ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    [ Fic Kuroko no Basket ] มิติพิศวงของยัยจอมมึน (All x Oc )

    ลำดับตอนที่ #20 : มิติพิศวงที่ 18 [Re]

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 5.49K
      470
      24 ส.ค. 63

     

     

     

     

    มิติพิศวงที่ 18

     

     

     

    เนื่องจากฝนที่จู่ๆก็เทลงมากะทันหันทำให้การแข่งสตรีทบาสถูกยกเลิกไปโดยที่ไม่มีใครได้ลงเล่นเลยสักคน แถมยังได้พบกับบุคคลที่อันตรายอย่างชายผมม่วงผู้ดูเหมือนเด็กน้อยบ้าขนมกับทัตสึยะ

    อมีเรียโครงหัวไปมาด้วยความรู้สึกเหนื่อยล้าเล็กน้อยพร้อมห่อตัวในเสื้อโค้ดตัวหนา เนื่องจากฝนตกจึงทำให้อากาศเย็นลงมากกว่าเดิม สีหน้าของเธอเลยยิ่งดูแย่จนสมาชิกทีมบาสเซย์รินพร้อมใจกันเอ่ยปากไล่ให้ผู้จัดการทีมอย่างอมีเรียกลับไปพักผ่อน – คางามิที่ตอนแรกจะไล่แต่พอนึกทวนความทรงจำถึงการเดินหลงทิศของญาติสาวแล้ว เขาก็ต้องเดินไปส่งที่หน้าคอนโดอย่างช่วยไม่ได้

    แต่ด้วยเพราะเริ่มคุ้นชินทางกลับคอนโดมากขึ้นบ้างแล้วอมีเรียเลยบอกคางามิว่าไม่ต้องไปส่งจนถึงคอนโดก็ได้

    คางามิถึงจะไม่เข้าใจและกังวลกับเรื่องความหลงทิศของญาติสาว ต่อให้จะบอกเขากลับไปซ้อมตามใจชอบได้เลย แต่ไม่รู้ทำไมคางามิกลับรู้สึกกังวลใจแปลกๆท้ายที่สุดคางามิก็ยินยอมปล่อยให้อมีเรียกลับคอนโดคนเดียวโดยดี ดังนั้นเด็กสาวจึงต้องเดินกลับและยังได้เจอกับบุคคลที่ไม่อยากเจออีกแล้ว 

    “....”

    อมีเรียพ่นลมหายใจออกมาด้วยความรู้สึกที่ไม่รู้จะบอกว่าหงุดหงิดหรือซังกะตายกันแน่ ดวงตาสองสีมองภาพของชายหนุ่มร่างโปร่งที่คุ้นตากำลังวิ่งฝ่าสายฝน ท่าทางของเขาเหมือนกำลังมองหาอะไรอยู่ถึงเธอจะจำใบหน้าไม่ค่อยได้แต่สีผมและส่วนสูง ไหนจะสีผิวที่เด่นขนาดนั้นของเขา ไม่ต้องเดาเธอก็รู้ว่าใคร...

     

    แต่ที่น่าสงสัย เขากำลังมองหาอะไรอยู่....?

     

    ไม่รู้เพราะยืนจ้องนานไปรึเปล่า ชายผู้กำลังร้อนรนถึงได้รู้ตัวว่าถูกจ้องมอง – อาโอมิเนะหันมาสบกับเจ้าของดวงตาสองสีที่จ้องเขาอยู่พร้อมกับใบหน้าที่ดูปิติจนชวนขนลุก พลันขาของอมีเรียก็ก้าวถอยหลังโดยไม่รู้ตัวแต่ดูเหมือนมันจะช้าเกินไปเสียแล้วที่จะหลีกหนีชายผู้นั้น

    “ยัยเตี้ยเซย์ริน!”

    “....”

    อมีเรียหน้าเปลี่ยนทันทีที่ได้ยินคำนั้น เธอไม่ชอบคำว่าเตี้ยจริงๆนะ!

    “เธอเห็นโมโมอิไหม...?” อาโอมิเนะเอ่ยถามทั้งๆที่เขากำลังยีหัวตัวเองจนผมที่เปียกฝนกระเซ็นเป็นละอองมาโดนร่างเล็กที่ทำหน้าเบื่อใส่เขาอยู่ อมีเรียนึกทวนคำถามของเขาแล้วเค้นสมองนึกถึงคุณหนูผมสีชมพูคนนั้นก่อนจะส่ายหัวเป็นคำตอบ

    “ไม่เห็นหรอกค่ะ มีอะไรรึเปล่าคะ?”

