คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #39 : ตอนพิเศษที่ 5 [Re]
ตอนพิเศษที่ 5
[ พี่ชายโหด...? ]
“ถ้ายังดิ้นอยู่....”
เขาเว้นเสียงก่อนจะยื่นหน้าเข้าใกล้ใบหน้าหวานจนรับรู้กลิ่นกายหอม รอยยิ้มเจ้าเล่ห์ผุดขึ้นมาแล้วกระซิบเสียงแหบพร่า “...ผมจะจูบนะ” หากแต่ประกายในแววตากลับแพรวพราวยิ่งกว่าเดิม ยามเห็นคนในอ้อมแขนตอบสนองต่อคำพูดของเขาอย่างง่ายดาย
กึก!
ร่างเล็กหยุดดิ้นในทันที แต่ก็ไม่วายขึงตาใส่อาคาชิที่ยิ้มมุมปากมองมาทางเธอด้วยท่าทางที่ยียวนกวนประสาทสุดๆ – อาคาชิยอมรับว่าอมีเรียน่าแกล้งโดยเฉพาะกับใบหน้ามึนง่วง ที่แทบจะให้ความรู้สึกเหมือนกับเพื่อนจอมจืดจางคุโรโกะ ไม่คิดว่าพอได้แกล้งแล้วเขาไม่อยากจะหยุดมันเลยแม้แต่นิดเดียว เขามองโครงหน้าหวานของคนตรงหน้าที่ถ้าโตอีกนิดคงจะสวยสะกดตาพวกผู้ชายหน้าม่อได้แน่ๆ
พอคิดแบบนั้นแล้วความหงุดหงิดที่ไม่ทราบสาเหตุก็คุกรุ่นในดวงเนตรสีแดง
“...เป็นอะไร” เสียงหวานดังขึ้นช่วยดึงสติของอาคาชิให้กลับเข้ามา
เขามองคนตัวเล็กที่ยึดไหล่ของเขาไว้เป็นที่พึ่งเพื่อไม่ให้ตัวเองหน้าขมำมาซบอกเขา ทั้งที่ความจริงอาคาชิอยากจะแกล้งให้คนตัวเล็กหน้าแดงเสียหน่อย แต่พอเห็นใบหน้ามึนอึนยังคงสีเดิมก็หมดสนุกไปเรื่องหนึ่ง แต่ก็ยังเหลือเรื่องสนุกอีกเรื่อง— เขาเก็บโบสีขาวของคนตัวเล็กใส่กระเป๋าเสื้อ โดยไม่ให้เจ้าของโบเห็นก่อนจะเอื้อมไปจับมือเล็กที่ขยำเสื้อเขาอยู่
“เปล่า...แค่นึกเรื่องชวนน่าหงุดหงิดเฉยๆ” เขาตอบ
“เหรอคะ..?” อมีเรียเลิกคิ้วให้เขา
--ดูเหมือนเธอจะลืมไปแล้วว่าตอนนี้ตัวเองอยู่ในสภาพไหน
ดวงตาสีแดงจ้องวงหน้าหวาน ก่อนจะหลุบตาลงมองริมฝีปากบางที่เขาเคยสัมผัสมันอยู่สองครั้ง ไม่รู้ว่าอะไรดลใจให้เขาโน้มหน้าเข้าไปใกล้คนตัวเล็กอีกครั้งจนปลายจมูกของทั้งสองแตะกัน รอบนี้อมีเรียหน้าเปลี่ยนสีอย่างที่อาคาชิหวังอย่างชัดเจนจนเด็กหนุ่มยกยิ้มในใจ เขาจ้องริมฝีปากนั้นจนคนตัวเล็กเม้มปากก่อนจะเบือนหน้าหนี
และนั้นจึงทำให้อาคาชิได้สติ— เขาหลับตาก่อนจะกลืนน้ำลายเหนียวฝืดลงคอ เกือบไปแล้ว..
