คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #7 : มิติพิศวงที่ 5 [Re]
มิติพิศวงที่ 5
การแข่งยังคงดำเนินต่อไปเรื่อยๆจนกว่าเวลาจะหมดลง ทั้งผลัดทำแต้มกันอย่างไม่ยอมแพ้
และเพราะพวกเขาได้รู้ถึงจุดด้อยในการเคลื่อนไหวของทีมเซโฮ แถมยังรู้ว่าจะมาสามารถใช้จุดนั้นมาเป็นตัวตอบโต้เพื่อทำคะแนนได้อีกด้วย จนกระทั้งสกอคะแนน 19 เท่ากันแล้ว หากไม่เพราะดันหมดเวลาในควอเตอร์แรกเสียก่อนบางทีเซย์รินอาจจะทำคะแนนนำได้ก่อนที่อีกฝ่ายจะได้รู้ตัวว่าจุดด้อยของการเคลื่อนไหวของตัวเองถูกแก้ทางได้แล้ว
ถึงคะแนนจะเสมอกันแต่นั้นก็ไม่ได้ทำให้ดีใจหรือรู้สึกโล่งอกแต่อย่างใด
คางามิ ฟาวส์ไป 3 ครั้งแล้ว....
ถ้าเขายังฟาวส์อีกต่อไปเรื่อยๆแบบนี้จนกระทั้งฟาวส์มาถึงในรอบที่ 5 เขาจะถูกไล่ออกจากสนามและไม่มีสิทธิ์ลงแข่งในแมตส์นี้อีกต่อไปจนกระทั้งจบการแข่งขัน โดยไม่มีข้อแม้ใดๆทั้งสิ้นตามกฎของการแข่งขัน แน่นอนว่าถ้ามันเป็นอย่างนั้นคนอย่างคางามิ ไทกะ ย่อมไม่ยอมแถมเขายังจะอารมณ์เสียยิ่งกว่าเดิมอีก
ดูจากที่กลางแมตช์เขาหัวร้อนแล้วเลือกที่จะบุกลุยเดี่ยวอยู่ตลอด ถึงจะช่วยทำคะแนนให้ทีมได้ก็ตาม
แต่ว่ามัน...ให้ความรู้สึกว่า
ช่างไม่คุ้มเสียเลย
“น้ำค่ะทุกคน” อมีเรียส่งขวดน้ำให้นักกีฬาทุกคนพร้อมผ้าขนหนู
“โอ้ว ขอบคุณนะ”
เมื่อส่งให้คนในทีมจนเกือบครบแล้วเหลือแต่ญาติผมแดงที่นั่งหัวร้อนไม่เปลี่ยนเพียงคนเดียวที่ยังไม่ได้ เธอก็ฉีกยิ้มหวานเดินไปหยุดตรงหน้าของคางามิ ชูขวดน้ำในมือให้ดูแล้วเอ่ยทักเสียงใส
“ไทกะ...ดื่มน้ำสักหน่อยนะ”
“อ..อือ”
อมีเรียยังคงยิ้มอยู่ก่อนยื่นขวดน้ำให้คางามิ แต่ยังไม่ทันที่พ่อหนุ่มผมแดงจะหยิบขวดน้ำไป อมีเรียก็ชักมันหลบอย่างเนียนๆ นัยน์ตาสองสีเป็นประกายแวววับกระพริบปริบๆส่งให้ญาติหนุ่มอย่างสงสัย “เอ๋..ทำไมไม่รับละคะ? – เราอุตส่าห์ยื่นให้เลยนะ”
“ยิ้มอะไรของเธอ...อย่ายิ้มอย่างงั้นดิ” คางามิเกร็งหน้าย่นคิ้ว พร้อมขนทั่วตัวที่พร้อมใจกันลุกพรึบจนรู้สึกได้ “ขนลุกชะมัด”
“อุ้ยตาย..ไทกะเนี่ยยังจะพูดเล่นอีกนะคะ”
คางามิมองรอยยิ้มนั้นด้วยความระแวง ก่อนจะนึกขึ้นได้ว่า ญาติสาวคงอารมณ์ไม่ดีอยู่ในตอนนี้ ปกติเธอเคยยิ้มจนชวนขนลุกซะทีไหนละ แถมจากในความทรงจำที่นานนับสมัยยังเด็กเขาก็เคยเจออมีเรียในโหมดอารมณ์ไม่ดีอยู่บ้างบางครั้ง แต่ถึงกระนั้นคางามิกลับจำไม่ได้เลยว่าตอนนั้นเขาทำอะไรให้อมีเรียต้องโมโหกัน...?
