ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    โรงเรียนมหาเวทย์ world pretends

    ลำดับตอนที่ #16 : บทที่ 7

    • เนื้อหานิยายตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 123
      5
      3 ต.ค. 61





    บทที่ 7




     

    จ้อกกกกกก!!!


    เสียงร้องดังสนั่นทำเอาผู้คนที่ได้ยินต่างก็หันไปมองเจ้าของเสียงร้องดัง ใบหน้าหวานของหญิงสาวแดงก่ำก่อนที่จะรีบใช้ผ้าคลุมสีหม่นแสนขาดวิ้นปิดบังใบหน้าของตนเองแล้ววิ่งหายเข้าไปในตรอกที่อยู่ไม่ไกล – แครีน่า คราเทียร์ กุมท้องที่ส่งเสียงร้องประท้วงเป็นระยะๆด้วยความอาย ผมสีน้ำเงินที่เด่นสง่าขัดกับสีของผ้าคลุมอย่างเห็นได้ชัด มันช่างสะดุดตาให้หัวขโมยแห่งตรอกมืดหลงใหล...


    “เจ้าท้องบ้า..ทำไมต้องมาร้องตอนนี้ด้วยเนี้ย! – น่าอายชะมัด” แครีน่าสบถออกมาด้วยใบหน้าเห่อแดง แต่ทะว่าประสาทหูของเธอได้ยินเสียงบางอย่างจนต้องหยุดขาที่กำลังก้าวเดินไปเบื้องหน้าทันที ดวงตาสีแดงสดเหลือบมองทิศทางที่ตนจับสัมผัสได้..


    “....”


    พรึบ!


    ร่างบางในชุดคลุมขาดวิ้นหายวับไปจากครรลองสายตาของชายหนุ่มที่แอบสะกดลอยตามหญิงสาว ชายหนุ่มดีดตัวมายืนตรงจุดที่หญิงสาวหายตัวไป มือหนาที่จับดาบมาเสียนานยกขึ้นขยี้ผมสีน้ำเงินของตนเองเสียจนยุ่ง ดวงตาสีแดงเพลิงดูหงุดหงิดและวุ่นวายใจไม่น้อยก่อนที่เขาจะยกแขนขึ้นกันอะไรสักอย่างที่พุ่งตรงหมายจะปะทะเข้าที่หน้าของเขา!


    “แอบสะกดรอยตามมาแบบนี้ต้องการอะไร..หืม?” แครีน่าค้างในท่าเตะแสยะยิ้มให้กับบุคคลปริศนาในความคิดของตนเองก่อนจะกระพริบตาปริบๆเมื่อเห็นว่าบุคคลนั้นเป็นใคร “คอเทีย?!


    “....” คอเทีย คราเทียร์ ลดแขนลงข้างลำตัวเมื่อเห็นว่าพี่สาวของตนลดขาลงไปแล้ว ดวงตาสีแดงเพลิงจับจ้องไปที่ใบหน้าของพี่สาวที่มอมแมมเสียจนจำแทบไม่ได้ แม้จะมีใบหน้าที่คล้ายๆกันก็ตามทีเถอะ


    “ไหงเรามาสะกดรอยตามพี่ได้ละ?” แครีน่าเอ่ยถามน้องชายด้วยความสงสัยก่อนจะอ้าปากค้าง พลันใบหน้าหวานก็ค่อยๆเห่อแดง ตรงหน้าหญิงสาวคือห่อผ้าสัมภาระของเธอที่หลุดหายไปปรากฏอยู่บนฝ่ามือของน้องชาย อาหารที่ส่งกลิ่นหอมยั้วยวนให้น้ำลายส่อเช่นเดียวกับเสียงท้องที่ร้องประท้วง


    “หลงทางจนน่าตี” คอเทียเอ่ยสั้นๆก่อนจะโยนสัมภาระและห่ออาหารในมือให้พี่สาวแล้วเดินออกจากตรอกไป “เดี๋ยวสิ! คอเทีย รอพี่ด้วย!!!” หญิงสาวรับของที่น้องชายโยนมาให้ได้ทันท้วงทีก่อนจะกะวีกะวายวิ่งตามชายหนุ่มไปเพื่อกันตัวเองหลงทางอีกรอบ...




