คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #4 : มิติพิศวงที่ 2 [Re]
มิติพิศวงที่ 2
หลังจากคืนนั้นที่คางามิออกไปรับอมีเรียกลับมาที่ห้องพัก หญิงสาวที่กำลังมึนงงก็เริ่มสอบถามรายละเอียดกับคางามิอย่างไม่ขาดตกบกพล่อง รวมไปถึงประวัติของคนที่ชื่อเหมือนเธอด้วย และนั้นก็ทำให้อมีเรียสรุปความคิดของตนเองได้อย่างง่ายดาย ไร้ซึ่งข้อโต้แย้งใดๆ
“....” ตัวเล็กจัง...
อมีเรียคิดแล้วหมุนตัวไปมาอยู่หน้ากระจกบานใหญ่ ส่วนสูงของร่างนี้คือ 145 ซม. ต่างจากร่างของเธอที่เป็นนักวิทยาศาสตร์ส่วนสูงมาตรฐานคือ 170 ซม. ปัจจุบันที่วัดส่วนสูงอยู่ที่ 175 ซม. – พอร่างกายหดเล็กลงก็รู้สึกไม่ชินเลยนะเนี่ย แขนขาก็เล็ก ตัวก็เล็กถึงหน้าอกจะอยู่ไซส์มาตรฐานเดิมก็เถอะ
ไม่คิดเปล่ามือขาวเนียนของเธอก็ยกขึ้นจับหน้าอกพร้อมยกมันขึ้นลงเล็กน้อย
“โหย..มีเรีย เสร็จยังงงง”
“...”
อมีเรียหันไปมองประตูห้องนอนของตนที่ถูกเปิดออกด้วยฝีมือของคางามิก่อนจะพยักหน้าให้อีกฝ่าย มันถือว่าเป็นโชคดีที่คางามิ ไทกะ ซื่อบื้อดังนั้นการที่ลูกพี่ลูกน้องสาวมีบางอย่างที่เปลี่ยนไปเขาจึงไม่สงสัยอะไรหรือบางทีอาจเป็นเพราะความสัมพันธ์ที่ห่างเหินกันมานานนับตั้งแต่ยังเด็ก จึงทำให้คางามิไม่ได้ฉุดใจคิดถึงเรื่องการเปลี่ยนแปลงของญาติสาว
ความจริงญาติของเขาคนนี้เธอพึ่งมาถึงญี่ปุ่นได้ไม่กี่วันเอง การที่อมีเรียมีการเปลี่ยนแปลงไปเล็กน้อยไม่ใช่เรื่องที่จะต้องมาคิดมากให้ปวดหัวเลยสักนิด
แล้วอีกอย่างวันนี้ก็เป็นวันที่อมีเรียต้องไปเรียนที่โรงเรียนเซย์รินวันแรก
คางามิเล่าว่า เธอถูกส่งมาที่ญี่ปุ่นด้วยฝีมือของพี่ชายให้มาคุมคางามิไม่ให้ออกนอกลู่นอกทาง ชื่อของเด็กสาวคนนี้ชื่อเดียวกันกับเธอ กรุ๊ปเลือด ความชอบ ความสามารถ โรคประจำตัวล้วนเหมือนกับเธอ ต่างแค่เพียงนิสัยและครอบครัว...เธอไม่มีพี่ชายและไม่มีญาติพี่น้องใดๆ -- อมีเรียไม่เข้าใจกับการมีสายสัมพันธ์พวกนี้สักเท่าไหร่ ไม่สิ เธอลืมเลือนมันไปนานแล้วคงจะถูกกว่า
แต่พอถามคางามิว่านิสัยของอมีเรียเป็นยังไงก็ได้คำตอบแค่ว่า ‘จะไปรู้เหรอ’
เป็นญาติที่ไม่ได้เรื่องนิดหน่อยแต่มันก็ไม่ต่างจากหญิงสาวคาดการณ์เอาไว้ อมีเรียทำเรื่องย้ายเข้าโรงเรียนเซย์รินเสร็จแล้ว แต่เมื่อวานที่เธอออกไปข้างนอกก็เพื่อซื้อเสื้อผ้าและข้าวของเครื่องใช้ – ส่วนที่พักห้องพักของคางามิมีสองห้องนอนดังนั้นอีกห้องจึงเป็นของอมีเรียไปโดยปริยาย