เมื่อลืมตาขึ้นกระพริบสองสามที อมีเรียก็ปรับสีหน้ากลับมาเป็นปกติดังเดิมราวกับว่าก่อนหน้านั้นเธอไม่ได้หน้าแดงก่ำเหมือนลูกมะเขือเทศสุก โดยที่คนมองอย่างอาคาชิทำได้แค่เพียงยิ้มมุมปากให้เธอได้เท่านั้น
“...ผมเห็นภาพเธอว่อนไปทั่วโลกออนไลน์” อาคาชิเกริ่นเรียกรอยย่นตรงหว่างคิ้วให้เด็กสาว
อมีเรียกระพริบตาปริบๆด้วยความงง “ภาพ..ของฉัน?”
“ใช่”
เด็กหนุ่มตอบเสียงราบเรียบพร้อมกับกระชับร่างบางให้เข้าหาตัวเขามากขึ้น
ก่อนจะยันตัวให้นั่งดีๆโดยมีคนตัวเล็กนั่งอยู่ที่ตัก โดยที่เจ้าตัวก็ไม่ได้รู้เรื่องรู้ราวอะไรราวกับว่าเธอตัดส่วนนั้นออกไปจากหัวแล้ว ถ้าคางามิมาเห็นเขาคงได้พ่นไฟใส่หัวอาคาชิแน่นอน ทำไมอาคาชิจะไม่รู้เรื่องกิตติศัพท์ความหวงญาติที่ไม่ว่าจะมองยังไง เจ้าสมองกล้ามผมแดงกำลังคิดไม่ซื่อกับแม่กระต่ายน้อยตัวนี้อยู่อย่างแน่นอน— แต่ก็นะ...ขนาดเจ้าตัวอย่างคางามิยังไม่รู้ตัวเองเลย นับประสาอะไรกับญาติของเขาอย่างอมีเรียละที่จะรู้เรื่องพวกนี้
ไม่สิ ต้องบอกว่าคนอย่างอมีเรียจะใส่ใจเรื่องพวกนั้นหรือเปล่า?
“มันเป็นภาพที่เธอใส่ชุดเมด..”
คิ้วเล็กคลายปม “อ่อ ...คงจะมีลูกค้าถ่ายแล้วเอาไปลงสินะคะ”
“ก็คงจะเป็นอย่างนั้น— แต่ทำไมผมถึงไม่ได้เห็น...ของจริงละ?”
“คะ?” อมีเรียเลิกคิ้วพร้อมเอียงคอน้อยๆ
เธอกลอกตาไปมาเหมือนกำลังใช้ความคิดอยู่ แล้วก้มมองตัวเองและนั่นแหละจึงทำให้อมีเรียรู้ตัวแล้วว่า ตนกำลังอยู่ในสถานการณ์แบบไหนในตอนนี้ “...คุณอาคาชิแบบนี้มันไม่เหมาะนะคะ” เธอพองแก้มอย่างน่าชัง เรียกรอยยิ้มขบขันจากเด็กหนุ่มอีกรอบ
อาคาชิอยากจะกุมขมับมันซะตรงนี้แต่พอมองวงหน้าหวานที่งอง้ำอยู่ รู้ตัวอีกทีมือของเขาก็สัมผัสแก้มนุ่มนั้นแล้ว ดวงตาสีแดงทับทิมเบิกกว้างเล็กน้อยก่อนที่จะมีประกายความสนุกพาดผ่าน พร้อมกับบีบนวดแก้มเล็กๆนั้นอย่างมันมือไม่สนเสียงประท้วงจากเจ้าของแก้มเลยแม้แต่น้อย
“น่าหมั่นเขี้ยว...” เขาบอกแบบนั้นจนได้สายตาค้อนขอดส่งมา
“นิสัยไม่ดีค่ะ”
