ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    [ Fic Kuroko no Basket ] มิติพิศวงของยัยจอมมึน (All x Oc )

    ลำดับตอนที่ #27 : มิติพิศวงที่ 25 [Re]

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 5.69K
      432
      16 ก.ย. 63

     

     

     

     

    มิติพิศวงที่ 25

     

     

     

    หลังจากจบการแข่งขันด้วยชัยชนะของเซย์ริน ทุกคนจึงเสนอให้มีการเลี้ยงฉลองเสียหน่อย แต่ด้วยเวลา งบประมาณของชมรมในตอนนี้และระยะทาง แผนที่ว่าจะฉลองชัยจึงเกือบจะพับเก็บลงก้นหีบอยู่แล้ว แต่ด้วยมีอำนาจคุณพี่ชายของผู้จัดการเซย์รินสาว ทีมบาสเซย์รินเลยผ่อนคลายมากกว่าเดิม 

    ด้วยเพราะมีรถตู้ให้พวกเขานั่งสบายเพื่อกลับบ้านพักผ่อนแถมแผนเลี้ยงฉลองชัยก็ยังคงมีอยู่ เพียงแต่เปลี่ยนเป็นไปจัดเลี้ยงที่บ้านของคนที่ใกล้ที่สุดดีกว่า อีกทั้งเผื่อทุกคนเหนื่อยล้ามากจนไม่อาจกลับบ้านได้จะได้นอนพักกันที่นั้นได้เลยเพื่อที่จะได้ทันการแข่งในรอบต่อไป

    คางามิที่มีบ้านใกล้แถวสนามแข่งเลยอาสาให้ทุกคนมากินเลี้ยงที่บ้านของเขา

    หรือให้พูดอีกทีก็คือบ้านของเขาและอมีเรีย..

     

    อมีเรียเองก็ไม่ได้ขัดข้องอะไร เพราะยังไงเธอก็กะจะชวนทุกคนไปกินเลี้ยงฉลองชัยชนะแรกกันอยู่แล้ว พอขึ้นรถตู้มาทุกคนก็เอาแต่เคลิ้มหลับไม่รอมื้ออาหารเย็นก็แทบทุกคนโดยเฉพาะกับคางามิที่แค่นั่งก็หลับแล้ว แต่ทันทีที่ถึงที่หมายก็ตื่นตาตื่นใจกับบ้านพักของคางามิที่มีขนาดใหญ่มากกว่าบ้านปกตินิดหน่อย – อมีเรียมองท่าทางตกใจจนเวอร์ของทุกคนอย่างขบขันก่อนจะขอตัวนำกระเป๋าสำภาระของเธอและของคางามิไปเก็บไว้ที่ห้อง

    แต่ก่อนที่เธอจะขอแยกตัวออกไป หางตาของเด็กสาวก็สังเกตเห็นร่างเล็กของใครบางคนตรงดิ่งไปที่ครัว

    นัยน์ตาสองสีจับจ้องมองโค้ชสาวเล็กน้อยก่อนเลิกสนใจแล้วหอบเอาสัมภาระทั้งหลายเข้าไปไว้ในห้อง ทิ้งให้สมาชิกทีมเซย์รินทุกคนให้ตื่นตาตื่นใจอยู่ด้านหลังโดยมีคางามิยืนเกาหลังคอเหมือนทำตัวไม่ถูกอยู่กลางห้องรับแขก ถ้าให้พูดก็คงเป็น..ยังไม่เคยมีใครมาที่ห้องของเขามาก่อนมากกว่านั้นแหละเลยรู้สึกประหม่านิดหน่อย

    “คางามินี่นายอยู่ที่นี่คนเดียวงั้นเหรอ” ฮิวงะถามด้วยความตกใจกับขนาดห้องที่ใหญ่เกินกว่าจะอยู่คนเดียวได้ แถมมันยังดูหรูหราเกินไปอีกต่างหาก

    คางามิกระพริบตาปริบๆมองรุ่นพี่หนุ่มแล้วเอ่ยไปตามตรง “ตอนแรกก็จะอยู่กับพ่อแหละแต่ว่า..พ่อดันหนีไปทำงานเลยอยู่กับมีเรียสองคน – ทำไมรุ่นพี่คิดว่าผมอยู่คนเดียว..ครับ” คางามิยังคงไม่ลืมคำลงท้ายแม้จะพูดขัดๆนิดหน่อยก็เถอะ

     

    “อะ..จริงด้วยอมีเรียจังก็อยู่กับคางามิ...”

    “....”

    “เอ๋!!!”

     

    ทุกคนหันมาถลึงตาใส่คางามิด้วยตกใจหนักกว่าเดิมยิ่งกว่าตอนที่เข้ามาในห้องเสียอีก ส่วนคุโรโกะก็เล่นมุขว่าจะเลิกเป็นเงาของคางามิจนเอซของทีมต้องหันไปว๊ากใส่มุขของเขาแทบจะทันทีทันใด แม้จะตกใจกับการที่ทั้งเอซและผู้จัดการทีมอยู่ด้วยกัน แต่พอได้รับคำอธิบายว่ามีห้องนอนแยกอีกสองห้อง ทุกคนจึงหันไปเริ่มสำรวจห้องที่กว้างขวางแทนในทันทีด้วยเพราะเริ่มสงสัยและสนใจว่า คางามิและอมีเรียอยู่ด้วยกันสองคนแบบนี้สไตค์ห้องจะออกมาเป็นแบบไหนกัน

    แต่แค่กวาดสายตาสำรวจดูจนทั่วไปแล้ว ห้องนี้แทบจะไม่มีอะไรเลยนิหว่า

    “จัดห้องได้เรียบง่ายดีนิ..สมกับเป็นนายและอมีเรียละน่ะ” ฮิวงะเอ่ยปากชื่นชม

    “ถึงจะอยู่กับมีเรีย..แต่พวกเรามีสามห้องนอนครับของผมหนึ่ง มีเรียหนึ่งและห้องสำหรับแขกหนึ่ง” 

    คางามิอธิบายเพื่อกันคนเข้าใจผิดอีกรอบว่า เขากับอมีเรียได้นอนด้วยกันรึเปล่า แม้การอยู่ด้วยกันของชายหญิงจะเป็นเรื่องที่ไม่สมควรก็เถอะแต่ในกรณีของงทั้งสองคนคงจะเป็นกรณียกเว้นนิดหน่อยด้วยสถานะที่เป็นญาติกัน แม้จะเป็นเครือญาติที่ห่างกันค่อนข้างไกลก็เถอะ สมาชิกทีมบาสแต่ละคนมองสำรวจจนพอใจแล้วช่วยลงความเห็นในใจกันว่า

    นอกจากเรื่องกินและบาส ห้องก็แทบไม่มีอะไรตกแต่งเลยแม้แต่นิดเดียว ยังดีที่มีชั้นหนังสือติดผนังเล็กๆอยู่ชั้นหนึ่ง ไม่ต้องเดาก็รู้ได้เลยว่าเป็นของใคร– ทันใดนั้นคิโยชิก็สังเกตว่ามีใครบางคนหายไปจากในห้อง เขาย่นคิ้วเล็กน้อยพร้อมสัญชาตญาณบางอย่างในตัวที่ร้องเตือนถึงภัยอันตราย

    “แล้วริโกะละ? ไปไหน”

    “ไปห้องครัวพร้อมกับของที่ซื้อมาแล้วล่ะครับ”

    “เห๊!!!”

     

    .

    .

    .

     

     

    อมีเรียเท้าคางมองอเล็กซ์ที่ไปนอนห้องคางามิด้วยแววตาเรียบเฉย เหมือนเธอจะไม่รู้สึกอะไรเลยกับท่าทางที่ไม่ทุกข์ร้อนของหญิงสาวต่างชาติคนนี้ ด้วยเพราะห้องนอนของคางามิไม่ได้ล็อคเลยทำให้เธอเข้าไปในห้องได้แถมยังเดินออกมาด้วยสภาพในชุดล่อแหลมอีกต่างหาก ก่อนที่เธอจะเลื่อนสายตาไปมองทีมเซย์รินแต่ละคนที่กำลังนั่งมองการมาของครูอเล็กซ์ นักบาสหญิงมืออาชีพที่วางมือจากการแข่งไปเนื่องด้วยอาการบาดเจ็บและปัญหาสุขภาพด้วยสีหน้านิ่งเฉยดังเดิม

    ก่อนหน้านี้สักประมาณค่อนคืนก่อนที่อเล็กซ์จะออกมาในสภาพแบบนี้

    ทุกคนต่างน็อคหมดสภาพกันหมดทุกคนไม่เว้นแม้แต่คางามิก็ด้วย สาเหตุก็มาจากอาหารของริโกะที่รสชาติถูกปากพวกเขาก็จริงแต่ของแต่ละอย่างที่ใส่ลงไปนั้นมันส่งผลให้พวกเขาสลบเหมือนแบบนี้ ยังดีที่อมีเรียไม่ได้ทานด้วยเธอก็เลยยังปลอดภัยดีอยู่ ก่อนที่เด็กสาวเรือนผมฟ้ามิ้นท์จะนำวัตถุดิบที่เหลือมาทำเป็นของหวานเก็บใส่ตู้เย็นไว้ แล้วเข้าไปหอบเอาผ้าห่มกับหมอนมาให้แต่ละคนที่นอนหมดสภาพเกลื่อนเต็มห้องไปหมด

