ขอโทษนะ ที่หลอกใช้ - ขอโทษนะ ที่หลอกใช้ นิยาย ขอโทษนะ ที่หลอกใช้ : Dek-D.com - Writer

    ขอโทษนะ ที่หลอกใช้

    โดย Frauenburg

    ขอโทษนะที่หลอกใช้ เพียงเพราะความเกลียดชังของฉันเอง

    ผู้เข้าชมรวม

    600

    ผู้เข้าชมเดือนนี้

    0

    ผู้เข้าชมรวม


    600

    ความคิดเห็น


    4

    คนติดตาม


    0
    หมวด :  รักดราม่า
    เรื่องสั้น
    อัปเดตล่าสุด :  30 ก.ย. 49 / 17:57 น.


    ข้อมูลเบื้องต้น
    ตั้งค่าการอ่าน

    ค่าเริ่มต้น

    • เลื่อนอัตโนมัติ

       ฉันเรียนที่โรงเรียนเอกชนแห่งหนึ่งมาสามปี สามปีที่มีทั้งความสุขและความเศร้าเคล้าน้ำตา

       

       

       

       

       

       


       ฉันเริ่มเข้ามาเรียนที่โรงเรียนนี้เป็นวันแรก ฉันรู้สึกประหม่าและกลัว กำลังใจจากเพื่อนโรงเรียนเก่าๆ ทำให้ฉันรู้สึกสู้ ฉันเดินด้วยหลังตรงไหล่เชิดอย่างที่เพื่อนๆชอบย้ำกับฉันนักหนา

       ฉันไม่ใช่คนสะสวยอะไร ใบหน้าค่อนข้างกลมๆ ดวงตาที่เอามาจากแม่ ปากเอามาจากป้า จมูกเอามาจากลุง หูเอามาจากพ่อ นั่นคือสิ่งที่แม่ชอบพูดบ่อยๆ ฉันเหมือนญาติทางพ่อมากเกินไป
       
       ฉันไม่ชอบดวงตาตัวเอง เพราะมันเล็ก ไม่ได้เล็กมากมายแต่ฉันก็ไม่ชอบและรู้สึกอย่างนั้นตลอดฉันจึงแว่นตาพลางหน้า ถึงแม้ว่าฉันจะสั้นเพียงหนึ่งร้อยก็ตาม

       โรงเรียนเอกชนนี้เป็นสำหรับกลุ่มคนที่มีเงินจริงๆ สิ่งแวดล้อมและสิ่งที่ฉันได้สัมผัสช่างแตกต่างจากสิ่งที่ฉันเคยเห็นและคุ้นเคย

       ไม่ว่ายังไง ฉันก็ไม่ท้อถอยนั่นคือสิ่งที่ฉันต้องต่อสู้มาตลอด

       เข้ามาวันแรก ฉันได้รับการต้อนรับอย่างดี ฉันรู้สึกดีเมื่อกลับถึงบ้านฉันก็เล่าเรื่องวันแรกให้ที่บ้านฟัง ทุกคนยิ้มมีความสุขไปกับฉันด้วย ฉันรู้สึกโล่งใจอย่างน้อยฉันก็ไม่ได้มองว่าเป็นตัวประหลาด

       สองอาทิตย์แรกฉันได้แต่ห้อยสอยตามกลุ่มต่างๆไปเรื่อยๆไม่มีกลุ่มที่อยู่เป็นหลักเป็นแหล่ง ฉันรู้สึกว่าตัวเองไม่สามารถเข้ากับกลุ่มไหนได้อย่างลึกซึ้ง เรื่องที่ทุกคนชอบพูดกันคือเรื่องแฟชั่น ไม่ก็นักร้องต่างประเทศ เรื่องอะไรก็ตามที่พูดกันฉันไม่รู้เรื่องสักนิด เมื่อพวกเพื่อนๆถาม ฉันก็ได้แต่เออ ออไปตามเรื่อง
       
       ทุกคนก็ไม่ได้สนใจอะไรฉันมากมาย จนกระทั่งมีเด็กผู้หญิงคนหนึ่ง เธอน่ารักมาก สวยจริงๆเพราะความเป็นลูกครึ่งอินเดียของพ่อบวกกับความเป็นไทยของแม่ เธอน่ารักจนฉันอิจฉา แต่ความดีใจมันมากมายมากกว่าความอิจฉาเหล่านั้น เธอเข้ามาขอเป็นเพื่อนกับฉัน ทุกๆวันเรานั่งกินข้าวด้วยกันสองคน พูดคุยในสิ่งที่ฉันรู้จักและชอบ

       ฉันชอบอ่านหนังสือ เธอก็สรรหาชื่อหนังสือมาพูดคุยด้วย หรือหนังสือที่ออกใหม่และฉันไม่มีเธอก็จะให้ฉันยืม การบ้านหรือวิชาอะไรที่ไม่เข้าใจเธอก็ช่วยสอนให้

       เธอชอบชมฉันว่าเป็นคนฉลาดสอนอะไรแปปเดียวก็เข้าใจ ฉันดีใจที่ไม่ทำให้เธอรู้สึกว่าอยู่กับฉันแล้วเบื่อ ความสุขเหล่านั้นก็มีเพียงแค่สามอาทิตย์เท่านั้น