“หืม..ผมก็ไม่เคยบอกนิว่าผมนิสัยดี” อาคาชิยักคิ้วให้ทีหนึ่ง แล้วเอี้ยวหัวหลบฝ่ามือเล็กที่หมายจะมาประทุนร้ายกับใบหน้าของเขา “มือไวจังนะ” เขาหัวเราะเสียงเบาแล้วยอมปล่อยร่างเล็กให้ลุกออกจากตัก หากมีคนผ่านมาเห็นฉากนี้เข้า ชื่อเสียงของฝ่ายหญิงอย่างอมีเรียต้องเสื่อมเสียอย่างแน่นอน
--และเขาไม่อยากให้เป็นแบบนั้น
อมีเรียรีบเด้งตัวออกห่างเด็กหนุ่มทันทีที่ได้รับการปล่อยตัวจากพันธนาการของคนตรงหน้า เธอเขยิบถอยออกห่างพร้อมทำหน้าไม่ไว้วางใจ แต่ก็ไม่ได้ปริปากต่อว่าเหมือนนางเอกในนิยายหรือนางเอกในละครหลังข่าวที่ตัวสั่นงกๆบีบน้ำตาร้องไห้ พอพูดถึงเรื่องบีบน้ำตาร้องไห้อมีเรียกลับนึกถึงฮิโตมิ คานะซะอย่างงั้น
...ป่านนี้ไม่รู้จะเคลียร์ปัญหาเสร็จรึยัง งานที่ห้องยิ่งเยอะอยู่ด้วย
“เธอควรระวังตัวมากกว่านี้...รู้มั้ย” อาคาชิจัดเสื้อที่ยับเล็กน้อยให้เข้าที่ แถมยังแอบชูโบสีขาวของเด็กสาวยั่วสายตา แต่รอบนี้อมีเรียไม่ได้พุ่งเข้าไปแย่งจากเขาแต่อย่างใด นอกจากสะบัดหน้าหันไปทางอื่นพร้อมกับผมของเธอที่สะบัดตามแรงจนเกิดเป็นคลื่นเล็กๆ
“ระวังตัวจากคุณสินะคะ”
“ไม่...” เขายิ้มเมื่อร่างเล็กหันขวับมามองเขาด้วยสายตาไม่เข้าใจในสิ่งที่เขาจะสื่อ “...ระวังตัวจากผู้ชายทุกคนที่ยกเว้นผม”
“....”
โอเค อย่างน้อยการมางานเทศกาลของโรงเรียนเซย์รินตามคำชวนของคุโรโกะ ก็ทำให้เขาสนุกอยู่พอสมควร โดยเฉพาะกับสีหน้าของผู้จัดการทีมเซย์รินตรงหน้า ยิ่งทำให้เขารู้สึกสนุกอย่างบอกไม่ถูก – หากบอกว่าถูกชะตาและถูกใจมันคงไม่ผิดหรอกมั้ง
.
.
.
.
อมีเรียนั่งจ้องหน้าอาคาชิได้แค่สองสามนาที ก่อนที่เธอจะหันไปมองร่างสูงโปร่งแสนคุ้นตาพร้อมผมสีแดงของเขาที่ชี้โด่ชี้เด้จากการวิ่งวุ่นไปทั่ว กว่าคางามิกับคุโรโกะจะรู้ตัวว่าคนตัวเล็กหายไป ก็ใช้เวลานานพอควร เขากับคุโรโกะต่างแยกย้ายกันออกตามหาแม่สาวจอมหลงทิศอย่างอมีเรียก่อนที่จะได้ยินพวกนักเรียนหญิงพูดลือกัน และนั้นจึงทำให้เขาออกตัววิ่งตรงมาหลังโรงเรียนหน้าตั้งแบบนี้
แฮก แฮก
“ไทกะ...?”