    ถ้าปล่อยให้พวกเขานอนอยู่แบบนั้น..พอตื่นขึ้นมาคงได้ปวดคอกันอย่างแน่นอน

    ในฐานะที่เป็นผู้จัดการทีมแล้ว การดูแลสมาชิกทีมทุกคนคงจะถือได้ว่าเป็นหนึ่งในหน้าที่ของเธอเองเนี่ยแหละ

    ตอนที่เธอแวะเอากระเป๋าสัมภาระไปเก็บในห้องของคางามินั้น อมีเรียเลยสังเกตเห็นว่าอเล็กซ์กำลังนอนอยู่ในห้องคางามิด้วยสภาพที่เกือบจะเปลือย ตอนแรกเธอก็สงสัยว่าเจ้าหล่อนเป็นใครทำไมถึงได้มานอนในห้องของคนอื่นด้วยสภาพแบบนั้นกันนะแต่พอนึกทวนถึงรูปลักษณ์ของคนที่สอนบาสให้แก่คางามิแล้ว เธอก็รู้สึกว่าหญิงสาวต่างชาติคนนี้คลับคล้ายคลับคลาว่าเหมือนจะเป็นเจ้าหล่อน 

    เธอจึงไม่ได้พูดอะไรและก็ไม่ได้ปลุกหล่อนให้ตื่นด้วย นอกจากกลับห้องตัวเองไปอาบน้ำแต่งตัวให้สดชื่นขึ้นมาหน่อย แล้วจดจ่ออยู่กับการบันทึกทฤษฎีที่เข้ามาในหัวเพื่อหาความเป็นไปได้ในแต่ทฤษฎี แต่เหมือนเธอจะเขียนเพลินไปนิดบวกกับนั่งอ่านไดอารี่ทบทวนเรื่องราวและประวัติของอมีเรียเพลินไปหน่อย รู้ตัวอีกทีตอนเดินออกมาด้านนอกทุกคนก็สลบเหมือดไปกันหมดแล้ว 

    อมีเรียเลยต้องหอบหมอนและผ้าห่มมาให้พวกเขาพร้อมปรับแอร์และฮิสเตอร์ให้อุณหภูมิห้องมันพอดี

    ไม่หนาว ไม่ร้อนเกินไป..

     

    ร่างเล็กจัดท่านอนให้คุโรโกะที่หลับเหมือนเด็กน้อยด้วยความเอ็นดูแล้วจึงห่มผ้าให้เขาอย่างเบามือที่สุด พอละสายตาจากเงาแห่งเซย์รินได้แค่ครู่เดียว อมีเรียก็ต้องส่ายหน้ากับสภาพของคางามิที่ต่อให้เห็นสักกี่ทีก็ยังรู้สึกหนักใจขึ้นมาไม่น้อย  เพราะเขานั้นนอนอ้าปากพร้อมมีน้ำลายไหลย้อยออกมาตรงมุมปาก เธอพยายามไม่ส่งเสียงแล้วห่มผ้าให้ญาติหนุ่มพร้อมเช็ดน้ำลายและปิดปากของเขาที่กำลังอ้าอย่างเบามือ

    จนเมื่อทุกอย่างเข้าที่เข้าทางอย่างเหมาะสมแล้ว ร่างเล็กถึงได้ลุกขึ้นแล้วเดินย่องไปปิดไฟด้วยฝีเท้าที่เบาที่สุดเท่าที่ทำได้ ก่อนจะเดินออกจากห้องรับแขกกลับห้องนอนของเธอเพื่อไปจัดหาชุดสำหรับช่วงเช้าเตรียมไว้ให้พวกเขาทุกคน – คาดว่าน่าจะมีชุดอยู่นั่นแหละ เพราะชุดที่ว่าล้วนเป็นของขวัญที่เธอไปหาซื้อมาให้พวกเขาเองกับมือ

    ของขวัญขอโทษสำหรับช่วงที่ตัวตนอีกคนของเธอออกมาก่อปัญหา....

    และพอตื่นเช้ามาก็เป็นอย่างที่เห็น...อเล็กซ์จูบริโกะไปเสียแล้ว

    ในไดอารี่ของอมีเรียคนก่อนก็ได้จดบันทึกเอาไว้อยู่ในส่วนเรื่องราวของอเล็กซ์คนนี้อยู่บ้าง หญิงสาวผมบลอนด์ทองคนนี้มีนิสัยแปลกประหลาดอย่างหนึ่งคือ เธอชอบจูบคนไปทั่วโดยเฉพาะกับเด็กสาวที่จะชอบเป็นพิเศษ แต่ยังดีที่ผู้ชายที่นอกจากคนที่สนิทด้วยแล้วอเล็กซ์ก็ไม่ค่อยจับอีกฝ่ายมาจูบ – วัฒนธรรมต่างประเทศมันแตกต่างกับวัฒนธรรมของญี่ปุ่นอย่างชัดเจนเลยแหละ คนอื่นอาจจะตกใจแต่กับอมีเรียที่เป็นคนต่างชาติด้วยแล้ว 

    การจูบปากทักทายจึงไม่ใช่เรื่องแปลกใหม่แต่อย่างใด แต่มันก็นับว่าเป็นเรื่องแปลกใหม่สำหรับ

     

     

    พอช่วยดึงสติของแต่ละคนให้กลับคืนมาได้ คางามิก็เป็นฝ่ายช่วยอธิบายถึงนิสัยเสียบางอย่างของอาจารย์ตัวเอง โดยมีอมีเรียที่คอยไล่ให้ทุกคนทยอยกันไปอาบน้ำกันให้สดชื่นหลังจากตื่นนอนเสียหน่อย ส่วนเรื่องอาหารเช้าเธอก็ลุกมาเตรียมไว้ให้ตั้งแต่เช้ามืดแล้ว ขืนเธอให้ริโกะเป็นคนเตรียมอาหารเช้าหให้ทุกคนมีหวังการแข่งที่จะไปดูกันวันนี้คงได้ยกเลิกอย่างแน่นอน

    เมื่อจัดการเตรียมของทุกอย่างเอาไว้เสร็จสรรพแล้ว อมีเรียจึงได้กลับไปนอนต่อก่อนหน้าพวกเขาจะตื่นสัก 1 ชั่วโมงได้ พอเธองัวเงียตื่นออกมาก็เห็นภาพริโกะเสียจูบพอดิบพอดี

     

     

    “คุณอเล็กซ์คะ..บอกกี่ครั้งแล้วว่าอย่าไปจูบมั่วซั่ว”

    อมีเรียรัวภาษาอังกฤษสำเนียงเป๊ะใส่คนที่เธอเคยเจอสมัยเด็ก

    เธอหมายถึงอมีเรียคนเก่านะ ไม่ใช่ตัวเธอในตอนนี้ 

    อเล็กซ์ที่เห็นเด็กสาวตัวน้อยแสนคุ้นตาก็เตรียมโผเข้าไปกอดพร้อมริมฝีปากอวบอิ่มของหญิงสาวที่เตรียมตั้งท่าจูบ หากไม่ติดว่ามีลูกศิษย์ของตัวเองมาขวางเอาไว้เสียก่อน บางทีรายต่อไปที่จะถูกจูบคงไม่พ้นอมีเรียอย่างแน่นอน แถมเขายังโอบร่างเล็กของอมีเรียเสียแน่นราวกับว่าเป็นแม่งูหวงไข่อีกด้วย

    “อย่าเอาเชื้อแปลกๆมาติดมีเรียเชียวน่ะ!!” คางามิแห้วเสียงใส่ครูสาว

    อเล็กซ์ยู่ปากขัดใจกับความหวงญาติสาวของคางามิที่แม้จะโตแล้วก็ยังคงหวงไม่เปลี่ยน “ชิ! ทำเป็นหวงไปได้”

    “ก็เธอชอบสอนมีเรียในเรื่องแปลกๆนะสิ!!”

    คางามิเถียงสู้ทันทีพร้อมดันให้อมีเรียถอยกลับเข้าห้องของเธอไปซะ เพื่อให้ญาติสาวได้พักผ่อนบ้างหลังจากที่ต้องคอยดูแลลทุกคนอยู่ตลอด ยิ่งวันนี้เป็นวันหยุดไม่มีเรียนและไม่มีแข่งอีกด้วยมันเหมาะที่จะเป็นเวลาพักผ่อนของอมีเรียสุดแล้ว หรืออีกความหมายก็คือไปให้ห่างจากอาจารย์ของเขาที อมีเรียเองก็ให้ความร่วมมือแม้จะยังงุนงงว่าคางามิเป็นอะไร แต่ก็ไม่เอ่ยปากนอกจากเดินกลับเข้าห้องไปนอนต่อแต่โดยดี

     

    ตึง!

     

    “บอกกี่ครั้งว่าให้หัดปิดประตูล็อคห้อง!!” คางามิตามมาว๊ากพร้อมปิดประตูใส่กลอนให้เสร็จสรรพจนเสียงดึงปึงปังทำเอาอมีเรียหันไปขมวดคิ้วหน้ายุ่งใส่ประตูห้องแทบจะทันที

    แค่ลืมปิดประตูคางามิจะทำให้มันเป็นเรื่องใหญ่ทำไมกัน...

