ตอนที่ 2 : วันนี้...และวันต่อไป
การใช้ชีวิตร่วมกันของชายหนุ่มต่างวัยเป็นไปอย่างราบรื่นตลอดสองเดือนที่ผ่านมา มารดาของเด็กหนุ่มแวะมาเยี่ยมเยียนดูความเป็นอยู่ของลูกชายที่ฝากไว้ในความดูแลของน้องชายข้างบ้านอยู่ครั้งหนึ่ง แม้จะมีท่าทางเกรงอกเกรงใจอยู่ไม่น้อย แต่เมื่อนกยูงได้รู้ว่าคริสไม่ได้มีสาวๆ เก็บไว้ที่ห้องจริงๆ ก็รู้สึกเบาใจ และวางใจที่จะฝากลูกชายหัวแก้วหัวแหวนให้โปรดิวเซอร์หนุ่มหน้าหวานทำหน้าที่เป็นผู้ปกครองชั่วคราว จะว่าเธอทิ้งภาระตัวโตไว้ให้คริสดูแลก็ไม่ถูกเสียทีเดียวนัก ในเมื่อคนที่ร่ำร้องขออยู่ที่นี่ต่อแม้ว่านกยูงจะหาหอพักที่เหมาะสมทั้งใกล้มหาวิทยาลัย และราคาไม่ได้แพงมากนักให้กับเจ้าป่าได้แล้วก็ตาม ด้วยเหตุผลที่เธอไม่อาจปฏิเสธได้เมื่อเจ้าป่ายอมสารภาพความจริงว่าเขาตกหลุมรักหนุ่มใหญ่อย่างคริส และขอร้องให้ช่วยปิดเป็นความลับไว้ก่อนจะถึงเวลาที่เหมาะสมเจ้าตัวพร้อมจะเอ่ยปากเอง คนเป็นแม่ที่แค่เห็นสายตาหวานเชื่อมของลูกชายยามมองไปยังชายหนุ่มอันเป็นที่รัก ซ้อนทับกับสายตาของพี่ชายที่ล่วงลับไปแล้วแบบไม่ผิดเพี้ยน ก็ทำให้เธอได้แต่ยอมรับในข้อสันนิษฐานของทุกคนในครอบครัวที่ต่างเห็นพ้องต้องกันว่าเด็กคนนี้คงจะเป็นพี่ชายของเธอที่กลับชาติมาเกิดจริงๆ
ทางด้านของคริสนั้น ตั้งแต่มีเด็กหนุ่มมาอาศัยอยู่ด้วยกัน จากที่เคยทำงานหามรุ่งหามค่ำจนแทบไม่มีเวลาพักผ่อน หรือบางทีก็มักออกไปปาร์ตี้กับเหล่าลูกค้า หรือเพื่อนร่วมงานบ้างตามประสาหนุ่มโสด ก็กลายเป็นคนที่อยู่ติดบ้านมากขึ้น อีกทั้งอาหารการกินที่ได้รับการดูแลอย่างถูกต้องตามหลักโภชนาการก็ทำให้สุขภาพของเขาดีขึ้นตามลำดับ จนหลายคนเอ่ยปากทักว่าเขาดูดีขึ้นมาก แม้แต่เด็กสาวนักร้องหน้าใหม่ที่เขาเคยแอบหยอดแอบขายขนมจีบก็ยังหันมาให้ความสนใจเขามากกว่าเดิม จนถึงขั้นตกปากรับคำยอมไปดินเนอร์ด้วยแล้ว ทำให้คริสได้แต่ยิ้มหน้าบานทั้งวันจนเด็กหนุ่มที่อาศัยอยู่ด้วยกันรับรู้ได้ถึงความเปลี่ยนแปลงนั้นจนอดไม่ไหว และเอ่ยถามอย่างตรงไปตรงมาระหว่างที่ทั้งคู่กำลังนั่งรับประทานทานอาหารเช้าอยู่ด้วยกัน
“เช้านี้พี่คริสดูอารมณ์ดีจังนะครับ เมื่อวานมีเรื่องดีๆ เกิดขึ้นที่ทำงานเหรอครับ”
