ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    { Reborn+KNB } World of Mafia โชคชะตาพาสู่สงครามมาเฟีย[Yaoi]

    ลำดับตอนที่ #11 : ♜ : Chapter Six : Italy [ Part II ]

    • อัปเดตล่าสุด 19 เม.ย. 59


    Chapter Six : Italy [ Part II ]

     

     

     

              “ใครกันน๊าที่มีงบมากมายถึงขั้นพานักเรียน 75 คนไปอิตาลี 1 เดือนได้น่ะ~

     

     

              คิเสะถามขึ้นลอยๆก่อนจะเอนหลังพิงที่นั่งของตนเอง บนเครื่องบินโซนที่ 3 จะถูกแบ่งให้นั่งเป็นคู่ๆ และคู่ของคิเสะก็คือมิโดริมะ..สาบานได้ว่าความจริงแล้วเขาได้คู่กับคุโรโกจจิของเขา แต่อยู่ดีๆอาคาชิก็มาชิงนั่งที่ตรงนั้นไปพร้อมกับยกกรรไกรขึ้นขู่ว่าหากโวยวายจะถูกเจื๋อนทิ้ง.. แหม..น่ากลัวโดยแท้ น่ากลัวจนเขาต้องเผ่นมานั่งกับมิโดริมะเลยนี่แหละ!

     

     

              หมาบ้ายังน่ากลัวน้อยกว่าอาคาชิ..

     

     

              เขาไม่ได้เปรียบเทียบอาคาชิเป็นหมานะ!

     

     

              “เห็นว่าโรงเรียนนี้มีผู้หนุนหลังน่ะนาโนะดาโยะ..” มิโดริมะอธิบายพร้อมกับใช้นิ้วชี้ดันแว่นขึ้น ดวงตาสีเขียวภายใต้กรอบแว่นฉายแววไม่เข้าใจเล็กน้อยก่อนจะกลับมานิ่งเฉยตามปกติแล้วเหล่มองคุโรโกะกับอาคาชิที่กำลังนั่งฟังบทสนทนาของพวกเขาอย่างสนใจ

     

     

              “นายรู้เรื่องนี้บ้างปะ อาคาชิ” อาโอมิเนะถามขึ้นบ้างพลางยัดขนมเข้าปาก ที่บอกว่ายัดน่ะ..ยัดจริงๆนะ เขากำขนมขึ้นมาเป็นกำแล้วยัดใส่ปากทั้งกำนั่นจริงๆนะ!

     

     

              “ผมไม่รู้เลย แต่ดูท่าน่าจะมีอิทธิพลมาก..เพราะทางโรงเรียนปิดปากไม่ยอมพูดอะไรซักอย่าง” อาคาชิสารภาพตามตรงก่อนจะลอบถอนหายใจ ขนาดใช้อำนาจตระกูลอาคาชิก็แล้ว ใช้กรรไกรข่มขู่ก็แล้ว แต่ก็ไม่มีท่าทีว่า ผอ. โรงเรียนจะปริปากบอกอะไรเลยซักอย่าง อาจจะเป็นพวกยากูซ่า..ไม่สิ ยากูซ่าไม่มีทางยอมพาพวกเขาไปอิตาลีหรอก

     

     

              “ให้ตายเซ่ ถ้ารู้ว่าจะต้องไปอิตาลีรู้งี้ตั้งใจเรียนในวิชาประวัติศาสตร์อิตาลีซะก็ดีหรอก”

     

     

              !!!!!

     

     

              เพียงแค่สิ่งที่คางามิพูดออกมาก็ทำให้อาคาชินึกบางอย่างขึ้นมาได้ทันที.. ถ้าจำไม่ผิดเหมือนตอนเรียนประวัติศาสตร์อิตาลีอาจารย์จะสอนอะไรซักอย่างเกี่ยวกับมาเฟีย บางทีผู้หนุนหลังที่ว่านั่นอาจจะเป็นมาเฟียของอิตาลีก็ได้ ไม่งั้นลองคิดดูสิ..โลกนี้มีตั้งหลายร้อยประเทศทำไมต้องเจาะจงที่อิตาลี? โลกนี้มีตั้งหลายร้อยประเทศ..ทำไมต้องไปทัศนศึกษาที่อิตาลี?