อมีเรียเป็นญาติห่างๆทางฝั่งแม่คางามิ เธอไม่มีสายเลือดญี่ปุ่นใหลเวียนเลยเพราะต้นตระกูลเป็นตระกูลหลัก พ่อและแม่ของอมีเรียเสียชีวิตด้วยอุบัติเหตุทางรถยนต์(แต่คางามิบอกว่าพี่ชายของเธอสงสัยว่าการตายในครั้งนั้นไม่ใช่อุบัติเหตุ) ในช่วงเวลานั้นพี่ชายของอมีเรียอายุ 16 ขวบและตัวอมีเรียมีอายุแค่ 10 กว่าขวบ ตอนนี้อมีเรียอายุใกล้เคียงกับคางามิเพราะเกิดปีเดียวกันเดือนเดียวกัน ต่างกันแค่วันที่เท่านั้น
ดังนั้นเลยไม่ค่อยเรียกแทนตัวว่าพี่กับน้องสักเท่าไหร่
เธอรู้สึกอยากถอนหายใจแล้วนอนแผ่บนเตียงเสียเหลือเกิน จากอายุ 35 ปีถูกลดอายุเหลือแค่ 16 ปีพร้อมส่วนสูงอันแสนจะภาคภูมิใจที่หายไป ต่อให้ไม่อยากจะยอมรับก็ต้องก้มหน้ายอมรับไปก่อนเพื่อหาทางแก้ปัญหา ในตอนนี้เธออยู่ในมิติคู่ขนานที่โลกอนิเมะมีตัวตนอยู่จริง และเป็นอนิเมะที่ใกล้เคียงกับคำว่ามนุษย์อยู่นิดหน่อย(?) – แต่นั้นก็ไม่ใช่ปัญหา ปัญหาก็คือ ผมสีขาวเผือกของเธอเปลี่ยนเป็นสีฟ้ามิ้นปลายขาว หลังจากที่เธอตื่นนอน ยังดีที่ดวงตาสองสีไม่ได้เปลี่ยนไปด้วย...
รึว่า!!!
หากเธอยอมรับในตัวตนของอมีเรีย ญาติคางามิ ไทกะ มากเท่าไหร่ ตัวตนของเธอที่เป็น อมีเรียผู้ถูกทอดทิ้งก็จะหายไป?!
คงไม่หรอกมั้ง... – อมีเรียย่นคิ้วคิดวิตก เพราะ เธออยากจะกลับไปทำงานวิจัยต่อถึงจะเริ่มรู้สึกเบื่อแล้วก็ตาม แต่พอมองไปรอบๆตัวแล้ว เธอก็ต้องเคลียร์ความคิดของตนเองใหม่ อย่างน้อยๆจนกว่าจะหาสาเหตุและที่มาของเหตุการณ์ประหลาดนี้ได้ อมีเรีย กราซ คราเชล วัย 35 ปีคงต้องสวมรอยเป็นเด็กสาวแรกรุ่นไปสักพักละนะ
อมีเรียชักจะรู้สึกปลงกับระบบการศึกษาของญี่ปุ่น มันต่างจากการศึกษาของรัสเซียที่ตนเคยเรียนอยู่มาก แต่นั้นก็เป็นการเรียนแบบพิเศษไม่ใช่แบบปกติธรรมดา ถึงในตอนแรกจะดูน่าสนุกและน่าตื่นเต้นทันทีที่เริ่มเรียน แต่เมื่อเธอต้องตกเป็นหัวข้อสนทนาแปลกๆของเพื่อนร่วมห้องของเธอที่ไม่อาจมองเห็นหน้าได้ – อมีเรียรู้สึก มันน่าเบื่อ ยังไงไม่รู้....
ตอนนี้เป็นเวลาสำหรับชมรม เธอถูกคางามิลากตัวไปยังโรงยิมเพื่อสมัครเป็นผู้จัดการทีมบาสที่เขาเป็นสมาชิกอยู่ ส่วนเหตุผลนะเหรอ? ‘พี่ชายใหญ่ฝากให้ดูแลเธอ ถึงจะวุ่นวายแต่มาอยู่ชมรมเดียวกันน่าจะง่ายกว่า’ เป็นการอ้างที่ดูน่าเชื่อถือแต่ก็ไม่น่าเชื่อถือ มีที่ไหนลากคนไปมาอย่างไม่ถามไถ่อะไรเลย จะเอาแต่ใจไหมไหม?...