ทว่าในตอนนี้สิ่งที่เขาสงสัยก็คือ ทำไมญาติสาวของเขาถึงได้ทั้งยิ้มและพูดจาชวนขนลุกแบบนี้ออกมา กลืนน้ำลายลงคอว่ายากลำบากแล้วการที่จะสบตาของญาติสาวยิ่งลำบากยิ่งกว่าเสียอีก
สุดท้ายแล้วเขาก็ทำหน้าหงอยอ้อนขอน้ำจากอมีเรีย ต่อให้ปากของเขาจะบอกว่าไหวแต่ในตอนนี้หลังจากใช้พลังงานแถมยังเสียเหงื่อไปอีก เขากระหายน้ำมากเลยจนถ้าดื่มน้ำสามขวดเขายังทำได้ ทว่าการที่อมีเรียส่งให้ช้ามันทำให้เขารู้สึกทรมาน ได้แต่ส่งสายตาออดอ้อนญาติสาวให้ใจอ่อนก่อนใช้ไม้ตายสุดท้ายที่แสนน่าอาย
“มีเรีย...นะ”
“....”
อดีตนักวิจัยสาวหรี่ตามองดวงตาแมวน้อยที่ญาติหนุ่มใช้ออดอ้อน มองอยู่เช่นนั้นจนกระทั้งคางามิถอดใจก้มหน้าเบะปากบ่นพึมพำ อมีเรียจึงได้ส่งน้ำให้คางามิแบบไม่อิดออดอีก ก่อนจะทำการเช็คดูสภาพกล้ามเนื้อของแต่ละคนว่ามีรอยช้ำหรือบาดแผลอะไรรึไม่ พร้อมกับเงี่ยหูฟังโค้ชสาวพูดไปด้วย
ริโกะกางกระดาษที่วาดรูปสนามบาสและผู้เล่น เพื่อบอกแผนการเล่นในควอเตอร์ต่อไปให้พวกเขา
กัปตันสาวคุกเข่าตรงหน้าเหล่าตัวจริงที่กำลังดื่มน้ำพักผ่อน บางคนก็มีอมีเรียช่วยพันผ้าในจุดที่มีรอยช้ำให้ป้องกันไม่ให้เกิดการกระแทกจนมีมันรุนแรงมากกว่าเดิม
“ถ้าชนกับคู่แข่งแบบกล้าๆกลัวๆ เกมส์จะกลายเป็นของเขาน่ะ -- รักษาความตั้งใจในการบุกไว้”
“ครับ!”
ปรี๊ด!!
