คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #16 : บทที่ 7
บทที่ 7
จ้อกกกกกก!!!
เสียงร้องดังสนั่นทำเอาผู้คนที่ได้ยินต่างก็หันไปมองเจ้าของเสียงร้องดัง ใบหน้าหวานของหญิงสาวแดงก่ำก่อนที่จะรีบใช้ผ้าคลุมสีหม่นแสนขาดวิ้นปิดบังใบหน้าของตนเองแล้ววิ่งหายเข้าไปในตรอกที่อยู่ไม่ไกล – แครีน่า คราเทียร์ กุมท้องที่ส่งเสียงร้องประท้วงเป็นระยะๆด้วยความอาย ผมสีน้ำเงินที่เด่นสง่าขัดกับสีของผ้าคลุมอย่างเห็นได้ชัด มันช่างสะดุดตาให้หัวขโมยแห่งตรอกมืดหลงใหล...
“เจ้าท้องบ้า..ทำไมต้องมาร้องตอนนี้ด้วยเนี้ย! – น่าอายชะมัด” แครีน่าสบถออกมาด้วยใบหน้าเห่อแดง แต่ทะว่าประสาทหูของเธอได้ยินเสียงบางอย่างจนต้องหยุดขาที่กำลังก้าวเดินไปเบื้องหน้าทันที ดวงตาสีแดงสดเหลือบมองทิศทางที่ตนจับสัมผัสได้..
“....”
พรึบ!
ร่างบางในชุดคลุมขาดวิ้นหายวับไปจากครรลองสายตาของชายหนุ่มที่แอบสะกดลอยตามหญิงสาว ชายหนุ่มดีดตัวมายืนตรงจุดที่หญิงสาวหายตัวไป มือหนาที่จับดาบมาเสียนานยกขึ้นขยี้ผมสีน้ำเงินของตนเองเสียจนยุ่ง ดวงตาสีแดงเพลิงดูหงุดหงิดและวุ่นวายใจไม่น้อยก่อนที่เขาจะยกแขนขึ้นกันอะไรสักอย่างที่พุ่งตรงหมายจะปะทะเข้าที่หน้าของเขา!
“แอบสะกดรอยตามมาแบบนี้ต้องการอะไร..หืม?” แครีน่าค้างในท่าเตะแสยะยิ้มให้กับบุคคลปริศนาในความคิดของตนเองก่อนจะกระพริบตาปริบๆเมื่อเห็นว่าบุคคลนั้นเป็นใคร “คอเทีย?!”
“....” คอเทีย คราเทียร์ ลดแขนลงข้างลำตัวเมื่อเห็นว่าพี่สาวของตนลดขาลงไปแล้ว ดวงตาสีแดงเพลิงจับจ้องไปที่ใบหน้าของพี่สาวที่มอมแมมเสียจนจำแทบไม่ได้ แม้จะมีใบหน้าที่คล้ายๆกันก็ตามทีเถอะ
“ไหงเรามาสะกดรอยตามพี่ได้ละ?” แครีน่าเอ่ยถามน้องชายด้วยความสงสัยก่อนจะอ้าปากค้าง พลันใบหน้าหวานก็ค่อยๆเห่อแดง ตรงหน้าหญิงสาวคือห่อผ้าสัมภาระของเธอที่หลุดหายไปปรากฏอยู่บนฝ่ามือของน้องชาย อาหารที่ส่งกลิ่นหอมยั้วยวนให้น้ำลายส่อเช่นเดียวกับเสียงท้องที่ร้องประท้วง
“หลงทางจนน่าตี” คอเทียเอ่ยสั้นๆก่อนจะโยนสัมภาระและห่ออาหารในมือให้พี่สาวแล้วเดินออกจากตรอกไป “เดี๋ยวสิ! คอเทีย รอพี่ด้วย!!!” หญิงสาวรับของที่น้องชายโยนมาให้ได้ทันท้วงทีก่อนจะกะวีกะวายวิ่งตามชายหนุ่มไปเพื่อกันตัวเองหลงทางอีกรอบ...