“скучающий”
อมีเรียมองภาพการซ้อมของเหล่านักกีฬาบาสของโรงเรียนด้วยความเบื่อขั้นต้น เพราะ เธอมองไม่เห็นหน้าพวกเขา มันจึงลำบากสำหรับการจดจำใครแถมชักรู้สึกว่ามันน่ารำคราญ แน่นอนว่าคางามิบอกเรื่องโรคประจำตัวของเธอให้พวกเขารู้แล้ว มีปัญหากันเล็กน้อยแต่มันก็ไม่ได้แย่กับน้ำเสียงที่พวกเขาถามไถ่ด้วยความเป็นห่วง... เป็นน้ำเสียงที่เธอไม่ได้ฟังเสียนาน...ใช่ นานมากเลยล่ะ
“อมีเรียจัง..เมื่อกี้พูดอะไรเหรอ?” ไอดะ ริโกะ เอ่ยถามรุ่นน้องสาวต่างชาติด้วยความสงสัย
“....” มือที่กำลังจะหยิบหนังสือมาอ่านชะงักไปครู่ วงหน้าหวานหันไปมองร่างบางของรุ่นพี่สาวผู้มีตำแหน่งเป็นโค้ชของทีมบาสเซย์รินเล็กน้อยแล้วเลื่อนสายตากลับไปมองคางามิที่กำลังซ้อมอยู่ แต่ก็ไม่ลืมตอบคำถามที่ถูกถามเมื่อสักครู่
“скучающий ที่แปลว่า เบื่อ นะคะ” อมีเรียเท้าค่างมองการเล่นที่ดูตรงไปตรงมาและฉายเดี่ยวของคางามิ “มันเป็นภาษารัสเซียค่ะ รุ่นพี่”
“อ้อ...อมีเรียจังเป็นลูกครึ่งรัสเซียเหรอ” ริโกะเริ่มขยับเข้ามาใกล้รุ่นน้องสาวมากขึ้นพร้อมแววตาที่บ่งบอกถึงความอยากรู้อยากเห็น แต่แววตานั้นอมีเรียไม่ได้มองเห็นมันหรอกนะ
“...เปล่า” อมีเรียถอนหายใจ
“เราโตที่รัสเซีย” และทำงานอยู่ที่นั่นมาตลอด....
อมีเรียเลือกที่จะบอกความจริงไปไม่หมดเพราะมันจะทำให้มีคนสงสัย แค่เธอสงสัยในการมีอยู่ของห้วงมิติคู่ขนานก็มากพอแล้ว ก่อนที่จะขมวดคิ้วแล้วเบี่ยงตัวหลบลูกบาสที่พุ่งตรงมายังที่ที่เธอกำลังนั่งอยู่ ส่วนคนที่ชูตพลาดจนลูกบาสออกมานอกสนามจนเกือบพุ่งใส่หน้าก็วิ่งตามลูกบาสมา..
“Sorry Amelia. Are you OK?” คางามิพูดอังกฤษรัวด้วยความตกใจและคาดไม่ถึง
“I’m Ok” อมีเรียมองผู้เป็นทั้งเพื่อนและญาติ(ในนาม) ก่อนจะหมุนตัวไปหยิบลูกบาสที่อยู่ด้านหลังส่งให้คางามิเพื่อให้เขาซ้อมต่อ เธอกรอกตาไปมาอยู่ครู่ก่อนจะเอ่ยบอกคางามิที่กำลังวิ่งไปซ้อมต่อ “ไทกะ ควรเล่นTeamworkนะ”
“หือ? เข้าใจแล้วน่า”
เข้าใจแต่ปากนะสิไม่ว่า.... อมีเรียเบ้ปากเล็กน้อยแล้วนั่งเท้าค่างมองการซ้อมของทีมเซย์ริน เธอได้ยินจากรุ่นพี่ริโกะว่าพรุ่งเป็นการลงแข่งรอบคัดเลือกอินเตอร์ไฮ แข่งทัวร์นาเมนท์ ส่วนตารางแข่งว่าทีมเซย์รินต้องเจอกับใครก็อยู่ในมือของอมีเรียแล้ว แต่เธอไม่ได้ให้ความสนใจสักเท่าไหร่เพราะยังไงชัยชนะในรอบแรกก็เป็นของเซย์ริน
ทำไมถึงรู้งั้นเหรอ?...