อมีเรียเรียกชื่อญาติหนุ่มที่วิ่งมาหยุดตรงหน้าเธอ ร่างสูงสั่นเล็กน้อย เขายกมือห้ามเด็กสาวพูดอะไรในระหว่างที่เขาหายใจเอาออกซิเจนเข้าปอด อมีเรียเองก็ว่าง่ายนั่งเงียบรอคางามิอย่างดีพร้อมยังเตรียมน้ำที่วางรวมอยู่ในกองขนมเปิดฝาให้เสร็จสรรพ แถมยังถือยื่นส่งให้เมื่อคางามิปรับลมหายใจให้กลับมาเป็นปกติได้แล้ว— พอตั้งสติได้คางามิหันไปขึงตาใส่เด็กหนุ่มอีกคนที่นั่งหัวโด่อยู่ทันที
“อาคาชิ...” เขากัดฟันกรอดด้วยความเคืองที่บังอาจขโมยญาติเขามาแบบนั้น “แกทำบ้าอะไรของแกวะ?!”
“พาอมีเรียมากินขนม” ว่าจบก็ผายมือไปยังกองขนมด้วยใบหน้านิ่งเฉย
“ไม่— ฉันหมายถึงทำไมนายอุ้มอมีเรียมาที่นี่” คางามิชี้ยัยหน้ามึนที่นั่งนิ่งสงบเสงี่ยมอยู่
“ทำไมผมต้องบอกคุณ”
ยังไงกัปตีนทีมราคุซันก็ยังคงเป็นกัปทีมจอมเผด็จการ เขายักคิ้วท้าทายเด็กหนุ่มตรงหน้าทีหนึ่ง ก่อนที่อมีเรียจะเข้ามากอดแขนคางามิแน่นเพื่อรั้งญาติจอมหัวร้อนไม่ให้เข้าไปหาเรื่องอาคาชิจนมีปัญหาตามมา ไม่รู้ว่าด้วยเห็นแก่ญาติตัวเล็กหรือเกิดอาการเขินกับสัมผัสนุ่มยุ่นตรงแขนที่ถูกกอดอยู่กันแน่ จากตอนแรกที่หัวเสียก็กลับนิ่งแล้วพ่นลมหายใจออกมาแทน— อาคาชิเริ่มจะเข้าใจแล้วว่าทำไมคางามิถึงได้หวงญาติตัวเล็กของเขานัก
ไม่ใช่แค่แกล้งสนุก ยังซื่อในเรื่องที่ไม่ควรซื่ออีกต่างหาก
—ถ้าปล่อยให้คลาดสายตาไปคงจะมีเรื่องวุ่นตามมาเป็นกระพรวน
ยังไม่ทันที่อมีเรียจะได้ห้ามปรามไม่ให้ญาติของเธอพุ่งเข้าไปหาเรื่องอาคาชิอีก โทรศัพท์ในกระเป๋ากระโปรงของเธอก็สั่นขึ้นมาพอดี เธอย่นคิ้วไม่ชอบใจกับข้อความที่เด้งมารัวๆพวกนั้น แต่ก็ยินยอมที่จะหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาดูว่าใครกันที่ส่งข้อความเข้าเมลล์เธอมา พอกดอ่านเท่านั้นแหละใบหน้าที่เคยเรียบเฉยก็แข็งค้างในทันที
‘อมีเรียจัง ฮิโตมิถูกผู้ชายฉุดไปทำร้าย ตอนนี้คนในห้องวุ่นวายมากเลย ช่วยพวกเราด้วย— มีนักเลงมาบุกห้องเรา’
ผู้หญิงคนนั้น...ไม่หาเรื่องวุ่นวายมาให้เธอสักวันจะตายรึยังไงนะ!