       ฉันมาโรงเรียนตอนเช้าตามปกติ สิ่งแรกที่ฉันเดินเข้าไปหาก็คือเธอเพื่อนที่ฉันคิดว่าดีที่สุด ฉันเดินเข้าไปหาเธอในโรงอาหาร ปกติแล้วเธอจะอ่านหนังสือเมื่อฉันเดินเข้ามาในโรงอาหาร เธอก็เหมือนจะรู้ว่าฉันเดินเข้ามาเธอจะโบกมือให้อย่างร่าเริง แต่วันนี้เธอนั่งกับเพื่อนๆที่ฉันเคยห้อยสอยเดินตามไปเรื่อย เธอเงยหน้ามองฉันเพราะว่าเพื่อนคนข้างๆสะกิดให้เธอเงย เธอมองฉันอย่างเย็นชาและสะบัดหน้าหนี เธอหัวเราะกับเพื่อนๆ ไม่สนใจฉันเลยสักนิด ฉันมองเธออย่างไม่เข้าใจแต่ก็ไม่รู้จะทำอะไรได้ ได้แต่เดินหันหลังออกจากโรงอาหารไป ฉันเข้าห้องน้ำร้องไห้ตลอดชั่วโมงคาบหนึ่ง ฉันโดดเรียนเป็นครั้งแรก

       คราบน้ำตา เปรอะเปลื้อนทั่วใบหน้า ฉันได้แต่เฝ้าถามตัวเองว่าฉันทำอะไรผิดไปรึเปล่า เธอถึงได้โกรธและไม่ยอมคุยกับฉัน เธอเลี่ยงฉันตลอดเวลาทำเหมือนกับฉันเป็นคนน่ารังเกลียด

       ฉันกลับบ้านด้วยอารมณ์ที่ขุ่นมัวและไม่มีความสุข แต่ฉันก็ไม่ได้เล่าเรื่องนี้ให้ใครฟัง

       รุ่งเช้ามาเยือนอีกครั้ง ทุกๆครั้งฉันจะกระวีกระวาดลุกออกจากเตียง แต่วันนี้ฉันรู้สึกเหนื่อยล้าและไม่อยากลุกไปไหน ฉันบอกแม่ว่าไม่สบายขอนอนพักหนึ่งวัน แม่ก็อนุญาติและนำยามาให้
       
       ฉันรู้สึกไม่ดีที่โกหกท่านไปอย่างนั้น แต่ฉันยังรับสถานการณ์แบบเมื่อวานไม่ได้อีกแล้ว ท่าทางอันเย็นชา เสียงหัวเราะซึ่งฉันมั่นใจว่าเกี่ยวกับตัวฉันทำให้ฉันอยากจะร้องไห้เป็นสิบๆรอบ

       ทั้งวันฉันไม่ได้ทำอะไรเป็นพิเศษนอกจากว่าจะส่งเมล์ไปหาเพื่อนที่โรงเรียนเก่าตามปกติ ฉันไม่ได้เล่ารายละเอียดมากมาย แต่เพื่อนฉันก็รับรู้ว่าฉันไม่สบายใจ เธอรีบโทรหาฉันด้วยความเป็นห่วง เธอแอบโทร เธอขอไปห้องน้ำแล้วโทรศัพท์มาหาฉัน

       ฉันรู้สึกผิดมากมายแต่ความรู้สึกเอ่อล้นมันมีมากกว่าที่จะบอกให้เธอกลับไปเรียน ฉันร้องไห้กับเธอ บอกว่าอยากกลับโรงเรียนเก่าเหลือเกิน แต่เป็นเพราะว่าฉันเรียนไม่เก่ง การเข้าโรงเรียนนี้จะทำให้ฉันเข้ามหาลัยได้ง่ายกว่าโรงเรียนเก่า

       เธอค่อยๆปลอบประโลมฉันอย่างใจเย็นจนกระทั่งฉันดีขึ้น

       วันรุ่งขึ้นฉันก็ไปโรงเรียนตามปกติ ฉันแกล้งทำเป็นไม่สนใจและไม่แคร์พวกนั้นอีก ห้องสมุดเป็นเพื่อนยามว่างให้กับฉันอย่างดี เมื่อไหร่ที่ว่างฉันจะรีบขึ้นไปทีห้องสมุดและนั่งอ่านหนังสือเป็นชั่วโมง

       ฉันตั้งใจเรียนมากขึ้นและสามารถสอบทุกวิชาผ่านด้วยคะแนนที่ดีกว่ากลุ่มนั้นเยอะมาก ฉันไม่รู้ว่าพวกนั้นจะคิดร้ายอะไรกับฉันอีก แต่ตอนนี้ฉันรู้สึกสะใจที่ได้เห็นหน้าพวกนั้นเมื่อเห็นคะแนนสอบ ฉันนำลิ่วจนครูก็สงสัย ฉันตั้งใจเรียนและลงเรียนเจ็ดวันไม่มีหยุดพัก

       ฉันลองไปทำงานพิเศษกับร้านการ์ตูนที่ฉันสนิทสนมคุ้นเคย ครอบครัวฉันไม่ได้ขัดสน ท่านให้เงินฉันเป็นค่าขนมมากมาย ความวุ่นวายทำให้ฉันนิ่ง สงบเฉยเมยต่อสิ่งอื่น ฉันยิ้มให้กับคนที่ฉันคิดว่าเป็นเพื่อนเท่านั้น ฉันไม่ยิ้มพร่ำเพรื่อให้ดูเป็นคนโง่เหมือนแต่ก่อน

       อีกเช้าหนึ่งที่ฉันเดินเข้าโรงเรียนด้วยใบหน้าอันเรียบเฉยตามปกติ เสียงนักเรียนหญิงมากมายจับกลุ่มคุยกันอย่างสนุกสนาน

       "เหมียวจะไปเรียนที่เซี่ยงไฮ้รู้รึเปล่า"ฉันหยุดและเดินช้าลง ฉันแอบฟังกลุ่มนักเรียนหญิงพวกนั้นคุยกันไปเรื่อยๆ

       "จริงเหรอ ก็ดีน่ะสิ ฉันล่ะเกลี๊ยดเกลียดมันเลย ชอบทำท่าวางโตหากไม่เป็นเพราะมันมีเพื่อนมากและก็รู้จักกับผู้ใหญ่นะ ฉันจะไม่มีวันคบมันเลย"