เสียงสัญญาณที่บอกว่าถึงเวลาของการแข่งขันในควอเตอร์ที่สองดังขึ้นไปทั่วโรงยิม ทุกคนลงสนามและประจำตำแหน่งของตนเองด้วยท่าทางที่ดูขึงขังขึ้นมานิดหน่อย ก่อนที่แต่ละคนจะลงสนามอมีเรียก็คอยส่งยิ้มให้กำลังใจทุกคนแต่ละคน แล้วหันไปยิ้มเหี้ยมเน้นคางามิเพียงคนเดียว เพื่อกดดันไม่ให้เขาใจร้อนและหัวเสียง่ายตามที่อีกทีมต้องการ
เพราะนั้น มันจะทำให้ทีมเซย์รินเสียสมดุลและพลาดจังหวะในการทำคะแนน
จากพลิกวิกฤตเป็นโอกาส มันจะกลายเป็นพลิกโอกาสให้เป็นวิกฤตแทน
คราวนี้เป็นการประกบตัวต่อตัว คางามิก็โดนคนเดิมที่พูดจาอวดเบ่งตั้งแต่ก่อนเริ่มเกมส์มาประกบอีกครั้ง ในครั้งนี้เอซผมแดงไม่ยอมหัวเสียไหลไปตามเกมของอีกฝ่ายอีกต่อไปแล้ว คางามิปฏิญาณในใจพลางเหล่มองญาติสาวที่กำลังนั่งยิ้มอยู่ขอบสนาม
ใครจะไปอยากโดนรอยยิ้มนั่นของอมีเรียกดดันตลอดเวลาแม้กระทั้งตอนอยู่บ้านฟะ!
เจอแค่ตอนเด็กก็เข็ดมากพอแล้ว
“ฉันไม่ยอมให้หลุดไปได้แบบเมื่อกี้หรอกน่า”
คางามิเลื่อนสายตากลับมามองคนที่มาประกบตน พูดตามตรงจากใจเขาเลยนะ เขาโคตรรู้สึกหมั่นไส้ทรงผมโล้นและวาจาที่กวนบาทาไปทั่วของหมอนี้จริงๆ มั่นใจในฝีมือมากจนน่าหมั่นไส้ เขาไม่เคยรู้สึกแบบนี้มาก่อนเลยชีวิต.. – รึเคยนะ?? (คางามิ ความจำปลาทอง..)
เมื่อได้ลูกบาสมาอยู่ในมือเป็นครั้งแรกของควอเตอร์ที่สอง
คางามิก็ต้องหัวเสียอีกรอบเพราะเขาไม่สามารถสลัดอีกฝ่ายให้หลุดได้
ชักน่ารำคราญแล้วสิ หนอยเจ้านี่ ยังไงก็สลัดมันไม่หลุดจริงๆ แต่ว่า..ถ้า 2 คนล่ะก็
คางามิคิดพลันเขาก็มองเห็นคุโรโกะที่วิ่งมาด้านหลังของตัวประกบ ไม่จำเป็นจะต้องไปคิดอะไรอีกทั้งนั้นเพียงแค่สบตากับความจืดจางของเงาแห่งเซย์ริน เขาก็ส่งลูกบาสลอดหว่างขาของอีกฝ่ายในทันทีแล้ววิ่งแยกออกไปในจังหวะที่มันเผลอ คุโรโกะรีบทำการปัดบาสไปทางคางามิที่วิ่งผ่านได้อย่างรวดเร็วแต่เมื่อคางามิเลี้ยงบาสได้แค่สองจังหวะก็โดนประกบอีกรอบ!
