ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    [ Fic Kuroko no Basket ] มิติพิศวงของยัยจอมมึน (All x Oc )

    ลำดับตอนที่ #8 : มิติพิศวงที่ 6 [Re]

    • อัปเดตล่าสุด 2 ส.ค. 63


     

     

    มิติพิศวงที่ 6

     

     

     

    การแข่งเริ่มต้นอีกครั้งเมื่อ คุโรโกะลงสนามไปเล่นแทนในตำแหน่งของโคงาเนะที่หมดสติไปก่อนหน้านี้

    แน่นอนว่า คนที่ปากสุนัขยังไงก็ยังเป็น ‘ปากสุนัข’ อยู่ไม่เปลี่ยนแปลง แม้จะคนที่โดนพูดใส่จะเป็นอีกคนก็ตาม เขายังคงพูดจากวนโทสะเหมือนที่ทำกับคางามิ ทว่าดูเหมือนในรอบนี้มันจะใช้ไม่ได้ผลเสียแล้ว เมื่อซิกต์แมนผู้เล่นมายาเริ่มทำงานเช่นเดียวกับผู้เล่นคนอื่นที่มีเป้าหมายอย่างชัดเจนมากยิ่งขึ้น ส่วนอมีเรียที่กำลังปฐมพยาบาลให้ญาติหนุ่มอยู่ก็ยังคงยิ้มมุมปากอยู่พลานให้ใครบางคนรู้สึกร้อนๆหนาวๆเล่น 

    คางามิหรี่ตามองรอยยิ้มที่แสนจะไม่น่าไว้วางใจของญาติสาวก่อนจะเอ่ยท้วงเสียงเบา

    “หุบยิ้มบ้างสิมีเรีย โอ๊ย!” 

    คางามิท้วงญาติสาวก่อนจะอุทานเสียงลั่นเมื่ออมีเรียออกแรงบีบที่ขาของเขาอย่างแรง

    แรงบีบนี่ ใช่แรงคนแน่เหรอ?!

    “ถ้าไทกะยังไม่หยุดพูด เราจะเข้าไปทำความสะอาดห้องไทกะทุกวันเลยค่ะ!” อมีเรียสบตาคางิ นัยน์ตาของเธอเป็นประกายแวววับพร้อมรอยยิ้มที่ฉีกกว้างยิ่งขึ้น “ดีไหมคะ...?”

    “.....” ไม่ดี!!

    คางามิมองรอยยิ้มของญาติสาวก่อนหันหน้าหนีไปอีกทาง พร้อมกับแย้งอยู่ในใจแต่ไม่อาจพูดออกมาได้ แต่ถึงกระนั้นต่อให้พูดออกมาตรงๆ มันก็ไม่น่าจะได้ผลเมื่อญาติสาวหันกลับไปสนใจสนามบาสที่กำลังดำเนินไปตามเกมของคุโรโกะ ถึงโครงหน้าของอมีเรียจะดูสวยโดดเด่นตามคุณสมบัติของชาวต่างชาติ 

    แต่รอยยิ้มที่มีออร่าน่ากลัวชวนให้รู้สึกกดดันและทำให้อึดอัดในหน้าอกนี้ในสายตาคางามิ มันก็น่ากลัวเสียยิ่งกว่ารังสีอำมหิตของโค้ชเสียอีก บางทีอมีเรียคนเดิมอาจจะไม่ได้หายไปไหนก็ได้ คงเพราะอุบัติเหตุเมื่อคราวนั้นเลยทำให้พี่ชายใหญ่ตกใจและกังวลจนต้องส่งตัวอมีเรียมาอยู่ญี่ปุ่นกับเขา..

    แต่อมีเรียจะจำเหตุการณ์ก่อนเกิดเหตุได้ไหมนะ...?

    เขาเองก็อยากจะรู้ว่ามันเกิดอะไรขึ้น...