       "แกก็เอาแต่พูดอย่างนี้ทุกทีนั่นแหละ พอเหมียวใช้อะไรแกก็รีบทำให้เหมียวหมด"

       "มันน่ะโง่จะตาย แกจำวรรณริรินได้รึเปล่าล่ะ เข้ามาเทอมเดียวก็สอบชนะมันได้อย่างขาดลอยเลยนะ โดยเฉพาะวิชาภาษาอังกฤษมันเป็นแอล* (แอลหมายถึง คนที่ภาษาอังกฤษยังไม่พร้อมดี ต้องเรียนภาษาเพิ่ม)ด้วยนะ"

       "เออจริงด้วย มันเรียนที่นี้มาตั้งสี่ปี แต่วรรณริรินมาเรียนได้เทอมเดียวกลับสอบผ่าน ขยันจริงๆนะนักเรียนใหม่คนนี้เนี่ย"

       "ฉันไม่สนใจหรอก ที่ฉันสนน่ะจำสีหน้าในห้องวันนั้นได้ไหมล่ะ แทบอยากจะฆ่าคนเลย ฉันล่ะรู้สึกสะใจลึกๆ จะไปแค่เซี่ยงไฮ้ก็พูดโอ้อวด น้องใหม่เขาไปอเมริกาทุกปียังไม่พูดมากขนาดนี้เลย"

       ฉันเหยียดยิ้ม ฉันชื่อวรรณริริน ส่วนคนที่หลอกฉันก็คือเหมียวหรือมาริสา เรื่องที่ฉันสอบแอลผ่านทั้งๆที่เรียนแค่เทอมเดียวมันทำให้ฉันรู้สึกหายเหนื่อยโดยเฉพาะอย่างยิ่งพอได้เห็นสีหน้าของมาริสา

       เมื่อขึ้นปีการศีกษาใหม่ มาริสาไปเซี่ยงไฮ้อย่างที่พูดจริงๆ พี่ที่ร้านการ์ตูนบอกให้ฉันลองไปเปลี่ยนแปลงตัวเองดู ฉันจึงไปที่ร้านตัดผม และช่วยให้เขาตัดผมที่เข้ากับหน้าฉันให้หน่อย เมื่อตัดเสร็จ ผมที่ยาวและรวบขึ้นบัดนี้ปล่อยสยายลงอย่างสวยงาม ผมซอยเซ็ททำให้ฉันดูเปลี่ยนแปลงไป ฉันรู้ตัวดีกว่าฉันไม่ใช่คนสวย ถึงผมจะปรับให้หน้าฉันดูดีขึ้น แต่ฉันก็ไม่ได้รู้สึกพิเศษมากมาย

       ฉันเลิกใส่แว่นตา ฉันจะใส่ก็ต่อเมื่อนั่งเรียนห่างจากกระดานเท่านั้น

       เปิดเทอม น้อยคนที่จำฉันได้ ผู้คนเริ่มเดินเข้ามาทักฉันมากขึ้น ฉันไม่รู้สึกยินดีเลยเพียงเพราะฉันไปตัดผมเลิกใส่แว่นทำให้คนอื่นเริ่มมาสนใจฉันงั้นเหรอ

       แต่ฉันก็ตอบสนองคนอื่นธรรมดา คุยมาก็คุยไป

       พ่อกับแม่ชอบให้เงินฉันทีละมากๆ ฉันบอกตามตรงว่าเงินเก็บฉันมีอยู่มากทีเดียว ฉันไปเดินจตุจัตร ของกอปของยี่ห้อแบรนเนมมีอยู่เกลื่อน ฉันจึงลองซื้อรองเท้าใหม่กับกระเป๋าใหม่

       วันรุ่งขึ้นมีแต่คนเข้ามารุมล้อมฉันเพียงเพราะสิ่งของเหล่านั้น

       

       

       

       

       ในวันนี้ฉันเปลี่ยนไปเยอะมากจากคนที่พูดน้อยกลายเป็นพูดมาก แต่การเรียนของฉันยังดีอยู่เหมือนเดิม สิ่งที่เปลี่ยนแปลงไปคือฉันมีคนรุมล้อมมากมาย ชื่อของวรรณริรินกลายเป็นที่รู้จัก ส่วนชื่อมาริสาถูกลบเลือนไป

       ฉันเดินไปดูบอร์ดโรงเรียนในห้องตามปกติ เสียงซุบซิบและเสียงหัวเราะทำให้ฉันหันไปมองเพื่อนๆอย่างสงสัยและมึนงง

       สักพัก ผู้ชายคนหนึ่ง เขาชื่อวัชรเป็นลุกนักธุริจที่ร่ำรวย เขาถือดอกกุหลาบสีแดงเขามาหาฉันและขอคบ ฉันมองหน้าเขาและปฎิเสธ ฉันไม่ได้ชอบเขาแต่ที่คุยกันบ่อยๆเพราะเห็นว่าเขาเข้ามคุยด้วยเท่านั้น

       ทุกๆวันเขาจะเอาดอกกุหมาบมาให้สามดอกแต่ละวันเปลี่ยนสีไปเรื่อย มีครั้งหนึ่งที่ฉันเขียนเรียงความของนิยามความรัก และได้พูดถึงเกี่ยวกับดอกกุหมาบแต่ละสี ว่ามีความหมายอย่างไร และถ้าให้กี่ดอกมีความหมายอย่างไร สามดอกนั้นหมายถึงรักชั่วนิรันดร์

       ฉันรับและเอาไปปักที่แจกันบนโต๊ะครูเสมอ ฉันรู้ว่าเขาเสียใจแต่ฉันก็พูดและปฎิเสธไปแล้ว เขาเองต่างหากที่ยังคงพยายามเรื่อยมา