คุโรโกะและคางามิเริ่มทำการประสานงานทันที
จนกระทั้งสามารถผ่านตัวประกบและทำการดั้งลงห่วงได้อย่างรวดเร็ว การที่คุโรโกะวิ่งโผล่ไปปัดบอลนำทางให้คางามิได้ มันเกิดขึ้นเร็วมากจนทีมเซโฮตามไม่ทันและพวกเขาก็เริ่มสงสัย ทว่าถึงจะทำคะแนนขึ้นมาได้ แต่ทั้งคางามิและคุโรโกะเองก็เริ่มเหนื่อยจนแสดงอาการหอบออกมา
เหงื่อของคางามิหยดลงพื้นเสียเยอะ แม้มันจะไม่เยอะมากจนมองเป็นแอ่งน้ำ แต่คนอย่างอมีเรียก็สังเกตเห็นมันได้อยู่ดี เธอขมวดคิ้วเข้าหากันพร้อมกับหรี่ตามองจุดนั้นเสียดวงตาทั้งสองหรี่ลงเป็นเส้นตรง
อมีเรียจำฉากนี้ได้
จากการที่แอมเคยเอามาเปิดลั่นทั่วห้องแลป แม้ไม่อยากจำแต่ด้วยความสามารถพิเศษของเธอมันเลยจำ ถ้าหากคางามิยังไม่ใจเย็นและฝืนบุกเดี่ยวไปเขาจะโดนทำให้ฟาวส์ด้วยเทคนิคของชายหัวโล้นคนนั้น แต่มีหรือที่อมีเรียจะยอม ก็ในเมื่อเธอจำฉากนี้ได้เธอก็ย่อมต้องแก้มันได้สิ ด้วยในฐานะของผู้จัดการทีมบาสเซย์ริน – อมีเรียยิ้มแล้วลุกเดินไปข้างสนามในจังหวะที่คางามิบุกเดี่ยวและเขากำลังจะกระโดด
“ไทกะ! หลบขวาแล้วส่งต่อ” เธอตะโกนสุดเสียงและมั่นใจว่าคางามิจะฟังสิ่งที่เธอพูด
ริโกะตาโตกับเสียงตะโกนของรุ่นน้องสาว เธอรีบหันไปมองในสนามว่าเอซจอมเอาแต่ใจจะฟังรึไม่
และเขาก็ฟังจริงๆ แถมยังทำตามอย่างไม่ลังเลอีกด้วย อมีเรียยกยิ้มพึงพอใจ
ในสนามขณะนั่นเอง คางามิที่ได้ยินเสียงตะโกนของอมีเรียขาที่จะเพิ่มแรงสะปริงตัวเพื่อกระโดดก็หยุดการกระโดดทันทีและนั่นก็เป็นจังหวะเดียวกับที่เบอร์ 10 เซโฮกระโดดพอดี
หึ กะจังหวะที่จะกระโดดหลังจากที่เขากระโดดไปแล้วเพื่อที่จะทำฟาวส์สินะ ดีที่อมีเรียรู้ทันแล้วตะโกนบอกได้ทันท่วงที แน่นอนว่าคางามิตีความของญาติสาวได้ในเมื่อเธอตะโกนบอกให้หลบไปขวา
แสดงว่าต้องหลบไป ซ้าย!
คางามิเลี้ยงลูกบาสออกไปด้านซ้ายแล้วทำการวิ่งหลบซิกแซกแบบที่อมีเรีทำให้ดูก่อนหน้านั้น แม้ภาพมันจะชัดเจนในหัวแต่ด้วยรูปร่างที่แตกต่างกันจึงทำให้เขาต้องใช้ความเร็วมาทดแทนความพลิ้วไหวของอมีเรีย เขาเร่งความเร็วและหลบตัวบล๊อคไปมาก่อนจะทำการดั้งลูกลงห่วงอย่างสวยงาม ท่ามกลางความตกตะลึงของทีมเซโฮที่ไม่คาดคิดว่าคางามิจะทำตรงกันข้ามกับที่ผู้จัดการทีมบอก
เพราะพวกเขาเชื่อที่หญิงสาวตะโกนเมื่อครู่เลยไประวังพวกเซย์รินคนอื่นๆที่วิ่งมาเตรียมรอรับลูกบาส
ทางด้านริโกะเองก็เดินไปขอเปลี่ยนตัวกับกรรมการ
โดยได้ทำการเปลี่ยนคางามิออกมาตามที่อมีเรียแนะนำ ริโกะเองก็เห็นด้วย
จากสภาพที่เธอเห็นบนสนามคางามิที่เร่งตัวเองวิ่งหลบซิกแซกไปมาแบบอมีเรียต้องรับภาระที่ขาและเหนื่อยกว่าเดิมเป็นเท่าตัวควรให้เขาออกมาพักก่อน แต่ถ้าคางามิออกคุโรโกะต้องออกด้วย ดังนั้นการเปลี่ยนตัวรอบนี้ ทีมเซย์รินจึงเปลี่ยนสองคนออก ภายในสนามเลยเหลือแต่รุ่นพี่ปีสองแทน
“มีเรียเชื่อใจพวกรุ่นพี่นะคะ” อมีเรียกุมมือที่อก เธอส่งยิ้มเป็นกำลังใจให้รุ่นพี่ทุกคน
“เชื่อมือได้เลย!”