     

     

            โอเค..บางทีอาคาชิคิดว่าเขาน่าจะลองไปเป็นนักสืบดู

     

     

              แต่ถ้าเป็นมาเฟียจริง..มิน่าล่ะอำนาจของตระกูลอาคาชิถึงใช้ไม่ได้ผล

     

     

              “มาเฟีย..?” มิโดริมะที่เหมือนจะคิดได้เหมือนกันพึมพำเสียงเบา แต่ถึงจะเสียงเบายังไงมันก็ดังพอที่จะทำให้เหล่าบาสเรนเจอร์ทุกคนซึ่งนั่งอยู่ใกล้ๆกันได้ยินอย่างชัดเจน

     

     

              “ก็เป็นไปได้นา..” มุราซากิบาระพูดสมทบ

     

     

              “จะว่าไป..ที่โค้ชบอกว่าให้พวกเราทำให้พวกสึนะคุงเป็นนักบาส จะทำยังไงดีล่ะครับ?” คุโรโกะถามขึ้นมาถึงปัญหาโลกแตกที่ยังข้องใจไม่หาย “พวกเขาไม่เหมาะที่จะเป็นนักบาสเลยนะครับ”

     

     

              “จะว่าไปก็จริงแบบที่คุโรโกจจิพูดนา..พวกเขาดูยังไงก็ไม่เหมาะจะเป็นนักบาสเลยซักนิดเดียว~

     

     

              “จะว่าไปคนในห้อง A นี่..ดูไม่ค่อยสนิทกันเอาซะเลยแฮะ” อาโอมิเนะกล่าวพลางเกาหัวแกรกๆอย่างเบื่อหน่าย จะว่าไปก็จริงเหมือนที่อาโอมิเนะพูด เพราะพวกเขาดูไม่ค่อยเหมือนกับเด็กวัยรุ่นทั่วไปที่กำลังจะได้ไปทัศนศึกษาที่อิตาลีตั้ง 1 เดือนเลย พวกนั้นดูชิวๆและอยู่ในโลกส่วนตัวมากกว่ามานั่งจับกลุ่มคุยกันเหมือนพวกเขา

     

     

              ถ้าจะให้อธิบายว่าใครกำลังทำอะไร..ก็คงต้องบอกว่าเลอากำลังคุยอะไรซักอย่างกับโคริโกะ เหมือนเธอจะพูดเกี่ยวกับสูตรเคมีหรืออะไรซักอย่างที่คนทึ่มอย่างอาโอมิเนะและคางามิไม่เข้าใจนัก แอนนาที่นั่งข้างคิทสึเนะกำลังงีบหลับหนุนตักคิทสึเนะเหมือนคนที่ไม่ได้นอนมานานทั้งๆที่ก่อนขึ้นเครื่องบินก็เห็นเธอหลับตลอดจนคิทสึเนะต้องเป็นคนอุ้มเธอตลอดทาง (อาจจะเพราะเธอตัวเล็กด้วยเลยอุ้มไปไหนมาไหนง่ายล่ะมั้ง) ริโนะกับรินะนั่งคุยอะไรกันซักอย่างกับเคียวโกะและฮารุ ฮิคารินั่งข้างๆโฮชิโนะ..ฮิคาริดูเหมือนกำลังวาดรูปอะไรซักอย่าง ส่วนโฮชิโนะก็เหมือนกำลังท่องสูตรคณิตหรืออะไรเทือกๆนั้นอยู่เช่นกัน ข้างหลังฮิคาริกับโฮชิโนะคืออาบิสกับยูโตะ ยูโตะกำลังหลับ..ส่วนอาบิสก็กำลังจับกลุ่มคุยกับอากิฮิโกะซึ่งนั่งข้างหลังเขาอีกที และสุดท้ายคือมอร์เต้กำลังนั่งฟังเพลงถ่าย MV อยู่หลังสุดของโซน..

     

     

              พวกเขาดูไม่ค่อยสนิทกันเท่าไหร่เลย..ถ้าเป็นเด็กปกติอย่างน้อยน่าจะตื่นเต้นกันมากกว่านี้

     

     

              “ผู้โดยสารโปรดทราบ ผู้โดยสารโปรดทราบ ขณะนี้เครื่องบิน Vongola Decimo X กำลังจะเตรียมลงจอดที่สนามบิน Vongola Sky Decimo X Airport กรุณานั่งที่แล้วรัดเข็มขัดให้เรียบร้อยด้วยค่ะ”

     

     

              สิ้นเสียงหวานของหญิงสาวคนหนึ่งทุกคนก็ยกเลิกกิจกรรมที่ตัวเองทำอยู่ทั้งหมดแล้วหันกลับไปนั่งที่ให้เรียบร้อยในทันที  โดยที่ไม่มีใครรู้เลยว่าการกระทำของพวกเขาอยู่ในสายตาของวองโกเล่เดซิโม่และเบี้ยงกี้ที่ทำหน้าที่เป็นแอร์โฮสเตสชั่วคราวผ่านกล้องวงจรปิดตลอดเวลา

     

     

            ...................