       เพื่อนๆต่างพูดโน้มน้าวใจฉันให้ใจอ่อนยอมรับเขาสักที แต่ฉันไม่ได้ชอบเขา ฉันประทับใจในความซื่อสัตย์ของเขา แต่ฉันไม่ได้ชอบเขา

       วัชร หรือวัชรพงษ์ เฝ้าตื้อและพยามยามขอคบมาตลอดหนึ่งปี ในท้ายสุดฉันก็ยอมแพ้ในความจริงใจของเขา ฉันเล่าเรื่องนี้ให้กับพ่อและแม่ของฉันฟัง แม่ของฉันพูดว่าให้เลือกรักคนที่รักเรา

       ฉันรับรู้มาตลอดว่าพ่อมีสัมพันธ์กับผู้หญิงคนอื่น แม่ก็รับรู้แต่ไม่พูดอะไรแต่หัวใจของท่านแตกสลายไม่เหลืออีกแล้ว

       คำพูดของแม่และการกระทำของเขาให้ฉันตกลงคบ

       ฉันก็ยังใช้ชีวิตเหมือนเมื่อก่อนนั่งอ่านหนังสือ เรียนเจ็ดวัน ทำงานพิเศษ แต่เขาไม่เคยเรียกร้องให้ฉันหยุดทำ ทุกๆวันฉันจะได้รับเมสเซจไม่ต่ำกว่าห้าฉบับ ฉันไม่ได้ตอบกลับทุกครั้ง เขาก็ไม่เคยว่า เมื่อไหร่ที่ฉันบอกว่าฉันว่าง ดวงตาเขาจะระริกหวับไหว มันบ่งบอกว่าเขามีความสุขแค่ไหนที่ได้ยิน

       ฉันไม่เคยกอดหรือทำอะไรเกินเลยแม้แต่น้อย มากที่สุดก็แค่จับมือตอนดูหนังและออกเดท ไม่เหมือนกับเพื่อนๆที่ออกจะเกินเลยไปมากกว่านั้น ฉันไม่เห็นด้วยและเคยพูดให้เขาฟัง ฉันรู้ว่าเขารู้สึกเสียดายและรู้ว่าฉันปิดโอกาสและไม่มีวันทำเรื่องแบบนั้นเด็ดขาด แต่เขาก็ไม่ปริปากบ่นอะไรทั้งสิ้น

       เขาชอบลูกผม และจับผมฉันเมื่อมีโอกาสเมื่อก่อนฉันก็ไม่ชอบใจแต่เดี๋ยวฉันชักชิน เมื่อก่อนฉันไม่ชอบที่ถูกล้อและเเซวเรื่องฉันและเขาแต่ตอนนี้ฉันก็รู้สึกชินไม่กระดากอายที่ได้ยินเขาเรียกฉันด้วยคำหวานๆ

       วันหนึ่งพ่อบอกว่าจะให้ไปเรียนที่เมืองนอกสองปีสุดท้ายของไฮสคูลและเข้ามหาลัยที่นู่นเลย ฉันตกใจมากแต่ไม่อยากจะทักท้วงด้วยความที่ฉันสนใจเรื่องไปเรียนเมืองนอกมานานแล้ว

       ฉันเรียกเขาไปคุยตามลำพังซึ่งทำให้เขาแปลกใจมาก และเมื่อบอกเรื่องนี้กับเขา เขาถึงกับหน้าเสียถอดสีหน้า ฉันกลั้นน้ำตาที่จะไหลเพราะน้ำตาลูกผู้ชายคงไม่ใช่เรื่องง่ายๆที่จะหลั่งออกมาอย่างไม่อายใคร เขาร้องไห้เพราะฉัน

       ตั้งแต่ฉันคบกับเขาฉันก็พร่ำบอกตัวเองว่าชอบเขาให้ได้ และฉันก็คิดว่าตัวเองชอบเขาพอสมควรเหมือนกัน

       เมื่อถึงวันที่ฉันต้องไป เขาไปส่งฉันที่หน้าสนามบิน ฉันและเขาจับมือกันเดินเที่ยวกันก่อนนั่งกินแฮมเบอร์เกอร์และพูดคุยหัวเราะกัน และเมื่อถึงเวลาฉันเห็นพ่อยืนรอฉันที่หน้าร้าน เขาก็เห็นเหมือนกัน ใบหน้าจากยิ้มแย้มพลันแปรเป็นเคร่งขรึมฉันรู้ว่าเขาเสียใจ ฉันค่อยๆลุกขึ้นยืนและทำสิ่งที่เขาไม่คาดคิดว่าจะได้จากฉันคือ สัมผัสเบาๆที่แก้ม ถึงมันจะเป็นแค่สัมผัสเบาๆแต่สำหรับฉันนั้นมันก็ลึกซึ้งเกินไปแล้ว เขาเองก็รู้เหมือนกันเขาเบิกตาจ้องฉันอย่าตกใจเล็กน้อย

       "ขอบคุณที่สำหรับทุกสิ่งที่ผ่านนะ มันเป็นสิ่งสุดท้ายที่ฉันจะให้เธอ"

       ฉันพูดอย่างยากลำบาก ก่อนจะหันหลังเดินจากไปฉันแอบคาดหวังว่าเขาจะวิ่งเข้ามาโอบกอดฉันและยื้อแย่งไม่ให้ฉันไป

       แต่เขาก็ไม่ได้ทำ

       ฉันเดินเข้าสนามบินด้วยน้ำตาที่ไหลไม่หยุดอีกครั้ง แต่เพียงน้ำตาในครั้งนี้ไม่ได้เจ็บปวดเหมือนครั้งที่แล้ว