.
.
.
คางามิและคุโรโกะนั่งพักอยู่บนม้านั่งนักกีฬาพลางมองการแข่งของรุ่นพี่ที่ไม่มีพวกเขา
ส่วนอมีเรียทำการนวดขาเพื่อคลายกล้ามเนื้อให้คางามิแล้วก็คอยประคบเย็นลดอาการปวดไปด้วย เธอไม่ได้นวดมากให้มันหายปวดแต่เธอนวดเพื่อให้กล้ามเนื้อได้พักฟื้นเสียหน่อย หากชนะในแมตส์นี้ แมตส์ต่อไปที่จะถึงนี้คางามิจะได้มีแรงกระโดดมากกว่าเดิมเช่นเดียวกับคุโรโกะที่อมีเรียทายาที่มีให้เขาและนวดขาให้ด้วย
เธอดูแลให้อย่างเท่าเทียมแม้จะรู้สึกแอบอิจฉาผิวขาวเนียนของคุโรโกะก็เถอะ
“ขอบคุณนะครับ” คุโรโกะพูด
“ไม่เป็นไรค่ะ คุณคุโรโกะ” อมีเรียว่าแล้วหันไปดุคางามิที่ยังคงทำหน้าไม่พอใจที่ตนเองไม่ได้แข่ง “อยากโดนไล่ออกจากสนามรึไง? หยุดขมวดคิ้วแล้วนั่งดูไปเงียบๆเลย ไทกะ”
“รู้แล้วน่า!” คางามิยู่ปากขัดใจ แต่เขาก็ทำตามที่เธอบอกอยู่ดี
หากเขาไปขัดใจผู้จัดการสาวละก็ มีหวังอาจจะไม่ได้ลงสนามจนจบเกมแน่นอน
เพราะงั้นคางามิจึงต้องทำตัวเป็นเด็กดี นั่งเงียบอย่างเชื่อฟัง
พวกเรานั่งมองการแข่งในสนามด้วยแววตาที่ต่างกัน อมีเรียมีแววตาเฉยเมยเพราะรู้ผลลัพธ์อยู่แล้ว ในขณะที่คางามิและคนอื่นๆต่างก็ลุ้นไปกับผู้เล่นในสนามด้วย ไม่ใช่ว่าพวกเขาไม่เชื่อใจแต่จากที่ได้ลงสนามไปเผชิญหน้ามาแล้ว พวกเขาก็อดไม่ได้ที่จะกังวลแม้จะเชื่อมั่นในฝีมือของพวกรุ่นพี่ก็ตาม จนกระทั้งแต้มของเซย์รินตีเสนอได้อีกครั้งหลากจากที่ตามมาตั้งแต่ต้นควอเตอร์ที่ 2
พวกเขาต่างรักษาจังหวะและทำคะแนนได้เรื่อยๆจนอมีเรียที่มีแววตาเฉยชาอดไม่ได้ที่จะผิวปากชื่นชมตามนิสัยเดิมที่ชอบทำบ่อยๆตอนถูกใจผลงานแลป
แต่อมีเรียก็ผิวปากได้แค่แปบเดียวเท่านั้น เมื่อรุ่นพี่โคงาเนะดันวิ่งมาปัดลูกบาสที่กำลังออกจากสนามให้เข้าไปแล้วตัวเองดันเสียหลักพุ่งหงายหลังตกม้านั่งนักกีฬาจนสลบ -- ยังดีที่อมีเรียที่สังเกตแต่แรกแล้วว่าน่าจะเกิดอะไรขึ้นเธอที่ควรจะโดนชนจนล้มไปด้วย จึงลุกออกไปยืนอยู่ด้านข้างม้านั่งอย่างเนียบเนียนประจวบเหมาะกับที่โคงาเนะวิ่งมาพอดี