     

    ************************************



     

    ทางด้านทางตอนใต้ของราชอาณาจักรแห่งความมืดและรัตติการ ห่างออกไปในป่าลึกอันแสนไกลโพ้นที่ไม่มีชาวเมืองหรือสัตว์น้อยใหญ่ใดๆอยากย้ำกรายเข้าใกล้ ประตูสีดำตั้งเด่นสง่าหน้าทางเข้าถ้ำลึกลับที่แผ่กลิ่นอายอันน่าเกรงขามและสยดสยอง


    เอี้ยดๆ แกร็กๆ


    รถม้าสีดำสนิทประทับตราประจำราชวงค์เคลื่อนตัวออกมาจากถ้ำที่เป็นทางเชื้อมไปยังโลกใต้พิภพ ม้ามังกรอสูรดำสะท้อนแสงอาทิตย์ที่สาดส่องลงมาผ่านแมกไม้หนา มันส่งเสียงหายใจหืดหาดๆ  เสียงย้ำเท้าไปบนพื้นดินสีดำที่ปกคลุมไปด้วยใบไม้จากต้นไม้ใหญ่ที่ขึ้นจนรกทึบบดบังแสงอาทิตย์ของยามสาย


    “องค์ชายพะยะค่ะ”


    เสียงแหบแห้งของชายชราผู้เป็นข้ารับใช้ดังขึ้นจากจุดสำหรับคุมบังเถียน – ชายหนุ่มผู้ถูกเอ่ยขัดยามนิทรา ลืมตาขึ้นช้าๆด้วยแววตาหงุดหงิดแต่ก็ไม่ได้เอ่ยคำใดออกไปนอกจากเส่ตามองไปทางหน้าต่างที่มีม่านผ้าไหมสีดำบางปกอยู่


    “พระองค์ไม่ควรที่ปฏิเสธกระแสรับสั่งขององค์ราชานะพะยะค่ะ” เซบาสเตียน ข้ารับใช้ผู้จงรักษ์และภักดีขององค์ชายลำดับ 1 องค์ชาย เซเรซิส เดอ กาเวนด์


    “ข้าเกลียดสตรี..” เสียงทุ้มแสนเย็นชาแฝงด้วยอำนาจตามสายเลือดอันบริสุทธิ์ของเขาดังขึ้น น้ำเสียงดูหงุดหงิดไม่น้อยที่ข้ารับใช้คนสนิทเอ่ยเรื่องที่รบกวนจิตใจของเขาออกมา “หากเจ้ายังเอ่ยถึงเรื่องนี้อีก – ข้าจักส่งเจ้าไปให้แม่นมของมิสเอนดิลเทียร์”


    “ข้าจำได้ว่า นางหลงใหลและปักใจอยู่กับเจ้า...” เซเรซิสพูดยังไม่ทันจบประโยค เสียงแหบแห้งของเซบาสเตียนก็ดังขึ้นขัดเขาด้วยน้ำเสียงร้อนรนทันที “องค์ชายอย่าทำเช่นนั้นนะพะยะค่ะ – กระหม่อมขออภัยที่เอ่ยเรื่องนั้นออกไป”


    “หึ..”


    ใบหน้าหล่อเหล่างดงามดั่งปีศาจแสยะยิ้มออกเผยให้เห็นเขี้ยวสีขาวดุจมุกของเขาที่ประดับตรงมุมปากทั้งสองข้าง มันช่วยขับเน้นให้เขาหล่อเหลามากยิ่งขึ้นและเต็มไปด้วยมนต์เสน่ห์ – สุดท้ายแล้วภายในรถม้าที่หรูหราก็เกิดความเงียบอย่างที่ชายหนุ่มสูงศักดิ์ต้องการ ก่อนที่เขาจะคล้อยหลับไปอีกคราราวกับกำลังจำศีล....

     




    ห่างออกไปจากเขตป่าต้องห้ามของอาณาจักรแห่งความมืดและรัตติการที่เป็นประตูเชื่อมระหว่างเขตแดนมนุษย์และโลกปีศาจ ประตูเมืองสีทองอร่ามตาดูเด่นและงดงามเมื่อเทียบกับบรรยากาศภายในเมือง สตรีผมสีเงินแซมม่วงผู้กำลังนั่งอย่างสง่าผ่าเผยบนรถม้าประจำตัว ปรายตามองประตูสีทองด้วยสายตาเย็นชาก่อนจะสะบัดมือคราเดียว สีของมันก็กลับมาเป็นดังเดิม – สีประตูเมืองอันดำสนิทเหลือบทองบ่งบอกถึงความลึบลับและสง่าของราชวงค์และอาณาจักร


