ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    [ Fic Kuroko no Basket ] มิติพิศวงของยัยจอมมึน (All x Oc )

    ลำดับตอนที่ #3 : มิติพิศวงที่ 1 [Re]

    • อัปเดตล่าสุด 8 ก.ค. 63


     

     

    มิติพิศวงที่ 1

     

     

     

    นับตั้งแต่เกิดมาจนอายุ 35 ปี เธอไม่เคยรู้สึกมึนงงและตื่นตะหนกเท่าครั้งนี้มาก่อน 

    เมื่อสักครู่เธอกำลังเดินไปตามถนนที่ถูกปกคลุมไปด้วยหิมะสีขาวโพลนเพื่อมุ่งหน้ากลับห้องพักในย่านแห่งหนึ่งของประเทศรัสเซียที่อากาศในตอนนั้นช่างหนาวพลานให้ร่างของเธอสั่นสะท้าน ทว่ามาตอนนี้เธอโผล่มาบนฟุตบาทของที่ไหนก็ไม่รู้ พอหันหลังกลับไปมองทางที่ตนเดินมามันก็ถูกแทนที่ด้วยผู้คนหลากหลายร่างเดินขวักไขว้ไปมาละลานตาไปหมด พลันอมีเรียก็รู้สึกเย็นยะเยือกจากไขสันหลังทันที

    นี่มันเกิดเรื่องมหัศจรรย์อะไรขึ้น?!

     

    รึเพราะแสงที่ผ่านตัวเธอก่อนหน้านี้ เอ๊ะ..รึเธอโดนแอมมีลี่แกล้งอำอะไรบางอย่าง เหมือนทุกทีที่หล่อนนึกเบื่อหน่าย? – ไม่ว่าจะคิดเช่นไร สมองของเธอก็แทบจะไม่ประมวณผลใดๆเลยแม้แต่น้อยนอกจากความมึนงง ในตอนนี้หญิงสาวได้แค่เพียงกวาดสายตาไปมาเพื่อมองหาจุดสังเกตเพื่อระบุพิกัดของตนเองแล้วโทรติดต่อไปหาแอมมีลี่ให้มารับตัวเธอ

    เมื่อสรุปผลความคิดได้ อมีเรียก็หยิบโทรศัพท์ของเธอขึ้นมากดเพื่อโทรหาหัวหน้าทีม แต่เธอก็ต้องชะงักอย่างมึนงงอีกรอบเมื่อโทรศัพท์ที่ควรมีภาพหน้าจอเป็นรูปตารางเวรเข้าแลป กลับถูกแทนที่ด้วยภาพของคนสี่คนที่เธอมองไม่เห็นใบหน้าพวกเขา และนั้นเป็นปัญหาใหญ่เลยทีเดียวสำหรับเธอ – 

    เธอเป็นโรค Prosopagnosiaหรือที่เรียกให้เข้าใจง่ายๆคือ โรคลืมใบหน้า 

    เธอไม่สามารถจดจำใบหน้าของผู้คนได้ เลยเมื่อมองดูหรือจ้องมอง เธอก็จะเห็นเพียงหมอกบดบังใบหน้าพวกเขาเท่านั้น ขัดกับความสามารถในการจดจำภาพของเธอ แปลกประหลาดใช่มั้ยหละ แต่ยังดีที่เธอสามารถมองเห็นใบหน้าของผู้คนได้เมื่ออยู่ใกล้ๆเป็นเวลานานหรือ...ฝืนจ้องแล้วใช้ความสามารถพิเศษเฉพาะตัวด้านการจดจำภาพของเธอจดจำใบหน้าผู้คน แต่นั้นก็เป็นการกระทำที่ค่อนข้างเสี่ยงต่อดวงตาของเธอเอง

    มันค่อนข้างทรมานเลยหละในตอนที่ทำแบบนั้น...ทรมานจนอยากควักตาทิ้งเลย

    ทรมานชนิดที่เหมือนมีอะไรบางอย่างคอยชอนไชอยู่ในนัยน์ตาทั้งสองข้างบนใบหน้าเธอ

     

     

    กดเลื่อนดูในรายชื่อที่ถูกบันทึกไว้ล้วนแต่มีรายชื่อที่เธอไม่คุ้นเลยอยู่สองสามชื่อและทุกชื่อก็ถูกบันทึกเป็นภาษาญี่ปุ่นที่เคยเห็นยามหัวหน้าทีมเอาอนิเมะใหม่ๆเข้ามาดูในแลป 

