คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #12 : มิติพิศวงที่ 10 [Re]
มิติพิศวงที่ 10
“ว่าแต่จะไม่สั่งอะไรหน่อยเหรอครับ ผมชักหิวแล้วล่ะ”
คุโรโกะเป็นคนพูดเปิดประเด็น เมื่อไม่มีใครพูดอะไรเลยนอกจากนั่งเงียบจ้องหน้ากันไปมาเท่านั้น ส่วนอมีเรีย...เธอก็กำลังก้มมองเมนูในมือตนเองพร้อมคิ้วที่ขมวดเข้าหากันจนแทบจะผูกเป็นโบอยู่แล้ว แม้จะอ่านภาษาคันจิออกแต่เธอก็ไม่เข้าใจอยู่ดีว่าควรจะสั่งยังไง อันที่จริงต้องบอกว่า...
เธอไม่รู้วิธีสั่งอาหารญี่ปุ่นแบบนั่งทานประจำร้านอะไรพวกนี้
เมื่อคุโรโกะเป็นคนช่วยเปิดบทสนทนาให้ คนอื่นๆที่นั่งเงียบอยู่จึงเริ่มมีปฏิกิริยาตอบสนองกลับมาบ้าง คางามิเองก็รับเอาเมนูจากอมีเรียมาเปิดอ่านเพื่อสั่งออเดอร์ มิโดริมะเองก็รับแผ่นเมนูมาจากคิเสะเช่นเดียวกัน
“ส่วนฉันเริ่มจะอิ่มแล้วน่ะนะ” คิเสะยิ้มพร้อมช้อนเหล็กในมือที่แกว่งไปมา “...แค่มอนจะที่กินอยู่นี่ก็พอแล้ว”
“ออเดอร์ด้วยครับ”
เมื่อกวาดสายตามองบรรดาเมนูทั้งหมดเสร็จแล้ว คางามิก็ชูมือเรียกพนักงานร้านให้มารับออเดอร์ อมีเรียที่นั่งเงียบอยู่แต่แรกเบนสายตาไปมองญาติหนุ่มความสนใจ ก่อนจะชะโงกหน้าไปดูว่าอีกฝ่ายสนใจอะไรรึเปล่า เธอจะได้สั่งตาม..แต่ความคิดพวกนั้นก็ต้องหายไปเมื่อ คางามิร่ายยาวถึงออเดอร์ของตนเอง
“เอาหมึกกับไข่ หมูกับไข่ รวมมิตรใส่ไข่ หมึกยักษ์กับไข่ หมูกิมจิกับบไข่ด้วย”
“จะสั่งเยอะเกินไปแล้ว! / แล้วนั่นมันคาถาอะไรกันน่ะ”
มิโดริมะและคิเสะพร้อมใจกันหันมาว๊ากใส่คางามิที่ร่ายยาวถึงออเดอร์ของตน ซึ่งคนปกติที่ไหนเขาสั่งมากินเยอะแยะแบบนั้นกันละ! แต่จะว่าไป...คางามิก็เป็นคนที่ไม่ค่อยปกติอยู่แล้วด้วยสิ ไม่สิๆ สั่งมาเยอะแบบนั้นต่อให้ไม่ใช่คนธรรมดาก็กินไม่หมดหรอกนะ....!!
“....”
คุโรโกะมองปฏิกิริยาของทั้งสองคนราวกับว่านั้นเป็นเรื่องปกติที่จะตกใจ แล้วพูด “ไม่ต้องห่วงครับ คางามิคุงกินคนเดียวหมดอยู่แล้ว” ว่าจบก็หันไปสั่งออเดอร์ของตนกับพนักงาน
“หมอนั่นเป็นคนแน่เหรอ?” คิเสะดูจะทึ้งไม่น้อย
“ฉันสั่งมาเผื่อยัยเบื้อกนี้ด้วยต่างหากล่ะ – ยัยนี้ไม่เคยกินอะไรแบบนี้” คางามิมองจิกคิเสะแล้วเบนสายตามองญาติสาวที่ยังคงทำหน้ามึนไม่รับรู้เรื่องราวอะไรเหมือนเคย “ทำตาแบบนั้น..เธอคิดจะสั่งแบบฉันหรอมิเรีย?” เขาถามด้วยความสงสัย
“อื้อ..” อมีเรียผงกหัวรับคำ ก่อนขมวดคิ้วกับรายการออเดอร์ที่คางามิเพิ่งร่ายยาวจบไปไม่นานมานี้ “ก็แค่อยากลองแต่ไทกะสั่งมาเยอะแบบนั้น – เราสั่งแบบไทกะไม่ได้หรอก”
“.....”
