ตอนที่ 4 : ตอนที่ 3 : อัศวินม้าแดง
ตอนที่ 3
แม้ข่าวลือเรื่องการลอบทำร้ายนายแบบหนุ่มคนดังจนทำให้เกิดความโกลาหลวุ่นวายในการถ่ายทำในครั้งก่อนๆ จะทำให้บริษัทผู้ว่าจ้างบางรายถอนตัวออกไป และหันไปเลือกใช้นายแบบนางแบบหน้าใหม่แทน แต่ในคืนนี้เจลิโอก็ยังคงมีตารางงานแน่นขนัดเช่นเคย
หลังจบจากงานแฟชั่นโชว์ของห้องเสื้อชื่อดังระดับโลกที่เพิ่งมาเปิดสาขาใหม่ในศูนย์การค้าชั้นนำใจกลางเมืองหลวง เขาก็ยังต้องรีบเดินทางมาถ่ายภาพขึ้นปกให้กับนิตยสารออนไลน์สำหรับผู้หญิงที่มีผู้อ่านมากเป็นอันดับต้นๆ ของประเทศอีก แม้จะเหนื่อยกับการเดินทางไปบ้างแต่เจลิโอก็ไม่เคยคิดจะหันหลังให้กับวงการแฟชั่นนี้ ตราบใดที่เขายังได้ทำงานที่อยู่ท่ามกลางผู้คนมากมาย การสืบหาความจริงเกี่ยวกับหัวใจดวงเดิมของเขาก็อาจได้พบเบาะแสอะไรใหม่ๆ บ้างไม่มากก็น้อย
ดวงตากลมโตสีฟ้าพยายามกวาดสายตาไปรอบๆ เพื่อมองหาเจ้าของดวงตาปริศนาคู่นั้นที่เขาได้เห็นเมื่อคืนก่อน พร้อมกับระมัดระวังตัวมากขึ้นตามคำเตือนของไทก์และผู้จัดการส่วนตัวของเขา ทว่าในคืนนี้กลับไม่มีเหตุการณ์อะไรเกิดขึ้นอีกเลย กว่าที่การถ่ายทำจะเสร็จสิ้นลงก็เป็นเวลาดึกมากแล้ว เนื่องจากเทียร่ามีนัดประชุมกับทีมผู้บริหารบริษัทในช่วงเช้า เธอจึงขอตัวกลับไปพักผ่อนก่อน คืนนี้เจลิโอจึงต้องเดินทางกลับบ้านเพียงลำพังกับคนขับรถหนุ่มที่บริษัทจ้างมา
ภายในรถตู้สีบรอนซ์เงินคันเดิมที่กำลังมุ่งหน้าไปยังบ้านหลังน้อยซึ่งอยู่นอกตัวเมือง ร่างเพรียวบางเอี้ยวตัวเล็กน้อยเพื่อคาดเข็มขัดนิรภัย มือเรียวควานมือลงไปในกระเป๋าถือใบใหญ่ที่วางอยู่ข้างตัวพลางหยิบเครื่องเล่นเพลงขนาดเล็กขึ้นมาเชื่อมต่อกับหูฟังก่อนจะเอนหลังพิงพนักเบาะอย่างอ่อนล้า ที่จริงแล้วการต้องปั้นหน้ายิ้มต่อหน้าผู้คนมากมายไม่ใช่เรื่องที่เขาถนัดเลยสักนิด แต่เพราะยังไม่มีเงื่อนงำอะไรเกี่ยวกับเรื่องอดีตให้ค้นหา จึงเปรียบเสมือนแรงผลักดันที่คอยกระตุ้นให้ผู้ซึ่งมีสายเลือดของเผ่าพันธุ์พิเศษอย่างเขาต้องทนใส่หน้ากากเช่นนี้ต่อไป
ทันทีที่เสียงดนตรีแนวบัลลาร์ดร็อกหวาน ๆ อันแสนโปรดปรานดังขึ้นจากหูฟังทั้งสองข้าง ดวงตาคู่สวยก็ปิดเปลือกตาลง พลางดื่มด่ำไปกับอารมณ์สุนทรีย์นั้นแต่เพียงลำพัง ทว่าความเงียบสงบของเจลิโอคงอยู่ได้ไม่นาน เมื่อจู่ๆ ก็เกิดมีลำแสงแปลกประหลาดปรากฏขึ้นบนถนนเบื้องหน้า ห่างจากรถตู้ที่เขาโดยสารมาเพียงแค่ไม่กี่เมตรเท่านั้น
เอี๊ยด...โครม!