    “เปล่า” อาโอมิเนะทำหน้าสลดอย่างชัดเจนเมื่อได้รับคำตอบที่เขาไม่ต้องการ “ขอบใจน่ะ”

    “เฮ่อ..คงจะทะเลาะกับคุณผู้จัดการผมชมพูคนนั้นสินะคะ”

    อมีเรียลองคาดเดาดูแม้จะหมั่นไส้ในสีผมของอีกฝ่าย แต่พอเห็นหน้าของคนที่ชอบทำตัวทะลึ่งตึงตังใส่เธอมีท่าทางสับสน สำนึกผิด ว่าวุ่นผสมปนเปไปหมดอย่างน่าประหลาดใจ ในฐานะผู้ใหญ่ที่ผ่านโลกมาแล้วอย่างเธอจะให้ทำเมินท่าทางนั้นของเขามันก็ยังไงอยู่ แต่พอเห็นปฏิกิริยาจากคำถามเมื่อครู่อมีเรียก็ถอนหายใจออกมา

    “ไม่ทราบหรอกนะคะว่าผิดใจอะไรกัน แต่ถ้าสำนึกผิดแล้วออกตามหาแบบนี้ก็ควรโทรไปขอโทษนะคะ” อมีเรียชี้ไปที่โทรศัพท์ของเขาที่กำอยู่ในมือ “ลองส่งข้อความไปก็ได้ค่ะ”

    “....” 

    อาโอมิเนะมองโทรศัพท์อย่างลังเลแล้วเขาก็ทำหน้ายุ่งเหมือนเด็กเอาแต่ใจที่รู้ว่าตนเองผิดแต่ก็มีฐิติไม่ยอมโทรหา ทั้งๆที่เป็นห่วงมากขนาดนั้นแท้ๆ

    อมีเรียมองท่าทางเหมือนเด็กน้อยที่ไม่รู้จะจัดการความรู้สึกตัวเองยังไงของอาโอมิเนะ แล้วก็ต้องถอนหายใจพร้อมทำท่าทางอ่อนแรงเหนื่อยใจอย่างบอกไม่ถูก พลันร่างเล็กก็สะดุ้งเพราะโทรศัพท์ของเธอดันสั่นอย่างถูกจังหวะพอดีทันทีที่หยิบมาเปิดดูก็ต้องเลิกคิ้วแล้วเหลือบมองชายหนุ่มด้านข้างที่ทำหน้ายุ่ง -- เธอกดส่งข้อความหาคุโรโกะที่ส่งมาถามว่าตัวเธอกลับถึงห้องพักรึยัง รอไม่นานข้อความตอบกลับก็เข้า 

    เธอกวาดสายตามองแล้วเอ่ยเสียงไม่ดังมากเพราะเริ่มมีอาการเจ็บคอ

    “กลับไปรอที่บ้านเถอะค่ะ คุโรโกะส่งมาบอกว่าโมโมอิไปหาเขา – และกำลังจะส่งกลับบ้าน”

    “...ไปหาเท็ตสึสินะ”

    “ถ้าอย่างนั้นดิฉันต้องขอตัวก่อนนะคะ” อมีเรียก้มหัวเล็กน้อยแล้วเดินจากไปเพื่อกลับคอนโด วันนี้เธอเจอเรื่องให้เหนื่อยใจเหนื่อยกายเยอะจริงๆ อยากกลับไปนอนซุกในผ้าห่มอุ่นซะแล้วสิ

    แถมในตอนนี้..ร่างกายของเธอกำลังมีบางอย่างผิดปกติเด่นชัดแล้วด้วย

    “เน...ขอบใจน่ะ”

    “คะ?” อมีเรียชะงักขาที่กำลังจะก้าวผ่าน นัยน์ตาสองสีกะพริบปริบๆมองเขาอย่างไม่เข้าใจ

    “ชิ! ไม่มีอะไร กลับบ้านไปยัยเตี้ย ชิ้วๆ”

    “....ค่ะ” 