    อ่า.. แปลก – อมีเรียไม่ได้กดโทรตามรายชื่อที่บันทึก เธอกดเบอร์ของแอมมีลี่ที่จำได้แม่นแล้วโทรออกอย่างรวดเร็ว และนั้นก็ยิ่งทำให้มั่นใจเมื่อเกิดเสียงแจ้งถึงการโทรออกนอกประเทศ

    เธอไม่ได้อยู่ที่รัสเซีย ในตอนนี้เธออยู่ที่ญี่ปุ่น มันทั้งน่าประหลาดใจ สับสน มึนงงแต่ก็เข้าใจในสถานการณ์ตอนนี้ พอมองไปทางไหนก็เห็นแต่ผู้คนเดินไปมาแต่เธอมองไม่เห็นหน้าพวกเขาเท่านั้นเอง เมื่อก้มหน้าลงสำรวจตัวเองแล้วเธอก็ยิ่งมึนเข้าไปใหญ่ ชุดทำงานของเธอถูกแทนที่ด้วยชุดนักเรียนที่เคยเห็นผ่านๆในอนิเมะของแอมมีลี่ ถึงแม้เสื้อโค้ทราคาแพงจะยังคงอยู่พร้อมสร้อยคอประจำตัวของเธอก็ตาม และสิ่งที่แปลกไปอีกอย่าง

    เธอรู้สึกตัวเองตัวเล็กลง???

     

     

     

    ใช้เวลาเรียบเรียงความคิดและดึงสติให้กลับมาอยู่นานกว่าที่อมีเรียจะสงบใจได้ เธอตัดสินใจกดโทรเบอร์ที่เพิ่งโทรออกล่าสุดก่อนหน้าเบอร์ของแอมมีลี่ รออยู่สักพักปลายสายก็รับ

    [....]

    “สวัสดี..” อมีเรียพูดเมื่ออีกฝ่ายเงียบหลังจากรับสาย “เบอร์นี้...เป็นเบอร์ของใครคะ?”

    [???] ปลายสายเงียบไปสักพักราวกับว่าเขากำลังงงกับคำถามของเธอ [คางามิ ไทกะ และฉันไม่เข้าใจว่าเธอกำลังเล่นอะไรอยู่ มีเรีย]

    “รู้จักเราด้วย?” อมีเรียเลิกคิ้ว เธอฉงนกว่าเดิมแต่ก็ต้องเอาโทรศัพท์ออกห่างจากหูเมื่อเสียงปลายสายดังขึ้นจนแทบจะทะลุออกมา

    [ยัยบ้า!! ฉันเป็นลูกพี่ลูกน้องเธอไง ไม่รู้จักก็บ้าแล้ว – ยัยเปี้ยกเอ้ย]

    “...อ่อ” อมีเรียพยักหน้าเบาๆ เธอกวาดสายตามองรอบตัวอย่างระมัดระวังก่อนจะเดินไปยังร้านมินิมาร์ทใกล้ๆ อีกหนึ่งความสามารถของเธอที่ตัวเธอเองก็ยังไม่เข้าใจ คือการรู้ล่วงหน้าถึงสภาพอากาศโดยรอบและที่เธอเดินเข้ามินิมาร์ทเพราะว่า ฝนจะตก

    “คางามิ ไทกะ ออกมารับเราทีสิ”

    [ห๊า?!! ทำไมฉันต้องออกไปรับเธอด้วย กลับมาเองสิฟ่ะ] ปลายสายโวยวายเสียงดังอีกรอบ

    “ฝนตก”

    [ห๊า?! บ้าไปแล้วนะเธอเนี่ย ฝนที่ไหนจะตก...] จู่ๆปลายสายก็เงียบไปครู่หนึ่ง [เห้ย! ฝนตกจริงด้วย – ไปรับก็ไปรับ อยู่ไหนตอนนี้..]

    อมีเรียมองรอบตัวก่อนจะกลอกตาเล็กน้อยเพื่อเรียบเรียงความคิดแล้วตอบกลับไปว่า “ไม่รู้...เปิด GPS ให้แล้ว ตามมาเองละกัน”

    [เอ้า! ยัยบ้านิ – ชิ ยุ่งยากจริง เออๆ รออยู่ตรงนั้นไม่ต้องไปไหนนะ]

    “....”