    อมีเรียหลับนานเพียงใดก็ไม่รู้ แต่พอเธอตื่นขึ้นมาอีกครั้งรอบด้านก็มืดสนิทเสียแล้ว..

    ร่างบางยังคงงัวเงียจากการที่เพิ่งจะตื่นนอนได้ไม่นาน แต่เธอก็ยังไม่คิดจะลุกจากเตียงในตอนนี้ ก่อนจะนอนต่อราวกับร่างกายนั้นโหยหาการนอนพักผ่อนมากที่สุด นอนปิดตาโดยที่หูและสมองยังคงคิดทบทวนเรื่องราวต่างๆไปด้วยจนเมื่อรับรู้ได้ว่าร่างกายของเธอในตอนนี้พร้อมที่จะขยับลุกออกจากเตียงแล้ว ทว่าก็เป็นการบุกเพื่อออกไปเพียงแค่หยิบน้ำมาจิบและทานผลไม้นิดหน่อยเท่านั้นเอง 

    เมื่อจัดการธุระส่วนตัวเสร็จแล้ว เด็กสาวจึงได้กลับเข้าห้องมานั่งรออาหารที่เพิ่งทานไปมันย่อยอยู่ชั่วครู่ อมีเรียก็จึงได้ล้มตัวลงนอนหลับต่ออีกครั้ง โดยมีคางามิที่จะแวะเข้ามาเปิดส่องดูอยู่บ่อยครั้งว่า ญาติสาวของเขาจะตื่นออกมาข้างนอกตอนไหน ก็ไม่ถือกับว่าบ่อยหรอก เขาแค่แวะมาส่องบ้างเป็นครั้งคราวในตอนเช้าและตอนเย็นเพื่อกันไม่ให้อเล็กซ์แอบไปทำอะไรอมีเรียลับหลังเขา

     

    เขาเปล่าหวงน่ะ!

     

    ยัยนั้นตอนเด็กอยู่กับอเล็กซ์ไม่ได้เด็ดขาด

    มันอันตรายเกินไป เพราะตั้งแต่เด็กอเล็กซ์ก็ชอบสอนอะไรแปลกๆให้อมีเรียอยู่ตลอด มีครั้งหนึ่งที่อเล็กซ์สอนให้อมีเรียทักทายพวกเขาด้วยจูบ ตอนนั้นเขาและทัตสึยะต่างก็พากันหน้าแดงจนแทบไม่อยากเข้าใกล้อมีเรียไปหลายวันเลย จนเจ้าตัวร้องไห้งอแงออกมา แถมยังหาว่าพวกเขารังเกียจเธออีกด้วย ทว่าในความเป็นจริงแล้ว พวกเขาแค่เขินกับรู้สึกอายเท่านั้นเองแหละ ต่อให้ยังเด็กอยู่แต่การที่ถูกจูบมันก็ไม่ใช่เรื่องที่ควรชินชาเนี่ยสิเลยทำให้พวกเขาไม่กล้าเข้าใกล้ญาติสาว

    พอเหตุการณ์นั้นผ่านไปอเล็กซ์ก็สอนให้อมีเรียไม่ต้องอายเวลาแก้เสื้อผ้า ร้อนถึงเขาวัยเด็กที่นอนห้องเดียวกับอมีเรียที่ต้องเจอกับปัญหานั้น กว่าจะคุมญาติสาวได้ว่าอะไรคือเรื่องที่ควรหรือไม่ควร

    เขาเกือบถูกพี่ชายใหญ่ฆ่าหมกส้วมอยู่หลายรอบ (ถึงพี่ชายใหญ่จะไม่ค่อยกลับบ้านก็เถอะ)

    นั่นเลยทำให้เขาระมัดระวังเป็นอย่างมากเวลาที่คนทั้งสองเจอกัน อมีเรียในวัยเด็กซื่อเกินไปแถมตอนนี้เองก็แทบจะไม่ต่างกันอีกต่างหาก ถึงจะฉลาดอย่างน่ากลัวในหลายเรื่องก็เถอะ – เด็กหนุ่มเรือนผมเพลิงเหล่มองอาจารย์ที่กำลังทำตัวเหมือนโรคจิตเข้าไปทุกทีด้วยแววตาเหนื่อยใจ ก่อนที่คางามิจะพุ่งเข้าไปลากคออเล็กซ์ออกจากบ้านไปฝึกท่ามกลางความไม่ยินยอมของหญิงสาวผมบลอนด์

    คางามิเริ่มฝึกพิเศษฉบับเร่งด่วนกับอเล็กซ์ได้เพียงแค่สองวันเท่านั้น เพราะเขามีแข่งต่อในวันถัดมา

     

     

     

    การแข่งในแมตส์แรก เป็นการแข่งที่อมีเรียต้องส่งยิ้มแห้งให้คุโรโกะผู้ถูกโค้ชมือลั่นตบจนใบหน้าขาวเนียนของเขามีรอยมือของรุ่นพี่สาวเด่นชัดขึ้นมา สาเหตุที่ถูกตบก็มาจากคำพูดของฮิวงะผู้เป็นกัปตันนั่นแหละที่ต้องการเรียกสติของทุกคนในทีมด้วยแรงตบของโค้ชสาวของพวกเขา ส่วนคุโรโกะแค่ผลพลอยได้หรือที่เรียกว่า ‘ถูกลูกหลง’ นั่นแหละ 

    ซิกแมนหนุ่มผู้โดนตบหันหน้ามาทางอมีเรียที่กำลังนั่งตรวจเช็คข้าวของอยู่พร้อมชี้ให้เห็นรอยแดงที่ว่านั้น อมีเรียถึงกับตาโตไปชั่วขณะก่อนจะหันไปมองรุ่นพี่สาวครู่หนึ่งแล้วพอย้ายสายตากลับมาที่คนฟ้อง เขาก็ทำหน้าเหมือนหมาหงอยมาอ้อนเธออย่างน่ารักเสียแล้ว คราวนี้ผู้จัดการสาวถึงกับต้องรีบหันไปตำหนิรุ่นพี่สาวอย่างช่วยไม่ได้

    แล้วช่วยทายากันใบหน้าเนียนนุ่มของเขาไม่ให้มีรอยช้ำบนใบหน้า – ริโกะแรงเยอะนิน่า ดูสิแค่ตบนิดเดียวหน้าของทุกคนมีรอยมือชัดเจนเลย ถึงจะเข้าใจก็เถอะว่าเป็นตบเพื่อเรียกสติของพวกเขาทุกคนที่เกิดตื่นสนามกันขึ้นมา ทว่าหน้าคุโรโกะตอนที่มาฟ้องเธอว่าโดนตบ มันเหมือนเด็กน้อยจริงๆนะ 

    ดีที่โค้ชยั้งมือทัน ไม่อย่างงั้นเธอที่เป็นผู้จัดการทีมอาจจะโดนตบไปด้วย

    ถึงจะบอกแบบนั้นแต่ถ้าเธอโดนตบขึ้นมา มันคงจะหน้าชาแบบแปลกๆ

    เพราะอมีเรียไม่เคยโดนใครตบหน้ามาก่อนเลย หรืออาจจะเคยมีแต่ตัวเธอจดจำมันไม่ได้เองมากกว่า ทว่านั้นก็เป็นเรื่องในอดีตไปแล้วสำหรับเด็กสาว เพียงแค่กระพริบเท่านั้นอมีเรียก็ลืมเลือนความรู้สึกพวกนั้นไปจนหมดสิ้นก่อนที่เธอจะช่วยทายาให้กับคุโรโกะ แต่เธอก็ไม่ได้ทาให้แค่เขาคนเดียวหรอกนะเพราะญาติหนุ่มที่ทำหน้านิ่งมองการแข่งอยู่หันมาขึงตาใส่เธอ

    อมีเรียเลยต้องทำหน้ามึนไปทายาให้คางามิด้วย

    แม้เจ้าตัวอย่างคางามิจะหน้าแดงปฏิเสธการทายาที่ใบหน้าก็เถอะ...แล้วเขาขึงตาใส่เธอทำไมนะ?

     

     

     

     

    การแข่งดำเนินต่อไปเรื่อยๆ พร้อมกับโรงเรียนที่ผ่านเข้ารอบโดยมีตัวหลักคือโรงเรียนที่มีรุ่นปาฏิหาริย์ พวกเขาทุกคนล้วนต่างก็มีฝีมือน่ากลัวกันทั้งนั้นจนกระทั่งใกล้ถึงเวลาการแข่งรอบสุดท้ายของวันที่ 4 เป็นการแข่งระหว่างโรงเรียนเซย์รินกับโรงเรียนโยเซ็น..ดีที่อมีเรียช่วยหาข้อมูลมาให้พวกเขาอย่างละเอียดพร้อมความสามารถ จุดแข็ง จุดอ่อน ที่จะละเอียดหน่อยคงเป็นความสามารถของทัตสึยะละนะ 

    แต่มันก็ไม่น่าแปลกใจสำหรับสมาชิกทีมบาสเซย์รินทั้งหลาย ด้วยเพราะรู้แล้วว่า อมีเรียกับทัตสึยะเป็นพี่น้องร่วมสาบานเหมือนๆกับคางามิ เรื่องข้อมูลเธอเลยสืบมาค่อนข้างละเอียดทำเอาคางามิแอบขนลุกว่าที่ไม่หลับไม่นอนก่อนการแข่งวินเทอร์คัพ แถมยังตามโทรจี้เขาทุกเช้านี่คงมาจากไปหาข้อมูลมาสินะ– นับถือการสืบข้อมูลมาจริงๆ..อย่างกับหน่วยลับเลย ถ้าไม่ติดว่าเป็นญาติบางทีเขาอาจจะเริ่มระแวงว่ามีใครปลอมตัวมาเป็นญาติของเขารึเปล่า..?