    อะไรที่ทำให้ยัยบ้าพลังแสนร่าเริงต้องมาเงียบขรึมแถมทำหน้ามึนตลอดเวลาแบบนี้

    อุบัติเหตุอะไรกันที่ทำให้ญาติของเขาต้องอยู่ในห้อง ICU นานเป็นปีก่อนถูกส่งตัวมาให้เขาดูแลทันทีที่ฟื้นคืนได้สติ เท่าที่เขารู้จากพี่ชายใหญ่ก็คือ อมีเรียสูญเสียความทรงจำไปบางส่วนแต่นอกจากนั้นก็ไม่รู้อะไรเลย ไม่รู้ด้วยซ้ำว่าเกิดอะไรขึ้น อาจเป็นเพราะตัวเขาและญาติสาวขาดการติดต่อกันนานด้วยละมั้ง– คางามิมองแผ่นหลังบางที่เคยยืนอยู่เบื้องหน้าเขาสมัยเด็กด้วยแววตาเลือนลอย 

    อมีเรียตั้งแต่เด็กก็เป็นเด็กผู้หญิงที่ตัวเล็กมาแต่ไหนแต่ไร ทว่าไม่รู้ทำไมมันกลับทำให้เธอเข้มแข็งยิ่งกว่าเขาเสียอีก แผ่นหลังเล็กบางนั้นก็เป็นแผ่นหลังที่ช่วยเขาไว้หลายครั้งเลย ไม่ว่าจะเมื่อไหร่แผ่นหลังนั่นก็ยังคงเล็กอยู่แบบนั้น... 

    อมีเรียโตขึ้นบ้างรึเปล่านะ..?

    “ไทกะ...ไทกะ....คางามิ ไทกะ!”

    “ห หะ? เรียกทำไม?”

    คางามิสะดุ้งก่อนหันไปมองวงหน้าหวานของอมีเรียที่ขมวดคิ้วมองมาที่เขา เธอแค่มองเท่านั้นแล้วส่ายหัวเล็กน้อยว่า ไม่มีอะไร ก่อนหันกลับไปสนใจการแข่งในสนามต่อ ในขณะที่คางามิเองก็พยายามอย่างยิ่งที่จะคาดเดาความคิดของอมีเรียให้ได้ว่า เธอเรียกเขาทำไม แต่ยิ่งคิดนอกจากทางตันเขาก็ไม่มีความคิดไหนที่เข้าท่าอยู่ดี

    เมื่อครู่เขาดันเผลอหวนนึกถึงช่วงเวลาวัยเด็กที่มีอมีเรียคอยมาป้วนเปี้ยนเพื่อมาป่วนเขาอยู่บ่อยๆ...

    ว่าตามตรง ถ้าไม่มีอมีเรียคอยพูดกับพ่อให้ เขาคงไม่ได้เล่นบาสตามที่ฝันอย่างเช่นในปัจจุบัน

     

    .

    .

    .

     

     

    ตอนนี้ภายในสนามเริ่มดูดีขึ้นมาบ้างแล้ว เมื่อคุโรโกะสามารถส่งบอลให้รุ่นพี่ฮิวงะทำคะแนนได้อีกครั้ง ทางด้านอมีเรียผู้อยู่นอกสนาม เธอผิวปากจนเกิดเสียงดังแผ่วด้วยถูกใจในความสามารถของคุโรโกะ ถ้าให้บอก เธอเองก็ไม่รู้ข้อมูลความสามารถในเรื่องคุโรโกะเท่าไหร่หรอก เรียกได้ว่าไม่สนใจเลยแม้แต่น้อย..

    ในตอนนั้นอนิเมะคือความไร้สาระที่สุดเท่าที่อมีเรียเคยเผชิญมาก่อน

    แต่พอได้มาเห็นของจริง ก็สุดยอดไม่เบาเลยนิ อมีเรียปลดบรรยากาศอันแสนหนักอึ้งออกไปจากรอบตัวทันทีเมื่อได้เห็นถึงความสามารถของแต่ละคนแบบจริงๆจังๆ บางทีในตอนนี้เธออาจจะเริ่มสนใจในกีฬาบาสมากยิ่งขึ้นแล้วก็ได้ แค่คิดว่านะ...

    สกอคะแนนของเซย์รินเริ่มตีตื้นมากยิ่งขึ้น ไม่เพียงแค่นั้นบรรยากาศในสนามก็พลิกแพลงไปจากตอนแรกอยู่ไม่น้อย บางทีมันอาจจะมาจากการที่พวกเขาสามารถใช้จุดอ่อนของอีกฝ่ายมาพลิกแพลงเพื่อแก้สถานการณ์ในสนามก็เป็นได้ บอกได้เลยว่าต้องขอนับถือความพยายามของรุ่นพี่ปีสอง ที่เอาแต่ดูคลิปการแข่งขังของโรงเรียนเซโฮหลังจากลงแข่งเสร็จ

    นับว่าพวกเขาเตรียมตัวกันมาดีจริงๆ แถมยังมีคุโรโกะที่สามารถปัดบอลไปในทิศทางที่ต้องการได้อย่างรวดเร็วและง่ายดาย โดยมีพวกรุ่นพี่ตามซัพพอร์ตกันอยู่เบื้องหลังราวกับรู้หน้าที่ในแต่ละตำแหน่งของตัวเองเป็นอย่างดี

     

    “สุดยอด...”

