเป๋ายื่นส่งให้อย่างรู้หน้าที่ก่อนจะกดโทรศัพท์โทรหาฮาคุที่ตอนนี้ น่าจะจอดรถรอเธออยู่ที่หน้าโรงเรียนแน่นอน พออีกฝ่ายรับสายพูดคุยสองสามคำเขาก็วางพร้อมร่างต่างความสูงทั้งสามที่เดินออกไปจากโรงยิมท่ามกลางสายตาของคนในโรงยิมทั้งหลาย

    สามคนนั้น..ลืมไปแล้วหรือว่าพวกเขาก็มีตัวตน

     

     

    หลังจากที่ได้ทานมื้อค่ำด้วยกัน อมีเรียพูดคุยกับทัตสึยะอย่างสนิทสนมโดยมีมุราซากิบาระเอ่ยแทรกบ้างเป็นครั้งคราว แต่เขาสนใจของหวานที่ถูกนำมาเสิร์ฟมากกว่าจนอมีเรียเอ่ยแซวอย่างขำขันว่า อีกไม่นานมุราซากิบาระคงจะแต่งงานกับขนมหวานแน่เลย พอจบประโยคนั้นเด็กหนุ่มผมม่วงก็หน้าบึ้งตึงยื่นมือมาจิ้มเอวบางด้วยท่าทางงอน ๆ

    “มาสเมลโล่ใจร้าย”

    คิก มุราซากิบาระตอนกำลังงอนเธอน่ารักจริงนั้นแหละ--

    พอทานอาหารมื้อค่ำกับสองหนุ่มทีมบาสโยเซ็นเสร็จ เธอก็ให้บอดี้การ์ดของเธอไปส่งพวกเขาที่หอพัก โดยไม่ลืมกำชับว่าจะต้องไปส่งให้ถึงหอ ห้ามแวะกลางทางโดยเด็ดขาด ก่อนกอดทัตสึยะไปทีหนึ่งพร้อมจุ้บแก้มแบบที่ชาวต่างชาติชอบทำกัน ส่วนกับมุราซากิบาระนั้นอมีเรียเพียงแค่กอดแล้วตบบ่าใหญ่ของเขาเบา ๆ  ก่อนจะจิ้มปากหยักที่ยื่นมาตรงหน้าเธอไปทีหนึ่ง 

    คงคิดว่าเธอจะจุ้บเขาเหมือนที่จุ้บกับทัตสึยะแน่เลยถึงได้ทำหน้าแบบนั้น

    แน่นอนว่าปฏิกิริยาตอบสนองกลับก็คือ มุราซากิบาระทำปากยื่นใส่เธอ

     

    เมื่อส่งสองหนุ่มขึ้นรถแล้วเสียงริงโทนโทรศัพท์ก็ดังขึ้นเป็นครั้งที่สองของวันนี้ เธอมองหน้าจอที่ขึ้นชื่อผู้โทรเข้ามาเล็กน้อย ก่อนเลื่อนนิ้วกดรับสาย

    ~ 사랑해 널 이느낌 이대로 그려왔던 헤매임의 끝 ~이세상 속에서 반복되는 슬픔 이젠 안녕 ~

    “ว่าไงไทกะ” เธอกรอกเสียงใส่เจ้าเครื่องมือสื่อสารสีขาวบนมือเล็ก

    [ เพิ่งว่างรึไงยัยเบื้อก ] น้ำเสียงของเขาค้อนขอดเล็กน้อย หากแต่ในประโยคถัดมา น้ำเสียงของเขากลับอ่อนโยนโดยแฝงความเป็นห่วงอย่างชัดเจน [ เป็นไงที่โยเซ็น...สนุกไหม? ]

    “ก็ดีนะ ...พี่ทัตสึกับมุราซากิบาระดูแลเราดีมากเลยล่ะ” เธอตอบ สองขาก็ก้าวเดินขึ้นลิฟต์ที่เรย์จิ หนึ่งในบอดี้การ์ดคนสนิทกดลิฟต์รออยู่ก่อนแล้ว เธอพยักหน้าให้ชายหนุ่มกดปิดลิฟต์แล้วคุยโทรศัพท์กับญาติหนุ่มต่อ

    [งั้นเหรอ... ไม่โดนทำอะไรใช่มั้ย?]

    “ถ้าไม่นับเรื่องที่โดนอุ้มไปนั่งตัก ...ก็ไม่มีค่ะ”

    ติ้ง!