คางามิเลิกคิ้วสงสัยว่าทำไมญาติของเขาถึงได้ทำหน้าเหมือนไม่พอใจอะไรอยู่ จนเมื่อเธอยื่นหน้าจอที่มีข้อความจากเพื่อนร่วมห้องให้คางามิอ่านนั่นแหละ เอซแห่งทีมบาสเซย์รินถึงกับเบิกตาโตอย่างตกใจ ได้แต่มองเสี้ยวหน้าของญาติสาวที่เริ่มเย็นยะเยือกแล้วกลืนน้ำลายลงคออย่างอยากลำบาก ก่อนจะเหลือบไปมองอาคาชิที่ชะโงกหน้ามาอ่านด้วยเพื่อขอความเห็น
อาคาชิเพียงเลิกคิ้วราวกับว่าเขารับรู้แล้ว ก่อนจะควักมือเรียกคนในทีมให้มาเก็บกองขนมพวกนี้ไป—
“ผมไปด้วย”
เพียงประโยคสั้นๆ คางามิก็รู้ทันทีว่ากัปตันทีมบาสราคุซันอยากจะไปหาเรื่องสนุก ในขณะที่อมีเรียกำลังจะไปเชือดคน ถ้าไม่มีร่างของเขายืนคั่นกลางอยู่มีหวังสองคนนี้ได้แผ่รังสีเดียวกันออกมาจนกลมกลืนแน่นอน แต่พอคิดว่าสองคนนี้เหมือนกันเขากลับยิ่งหงุดหงิดจนเผลอดึงร่างเล็กที่กำลังเดินอยู่ข้างตัวเข้ามาใกล้ ก่อนจะช้อนตัวอุ้มคนตัวเล็กด้วยแขนข้างเดียวอย่างถือวิสาสะทันที
“ไทกะ?”
อมีเรียเรียกชื่อญาติหนุ่มด้วยความตกใจขนเผลอยกแขนกอดคอเขา
“แบบนี้เร็วกว่า”
ว่าจบก็จ้ำอ้าวเดินตรงไปยังห้องเรียนของพวกเขาทันที โดยมีร่างเล็กเกาะไหล่เขาไว้ไม่ให้ตัวเองตกจากแขนแกร่งที่อุ้มเธออยู่ จะว่าไปคางามิแรงเยอะเกินวัยไปแล้วมั้งสามารถอุ้มผู้หญิงตัวเล็กด้วยแขนข้างเดียวได้สบายแบบนี้ราวกับเธอเป็นเด็กสองขวบ ตามหลังด้วยอาคาชิและสมาชิกทีมบาสราคุซันที่จ้ำอ้าวเร่งฝีเท้าตามพ่อเสือแห่งทีมบาสเซย์รินให้ทัน
ใช้เวลาไม่นานกลุ่มของอมีเรียก็มาถึงห้องปี1-C
เด็กสาวกวาดสายตามองสภาพซุ้มที่บรรดาเพื่อนร่วมห้องต่างช่วยกันทำอย่างตั้งใจ ที่บัดนี้พังเละไปหมดไม่เหลือความงดงามก่อนหน้า บรรดาคนที่มุงดูอยู่พร้อมใจกันเปิดทางให้คางามิและกลุ่มของอาคาชิเดินเข้าไปด้านในอย่างพร้อมเพียงกัน เมื่อเห็นเด็กสาวเรือนผมสีฟ้ามิ้นที่นั่งอยู่บนแขนของเด็กหนุ่มผมแดงอย่างสง่างาม เพียงแค่มองเสี้ยวหน้าเรียบเฉยปนมึนงงนั้น พวกเขาก็จดจำได้ในทันทีว่าอีกฝ่ายคือใคร
เพราะฉะนั่นจึงยินยอมเปิดทางให้พวกเขาอย่างง่ายดายยังไงละ
คางามิวางอมีเรียลงพื้นประคองร่างเล็กจนเธอทรงตัวได้แล้ว เขาจึงหันไปมองสภาพห้องที่เละโดยมีพวกเพื่อนร่วมชั้นบางส่วนยืนตัวสั่นหลบมุมกันอยู่ มีผู้ชายบางคนนอนหมอบหมดสภาพอยู่ที่พื้นห้อง ส่วนผู้หญิงก็ถูกกลุ่มนักเรียนชายในชุดนักเรียนผิดระเบียบลวนลามอย่างเปิดเผยอยู่— อมีเรียหรี่ตามองภาพนั้นอย่างไม่พอใจ แล้วตวัดสายตามองไปยังคานะที่นั่งตัวสั่นกอดตัวเองเพื่อปกปิดเนื้อตัวที่เสื้อผ้าบางส่วนขาดวิ้นอยู่ที่พื้น
เธอเพียงแค่มองไม่ได้พูดหรือคิดที่จะส่งเสียงเรียกให้บรรดาผู้ก่อเรื่องหันมาสนใจ เพียงแต่เดินเข้าไปใกล้แล้วถอดเสื้อตัวนอกของตัวเองออกไปสวมให้เด็กสาวผมน้ำตาล ก่อนจะหยิบเอาแก้วน้ำที่ตกอยู่แถวนั้นขึ้นมาขว้างใส่หัวโจกทันทีโดยที่ไม่อาจมีใครห้ามปรามการกระทำของเธอได้ทันสักคน แม้แต่คางามิที่จ้องมองการกระทำของญาติสาวมาตั้งแต่แรกยังเอ่ยปากห้ามไม่ทันเลย นับประสาอะไรกับคนอื่นที่ยังไม่หายตื่นตกใจกับเรื่องวิวาท
โป้ก!