    อาโอมิเนะทำมือไล่เธอ จนอมีเรียแอบเบ้ปากใส่เขาแต่ก็ไม่ได้หันไปต่อล้อต่อเถียงอะไรนอกจากเดินไปตามทางเพื่อกลับคอนโดเท่านั้น โดยไม่ได้รับรู้ถึงสายตาของใครบางคนที่จ้องมองจนเธอเดินลับสายตาไป คงเพราะอมีเรียจดจ่อกับการมองเส้นทางเพื่อกันตัวเองหลงทางอีกครั้งละมั้งเธอถึงได้ไม่รับรู้ถึงสายตาคู่นั้น

    เมื่อเห็นว่าร่างบางเดินจนลับสายตาไปแล้ว อาโอมิเนะจึงค่อยหยิบโทรศัพท์กดโทรหาเพื่อนสนิทสมัยเด็กที่ป่านนี้คงจะถึงบ้านละมั้ง บางทีเขาก็ควรจะขอโทษที่พูดแบบนั้นใส่อีกฝ่ายตามคำแนะนำของผู้จัดการเซย์รินร่างเล็ก ถึงจะไม่เข้าใจว่าทำไมถึงได้รู้สึกว่าควรทำตามก็เถอะ รอไม่นานปลายสายก็รับเสียที

    เขาพูดขอโทษพร้อมทั้งอาสาซื้อของโปรดไปฝากเธอจนเมื่อวางสายไปเขาจึงเดินออกจากจุดนั้น

    ‘ไม่ได้แย่ละนะ’

     

    .

    .

    .

     

    หลังจากกลับมาในวันนั้น อมีเรียก็นอนเป็นไข้ไปสองวันเต็มๆจนคางามิแทบจะอุ้มร่างบางไปส่งโรงพยาบาลด้วยความเป็นห่วงว่าญาติสาวจะเป็นอะไรไปอีก อย่างครั้งก่อนแถมเนื่องด้วยสภาพร่างกายที่แพ้อากาศเย็นมาแต่เด็กอยู่แล้ว ไหนจะยังไปตากฝนด้วยนิดหน่อยบวกกับเจอลมเย็นมา

    ไหนจะละอองฝนเลยทำให้ร่างบางนอนจมพิษไข้อย่างช่วยไม่ได้

    แค่ก แค่ก

     

     ฮัดชิ้ว!

     

    “ไหวไหมนั้น” คางามิเปลี่ยนผ้าขนหนูบนหน้าผากให้ร่างบาง 

    วันนี้เป็นอีกวันที่อมีเรียไม่มีท่าทีจะดีขึ้นเลยแม้แต่น้อย แต่ก็ยังฝืนร่างกายตัวเองลุกขึ้นไปจดบันทึกเรื่องการแข่งของพวกเขาเพื่อส่งให้โค้ช เขาจึงอดไม่ได้ที่จะทำหน้าบึ้งใส่ญาติตัวดีที่ฝืนตัวเองในเรื่องไม่เป็นเรื่องจนอาการป่วยทรุดลงแบบนี้ มันยิ่งทำให้เขาเป็นห่วงเธอมากยิ่งขึ้นนะสิ..จนไม่อยากที่จะออกห่างเลยถ้าไม่จำเป็น

    “ว ไหว แค่ก ฮ ฮัดชิ้ว!”

    ไหวแน่นะ...?

    คางามิลูบผมสีฟ้าอ่อนแสนนุ่มลื่นของเธออย่างเบามือพร้อมหวนนึกถึงตารางกิจกรรมที่กำลังจะมีขึ้น

    วันนี้เป็นวันแข่งวินเทอร์คัพรอบคัดเลือก แถมผู้จัดการสาวสวยก็ป่วยอีกทำเอานักกีฬาหลายคนในทีมอดเป็นห่วงและกังวลไม่ได้ว่า ร่างบางจะอาการทรุดรึเปล่าระหว่างที่พวกเขาไปแข่งบาสกัน แต่จะให้เอซของทีมอยู่เฝ้าก็ไม่ได้ จะให้อุ้มไปส่งโรงพยาบาล ร่างบางก็ทำหน้าน่ากลัวพร้อมคำขู่จนทำเอาคนอื่นๆเสียวสันหลังวาบว่าคนป่วยจะลุกมาทำจริงๆ

    ลุกมาเชือดพวกเขาทุกคนก่อนที่ตัวเองจะถูกอุ้มส่งโรงพยาบาล...