“เราไม่ใช่คนกินจุเหมือนหมูอย่างไทกะนิ”
“บางทีฉันก็ชักอยากจะจับเธอออกไปนอกร้านแล้วน่ะ ถ้าไม่ติดว่าเป็นญาตินะ...” คงจะโดนยืดแก้มนิ่มๆนั้นกลางร้านไปแล้ว
คางามิไม่ได้พูดประโยคหลังออกมา เขายกนิ้วจิ้มแก้มป่องๆของญาติสาวพร้อมกลั้วหัวเราะในลำคอกับสัมผัสนุ่มนิ่ม ทั้งที่ตัวเล็กแทบจะไม่มีแก้มแท้ๆ แต่แค่จิ้มนิ้วเดียวเองแก้มของอมีเรียกลับเด้งสู้มือ แถมยังเนียนใสอีกต่างหาก— มันคือความแตกต่างของร่างกายระหว่างชายและหญิงรึเปล่านะ?
“ไทกะ..เราเจ็บแก้มนะคะ” อมีเรียขมวดคิ้ว เหล่มองนิ้วที่เอาแต่จิ้มแก้มเธอเพื่อฆ่าเวลาออเดอร์มา
“แก้มนิ่มไปรึเปล่า?” คางามิยู่ปากคล้ายไม่ชอบใจแต่นัยน์ตาของกลับเปล่งประกายยิ่งกว่า
อมีเรียไม่ได้ปัดมือญาติหนุ่มออกแต่เธอก็ไม่ได้ยินยอมให้เขาจิ้มตลอดไปจนกว่าออเดอร์จะมา เด็กสาวเบี่ยงสายตาไปมองสำรวจเหล่านักเรียนชายที่เอาแต่นั่งจ้องตากันเป็นมันมาตั้งแต่เมื่อกี้ – รอไม่นานอาหารที่สั่งไปก็ส่งกลิ่นหอมลอยมา เพราะอมีเรียเป็นที่นั่งพิเศษที่ต่อเติมแบบฉุกเฉินเธอเลยไม่ต้องตักเอง
แต่เป็นคางามิที่คอยบริการและสอนว่าให้ทำยังไง ถึงจะเก้ๆกังๆในตอนแรก
ทว่าพอผ่านไปสักพัก อมีเรียก็เริ่มชินและตักเองได้โดยที่คางามิไม่ต้องสอนอีก
ด้วยเพราะเป็นชาวต่างชาติเลยทำให้ไม่มีใครถือสาอะไรมากกับการที่จ้องเขม็งมองพวกเขากิน แต่..พอคิดดูดีๆแล้ว ที่คางามิสั่งมาดูเหมือนจะไม่พอสำหรับกินสองคนแล้วแฮะ...?
คุโรโกะมองร่างเล็กที่กินจุไม่ต่างจากคางามิด้วยแววตาเรียบเฉย แม้จะตกใจกับปริมาณการกินที่ไม่ต่างอะไรกับคางามิมากนัก แต่เหมือนเจ้าตัวจะไม่รู้เลยถึงจำนวนอาการที่ทานเข้าไป อาจเป็นเพราะเด็กสาวนั่งทานอยู่เงียบๆ เธอตักชิมทีละนิดทีละหน่อยอย่างมีมารยาท แตกต่างจากคางามิที่กินเอากินเอาเลอะปากไปหมด จนอมีเรียต้องหยิบเอาผ้ามาเช็ดให้เขา
ถ้าไม่รู้จากปากทั้งสองว่าเป็นลูกพี่ลูกน้องกัน บางทีเขาก็คงแอบคิดไปแล้วล่ะว่า....
ทั้งสองคน เป็นแฟนกันแน่ๆ
“ว่าแต่...คางามิจจิ คุณผู้จัดการเขาเป็นแฟนนายหรอ?”
อมีเรียที่กำลังจะตักมอมจะเข้าปากชะงักมือเล็กน้อย ก่อนช้อนตามองคิเสะ
“.....”
“...??”
“ถ้าเราจะต้องเป็นแฟนกับไทกะ ขอบวชชีดีกว่าค่ะ”
อมีเรียวางตะเกียบลงขณะมองหน้าคนถามด้วยแววตานิ่งเฉย หน้าตาของเธอไม่แม้แต่จะแสดงอารมณ์ใดๆออกมาเลย ชวนให้แอบรู้สึกว่าที่พูดเมื่อครู่เธออาจจะทำจริงๆก็ได้ ส่วนคางามิเขาเหล่มองคิเสะด้วยแววตาประหลาดพร้อมกลืนอาหารในปากลงกระเพาะอย่างรวดเร็ว
“มีเรียเป็นญาติฉัน...แล้วอีกอย่างใครอยากได้ยัยเตี้ยนี้เป็นแฟนกัน – โอ๊ย!” คางามิสะดุ้งแล้วก้มมองเอวของตนเองที่ถูกมือเล็กๆหยิกอยู่ “ชอบทำร้ายฉันจังน่ะยัยบ้า”
“ไทกะปากเสียก่อนค่ะ”
“ก็มันความจริงไหมเล่า”
“ไม่ค่ะ” อมีเรียพองแก้มพร้อมกับเพิ่มแรงหยิก “เราไม่ได้เตี้ย แค่ส่วนสูงยังไม่พัฒนาค่ะ!”