ด้วยอารามตกใจทำให้คนขับรถหนุ่มหักหลบเบี่ยงไปอีกทาง เป็นจังหวะเดียวกับที่แสงจากโคมไฟหน้าของรถอีกคันที่กำลังแล่นสวนมาสาดเข้ามาแยงตาเข้าพอดี ทำให้เขารีบหักพวงมาลัยกลับไปเส้นทางเดิม พร้อมกับเหยียบเบรกห้ามล้ออย่างกะทันหัน ส่งผลให้รถหมุนคว้างเป็นวงกลมบนถนนอยู่หลายรอบ ก่อนที่ส่วนหน้าหม้อของรถจะปะทะเข้ากับต้นไม้สูงใหญ่ที่ปลูกอยู่ตรงริมขอบทางเกิดเสียงดังสนั่นและหยุดนิ่งในที่สุด
“คุณเดวิด! เป็นอะไรหรือเปล่าครับ”
โชคดีที่เทียร่าคอยเตือนให้เจลิโอคาดเข็มขัดนิรภัยอยู่เสมอทุกครั้งขณะนั่งรถ จึงทำให้เขาไม่ได้รับบาดเจ็บมากนักจากอุบัติเหตุนี้ หลังจากได้สติกลับมาแล้ว นายแบบหนุ่มรีบปลดสายเข็มขัดนิรภัยออกพลางคว้ากระเป๋าตัวเองขึ้นคล้องไหล่แล้วปีนข้ามไปยังเบาะด้านหน้าร้องเรียกคนขับรถหนุ่มวัยสามสิบกว่าเสียงหลง เขาลองเขย่าตัวอีกฝ่ายแต่ดูเหมือนว่าแรงปะทะที่เกิดขึ้นจะทำให้เดวิดหมดสติไปแล้ว เศษกระจกหน้ารถที่แตกเป็นเสี่ยงๆ กระเด็นมาบาดตามเนื้อตัวของคนขับรถหนุ่มจนร่างชุ่มโชกไปด้วยเลือดสีแดงฉาน
กลิ่นคาวโลหิตคละคลุ้งไปทั้งรถ กระตุ้นสัญชาตญาณดิบของเจลิโอขึ้นมาอย่างไม่ตั้งใจ ดวงตากลมโตสีฟ้าครามพลันเปลี่ยนไปเป็นสีแดงเพลิงเช่นเดียวกับเรือนผมสีน้ำตาลแดงที่กลายเป็นสีแดงเข้มจัดยาวลงมาเคลียไหล่ จมูกโด่งเชิดรั้นสูดเอากลิ่นคาวเลือดเข้าไปจนเต็มปอด ริมฝีปากอวบอิ่มสีแดงระเรื่อเผยอขึ้นเล็กน้อยเผยให้เห็นเขี้ยวแหลมคมเงาวาววับที่งอกออกมาตรงบริเวณมุมปาก มือข้างหนึ่งวางลงบนบาดแผลบนใบหน้าของคนขับรถหนุ่มผู้เคราะห์ร้ายก่อนจะแตะหยดเลือดนั้นขึ้นมาเลียด้วยท่าทางหิวกระหาย
แต่ยังไม่ทันที่จะได้ทำอะไรมากไปกว่านั้น หางตาก็เหลือบไปเห็นกลุ่มเงาทะมึนที่มีรูปร่างคล้ายกับมนุษย์ราวสามสี่คนกำลังตรงเข้ามายังซากรถพังยับเยินที่เขาอยู่ แวมไพร์หนุ่มสะบัดหน้าสองสามทีเพื่อเรียกสติของตัวเองกลับมาไม่ให้ตกอยู่ภายใต้ความต้องการส่วนลึกที่ถูกปลุกขึ้นเป็นผลให้สีของดวงตาและเรือนผมกลับมาเป็นเหมือนเดิมเช่นเดียวกับเขี้ยวแหลมที่หดกลับไปกลายเป็นฟันแบบมนุษย์ปกติ ก่อนจะรีบปีนออกมาทางกระจกหน้ารถที่แตกละเอียดพร้อมกับโบกมือร้องขอความช่วยเหลือจากกลุ่มคนที่กำลังเข้ามาใกล้ทันที
“ช่วยพวกเราด้วยครับ รถของเราเกิดอุบัติเหตุ...”