     

    อมีเรียมองคางามิที่เอ่ยปากเมื่อเห็นการเล่นของคุโรโกะที่เฉิดฉายอยู่บนสนาม แต่ไม่ใช่แค่เธอที่ได้ยินเสียงของคางามิ รุ่นพี่ริโกะเองก็ได้ยินเช่นกันเธอทำหน้าล้อเลียนคางามิที่เพิ่งจะรู้ตัวว่าการเล่นแบบประสานระหว่างคุโรโกะกับคนในทีมสุดยอดขนาดไหน

    “มาพูดอะไรเอาป่านนี้ละจ๊ะ ก็เล่นแบบนี้ทุกทีแหละ”

    “ไม่เห็นรู้เลย!”

    คางามิทำหน้าเหวอแล้วหันไปขอความคิดเห็นจากอมีเรียที่กำลังเหล่มองเขาอยู่ อมีเรียไม่พูดอะไรนอกจากพยักหน้าให้เล็กน้อยเท่านั้นว่า เธอเห็นด้วยกับคำพูดของรุ่นพี่ริโกะ นั่นเลยทำให้คางามิมีสีหน้าลำบากใจเล็กน้อยพร้อมกับบ่นในใจ ก็เขาเป็นผู้เล่นไม่ได้ออกมานั่งดูบ่อยๆนิ จะไปรู้ได้ไงว่าสุดยอด

    เซย์รินเริ่มทำแต้มไปเรื่อยๆจนตอนนี้แต้มนำเซโฮแล้วหนึ่งแต้ม ทว่าเวลาเองก็เริ่มเหลือน้อยลงไปทุกทีและนั่นก็ทำให้เริ่มเล่นยากมากขึ้นเมื่อทีมเซโฮทำการประกบแบบตัวต่อตัวจนเต็มสนาม ยิ่งทำให้การเล่นของเซย์รินยากยิ่งขึ้น 

    ขณะที่ผู้เล่นในสนามเริ่มทำหน้าเครียดกันข้างสนามก็เครียดไม่น้อยหน้า – ริโกะและคางามิเริ่มทำหน้าเครียดไม่ต่างกัน เพราะในตอนนี้เวลาเริ่มน้อยลงจนไม่รู้ว่า จะสามารถทำแต้มตีนำได้อีกครั้งรึเปล่า แต่เมื่อทีมเซโฮดันฝ่ามาดั้งค์ซึ่งหน้าจนคะแนนนำเซย์รินหนึ่งแต้ม เท่านั้นแหละบรรยากาศกดดันในสนามก็แผ่กระจายมากยิ่งขึ้น

    “คุโรโกะ!!” เสียงตะโกนเรียกชื่อเพื่อนร่วมทีมดังมากจากคางามิ

    อมีเรียที่นั่งอยู่ข้างๆขมวดคิ้วเล็กน้อยพร้อมยกมือขึ้นถูบริเวณหูเบาๆ เพื่อคลายความปวดจากเสียงตะโกนของคางามิเมื่อสักครู่ ถึงจะไม่ค่อยเข้าใจสักเท่าไหร่ก็เถอะว่าจะตะโกนทำไม แต่นั่นก็ทำให้คุโรโกะพลิกแพลงลูกส่งของเขาได้ทันเวลาก่อนที่จะสึงาวะบล๊อคได้อย่างสมบูรณ์ คุโรโกะทำการหยุดลูกส่งของเขากลางอากาศก่อนจะเปลี่ยนเป็นส่งแบบเร็วให้รุ่นพี่ฮิวงะที่วิ่งขึ้นมาข้างเขาตั้งแต่เมื่อไหร่ไม่รู้

     

    สวบ!

    เฮ!!