    “ป ไปแข่งวันนี้ก็สู้ๆนะ” เธอบอกพร้อมกับซุกหน้าที่แดงจัดเพราะพิษไข้กับผ้าห่มสีขาวผืนใหญ่ 

    แต่ก็ยังเหลือใบหน้าอยู่ครึ่งหนึ่งตั้งแต่ศีรษะลงมาถึงสันจมูก ทำให้เห็นส่วนตาที่มีรอยแดงระเรี่ยที่โผล่มาให้เห็นเล็กน้อย ถ้าไม่ติดว่าเพราะอีกฝ่ายป่วย คางามิก็อดไม่ได้ที่จะแอบคิดเข้าข้างตัวเองว่า เขาโดนญาติสาวยั่ว!?

    “ให้ตายสิ..ป่วยถูกช่วงจริงนะเธอน่ะ” คางามิยิ้มอย่างจนใจ มือก็ยังคงลูบผมของเธออยู่ครู่เดียวแล้วผละตัวออก “งั้นฉันไปละนะ”

    “บาย”

     

    .

    .

    .

    .

     

     

    “.....”

    อมีเรียทำหน้าบึ้งพร้อมใบหน้าที่แดงก่ำไม่หยุดเนื่องจากพิษไข้ของตัวเอง เธอมาทันฉากที่คางามิโดนหัวโหม่งห่วงบาสพอดี เขาโดดสูงเกินไปจนเธอรู้สึกอับอายเล็กน้อยกับภาพนั้น นี่ขนาดไม่มีเธอมาคุมเขายังขนาดนี้เลยนะ! ถ้าถามว่าทำไมคนป่วยไม่นอนอยู่ที่ห้อง ก็เป็นเพราะเธอเบื่อบวกหิวข้าว

    คางามิไม่ทำอาหารทิ้งไว้ให้แบบทุกทีไหนจะความเบื่อของเธออีก

    ร่างเล็กเลยหอบสังขารของตนเองเดินมาดูการแข่งอย่างช่วยไม่ได้ แน่นอนว่ามาแบบจัดเต็มทั้งเสื้อโค้ดตัวหนา ผ้าปิดจมูกหมวกไหมพรมที่ครอบหูถุงมือและถุงน้ำร้อนที่ซุกอยู่ในเสื้อ ด้วยเพราะมีของเหล่านี้ช่วยเลยให้เธออุ่นขึ้นมาเยอะเลย -- ตอนนี้เธอนั่งอยู่ที่นั่งคนดูพร้อมทำตัวให้เงียบที่สุดเพื่อไม่ให้เป็นจุดสังเกต แค่ใส่ชุดจัดเต็มแบบนี้เธอก็เด่นเกินพอแล้ว

    “โห..รุ่นพี่คิโยชิเล่นเก่งใช้ได้แหะ” เอ่ยชมได้แปบเดียวก่อนจะยกมือปิดปากปิดเสียงไอ

    เธอนั่งมองการแข่งที่คางามิแทบจะไม่มีโอกาสทำคะแนนเลยจนหน้าดำหน้าแดง อาจเพราะหัวร้อนแบบสุดขีดยังดีที่มีคุโรโกะช่วยดึงสติเขาให้กลับมาได้แต่...ทำไมอมีเรียชักรู้สึกว่าคุโรโกะมองมาที่เธอ..? 

    เด็กสาวมองญาติหนุ่มที่เหมือนมีไฟลุกท่วมตัวแล้วหลุดหัวเราะออกมาเบาๆ เธอมองอยู่เช่นนั้นแล้วรีบก้มหน้าซุกผ้าพันคอสีขาวของตนเอง เมื่อครู่เธอเผลอสบตาเข้ากับคุโรโกะ! คงจะคิดไปเอง..มั้ง แต่ไม่รู้ทำไม..สัญชาตญาณของเธอกลับร้องบอกว่า...

    คุโรโกะสังเกตเห็นเธอ..