เมื่อกลุ่มเงาดำทะมึนนั้นเข้ามาใกล้มากขึ้น เจลิโอก็พบว่าคนพวกนั้นมีลักษณะเหมือนซากศพมนุษย์ที่เดินได้เสียมากกว่า ถึงจะรู้ตัวก็ดูจะช้าเกินไปเสียแล้วเมื่อร่างเพรียวบางถูกพวกมันล้อมกรอบเอาไว้จนไม่อาจหนีไปทางไหนได้
ก่อนที่พวกมันจะได้ลงมือทำอะไร แสงไฟโคมจากหน้ารถมอเตอร์ไซค์คันหนึ่งก็สาดเข้ามาเสียก่อน ทำให้พวกซากมนุษย์ทั้งกลุ่มหันไปมองตามแสงด้วยอาการงุนงง เจ้าของรถมอเตอร์ไซค์อาศัยจังหวะนั้นบิดคันเร่งเคลื่อนเข้ามาใกล้พลางฉวยคว้าร่างของนายแบบหนุ่มขึ้นรถแล้วขับหนีไปอย่างรวดเร็ว ท่ามกลางความตกใจปนงุนงงของคนที่ถูกจับให้นั่งซ้อนท้ายมาโดยไม่ทันรู้ตัว
ลมแรงที่พัดผ่านผิวกายภายใต้เสื้อยืดตัวบางทำให้ร่างเพรียวออกอาการสั่นสะท้านไม่น้อย มือเรียวเกาะเกี่ยวเอวของคนขับเอาไว้แน่นพลางห่อตัวด้วยความหนาว เมื่อรถมอเตอร์ไซค์สีแดงคันใหญ่แล่นฉิวไปบนถนนโล่งด้วยความเร็วสูงโดยไม่มีทีท่าว่าจะหยุดลงแต่อย่างใด
“ขอบคุณมากนะครับที่ช่วยผมไว้ ว่าแต่คุณกำลังจะพาผมไปที่ไหนครับเนี่ย”
เจลิโอตะโกนฝ่าสายลมถามคนขับด้วยสีหน้ากังวลไม่น้อย เขาดีใจอยู่หรอกที่มีคนผ่านมาเห็นและช่วยเอาไว้ได้ทันเวลาพอดี แต่นี่จู่ๆ เล่นพาตัวเขาขึ้นรถมาแถมยังไม่พูดจาอะไรสักคำ จึงทำให้นายแบบหนุ่มออกอาการหวาดระแวงไม่ได้ ทว่า ไม่มีเสียงใดๆ ตอบกลับมาจากเจ้าของแผ่นหลังกว้างที่นั่งอยู่ข้างหน้า บางทีอาจเพราะหมวกนิรภัยแบบเต็มใบที่สวมอยู่บวกกับลมแรงที่พัดผ่านด้วยความเร็วคงทำให้อีกฝ่ายหูอื้อจนไม่ได้ยินเสียงของเขาก็เป็นได้ ดวงตาสีฟ้าครามจึงพยายามเพ่งสายตามองฝ่าความมืดสำรวจบรรยากาศรอบตัวแทน
แสงจากโคมไฟหน้ารถส่องสว่างไปยังพื้นถนนเรียบสีดำสนิทท่ามกลางสองข้างทางที่เรียงรายด้วยต้นไม้สูงโปร่งเป็นทิวแถว ภาพทิวทัศน์ที่คุ้นตาทำให้คนที่ซ้อนท้ายมาอดแปลกใจไม่ได้ที่เจ้าของรถรู้จักเส้นทางสายนี้เป็นอย่างดี เพราะมันคือถนนสายเปลี่ยวที่มุ่งตรงสู่บ้านพักของเขาที่นอกตัวเมืองนั่นเอง