“โคงาเนะคุง ไม่เป็น.... ” ริโกะรีบเข้ามาดูอาการของเพื่อนแต่ก็ต้องยิ้มแหยเมื่อเห็นสภาพ “เป็นนิน่า”
“ตาหมุนติ้วเลย”
เมื่อเห็นว่าโคงาเนะนอนหงายตาหมุนติ้วไปแล้วคางามิจึงเข้าไปถามด้วยความเป็นห่วง “รุ่นพี่เป็นอะไรรึเปล่าครับ” อมีเรียชะโงกหน้าดูก่อนจะสะกิดให้ตัวสำรองช่วยกันไปจัดแจงพื้นที่ด้านหลังเป็นที่นอนให้โคงาเนะนอนพักจนกว่าจะฟื้น ส่วนเธอหันไปตอบคางามิ
“รุ่นพี่แค่สลบนะคะ..ต้องเอาคนอื่นลงแทน”
“งั้น ให้ผมลงแทนสิ..สิครับ”
คางามิหันไปพูดกับริโกะที่เป็นโค้ชพร้อมก้มหัวขอร้อง แต่ว่าฮิวงะที่เดินออกมาดูอาการเพื่อนก็พูดขัดเสียก่อน
“พูดอะไรน่ะ นายลงไม่ได้นะ”
ฮิวงะทำหน้าขรึมก่อนจะพึมพำขอบคุณเสียงเบาเมื่ออมีเรียเขย่งเช็ดเหงื่อที่ไหลย้อยจนหยุดแหมะลงพื้น เขายกยิ้มบางให้ผู้จัดการสาวแล้วหันไปมองคางามิที่ทำหน้าเครียดต่อ
“ลืมไปแล้วรึไง ว่าพวกนายต้องเก็บแรงไว้เพื่ออะไร – เดี๋ยวพวกฉันจะปิดเกมส์เอง รอดูเถอะ”
“แล้วจะให้ผมทนเฉยได้ไงเล่า ผมก็อยากเป็นกำลังให้รุ่นพี่--”
เพลี๊ยะ!
คุโรโกะฟาดมือปิดปากคางามิเสียงดังด้วยใบหน้าที่ไร้อารมณ์ของเขา ส่วนอมีเรียเช็ดเหงื่อเสร็จแล้วเธอก็เข้าไปปฐมพยาบาลให้โคงาเนะที่นอนสลบ ยังไงซะต่อให้เธอไม่เข้าไปแทรกสุดท้ายคางามิก็ไม่ได้ลงไปอยู่ดี ถึงต่อจะได้ลงไปอมีเรียก็จะกดดันให้เขาออกมาเอง – ช่วยไม่ได้ละนะ ขืนขาหมดแรงเดินไม่ได้ มันก็จะลำบากเธอนะสิ
“ผมก็คิดเช่นนั้นครับเพราะงั้นคนที่ฟาวส์ 3 ครั้งและเกือบพลาด ถอยกลับไปเลย” คุโรโกะว่าทั้งๆที่มือของเขายังดันหน้าคางามิอยู่ แต่ก็ต้องสะดุ้งเมื่อคางามิสวนกลับด้วยการใช้มือที่ใหญ่ของตนบีบหน้าคุโรโกะ มือของคางามิใหญ่จนปิดหน้าได้ทั้งหน้าเลยทีเดียว
“ว่าไงนะคุโรโกะ หนอยแก...”