คางามิเลิกคิ้วอย่างสงสัย “....แล้วมันต่างกันตรงไหน?”
เพราะโดนคางามิย้ำเรื่องส่วนสูงที่ตอนนี้ทำร้ายจิตใจของเธอมากพอแล้ว เด็กสาวไม่ได้โกรธเคืองอะไรแค่ไม่พอใจที่ถูกย้ำถึงส่วนสูง เห็นแบบนี้เธอก็เคยมีส่วนสูงถึง 170 เกือบ 180 เลยน่ะ! แค่ตอนนี้มันยังไม่พัฒนาเพราะยังไม่โตเต็มวัยต่างหาก คางามิ ไทกะ เป็นผู้ชายที่ปากเสียชนิดร้ายแรงมาก!!
สุดท้ายเลยจำยอมเลิกเถียงกับคางามิแล้วก้มหน้าทานมอนจะอยู่เงียบๆตามเดิม อาจมีหยิบทิชชู่เช็ดปากให้คุโรโกะกับคางามิบ้างเป็นบางครั้ง แต่โดยส่วนใหญ่ก็คงจะเป็นคางามิที่สนใจแต่กินมากกว่ารักษาความสะอาดบนใบหน้าของตัวเอง อมีเรียนั่งทานอยู่ครู่หนึ่งจึงเงยหน้ามองมิโดริมะที่มีบางอย่างส่งกลิ่นหอมบนหัวเขา..
เกิดอะไรขึ้นงั้นเหรอ....?
เธอไม่ได้ตั้งใจฟังว่าพวกเขาทั้งสี่คนพูดอะไรเลย เพราะมัวแต่เคืองกับคำพูดแทงใจดำของคางามิที่เอ่ยถึงเรื่องส่วนสูงของเธอ รู้ตัวอีกทีมิโดริมะก็แยกตัวกลับไปเสียแล้ว แต่ก่อนกลับเขาได้เอาร่มมาส่งคืนให้กับเธอทว่าอมีเรียกลับเลือกที่จะมองออกไปด้านนอกแทน – นัยน์ตาสองสีมองสายฝนที่ตกปรอยๆเหมือนละอองแล้วกลับมามองนัยน์ตาสีชาเขียวของมือชู้ตอันดับหนึ่งแห่งชูโตคุ
เด็กสาวส่ายหน้าปฏิเสธพร้อมชี้ให้เห็นถึงละอองฝนที่ตกลงมาปรอยๆ แม้จะไม่ได้หนักมากเหมือนตอนแรกแต่อย่างน้อยมันพอมองเห็นได้ชัดอยู่ว่า ยังมีละอองฝนอยู่ดังนั้นอมีเรียจึงเลือกที่จะปฏิเสธการรับคืนแล้วบอกให้เขาเก็บมันเอาไว้จะดีซะกว่า..
ดังนั้นมิโดริมะจึงได้ร่มติดมือกลับบ้านไปท่ามกลางสายตาอิจฉาของคิเสะ
.
.
.
พวกเรานั่งทานและรอให้ร่างกายหายปวดเมื่อยอยู่สักพักจึงเดินออกจากร้านกัน..
แต่เหมือนจะมีใครบางคนหายไป..ในตอนนี้ทุกคนต่างออกมายืนหน้าร้านแล้วโดยที่อมีเรียก็กำลังยืนจ้องตาสุนัขตัวน้อยหน้ามึนเหมือนคุโรโกะอยู่ เธอจับเจ้าตัวน้อยไปวางแหมะบนกลุ่มผมสีบลูไลท์แล้วถอยห่างออกมา นัยน์ตาสองสีเปล่งประกายอย่างยินดีกับภาพตรงหน้า – ยิ่งการนำเอาเจ้าหนูมาวางบนหัวคุโรโกะ หนึ่งน้องหมากับหนึ่งมนุษย์ยิ่งเหมือนกันเข้าไปใหญ่ ทว่ากว่าทุกคนจะรู้ตัวก็นานเหมือนกัน
ไม่รู้ว่าเป็นเพราะความจืดจางของคุโรโกะรึเปล่า...หากไม่ส่งเสียงก็ไม่มีใครสังเกตเห็นกันเลยสักคนเดียว
“คุโรโกะกับอมีเรียจัง..หายไปไหนแล้วละ”
ฮิวงะที่รู้ตัวก่อนใครเพื่อนว่าคุโรโกะหายไป ก็รีบมองหาทันทีด้วยกลัวว่าความจืดจางนั่นจะทำให้เขาหลงทาง..ไม่สิ! ยังมีอีกคนที่เหมือนหายไปจากครรลองสายตา ผู้จัดการประจำทีมของพวกเขายังไงละที่หายไป..