    ถึงชั้นของเธอแล้ว อมีเรียก้าวขาออกเดินไปข้างนอกเพื่อจะเดินไปยังห้องพักของเธอที่ฮาคุเป็นคนจองเอาไว้ให้ คนที่นำทางเธอไปยังห้องพักเป็นริวชายหนุ่มผิวสีแทนที่ค่อนข้างหน้าเด็กกว่าเหล่าบอดี้การ์ดรอบตัวเธอ เมื่อถึงห้องเธอร่างบางก็พยักหน้าขอบคุณชายหนุ่ม แล้วเดินเข้าไปข้างในห้องโดยมีริวยืนรอให้เธอปิดประตูเสียก่อน เขาถึงจะเดินกลับไปพักที่ห้องของตัวเอง

    [ว่าแต่ตอนนี้อยู่ไหนนิ?...อยู่ห้องรึยัง?]

    “เพิ่งกลับมาห้องนะ พอดีวันนี้นัดทานมื้อค่ำกับพี่ทัตสึและมุราซากิบาระนะ” เธอวางกระเป๋านักเรียนตัวเองลงโซฟา ก่อนจะเดินย้อนกลับไปล็อคประตูห้องให้แน่นหนา เพื่อป้องกันคนลอบเข้าห้องหรือโจรที่จะมางัดแงะประตู ถึงจะมั่นใจในความปลอดภัยของตัวเองพอสมควรจากทั้งชั้นนี้ที่มีบอดี้การ์ดของเธออยู่เกือบครบทุกห้องของชั้น ร้อยละ 70%เลยก็ว่าได้

    ไม่รวยจริงทำไม่ได้นะบอกก่อน..

    [...ดินเนอร์?...กับสองคนนั้นน่ะนะ?]

    “อื้อ..ทำไมหรอ?”

    [เปล่า.. ไปอาบน้ำได้แล้วไป อ่อ อย่าลืมล็อคห้องดี ๆ ด้วยละยัยเบื้อก]

    “ค่า ๆ — บ่นเป็นพ่อเลยนะคะไทกะ”

    [ฉันเป็นพ่อ เธอก็เป็นแม่ไหมละ? ไปอาบน้ำเลยไป่]

    “อื้อ..”

    ไทกะวางสายไปแล้วหลังจบประโยคไล่ให้เธอไปอาบน้ำ 

    อมีเรียยืนมองหน้าจอที่กลับมาเป็นภาพพื้นหลังดังเดิม แล้ววางโทรศัพท์ลงก่อนจะเดินเข้าห้องน้ำเพื่อจะอาบน้ำชำระร่างกาย วันนี้ค่อนข้างเหนื่อยนิดหน่อยแต่ก็ไม่ได้เหนื่อยอะไรมากมาย แต่ก็เป็นอีกวันที่อมีเรียรู้สึกอ่อนเพลียทันทีที่ทิ้งกายลงในอ่างน้ำ เธอก็เผลองีบหลับไปอย่างลืมตัว— รู้ตัวทีน้ำในอ่างที่ตอนแรกอุ่นกำลังดีก็เย็นเสียแล้ว..

    ช่วงนี้อ่อนเพลียง่ายจริงๆด้วยแหะเรา

    ...ควรแวะไปให้แพทย์ตรวจดีไหมนะว่าเกิดอะไรขึ้นกับร่างกายรึเปล่า?

     

     

    “กินขนมด้วยไหม…?”

    มุราซากิบาระยกขนมหลบมือคนอ่าน ตามด้วยเสียงราบเรียบออกเนือยอันเป็นเอกลักษณ์ประจำของเขา

    “หมายถึงมาสเมลโล่ ไม่ได้หมายถึงพวกคุณ”

    “….”

     

     

    ………………………………………………………….

    พูดคุยกับคนเขียน

    สวัสดีค่ะ ไรท์แฟรรี่คนเดิมเพิ่มเติมคือดองเก๊งเก่งค่ะ! ในเนื้อหาภาคสองมีคงเดิมบางส่วนและมีการปรับออกหรือใส่มาเพิ่มบางส่วนเช่นกัน เพื่อให้ทุกคนได้อินไปกับเนื้อเรื่องด้วย และที่สำคัญถึงจะเน้นในเรื่องการสร้างความสัมพันธ์กับไขปมเรื่อง แต่เรื่องการเล่นบาสจะมีสอดแทรกให้นิด ๆ หน่อย ๆ ด้วยนะคะ ยังไงนิยายเรื่องนี้กเป็นแนวกีฬาบาสอยู่แล้ว 55555

     

    ขอบคุณที่เข้ามาอ่าน

    ด้วยรักจากภูติสีเทา

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×