    อมีเรียที่แอบดอดมาดูการแข่งของโยเซ็นก็แอบผวานิดหน่อย เพราะพวกเขาน่ากลัวจริงๆ 

    ตอนนี้เธอกำลังเดินคุยกับอเล็กซ์เรื่องการเป็นผู้จัดการและถามสารทุกข์สุขดิบว่าเป็นยังไงบ้าง แม้จะสงสัยว่าคางามิกันเธอออกห่างจากอเล็กซ์ทำไมก็เถอะ ทั้งๆที่อเล็กซ์มีบุคลิกคล้ายพี่สาวผู้เห่อน้องสาวจะตาย แถมยังค่อนข้างมีบางอย่างที่เหมือนกับแอมอีกด้วย – พวกเธอเดินคุยกันไปได้สักพักก็ดันมาจ๊ะเอ๋กับทีมโยเซ็นที่อยู่ในช่วงเวลาพัก

     

    “ทัตสึยะ คิดถึงจังเลย!”

    อเล็กซ์คือคนแรกที่เข้าไปกอดคอทักทายทัตสึยะอย่างร่าเริง ส่วนอมีเรียก็เพียงแค่ส่งยิ้มให้กับเขาเท่านั้นก่อนจะเดินเข้าไปทักทายอย่างคนรู้จักที่ไม่ได้เจอกันนาน ที่จริงก็ไม่ได้เจอกันนานจริงๆนั้นแหละ แต่พอเธอเดินจะเข้าไปใกล้ทัตสึยะมุราซากิบาระที่ไม่รู้เข้ามาประชิดตัวเธอตั้งแต่เมื่อไหร่ดันจับแขนรั้งเอาไว้เสียก่อน

    หมับ!

    “....” 

    ประกายสงสัยภายในนัยน์ตาสองสีพาดผ่านอย่างชัดเจนจนชายผู้รั้งตัวเด็กสาวรู้สึกคันยุกยิกแปลกๆ

    อมีเรียไม่ได้เอ่ยปากพูดอะไรเพียงแค่หรี่ตาลงยามมองมือใหญ่ของเขาที่กำลังรวบแขนของเธอเสียจนมิด ก่อนจะหันไปขอความช่วยเหลือจากอเล็กซ์ แต่ก็ต้องอ้าปากเหวออย่างเสียกิริยาเล็กน้อยเมื่อทั้งอเล็กซ์และทัตสึยะดันไม่เห็นเธอในสายตาเสียแล้ว.. ทั้งสองทักทายตามประสาศิษย์อาจารย์แต่ดูคงมีแค่ทัตสึยะเท่านั้นที่ไม่โดนอเล็กซ์จูบ ทักทายกันพอหอมปากหอมคอก่อนจะแยกออกไปคุยกันสองคนที่อื่น ทีมโยเซ็นก็อยู่ในสภาพเหวอเพราะเพื่อนร่วมทีมควงสาวเดินหายไป 

    แต่คนที่ออกอาการมากสุดก็คงจะเป็นอมีเรียผู้ถูดทอดทิ้งเอาไว้เบื้องหลังมากกว่า

    “....”

    นัยน์ตาสองสีมองคนทั้งสองที่เดินหายไปด้วยกันจนลับตา อมีเรียชักเริ่มสงสัยขึ้นมาแล้วว่า...

    เธอถูกเมินแบบไร้ตัวตนอย่างคุโรโกะใช่มั้ย?

    “...มาสเมลโล่ อยากกินขนม” 

    มุราซากิบาระมองเด็กสาวที่ตัวเล็กกว่าตัวเองอยู่มากด้วยแววตาออดอ้อน ตอนนี้ขนมในมือของเขาหมดแล้วแถมยังมาเจอเธออีก เขายิ่งอยากไปซื้อห่อใหม่มาแทนที่ซองที่อยู่ในมือ เขาเองก็ไม่อยากเอาห่อที่ขนมหมดแล้วส่งให้เธอเหมือนครั้งก่อน มันนับว่าเป็นเรื่องน่าอายตอนที่เขาเล่าให้ทัตสึยะฟัง เขาโดนดุไปชุดใหญ่เลย

    “มาสเมลโล่?...อ่ะ! เธอเป็นใคร”

    และดูเหมือนจะเพิ่งมีคนสังเกตเห็นตัวตนของเธอด้วยการทักทายของมุราซากิบาระ

    “ไม่ใช่มาสเมลโล่ค่ะ” อมีเรียดุมุราซากิบาระไปทีหนึ่งอย่างไม่จริงจัง แล้วจึงหันไปทักทายคนที่ตาตี๋เหมือนลูกครึ่งจีน “สวัสดีค่ะ ดิฉันอมีเรีย เกรซ คาร์เชล เป็นน้องสาวของทัตสึยะค่ะ”

    “อ่อ....”

    “....”

     

    ห๊ะ!!

     

    และเธอก็ถูกทีมโยเซ็นลากคอไปห้องพักของพวกเขาที่อยู่ไม่ไกลจากสนามแข่งเพื่อเค้นคอถามเรื่องความสัมพันธ์พี่น้องระหว่างเธอกับทัตสึยะ อะไร..การที่ทัตสึยะมีน้องสาวมันเป็นเรื่องผิดปกติงั้นหรอ?..แต่เรื่องที่พวกเขาลากเธอไปโน้นนี่ตามใจมันไม่ผิดปกติกว่ารึไง!!

    เธอคิดว่าทีมโยเซ็นจะปกติแล้วนะ...นี่มันพอๆกับทีมเซย์รินและโทวโอเลย – พวกบ้าไม่มีลิมิต

     

    .

    .

    .

    .

     

     

    แล้วไหงมาจบลงแบบนี้... 

    อมีเรียคิดวนไปมาอย่างไม่เข้าใจจริงๆ สถานการณ์ของเธอในตอนนี้จะบอกว่าลำบากก็ไม่เชิง ตามอารมณ์ไม่ทันก็ไม่ใช่ แต่ที่โดดเด่นหน่อยก็คงจะเป็นความสงสัยมากกว่า – พวกเขาคิดอะไรกันอยู่ถึงได้ลงความเห็นให้กำแพงม่วงร่างยักษ์พาเธอมายังที่พักของพวกเขาแบบนี้ แต่ถึงกระนั่นอมีเรียก็ไม่ได้ปริปากพูดอะไรนอกจากนั่งอยู่บนตักของมุราซากิบาระโดยมีเขาที่กอดเอวเธอไว้หลวมๆพร้อมกับป้อนขนมให้ด้วย

    ถึงแววตาของคนถูกโอบกอดจะไร้อารมณ์เสียจนคนที่กำลังแอบเหลือบมองอยู่ยังต้องหลบตา

    ผู้ชายทีมโยเซ็นคนอื่นๆต่างก็มองภาพนั้นด้วยสายตาไม่อยากจะเชื่อ คนที่ไม่อยากจะเชื่อคือเธอต่างหาก! – ตอนที่โดนลากมาที่นี่เธอค้านแล้วค้านอีก พร้อมยังบอกพวกเขาเป็นรอบที่ร้อยแล้วว่าเธอมีธุระต่อแต่ก็ยังลากคอเธอมาฟังแผนการรับมือเซย์ริน แต่จะบอกว่าลากมันก็ไม่ถูกสักเท่าไหร่เพราะเธอถูกมุราซากิบาระอุ้มพาดบ่ามาต่างหาก

    จะบอกว่าประมาทหรือต้องการเอาเธอมาเค้นข้อมูลเซย์รินกันแน่?

    อมีเรียไม่เข้าใจจริงๆ แต่ปากก็ยังอ้างับขนมที่มุราซากิบาระป้อนให้ ตาก็มองโค้ชสาวของโยเซ็นที่กำลังอธิบายแผนการแล้วก็มีคนสังเกตเห็นว่าเธอไม่ควรอยู่ที่นี่ซะที ไม่ใช่ใครที่ไหน ทัตสึยะนั้นเอง..

    “อมีเรีย?...มาอยู่ที่นี่ได้ไง!!”

    ทัตสึยะผู้ซึ่งกลับมาจากข้างนอกปรีเข้ามาดึงร่างเล็กของอมีเรียออกจากอ้อมแขนของมุราซากิบาระแทบจะทันทีที่เห็น เขากอดร่างเล็กแน่นราวกับหวงแหนมากกว่าสิ่งใด ก่อนจะกวาดสายตามองว่าใครคือคนต้นคิดที่ให้พาร่างเล็กมาที่นี่ แม้อมีเรียจะเป็นผู้จัดการของเซย์รินแต่เธอเป็นผู้หญิงน่ะ! เพียงแค่คิดแววตาของเขาก็ยิ่งมืดครึ้มมากยิ่งขึ้นจนหลายคนชะงักกิจกรรมของตัวเองในทันที

    ในขณะเดียวกันนั้นอมีเรียก็โครงหัวไปมาเพื่อทวนความจำของตนเองว่าตอนนี้มันอยู่ในสถานการณ์แบบไหน...?