“เอ่อ..ผมอยู่นี่ครับ” คุโรโกะส่งเสียงพร้อมลังกระดาษในมือที่มีป้ายติดว่า ‘รับไปเลี้ยงด้วย’ แปะหลาอยู่ตัวเบอเร่อ แล้วหันไปมองหญิงสาวที่กำลังอุ้มเจ้าตัวน้อยอยู่แล้วพูดต่อ “อมีเรียจังก็อยู่นี่ครับ”
“ไปไหนมา..”
“ผมเก็บได้ครับ” ไม่รอให้ฮิวงะถามจบหรือรอให้ทุกคนสั่งเกตเห็นเจ้าตัวน้อย คุโรโกะเอ่ย
“หมาครับ”
“หมาเหรอ?!”
อมีเรียส่งเจ้าตัวน้อยให้ริโกะที่พุ่งเข้ามาอุ้ม แถมเมื่อมีคนพูดว่าไม่อยากจะเลี้ยงมัน เจ้าหมาน้อยก็ทำหน้าหงอยให้ทุกคนอีกต่างหากจากเมื่อครู่ที่ร่าเริงตอนเธออุ้ม อมีเรียชักจะรู้สึกว่าเจ้าหมาตัวน้อยแสนรู้มากกว่าที่เห็นเสียอีก แถมสายพันธ์ของมันยังไซบีเรียนฮัสกี้ที่ราคาค่อนข้างแพงมาก
โดยเฉพาะกับลูกหมา...แต่ใครนะที่ใจร้ายเอามันมาทิ้งแบบนี้...
และพอดูจากลังที่เปียกคงอยู่มานานตั้งแต่ฝนตกหนักแล้ว...ยังดีที่เจ้าตัวน้อยไม่ได้เปียกฝนไปด้วย
“ขนปุกปุย น่ารักสุดๆเลย นุ่มนิ่มน่าร้าก”
คุโรโกะกับสมาชิกทีมบาสเซย์รินต่างมองปฏิกิริยาของโค้ชริโกะกับเด็กสาวอีกคนที่ทำหน้ามึนเอื่อย ปฏิกิริยาที่ว่าแตกต่างกันอย่างชัดเจน ไม่สิ..ถ้าหากมองจากแววตาก็ไม่ค่อยต่างกันสักเท่าไหร่...มั้ง!?
อมีเรียเองก็คิดว่าปฏิกิริยาตอบสนองต่อสิ่งของน่ารักของตัวเอง แตกต่างกับรุ่นทั่วไปอีกต่างหาก รึเป็นเพราะเธอไม่ใช่เด็กสาวเหมือนคนปกติทั่วไปแล้วนะ เลยไม่มีปฏิกิริยาอะไรแบบนั่น....?
ริโกะอุ้มเจ้าตัวน้อยหมุนไปมาด้วยความตื่นเต้น ก่อนจะหยุดหมุนแล้วมองหมาน้อยดูดีๆ คิ้วเรียวขมวดเข้าหากันเมื่อเธอนั้นดันจับสังเกตอะไรบางอย่างได้...
“มันดู...คล้ายๆใครบางคนนะ” ริโกะมองแววตาของเจ้าหมาสลับกับมองแววตาของคุโรโกะ
เธอทำอย่างนี้อยู่สองสามครั้งแล้วค่อยโวยวายออกมาเสียงดัง จนอมีเรียที่กำลังจ้องตาเจ้าหมาน้อยอยู่ต้องเงยหน้ามองทุกคนด้วยความสงสัยว่ากำลังโวยวายอะไร แล้วก็ต้องทำหน้าเครียดกับการตั้งชื่อแบบง่ายๆของพวกรุ่นพี่ พวกเขาไม่คิดจะตั้งชื่อให้มันดีๆหน่อยรึยังไง..?
“ดีล่ะ ชื่อของนายคือเท็ตสึยะหมายเลข 2”
“....ตั้งง่ายไปไหมคะ?” อมีเรียมองเจ้าหนูสลับกับมองพวกรุ่นพี่ที่กำลังเถียงกันว่าจะเอากลับรึไม่เอากลับดี “แต่..เจ้าหนูดูจะชอบชื่อนี้ซิน่ะ” เธอจิ้มจมูกเล็กๆนั้นด้วยความหมั่นเขี้ยว
“ยังมีอยู่อีกเหรอเนี่ย คนใจร้ายทิ้งหมาแบบนี้”
“นี่ๆ..คือว่า ฉันสงสัยอยู่เรื่องนึงน่ะ...” ริโกะสะกิดเรียกทุกคนที่กำลังให้ความสนใจกับน้องหมาก่อนจะชี้นิ้วไปยังใครบางคนที่ไปหลบอยู่หลังแผ่นป้ายหน้าร้านอย่างน่าสงสัย “ทำอะไรอยู่เหรอคางามิคุง..?”