       ฉันลงเครื่องบินและถึงสนามบินของประเทศญี่ปุ่น ฉันชอบประเทศนี้ตั้งแต่เด็ก เพราะแม่ชอบพามาที่นี้บ่อยๆ ตอนเด็กฉันไม่เข้าใจภาษาเมื่อกลับเมืองไทยจึงตั้งใจเรียนภาษาญี่ปุ่นเพื่อที่จะกลับมาที่นี้อีกครั้งและเข้าใจในสิ่งที่ผู้คนพูดกัน

       ฉันเข้าเรียนไฮสคูลแห่งหนึ่งในกรุงโตเกียว แต่คอนโดของฉันนั้นอยู่นอกเมืองเพราะในเมืองช่างแพงเหลือเกิน

       ฉันไปทำงานพิเศษในร้านไอศกรีมแห่งหนึ่ง ทำงานพาร์ทไทม์เพราะว่าฉันเป็นแค่นักเรียนไฮสคูล ฉันเข้ามาทำงานได้ประมาณสามอาทิตย์ รุ่นพี่พนักงานของฉันคือผู้ชายคนหนึ่งที่ทำงานที่นี้มานานแล้ว เขาแก่กว่าฉันสี่ปีเรียนที่มหาลัยโตเกียว หลังจากที่ฉันรับรู้เรื่องของเขาบ้างทำให้ฉันต้องอึ้งหลายอย่าง

       เขาชอบแต่งตัวเซอร์เหมือนพวกซกมก แต่ภายใต้การแต่งตัวเหล่านั้นเขาเป็นลูกนักการเมืองคนสำคัญของคนญี่ปุ่น ฉันตกตะลึงและไม่กล้าที่จะเจอหน้าเขาไประยะหนึ่ง เขาก็เฝ้าแนและคอยถามว่าฉันโกรธอะไร

       ฉันไมได้โกรธแต่รู้สึกตกใจและไม่คาดคิดจนไม่กล้าเจอหน้าเขามากกว่า เขาโล่งใจที่ได้ยินว่าฉันไม่โกรธ เขาบอกรักฉันและอยากคบเป็นแฟน พลันได้ยินประโยคนั้นหัวใจฉันก็เต้นแรงและตื่นเต้น ฉันบอกเขาว่าเรารู้จักกันไม่นาน แต่เขาก็บอกว่ายังไม่เป็นถึงแฟนเอาแค่ให้เขาได้ดูแลไปรับไปส่งก็พอ ฉันจึงตกลง

       ฉันนั่งทบทวนความรู้สึกตนเองหลังจากที่เขาสารภาพกับฉัน สามเดือนให้หลังฉันรู้ตัวเองว่าก็รักเขาเช่นกัน อาจจะฟังดูไม่ดี แต่ฉันเปรียบเทียบความรู้สึกตอนที่คบกับวัชรแล้ว ฉันไม่ได้รู้สึกกับวัชรอย่างที่ฉันรู้สึกกับ โยเฮ เลยแม้แต่ หัวใจฉันไม่เคยเต้นแรงเมื่อเข้าใกล้วัชรหรือตอนที่เขาป้อนคำหวานๆให้
       
       แต่พอได้ยินโยเฮพูดทีไรหัวใจฉันจะเต้น อยู่ไม่เป็นสุขฉันตกลงคบกับเขา พวกเรามีความสุขกันมาก ความทรงจำดีทำร่วมกันนั้นมีมากมาย ทุกครั้งที่เราออกเดทหรือว่ามีเหตุการณ์พิเศษเขาจะถ่ายรูปเป็นที่ระลึกเสมอ

       แต่ความสุขก็มักจะอยู่กับฉันไม่ได้นาน อยู่ที่ญี่ปุ่นได้หนึ่งปี ฉันก็ได้รับข่าวร้ายว่าแม่ของฉันเสียชีวิตเพราะเส้นเลือดในสมองแตก ฉันรู้ทันทีคงเป็นเพราะที่แม่เครียดเรื่องของพ่อมากเกินไปแน่นอน ฉันไม่ได้รู้สึกเกลียดพ่อแต่รู้ว่าบางทีแม่ก็ทำตัวให้พ่อนั้นไม่ชอบใจบ่อยครั้ง ท่านทำงานเหนื่อยๆ ก็อยากให้มีคนเอาอกเอาใจ มีคนรอรับท่านกลับบ้าน แต่เพราะแม่ก็อยากจะทำงานและไม่อยากที่จะอยู่เฉยๆ ทำให้ท่านออกนอกลู่นอกทางไปบ้าง

       ฉันถูกเรียกตัวให้กลับเมืองไทยอย่างเร็วที่สุด ฉันเลิกกับโยเฮหนึ่งปีพอดีเหมือนกับตอนที่คบวัชร ฉันกลับมาเรียนที่โรงเรียนเดิมในเมืองไทย หัวใจฉันเอาแต่คิดถึงเขาทำให้ฉันโหมการเรียนหนักกว่าเดิม

       วัชรดีใจที่เห็นฉันกลับมา เขารีบกลับมาขอคืนดีแต่ฉันบอกว่าเพียงว่าฉันยังไม่รู้พร้อม คำว่าพร้อมของฉัน เขาคงเข้าใจเรื่องแม่ของฉันที่เสียชีวิตมากกว่า

       ตอนเลิกกับวัขรฉันและเขาไม่ได้พูดกันชัดเจนว่าเลิก นั่นเป็นส่วนหนึ่งที่เวลาฉันคุยหรือยิ้มให้กับผู้ชายคนอื่น เขาจะหึงและพาลทะเลาะเสมอ แต่สำหรับฉันการลาจากในวันนั้นคือการเลิกโดยสมบูรณ์แบบระหว่างฉันกับเขา