     

     

              “โห ที่นี่คือสนามบิน Vongola Sky Decimo X Airport เหรอเนี่ย!

     

     

              เสียงดังระงมขึ้นจากทั่วสารทิศ สนามบินวองโกเล่สกายเดซิโม่บลาๆๆๆอะไรนั่นเป็นสนามบินที่ใหญ่ที่สุดเท่าที่พวกเขาเคยเจอมาเลยก็ว่าได้ เรียกได้ว่าสวยงาม ไม่สิ งดงามที่สุดในโลก เครื่องไม้เครื่องมือทันสมัย สถานที่กว้างขวาง ตึกต่างๆก็สวยงามราวกับถูกออกแบบโดยนักสถาปัตยกรรมที่มีฝีมือระดับโลก ภายในสนามบินมีผู้คนเดินกันไปมา ซึ่งส่วนใหญ่ก็ใส่ชุดสูทหรือชุดเดรสแบรนด์เนมราคาแพงแสดงให้เห็นว่าลูกค้าแต่ละท่านมีฐานะทางบ้านที่ไม่ธรรมดาเลยซักคน..

     

     

              โอ้..นี่พวกเขาหลงมาในดงคนรวยใช่ไหมนี่..

     

     

              “เอาล่ะเด็กๆฟังทางนี้!” ดีโน่หยิบโทรโข่งขึ้นมาใช้อีกครั้งเรียกให้เหล่านักเรียนนามิโมริทั้งหลายมารวมตัวกันที่ลานกว้างแห่งหนึ่งภายในสนามบิน สีหน้าของดีโน่ดูจริงจังมากเสียจนพวกเขาคิดว่าสิ่งที่ดีโน่กำลังจะพูดต่อไปนี้ต้องสำคัญมากแน่ๆ

     

     

              “ตลอดระยะเวลาที่อยู่อิตาลีจะมีอาจารย์อีกท่านมาช่วยดูแลพวกเราอย่างใกล้ชิดนะครับ เชิญเลยครับ..คุณเบียคุรัน” ไม่รุ้คิดไปเองรึเปล่าแต่ดูเหมือนน้ำเสียงที่ดีโน่ใช้เรียกชื่อคนที่ชื่อเบียคุรันนั้นดูจะเหี้ยมเอามาๆเหมือนไม่ค่อยถูกกันซักเท่าไหร่

     

     

              แน่ล่ะ..เพราะเบียคุรันชอบมาขัดจังหวะดีโน่กับสึนะแล้วลากสึนะไปมาตามใจตัวเองนี่นา!

     

     

              สิ้นสุดประโยคของดีโน่ก็มีชายหนุ่มร่างสูงโปร่งที่ขาวไปทั้งตัวไม่ว่าจะสีผม สีผิว หรือแม้แต่สีของเสื้อผ้า จะมีก็แต่ดวงตาสีอะเมทิสต์ที่คมคายนั้นเท่านั้นที่โดดเด่นอยู่ท่ามกลางสีขาว ใบหน้าของเขาดูหล่อมากราวกับเทพบุตรก็ไม่ปาน และนั่นทำให้สาวๆห้อง B ถึงกับหลุดกรี๊ดออกมาราวกับเจอนักร้องระดับโลกเดินผ่าน

     

     

              ส่วนสาวๆห้อง A น่ะเหรอ..ขอโทษเถอะ พวกเธอเจอผู้ชายหล่อมามากจนมีภูมิคุ้มกันคนหล่อกันหมดแล้ว ไม่เชื่อก็ดูพวกผู้ชายของห้องเธอสิ..มีแต่คนหล่อๆทั้งนั้น!