คางามิหันมามองด้วยใบหน้าซีดเผือดพร้อมกับเหงื่อที่ไหลออกมาราวกับเขื่อนแตก แถมยังพูดด้วยน้ำเสียงกลัวๆ“คือว่า...ผมไม่ถูกโรคกับหมาอย่างแรงน่ะ...ครับ” แต่ก็ไม่ลืมคำลงท้ายอันสุภาพ...
“....”
“โอ๊ะ..ลืมไปเลยแหะ” อมีเรียกะพริบตาปริบ “ไทกะกลัวสุนัขนิน่า”
ในไดอารี่ของอมีเรียโลกนี้มีเขียนไว้...อย่างชัดเจนเลยว่า
คางามิเป็นโรคกลัวสุนัขขึ้นหัว เพราะเคยโดนสุนัขตัวโปรดของอมีเรียกัดสมัยเด็กเอง
เธอเลิกคิ้วมองด้วยความจนใจปนเอ็นดู ถึงยังไงซะร่างจริงของเธอก็เป็นหญิงสาวอายุอานามใกล้ 40 ละนะแถมท่าทางเมื่อครู่ของคางามิ ไทกะ มันยังน่าเอ็นดูอีกต่างหาก หนำซ้ำยังน่าแกล้งอยู่ไม่น้อยเลย – แต่ในฐานะผู้อาวุโสกว่า..จะยอมไม่แกล้งวันหนึ่งละกัน
.
.
.
.
เป็นเวลากว่าสองวันหลังจากการแข่งขันที่ผ่านมา ถือได้ว่าเป็นเวลาพักฟื้นร่างกายของทุกคนแต่คงไม่ใช่กับคางามิ ด้วยเพราะเขาฝืนร่างกายจนสภาพขาค่อนข้างจะเกือบสาหัส ตอนนี้อมีเรียกำลังนั่งมองทุกคน ข้างกายเธอก็เป็นคางามิที่หงุดหงิดเพราะถูกสั่งห้ามไม่ให้เล่นบาส เนื่องจากสภาพขาที่ยังไม่ฟื้นตัวดี แถมยังมีน้องหมาเท็ตสึยะเบอร์2 นั่งเฝ้าจับตามองเพื่อรายงานริโกะอีกด้วย...
เขาไม่หงุดหงิดก็แปลกแล้วละ...
“ไนซ์พาส”
ตั้งแต่วันที่อมีเรียถูกปิดตาเอาไว้ประสาทรับเสียงของเธอดูจะดีกว่าเมื่อก่อน
แต่มันก็น่ารำคาญอยู่ไม่น้อยเพราะมันทำให้เธอได้ยินเสียงนินทาอันน่าหนวกหูของบรรดาผู้หญิงเวลาไปเข้าห้องน้ำหรือแอบงีบหลับตอนพักเที่ยง ไม่ว่าจะเป็นโรคไหนสถานที่แบบไหน...มนุษย์ผู้หญิงก็เป็นตัวตนที่นินทาผู้อื่นได้ทุกที่ทุกเวลาแถมยังทำตัวน่ารำคาญด้วยการตีสองหน้าอีกต่างหาก – แม้จะไม่อยากไปใส่ใจอะไรมาก แต่สุดท้ายเมื่อมีชื่อของเธอหลุดจากปากของกลุ่มคนนินทา
อมีเรียก็ชักจะรู้สึกรำคาญจนอยาก...จับซัดให้หมดสภาพไปซะตรงนั้น
โฮ่ง
นัยน์ตาสองสีตวัดไปมองเจ้าตัวน้อยที่นั่งกระดิกหางส่งเสียงร้องอยู่หน้าประตูโรงยิม เช่นเดียวกับคนอื่นๆที่หันไปสนใจมองเพราะเจ้าตัวน้อยส่งเสียงร้องทุกครั้งที่ทุกคนชู้ตเข้าหรือเล่นกันได้ดี ราวกับว่าเขารับรู้ในสิ่งที่ทุกคนทำด้วย เป็นสุนัขตัวน้อยที่แสนรู้จนอยากเอากลับห้องเหลือเกิน แต่เธอก็ติดปัญหาอยู่อย่างหนึ่ง....
อมีเรียเลื่อนสายตามองไทกะที่สะดุ้งโหยงมาหลบหลังเธอ มันเป็นความรู้สึกอนาถใจจนเกินจะบรรยาย
ไทกะดันกลัวน้องสุนัขซะได้... เฮ่อ..ทีกับแมวล่ะพุ่งเข้าใส่ลูกเดียว อมีเรียปลงกับท่าทางตื่นตัวแสนเวอร์วังของคางามิก่อนจะอ้าปากเหวอเมื่อคุโรโกะอุ้มเจ้าเบอร์2 เข้าไปใกล้คางามิพร้อมทำหน้าน่าสงสาร
“อย่าทำตาแบบเดียวกันสิ!!”