        เทอมสอง มาริสากลับมาที่โรงเรียนนี้เหมือนกัน ฉันได้ยินจากเพื่อนว่ามาริสาทนคนที่นิสัยเหมือนกับตัวเองไม่ไหวกลับมาเมืองไทยตั้งนานแล้ว แต่ไม่กล้าที่จะกลับมาที่โรงเรียนนี้ ไปเซี่ยงไฮ้แค่หกเดือนเท่านั้นเอง

       ฉันในตอนนี้มีเพื่อนมากมาย มาริสามีเพื่อนที่เป็นเด็กใหม่เพียงคนเดียว ฉันรู้สะใจและมีความสุขเหลือเกิน ฉันเคยถามเธอว่าทำไมต้องทำกับฉันแบบนั้น เธอตอบว่าเพราะฉันมันงี่เง่า ทำตัวเป็นหนอนหนังสือ หน้าตาก็น่าเกลียดไม่เหมาะกับโรงเรียนนี้แม้แต่น้อย

       ฉันตอบโต้ว่าไม่ใช่สิ่งที่เธอจะมาทำกับฉันได้เพราะโรงเรียนนี้ไม่ใช่ของเธอสักหน่อย เธอโกรธและสั่งไม่ให้ใครคบกับฉันจนกระทั่งเธอไป ฉันจึงมีเพื่อน แต่เพื่อนเหล่านั้นก็ไม่ใช่เพื่อนแท้แม้แต่น้อย

       เมื่อฉันเห็นเธอกลับมา ฉันก็รู้ทันทีว่าเธอยังคงชอบวัชรเธอรู้เรื่องที่ฉันคบกับวัชรและส่งเมล์ด่าทอฉันรุนแรงจนฉันรำคาญและเปลี่ยนเมล์ไป

       สิ่งที่แวบเข้ามาในหัวสมองของฉันคือทำให้เธอเจ็บปวด ฉันกลับไปหาวัชรและบอกเขาว่าฉันพร้อมแล้ว และกลับมาเป็นเหมือนแต่ก่อนก็ได้ แต่ฉันไม่เคยพูดกับใครว่าฉันเป็นแฟนเขา ในหัวใจฉันแฟนคือคำที่ฉันยกให้โยเฮเพียงคนเดียว มาริสาอิจฉาและริษยาฉันเต็มที่ฉันรู้ดี เธอไม่มีกำลังและพรรคพวกที่จะจัดการฉันได้อีก เพราะพรรคพวกที่เธอเรียกว่าเพื่อน ได้มาอยู่กับฉันหมดแล้ว

       นักเรียนปีสุดท้ายของไฮสคูลนักเรียนม.6 เป็นวัยรุ่นใจร้อนเป็นรุ่นพี่ของโรงเรียนเป็นวัยที่บ้าบิ่นจริงๆ ทุกครั้งที่มาริสาเดินผ่านฉันกับวัชรการแสดงของฉันจะทำงานเต็มที่ ทั้งมารยากี่ร้อยเกวียนฉันเอามาใช้หมด การทำให้มาริสาต้องเจ็บปวดทำให้ฉันมีความสุข

       แต่แล้วโยเฮก็มาปรากฎตัวที่โรงเรียน พวกเราพูดภาษาญี่ปุ่นไม่มีใครเข้าใจ ถึงแม้จะมีนักเรียนญี่ปุ่นที่โรงเรียน แต่กลุ่มนักเรียนญี่ปุ่นภาษาอังกฤษไม่ดีพอที่แปลให้วัชรเข้าใจมากนัก อีกทั้งฉันพยายามพูดให้รวบรัดที่สุดและให้เข้าใจเพียงแค่ฉันและโยเฮ ฉันทั้งดีใจและตื่นเต้นที่เห็นเขามาเมืองไทย เขาบอกว่าเขาจะเรียนปีสุดท้ายแล้ว เขาขอพ่อแล้วว่าหากเขาเรียนจบ พ่อเขาอนุญาตให้เขาทำตามใจชอบ และหากว่าฉันจะต้องอยู่เมืองไทยเขาก็จะย้ายมาอยู่เมืองไทยเหมือนกัน

       หลังจากที่โยเฮกลับไปฉันก็ยังเพ้อไม่หาย วัชรรีบเข้ามาถามฉันด้วยสีหน้าที่ถมึงทึง ฉันรู้ดีกว่าเขาโกรธฉันบอกเขาว่าโยเฮเป็นคนสำคัญ เขาช่วยเหลือตอนที่ฉันลำบาก ฉันบอกกับวัชรอย่างเสียงแข็งว่าไม่ให้ยุ่งกับโยเฮเป็นอันขาดทำให้เขายิ่งโกรธฉันใหญ่และห่างกันไป

       ฉันรู้วัตถุประสงค์ของตัวเองที่หวนกลับไปหาวัชรดี มีเพียงฉันคนเดียวที่รู้ ระหว่างที่ฉันกับวัชรห่างกันไปฉันกับโยเฮก็มักจะออกไปด้วยกันเสมอ เขาขอร้องฉันว่าเขารอฉันมานานเหลือเกิน เขารักเธอมากและอยากจะแต่งงานด้วยแต่เขารอไม่ไหวอีกแล้วฉันรู้ทันทีว่ามันมีความหมายอะไร ความสัมพันธ์ลึกซึ้งระหว่างชายหนุ่มและหญิงสาว ฉันรักโยเฮมาก ฉันตอบตกลง