“ถ้าลงแล้วไปทำฟาวส์ใส่สึงาวะคุงอีก คางามิคุงได้โดนไล่ออกแน่ครับ”
แน่นอนว่าคำพูดเมื่อกี้คางามิเถียงไม่ออกแถมยังเย็นหลังว้าบด้วยสายตาอันร้อนแรงของหญิงสาวตาสองสีที่จ้องเขม็งอยู่ ราวกับว่าประสานงานร่วมมือกันกดดันเขาอย่างพร้อมเพียงทั้งคู่ – คางามิเอามือออกจากหน้าคุโรโกะแล้วกำหมัดแน่น
เขาไม่ยินยอมจริงๆ
“ไม่หรอกน่า บอกแล้วไง...ว่าฉันมีหนี้ที่ต้องชำระกับสึงาวะน่ะ”
“เข้าใจแล้วครับ – งั้นผมจะจัดการสึงาวะคุงแทนให้เองครับ”
“หา หมายความว่าไง??”
ก่อนที่การโต้เถียงของคุโรโกะและคางามิจะไปไกลมากกว่านี้ อมีเรียที่ปฐมพยาบาลให้โคงาเนะเสร็จแล้วก็เดินเข้ามาดึงหูคางามิเสียแรงด้วยใบหน้าเปื้อนยิ้มเหมือนตอนก่อนลงสนามตอนต้นควอเตอร์สอง
“อ๊าก เจ็บนะยัยเปี้ยก!” คางามิร้องโวยวายเสียงดังลั่น
“หัดฟังที่คนอื่นเขาพูดหน่อยสิค่ะ คางามิ ไทกะ” อมีเรียเน้นชื่อของญาติสมองทึ่มอารมณ์ร้อนเพื่อให้เขารับรู้ว่ากำลังทำให้เธอไม่พอใจ “รุ่นพี่ริโกะคะ รุ่นพี่ฮิวงะคะให้คุโรโกะลงเถอะค่ะ”
“อื้อ เข้าใจแล้ว” ฮิวงะพยักหน้ารับคำเช่นเดียวกับริโกะที่เห็นด้วย
อมีเรียยิ้มแล้วปล่อยหูของคางามิ แต่เหมือนเธอนึกอะไรขึ้นได้ “คนที่หัวโล้นๆ ที่มีสุนัขอยู่ในปากคนนั้น ชื่อ สึงาวะ งั้นหรอกหรอคะ? อุ้ยตาย...มีเรียเพิ่งรู้นะเนี่ย”
“รบกวนฝากจัดการให้หน่อยนะคะทุกคน มีเรียไม่ชอบคนปาก___ค่ะ”
“.....”
ก็เธอไม่ชอบจริงๆนิ ตอนทำงานที่แลปมีเพื่อนร่วมทีมปากสุนัขแบบนี้ตั้งหลายคน แต่ก็โดนเธอจัดการกับตอกกลับไป จนต้องขอย้ายทีมอยู่บ่อยๆ
พวกปากสุนัข พูดจาไม่มีหูรูดแบบนี้ ไม่น่ารักเอาซะเลย
ชอบกระตุ้นให้เธออยากจับพวกมันไปเป็นหนูทดลองอยู่ตลอด... – เธอยังไม่อยากถูกจับข้อหาทารุณกรรมนะคะ อมีเรียส่งยิ้มแต่ไม่ได้บอกถึงความคิดของตนให้ทุกคนได้ยิน แต่ถึงจะไม่บอกแค่รอยยิ้มที่แผ่ออร่าออกมา มันก็ทำให้สมาชิกทีมบาสเซย์รินทั้งหลายต้องเสียวสันหลังไปตามๆกัน โดยเฉพาะผู้ที่ตกเป็นหัวข้อสนทนาอย่าง สึงาวะ ที่กำลังกอดอกเพราะจู่ๆก็รู้สึกหนาวขึ้นมาแบบไม่รู้สาเหตุ
เหมือนตัวเองกำลังถูกใครหมายหัวยังไงไม่รู้ บรื้อ!
…………………………….
ทยอยมารีอยู่น่า เดี๋ยวรีจนถึงตอนล่าสุดเมื่อไหร่ถึงจะเริ่มอัพตอนใหม่นะคะ
ความคิดเห็น