“น่ารักออกน่ะครับ”
“อย่านะ หนอยคุโรโกะ เดี๋ยวฉันฆ่าแกแน่คอยดู”
อุบ!
อมีเรียยกมือปิดปากหัวเราะเสียงเบา “คิกๆ”
เธอกำลังขำกับคางามิที่ปวดขาแต่ก็มีแรงวิ่งหนีคุโรโกะและเบอร์2ได้ แถมทั้งคุโรโกะและเบอร์2ยังทำตาหงอยเหมือนกันอีก ทั้งน่ารักและตลกในเวลาเดียวกันเกินไปแล้ว ส่วนรุ่นพี่และคนอื่นๆกลับทำหน้าปลง พวกเขาพูดออกมาพร้อมเพียงกัน “จงใจชัดๆ”
ใช่..คุโรโกะกับเบอร์2 จงใจแกล้งคางามิจริงๆนั่นแหละ...เพราะงั้นอมีเรียถึงได้พยายามกลั้นขำจนตัวสั่นยังไงล่ะ
“อุบ 55555”
สุดท้ายเธอก็กลั้นขำไม่ได้อยู่ดี...
.
.
.
วันนี้ทุกคนมีตารางฝึกกันที่สระว่ายน้ำและต้องใส่ชุดว่ายน้ำเท่านั้นถึงจะเข้าไปได้ อมีเรียที่ไม่มีเลยต้องขอตัวไปซื้อก่อน แต่ว่า..ชุดว่ายน้ำไซส์หน้าอกแบบเธอหายากยิ่งกว่าอะไรซะอีกเนื่องด้วย ไซส์มาตรฐานของเพศหญิงในญี่ปุ่นต่างจากไซส์มาตรฐานของคนต่างชาติฝั่งยุโรปชัดเจน นอกจากจะเป็นทรูพีชหรือบิกินี่แล้ว เธอก็ไม่เคยลองใส่ชุดว่ายน้ำแบบอื่นมาก่อน
ถ้าพูดให้ถูกก็..นับตั้งแต่ทิ้งชีวิตอิสระเพื่อไปใช้ชีวิตในแลปซะส่วนใหญ่....
เธอก็เคยเลยแม้กระทั่งจะไปสระว่ายน้ำ – ก็เอาแต่หมกตัวอยู่ในแลปนิ!
“แล้วก็..คุณริโกะโค้ชสาวเกือบๆคัพ B”
หืม...?
อมีเรียกระชับเสื้อคลุมของตนเองเพื่อปกปิดชุดด้านใน ไม่ใช่เพราะอายแต่เป็นเพราะอากาศหนาวต่างหาก ด้วยเพราะร่างกายของเธอโดนอากาศเย็นนานๆไม่ได้ด้วยแหละ ดังนั้นเซฟร่างกายของตัวเองด้วยน่าจะดีซะกว่า...ก่อนจะเลิกคิ้วเมื่อได้ยินเสียงหวานใสของผู้หญิงที่เธอไม่คุ้นเลยดังมาจากข้างสระ
แถมคำพูดเมื่อครู่ก็ดูจะจิกกัดรุ่นพี่ที่เคารพของเธอเสียด้วย...
เด็กสาวถือกล่องที่ใส่อุปกรณ์ต่างๆเดินเข้าไปแล้วก็ต้องหรี่ตามองเมื่อเห็นเส้นผมสีชมพูยาวสลวยของใครบางคน
เธอไม่ชอบสีชมพู...
เป็นมาตั้งแต่เด็กแล้ว อาจเป็นเพราะน้องสาวที่เธอไม่คิดจะนับญาติมีเรือนผมสีชมพูแบบผู้หญิงคนนี้ ทุกสิ่งทุกอย่างที่เป็นสีชมพู เธอเลยพลานไม่ชอบไปหมด อมีเรียมองใบหน้าของริโกะที่เธอเริ่มจดจำโครงหน้าได้บ้างแล้วสลับกับมองใบหน้าที่ถูกเบลอของผู้หญิงผมชมพูคนนั้น
ร่างบอบบางถือวิสาสะเดินผ่านไปอย่างไม่สนใจแล้ววางของลงก่อนจะหันไปเผชิญหน้าพร้อมแววตาเรียบเฉย
“พูดจาไม่มีมารยาทเลยนะคะ เรื่องหน้าอกมาพูดในที่สาธารณะแบบนี้ได้ยังไง?” อมีเรียมองอีกฝ่ายแต่ก็ไม่ได้คิดจะเพ่งสายตา ด้วยเหตุผลส่วนตัวนั่นคือความอคติกับสีชมพูอย่างรุนแรง ต่อให้เป็นสีเดียวกับดอกซากุระที่เธอชอบก็ตามเถอะ
และนี่อาจจะเป็นครั้งแรกเลยที่อมีเรียนึกขอบคุณโรคลืมใบหน้าของตนเอง
“อุ๊ยตาย..คุณคงเป็นผู้จัดการคนใหม่สินะคะ..อ่า..ชื่ออะไรน่า.”