       ฉันกับวัชรนับวันยิ่งห่างเหินกันไป ฉันก็ยังคงออกไปเที่ยวกับโยเฮเหมือนเดิม ยิ่งฉันมีความสัมพันธ์ที่แน่นแฟ้นกับโยเฮแล้วด้วย ทำให้ฉันและโยเฮยิ่งรักกันและใกล้ชิดกันยิ่งกว่าเดิม ฉันยอมรับว่าโยเฮเป็นคนที่ทำให้ชีวิตฉันมีชีวิตชีวาลืมเรื่องราวที่ไม่ดีหายไป ฉันไม่กล้าบอกเขาเรื่องที่ฉันกำลังทำอยู่ เพราะฉันไม่รู้ว่าเขาจะรู้สึกอย่างไร ถ้าเกิดเขาโกรธมากและทิ้งฉันไป ฉันคงมีชีวิตอยู่ไม่ได้
       
       ฉันสังเกตว่ามาริสาชอบเข้าไปหาวัชรที่ห้องบ่อยๆ ฉันไม่ได้รู้สึกหึงหวงแต่รู้สึกแปลกใจเพราะวัชรรู้ว่าฉันไม่ชอบมาริสา ถ้าเป็นปกติวัชรจะเลี่ยงมาริสาเพื่อไม่ให้ฉันโกรธ วันนี้ฉันก็เห็นพวกเขาสองคนกลับบ้านด้วยกัน ฉันจึงโทรไปให้โยเฮไปรอที่คอนโดฉันเลย ฉันขับรถตามทั้งคู่ แล้วก็พบว่าทั้งคู่มาที่คอนโดของวัชรนั้นเอง ฉันรู้ทันทีว่าจะเกิดอะไรขึ้น แต่ก็เดินขึ้นมันอาจจะเป็นเรื่องดีสำหรับฉันก็ได้ที่จะได้เป็นโอกาสบอกเลิกกับวัชร

       พอคิดจะทำอย่างนั้น หัวใจฉันกลับบอกว่ามันเป็นเรื่องที่ไม่ไดี ไม่ควรทำแต่ขาฉันก็ยังเดินไปเรื่อยๆไม่ยอมหยุด สมองของฉันสั่งเพียงอย่างเดียวว่าจะต้องไปที่ห้องของวัชรให้ได้

       ฉันไขประตูเข้าไปในห้อง สิ่งที่ฉันคาดก็เกิดขึ้นจริงๆ ทั้งคู่กำลังนัวเนีย ภาพที่ฉันเห็นมันช่างรุนแรงป่าเถื่อน ท่าทางแบบนั้นไม่ใช่ความรัก การแสดงออกที่ฉันเห็นทำให้ฉันตัวชา วัชรที่ฉันเคยเห็นไม่เคยเป็นอย่างนี้มาก่อน เขาดูเหมือนเสือที่กำลังล่อเหยื่อให้ตายใจก่อนจะจัดการไม่ให้เหลือ ท่าทางที่น่ากลัวทำให้ฉันกลัวจนกุญแจตกมือ เสียงกุญแจหยุดการกระทำนั้นทันที
       
       ฉันตัวสั่น แต่ไม่ใช่เพราะความโกรธแต่เป็นความกลัวมากกว่า วัชรแปลกไป ไม่เหมือนเดิม ไม่เหมือนคนที่ฉันเคยรู้จัก ถึงฉันไม่ได้รักเขาแต่ฉันก็รู้สึกที่ดีกับเขาเหมือนกัน เขาเห็นฉันแล้วตกใจเหมือนกับในนิยายจริงๆ มาริสามองฉันอย่างเยาะเย้ย ฉันวิ่งออกไปเมื่อได้สติ เสียงฝีเท้าหนักวิ่งตามฉันมา ฉันไม่อยากให้เขาตามฉันมาเลย

       เขาดึงฉันไว้ในอ้อมกอด ฉันผลักเขาล้มลงพื้น

       "ริน วัชไม่ได้ตั้งใจ วัชขอโทษวัชแค่เผลอไปเท่านั้น"

       ฉันมองดูเขา ฉันคุกเข่าลงกับพื้น เขามองฉันอย่างตกใจและระคงสงสัย

       "ริน..ที่จริงแล้ว ความจริงที่รินกลับมาคบกับวัชก็เพราะว่ารินต้องการแก้แค้นเหมียว รินไม่ได้ชอบวัชอีกแล้ว รินเพ่งเข้าใจตัวเองก็ตอนที่รินได้อยู่คนเดียวทบทวนทุกอย่างและ รินมีคนที่ดูแลรินด้วย"

       ฉันไม่อยากทำร้ายจิตใจเขาอีกแล้ว ส่วนหนึ่งที่ทำให้เขาทำอย่างนั้นกับมาริสาก็เพราะว่าเขาอยากให้ฉันโกรธและหึงหวง ฉันบอกความจริงกับเขาไป เขานิ่งมาก นิ่งจนฉันกลัว

       "วัช ริน..."

       "ไม่จริงใช่ไหมริน วัชรักรินจริงๆนะ รินหักหลัง ทรยศความรักของเราเหรอ"เสียงเขาสั่นมากจริงๆ

       "รินไม่ได้ทรยศ รินเสียใจจริงๆ รินขอโทษจริงๆรินไม่ควรหลอกใช้วัช"

       วัชรตกใจกับคำพูดของฉัน เขาจ้องหน้าฉัน ฉันไม่สามารถอ่านความรู้สึกของเขาได้เลย

       "ริน"เสียงอันคุ้นเคย โยเฮเขาคงตามฉันมา ฉันโผเข้าหาเขา เขาก็รับและกอดฉัน เขาไม่รู้ว่าเกิดอะไรเพราะเขาไม่เข้าใจสิ่งที่ฉันพูด ฉันหันไปมองสายตาของวัชรที่มองฉันอย่างเจ็บปวด ฉันนึกว่าเขาจะแสดงอาการรุนแรงกว่านี้ แต่ไม่ใช่เขากลับนิ่ง มาริสาที่วิ่งตามมาทีหลังเห็นภาพฉันที่กอดกับโยเฮและมองวัชรที่นั่งบนพื้นอย่างไม่เข้าใจ