     

     

              “สวัสดีครับทุกคน~ ฉันชื่อเบียคุรัน~ ความจริงก็อายุเท่ากับพวกเธอนั่นแหละนะ~

     

     

              สึนะมองท่าทางเริงร่านั้นแล้วรู้สึกหมั่นไส้..ถ้าจำไม่ผิดเบียคุรันไปเปิดกิจการสวนสนุกที่เมืองนามิโมริช่วงหนึ่งซึ่งช่วงนั้นเขาอยู่ที่อิตาลีทำให้ไม่ได้เจอกัน พอเขาไปนามิโมริเบียคุรันก็มีงานต้องกลับมาทำที่อิตาลีอีก ก็ไม่เจอกันอีก ซึ่งนั่นมันดีมากๆเลยในความคิดของสึนะ เพราะอย่างน้อยเขาก็จะไม่โดนใครบางคนลากไปลากมาตามใจตัวเองแบบนั้น ส่วนเรื่องที่เบียคุรันอายุเท่าพวกเขาน่ะ..มันเรื่องจริงนะ! เขาก็พึ่งรู้ตอนศึกแห่งสายรุ้งนี่แหละ!

     

     

              “ฉันจะคอยดูแลพวกเธอตลอด 1 เดือนนี้ ยังไงก็ฝากตัวด้วย..นะ?” ว่าแล้วก็หันมาขยิบตาใส่สาวๆให้ระทวยใจเล่น ดีโน่ที่ชักจะเริ่มทนกับความไร้สาระของเบียคุรันไม่ไหวแย่งโทรโข่งจากอีกฝ่ายก่อนจะกลับมาพูดด้วยน้ำเสียงจริงจังว่า..

     

     

              “นักเรียนทุกคนฟังครูให้ดีนะครับ..อิตาลีเป็นถิ่นของมาเฟียหลากหลายเชื้อชาติหลากหลายกลุ่ม ซึ่งพวกเราจะเรียกว่า แฟมิลี่..และในแต่แฟมิลี่ก็จะมีทัศนคติ ลักษณะ หน้าที่ เป้าหมาย รวมถึงวิธีการต่างกันออกไป เพราะฉะนั้นครูขอให้ทุกคนอยู่ในกฎระเบียบ ไม่ทำตัวมีปัญหา และเชื่อฟังครูและอาจารย์เบียคุรันด้วยนะครับ” ดีโน่พูดขึ้นอย่างฉะฉานดูน่านับถือขึ้นมา สึนะมองไปรอบๆก่อนจะสังเกตเห็นชายชุดสูทซึ่งพอจำได้ว่าเป็นลูกน้องของดีโน่ทำให้สึนะและเหล่าผู้พิทักษ์ถึงกับอ๋อในทันที

     

     

              เพราะมีลูกน้องนี่เองเจ้าตัวถึงดูดีขึ้นมามากขนาดนี้..

     

     

              “อีกเรื่องที่ครูจะประกาศ..เกี่ยวกับผู้สนับสนุนของโรงเรียนนามิโมริแผนกมัธยมปลายของเราครับ” เสียงฮือฮาดังขึ้นทันทีที่พูดถึงผู้สนับสนุนของการมาอิตาลีครั้งนี้ แน่นอนสิไม่ว่าใครก็อยากจะเห็นหน้าของผู้ที่ใจดีมีเมตตา(?)สนับสนุนโรงเรียนในการมาทัศนศึกษาเข้าค่ายที่อิตาลีโดยให้งบสำหรับค่าใช้จ่ายทั้งหมดโดยที่นักเรียนไม่ต้องออกเงินแม้แต่เยนด้วยกันทั้งนั้นแหละ  แน่นอนว่าทุกคนต่างเดากันไปต่างๆนาๆ

     

     

              “ฉันว่าต้องลุงแก่ๆพุงพุ้ยๆแน่เลย! เหมือนพวกเศรษฐีใจป้ำในหนังเงี้ย!” อากิฮิโกะพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงร่าเริงก่อนจะหันไปมองหน้าคนอื่นๆในห้องเป็นเชิงถามว่าเห็นด้วยรึเปล่า แน่นอนว่ายังไม่มีใครสังเกตถึงสึนะที่หน้าบูดเบี้ยวที่ถูกทายว่าเป็นคนแก่พุงพุ้ยเลยซักนิดเดียว

     

     

              “บางทีอาจจะเป็นหนุ่มรูปหล่อใจดีๆก็ได้นะ แอนนาจังว่าไง” รินะเสนอขึ้นบ้างก่อนจะหันไปถามความเห็นจากเด็กสาวในชุดโลลิต้าสีแดงซึ่งนั่งอยู่บนตักของคิทสึเนะด้วยตาปรือๆเหมือนคนงัวเงียต้องการจะหลับตลอดเวลา

     

     