    “องค์หญิง...” เสียงคนสนิทของหญิงสาวดังขึ้นก่อนที่จะเงียบลงเมื่อเห็นว่ามือเรียวงามที่สวมถุงมือสีดำสนิทยื่นออกไปด้านนอกพร้อมกับเลิกม่านที่คลุมรถออก เสียงฮือฮาของชาวเมืองดังขึ้นอย่างเซ็งแซ่เมื่อเห็นว่าใครที่ลบล้างอักขระที่มีคนมาละเล่นออกจากประตูเมือง


    “องค์หญิง” เสียงชาวเมืองดังขึ้นพร้อมกับการทำความเคารพร่างงามที่กวาดสายตามองไปรอบๆอยู่ ดวงตาสีแดงเช่นมารดากวาดสายตามองไปรอบๆอย่างจับผิดก่อนจะชี้นิ้วไปยังชายหนุ่มผู้หนึ่งที่กำลังทำท่าทางลุกลี้ลุกลนพลันสายลมสีดำก็หมุนวนรอบกายชายหนุ่มก่อนจะพาร่างของเขาลอยไปยังเหล่าทหารที่ยืนประจำการอยู่


    “เราไม่ชอบผู้ที่มาทำการละเล่นอย่างไร้สาระ – จัดการตามกฎมนเทียณ” เสียงหวานเอ่ยสั่งเนิบๆ ก่อนจะปล่อยผ้าม่านลงแล้วหันหน้าไปสั่งคนสนิทให้บอกคนบังคับม้าเคลื่อนรถได้


    ทางด้านชายผู้ถูกุมตัวพร้อมหลักฐานหนาแน่นทั้งสองมือเหงื่อตกเล็กน้อยด้วยไม่คิดว่าเชื้อพระวงค์อย่างหญิงสาวจะจัดการเองเช่นนี้ เบอเรย์ ไวท์มูน ใช้พลังของตนเองแปรสภาพเป็นควันแล้วหายวับออกจากประตูไปอย่างรวดเร็ว ไล่หลังเขาคือเสียงที่ดังด้วยความวุ่นวายว่าตัวเขานั้นหายไป


    “องค์หญิงผมเงินม่วงหรอ...” เบอเรย์พึมพำเมื่อหวนนึกถึงภาพของสตรีผมเงินม่วงที่ปรายตามองเขาด้วยสายตาเย็นเหยียบและมืดมน ดวงตาสีแดงหม่นแสงผิดกลับบรรดาผู้เป็นเชื้อพระวงค์ทั้งหลายมันตราตรึงให้เขาหวนนึกถึงอีกครา แต่เหมือนโชคชะตาจะเล่นตลกเมื่อเขาที่กำลังหลบหนีนั้นได้เคลื่อนตัวผ่านรถม้าที่เทียมม้าอสูรเวหาที่กำลังเตรียมบิน


    ดวงตาสีฟ้าเช่นเดียวกับสีผมสบตากับดวงตาสีแดงเหม่นแสงของหญิงสาวที่เหม่อมองออกมา “...” ต่างฝ่ายต่างเงียบและนิ่งเฉย ก่อนที่หญิงสาวจะหันใบหน้าไปอีกทางแล้วข้ารับใช้ของนางก็พุ่งเข้ามาจับผ้าม่านปิดลงกั้นสายตาของชายหนุ่มออกจากร่างงามภายในรถม้า


    ชั่ววินาทีที่ผ้าม่านถูกปิดลงด้วยน้ำมือของข้ารับใช้สาว เบอเรย์ได้สังเกตเห็นลายมือชื่อที่แสนจะงดงามบนหน้าปกหนังสือหน้าบนตักของหญิงสาว และแล้วรถม้าก็พุ่งขึ้นสู่เวหาด้วยแรงพยุงของเวทย์และแรงของม้าอสูรเวหา “เฮล่า โค เอเมสโต้..” ชายหนุ่มครางออกมาแผ่วเบาราวกับกำลังกระซิบเสียงให้สายลม....



     

    *****************************


     

    แสงสีฟ้าสว่างว้าบจากศิลาแห่งราชันย์ ตามด้วยชื่อของผู้ถูกเลือกที่ปรากฏขึ้นเช่นเดียวกับศิลาแห่งจอมราชันย์อีกแผ่นที่ประทับชื่อผู้ถูกเลือกตั้งแต่เมื่อหลายปีก่อน – ผู้ดูแลมองชื่อนั้นก่อนจะหายวับไป ทิ้งไว้เพียงผู้ดูแลศิลาผนึกอื่นๆที่รอคอยผู้ถูกเลือกที่ตนเองต้องไปดูแล..