แม้เจ้าป่าจะได้ยินได้ฟังมาบ้างทั้งจากข่าวซุบซิบของเหล่าดารา หรือแม้แต่คนใกล้ตัวอย่างมารดา รวมไปถึงเพื่อนร่วมชั้นเรียนที่มหาวิทยาลัย ว่าโปรดิวเซอร์หนุ่มใหญ่คนดังกำลังมีข่าวกิ๊กกั๊กกับศิลปินสาวรุ่นราวคราวลูก แต่เขาก็ไม่อยากเชื่อข่าวโคมลอยพวกนั้น แม้ว่าเขาจะทำใจไว้อยู่บ้างแล้วก็ตามว่าความรักของเขาอาจไม่สมหวัง อย่างน้อยได้รู้ได้ฟังความจริงจากปากของคนที่เขารักก็ยังเจ็บน้อยกว่าได้ฟังจากคนอื่นเป็นไหนๆ
“จะว่างั้นก็ได้มั้ง ก็สาวที่พี่เล็งไว้เพิ่งยอมตอบรับนัดดินเนอร์พี่เป็นครั้งแรกเมื่อวานน่ะสิ จีบมาตั้งนานแล้วนะกว่าเขาจะยอมตกลงไปกินข้าวเย็นกับพี่วันเสาร์ที่จะถึงนี้น่ะ”
คนที่มัวแต่อมยิ้มดีใจกับการตอบรับคำเชิญชวนไปเดตของหญิงสาว ไม่ทันได้สังเกตสีหน้าที่หม่นลงของคนถามเลยแม้แต่น้อย เพราะสายตายังคงจับจ้องอยู่กับโปรแกรมแชทในโทรศัพท์มือถือที่มีข้อความตอบตกลงส่งมาถึงเขาตั้งแต่เมื่อคืนแล้ว
“เสาร์นี้เหรอครับ ผมนึกว่าเรา...ขอโทษนะครับพี่คริส ผมเพิ่งนึกขึ้นได้ว่าวันนี้อาจารย์ที่ปรึกษานัดคุยตั้งแต่เช้า ขอตัวก่อนนะครับ”
เจ้าป่าเอ่ยขึ้นเหมือนจะถามอะไรบางอย่าง เรียกให้คนที่มัวสนใจกับโทรศัพท์ในมือมากกว่าคนที่นั่งอยู่ฝั่งตรงข้ามเงยหน้าขึ้นมาเลิกคิ้วมองเป็นเชิงถาม แต่เด็กหนุ่มก็กลับไม่ยอมพูดต่อให้จบ แถมยังรีบตัดบทแล้วเลี่ยงออกไปก่อนที่เขาจะทันได้เอ่ยถามอะไรต่อเสียอีก
“อ้าว เดี๋ยวก่อนสิเจ้าป่า นี่อิ่มแล้วเหรอ ทำไมรีบร้อนอะไรขนาดนั้นนะ เด็กคนนี้ดูสิ ข้าวต้มยังเหลือตั้งครึ่งชาม กินทิ้งกินขว้างได้ไงกัน อร่อยขนาดนี้”
คริสส่ายหน้าเบาๆ พลางยกชามข้าวต้มที่เหลือของเด็กหนุ่มมาจัดการเสียเอง ฝีมือทำอาหารของเจ้าป่าเรียกได้ว่าไม่เป็นสองรองใคร แม้แต่ร้านอาหารตามสั่งที่ชั้นล่างของคอนโดฯ ของเขาว่าอร่อยแล้ว แต่พอได้ลองชิมฝีมือของเด็กหนุ่มเพียงครั้งเดียวก็ทำให้โปรดิวเซอร์หนุ่มติดใจโดยไม่รู้ตัว จากคนที่แทบไม่เคยแตะอาหารเช้า นอกจากดื่มโกโก้ร้อน แล้วค่อยไปหาอะไรใส่ท้องรวดเดียวมื้อกลางวันเลย ถึงกับยอมเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมของตัวเองด้วยการตื่นมารับประทานอาหารเช้าด้วยกันกับเด็กหนุ่ม จนกลายเป็นกิจวัตรประจำวันไปแล้ว เสียงโทรศัพท์มือถือที่ดังขึ้นทำให้คนที่เผลอจมอยู่ในภวังค์ความคิดของตัวเองถึงกับสะดุ้ง พลางหยิบขึ้นมาดูบนหน้าจอ ชื่อของเพื่อนรักที่ปรากฏอยู่ทำให้เขากดรับสายทันทีแบบไม่คิดอะไร