หัวหน้าทีมที่คลั่งเรื่องนี้เปิดมันลั่นแลปทุกครั้งที่เป็นเวลาพักของทีม ถึงจะไม่อยากสนใจไม่อยากฟัง แต่มันเป็นข้อเสียของความสามารถของเธอเองที่ดันไปจดจำมันเอาไว้ บ้าจริง! เพราะเป็นอนิเมะไม่ใช่คน เธอเลยจำได้ทุกฉาก ทุกตอน ทุกตัวละครที่หัวหน้าทีมสาวสองเปิดดูซ้ำแล้วซ้ำเล่า...
มันน่าโมโหแบบสุดขั้วเลย!!(มีประกายไฟลอยขึ้นจากหัวมีเรีย)
แต่...พอได้มาดูของจริง ทีมนี้ยังมีปัญหาอยู่ที่คางามิ เขาใจร้อนมากเกินไปแถมชอบบุกลุยเดี่ยว หัวร้อนง่ายจนไม่อยากจะเชื่อเลยว่าเขาจะเป็นคนที่สามารถโค้นล่มและนำชัยชนะมาให้กับทีม แต่เอาเถอะ..ในฐานะที่ต้องมาเนียนเป็นญาติของคางามิ เธอจะช่วยละกัน
อะไรนะ? จะถามว่าเธอเล่นบาสเป็นเหรอใช่มั้ย? 5555
แค่เธอได้มองดู อ่านและได้ยิน นั้นก็เพียงพอแล้วละ – แต่ร่างกายนี้มันค่อนข้างจะไม่อำนวยสักเท่าไหร่ละนะ..มั้ง? ก็เธอยังไม่พาร่างบอบบางนี่ไปทดสอบอะไรหนักๆเลยนิน่า แค่หยิบดัมเบลของคางามิมาถือเธอก็ถูกเขาแย่งพร้อมดุชุดใหญ่แล้ว
“อมีเรียจัง..”
ในขณะที่อมีเรียกำลังดีดลูกคิดในหัว ริโกะก็เรียกชื่อเธอ เด็กสาวเลิกคิดแล้วหันไปมองหน้าที่เริ่มพ้นหมอกที่บังอยู่ให้อมีเรียได้เห็น อ่า.. ใช้เวลานานกว่าตอนนั้นอีกแหะ
“มีอะไรเหรอคะรุ่นพี่”
“เธอชอบบาสรึเปล่า?” ริโกะถาม “คือว่า...ฉันจะว่าไงดี..อ่า”
“...ไม่รู้สิค่ะ”
อมีเรียมองท่าทางรุกรี้รุกรนของริโกะแล้วกลับไปสนใจคางามิที่กำลังเล่นประสานกับชายร่างเล็กผมสีฟ้า บทจะเล่นประสานก็เล่นได้ดีจนน่าทึ้งเลยนะเนี่ย อมีเรียเป่าลมออกจากปากเสียแรงจนเกิดเสียงก่อนจะขยับหัวไหล่และคอราวกับว่าเธอกำลังทำท่าบริหาร
“ทุกอย่างที่ฉันเห็น อ่านและได้ยิน ฉันล้วนเรียนรู้ได้หมดอย่างง่ายดาย” อมีเรียลุกขึ้นบิดตัวไปมา เธอหันไปมองริโกะพร้อมรอยยิ้มบางที่ช่วยให้ใบหน้านิ่งปนมึนของเธอดูอ่อนโยน “ไม่รู้หรอกค่ะว่าชอบบาสไหม – แต่ฉัน...สนใจมันค่ะ”
“......”
“มันน่าสนุกดี..”
ริโกะดวงตาเป็นประกายขึ้นมาทันทีที่ได้ยินแบบนั้น แต่เมื่อเจ้าของนัยน์ตาสองสีหันกลับมามองเธอ ริโกะจึงกระแอมกระไอกลบเกลื่อนท่าทางตื่นเต้นดีใจของตัวเองเอาไว้เพื่อไม่ให้เสียภาพลักษณ์โค้ช ทว่าแท้จริงแล้วดวงตาเป็นประกายเมื่อสักครู่อมีเรียไม่มีทางมองเห็นมันหรอก ต่อให้เธอเพ่งมองเพียงใดก็ตาม
เนื่องจากไม่สนิทและเธอไม่อยากเสี่ยงให้ตัวเองต้องปวดแสบตา
ดังนั้นจึงปล่อยผ่านท่าทางประหลาดของรุ่นพี่สาวไปอย่างไม่ใส่ใจอะไร ทำเพียงแค่มองอยู่ครู่ก่อนหันกลับไปสนใจนักกีฬาบนสนามทั้งหลายที่กำลังเล่นประสานงานกันอยู่ อดรู้สึกชื่นชมส่วนสูงของญาติหนุ่มไม่ได้ว่าเหตุอันใดเขาจึงสูงกว่าคนอื่นแบบนั้น ขนาดเพื่อนร่วมรุ่นยังตัวเล็กกว่าเขาอยู่ไม่กี่เซนเอง แตกต่างจากเธอ...