              “ฉันไม่สนหรอกค่ะ ฉันง่วง..” พูดจบก็หลับต่อ..บนตักคิทสึเนะนั่นแหละ  คิทสึเนะยิ้มแหย่ๆก่อนจะจัดท่านอนของเด็กสาวให้แอนนาสามารถหลับได้สบายขึ้นพร้อมกับลูบหัวเด็กสาวไปพลางๆ

     

     

              “แอนนานี่ไม่สนใจอะไรเลยนะครับ” ยูโตะพูดขึ้นบ้างพลางถอนหายใจเบาๆ ก่อนที่จะมีใครพูดอะไรขึ้นอีกเสียงดีโน่ที่ดังมาจากโทรโข่งก็ดังขึ้นอีกครั้ง

     

     

              “ผู้สนับสนุนโรงเรียนของเราไม่สามารถปลีกตัวมาในตอนนี้ได้ครับ ครูจะขอบอกไว้ก่อนนะทุกคน ว่าที่ๆเราอยู่นี้คือถิ่นของมาเฟียที่มีมากมายหลายแฟมิลี่ และวองโกเล่แฟมิลี่ก็คือแฟมิลี่ที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในโลก  ผู้สนับสนุนของเราคือบอสของวองโกเล่แฟมิลี่รุ่นที่ 10 ดังนั้นจึงขอให้นักเรียนทุกคนช่วยอย่าสร้างความเดือดร้อนให้พวกเขาด้วยนะ” สิ้นสุดคำพูดของดีโน่เสียงพูดคุยของนักเรียนก็ดังขึ้นอีกครั้ง ซึ่งครั้งนี้ก็เกี่ยวกับเรื่องที่มีผู้สนับสนุนเป็นหัวหน้าแก๊งมาเฟียที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในโลก..

     

     

              สึนะที่นั่งอยู่ข้างโกคุเดระและยามาโมโตะยิ้มแหย่ ถึงจะคาดเอาไว้แล้วก็เถอะว่าจะมีคนสนอกสนใจมาก..แต่ก็ไม่คิดว่าจะมากขนาดนี้ ยังไงซะความลับก็คงจะเก็บได้อยู่..เพราะคนพวกนั้นคงไม่คิดว่าเจ้าห่วยอย่างเขาจะไปเป็นบอสของวองโกเล่แฟมิลี่อะไรนั่นหรอก

     

     

              “สถานที่ๆเราจะไปต่อจากนี้คือปราสาท Vongola IX NONO หรือที่เรียกสั้นๆว่าปราสาทวองโกเล่ เป็นปราสาทวองโกเล่เดิมที่ถูกซ่อมบำรุงปรับปรุงโดยบอสวองโกเล่รุ่นที่ 10 โดยให้เป็นที่พักอาศัยของวองโกเล่รุ่นที่ 9 “ เบียคุรันเงียบไปพักหนึ่งก่อนจะพูดต่อ

     

     

    “ซึ่งก็อย่างที่บอกไปข้างต้นว่าวองโกเล่รุ่นที่ 10 ไม่ว่างติดภารกิจเจรจากับเพนกวินที่ขั้วโลกใต้(?) ดังนั้นที่พวกเราจะไปวันนี้ก็เพื่อไปทักทายวองโกเล่รุ่นที่ 9 นั่นเอง เพราะฉะนั้นขอให้ทุกคนสงบเสงี่ยมกันด้วยนะ!” สิ้นเสียงของเบียคุรันเสียงพูดคุยจ้อกแจ้กจอแจก็กลับมาอีกครั้ง ส่วนพวกสึนะก็กำลังมองไปที่เบียคุรันด้วยตาที่ลุกโชนด้วยไฟของความแค้น

     

     

    มันว่าใครไปเจรจากับเพนกวินที่ขั้วโลกใต้นะ!!!

     

     

    “เอาน่าๆ สึนะใจเย็นนะ” ยามาโมโตะยิ้มแหย่ก่อนจะลูบหลังสึนะหวังให้สึนะใจเย็นลงไม่เผลอไปฆ่าใครตายซะก่อน

     

     