    ลูกสามแต้มเซย์ริน 

    ในตอนนี้คะแนนพลิกกลับมานำเซโฮอีกครั้ง จนกระทั้งเสียงนกหวีดหมดเวลาดังขึ้นมา พร้อมกับสกอคะแนนที่หยุดนิ่งหลังจากลูกสามแต้มถูกโยนลงห่วง

     

    เกมนี้ชัยชนะเป็นของโรงเรียนเซย์ริน 

     

    ทุกคนร้องตะโกนออกมาด้วยความดีใจกับชัยชนะในครั้งนี้ แต่กับอมีเรียเธอนั้นไม่แม้แต่จะแสดงท่าทีดีใจออกมาเหมือนกับทุกคน เด็กสาวย่นคิ้วแทบจะตลอดเวลาเช่นเดียวกับความคิดและความหงุดหงิดที่เด่นชัดภายในหัว เธอชักจะเริ่มปวดหูกับเสียงของทุกคนที่พร้อมใจตะโกนลั่นโดมแห่งนี้แล้วสิ ไหนจะเสียงหมดเวลาการแข่งขันนั่นอีก ตอนนี้อมีเรียเริ่มอารมณ์บูดอีกแล้ว แต่เธอก็อารมณ์บูดได้ไม่นานหลังหันไปเห็นสีหน้าของทีมโรงเรียนเซโฮที่แต่ละคนก็มีสีหน้าไม่สู้ดี

    เด็กสาวเรือนผมสีฟ้าออกมิ้นท์เมินการรวมตัวดีใจของคนในทีม ร่างเล็กเดินมุ่งตรงไปทิศตรงข้าม

     

    “อย่าทำหน้าแบบนั่นสิคะ” 

    “.....” โค้ชทีมเซโฮมองผ้าขนหนูก่อนไล่สายตาขึ้นมองเจ้าของที่ยืนส่งยิ้มเป็นมิตรมาให้

    “กีฬาก็ต้องมีแพ้มีชนะกันบ้าง – ไม่ใช่ว่าจะหมดโอกาสเสมอไปซะหน่อย” อมีเรียยิ้มบาง เธอค้อมหัวให้โค้ชทีมเซโฮที่แก่กว่าตนเองเล็กน้อยเพื่อเป็นการเคารพอีกฝ่าย และแน่นอนว่าเธอเคารพจริงๆในฐานะผู้อายุน้อยกว่า(ร่างกาย)และในฐานะคนอายุน่าจะเสมอหรือใกล้เคียง(จิตใจ)

    “ต้องขอขอบคุณสำหรับวันนี้ค่ะ ไว้โอกาสหน้าหวังว่าจะได้มาแข่งกันอีกนะคะ” 

    เธอทำหน้าที่ผู้จัดการได้ถูกต้องไหมนะ...? 

    แต่ทำไงได้ เธอแค่ไม่ชอบสีหน้าหมดหวังของคนที่แพ้ก็เท่านั้นเอง ทำยังกับว่าโลกนี้กำลังจะพังทลายลงตรงหน้าพวกเขา.. ทั้งที่ในอนาคตก็ยังมีโอกาสที่จะได้ลงสนามใหม่อีกครั้งอยู่แท้ๆ แต่ถึงกระนั้นเธอก็ไม่เข้าใจอยู่ดีว่าทำไมทุกคนที่แพ้จะต้องมานั่งทำหน้าผิดหวังขนาดนั้นกันด้วย....?

    โค้ชเซโฮลุกขึ้นยืน “..ทางเราก็ต้องขอบคุณเช่นกัน” เขาค้อมตัวเล็กน้อยก่อนจะรับผ้าเย็นจากเด็กสาว “ทำให้เธอต้องเห็นสีหน้าแย่ๆแล้วละ คุณหนู”

    “ไม่หรอกค่ะ ดิฉันเข้าใจดี” อมีเรียเงยหน้ามองผู้สูงวัยกว่าพร้อมรอยยิ้ม 

    “อ่ะ..ลืมแนะนำตัวไปเลย ดิฉันอมีเรียค่ะ” เธอยังคงยิ้ม “ อมีเรีย เกรซ คาร์เชล เป็นผู้จัดการทีมบาสเซย์ริน”

    ใบหน้าน่ารักแม้จะเรียบเฉยของเด็กสาว บวกมุมปากที่ยกขึ้นยิ้มส่งให้ ผู้ชายหลายคนที่เห็นต่างตะลึงแล้วเงียบไปดื้อๆ บางคนมใบหน้าซับสีแดง บางคนก็อ้าปากค้าง บางคนก็หันหน้าไปทางอื่นแต่มีเพียงโค้ชของทีมเท่านั้นที่ยืนส่งยิ้มตอบกลับเด็กสาว

    “ขอบคุณสำหรับวันนี้ด้วยนะคะ!”