    เซธบัลเธียร์..ครานี้ผู้ที่เจ้าต้องดูแลดันเป็นลูกหลานของอดีตศัตรูหัวใจเจ้างั้นหรือ – หึๆ” เสียงหวานใสของสตรีเพียงหนึ่งเดียวดังขึ้น ก่อนที่นางจะหันไปสนใจศิลาที่ตนเองดูแลที่กำลังเปล่งแสงและชื่อผู้ครอบครองพลัง หญิงสาวในชุดคลุมสีดำส่ายหัวกับตัวเองเล็กน้อยเมื่อเห็นชื่อ


    “ว่าให้เซธบัลเธียร์..สุดท้ายเจ้าเองก็ต้องคอยดูแลลูกหลานของศัตรูเจ้าเมื่อกาลก่อนไม่ใช่หรือ?” เสียงทุ้มทรงเสน่ห์ติดขี้เล่นของชายผมสีแดงเพลิงดังขึ้นก่อนที่ชายหนุ่มจะหันไปสนใจแสงจากผนึกตรงหน้าตนแล้วกุมขมับอีกคน


    5555 เจ้าเองก็ได้ลูกหลานของผู้ที่แย่งชิงน้องสาวไปสินะ” หญิงสาวหัวเราะใส่สหายก่อนจะชิงหายตัวไปก่อนที่จะโดนแกล้งทันที ตามด้วยชายหนุ่มผู้ถูกล้อเลียนคืน – บัดนี้ศิลาแห่งราชันย์ทั้งห้าและผู้พิทักพ์ก็ได้ทำการเลือกผู้เหมาะสมที่จะถือครองพลังไปอย่างช้าๆตามลำดับ – คำทำนายบทใหม่กำลังจะเริ่มต้นขึ้น มิตรภาพ ศัตรูและหน้าที่กำลังรอให้ผู้ถูกเลือกทั้งหลายต้องเผชิญหน้ากับมัน....



     

     

     

    “องค์หญิงเฮล่าเจ้าค่ะ ตอนนี้พวกเราใกล้ถึงเขตแดนเมืองแห่งท้องฟ้าแล้วเจ้าคะ” เสียงหวานดังขึ้นพร้อมกับผ้าม่านที่ถูกเลิกให้สายลมพัดเข้ามาคลอเคลียใบหน้างามที่กำลังจดจ่อไปกับการอ่านหนังสือเล่มหนาบนตัก


    “อืม..” เฮล่าขานรับในลำคอแต่ก็มิได้เงยหน้าขึ้นจากในหนังสือเลยแม้แต่น้อย ทำเอาหญิงสาวคนสนิทของนางพองลมจนเต็มแก้มไปหมด


    “โอเลเซีย..เราไม่สนพวกเทพเหล่านั้นหรอกนะ – อย่าลืมสิ” เฮล่าเอ่ยเสียงเรียบๆราวกับรู้ว่าคนสนิทของตนเองนั้นกำลังสีหน้าเช่นไร ดวงตาสีแดงหม่นยังคงกวาดสายตามองตัวหนังสือทั้งหลายอย่างใจจดใจจ่อ


    “โธ่..องค์หญิงละก็..” โอเลเซีย ไฮราเรียน ถอนหายใจก่อนจะเอ่ยเสียงอ้อนกับผู้เป็นนาย แต่สุดท้ายนางก็ต้องเงียบเสียงลงเมื่อเห็นว่านายสาวกำลังจดจ่อกับการอ่านหนังสือเล่มหนาอยู่ ใบหน้างามผิวสีน้ำผึ้งขัดกับผู้เป็นนาย บ่งบอกว่าเจ้าตัวเป็นสตรีที่ซนเพียงใด ดวงตาสีทับทิมส่องประกายแวววับอย่างน่ารักเมื่อเห็นเหล่าเทพที่บินผ่านไปมาทั้งหลาย ปรอยผมดำน้ำตาลหลุดออกมาคอลเคลียใบหน้างามเล็กน้อยก่อนที่จะถูกปัดไปไว้หลังหูด้วยฝีมือของหญิงสาว