ไม่นานคนขับก็เริ่มชะลอความเร็วลงก่อนจะจอดนิ่งสนิทเมื่อมาถึงยังประตูรั้วหน้าบ้านของเจลิโอ ร่างเพรียวรีบกระโจนลงจากรถทันที พร้อมกับเอ่ยถามคนแปลกหน้าที่พาเขามาส่งถึงที่พักโดยสวัสดิภาพด้วยความสงสัยปนหวาดระแวงเต็มที่
“ขอบคุณมากนะครับที่มาส่ง ว่าแต่คุณรู้จักที่นี่ได้ยังไงน่ะ”
เจ้าของรถในชุดเสื้อแจ็กเกตหนังสีดำกับกางเกงหนังสีเดียวกัน สวมรองเท้าบู้ตหนังหุ้มข้อแบบเต็มยศ ดับเครื่องยนต์แล้วก้าวลงมาจากรถมอเตอร์ไซค์คันงาม ก่อนจะถอดหมวกนิรภัยแบบเต็มใบออก แสงจากเสาไฟสูงด้านบนสาดส่องลงมาเผยให้เห็นใบหน้าของอีกฝ่ายได้อย่างชัดเจน
“ขอโทษที่แนะนำตัวช้าไปหน่อย ผมชื่อสกาย มิสเตอร์อเล็กซ์ส่งผมมาเป็นบอดี้การ์ดของคุณ ยินดีที่ได้รู้จักครับ”
น้ำเสียงห้าวแต่ไม่ดุดันจนเกินไปของคนตรงหน้าเอ่ยขึ้นด้วยรอยยิ้มกว้าง พร้อมกับค้อมศีรษะเล็กน้อยให้ ทำเอาคนถามถึงกับอ้าปากค้างเบิกตาโพลงด้วยความตกใจ
“หา! บอดี้การ์ด คุณเนี่ยนะ”
รอยยิ้มจริงใจบนใบหน้าหล่อเหลาราวกับรูปปั้นเทพกรีกโบราณนั้น ทำให้เจลิโอเผลอมองสำรวจอีกฝ่ายอย่างลืมตัว ดวงตาสีฟ้าจ้องมองคนตรงหน้าที่เพิ่งแนะนำตัวว่าเป็นบอดี้การ์ดของเขาตั้งแต่ศีรษะจรดปลายเท้า ชายหนุ่มผิวสีน้ำผึ้ง รูปร่างสูงกว่าเขาราวหนึ่งช่วงศีรษะ ไหล่กว้าง อกผึ่งผายแลดูแข็งแกร่งสมชายชาตรี ผมเผ้าที่ตัดสั้นเพียงแค่ท้ายทอยส่วนด้านหน้านั้นตั้งชี้ขึ้นแบบเปิดหน้าผาก เผยให้เห็นคิ้วหนาสีน้ำตาลเข้มแบบเดียวกับสีผมขับเน้นให้ดวงตาคมสีน้ำตาลอ่อนโดดเด่นขึ้น จมูกโด่งเป็นสันนูน และริมฝีปากสีชมพูอ่อนที่ยกยิ้มน้อยๆ นั้น ถ้าบอกว่าเป็นนายแบบคู่แข่งของเขายังจะน่าเชื่อกว่า คนแบบนี้น่ะหรือจะมาคุ้มครองอะไรเขาได้ ดูจากรูปร่างหน้าตาแล้วคงอายุไล่เลี่ยพอกันกับรูปลักษณ์ภายนอกของเขาด้วยซ้ำ
“ใช่ครับ”