    นั่งดูได้ไม่นานก็ถึงเวลาพักของเหล่านักกีฬาบาส อมีเรียมองพวกเขาที่ทยอยกันเดินไปยังห้องพักแล้วก้มมองนาฬิกาข้อมือสีเงินของตนเอง เมื่อเห็นว่าได้เวลาเธอกลับไปนอนพักได้แล้ว เด็กสาวจึงได้ลุกขึ้นยืนแล้วเดินออกจากที่นั่งผู้ชมออกไปด้านนอก ทว่าเธอก็ต้องชะงักเมื่อมีใครบางคนที่ควรจะไปห้องพักนักกีฬาดันมายืนดักรอเธออยู่

    ใบหน้ามึนพร้อมเส้นผมสีฟ้าอ่อนเหมือนกันกำลังยืนอยู่เบื้องหน้าเธอ

    “..ทำไมถึงมาอยู่ที่นี่ได้ครับ”

    “....”

    อมีเรียมองผู้เล่นมายาของทีมเซย์รินแล้วทำเมินเขาราวกับไม่ใช่คนที่เขารู้จัก แต่ก็ต้องชะงักเมื่อถูกมือหนาของชายร่างเล็กกุมข้อมือของเธอเข้า เธอผินหน้ามองเขาเล็กน้อยก่อนจะจำยอมดึงหน้ากากอนามัยออกเผยใบหน้าหวานที่ขึ้นสีแดงระเรี่ยจากพิษไข้ – คุโรโกะมองวงหน้าหวานที่ดูยั่วยวนเป็นพิเศษเขานิ่งไปครู่หนึ่ง ก่อนจะแย่งหน้ากากอนามัยจากมือเธอไปสวมใส่ให้ราวกับกำลังใช้มันบดบังอะไรบางอย่าง..

    “มาทำอะไรครับ อมีเรียจัง” คุโรโกะถามสาวเจ้าที่ยังคงทำหน้ามึนอยู่ตรงหน้า

    อมีเรียกระพริบตาปริบๆแล้วโครงหัวไปมา “ไม่รู้สิ..หิวมั้ง”

    “ถ้ายังงั้นไปห้องพักนักกีฬาก่อนดีกว่านะครับ เผื่ออมีเรียจังทรุดขึ้นมาจะแย่”

    “อื้อ..”

    คางามิแทบจะหัวร้อนจนอยากจะดั้งซ์บาสให้หนักหน่วง เมื่อหวนนึกถึงช่วงพักเกมส์คุโรโกะที่จู่ๆก็หายไปไหนไม่รู้กลับมาพร้อมอมีเรียที่ยังคงมีสภาพพิษไข้จนน่าตีให้ตายสักที เขารู้สึกหงุดหงิดเป็นที่สุดแต่เมื่อเห็นสภาพญาติสาวที่ทำหน้าแดงระเรี่ยอ้อนเขาก็พลันให้ร้อนวูบวาบเฉยเลย..

    อันตราย...อันตรายจริงๆ

     

    ริโกะรับหน้าที่ดูแลอมีเรียที่ฝืนสังขารมาดูการแข่งเพื่อไม่ให้คางามิและผู้เล่นคนอื่นๆต้องกังวลตลอดการแข่ง ส่วนตัวต้นเหตุก็ทำเพียงทำตาปรือพร้อมชูสองนิ้วให้กำลังใจทีมเซย์รินทั้งหลาย แต่ถึงกระนั่นริโกะก็แอบเห็นว่า เพื่อนสมัยเด็กของเธอทั้งสองคนแอบหน้าแดงกับภาพนั้นอยู่

    ปกติก็ทำหน้ามึนมีเสน่ห์มากพออยู่แล้ว..แต่ยิ่งมาเป็นไข้สีหน้าของผู้จัดการสาวยิ่งดูมีเสน่ห์มากกว่าเดิม

    อมีเรียปรือตามองการแข่งด้วยสายตาง่วงงุนเพราะถูกจับยัดยาเข้าปาก แน่นอนว่าก่อนการกินยาเธอแทบจะดิ้นไปนอนกับพื้น เธอเกลียดยา อมีเรียทำหน้าเหยเกออกมาอย่างชัดเจน แขนเล็กๆก็พยายามยื้อพยายามดันมือหนาของญาติหนุ่มไม่ให้นำยารสขมเข้าใกล้ปาก พร้อมทั้งเบือนหน้าหนีอย่างสุดชีวิต

    ‘อย่าดื้อมีเรีย!’ คางามิแทบจะจับร่างเล็กกดกับพื้นเพื่อไม่ให้ดิ้นไปมากกว่านี้

    ‘ไม่!!!’ อมีเรียปฏิเสธเสียงแข็งพร้อมใบหน้าดื้อดึงของเธอ ‘ให้ตายยังไงก็ไม่กิน ไ-ยานรกเวรนั่น!!’