     

    .

    .

    .

     

     

    ไม่รู้ว่าเป็นเพราะมีเด็กสาวต่างชาติหน้าตาดีเดินไปพูดคุยด้วยรึเปล่า ทั้งโค้ชทั้งตัวสำรองทีมเซโฮต่างก็อารมณ์ดีขึ้นกว่าเดิม อมีเรียเองก็ไม่เข้าใจความคิดของผู้ชายเหมือนกันว่าที่มีสีหน้าดีขึ้นเป็นเพราะคำพูดของเธอ หรือเพราะเหตุผลอย่างอื่นกันแน่ 

    แต่ตอนนี้เธอเข้าใจอย่างหนึ่งว่าคนปากสุนัขก็ปากสุนัขวันยังค่ำ

    “ทำไมล่ะ! โรงเรียนเซย์รินเพิ่งก่อตั้งเมื่อปีที่แล้วเองนะ – ทั้งที่พวกเราได้ฝึกซ้อมมามากกว่าแท้ๆ” สึงาวะ ตะโกนด้วยความรู้สึกสับสนและไม่พอใจอย่างยิ่ง เขาเชื่อมั่นในฝีมือของตนเองว่าเก่งพอที่จะชนะได้แต่มันก็ผิดไปจากที่เขาคิด 

    เขาไม่พอใจ ไม่พอใจมากๆ

     

    “ปีที่แล้วน่ะ ยังสู้พวกเราไม่ได้แท้ๆ ดูยังไง – ดูยังไงทีมของพวกเราก็ต้องเก่งกว่าสิ!”

    อมีเรียเดินผ่านสึงาวะอย่างไม่สนใจอะไร “หนวกหูจังค่ะ” ก่อนจะหยุดเดินแล้วหันกลับไปมองใบหน้าที่เต็มไปด้วยความสับสน ผิดหวัง ไม่พอใจของสึงาวะที่มันถูกฉายชัดออกมาผ่านทางแววตาอย่างชัดเจน ไม่ต้องรอให้กัปตันทีมของเซโฮเข้ามาห้ามคำพูดที่ไม่ยั้งคิดของสึงาะ อมีเรียก็เป็นฝ่ายเริ่มก่อน.. – เธอมองอีกฝ่ายด้วยความไม่พอใจ 

    แววตาของเธอราวกับว่ากำลังปรายตามองชนชั้นต่ำไม่มีผิด

    “คุณไม่คิดซักหน่อยหรอคะ ว่าทางทีมเซย์รินเขาจะไม่มีการฝึกซ้อมเพื่อพัฒนาฝีมือ...?” ดวงเนตรสองสีมีประกายวาวโรจน์พาดผ่านไปอย่างรวดเร็ว คำพูดของสึงาวะทำเธออารมณ์บูดขึ้นมาจริงๆ

    “ก..”

    “เอาแต่โทษคนอื่น เอาแต่ดูถูกคนอื่น เอาแต่มั่นใจในฝีมือของตนเอง แล้วยังจะมาพูดจาถากถางราวกับสุนัขที่เห่าหอนเพราะไม่มีตะกร้อครอบปากแบบคุณ – มันไม่ดีเลยนะคะ”

    “...”

    จุก นั่นคือความคิดของพวกผู้ชายทั้งหลายที่ได้ยินจากปากของผู้จัดการสาวของทีมเซย์ริน

    สึงาวะสะอึกเล็กน้อย เขาเถียงไม่ออกจริงๆเพราะที่หญิงสาวตรงหน้าพูดมามันคือความจริงทั้งหมดที่เขาไม่ได้ตระหนักถึงมัน แต่จะให้เขายอมรับโรงเรียนที่เพิ่งก่อตั้งได้ไม่นาน มันก็ยังไง...