เจ้าของนามว่าสกาย ตอบสั้น ๆ พลางมองคนตรงหน้าอย่างสำรวจเช่นกัน ชายหนุ่มรูปร่างบอบบางในชุดเสื้อยืดสีดำคอกว้าง เผยให้เห็นแผ่นอกขาวเนียนอวดสายตาคนมอง กางเกงยีนสีตะกั่วคาดทับไว้ด้วยเข็มขัดหนังสีเดียวกับเสื้อบวกกับรองเท้าบูตสั้นครึ่งน่องทำให้เรียวขาดูยาวแม้ความสูงจะน้อยกว่าเขาราวเกือบสิบเซ็นติเมตรได้ เรือนผมสีน้ำตาลอมแดงยาวระต้นคอขาว รับกับใบหน้าหวานซึ่งปราศจากเครื่องสำอางใดๆ แต่กลับดูมีเสน่ห์น่ามองกว่าภาพที่เจ้านายของเขาให้ดูเมื่อกลางวันเป็นไหนๆ แม้แสงจากโคมไฟบนเสาสูงส่องสว่างลงมาไม่มากนักแต่กลับสะท้อนลงบนร่างของสิ่งมีชีวิตที่ยืนอยู่ตรงหน้าให้แลดูงดงามเจิดจ้าสุดจะหาคำบรรยายเปรียบเทียบได้
“ท่านประธานส่งคุณมาจริงเหรอ ทำไมเมื่อตอนเย็นคุณเทียร่าไม่เห็นบอกกันสักคำ ช่างเถอะ เอาเป็นว่า ขอบคุณที่มาส่งแล้วกัน ผมเหนื่อยแล้วขอตัวก่อนนะ”
เจลิโอกล่าวด้วยสีหน้าไม่ค่อยอยากเชื่อนัก แต่ก็ไม่ได้ติดใจสงสัยอะไรอีก เขาค้อมศีรษะให้อีกฝ่ายพร้อมคำขอบคุณแล้วหันหลังไปเปิดประดูรั้วเดินเข้าบ้านตัวเอง แต่แล้วชายหนุ่มที่บอกว่าตัวเองเป็นบอดี้การ์ดของเขากลับเปิดเบาะรถมอเตอร์ไซค์ขึ้นแล้วหยิบกระเป๋าสะพายใบเล็กที่ซ่อนอยู่ภายในนั้นออกมาคล้องไหล่ก่อนจะเดินตามมาติด ๆ ทำให้เจ้าของบ้านรีบหันขวับไปทันที
“เฮ้ย! แล้วคุณจะตามผมมาทำไมเนี่ย ส่งเสร็จแล้วก็กลับไปสิครับ ผมบอกแล้วไงว่าเหนื่อย ต้องการพักผ่อนน่ะ”
“กลับไม่ได้หรอกครับ ผมได้รับคำสั่งให้คอยคุ้มกันคุณตลอดยี่สิบสี่ชั่วโมง ถ้าคุณไปไหนผมก็ต้องไปด้วยครับ”
สกายกล่าวย้ำอีกครั้งพร้อมกับรอยยิ้มมุมปาก ทำเอานายแบบหนุ่มถึงกับร้องอุทานเสียงหลงเมื่อได้ยินคำพูดอีกฝ่าย ก่อนจะปฏิเสธทันทีด้วยไม่อยากให้มีใครมายุ่มย่ามกับความเป็นส่วนตัวของเขาเกินไป ที่สำคัญเกิดหมอนี่รู้ความลับเรื่องที่เขาเป็นแวมไพร์ อาชีพนายแบบก็ได้จบเห่กันพอดีน่ะสิ