    ‘ต้องกิน!’

    ‘ไม่มีทาง!!!’

    ภาพทั้งสองคนทะเลาะกันเป็นอะไรที่แปลกใหม่สำหรับทีมบาสเซย์ริน

    เพราะทุกทีอมีเรียจะอยู่ในภาพลักษณ์นิ่งๆมึนๆอยู่เสมอ แถมยังพูดแต่คำสุภาพไม่เคยหลุดสบถอย่างพวกคำหยาบออกมาเลยแม้แต่น้อย แต่ดูเหมือนเพราะพิษไข้ร่างเล็กจึงต่อต้านและมีบุคลิกที่เปลี่ยนไปจากเดิม ท้ายที่สุดก็เป็นคุโรโกะที่หยิบยาอีกเม็ดยัดปากอมีเรียตอนที่จะอ้าปากเตรียมจะด่าคางามิและนั้นทำให้พวกเขาบรรเทิง

    อมีเรียหน้าซีดอ้าปากค้างพร้อมมองคุโรโกะด้วยแววตาตกใจ บนปลายลิ้นของเธอมีเม็ดยาสีขาววางแหมะอยู่

    ‘เ-ย...ขม’

    คำไม่สุภาพอีกแล้ว...

     

    .

    .

    .

    .

     

     

    ไม่รู้ว่าผ่านไปนานเท่าไหร่ ร่างเล็กที่กำลังหลับสบายเริ่มไข้ลดลงจนโค้ชสาวถอนหายใจด้วยความโล่งอก คงเพราะที่ผ่านมาร่างเล็กไม่ยอมทานยาอย่างที่ควรเป็น ไข้เลยเป็นหนักไม่มีท่าทีจะลดอย่างคนปกติ แต่จะไปว่าอะไรก็ไม่ได้เพราะสาวเจ้าดันเป็นคนดื้อ 

    ดื้อมากจนไม่อยากเชื่อ!

    “โอ๊ะ...คุณคือผู้จัดการบาสเซย์รินสินะครับ”

    “....?”

    อมีเรียมองคนที่เดินมาทักตนด้วยตาปรือๆ แล้วทำเมินไม่สนใจ เธอในตอนนี้ยังไม่อยากคุยกับใครทั้งนั้นในสภาพเพิ่งตื่นนอน ไหนจะคนอื่นที่เอาแต่จ้องมาที่เธอจนรู้สึกร้อนๆหนาวๆอีก อย่าบอกนะว่าไข้ขึ้น? อมีเรียขมวดคิ้วเสียจนยุ่งพร้อมใช้สมองที่ทั้งร้อนและปวดตุบๆวิเคราะห์ว่าอาการตอนนี้กำลังแย่รึแย่แล้ว..

    “คือ...ผมชอบคุณตั้งแต่แรกพบเลยครับ” เขายังคงฉีกยิ้มไม่สนท่าทางเมินเฉยของหญิงสาว

    “....”

    “จะกรุณาไหมถ้าผมจะขอเบอร์ไว้ติดต่อ”

    “....”

    “ถ้ายังไงเราไปเดทกันสักครั้งดีมั้ยครับ?”

    “....”

    อมีเรียปรายตามองเด็กหนุ่มผู้มาพูดอะไรไม่รู้ใกล้เธอ แถมยังทำท่าทางระริกระรี้ชวนให้รู้สึกอยากจะอาเจียนใส่หน้า ถ้าเธอฟังไม่ผิดเมื่อกี้อีกฝ่ายเอ่ยชวนเธอเดทงั้นหรอ? เป็นแค่เด็กม.ปลายแต่ริอาจคิดเรื่องลามกได้อย่างหน้าไม่อายแบบนี้ขยะแขยงเป็นบ้าเลย – อะไรนะ..? ชอบตั้งแต่แรกพบ เธอไม่เคยจะจำได้เลยว่าเคยพบกับผู้ชายคนนี้มาก่อน อมีเรียเท้าคางมองก่อนฉีกยิ้มหวานให้

    “ตกลงสินะครับ!!”