    และแล้วปลายสายก็วางไป อมีเรียเก็บโทรศัพท์เข้ากระเป๋าสะพายสีขาวข้างตัวตนเองก่อนจะเริ่มวิเคราะห์เรื่องที่เกิดขึ้นอย่างจริงจัง

    มีแต่เรื่องแปลกทั้งนั้น.....

    การที่เธอโผล่มาที่ประเทศญี่ปุ่นแบบไม่รู้ตัว โทรศัพท์ที่มีบางอย่างบันทึกเอาไว้ ชุดที่ถูกเปลี่ยนจากตัวรวมไปถึงส่วนสูงและ คางามิ ไทกะ ทุกอย่างคือสิ่งที่แปลกประหลาดสำหรับเธอ นักวิทยาศาสตร์ที่ถูกลืมขององค์กร คนแสนธรรมดาที่โหยหาชีวิตสงบสุข ในตอนนี้เธอโผล่มาในที่ที่ไม่คุ้นชินด้วยความมึนงงและไม่เข้าใจ.. 

     

    เกิดเรื่องบ้าอะไรขึ้นกัน...

    รึเพราะชั่วขณะที่เกิดปรากฏการณ์ทับซ้อนบางอย่างตามธรรมชาติได้เกิดอะไรบางอย่างขึ้นและนำเธอมางั้นเหรอ?

    มันคือการข้ามมิติเหมือนในอนิเมะของแอมมีลี่งั้นหรือ?

    หรือมันคือผลกระทบจากการบิดเบือนของอะไรบางอย่างที่ทำให้คลื่นสมองของเธอเกิดความสับสนและสร้างภาพหลอนขึ้นมา บางทีเธออาจจะหมดสติและกำลังฝันอยู่ รึไม่ก็เกิดการทับซ้อนของมิติคู่ขนานอันเกิดจากปรากฎการณ์ทางธรรมชาติ

    แต่เหตุผลไหนละที่จะอธิบายเรื่องราวที่เธอเจอในตอนนี้ได้...? เป็นครั้งแรกที่อมีเรียรู้สึกรำคราญโรคลืมใบหน้าของตนเอง และเป็นครั้งแรกที่เธอหงุดหงิดกับความคิดของตนเองเช่นเดียวกัน มันช่างเป็นความคิดที่ดูไร้ประโยชน์ในตอนนี้อย่างถึงที่สุด – ตอนนี้มีหลายเรื่องที่เธอไม่เข้าใจและต้องการการพิสูจน์และยืนยันให้แน่ชัด แต่สิ่งหนึ่งที่เธอมั่นใจ...

    คางามิ ไทกะ คือชื่อตัวละครหลักในอนิเมะเรื่องโปรดของแอมมีลี่ เรื่องที่เกี่ยวกับกีฬาบาสและมิตรภาพเพื่อนอันซับซ้อน มันไม่น่าจะบังเอิญชื่อเหมือนเพราะนั้นเป็นชื่อที่ถูกสมมุติขึ้นมา เธอไม่อยากจะเชื่อกับความคิดของตนเองสักเท่าไหร่ แต่นั้นก็เป็นความคิดที่เป็นไปได้มากที่สุด....

     

     

    “เห่!”

    “!!!”

    อมีเรียสะดุ้งเมื่อถูกทักเสียงดัง เธอหันไปมองชายหนุ่มที่ยืนทำสีหน้าเช่นไรไม่รู้ด้วยความสงสัยก่อนจะกวาดสายตามองสำรวจเขาอย่างระแวดระวัง แต่คงเพราะเธอแสดงท่าทางวิตกใส่ชายหนุ่มเขาถึงได้กระชากตัวเธอให้เข้าไปใกล้พร้อมยื่นหน้าเข้ามาจนเกือบชิดกับใบหน้าของเธอ

    “ช่วยจดจำใบหน้าฉันคนนี้ได้สักทีเถอะ ยัยเบื้อก”