“ไม่มีทาง คุณต้องเข้าใจอะไรผิดไปแล้วล่ะ รอเดี๋ยวนะให้ผมถามผู้จัดการก่อน”
เจลิโอหยิบโทรศัพท์มือถือขึ้นมาต่อสายไปยังผู้จัดการส่วนตัวทันที เสียงสัญญาณรอสายดังอยู่นานทีเดียวกว่าเจ้าของเครื่องจะกดรับสาย พร้อมกับกรอกเสียงงัวเงียกลับมาทันที
“เจแอล เธอมีเรื่องด่วนอะไรงั้นหรือ มันเพิ่งจะตีสี่กว่าเองนะ ฉันมีประชุมแต่เช้าด้วย”
“คุณเทียร่าครับ เรื่องบอดี้การ์ดนี่มันยังไงครับ เขาบอกว่าท่านประธานสั่งให้มาดูแลผมยี่สิบสี่ชั่วโมง ผมว่ามันมากไปนะครับ อีกอย่างคุณก็รู้นี่ผมไม่ชอบให้คนแปลกหน้ามาอยู่ที่บ้าน...” นายแบบหนุ่มรีบฟ้องผู้จัดการสาวฉอดๆ พลางมองคนที่ยืนอยู่ด้านข้างอย่างไม่ไว้ใจนัก
“อ้อ จริงสิฉันลืมบอกเธอเรื่องบอกี้การ์ดไปเลย เจอกับคุณสกายเขาแล้วสินะ ท่านประธานบอกมาว่าเขาเก่งมากขนาดล้มคู่ต่อสู้สิบคนได้ด้วยมือเปล่าเชียวล่ะ ยังไงเขาก็ถูกส่งมาเพื่อดูแลเธอโดยเฉพาะอยู่แล้ว ระหว่างนี้ก็ให้เขาพักที่บ้านเธอไปก่อนถ้ามีเรื่องไม่พอใจอะไรพรุ่งนี้ฉันจะนัดท่านประธานให้ละกัน ขอฉันนอนต่ออีกหน่อยเถอะนะหนุ่มน้อย”
คำตอบที่ได้รับกลับทำให้เจลิโอได้แต่ยืนนิ่งทำตาปริบ เมื่ออีกฝ่ายร่ายยาวมาเป็นชุด และรีบชิงวางสายไปเสียก่อน นายแบบหนุ่มหันไปมองตัวปัญหาที่ยืนยิ้มเผล่อยู่ข้างๆ ก่อนจะพ่นลมหายใจแรงอย่างหงุดหงิด ช่างเถอะ แค่วันเดียวคงไม่มีปัญหาอะไรเกิดขึ้นหรอก เขาคิดในใจแล้วจึงเอ่ยขึ้นอย่างไม่มีทางเลือก
“วันนี้คุณนอนที่นี่ไปก่อนแล้วกัน แต่พรุ่งนี้รับรองว่าผมขอส่งตัวคุณกลับแน่ๆ”
“ขอบคุณมากครับ เจ้านาย”
หนุ่มร่างสูงเอ่ยพร้อมกับยิ้มน้อยๆ ให้ แต่อีกคนกลับสะบัดหน้าเมินไปอีกทางพลางนึกบ่นท่านประธานในใจไม่ได้หยุด เรียกรอยยิ้มกว้างระบายบนใบหน้าคมได้มากขึ้นอีก
........................................................................................................................................................