“เฮ่ย!”
“กรุณาออกไปค่ะ”
นัยน์ตาสองสีวาวโรจน์ด้วยโทสะพร้อมชี้นิ้วไปยังประตูห้อง เพื่อบอกว่าให้คนกลุ่มนั้นออกไปทางไหน แต่ก่อนที่พูดอะไรออกมาเพื่อกระตุ้นโทสะจากคนตัวเล็ก เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยประจำโรงเรียนเซย์ริน ที่อมีเรียเสนอให้จัดเตรียมเอาไว้ก็เข้ามาพร้อมอาวุธครบมือ
พวกมันกลืนน้ำลายลงคออย่างลำบากเมื่อเห็นเจ้าหน้าที่มาแบบนี้ พอชะเง้อคอมองแถวประตูก็ยิ่งหน้าซีด เจ้าหน้าที่ตำรวจยืนรออยู่ด้านนอกแถมยังควงกุญแจมือโชว์อีกด้วย ความใจกล้าก่อนหน้านี้หายวับไปกับสายลมอย่างไว
พวกมันเคยมาป่วนแบบนี้อยู่บ่อยๆ แต่ไม่คิดว่าโรงเรียนที่เพิ่งเปิดใหม่อย่างเซย์รินจะมีเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยอยู่ด้วย! หากรู้ว่ามีคงไม่คิดที่จะเข้ามาหาเรื่องถึงถิ่นอันตรายแบบนี้แน่นอน แล้วก็คงไม่รับงานจากพวกผู้หญิงบางกลุ่มอีกด้วย— อมีเรียดีดนิ้วให้เจ้าหน้าที่เข้าไปจัดการ พร้อมส่งสัญญาณให้คนของเธอที่รอสแตนบายอยู่เข้ามาแยกนักเรียนที่ได้รับบาดเจ็บและเป็นผู้เสียหายแยกออกไปก่อน
ใช้เวลาแค่ห้านาที เหตุการณ์ทุกอย่างก็จบลงพร้อมกลุ่มนักเลงที่ยังเรียนอยู่ถูกคุมตัวไปยังโรงพักเพื่อรอการติดต่อกับผู้ปกครองให้มารับทราบความผิด และข้อหาที่พวกเขาต้องได้รับตามกฎหมายบ้านเมือง อมีเรียไม่อ่อนข้อให้ความผิดข้อนี้ของคนกลุ่มนั้นแม้แต่น้อย เธอให้คนของเธอไปจัดการเรื่องดำเนินคดีกับพวกเขาตามความเสียหายที่เกิดขึ้น
เธอไม่ใช่คนใจดีที่จะปล่อยให้เรื่องนี้จบง่ายๆด้วยการจ่ายเงินปิดปาก
หากทำเช่นนั้น การที่เธอจะปกครองคนหมู่มากก็เป็นปัญหากันพอดีสิ! ถ้าไม่เพราะถูกเสนอชื่อให้เป็นประธานนักเรียนคนต่อไปละก็นะ...