       "ไปซะ"วัชรพูดเสียงกร้าว เขาพูดเสียงดังและก้าวร้าว ฉันไม่เคยได้ฟังเสียงแบบนี้จากเขาเลยสักครั้ง เป็นครั้งแรกที่ฉันเห็นเขาโกรธ โกรธมากๆ

       ฉันบอกขอโทษเขาอีกครั้งแต่เขาก็ไล่ฉันไป โยเฮเดาสถานการณ์แล้วดึงฉันที่ไร้เรี่ยวแรงไป ฉันรู้ว่าวัชรคงต้องเจ็บปวดมากเพราะฉัน เมื่อกลับไปถึงคอนโดฉันเล่าเรื่องทั้งหมดให้โยเฮฟัง เขานั่งฟังและไม่พูดอะไร  มีเพียงมือที่อบอุ่นลูบผมฉันอย่างอ่อนโยนนั่นทำให้ฉันยิ่งอยากจะร้องไห้เข้าไปอีก เพราะฉันรู้สึกผิดหนักเข้าไปใหญ่ โยเฮบอกว่าเขาก็เป็นแบบนี้เหมือนกัน วิธีการของฉันไม่เลวร้ายเท่ากับเขา เขาบอกกับฉันว่าที่จริงแล้วเขาเคยอยู่สถานกักกันเพราะเขาฆ่าคนตาย ฆ่าเพื่อนรักที่แย่งแฟนเขาไป ทั้งคืนฉันน้ำตายังไหลไม่หยุด โยเฮกอดฉันหลวมแต่นั้นก็ทำให้ฉันรู้สึกดีเหลือมากแล้ว โยเฮบอกฉันว่าไม่อะไรจะเกิดขึ้น เขาพร้อมจะอยู่เคียงข้างฉัน ถ้าฉันไม่รังเกียจเขาที่เคยติดคุกมาก่อน

       "ฉันรักคุณที่ตัวคุณ ไม่ว่าคุณเคยทำอะไรมาก็ตามฉันก็ยังรักคุณและอภัยคุณเหมือนกับที่คุณอภัยให้ฉัน"

       

       

       

       

       

       

       

       

       

       

       

       

       

       

       

       

       สิบปีผ่านไป

       ฉันกลับมาที่เมืองไทยเพราะพ่อฉันสุขภาพย่ำแย่ และคิดว่าท่านคงอยู่อีกไม่นานโยเฮติดงานและจะตามมาทีหลัง ฉันจึงพาท่านไปสูดอากาศที่สวนของโรงพยาบาล ร่างสูงคนหนึ่งที่ฉันเคยเห็น นานมาแล้ว

       "วัชร"

       ฉันไม่คิดว่าจะได้เห็นเขาอีกครั้ง ฉันกำลังจะเดินเข้าไปทัก พอเขาเห็นหน้าฉัน เขาก็อาละวาดแล้วตะโกนโหวกเหวกทำให้นางพยาบาลวิ่งเข้ากรูจับเขากันใหญ่ เขาเป็นบ้า นั่นคือสิ่งที่ฉันได้รับรู้หลังจากที่ฉันไปหาคุณหมอที่ดูแลเขา เพราะฉันที่ทำให้เขาเป็นอย่างนี้ ฉันเสียใจเหลือเกิน หลังจากที่ฉันฟังคุณหมอถึงอาการและความคิดของวัชรแล้ว ฉันยิ่งเสียใจและรู้ว่าเขารักฉันจริงๆ เขามักจะขอกระดาษแล้วเขียนว่า วัชรักริน ตลอดเขียนเต็มแผ่นกระดาษ ฉันขอกระดาษที่เต็มไปด้วยประโยคนั้นมาแผ่นหนึ่ง ซึ่งคุณหมอก็ให้เพราะมันมีเยอะเหลือเกิน ฉันรู้สึกผิดมากจริงๆ คุณหมอยื่นจดหมายฉบับให้กับฉัน

       เป็นจดหมายที่วัชรเขียนถึงฉัน ไม่รู้ว่าก่อนที่เขาจะเป็นอย่างนี้รึเปล่า

       "วัชไม่โกรธรินนะ วัชเข้าใจแต่ถ้าเราได้เจอกันชาติหน้า ขอให้รินรักวัชสักนิดเพียงเศษเสี้ยวของหัวใจก็ยังดี เพราะไม่ว่าชาติไหนสำหรับวัชก็ยังรักรินตลอดไป"

       ฉันร้องไห้อย่างไม่สามารถกลั้นไว้ ฉันทำกับเขาขนาดนั้นเขาก็ไม่โกรธฉัน ฉันกลับไปเล่าให้โยเฮที่บัดนี้จากแฟนกลายเป็นสามี ฉันเล่าเรื่องทุกอย่างให้เขาฟัง เขาก็ลูบผมฉันแล้วกอดฉันอย่างปลอบประโลมเสมอ

       ฉันแวะไปที่โรงพยาบาลนั้นอีกครั้ง หลังจากที่ฉันจัดงานศพของพ่อเสร็จ ท่านเสียชีวิตด้วยโรคหัวใจและความดันสูง ฉันเดินไปที่ห้องของวัชร เขากำลังหลับ ฉันเดินเข้าไปหาเขาช้าๆ ก่อนจะกระซิบที่หูเขาเบาๆ

       "ชาติหน้า ฉันจะรักเธอให้สุดหัวใจรักเธอเพียงคนเดียว เพื่อตอบแทนเธอที่รักฉันขนาดนี้ ขอบคุณนะขอบคุณจริงๆ"

      ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

      loading
      กำลังโหลด...

      ความคิดเห็น

      ×