ร่างสูงใหญ่ในชุดแจ็กเกตหนังก้าวเท้าเดินตามเจ้าของบ้านเข้ามาภายในอย่างเงียบเชียบ ภายในห้องรับแขกที่มืดสลัวมีเพียงแสงรำไรจากไฟโคมหน้าบ้านสาดส่องเข้ามาผ่านทางช่องกระจกตรงประตูด้านหน้า แสงไฟนีออนสว่างวาบขึ้นเมื่อเจลิโอกดเปิดสวิตช์ไฟตรงผนังห้อง พลางร้องเรียกใครสักคนก่อนจะเดินตามหาไปทั่วบ้าน ดวงตาสีน้ำตาลอ่อนจึงสบโอกาสมองไปรอบๆ สำรวจทุกสิ่งทุกอย่างในบ้านหลังนี้
ภายในห้องที่มีขนาดราวสิบกว่าตารางเมตรถูกตกแต่งด้วยเครื่องเรือนเครื่องใช้ไม่มากนัก เก้าอี้ตัวยาวบุหนังตัวหนึ่ง กับเก้าอี้ตัวเล็กเข้าชุดกันอีกสองตัวและโต๊ะกระจกขนาดเล็กตั้งอยู่บนพื้นพรมนุ่มสีเข้มตรงกลางห้อง ผนังด้านหนึ่งมีตู้หนังสือเก่าๆ ที่เต็มไปด้วยหนังสือเรียงรายอัดแน่นอยู่เต็มไปหมด นาฬิกาโบราณเรือนใหญ่แบบตั้งพื้นวางอยู่ถัดไปจากบานหน้าต่างที่มีผ้าม่านหนาหนักสีแดงเข้มรูดปิดไว้จนมองเข้ามาจากภายนอกไม่เห็น
“ไทก์ นายอยู่ไหนน่ะ วันนี้บ้านเราจะมีแขกมาพักชั่วคราวนะ หายไปไหนของเขาอีกแล้วเนี่ย”
เสียงบ่นของเจลิโอ ทำให้เจ้าของดวงตาสีน้ำตาลมองตามเจ้าของเสียงเดินหายไปอีกทางอย่างสงสัย เท่าที่ได้รับข้อมูลมาจากเจ้านายของเขา นายแบบหนุ่มอยู่ในบ้านหลังนี้เพียงลำพังแต่อีกฝ่ายกลับทำเหมือนว่ากำลังเดินตามหาใครสักคนให้วุ่นไปหมด
“คุณกำลังหาใครหรือครับ”
คำถามของสกายทำให้เจ้าของบ้านที่เดินกลับเข้ามาในห้องรับแขกอีกครั้งถึงกับชะงักไป เจลิโอทำท่าเหมือนนึกอะไรขึ้นได้ก่อนจะตอบอีกฝ่ายอย่างอึกอัก
“หืม? ผม เอ่อ ตามหาแมวที่เลี้ยงไว้น่ะครับ”
“แมว อ้อ สัตว์เลี้ยงสินะครับ ให้ผมช่วยตามหาให้ไหม”
ร่างสูงโปร่งวางกระเป๋าสะพายของตนลงบนเก้าอี้ตัวยาว พร้อมกับทำท่าจะออกไปช่วยเจ้าของบ้านตามหาอีกแรง แต่เจลิโอรีบโบกมือห้ามทันที
“ไม่เป็นไรครับ ช่างเถอะ สงสัยว่าวันนี้คงออกไปเดินเล่นข้างนอกจนเพลินเลยยังไม่กลับมาน่ะ”
บอดี้การ์ดหนุ่มพยักหน้ารับ ก่อนจะมองหน้าอีกฝ่ายโดยไม่ได้เอ่ยอะไรอีก ทำให้คนถูกมองรู้สึกอึดอัดขึ้นมาไม่น้อย แม้ว่าปกติแล้วงานนายแบบที่เขาทำก็มักจะหนีไม่พ้นตกเป็นเป้าสายตาของคนรอบข้างอยู่แล้ว แต่ไอ้การที่ต้องถูกจ้องมองไม่วางตาในระยะประชิดตัวขนาดนี้ เขาไม่ชินเอาเสียเลย ดูเหมือนว่าอีกฝ่ายคอยจับตามองตลอดเวลาทุกอิริยาบถทุกการเคลื่อนไหวของเขา ถึงจะบอกว่าทำเพื่อคอยคุ้มครองความปลอดภัยให้ก็เถอะ แต่แบบนี้มันมากเกินไปแล้วนะ
“คืนนี้ผมเหนื่อยมากแล้ว คุณนอนที่โซฟาห้องรับแขกนี่ได้ใช่ไหม” เจแอลเอ่ยถามอีกฝ่ายแต่ดูเหมือนออกคำสั่งกลายๆ มากกว่า ดวงตาคู่สวยที่มองมาอย่างไม่ค่อยพอใจนัก ทำให้คนไม่มีที่พักเลิกคิ้วขึ้นเล็กน้อย ก่อนจะตอบคำถามนั้น