“อมีเรีย เกรซ คาร์เชล ค่ะ” นัยน์ตาสองสีมองเลยผ่านไปยังคุโรโกะที่กำลังปีนขึ้นจากสระ ไม่แม้แต่จะมองตรงไปเบื้องหน้าที่มีเด็กสาวเรือนผมสีชมพูเลยแม้แต่นิดเดียว ริมฝีปากบางยังคงเอ่ยต่อไป “ดิฉันเพิ่งมาเป็นผู้จัดการให้ทีมเซย์ริน ดังนั้นคุณคงไม่มีข้อมูลของดิฉันให้ไปวิเคราะห์หรอกค่ะ...”
“แล้วก็นะคะ...ดิฉันไม่ชอบสีชมพูค่ะ”
เอ๋...?!!
หลังจากที่บอกว่าไม่ชอบสีชมพูไปด้วยใบหน้าเรียบเฉย อมีเรียก็ไม่ได้เข้าไปใกล้โมโมอิอีกเลย
ส่วนคุโรโกะก็พาโมโมอิไปคุยส่วนตัวต่างหากโดยที่ทุกคนเห็นชอบด้วย แต่ก่อนไป...ไม่รู้ทำไมคุโรโกะถึงได้เดินเข้ามาผูกผ้าคลุมของเธอให้จนเรียบร้อยปกปิดชุดด้านในอย่างดี เมื่อเห็นว่าการซ่อมในวันนี้เธอคงไม่ต้องไปยืนคุมอีกต่อไปแล้ว อมีเรียจึงได้เดินออกไปข้างนอก – เธอได้แต่เดินไปอย่างเรื่อยเปื่อย จนนัยน์ตาสองสีของเธอไปสะดุดเข้ากับผมสีแดงแสนคุ้นตาที่สนามบาส...
ร่างเล็กจึงได้เปลี่ยนทิศทางเดินของตัวเองในทันที...จุดมุ่งหมายของเธอคือ ญาติแสนหัวดื้อ
“เน..ไทกะ”
อมีเรียนั่งเท้าคางมองญาติหนุ่มที่แอบหลบมาเล่นบาสด้วยแววตาเอื่อยเฉื่อย
“รุ่นพี่ริโกะสั่งห้ามไทกะเล่นบาสอยู่นะคะ”
คางามิสะดุ้งเล็กน้อยเมื่อได้ยินเสียงหวานแสนคุ้นหู เขาหันไปมองเธอก่อนจะรีบเข้าไปคุกเข่าอ้อนวอนขอซ้อมบาสสักเล็กน้อยก็ยังดี แต่อมีเรียก็ยังปฏิเสธหน้านิ่งในมือก็กำลังกดโทรศัพท์เลื่อนหาเบอร์โทรของรุ่นพี่ริโกะไปด้วย ก่อนที่นิ้วเรียวจะได้กดโทรออก ห่างตาของเธอกลับมองเห็นใครบางคนเดินมาทางพวกเขาอย่างไม่น่าไว้ใจ
“ไง คางามิ ไทกะ...ใช่มั้ย?”
“....ไทกะ” อมีเรียมองญาติหนุ่มด้วยสายตาระแวดระวัง “แอบไปมีเรื่องกับนักเลงมาหรอคะ?”
“....ฉันไม่รู้จักนะ?”
.
.
.
.
อมีเรียนั่งมองสองชายหนุ่มดวลบาสกันด้วยแววตาเหม่อลอย
สรุปแล้วผู้ชายที่เข้ามาทักด้วยท่าทางหาเรื่องเมื่อก่อนหน้านั้นคือ อาโอมิเนะ ไดกิ หนึ่งในรุ่นปาฏิหาริย์ที่เป็นเพื่อนกับคุโรโกะและเล่นตำแหน่งเดียวกับคางามิ ที่เขามาในวันนี้ก็เพื่อทดสอบอะไรบางอย่างในตัวไทกะ ส่วนเธอไม่มีใครสนใจเหมือนอย่างเคย ทั้งการเมินที่ถูกกระทำแบบสองต่อ...
ในตอนนี้..ความหงุดหงิดของเธอเลยยิ่งทวีคูณมากยิ่งขึ้น
ต่อให้สีหน้าของเธอจะยังคงเรียบเฉยอยู่ก็ตาม แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าจะไม่รู้สึกเสียหน่อย อมีเรียอยากจะเข้าไปตบหัวทั้งสองคนว่าคิดอะไรอยู่ แต่ก็ไม่อยากเข้าไปห้ามรึไปขัดเพราะเกรงว่านี่จะเป็นไปตามเนื้อเรื่อง ถ้าเธอไปขัดขึ้นมาแล้วมันไปในทิศทางที่แย่ลง เธอจะไม่ซวยเหรอ?