************************************
ทางด้านทางตอนใต้ของราชอาณาจักรแห่งความมืดและรัตติการ
ห่างออกไปในป่าลึกอันแสนไกลโพ้นที่ไม่มีชาวเมืองหรือสัตว์น้อยใหญ่ใดๆอยากย้ำกรายเข้าใกล้
ประตูสีดำตั้งเด่นสง่าหน้าทางเข้าถ้ำลึกลับที่แผ่กลิ่นอายอันน่าเกรงขามและสยดสยอง
เอี้ยดๆ แกร็กๆ
รถม้าสีดำสนิทประทับตราประจำราชวงค์เคลื่อนตัวออกมาจากถ้ำที่เป็นทางเชื้อมไปยังโลกใต้พิภพ
ม้ามังกรอสูรดำสะท้อนแสงอาทิตย์ที่สาดส่องลงมาผ่านแมกไม้หนา มันส่งเสียงหายใจหืดหาดๆ
เสียงย้ำเท้าไปบนพื้นดินสีดำที่ปกคลุมไปด้วยใบไม้จากต้นไม้ใหญ่ที่ขึ้นจนรกทึบบดบังแสงอาทิตย์ของยามสาย
“องค์ชายพะยะค่ะ”
เสียงแหบแห้งของชายชราผู้เป็นข้ารับใช้ดังขึ้นจากจุดสำหรับคุมบังเถียน
– ชายหนุ่มผู้ถูกเอ่ยขัดยามนิทรา
ลืมตาขึ้นช้าๆด้วยแววตาหงุดหงิดแต่ก็ไม่ได้เอ่ยคำใดออกไปนอกจากเส่ตามองไปทางหน้าต่างที่มีม่านผ้าไหมสีดำบางปกอยู่
“พระองค์ไม่ควรที่ปฏิเสธกระแสรับสั่งขององค์ราชานะพะยะค่ะ”
เซบาสเตียน ข้ารับใช้ผู้จงรักษ์และภักดีขององค์ชายลำดับ 1 องค์ชาย
เซเรซิส เดอ กาเวนด์
“ข้าเกลียดสตรี..”
เสียงทุ้มแสนเย็นชาแฝงด้วยอำนาจตามสายเลือดอันบริสุทธิ์ของเขาดังขึ้น
น้ำเสียงดูหงุดหงิดไม่น้อยที่ข้ารับใช้คนสนิทเอ่ยเรื่องที่รบกวนจิตใจของเขาออกมา
“หากเจ้ายังเอ่ยถึงเรื่องนี้อีก – ข้าจักส่งเจ้าไปให้แม่นมของมิสเอนดิลเทียร์”
“ข้าจำได้ว่า
นางหลงใหลและปักใจอยู่กับเจ้า...” เซเรซิสพูดยังไม่ทันจบประโยค
เสียงแหบแห้งของเซบาสเตียนก็ดังขึ้นขัดเขาด้วยน้ำเสียงร้อนรนทันที
“องค์ชายอย่าทำเช่นนั้นนะพะยะค่ะ – กระหม่อมขออภัยที่เอ่ยเรื่องนั้นออกไป”
“หึ..”
ใบหน้าหล่อเหล่างดงามดั่งปีศาจแสยะยิ้มออกเผยให้เห็นเขี้ยวสีขาวดุจมุกของเขาที่ประดับตรงมุมปากทั้งสองข้าง
มันช่วยขับเน้นให้เขาหล่อเหลามากยิ่งขึ้นและเต็มไปด้วยมนต์เสน่ห์ – สุดท้ายแล้วภายในรถม้าที่หรูหราก็เกิดความเงียบอย่างที่ชายหนุ่มสูงศักดิ์ต้องการ
ก่อนที่เขาจะคล้อยหลับไปอีกคราราวกับกำลังจำศีล....
ห่างออกไปจากเขตป่าต้องห้ามของอาณาจักรแห่งความมืดและรัตติการที่เป็นประตูเชื่อมระหว่างเขตแดนมนุษย์และโลกปีศาจ
ประตูเมืองสีทองอร่ามตาดูเด่นและงดงามเมื่อเทียบกับบรรยากาศภายในเมือง
สตรีผมสีเงินแซมม่วงผู้กำลังนั่งอย่างสง่าผ่าเผยบนรถม้าประจำตัว
ปรายตามองประตูสีทองด้วยสายตาเย็นชาก่อนจะสะบัดมือคราเดียว
สีของมันก็กลับมาเป็นดังเดิม – สีประตูเมืองอันดำสนิทเหลือบทองบ่งบอกถึงความลึบลับและสง่าของราชวงค์และอาณาจักร
“องค์หญิง...”