    “ถ้ากำลังคิดว่า ‘จะให้ยอมรับความพ่ายแพ้จากทีมโรงเรียนที่เพิ่งก่อตั้งได้ไม่นาน ยอมรับไม่ได้’ ดิฉันก็รู้สึกสงสัยเลยค่ะ ว่าคุณมีปัญหาอะไรกับโรงเรียนของเราที่เพิ่งก่อตั้งรึเปล่า....?” อมีเรียหลุบตามองดูมือของเธอที่วันนี้ทาเล็บสีฟ้าอ่อนเข้ากับสีตาและสีผม “ดิฉันไม่ทราบหรอกนะคะว่าคุณต้องเจอกับอะไรมาบ้างจนมีนิสัยและฝีปากแบบนี้ แต่การที่ควบคุมอารมณ์ของตัวเองไม่ได้-- ”

    เธอเงยหน้าพร้อมสาดสายตาเรียบเฉยใส่ "มันทำให้ดิฉันรู้สึกว่าคุณขาดคุณสมบัติของการเป็นนักกีฬาที่ดี..."

    “....”

    “แต่ก็เอาเถอะค่ะ คงเพราะตัวคุณเองก็อายุยังน้อยประสบการณ์อะไรก็ไม่ได้มีมากเหมือนพวกรุ่นพี่ เลยยังขาดการควบคุมด้านอารมณ์-- คงได้แต่หวังว่า ในการแข่งครั้งหน้าคุณจะไม่ทำตัวแบบนี้อีกนะคะ คุณสึงาวะ"

    สึงาวะไม่รู้จะเถียงหรือจะพูดยังไงออกไปดี เขาไม่สามารถหาโอกาสพูดแทรกเด็กสาวได้เลย 

    ผู้หญิงที่ตัวเล็กกว่าเขาเกือบเท่าตัว กำลังยืนตำหนิเขาด้วยน้ำเสียงที่เหมือนผู้ใหญ่ที่ผ่านโลกมาก่อนตำหนิเด็ก เขารู้สึกว่า ไม่ได้คิดไปเองเพราะบรรยากาศรอบตัวเธอคนนี้เป็นแบบนั้นจริงๆ แม้สีหน้าของเธอจะคล้ายคนกำลังจะหลับก็ตาม

    กัปตันทีมเซโฮมองรุ่นน้องที่โดนผู้จัดการเซย์รินตำหนิอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะเดินเข้ามาแตะไหล่สึงาวะเพื่อให้เขาหยุดพูดแล้วก้มหัวให้หญิงสาวเล็กน้อย

    เขาชักจะถูกใจคุณหนูคนนี้จริงๆ...ทั้งอายุยังน้อยแต่กลับมีบรรยากาศรอบตัวเหมือนผู้ใหญ่...

    ทั้งที่แม้แต่ผู้ใหญ่บางคนยังไม่มีทางที่จะมีบรรยากาศรอบตัวแบบนี้ได้ง่ายๆ

    “ทีมที่เก่งไม่ได้แปลว่าจะชนะ ฝ่ายชนะต่างหากที่เก่ง – พวกเขาต่างหากล่ะที่เก่งกว่า ก็แค่นั้นแหละ” กัปตันเซโฮมองทีมเซย์รินทุกคนราวกับว่าเขากำลังจดจำใบหน้าของทุกคนเอาไว้แล้วสายตาก็มาหยุดที่หญิงสาวร่างเล็ก ผู้จัดการทีมเซย์รินที่กำลังทำหน้ามึนมองดูเล็บของตนเองอยู่

    อมีเรียส่งยิ้มให้กัปตันทีมเซโฮ “ไม่มีใครเก่งกว่าใครหรอกค่ะ แค่ต่างฝ่ายต่างมีข้อดีที่ต่างกัน -- ก็เท่านั้น” 

    เมื่อเห็นว่าสึงาวะเริ่มคิดได้จากการที่โดนเธอตำหนิไปเมื่อครู่ เธอจึงเดินหันหลังให้กับเขา เรื่องที่ควรพูดก็พูดไปแล้วเรื่องที่ควรตำหนิและชี้แนะเธอก็ทำไปแล้ว ดังนั้นเธอจะปล่อยให้เรื่องนี้เป็นเรื่องของผู้ชายคุยกันจะดีกว่า ส่วนตัวเธอควรไปให้ความสนใจกับคนที่นอนหมดสติอย่างรุ่นพี่โคงาเนะ ที่ไม่มีทีท่าจะตื่นขึ้นมาเลย – อย่าบอกนะว่าเขา...หลับจริงจัง??

    “..รุ่นพี่ริโก...”