    ปราสาทวองโกเล่ไอเอ็กซ์โนโน่  หรือภาษาอังกฤษคือ Vongola IX NONO เป็นปราสาทวองโกเล่ดั้งเดิมที่ถูกทำลายไปแล้วหลังจากการต่อสู้ชิงแหวนวองโกเล่กับพวกวาเรียในตอนที่พ่อของสึนะเข้าไปช่วยเหลือรุ่นที่ 9 ปราสาทที่พังไปแล้วได้ถูกซ่อมแซมบูรณะขึ้นใหม่อีกครั้งแล้วถูกตั้งชื่อใหม่ไปตามชื่อที่กล่าวไปข้างต้น และถูกสร้างขึ้นเพื่อเป็นที่พักของบอสวองโกเล่และผู้พิทักษ์วองโกเล่รุ่นที่ 9 โดยชื่อของปราสาทนั้นมาจาก IX เลขเก้าในภาษาโรมัน และ Nono ซึ่งแปลได้ว่า อันดับที่ 9 ในภาษาอิตาลี รวมถึงเป็นฐานทัพของวองโกเล่สาขารองอีกด้วย (พวกเราแบ่งขนาดสาขาเป็น 3 ขนาด คือ สาขาหลัก สาขารอง และสาขาย่อย)  แน่นอนว่าฐานทัพวองโกเล่สาขาหลักนั้นถูกสร้างขึ้นในอิตาลีเช่นกัน แต่ในที่นี้จะไม่ขอกล่าวถึงก่อนเพราะยังไม่ถึงเวลา

     

     

    “แล้วพวกเราจะไปพักที่ไหนเหรอคะ?” คาวะกะ โคริโกะ รองหัวหน้าห้อง A ยกมือขึ้นถามด้วยน้ำเสียงฉะฉาน เบียคุรันหันไปมองเธอก่อนจะยิ้ม..

     

     

    โฮ่! นี่น่ะเหรอว่าที่สมาชิกของวองโกเล่แฟมิลี่ที่วองโกเล่รุ่นที่ 9 เตรียมเอาไว้

     

     

    “พวกเราจะไปที่พักหลังจากไปหารุ่นที่ 9 แล้วครับ สถานที่พักของพวกเราก็คือ คฤหาสน์ Vongola X Decimo rose Familia น่ะครับ..เป็นปราสาทที่เป็นบ้านพักตากอากาศของวองโกเล่รุ่นที่ 10 และเป็นฐานทัพสาขาย่อยของวองโกเล่แฟมิลี่” เบียคุรันอธิบายด้วยรอยยิ้มที่ประดับอยู่บนใบหน้าเป็นประจำ ก่อนเจ้าตัวจะส่งโทรโข่งให้ดีโน่ได้อธิบายต่อ

     

     

    “แน่นอนว่าตลอด 1 เดือนนี้พวกเรามีโอกาสได้ไปเยี่ยมชมปราสาท Vondola X Decimo ซึ่งเป็นที่อาศัยของวองโกเล่รุ่นที่ 10 และผู้พิทักษ์รวมถึงเป็นฐานทัพสาขาหลักของวองโกเล่ด้วยนะ”

     

     

              คฤหาสน์วองโกเล่เอ็กซ์เดซิโม่โรสแฟมิเลีย หรือ Vongola X Decimo rose Familia อย่างที่บอกไปข้างต้นว่าเป็นปราสาทที่เป็นบ้านพักตากอากาศของวองโกเล่รุ่นที่ 10 และเป็นฐานทัพสาขาย่อยในอิตาลีของวองโกเล่ ชื่อของคฤหาสน์มาจาก X ซึ่งเป็นเลข 10 ในภาษาโรมัน และ Decimo ที่แปลว่าลำดับที่ 10 ในภาษาอิตาลี Rose ที่หมายถึงกุหลาบ และ Familia ที่ตั้งใหม่จากคำว่า Family หรือก็คือเป็นคฤหาสน์ที่เต็มไปด้วยกุหลาบนั่นเอง

     

     

              ส่วน ปราสาทวองโกเล่ เอ็กซ์ เดซิโม่ หรือภาษาอังกฤษคือ Vongola X Decimo เป็นที่อยู่ถาวรของพวกสึนะและเป็นฐานทัพหลักของวองโกเล่แฟมิลี่ พูดง่ายๆคือหากต้องการจะทำลายวองโกเล่ก็ต้องไล่ทำลายฐานทัพที่มีอยู่ทั่วโลกทั้งหมดเสียก่อน นอกจากนั้นยังต้องเจาะทลายกำแพงหนาป้อมปราการสุดโหดของปราสาทหลังนี้ที่ล่ำลือกันว่ามีกับดักสุดโหดอยุ่ทั่วตัวปราสาท และมีป้อมปราการที่แข็งแกร่งมากแม้แต่โดนบาซูก้าก็ไม่พังง่ายๆ วองโกเล่แข็งแกร่งขึ้นมาก... ส่วนชื่อของปราสาทก็มาจากเลข 10 ในเลขโรมันคือ X และลำดับที่ 10 ในภาษาอิตาลีคือ Decimo..แหม ตั้งชื่อซะง่ายเลยเนอะ  = =