    “ใจเย็นๆ..ฉันเป็นคนบอกให้พาเธอมาเองแหละ” โค้ชสาวรีบห้ามปรามทันทีก่อนที่จะมีการทะเลาะกันเกิดขึ้น แต่เธอก็ต้องสะดุ้งเมื่อลูกทีมหนุ่มหันมามองด้วยแววตาเย็นเฉียบ

    “โค้ช มีเรียคือคนสำคัญของผม – โค้ชคิดอะไรอยู่” น้ำเสียงที่เคยเรียบนุ่มพลันแข็งกระด้างขึ้นมา ตอนนี้ทัตสึยะไม่พอใจจริงๆ “ถึงมีเรียจะเป็นผู้จัดการทีมเซย์ริน แต่เราไม่จำเป็นต้องพาเธอมาแบบนี้ และที่สำคัญเลย..”

    “...”

    “มีเรียเขาร่างกายอ่อนแอมาตั้งแต่เด็ก ถ้าเกิดเธอไม่สบายผมจะไม่ให้อภัยทุกคนเลย!”

    “พี่ทัตสึ..เราไม่ได้อ่อนแอแบบนั้นซะหน่อย” อมีเรียขมวดคิ้วกับความหวงของทัตสึยะที่ไม่ต่างจากไทกะสักเท่าไหร่ – เด็กสาวเงยหน้ามองพี่ชายร่วมสาบานที่สูงแทบจะพอๆกับคางามิ แล้วจิ้มคางเขาเพื่อสะกิดให้เขารู้ตัวว่าตอนนี้เขากำลังกอดเธอแน่นจนแทบหายใจไม่ออกแล้ว

    จึก จึก 

    “...โทษทีมีเรีย” 

    ทัตสึยะที่โกรธจนคุมตัวเองเกือบไม่อยู่รีบคลายอ้อมแขนทันที ปล่อยให้ร่างบางที่ทำหน้ามึนกะพริบตามองเขาก่อนที่สาวเจ้าจะเดินจูงมือเขาออกจากห้องพักโยเซ็นไปท่ามกลางสายตาของสมาชิกทีมโยเซ็นทั้งหลาย โดยเฉพาะกับสายตาของมุราซากิบาระที่จ้องมองเธอเป็นพิเศษ – เธออยากกลับบ้านแล้ว..ไม่รู้ว่าไทกะจะรู้ตัวว่าเธอหายไปรึเปล่า แต่คงไม่เพราะอเล็กซ์น่าจะไปบอกแล้วล่ะหรืออาจจะหลับเป็นตายจากการซ้อมไปแล้วละมั้ง

    ตลอดทางที่เดินกลับบ้านอมีเรียคิดไม่ตกเลยว่า ทำไมทัตสึยะถึงโมโหนะ...แค่เธอต้องไปคลำทางเดินกลับคอนโดเองบวกกับอากาศที่เริ่มเย็นและชุดที่เธอใส่อยู่ตอนนี้ก็ยังไม่ถือกับว่าหนาอย่างที่ควรจะเป็น ว่าไปนั้นแหละ ตามจริงอมีเรียก็รู้แหละว่าทัตสึยะเป็นห่วงเพราะอะไร 

    แต่ถึงกระนั่น... ความจริงที่ว่าเธอไม่ใช่อมีเรียที่พวกเขารู้จักมันก็ยังเด่นหราอยู่

    ถ้าเขารู้ว่าเธอไม่ใช่จะยังห่วงและหวงเธอแบบนี้รึเปล่านะ...?

     

     

    .

    .

    .

    .

    .

     

     

    หลังจากที่ทัตสึยะที่ค่อนข้างโมโหหนักจากการกระทำเอาแต่ใจของคนในทีม เขาก็พาอมีเรียไปส่งถึงหน้าคอนโดทันทีแถมยังเสียสละเสื้อโค้ดตัวใหญ่ให้เธอใส่เพื่อเพิ่มความอุ่นให้ร่างกายด้วย การกระทำที่เอาใจใส่อย่างเป็นธรรมชาติของทัตสึยะ อมีเรียเองก็อดคิดไม่ได้ว่า ทัตสึยะดูคล้ายพี่ชายจริงๆต่างจากคางามิ ที่เธอรู้สึกเหมือนมีน้องชายมากกว่า – ร่างเล็กในชุดโค้ดตัวใหญ่ชูมือลาก่อนหันหลังเดินเข้าคอนโดไปอย่างทุลักทุเล

    เพราะขนาดชุดที่แทบจะมิดหัวเธออยู่แล้ว โดยมีสายตาทัตสึยะที่มองภาพนั้นอย่างขบขันพร้อมกับกดชัตเตอร์ถ่ายเก็บไว้ ถึงจะน่าโมโหแต่เขาก็ได้เห็นมุมนี้ที่ไม่ได้เห็นเสียนาน...

    อมีเรียยังคงตัวเล็กกว่าเขาเหมือนเดิม น่ารัก

     

    และแล้วเวลาแข่งของเซย์รินกับโยเซ็นก็มาถึงเสียที...

    อมีเรียมองคางามิที่ดูนิ่งกว่าทุกวันด้วยความสงสัยแต่ก็ไม่ได้เอ่ยอะไรออกไป พอหันกลับมามองคุโรโกะที่ดูจะเปลี่ยนไปจากสองวันก่อนอยู่เล็กน้อย พอเงยหน้าขึ้นไปมองไปทางอัฒจรรย์ที่อเล็กซ์คงกำลังไปหามุมดีๆนั่งเพื่อชมการแข่งอยู่อย่างแน่นอน กวาดสายตามองสำรวจอยู่ครู่จึงสังเกตเห็นคุณครูสาวผู้สอนบาสของญาติหนุ่มนั่งเด่นหลาด้วยเรือนผมสีบลอนด์และหน้าตาแบบชาวตะวันตกชัดเจน

    เป็นคนที่ไม่ว่าจะอยู่ท่ามกลางฝูงชนยังไงก็เด่นสง่าออกมาได้

    ถึงจะมองไม่เห็นใบหน้าด้วยโรคประจำตัวแต่อย่างน้อยก็ได้เห็นเรือนผมเก่นสง่าของหญิงสาว

    เมื่อเก็บสายตากลับมามองฝั่งโยเซ็นอีกครั้ง ผู้จัดการเซย์รินคนเก่งก็เห็นเหล่านักกีฬามาเตรียมพร้อมกันทุกคนแล้ว เธอจึงได้หันกลับมามองทีมตัวเองว่าพวกเขานั้นพร้อมสำหรับการแข่งรึเปล่า ก่อนจะหยิบหน้ากากอนามัยขึ้นมาสวม เนื่องจากเมื่อคืนเธอนั้นถูกพาไปไหนมาไหนตามใจชอบของโยเซ็นเลยมีอาการหวัดนิดหน่อย แต่แน่นอนว่าเธอจะไม่กินยาเด็ดขาด!!!

    ตอนแรกก็มองสำรวจการเตรียมความพร้อมของแต่ละคนจนกระทั่งอมีเรียสังเกตถึงความแตกต่างระหว่างสองทีม

    นัยน์ตาสองสีของผู้จัดการสาวกวาดสายตามองขึ้นลงสำรวจระหว่างส่วนสูงที่ต่างกันของเซย์รินกับโยเซ็น ริมฝีปากบางเม้มเข้าหากันเพื่อกลั้นเสียงขำที่เกือบจะหลุดออกมา ไม่รู้ทำไมเธอถึงได้นึกภาพตัวเองเวลาเดินอยู่ท่ามกลางสมาชิกทีมบาสเซย์รินก่อนหน้านั้นกันนะ เพียงแต่สถานการณ์ในตอนนี้แตกต่างกันก็เท่านั้นเอง 

    หวังว่ารุ่นพี่จะช่วยเข้าใจเรื่องความสูงของเธอเสียที เธอน่ะโดนข่มมานานเหลือเกิน อมีเรียเม้มปากแน่นพลางกลั้นขำจนไหล่สั่น นั่งรอไม่นานเวลาเริ่มการแข่งขันก็มาถึงพร้อมกับเสียงนกหวีดสัญญาณที่ดังขึ้น

     

    ปรี๊ดด!