    อมีเรียเงยหน้าขึ้นหวังจะแจ้งว่า รุ่นพี่โคงาเนะน่าจะหลับมากกว่าหมดสติก็ต้องเงียบเมื่อเห็นว่า รุ่นพี่สาวกำลังกลั้นน้ำตาต่อหน้ารุ่นพี่ฮิวงะอยู่ – อมีเรียมองภาพรุ่นพี่ฮิวงะวางมือบนหัวรุ่นพี่ริโกะด้วยความสงสัยก่อนจะหันไปถามตัวสำรองคนอื่นๆที่ช่วยกันยกตัวรุ่นพี่โคงาเนะออกไป

    “พวกรุ่นพี่ริโกะกับรุ่นพี่ฮิวงะ...กำลังคบกันเหรอคะ?”

    “...หะ??”

    “...?”

    เมื่อกี้ผู้จัดการทีมเล่มมุขรึเปล่า?... ตัวสำรองเบอร์หนึ่งกระพริบตาปริบๆมอง

     

    .

    .

    .

    .

     

     

    อมีเรียก็ยังคงเป็นอมีเรีย เธอยังคงทำหน้ามึนเมื่อเห็นว่าของว่างที่ทำมานั่นหมดเกลี้ยงไปตั้งแต่เมื่อไหร่ไม่รู้

    มันเป็นของว่างสำหรับนักกีฬาที่เล่นกีฬามาเหนื่อยๆเธอกะว่าจะให้รุ่นพี่โคงาเนะที่เพิ่งฟื้นทานเสียหน่อย แต่ดันหมดไปซะแล้ว.. อมีเรียเอียงคอมองแล้วหยักไหล่อย่างไม่ใส่ใจ ตอนนี้ทุกคนอยู่ในห้องพักนักกีฬาโดยมีรุ่นพี่ริโกะที่นวดเท้าทุกคนตามลำดับ

    อมีเรียเองก็กำลังนวดเท้าของคุโรโกะ แต่เธอก็ต้องกระพริบตาปริบๆมองเท้าของชายหนุ่มใหม่สลับกับมองใบหน้าไร้อารมณ์ของคุโรโกะไปด้วย

    “มีอะไรรึเปล่าครับ อมีเรียจัง” คุโรโกะถามด้วยความสงสัย

    “เท้าของคุณคุโรโกะ เล็กเหมือนผู้หญิงเลยค่ะ – แถมยังเนียนนุ่มด้วย..” อมีเรียนวดเท้าไปเอ่ยชมเท้าของคุโรโกะไป ก่อนจะหันไปมองคางามิที่กำลังนอนแผ่บนม้านั่ง “เทียบกับไทกะแล้ว...เรามานวดให้คุโรโกะดีกว่า – เท้าของไทกะเหม็นเหงื่อ...”

    “ฉันได้ยินนะยัยเบื้อก!” คางามิเด้งตัวลุกอย่างไวพร้อมกับชี้นิ้วไปยังญาติสาวคนสนิท “แล้วก็หยุดเอาฉันไปเทียบกับคนอื่นซักทีสิวะ ฉันไม่ผิด”

    “...ผิดสิค่ะ” อมีเรียพองแก้มเถียงกลับ “ผิดที่ไทกะเท้าเหม็นเหงื่อค่ะ”

    “....”

    “....”

    “ใครๆเขาก็เหงื่อออกไหม ยัยบ้า!”

    คางามิเริ่มโวยวายอีกครั้งเมื่อญาติสาวกำลังจงใจหาเรื่องกับเขาจริงๆ แถมเป็นการหาเรื่องด้วยใบหน้ามึนไร้อารมณ์เหมือนคุโรโกะเสียด้วย ถ้าไม่ติดว่าอมีเรียเป็นผู้หญิงบางทีถ้าเอาสองคนนี้มาอยู่ใกล้กันอาจจะมีคนเข้าใจผิดคิดว่าอมีเรียเป็นคุโรโกะก็เป็นได้...