    ขบวนรถม้าอสูรเวหาบินไปตามทางที่มุ่งหน้าสู่โรงเรียนแสนยิ่งใหญ่ที่รวบรวมเหล่านักเรียนมาจากทั่วสารทิศ ผู้ที่จะเข้าศึกษาที่โรงเรียนนี้ไม่ใช่เพียงแค่มีพลังเวทย์ก็สมัครได้ แต่พวกเขาต้องมีจดหมายรับร้องที่ส่งตรงจากทางโรงเรียนเท่านั้นด้วย – ผู้ที่ได้รับจดหมายจะไม่ถูกแบ่งแยกชนชั้น ทั้งหมดจะจัดอยู่ในคลาสเริ่มต้นก่อนการคัดแยกคลาสและห้องเรียน.. อีกหนึ่งอาทิตย์โรงเรียนมหาเวทย์ก็จะทำการเปิดเรียน ผู้คนต่างมุ่งหน้าไปที่นั้นเพื่อสมัครตามใบรับรองที่ได้รับ หากผู้ใดไม่มีใบรับรอง ผู้นั้นก็ไม่มีสิทธิ์ลงสมัคร...แต่ก็ใช่ว่าจะไม่มีนักเรียนที่ไร้ใบรับรองแล้วเข้าเรียนได้ พวกเขาล้วนเป็นผู้ที่ถูกละเว้นไว้ หนึ่งในนั้นยังมีสมาชิกของกลุ่มกรรมการกลางประจำโรงเรียนและผู้รับสิทธิพิเศษโดยตรงจากผู้อำนวยการทั้งสอง.....


     

    *************************************


     

    (*เสริม)

    ม้าอสูรเวหา :: มีลักษณะเด่นคือลำตัวสีดำสนิทและมีปีกคล้ายปีกมังกรอยู่กลางหลัง กีบเท้าของมันเป็นสีแดงดั่งเลือด มีกลิ่นเหม็นสาบของอสูร มันมีเขาสีแดงกลางหน้าผาก เขาลักษณะคล้ายเขายูริคอร์นต่างเพียงแค่ว่า เขาของม้าอสูรเวหานั้นจะส่องแสงสีแดงออกมาเมื่อมันกำลังสื่อสารกับบุคคลที่มันต้องการ

    ความสามารถพิเศษของม้าอสูรเวหา คือ สื่อสารกับมนุษย์ อสูร ปีศาจได้ บินไปกลางเวหาที่เต็มไปด้วยแสงได้ต่างจากม้ามังกรอสูรดำที่มิอาจเข้าใกล้แสงได้

    (เป็นสัตว์ประจำราชวงค์ของอาณาจักรแห่งความมืดและรัตติการ)

    ม้ามังกรอสูรดำ :: ลักษณะเด่นของมันคือเกล็ดที่คล้ายมังกร จามสะท้อนแสงจะเปล่งประกาย ลำตัวของมันเป็นสีดำทั้งหมด ดวงตาสีแดงดุจเลือดและมีเสียงลมหายใจดังหืดหาดๆ

    ความสามารถพิเศษของม้ามังกรอสูรดำ คือ ซ้อนเร้นตัวตน และมีหมอกสีดำปกคลุมรอบกายเพื่อป้องกันแสงมากระทบถูกตัวหรือตาของมัน

    (เป็นสัตว์ประจำราชวงค์ของเผ่าพันธุ์ปีศาจ)

    จดหมายรับรองจากโรงเรียนมหาเวทย์

    แบ่งออกเป็นทั้งหมด 3 สี

    สีขาว สีดำและสีเทา

    จดหมายสีขาว ส่งถึงประชาชนธรรมดาที่มีพลังเวทย์และถูกพลังกักขังพลังเวทย์ ทุกเผ่าพันธุ์และทุกฐานะ แม้แต่ขอทาน ยาจกหรือเด็กกำพร้าก็ได้รับ

    จดหมายสีดำ ส่งถึงเผ่าพันธุ์ปีศาจระดับชั้นสูง ผู้มีสายเลือดปีศาจ เหล่าองค์หญิง องค์ชาย หรือผู้สืบสายเลือดราชวงค์ รวมไปถึงเผ่าพันธุ์เทพและเหล่าสายเลือดผสม

    จดหมายสีเทา ส่งถึงบุคคลพิเศษที่มีชื่ออยู่ในระเบียบการเป็นนักเรียนตั้งแต่เกิด อาทิ ผู้ถูกเลือกทั้ง 12 จากศิลาแห่งราชันย์และผู้พิทักพ์ หรือ ผู้มีพลังพิเศษที่ฝืนโชคชะตาและอำนาจของโลก


    ปล.ไรท์อัพให้ย้อนหลังเน้อ พอดีลืม เจอกันใหม่วันจันทร์น่า


     

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×