     

    เพียงแค่เริ่มเกมโยเซ็นก็เป็นฝ่ายได้บอลก่อน แต่ดันมีปัญหาเรื่องส่วนสูงของมุราซากิบาระซะได้

    เนื่องจากส่วนสูงของมุราซากิบาระนั้นเกินมาตรฐานทั่วไปสำหรับเด็กหนุ่มวัย 15 – 20 ปี เวลาโดดมันเลยสูงเกินไปจนมันผิดกติกาอย่างที่เห็นเมื่อกี้นั่นแหละ ในตอนแรกอมีเรียก็แอบคิดว่าส่วนสูงที่เกินมาตรฐานแบบนั้นจะมีปัญหาในตอนเล่นรึเปล่า และมันก็กำลังเป็นปัญหาอยู่ในตอนนี้เหมือนกับว่าอีกฝ่ายตั้งใจจะข่มเลยแหละ

    เป็นปัญหาจริงๆด้วยในเรื่องส่วนสูงที่ต่างกันเป็นเท่าตัวของโยเซ็นโดนเฉพาะเซนเตอร์อย่างมุราซากิบาระ

    เพียงแค่เหยียดแขนขึ้นเหนือหัวเท่านั้น เขาก็สามารถตบลูกชู้ตและบล็อกได้อย่างง่ายดาย ไหนจะความเร็วที่ขัดกับรูปร่างที่สูงใหญ่ของเขา มันจึงเป็นปัญหาไม่น้อยกับการที่จะบุกเข้าไปทำแต้มซึ่งเป็น – อมีเรียสะดุ้งเมื่อรับรู้ถึงสายตาของตัวสำรองที่มองมาทางเธอราวกับกำลังคาดหวังอะไรบางอย่าง

    “อะไรคะ?...เราเองก็ยังวิเคราะห์ไม่ได้ค่ะว่าจะใช้แผนการไหนมารับมือ – พวกเขาเน้นการป้องกันเป็นหลักค่ะ” 

    อมีเรียพูดจบได้ไม่นานก็เป็นเวลาเดียวกับโยเซ็นทำแต้มแรกไปได้อย่างง่ายดาย โดยที่แม้แต่ฝ่ายเซย์รินก็ยังไล่ตามมาเพื่อป้องกันกันแทบไม่ทัน เมื่อเป็นฝ่ายเซย์รินที่จะต้องขึ้นบุกแม้จะพยายามบุกเข้าไปสักเท่าไหรแต่การป้องกันของโยเซ็นกลับแน่นหนายิ่งกว่า จนยังไม่สามารถหาโอกาสทำคะแนนกลับคืนมาได้เลย

    จะบอกว่ายังไม่วิเคราะห์ก็ไม่ได้..ถ้าบอกให้ถูกก็คือ เธอกำลังรอเวลาของอะไรบางอย่างในตัวคางามิต่างหาก 

    แรงจูงใจละมั้ง...? รึบางทีก็คงจะเป็นกำลังใจของพวกเขา

    ในควอเตอร์แรกเพียงแค่เริ่มได้ไม่นาน เซย์รินก็ถูกทำคะแนนนำไปได้ 18 ต่อ 0 มันช่างเป็นตัวเลขที่บอกได้อย่างเดียวว่า เสี่ยงไม่น้อยที่จะแพ้อย่างง่ายดายถ้าไม่วางแผนโต้กลับให้ดี อมีเรียยังไม่ได้บอกแผนการรับมือใดๆให้กับริโกะ เนื่องด้วยเธอนั้นยังต้องการที่จะเห็นคะแนนความสามารถของทีมโยเซ็นให้มากกว่านี้

    ยิ่งเป็นฝีมือของมุราซากิบาระยิ่งแล้วใหญ่

    ทันทีที่เริ่มแข่งต่อ เซย์รินก็ถูกบล๊อคอย่างสมบูรณ์จนไม่สามารถขยับไปไหนได้เลย เมื่อมีโอกาสที่จะเข้าไปทำคะแนนก็ถูกบล๊อคด้วยฝีมือของมุราซากิบาระอีกครั้งทว่าเซย์รินยังมีไพ่ตายอีกหนึ่ง ซึ่งไพ่ตายที่ว่าก็เป็นคุโรโกะที่เสนอตัวลองเสี่ยงดูกับแผนการของเขาเองโดยมีอมีเรียพยักหน้าเห็นด้วยที่จะลองให้เขาเสี่ยงลองดู

    ยังไงเธอก็ยังไม่สามารถบอกแผนการรับมือได้ในตอนนี้ เพราะงั้นให้คุโรโกะเสี่ยงสักหน่อยก็คงจะดี

    และเมื่อไพ่ตายของเซย์รินเผยขึ้นมามันก็เป็นลูกชู้ตที่สร้างคะแนนให้เซย์ริน แถมยังสร้างความตกตะลึงให้แก่คนในสนามและนอกสนามไปเสี้ยววินาที -- อมีเรียที่ไม่ได้คาดการณ์เรื่องนี้ไว้ล่วงหน้ากระตุกยิ้มถูกใจกับการเปลี่ยนแปลงในสนามก่อนจะใช้ปากกาขีดฆ่าแบบแผนที่สามที่เธอเพิ่งจะวิเคราะห์มันออกได้ แล้วทำการวงกลมแบบแผนใหม่ที่เพิ่งวิเคราะห์ในตอนที่คุโรโกะเสนอตัว 

    มันคือแบบแผนที่มีความเป็นไปได้ที่เซย์รินจะทำแต้มในระหว่างที่คุโรโกะอยู่ในสนาม

    ย้ำว่าเฉพาะในตอนที่คุโรโกะอยู่ในสนามนั่นแหละนะ....

    อมีเรียส่งแบบแผนนั้นให้ริโกะไปพลิกแพลงมันต่อ แล้วกลับมานั่งวิเคราะห์แบบแผนต่อไปตามความสามารถของทุกคน โดยเน้นดึงความสามารถเขาออกมาเป็นหลัก ในขณะที่ในสนามกำลังกำลังดำเนินต่อไปได้ด้วยคุโรโกะที่ช่วยกู้สถานการณ์ของเกมฝั่งเซย์รินให้คืนกลับมามีโอกาสพลิกทำแต้มได้ แต่ดูท่าคางามิจะไม่ไหวกับการที่เขาต้องทำหน้าที่เซนเตอร์ด้วยอารมณ์ของตัวเองที่เริ่มร้อนขึ้น

    ด้วยนิสัยเดิมที่ของคางามิก็เป็นคนใจร้อนเป็นทุนเดิมอยู่แล้วด้วย

    “...ไทกะดูท่าจะเริ่มหัวร้อนแล้วค่ะ” อมีเรียกะพริบตาอีกที ภาพที่เพิ่งเห็นก่อนหน้าก็เปลี่ยนไปอีกรอบ “โอ๊ะ..หายใจร้อนแล้วละ” เด็กสาวพ่นลมหายใจออกมาด้วยความโล่งอกเล็กน้อยก่อนจะกลับไปสนใจการวิเคราะห์เกมเพื่อหาแผนการมาเพื่อพลิกเกมให้เซย์รินเป็นฝ่ายชนะ

    “...”

    ริโกะที่นั่งอยู่ข้างรุ่นน้องสาวเหล่มองเล็กน้อยก่อนหันกลับไปสนใจการแข่งต่อ

    จนกระทั่งจบควอเตอร์แรก เซย์รินก็ทำสกอคะแนนตามโยเซ็นได้ 29 ต่อ 17 

    ร่างเล็กของผู้จัดการสาวลุกออกเพื่อตรงไปจัดเตรียมของเพื่อมาให้นักกีฬาตัวจริงทั้งห้าคน อมีเรียเสิร์ฟน้ำให้พวกเขาดื่มดับแก้กระหายตามด้วยผ้าขนหนูให้แก่ทุกคน แล้วส่งแบบแผนที่คาดว่าน่าจะเหมาะสมให้กับริโกะเพื่อให้โค้ชสาวนำไปวิเคราะห์และพลิกแพลงมันตามเหมาะสม – แม้จะเดาได้อยู่แล้วก็เถอะว่าพี่น้องร่วมสาบานจะต้องมาปะทะกัน.. แต่มันก็ไวไปนิดละนะ

    อมีเรียมองทั้งคิโยชิและคางามิที่ต้องรับมือกันกับตัวปัญหาของทีมฝั่งนั้น แต่สีหน้าของทั้งสองคนกลับแต่งต่างกันอย่างเห็นได้ชัดโดยเฉพาะกับคิโยชิที่พอรับน้ำจากเธอก็ยิ้มไม่หุบเสียที พอส่งแบบแผนการวางตำแหน่งของอีกทีมให้กับริโกะไปแล้วเพื่อเตือนว่าอีกฝ่ายน่าจะเดาทางของฝั่งเราออก ริโกะเลยไม่แปลกใจเท่าไหร่กับการที่โดนเดาทางออก 

    เพราะถูกอมีเรียเดาทางได้เหมือนกัน..แถมยังมีแผนรับมือพวกเขาอีกเพียบ

    หึ หึ ยัยป้าถึงจะเดาออกแต่เดาใจสมองของทีมไม่ออกหรอกป้า ริโกะคิดก่อนจะหน้าเหวอเมื่อโค้ชฝั่งโยเซ็นหันมาถลึงตาใส่เธอแบบพอดิบพอดีกับความคิดเมื่อสักครู่ โค้ชสาวเบิกตาตกใจเล็กน้อยก่อนรีบหลบสายตา รึว่า..จะได้ยินที่คิดในใจอ่ะ..ยัยป้า

     

    การแข่งที่มีสายสัมพันธ์เป็นเดิมพัน คือ การแข่งที่อมีเรียไม่ค่อยชอบอยู่พอสมควร อาจเป็นเพราะใกล้ชิดมากเกินไปจนเริ่มถล่ำลึกเลยเผลอปล่อยใจและอารมณ์ของตนเองไปเองเหมือนในตอนนี้

    นี่เธอยังเป็นนักวิจัยคนนั้นอยู่เหรอ...? 