ร่างของเธอทั้งที่มีสายเลือดของฝั่งยุโรปเต็มตัว แต่กลับตัวเล็กเกินเกณฑ์มาตรฐานเสียอีก
ตัวเธอในโลกนี้มีอะไรบางอย่างที่บกพล่องรึเปล่านะ...?
“อมีเรียจัง..สนใจมาเป็นผู้จัดการทีมบาสไหม?”
“....คะ?” วงหน้าหวานมึนงงไปชั่วครู่
เธอคล้ายกับได้ยินไม่ชัดว่าเมื่อสักครู่รุ่นพี่สาวได้พูดอะไรออกมารึเปล่า จึงผละสายตาออกจากสนามอีกรอบเพื่อหันไปเพ่งพินิจใบหน้าของรุ่นพี่อย่างสงสัย คิ้วขมวดเข้าหากันจนยุ่งแต่เธอก็หาได้ใส่ใจไม่ นอกจากความคิดที่กำลังมึนงง
ริโกะตาโตเล็กน้อย รีบหันหน้าหนีพร้อมยกมือปิดบังใบหน้าท่อนล่างของตนเองเอาไว้
ใบหน้ามึนงงของรุ่นน้องสาวคนนี้ น่ารักมาก!! นุ่มนิ่มเหมือนเจ้าแมวที่บ้านเลย!
พอปรับอารมณ์ตัวเองให้กลับมาคงที่ได้ ก็รีบหันกลับมาส่งยิ้มให้อมีเรียต่อ
“พี่ถามเราว่า สนใจจะมาเป็นผู้จัดการทีมบาสรึเปล่า?” คราวนี้เธอพูดเน้นข้อความตัวเองพร้อมทำหน้าจริงจังอย่างคาดหวัง
“ผู้จัดการทีมบาส...?” อมีเรียเลิกคิ้ว
“ใช่ๆ”
“.....”
“.....”
โคลงหัวเล็กน้อยขณะใช้ความคิดว่าจะลองทำหน้าที่ประหลาดนั้นดีรึเปล่า แต่พอเหล่มองสมาชิกในยิมที่มีแค่ไม่กี่คนก็รู้สึกเวทนาขึ้นมา นึกถึงคลังข้อมูลในหัวเกี่ยวกับคำว่า ผู้จัดการทีม อยู่สักพักจึงพยักหน้าตกลงอย่างง่ายดาย ริโกะที่ได้รับคำตอบอย่างที่หวังก็กระโดดโลดเต้นดีใจอย่างยิ่ง ไม่พอยังบอกให้ทุกคนเลิกซ้อมไวขึ้นอย่างใจดี
แต่ท่าทางแบบนั้น...คนในทีมบาสกลับเสียวสันหลังแทน
โค้ช กำลังวางแผนอะไรแปลกๆอีกรึเปล่านั่น!?
ไอดะ ริโกะ
โค้ชสาวประจำทีมบาสเซย์ริน นักเรียนหญิงปีสอง ภายนอกเหมือนสาวน้อยแรงช้าง
แท้จริงเธอก็มีมุมน่ารักอยู่นะ มีสกิลเข้าครัวขั้นวิกฤตสำหรับทีมบาส
1 คอมเม้นท์ = 100 กำลังใจ
สามารถติหรือชี้แนะไรท์ได้ ไรท์จะรออ่านคอมเม้นท์ของทุกคนนะคะ
ติดตามข้อมูลข่าวสารและการอัพเดทต่างๆได้ที่เพจ Fairy-แฟรี่กะ จิ้มๆเลย//ชี้
ด้วยรักจากมุมมืด :: ภูติสีเทา
ความคิดเห็น