เสียงคนสนิทของหญิงสาวดังขึ้นก่อนที่จะเงียบลงเมื่อเห็นว่ามือเรียวงามที่สวมถุงมือสีดำสนิทยื่นออกไปด้านนอกพร้อมกับเลิกม่านที่คลุมรถออก
เสียงฮือฮาของชาวเมืองดังขึ้นอย่างเซ็งแซ่เมื่อเห็นว่าใครที่ลบล้างอักขระที่มีคนมาละเล่นออกจากประตูเมือง
“องค์หญิง”
เสียงชาวเมืองดังขึ้นพร้อมกับการทำความเคารพร่างงามที่กวาดสายตามองไปรอบๆอยู่
ดวงตาสีแดงเช่นมารดากวาดสายตามองไปรอบๆอย่างจับผิดก่อนจะชี้นิ้วไปยังชายหนุ่มผู้หนึ่งที่กำลังทำท่าทางลุกลี้ลุกลนพลันสายลมสีดำก็หมุนวนรอบกายชายหนุ่มก่อนจะพาร่างของเขาลอยไปยังเหล่าทหารที่ยืนประจำการอยู่
“เราไม่ชอบผู้ที่มาทำการละเล่นอย่างไร้สาระ
– จัดการตามกฎมนเทียณ” เสียงหวานเอ่ยสั่งเนิบๆ
ก่อนจะปล่อยผ้าม่านลงแล้วหันหน้าไปสั่งคนสนิทให้บอกคนบังคับม้าเคลื่อนรถได้
ทางด้านชายผู้ถูกุมตัวพร้อมหลักฐานหนาแน่นทั้งสองมือเหงื่อตกเล็กน้อยด้วยไม่คิดว่าเชื้อพระวงค์อย่างหญิงสาวจะจัดการเองเช่นนี้
เบอเรย์ ไวท์มูน
ใช้พลังของตนเองแปรสภาพเป็นควันแล้วหายวับออกจากประตูไปอย่างรวดเร็ว
ไล่หลังเขาคือเสียงที่ดังด้วยความวุ่นวายว่าตัวเขานั้นหายไป
“องค์หญิงผมเงินม่วงหรอ...” เบอเรย์พึมพำเมื่อหวนนึกถึงภาพของสตรีผมเงินม่วงที่ปรายตามองเขาด้วยสายตาเย็นเหยียบและมืดมน
ดวงตาสีแดงหม่นแสงผิดกลับบรรดาผู้เป็นเชื้อพระวงค์ทั้งหลายมันตราตรึงให้เขาหวนนึกถึงอีกครา
แต่เหมือนโชคชะตาจะเล่นตลกเมื่อเขาที่กำลังหลบหนีนั้นได้เคลื่อนตัวผ่านรถม้าที่เทียมม้าอสูรเวหาที่กำลังเตรียมบิน
ดวงตาสีฟ้าเช่นเดียวกับสีผมสบตากับดวงตาสีแดงเหม่นแสงของหญิงสาวที่เหม่อมองออกมา
“...” ต่างฝ่ายต่างเงียบและนิ่งเฉย ก่อนที่หญิงสาวจะหันใบหน้าไปอีกทางแล้วข้ารับใช้ของนางก็พุ่งเข้ามาจับผ้าม่านปิดลงกั้นสายตาของชายหนุ่มออกจากร่างงามภายในรถม้า
ชั่ววินาทีที่ผ้าม่านถูกปิดลงด้วยน้ำมือของข้ารับใช้สาว
เบอเรย์ได้สังเกตเห็นลายมือชื่อที่แสนจะงดงามบนหน้าปกหนังสือหน้าบนตักของหญิงสาว
และแล้วรถม้าก็พุ่งขึ้นสู่เวหาด้วยแรงพยุงของเวทย์และแรงของม้าอสูรเวหา “เฮล่า
โค เอเมสโต้..” ชายหนุ่มครางออกมาแผ่วเบาราวกับกำลังกระซิบเสียงให้สายลม....
*****************************
แสงสีฟ้าสว่างว้าบจากศิลาแห่งราชันย์
ตามด้วยชื่อของผู้ถูกเลือกที่ปรากฏขึ้นเช่นเดียวกับศิลาแห่งจอมราชันย์อีกแผ่นที่ประทับชื่อผู้ถูกเลือกตั้งแต่เมื่อหลายปีก่อน
– ผู้ดูแลมองชื่อนั้นก่อนจะหายวับไป ทิ้งไว้เพียงผู้ดูแลศิลาผนึกอื่นๆที่รอคอยผู้ถูกเลือกที่ตนเองต้องไปดูแล..