    คนที่ไม่สนใจคนอื่นคนนั้นนะ...?

     

    นัยน์ตาสองสีหลุบตามองสมุดไดอารี่ในมือที่บันทึกความสัมพันธ์ระหว่างอมีเรียกับทั้งสองหนุ่มชัดเจนแถมยังละเอียดอีกด้วย ไม่ต้องบอกก็รู้ว่าเจ้าของสมุดไดอารี่นี้ให้ความสำคัญกับสายสัมพันธ์ระหว่างพี่น้องร่วมสาบานมากแค่ไหน – ตัวสร้อยสีเงินที่ห้อยแหวนวงนั้นก็เป็นสร้อยที่อมีเรียเลือกซื้อให้พวกเขาในวัยเด็ก หากพวกเขาคิดจะทิ้งของสำคัญแบบนั้นทำไมถึงไม่คิดถึงความรู้สึกของอีกคนที่เป็นกลางให้กับสายสัมพันธ์นี้

    อาจเพราะเธอเคยคิดที่จะมีครอบครัวละมั้ง พอได้มีแม้จะชั่วคราวแต่ก็อยากรักษาเอาไว้ให้ได้

    เด็กสาวเรือนผมสีฟ้ามิ้นท์นั่งเท้าคางมองฝ่ายเซย์รินที่ทำคะแนนเรื่อยๆจนสามารถตีเสมอได้ในเวลาต่อมา จนกระทั่งฝั่งโยเซ็นเป็นฝ่ายขอเวลานอกก่อน อมีเรียจึงได้มอบแบบแผนใหม่ส่งให้ริโกะและคนในทีมไปอ่านวิเคราะห์เพื่อหาทางปรับใช้กับทริคของตัวเองเพื่อที่จะได้ทำคะแนน – อมีเรียแจกอยู่สักพักก่อนจะชะงักเมื่อได้ยินสิ่งที่คางามิพูด

    “คุโรโกะ..ฝากนี่ไปทิ้งทีสิ”

    “เห?”

    “...”

    “จะดีหรอครับ?”

    “...”

    เธอมองสร้อยในมือคุโรโกะแล้วหันมามองหน้าที่กำลังเคร่งขรึมของคางามิ เรียวปากบางเม้มแน่นกับการกระทำที่เอาแต่ใจของพวกเขาทั้งๆที่เหมือนให้ความสำคัญกับเธอมาก แต่ก็ยังจะทิ้งสร้อยคอที่มีสายสัมพันธ์ของอมีเรียรวมอยู่ด้วยได้อย่างง่ายดายงั้นเหรอ?! เริ่มแรกก็เม้มปากแน่นแต่เมื่อเห็นสีหน้าของทั้งสองคนแล้วเธอก็เผลอกัดปากจนเลือดซึมออก

    เธอเป็นอะไร...ทำไมถึงรู้สึกแบบนี้ละ..

    อมีเรียเริ่มจะไม่เข้าใจกับความรู้สึกแปลกประหลาดนี้แล้ว ก่อนเธอจะหายใจเข้าลึกๆเพื่อดึงสติของตัวเองให้กลับคืนมา แล้วร่างบอบจึงได้เดินไปขอสร้อยคืนจากคุโรโกะเมื่อคางามิลงสนามไปแล้ว คุโรโกะเองก็ยอมมอบสร้อยให้เธออย่างง่ายดายแม้เขาจะมีสีหน้าประหลาดใจตอนที่เห็นเธอขอสร้อยเส้นนี้

    ไม่สิ สีหน้าของคุโรโกะคือตกใจต่างหาก – หน้าของเรามันแสดงอารมณ์อะไรออกไปกันน่ะ...

     

    .

    .

    .

    .

     

    อมีเรียสวมสร้อยคอของคางามิไว้บนลำคอขาวเนียนของเธอ ตัวสร้อยและแหวนเป็นสีเงินทั้งคู่แถมคางามิก็ดูแลอย่างดีมาโดยตลอดเลยทำให้เมื่อมันถูกสวมลงบนคอของอมีเรีย มันจึงเข้าคู่กันอย่างลงตัวจนน่าตกใจต่างจากคุโรโกะที่ดูจะไม่ชอบใจสักเท่าไหร่กับการที่อมีเรียสวมสร้อยของคางามิแบบนั้น แต่เมื่อเจ้าของนัยน์ตาสองสีหันไปมองใบหน้ามึนงงของคุโรโกะ เธอก็เห็นเพียงรอยยิ้มบางเบาของเขาเท่านั้น

    ก่อนที่อมีเรียจะกลับไปสนใจการแข่งที่ดูจะลำบากนิดหน่อย ก่อนจะเดินไปแจ้งกรรมการกลางเมื่อสังเกตเห็นความผิดปกติบางอย่างบนพื้นสนามที่เกือบจะทำให้คางามิล้ม คงเพราะเหงื่อที่ออกเยอะเกินไปนั้นแหละเลยทำให้พื้นสนามเปียกชื้นและทันใดนั้นอาการเจ็บเข่าของคิโยชิก็กำเริบขึ้นมา

    นัยน์ตาสองสีของเด็กสาวเบิกกว้างด้วยความตกใจเช่นเดียวกับสมาชิกทีมบาสเซย์รินที่ตกใจไม่ต่างกัน

    ปรี๊ด!

    “รุ่นพี่!” 

    ในจังหวะนั้นกรรมการในสนามจึงรีบเป่านกหวีดหยุดการแข่งขันชั่วคราวทันที อมีเรียจึงได้วิ่งเข้าไปหาคิโยชิที่ล้มก่อนจะจับดูขาของเขา มันบวมมากกว่าครั้งก่อนอีกเป็นเท่าตัว ดูท่าแล้วเขาจะใช้เข่ามากเกินไปจนมันอักเสบอีกครั้ง เธอมองหน้าคิโยชิที่พยายามจะปิดกั้นสีหน้าที่เจ็บปวดเอาไว้ให้มากที่สุดด้วยแววตานิ่งเฉย ก่อนหันไปบอกคนของพี่ชายที่ส่งมาดูแลเธอให้เรียกชุดพยาบาลสนามมาด่วนที่สุด

    “ ขอโทษที่น่ะฉันแค่สะดุดจนต้องล้มน่ะ” คิโยชิพูดด้วยรอยยิ้มที่หม่นหมองกว่าทุกครั้ง

    เขายังไม่อยากออกจากการแข่งขันในตอนนี้ ดูจากสายตาของผู้จัดการทีมของพวกเขาสิ ถ้าเอาเขาออกจากการแข่งได้ก็คงจะทำในทันทีโดยไม่ถามเหตุผลอย่างแน่นอน

    “พูดบ้าๆนะคะรุ่นพี่ – แล้วนี่ยังไม่ตามพยาบาลสนามมาอีก!!” อมีเรียมองจิกรุ่นพี่หนุ่มแล้วหันไปเร่งคนในชุดสูทที่กำลังประสานงานเรียกหน่วยพยาบาลฉุกเฉินมาให้ด่วนที่สุด ก่อนที่ร่างบางจะให้ทุกคนช่วยพยุงคิโยชิไปนั่งนอกสนามพร้อมกับหาอะไรมารองส่วนบริเวณเข่าเพื่อกันการกระทบกระเทือนไปยังส่วนที่อักเสบ

    “ขอฉันเล่นต่อเถอะนะ อุตส่าห์มาได้ขนาดนี้แล้ว”

    “ไม่ได้ค่ะ!!” 

    อมีเรียตอบเสียงดังจนทั่วสนามถึงกับสะดุ้งแล้วหันมามองเจ้าของเสียงแทบจะทันที ใบหน้าหวานที่ทำหน้ามึนตลอดเวลา ตอนนี้กลับเต็มไปด้วยความโกรธจนไม่ต้องมองตาพวกเขารู้ว่าอีกฝ่ายอยู่อารมณ์ไหน คิโยชิเองก็เช่นกันเขาส่งยิ้มให้รุ่นน้องสาวเพื่อขอร้องแต่ยิ่งทำอมีเรียกลับยิ่งโกรธมากกว่าเดิมก่อนที่เธอจะยื่นคำขาด

    “ถ้ารุ่นพี่ยังอยากเล่นบาสต่ออีก อย่าขัดคำสั่งดิฉันค่ะ!”

    ผู้ก่อตั้งทีมบาสเซย์รินแสนดื้อดึงถูกผู้จัดการสาวกำหลาบซะอยู่หมัดแล้ว...ทีมบาสเซย์รินพร้อมใจกันคิดทั้งยังยกนิ้วโป้งให้หญิงสาวร่างเล็กอยู่ในใจ เพราะพวกเขาเองก็อยากให้รุ่นพี่หนุ่มออกมาพักไม่อย่างนั้นอาการบาดเจ็บที่เข่าของเขาอาจจะกำเริบจนอาจจะไม่สามารถกลับมาเล่นบาสได้อีกอย่างแน่นอน

    อมีเรียพ่นลมหายใจออกมาแล้วหันไปสั่งการเหล่าพยาบาลสนามที่ถูกเรียกมาฉุกเฉินพร้อมบอกอาการบาดเจ็บของคิโยชิให้อีกฝ่ายรับรู้ เมื่อเสร็จจากหน้าที่ในฐานะผู้จัดการทีมแล้ว อมีเรียก็หันไปสั่งการทีมบาสเซย์รินให้กลับไปประจำตำแหน่งผู้เล่นของตนเองตามเดิม – ทัตสึยะมองภาพชี้นิ้วสั่งการราวกับเป็นโค้ชของอมีเรียด้วยแววตาไม่อยากเชื่อปนชื่นชม ในขณะที่มุราซากิบาระกลับรู้สึกหงุดหงิดมากกว่าเดิม

    “.....มาสเมลโล่” 

    ทำไมเขารู้สึกอยากจะขยี้เซย์รินขึ้นมายังไงไม่รู้...