    ถึงความจริงส่วนสูงของอมีเรียจะเตี้ยกว่าคุโรโกะก็เถอะ..(นั่นปากหรอคะ?::อมีเรีย)

    ยังดีที่การทะเลาะของทั้งสองคนไม่เริ่มขึ้นจริงจัง เหล่าสมาชิกในทีมที่กำลังนั่งพักฟื้นอยู่เลยไม่ต้องแบกรับความกดดันจากร่างเล็กผู้เป็นถึงผู้จัดการทีมเซย์ริน แต่ถึงอมีเรียจะพูดว่าจะไม่นวดเท้าให้คางามิ สุดท้ายเธอก็ลงไปนั่งคุกเข่านวดให้ชายหนุ่มอยู่ดี แถมยังนวดขาที่ยังคงเหนื่อยล้าให้อีกด้วย

    ไม่รู้ว่าเพราะอมีเรียนวดดีไปรึเปล่าคางามิถึงกับนอนพิงตู้ล๊อกเกอร์หลับอย่างรวดเร็ว ภายใต้สายตาแสนมึนของอมีเรีย เธอไม่สนหรอกว่าจะมีรุ่นพี่โคงาเนะกับคุโรโกะเดินผ่านหลังไปเข้าห้องน้ำ สิ่งที่เธอกำลังสนก็คือแมตส์ต่อไปที่จะลงแข่งนั้นต่างหาก...

    โรงเรียนชูโตคุ...โรงเรียนที่มีหนึ่งในผู้เล่นทีมปาฏิหาริย์ร่วมทีมอยู่ด้วย....

    อมีเรียไม่ค่อยรู้ข้อมูลแน่ชัดว่าผู้เล่นที่รับมือยากคนนั้นเป็นใคร แต่ที่เธอมีข้อมูลจากคำบอกเล่า(แบบบังคับ)จากแอมมีลี่ก็คือ ชายผู้มีผมสีเขียว บ้าลัคกี้ไอเท็ม.. เธอรู้แค่นั้น ส่วนความสามารถของเขาเธอไม่รู้จริงๆ ลองค้นลึกในหัวดูก็นึกไม่ออกไม่รู้เพราะตอนนั้นกำลังสนใจการทำแลปอยู่เลยไม่ได้ฟังที่แอมพูดรึเปล่า – แต่คงไม่เป็นปัญหาอะไรหรอกมั้ง

    “อีก 10 นาทีจะเริ่มการแข่ง” อมีเรียเงยหน้ามองนาฬิกาแล้วเลื่อนสายตาไปมองทุกคน

    รุ่นพี่ฮิวงะพยักหน้า แล้วพูดออกมาเสียงดังว่า “ไปได้”

    ทุกคนจึงเริ่มเดินออกจากห้องพักนักกีฬาแต่คงมีคางามิที่ยังคงหลับไม่ตื่นอยู่ด้านหลัง อมีเรียมองชายผมแดงเข้มแวบหนึ่งก่อนจะก้มหน้าเข้าไปกระซิบข้างๆหูคางามิ “ไทกะ...ถ้าไม่ตื่นกลับบ้านไป เราจะเก็บห้องและซักผ้าให้ไทกะนะ..” แล้วผละตัวออกมารอชมผลงาน

    “อย่าได้คิดจะทำอะไรบ้าๆยัยเตี้ย..” 

    คางามิลืมตามองญาติสาวที่ฉีกยิ้มมุมปาก ถึงจะรู้ว่านั่นเป็นคำขู่แต่บางทีคางามิก็รู้สึกว่าอมีเรียจะทำอย่างที่พูดจริงๆ เขาลุกขึ้นยืนแล้วบิดตัวไปมาเพื่อคลายความเมื่อยล้าจากการนั่งหลับเป็นเวลานานก่อนจะลองกระโดดเบาๆเพื่อเช็คสภาพขาตัวเองว่าอมีเรียนวดให้นั้น คงไม่ได้ทำให้ขาเขาหักหรอกใช่มั้ย?...

    “ไปได้แล้วค่ะ ทุกคนรออยู่” อมีเรียพยักเพยิกให้คางามิหันไปมองหน้าห้องที่มีทีมบาสเซย์รินยืนมองมาที่เขาด้วยสายตาระอา

    “เข้าใจแล้ว...ไปกันเถอะ”

    “ค่ะ”

     

     

     

    ภาพประกอบอิมเมจน้อง (ขออนุญาตเจ้าของภาพด้วยนะคะ)

     

    ………………………………………………………….

    ทยอยมารีไรท์เรื่อยๆน่า ส่วนภาคสองตอนที่เหลือก็กำลังทยอยแต่งจ้า รีไรท์ถึงตอนล่าสุดเมื่อไหร่จะอัพลงให้

    By. ภูติสีเทา

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×