“ได้ครับ”
คำตอบสั้นๆ ถูกส่งมาพร้อมรอยยิ้มเช่นเคย ทว่า ดวงตาสีน้ำตาลอ่อนคู่นั้นกลับทำให้คนถามรู้สึกวูบไหวในใจแปลกๆ แวมไพร์หนุ่มรีบหันไปอีกทางทันทีก่อนจะเดินดุ่มๆ ออกไปจากห้องโดยมีสายตาของคนที่ถูกทิ้งไว้เพียงลำพังในห้องรับแขกมองตามไปอย่างงุนงง
ส่วนคนที่เดินหนีจากมาก็รีบตรงดิ่งเข้าห้องนอนของตัวเองทันที ร่างเพรียวย่อตัวนั่งลงบนเตียงอย่างอ่อนล้า วันนี้เขาเหนื่อยมากจริงๆ ไหนจะการถ่ายทำที่ล่าช้า แถมยังต้องมาเจอกับเหตุการณ์ไม่คาดฝันระหว่างทางกลับบ้านด้วยอีก แต่สมองยังคงครุ่นคิดถึงความรู้สึกแปลกประหลาดที่เกิดขึ้นกับตัวเขาเมื่อครู่ เจลิโอไม่รู้ว่าหัวใจของเขาเกิดอาการเต้นผิดจังหวะไปกับชายหนุ่มแปลกหน้าที่อ้างตัวว่าเป็นบอดี้การ์ดของเขาได้อย่างไร แถมคน ๆ นั้นยังเป็นผู้ชายเหมือนกันกับเขาอีกด้วย มือเรียวยกขึ้นขยี้ผมตัวเองอย่างหงุดหงิดกับคำถามที่ยังหาคำตอบไม่ได้ ก่อนจะคว้าผ้าเช็ดตัวที่แขวนอยู่บนราวไม้ข้างเตียงเดินหายเข้าห้องน้ำไป
ส่วนคนที่ถูกปล่อยทิ้งไว้ในห้องรับแขกหลังจากเห็นเจ้าของบ้านเดินไปอีกทางแล้ว เขาก็ยกมือขึ้นมากดอะไรบางอย่างบนนาฬิกาข้อมือเรือนใหญ่ พลันก็เกิดเป็นลำแสงสีเขียวเรืองรองฉายไปยังผนังห้องด้านหนึ่งเผยให้เห็นภาพของชายวัยกลางคนที่กำลังนั่งอยู่บนเตียงนอนหลังใหญ่
“ตอนนี้ผมอยู่ในบ้านของคุณเจแอลแล้วครับ จะให้ทำอะไรต่อไปบ้างครับ”
สกายเอ่ยกับชายวัยกลางคนบนภาพเสมือนจริงเบื้องหน้าเขาพลางถามถึงภารกิจต่อไป อีกฝ่ายพยักหน้าน้อยๆ ก่อนจะสั่งการกับคนของเขาด้วยแววตาครุ่นคิด
“ก่อนอื่นฉันอยากแน่ใจว่าเขาคือคนเดียวกันกับเด็กคนนั้นหรือเปล่า ระหว่างนี้นายก็คอยรายงานเรื่องของเขาให้ฉันรู้เป็นระยะ แล้วก็ช่วยคุ้มครองดูแลความปลอดภัยให้เขาด้วยล่ะ แค่นี้ทำได้ใช่ไหมสกาย”
ร่างสูงใหญ่ในคราบบอดี้การ์ดหนุ่มมีสีหน้าแปลกใจเล็กน้อยกับภารกิจที่แสนง่ายดายนั้น ก่อนจะโค้งศีรษะรับคำสั่งอย่างนอบน้อม จากนั้นจึงกดตัดสัญญาณเชื่อมต่อทำให้ภาพที่ปรากฏบนผนังหายไปราวกับไม่มีสิ่งใดเกิดขึ้น ภายในบ้านหลังน้อยจึงถูกปกคลุมด้วยความเงียบสงัดอีกครั้ง
.........................................................................................................................................................................
นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ

หนักขึ้นทุกวันแล้วนะะ