     

    .

    .

    .

    .

    .

     

    แต่ถึงแม้จะสั่งห้ามไปแล้ว แต่คิโยชิก็ยังฝืนลงไปเล่นเหมือนเดิม

    ทำให้ความหงุดหงิดของอมีเรียทำลายความสุขุมของตัวเธอไปหลายส่วนจนใบหน้าที่ตีมึนอยู่ตลอด เริ่มทำหน้าขึงขังพร้อมแผ่รังสีที่ไม่น่าเข้าใกล้ออกมา เธอกำลังหงุดหงิดที่คิโยชิไม่ฟังความหวังดีของเธอเลย – แต่เด็กสาวก็หันไปสั่งการให้เตรียมรถพยาบาลเผื่อกรณีฉุกเฉินพร้อมทีมแพทย์เอาไว้ อาการบาดเจ็บที่เข่าของคิโยชิจะรุนแรงมากกว่านี้ไม่ได้แล้วถ้ามากกว่านี้

    อย่าว่าแต่เล่นบาสเลย ขนาดวิ่งเขาก็จะไม่สามารถทำได้!

    อมีเรียมองความตึงเครียดในสนามด้วยความตกใจ ตัวแปรอีกหนึ่งได้เกิดขึ้นอีกแล้ว มุราซากิบาระไม่รู้ว่าไปโกรธอะไรมาถึงได้เริ่มเอาจริงแบบนั้น แต่ด้วยขนาดตัวของเขาที่ใหญ่เกินไปเธอกลัวเหลือเกินว่าถ้าหากเขาไม่ประมาณตน เขาจะต้องได้รับบาดเจ็บเช่นเดียวกับคิโยชิที่ตัวเองบาดเจ็บแต่ก็ฝืนลงไปเล่นต่อ

    เป็นผู้ชายที่สมญานามคิโยชิหัวใจเหล็กจริงๆ...เหล็กมาก!

    อมีเรียต้องขมวดคิ้วหนักอีกครั้งเมื่อการดั๊งค์ของมุราซากิบาระเป็นปัญหาต่อทีมเธอจริงๆ แค่เปลี่ยนออกมาวิ่งเหมือนคนอื่นก็ทำเอาทีมเซย์รินลำบากแล้ว ทั้งความเร็วทั้งส่วนสูงทั้งเทคนิคของเขาแค่นั้นก็สร้างปัญหาให้แก่เซย์รินไปแล้วสิบหรืออาจจะมากกว่ายี่สิบเปอร์เซ็นต์ แต่ที่เรียกว่าปัญหาจริงๆก็คงจะเป็น.... 

    “ไทกะ!!”

    อมีเรียเบิกตากว้างตกใจ ร่างเล็กขยับไปเองอัตโนมัติตั้งแต่เมื่อไหร่ไม่รู้แต่ว่าทันทีที่เห็นว่าแป้นบาสไม่อาจรับแรงกระแทกอย่างแรงของมุราซากิบาระได้จนมันโค้งหักลงโดยที่คางามิล้มอยู่ใต้แป้นพอดิบพอดี! พอเห็นภาพนั้นแล้วร่างกายที่เคยเอื่อยเฉื่อยก็พุ่งวิ่งไปอย่างรวดเร็วแทบจะทันทีโดยที่ตัวเธอเองก็ไม่ได้รู้ตัวเลยสักนิด

    ตึง!

    กว่าจะรู้ตัวอมีเรียก็มาอยู่ใต้แป้นที่ตกลงมาเสียแล้ว...

    “มีเรีย!?” 

    เด็กสาวเจ้าของชื่อรีบพุ่งไปสำรวจดูว่า ญาติหนุ่มอย่างคางามิได้รับบาดเจ็บตรงไหนรึไม่ เมื่อสำรวจจนพอใจแล้วว่าคางามิไม่ได้บาดเจ็บหรือมีแผลอะไร ร่างบางก็ชี้นิ้วสั่งคนของเธอให้เรียกช่างมาซ่อมแป้นบาสและเก็บกวาดสนาม 

    ทีมบอดี้การ์ดส่วนตัวที่พี่ชายของเธอส่งมาให้ทำงานของเขาได้เป็นอย่างดี พวกเขาประสานงานเรียกช่างมาเปลี่ยนแป้นบาสแทบจะทันทีที่เกิดเรื่อง เพราะว่าชุดช่างและแป้นบาสอันใหม่ถูกขนเข้ามาอย่างรวดเร็วภานในเวลาไม่กี่นาที ทั้งที่หากเป็นเวลาปกติแล้วจะต้องใช้เวลาเรียกช่างค่อนข้างนานอยู่พอสมควร

    “คุณหนูได้รับบาดเจ็บตรงไหนรึเปล่าครับ”

    หนี่งในทีมดูแลเธอรีบเข้ามาสอบถามด้วยท่าทางขึงขังน่ากลัว แต่อมีเรียเพียงแค่ส่ายหน้าให้เป็นคำตอบแก่พวกเขาเท่านั้น แล้วบอกให้พวกเขารีบให้ช่างมาเปลี่ยนแป้นบาสใหม่ให้เสร็จโดยไว – คางามิที่รู้เรื่องอยู่แล้วว่าพี่ชายใหญ่อย่าง พี่เทรย์เวอร์ได้ส่งบอดี้การ์ดส่วนตัวมาให้มีเรียเพื่อที่ความปลอดภัยของญาติสาวและเพื่อที่พี่เทรย์เวอร์จะได้รู้การเคลื่อนไหวทุกอย่างของอมีเรียด้วย

    ถึงจะไม่ได้รู้เรื่องเกี่ยวกับพี่ชายมากแต่คางามิก็พอรับรู้ได้บ้างแล้วว่า ครอบครัวนี้มีอำนาจล้นหลามจริงๆ

    เมื่อทีมช่างจะต้องเริ่มเข้ามาทำหน้าที่ของตนเอง การแข่งจึงต้องทำการยุติชั่วคราวจนกว่าการซ่อมแป้นบาสและเก็บกวาดสนามจะเสร็จสิ้น นั้นจึงเป็นเวลาที่เหล่านักกีฬาบาสทีมเซย์รินและโยเซ็นจะได้แยกย้ายไปพักผ่อนเอาแรงกันที่ห้องล๊อคเกอร์ของตัวเอง ในขณะเดียวกันนั้นอมีเรียก็ได้หันไปบอกทีมแพทย์ให้ตรวจเช็คสภาพเข่าของคิโยชิ แล้วค่อยกลับไปทำหน้าที่ผู้จัดการทีม คอยบริการอาหารว่างและเครื่องดื่มให้พวกเขารอเวลาแข่งพร้อมทั้งชี้แจงถึงแผนการที่ตัวเธอเพิ่งคิดได้

    แต่ก่อนหน้านั้นเธอต้องสอบถามคางามิเสียก่อนว่าทำไมถึงกล้าทิ้งสร้อยคอที่อมีเรียเป็นคนเลือกให้

    ไม่ใช่แค่คางามิหรอกที่จะถูกถาม ก็ทั้งคางามิและทัตสึยะนั่นแหละ

    ...ถ้าเหตุผลไม่เพียงพอ ตัวเธอคงจะหัวเสียไม่น้อยเลย...

     

     

     

     

     

     

     

    ………………………………………………………………………. 

    รีไรท์ทีละนิดทีละหน่อยนะคะ อาจจะมาลงให้วันละตอนหรือสองตอน จนกว่าจะถึงตอนล่าสุดที่อัพลงให้นะคะ ปล.ไรท์สอบเสร็จแล้วค่ะ

     

    ทุกท่านสามารถโดเนทสนับสนุนด้านค่าเน็ตและค่าไฟให้แฟรร์ได้นะคะ

    วิธีโดเนท

    โอนเงินจำนวนแล้วแต่รีดฯเข้ามาได้ที่นี่ :: เลขบัญชี 046-8-34907-8 (ธนาคารกสิกรไทย) และ เบอร์ 0960075277 ( True Money Wallet )

    ขอขอบพระคุณล่วงหน้าค่ะ //โค้ง

     

    1 คอมเม้นท์ = 100 กำลังใจ

    สามารถติหรือชี้แนะไรท์ได้ ไรท์จะรออ่านคอมเม้นท์ของทุกคนนะคะ

     

    ติดตามข้อมูลข่าวสารและการอัพเดทต่างๆได้ที่เพจ Fairy-แฟรี่กะ จิ้มๆเลย//ชี้  

     

     

    by. ภูติสีเทา

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×