    “...อ อือ” อมีเรียกระพริบตาปริบๆ

    ตอนนี้เธอมองเห็นใบหน้าของเขาแล้วแม้จะยังมีหมอกมาบดบังบ้างแต่ก็ไม่ได้ยุ่งยากอะไรที่จะดูไม่ออก ผมสีแดงเข้มแซมดำ ใบหน้าที่ไม่ตี๋แบบชาวญี่ปุ่นทั่วใบแต่กลับคมเข้มและดูกวนๆ ดวงตาสีเข้มออกแดงที่หาได้ยากในโลกความจริง จมูกโด่งทำให้รู้สึกว่าเขาน่าจะมีสายเลือดของชาวยุโรปอยู่ด้วยไม่ฝั่งพ่อก็ฝั่งแม่ ตัวเขาค่อนข้างสูงเพราะเขาก้มตัวลงมามากพอควร – อมีเรียมองเรื่อยๆเพื่อจดจำใบหน้าเขาเขาจนมาจบที่ปาก ก่อนจะกลับไปสบตาใหม่อีกครั้ง พลันภาพความทรงจำที่ไม่น่าจะสำคัญก็เข้ามา

     

    ‘อมีเรียที่รัก ดูสิๆ หนูน้อยคางามิละ’ แอมมีลี่ชู figure ตัวละครในอนิเมะให้เธอดู แต่อมีเรียเพียงแค่มองแล้วหมุนตัวกลับไปทำงาน

    ‘กรี้ด เดี้ยนจะละลาย ดูสิๆ ไทกะของเดี้ยนเขากลัวน้องหมา’ อมีเรียเดินหลบหัวหน้าทีมที่ชู tablet ที่กำลังเปิดคลิปวีดีโออนิเมะสุดรักของแอมมีลี่

    ‘ค่าๆ เรามีประชุมกับบอสนะคะแอม กรุณาวางมันลงแล้วไปเตรียมตัว’ อมีเรียเมินพร้อมกล่าวเตือนหัวหน้าทีมถึงภารกิจวันนี้

    ‘ไทกะของเดี้ยนน่ารักนิน่า’

     

     

    อ่า..ดูเหมือนเธอจะอยู่ในมิติที่เป็นโลกของอนิเมะเรื่องนั้นเสียแล้วแฮะ....แม้ไม่อยากจะยอมรับแต่ก็ต้องยอมรับเพราะมันมีความเป็นไปได้มากสุด อมิเรียรู้สึกปวดหัวหนึบๆอย่างช่วยไม่ได้ก่อนจะสะบัดหัวเบาๆไล่ความคิดฟุ้งซ่านทั้งหลาย ณ ตอนนี้ไม่ใช่เวลาไปฟุ้งซ่านอะไร เพราะ คางามิ ไทกะกำลังจ้องเธอตาแป๋วเลย

    “เป็นไรมีเรีย??” คางามิ เลิกคิ้วมองญาติสาวสุดสนิทด้วยความสงสัย “เกิดอะไรขึ้นงั้นเหรอ..”

    “....เปล่า” อมีเรียส่ายหน้า ในตอนนี้เธอจดจำใบหน้าของคางามิได้แล้ว แต่ถ้าห่างการจ้องหน้าไปสักสองวันเธอก็จะลืมไปเอง นี่แหละคือปัญหาของโรคลืมหน้า

    คางามิยังคงสงสัยแต่ด้วยเพราะใบหน้าที่ยังคงมึนและนิ่งเฉยของอมีเรีย เขาเลยปล่อยผ่านความสงสัยนั้นไปอย่างง่ายดายแล้วจูงมืออมีเรียพาเดินกลับห้องพัก สายฝนยังคงตกอยู่ยังดีที่อมีเรียตัวเล็กร่มที่คางามิพกมาเลยสามารถกันฝนให้กับเธอได้

     

     

     

    คางามิ ไทกะ

    พ่อหนุ่มแมวนักบาส ลูกพี่ลูกน้องของอมีเรีย(โลกนี้) สิ่งที่ชื่นชอบคือเนื้อ!!

    และสิ่งที่กลัวคือสุนัข

     

    1 คอมเม้นท์ = 100 กำลังใจ

    สามารถติหรือชี้แนะไรท์ได้ ไรท์จะรออ่านคอมเม้นท์ของทุกคนนะคะ

     

    ติดตามข้อมูลข่าวสารและการอัพเดทต่างๆได้ที่เพจ Fairy-แฟรี่กะ จิ้มๆเลย//ชี้

     

    ด้วยรักจากมุมมืด :: ภูติสีเทา

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×