     

     

              “วองโกเล่แฟมิลี่งั้นเหรอ..” อาคาชิพึมพำเสียงเบาด้วยความสนใจ ถ้าจำไม่ผิดเหมือนครั้งหนึ่งเขาจะเคยร่วมงานกับวองโกเล่รุ่นที่ 10 มาก่อน เป็นงานเต้นรำสวมหน้ากากแบบพวกชนชั้นสูง แถมตอนนั้นมันมืดมาก แม้จะคุยกันแต่ก็น้อยคำและแทบจะนับครั้งได้ อีกอย่างมันก็ผ่านมาปีกว่าๆแล้วเขาจึงจำเกี่ยวกับอีกฝ่ายไม่ค่อยได้นักหรอก

     

     

              “จะว่าไปนะครับวองโกเล่..” แรมโบ้หันไปพูดกับสึนะแต่พูดไม่ทันจบก็ถูกนาเดชิโกะใช้มือปิดปากอย่างรวดเร็วพร้อมกับสายตาดุๆของสึนะที่ส่งมาประมาณว่าห้ามเรียกชื่อนั้นโดยเด็ดขาด

     

     

              “เอ่อ..ครับพี่สึนะ ถ้าเกิดว่าไปหารุ่นที่ 9 แล้วความลับของพวกเราจะไม่แตกเหรอครับ” แรมโบ้พูดเสียงเบาจนมีเพียงพวกเขาเท่านั้นที่ได้ยิน

     

     

              “ไม่แตกหรอก ฉันโทรไปเตี๊ยมกับรุ่นที่ 9 และลูกน้องแล้วน่ะ ถ้ารุ่นที่ 9 ไม่วางแผนอะไรแปลกๆล่ะนะ” สึนะกลอกตาไปมาอย่างเหนื่อยหน่าย อย่างรุ่นที่ 9 คงไม่วางแผนหรอก..แต่ไอ้คนที่อยู่กับรุ่นที่ 9 นั่นต่างหาก..

     

     

              ...ไอ้รีบอร์น....!

     

     

              “แต่ว่าก่อนหน้านั้นพวกเรามีธุระต้องไปทำนะครับสึนะโยชิคุง” มุคุโร่แตะไหล่ของร่างโปร่งผมสีน้ำตาลอ่อนเบาๆเป็นเชิงเตือนในสิ่งที่ร่างโปร่งลืมไป สึนะชะงักก่อนจะพยักหน้ารับเล็กน้อย ชั่ววูบหนึ่งที่ดวงตาสีน้ำตาลอ่อนแข็งกร้าวเสียจนน่ากลัวก่อนจะกลับมาเป็นปกติ

     

     

              “อา..นั่นสินะ แล้วคุณฮิบาริก็ชิ่งไปก่อนอีกแล้วสินะ” นภาแห่งวองโกเล่ทักขึ้นเมื่อไม่เห็นเมฆามาครู่หนึ่งแล้ว สงสัยคงทนการอยู่รวมกลุ่มนานๆไม่ได้เลยเลี่ยงออกไปจากกลุ่มในตอนที่ไม่มีใครสังเกต พวกสึนะหันมาพยักหน้าให้กันเล็กน้อยก่อนจะลุกขึ้นยืนแล้วเดินไปหาดีโน่กับเบียคุรัน

     

     

              “คืองี้ครับ..” กระซิบที่ข้างหูของดีโน่ก่อนจะฝากให้โคลมบอกเบียคุรัน พลางยืนเอกสารบางอย่างให้ทั้งคู่ดู ทั้งดีโน่และเบียคุรันพยักหน้ารับด้วยสีหน้าเคร่งเครียดก่อนที่พวกสึนะจะรีบวิ่งออกไปจากกลุ่มนักเรียนทันที

     

     

              “เดี๋ยวมานะ!” อาคาชิเมื่อเห็นว่าพวกสึนะวิ่งหุนหันออกไปก็ลุกขึ้นแล้วหันมาบอกพวกคุโรโกะก่อนจะขยับขาวิ่งตามพวกสึนะไปอย่างรวดเร็ว ทว่า..