....เธอคงปล่อยเฉยแน่นอน
ส่วนนักเรียนที่ได้รับบาดเจ็บ และถูกลูกหลงก็ถูกส่งตัวไปยังโรงพยาบาล ส่วนคนที่ถูกลวนลามอมีเรียให้พวกเขากลับบ้านไปก่อนเวลา พร้อมให้คนไปส่งและอธิบายเรื่องให้ผู้ปกครองของแต่ละคนได้ทราบ— เด็กสาวจัดการเรื่องทุกอย่างให้เสร็จเร็วที่สุดเท่าที่จะทำได้ แล้วส่งมอบหน้าที่ให้คนของพี่ชายไปรับช่วงต่อ โดยมีบรรดาเจมุงคอยอัดคลิปและถ่ายรูปอยู่เป็นระยะ แต่นับว่ายังดีที่พวกเขาไม่ได้เข้ามาวุ่นวายกับการประสานงานของเหล่าบอดี้การ์ดของเธอ ส่วนคนของพี่ชายที่ถูกส่งมาเป็นอาจารย์ก็ออกมาพูดคลี่คลายสถานการณ์แล้ว
อีกทั้งยังแจ้งให้อาจารย์และเหล่านักเรียนระวังตัวให้มากขึ้นด้วย
พอเหตุการณ์จบลงแล้ว ทุกอย่างก็กลับมาเป็นปกติในขณะที่อาคาชิและทีมบาสราคุซันยังคงยืนอึ้งอยู่ พวกเขารู้ว่าอมีเรียเป็นคนที่ไม่ธรรมดา แค่มองก็รู้แล้วว่าอีกฝ่ายต่างชั้นกับพวกตนขนาดไหน
...แต่ไม่คิดว่าจะขนาดนี้!
“คางามิ...อมีเรียเป็นใครกันแน่”
อาคาชิกระซิบถามเด็กหนุ่มผมแดงที่ยืนมองร่างบางจัดการเรื่องวุ่นวายเหล่านั้นด้วยตัวคนเดียว เขาเคยอ่านข้อมูลเกี่ยวกับคนตัวเล็กนั้นมาบ้างแล้ว เพียงแต่คิดแค่ว่ามันเป็นเรื่องที่น่าสนใจเท่านั้น แต่พอมาเห็นด้วยตาตัวเองก็ยิ่งสนใจมากกว่าเดิม ผู้หญิงคนนี้มีอะไรให้ทึ้งเยอะเหลือเกิน
“...อมีเรียก็เป็นอมีเรีย” คางามิตอบแล้วยักคิ้วให้กัปตันทีมราคุซัน “ผู้หญิงที่พี่ชายมีอำนาจเยอะกว่ารัฐบาล...”
“....”
“หึ มีอะไรให้ทึ้งอีกเยอะ...ถ้าคิดจะจีบทำใจด้วยละอาคาชิ”
“....ทำไม”
“พอดีพี่ดุ”
พี่ชายแท้ๆของอมีเรียนะที่ดุ (คางามิขนลุกพรึบ)
……………………………………………………………………………
พี่เขาดุนะครับ รู้ไหมคร้าบบบบบ (โดนเทรย์เวอร์ตบหัวทิ้ม) แฮ่ม! เป็นตอนพิเศษตอนแรกเลยละมั้งที่แฟรร์แทบไม่ได้แก้อะไรมาก มีแค่ปรับคำศัพท์และแก้คำนิดๆหน่อยๆ จำนวนตอนเลยไม่ได้ยาวมากเหมือนตอนอื่นๆที่รี ขอโทษด้วยนะคร้าบ!!
1 คอมเม้นท์ = 100 กำลังใจ
สามารถติหรือชี้แนะไรท์ได้ ไรท์จะรออ่านคอมเม้นท์ของทุกคนนะคะ
ติดตามข้อมูลข่าวสารและการอัพเดทต่างๆได้ที่เพจ Fairy-แฟรี่กะ จิ้มๆเลย//ชี้
ความคิดเห็น