“เซธบัลเธียร์..ครานี้ผู้ที่เจ้าต้องดูแลดันเป็นลูกหลานของอดีตศัตรูหัวใจเจ้างั้นหรือ
– หึๆ” เสียงหวานใสของสตรีเพียงหนึ่งเดียวดังขึ้น
ก่อนที่นางจะหันไปสนใจศิลาที่ตนเองดูแลที่กำลังเปล่งแสงและชื่อผู้ครอบครองพลัง
หญิงสาวในชุดคลุมสีดำส่ายหัวกับตัวเองเล็กน้อยเมื่อเห็นชื่อ
“ว่าให้เซธบัลเธียร์..สุดท้ายเจ้าเองก็ต้องคอยดูแลลูกหลานของศัตรูเจ้าเมื่อกาลก่อนไม่ใช่หรือ?”
เสียงทุ้มทรงเสน่ห์ติดขี้เล่นของชายผมสีแดงเพลิงดังขึ้นก่อนที่ชายหนุ่มจะหันไปสนใจแสงจากผนึกตรงหน้าตนแล้วกุมขมับอีกคน
“5555 เจ้าเองก็ได้ลูกหลานของผู้ที่แย่งชิงน้องสาวไปสินะ”
หญิงสาวหัวเราะใส่สหายก่อนจะชิงหายตัวไปก่อนที่จะโดนแกล้งทันที
ตามด้วยชายหนุ่มผู้ถูกล้อเลียนคืน –
บัดนี้ศิลาแห่งราชันย์ทั้งห้าและผู้พิทักพ์ก็ได้ทำการเลือกผู้เหมาะสมที่จะถือครองพลังไปอย่างช้าๆตามลำดับ
– คำทำนายบทใหม่กำลังจะเริ่มต้นขึ้น มิตรภาพ ศัตรูและหน้าที่กำลังรอให้ผู้ถูกเลือกทั้งหลายต้องเผชิญหน้ากับมัน....
“องค์หญิงเฮล่าเจ้าค่ะ
ตอนนี้พวกเราใกล้ถึงเขตแดนเมืองแห่งท้องฟ้าแล้วเจ้าคะ”
เสียงหวานดังขึ้นพร้อมกับผ้าม่านที่ถูกเลิกให้สายลมพัดเข้ามาคลอเคลียใบหน้างามที่กำลังจดจ่อไปกับการอ่านหนังสือเล่มหนาบนตัก
“อืม..”
เฮล่าขานรับในลำคอแต่ก็มิได้เงยหน้าขึ้นจากในหนังสือเลยแม้แต่น้อย
ทำเอาหญิงสาวคนสนิทของนางพองลมจนเต็มแก้มไปหมด
“โอเลเซีย..เราไม่สนพวกเทพเหล่านั้นหรอกนะ
– อย่าลืมสิ” เฮล่าเอ่ยเสียงเรียบๆราวกับรู้ว่าคนสนิทของตนเองนั้นกำลังสีหน้าเช่นไร
ดวงตาสีแดงหม่นยังคงกวาดสายตามองตัวหนังสือทั้งหลายอย่างใจจดใจจ่อ
“โธ่..องค์หญิงละก็..” โอเลเซีย
ไฮราเรียน ถอนหายใจก่อนจะเอ่ยเสียงอ้อนกับผู้เป็นนาย
แต่สุดท้ายนางก็ต้องเงียบเสียงลงเมื่อเห็นว่านายสาวกำลังจดจ่อกับการอ่านหนังสือเล่มหนาอยู่
ใบหน้างามผิวสีน้ำผึ้งขัดกับผู้เป็นนาย บ่งบอกว่าเจ้าตัวเป็นสตรีที่ซนเพียงใด
ดวงตาสีทับทิมส่องประกายแวววับอย่างน่ารักเมื่อเห็นเหล่าเทพที่บินผ่านไปมาทั้งหลาย
ปรอยผมดำน้ำตาลหลุดออกมาคอลเคลียใบหน้างามเล็กน้อยก่อนที่จะถูกปัดไปไว้หลังหูด้วยฝีมือของหญิงสาว
ขบวนรถม้าอสูรเวหาบินไปตามทางที่มุ่งหน้าสู่โรงเรียนแสนยิ่งใหญ่ที่รวบรวมเหล่านักเรียนมาจากทั่วสารทิศ
ผู้ที่จะเข้าศึกษาที่โรงเรียนนี้ไม่ใช่เพียงแค่มีพลังเวทย์ก็สมัครได้
แต่พวกเขาต้องมีจดหมายรับร้องที่ส่งตรงจากทางโรงเรียนเท่านั้นด้วย – ผู้ที่ได้รับจดหมายจะไม่ถูกแบ่งแยกชนชั้น
ทั้งหมดจะจัดอยู่ในคลาสเริ่มต้นก่อนการคัดแยกคลาสและห้องเรียน..