    “ใครบอกว่าตกลงหรอคะ?” อมีเรียยิ้ม “ดิฉันไม่ทราบว่าเด็กน้อยอย่างคุณเข้าใจไอ้คำว่ารักแรกพบอะไรนั้นจริงๆรึเปล่า”

    “....”

    “ให้ตายสิค่ะ” มือเรียวเล็กเสยผมหน้าม้าตนขึ้นแล้วแสยะยิ้มน่ากลัวให้อีกฝ่าย พร้อมดวงตาสองสีที่เปล่งประกายราวกับว่ามันคือดวงตาของผู้อยู่เหนือกว่า “เป็นเด็กน้อยที่ไม่น่ารักจริงๆเลยเนอะ – หัดตั้งใจเรียนยังดีกว่ามาสนใจเรื่องรักๆใคร่ๆนะคะ เจ้าหนู”

    “คิกคิกคิก แต่ถ้าทำให้ดิฉันพอใจได้อาจจะพิจารณก็ได้นะคะ – ด้วยเลือด ร่างกาย รึ วิญญาณเธอดี?”

     

    ปีศาจ!!!

     

    คุโรโกะสั่นสะท้านเมื่อเผลอสบตากับร่างบาง เขาที่เดินออกจากสนามมาก่อนใครเพื่อนเพราะแข่งเสร็จแล้วรีบตรงมาหาเธอทันทีโดยที่เขาไม่รู้ว่าทำไมร่างกายถึงขยับมาเองตอนที่เห็นผู้ชายเข้ามาหาร่างเล็ก แต่พอเข้ามาใกล้เขาก็ต้องหนาวยะเยือกกับบรรยากาศของเธอ – มันชั่งคุ้นเคยเหมือนใครบางคนที่เขารู้จัก ดวงตาสองสีที่เป็นประกายดูมีอำนาจที่เหนือกว่า ไหนจะรอยยิ้มแสยะชวนขนลุกและคำพูดที่เปล่งออกมา

    บางทีเขาชักจะชอบอมีเรียในตอนปกติมากกว่าตอนที่ป่วยซะแล้วสิ...

    หรือบางที...เขาอาจจะอยากภาวนาไม่ให้อมีเรียเกิดป่วยขึ้นมาอีกรอบก็เป็นได้

    ในขณะที่คนในสนามและนอกสนามต่างหนาวสั่นกับน้ำเสียงเย็นเฉียบพร้อมรอยยิ้มแสยะน่ากลัวของผู้จัดการเซย์รินสาว ตัวผู้พูดกลับรู้สึกง่วงนอนปนหงุดหงิดอย่างไม่อภิรมย์เอาซะเลย เธอแค่รู้สึกว่าอีกไม่นานตัวเธอจะต้องเกิดเรื่องยุ่งยากตามมาแน่ๆ

    ปริศนาอีกข้อที่ต่อให้จะอยู่ในร่างเก่าที่โลกโน้น..เธอก็ยังไม่เข้าใจมันอยู่ดี

     

     

     

     

     

    “….น่าเบื่อจังเลยนะคะ” อมีเรีย

     

    …………………………………………………………………………..

    รีไรท์ทีละนิดทีละหน่อยนะคะ อาจจะมาลงให้วันละตอนหรือสองตอน จนกว่าจะถึงตอนล่าสุดที่อัพลงให้นะคะ ปล.ไรท์สอบเสร็จแล้วค่ะ

     

    ทุกท่านสามารถโดเนทสนับสนุนด้านค่าเน็ตและค่าไฟให้แฟรร์ได้นะคะ

    วิธีโดเนท

    โอนเงินจำนวนแล้วแต่รีดฯเข้ามาได้ที่นี่ :: เลขบัญชี 046-8-34907-8 (ธนาคารกสิกรไทย) และ เบอร์ 0960075277 ( True Money Wallet )

    ขอขอบพระคุณล่วงหน้าค่ะ //โค้ง

     

    1 คอมเม้นท์ = 100 กำลังใจ

    สามารถติหรือชี้แนะไรท์ได้ ไรท์จะรออ่านคอมเม้นท์ของทุกคนนะคะ

     

    ติดตามข้อมูลข่าวสารและการอัพเดทต่างๆได้ที่เพจ Fairy-แฟรี่กะ จิ้มๆเลย//ชี้

     

    By. ภูติสีเทา

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×