     

     

              “จะไปไหนเหรอครับ อาคาชิคุง” เสียงของเบียคุรันที่ดังผ่านโทรโข่งทำให้อาคาชิหยุดชะงักก่อนจะชี้ไปที่จุดที่พวกสึนะวิ่งหายไปแล้วตะโกนบอกด้วยน้ำเสียงเรียบๆ

     

     

              “ผมจะไปตามพวกซาวาดะครับ” เสียงฮือฮาดังขึ้นอีกครั้งท่ามกลางหมู่นักเรียน เบียคุรันกับดีโน่ที่เริ่มเห็นท่าไม่ดีจึงรีบพูดต่ออย่างรวดเร็ว

     

     

              “พวกเขามีธุระนิดหน่อยน่ะครับ เอาล่ะอาคาชิคุง ช่วยกลับไปนั่งที่ด้วยครับ” เบียคุรันพูดด้วยสีหน้ายิ้มแย้มแต่ดวงตาสีอะเมทิสต์ของเขากลับไม่ยิ้มแย้มไปด้วยเลย อีกทั้งยังแผ่รังสีกดดันจนอาคาชิยอมนั่งลงแต่โดยดี

     

     

              พวกซาวาดะมีธุระ?..ในอิตาลีเนี่ยอ่ะนะ!?

     

     

              ตัดมาทางฝั่งของเหล่าวองโกเล่ทั้งหลาย

     

     

              “ดูเหมือนว่าใกล้ถึงแล้วนะซาวาดะ!” เรียวเฮพูดขึ้นก่อนจะเหลือบมองอาคารร้านค้าต่างๆที่มีอยู่เกลื่อนเมืองด้วยใบหน้าที่ดูจะไม่ค่อยสบอารมณ์เท่าไหร่ 

     

     

            ร้านอาหารอิตาเลียนร้านนั้นถูกปิดไปแล้วเรอะ โฮ!!

     

     

              ความในใจของคุณพี่ชายช่างอนาถจิตดีแท้..

     

     

              ตอนนี้พวกเขาทั้ง 8 คนกำลังนั่งอยู่บนรถลีมูซีนคันหรูสีดำขลับ ความจริงแล้วงานนี้นาเดชิโกะที่เป็นคู่หมั้นของเขาก็สมควรมาด้วยเช่นกัน แต่เจ้าตัวไม่ยอมมาพร้อมบอกเหตุผลสั้นๆง่ายๆว่า..

     

     

              “หมอนั่นมันน่ารำคาญ ฉันไม่ชอบ”

     

     

              จ๊ะ..เอาแต่ใจจริงๆเลยค่ะแม่คุณ!!

     

     

              “ถึงซักทีนะคะ” หญิงสาวคนเดียวในกลุ่มอย่างโคลมพูดขึ้นเมื่อรถหยุดเคลื่อนไหว สึนะพยักหน้ารับบางๆก่อนที่จะมีลูกน้องคนหนึ่งในวองโกเล่ลงมาจากด้านหน้าคนขับมาเปิดประตูให้ ในวินาทีนั้นเด็กหนุ่มก็ตระหนักได้ว่าในวินาทีนี้ตนไม่ต้องสวมหน้ากากเป็นเด็กหนุ่มนักเรียนที่แสนธรรมดาอีกต่อไป  ดวงตาสีน้ำตาลทอประกายอย่างน่าประหลาด บนใบหน้าประดับด้วยรอยยิ้มเหยียดตรง..

     

     

              “ฉันไม่ชอบพวกทำอะไรตลบหลัง..คิดจะชิงกล่องแพนโดร่างั้นเหรอ? เหอะ..มันยังเร็วไปร้อยปี!

     

     

     

     

     

    04 / 04 / 2016

              กลับมาแล้วค่ะ~ ความจริงก็แต่งล่วงหน้าเอาไว้ 2-3 ตอนแล้ว แต่คิดว่าน่าจะยังไม่ถึงเวลาลงค่ะ 555

              ก็ขอลงตอนนี้เอาไว้ก่อน ส่วนตอนที่ 7 และ 8 แต่งไว้แล้วค่ะ แต่คงยังไม่เอาลงก่อนเพราะต้องรอดูยอดเม้นยอดวิวอีกที น่าจะหลังจากนี้ประมาณ 3 วัน

              อ่านแล้วเม้นเนอะ! อย่าหายหน้าหายตาไปเลย 555

              ปล.ยังไม่ตรวจเช็คคำผิดค่ะ

     

     


     

     


    B E R L I N ❀


     

     

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน
    นิยายแฟร์ 2024

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×