อีกหนึ่งอาทิตย์โรงเรียนมหาเวทย์ก็จะทำการเปิดเรียน
ผู้คนต่างมุ่งหน้าไปที่นั้นเพื่อสมัครตามใบรับรองที่ได้รับ หากผู้ใดไม่มีใบรับรอง
ผู้นั้นก็ไม่มีสิทธิ์ลงสมัคร...แต่ก็ใช่ว่าจะไม่มีนักเรียนที่ไร้ใบรับรองแล้วเข้าเรียนได้
พวกเขาล้วนเป็นผู้ที่ถูกละเว้นไว้ หนึ่งในนั้นยังมีสมาชิกของกลุ่มกรรมการกลางประจำโรงเรียนและผู้รับสิทธิพิเศษโดยตรงจากผู้อำนวยการทั้งสอง.....
*************************************
(*เสริม)
ม้าอสูรเวหา
:: มีลักษณะเด่นคือลำตัวสีดำสนิทและมีปีกคล้ายปีกมังกรอยู่กลางหลัง
กีบเท้าของมันเป็นสีแดงดั่งเลือด มีกลิ่นเหม็นสาบของอสูร มันมีเขาสีแดงกลางหน้าผาก
เขาลักษณะคล้ายเขายูริคอร์นต่างเพียงแค่ว่า
เขาของม้าอสูรเวหานั้นจะส่องแสงสีแดงออกมาเมื่อมันกำลังสื่อสารกับบุคคลที่มันต้องการ
ความสามารถพิเศษของม้าอสูรเวหา
คือ สื่อสารกับมนุษย์ อสูร ปีศาจได้ บินไปกลางเวหาที่เต็มไปด้วยแสงได้ต่างจากม้ามังกรอสูรดำที่มิอาจเข้าใกล้แสงได้
(เป็นสัตว์ประจำราชวงค์ของอาณาจักรแห่งความมืดและรัตติการ)
ม้ามังกรอสูรดำ
::
ลักษณะเด่นของมันคือเกล็ดที่คล้ายมังกร จามสะท้อนแสงจะเปล่งประกาย
ลำตัวของมันเป็นสีดำทั้งหมด ดวงตาสีแดงดุจเลือดและมีเสียงลมหายใจดังหืดหาดๆ
ความสามารถพิเศษของม้ามังกรอสูรดำ
คือ ซ้อนเร้นตัวตน
และมีหมอกสีดำปกคลุมรอบกายเพื่อป้องกันแสงมากระทบถูกตัวหรือตาของมัน
(เป็นสัตว์ประจำราชวงค์ของเผ่าพันธุ์ปีศาจ)
จดหมายรับรองจากโรงเรียนมหาเวทย์
แบ่งออกเป็นทั้งหมด
3 สี
สีขาว
สีดำและสีเทา
จดหมายสีขาว
ส่งถึงประชาชนธรรมดาที่มีพลังเวทย์และถูกพลังกักขังพลังเวทย์ ทุกเผ่าพันธุ์และทุกฐานะ
แม้แต่ขอทาน ยาจกหรือเด็กกำพร้าก็ได้รับ
จดหมายสีดำ
ส่งถึงเผ่าพันธุ์ปีศาจระดับชั้นสูง ผู้มีสายเลือดปีศาจ เหล่าองค์หญิง องค์ชาย
หรือผู้สืบสายเลือดราชวงค์ รวมไปถึงเผ่าพันธุ์เทพและเหล่าสายเลือดผสม
จดหมายสีเทา
ส่งถึงบุคคลพิเศษที่มีชื่ออยู่ในระเบียบการเป็นนักเรียนตั้งแต่เกิด อาทิ
ผู้ถูกเลือกทั้ง 12 จากศิลาแห่งราชันย์และผู้พิทักพ์
หรือ ผู้มีพลังพิเศษที่ฝืนโชคชะตาและอำนาจของโลก
ปล.ไรท์อัพให้ย้อนหลังเน้อ พอดีลืม เจอกันใหม่วันจันทร์น่า
ความคิดเห็น