แค่หาทางกลับบ้านก็ยากเต็มกลืนแล้วด้วยไหนจะต้องหาเบาะแสการข้ามโลกคู่ขนานนี้อีก – เฮ่อ...หญิงสาวถอนหายจด้วยความปลงตกแล้วนั่งมองสองหนุ่มดวลบาสต่อไป
แต่ผลก็เป็นแพ้ละนะ...
ก็ไม่ต่างจากที่คาดการณ์ไปสักเท่าไหร่เลย สภาพร่างกายของคางามิในตอนนี้ยังไม่ถึงครึ่งของสภาพร่างกายคนที่มาท้าเสียอีก.. ไม่แปลกหรอกที่แค่มองก็จะรู้ได้โดยง่าย
“พอได้แล้วค่ะ”
อาโอมิเนะหันไปมองเสียงเล็กหวานที่ดังขึ้น ก่อนจะก้มหัวลงเมื่อรับรู้ถึงสายตาไม่พอใจจากร่างเล็กจนเขาเผลอสบเข้ากับดวงตาสองสีที่มีประกายแววโทสะนิดหน่อย ทว่าใบหน้าของเธอกลับมึนตึงเหมือนกับใครบางคนที่เขารู้จัก แถมสีผมยังคล้ายๆกันอีกด้วย..
ต่างกันที่ดวงตาและโครงหน้า แล้วก็...อะไรบางอย่างที่นูนๆผ่านคอเสื้อนั้นด้วย
ด้วยเพราะเขาอยู่ในมุมที่สูงกว่า เลยมองเห็นได้ถึงเนินอกที่โผล่พ้นคอเสื้อมาให้เห็นแวบหนึ่ง ทำเอาอาโอมิเนะรู้สึกร่างกายร้อนพร่าวขึ้นมายังไงไม่รู้ ณ วินาทีนั้นหัวสมองของเขาราวกับโล่งไปชั่วขณะแต่ก็ยังคิดได้ว่า ผิวภายใต้ร่มผ้าของสาวร่างเล็กคนนี้ขาวแค่ไหน... – อมีเรียขมวดคิ้วไม่พอใจกับสายตาของอีกฝ่าย หนำซ้ำยังถูกจ้องสำรวจอย่างเสียมารยาท ไหนจะท่าทางราวกับตาแก่ลามกที่จ้องหน้าอกผู้หญิง..
หน้าอก....?
อมีเรียก้มมองหน้าอกตนเอง และนั้นจึงทำให้ได้รับรู้ว่าสายตาของอาโอมิเนะมองไปที่ใด
ใบหน้าเรียบเฉยพลันเห่อร้อนแดงก่ำแทบจะทันทีเช่นเดียวกับคางามิที่เบิกตาโตกับปฏิกิริยาตอบสนองแบบเฉียบพลันของญาติสาว – ถ้าบอกให้ถูกก็คือ..ร่างกายของอมีเรียขยับโดยไม่ได้คิดอะไรเลยมากกว่า ขาเรียวเล็กตวัดเตะเข้าที่ขาพับของอาโอมิเนะเต็มแรงจนคนโดนเตะสะดุ้งด้วยความตกใจและเจ็บจากแรงเตะ ก่อนจะทำหน้าเหวอเมื่อเห็นขาเรียวเล็กนั้นกำลังจะฟาดลงบนหัวของเขา!
เธอยกขาได้สูงมากกว่าส่วนสูงของตัวเองอีกน่ะ!!
โป้ก!!
“ไอ้คนลามก!!”
“โอ้ย!”
“โฮ่ง!” เบอร์สอง
“….อนาคตเดี๋ยวก็มีบทเพิ่มเองนะคะเบอร์สอง” อมีเรีย
“โฮ่ง!”
………………………………………………………………..
รีไรท์ทีละนิดทีละหน่อย อาจจะมาๆหายๆเนื่องจากใกล้จะถึงช่วงสอบมิดเทอมแล้ว แฟรร์ต้องไปเตรียมตัวกันสักหน่อยนะคะ(หัวเราะเสียงแห้ง)
ทุกท่านสามารถโดเนทสนับสนุนด้านค่าเน็ตและค่าไฟให้แฟรร์ได้นะคะ
วิธีโดเนท
โอนเงินจำนวนแล้วแต่รีดฯเข้ามาได้ที่นี่ :: เลขบัญชี 046-8-34907-8 (ธนาคารกสิกรไทย) และ เบอร์ 0960075277 ( True Money Wallet )
ขอขอบพระคุณล่วงหน้าค่ะ //โค้ง
1 คอมเม้นท์ = 100 กำลังใจ
สามารถติหรือชี้แนะไรท์ได้ ไรท์จะรออ่านคอมเม้นท์ของทุกคนนะคะ
ติดตามข้อมูลข่าวสารและการอัพเดทต่างๆได้ที่เพจ Fairy-แฟรี่กะ จิ้มๆเลย//ชี้
By. ภูติสีเทา
ความคิดเห็น