“ไงมึง เสาร์นี้จะไปทำบุญที่ไหน วัดเดิมหรือเปล่า ปีนี้ไม่เห็นมึงโทร.หากูเลย ใกล้จะถึงวันแล้วเนี่ย ช่วงนี้งานยุ่งเหรอวะ”
เพราะมัวแต่ตื่นเต้นดีใจกับการที่จะได้ออกเดตกับสาวน้อยเป็นครั้งแรกในรอบเกือบสิบปี ทำให้คริสลืมไปเสียสนิทว่าวันเสาร์ที่เขาได้นัดกับศิลปินสาวในฝันคนนั้น เป็นวันสำคัญที่เขาไม่เคยลืมเลยสักปีเดียว มารู้ตัวอีกทีก็ตอนที่กันสมายโทรศัพท์มาหาเขาเพื่อถามว่าปีนี้เพื่อนรักจะชวนไปทำบุญด้วยกันเหมือนทุกปีที่ผ่านมาหรือไม่ เพราะมันคือวันครบรอบการเสียชีวิตของพี่ชายข้างบ้าน และเป็นวันเดียวกับวันเกิดของเด็กหนุ่มที่อยู่ร่วมห้องกับเขาในตอนนี้ด้วย
“ทำบุญเสาร์นี้...ชิบหายแล้ว! กูลืมไปเลยว่ะ ถึงว่าพอกูบอกว่าเสาร์นี้มีนัด เด็กนั่นถึงได้ทำหน้าเหมือนจะร้องไห้”
“อะไรของมึง เด็กนั่นหมายถึงใคร แล้ววันสำคัญขนาดที่ทุกปีมึงต้องลากกูออกไปด้วยต่อให้จะป่วยจะแฮงก์แค่ไหน แล้วไหงปีนี้ถึงได้ไปนัดใครอีกวะ”
กันสมายที่ยังไม่รู้ว่าคริสรับเจ้าป่ามาอยู่ด้วยกันที่ห้องของเขาเอ่ยถามด้วยความสงสัย กระทั่งได้ฟังเรื่องราวทั้งหมดจากปากเพื่อนรัก ทำให้หนุ่มหน้าตี๋อดีตนักร้องนำวง แทบอยากยื่นมือออกจากโทรศัพท์แล้วเขกหัวเพื่อนสักป้าบสองป้าบโทษฐานที่ลืมเรื่องไม่ควรลืมแถมยังปากพล่อยไม่ดูตาม้าตาเรือเสียอีก ส่วนคนที่เผลอทำร้ายความรู้สึกของเด็กหนุ่มเจ้าของวันเกิดไปแล้วได้แต่ทำหน้ากลืนไม่เข้าคายไม่ออก เพราะรู้สึกผิดที่ดันลืมวันสำคัญของคนสำคัญในชีวิตถึงสองคนไปเสียได้
“กูจะทำไงดีวะ เจ้าป่าต้องโกรธแล้วก็ผิดหวังในตัวกูมากแน่ๆ เลย กูนี่เป็นผู้ปกครองที่แย่จังเลยว่ะ แต่นัดกับน้องนุ่นก็ปฏิเสธไม่ได้ด้วย ครั้งแรกที่น้องยอมรับนัดกูเลยนะเว้ย มึงจะให้กูเลื่อนเป็นวันอื่นทั้งที่เป็นคนขอนัดเองแบบนี้ น้องคงได้เทกูแหงเลย”
ในขณะที่ยังสองจิตสองใจคิดไม่ตกว่าควรทำอย่างไรดีกับการนัดซ้อนโดยไม่ได้ตั้งใจเช่นนี้ เสียงของเพื่อนรักที่ดังมาตามสายก็ทำให้คริสตัดสินใจได้ในที่สุด ถ้ามันเลือกยากนักก็ทำมันทั้งหมดพร้อมกันนั่นแหละ แค่บริหารเวลานิดหน่อยให้ทุกคนสบายใจก็พอ แต่คนที่คิดน้อยไม่ได้รู้เลยว่าบางครั้งเราต้องยอมสูญเสียอะไรบางอย่างเพื่อแลกกับบางสิ่ง ไม่มีทางที่จะให้ทุกสิ่งทุกอย่างเป็นไปดังใจปรารถนาได้อย่างง่ายดายอยู่แล้ว
ตั้งแต่วันนั้นก็ดูเหมือนเจ้าป่าจะพยายามหลบหน้ามาตลอด ไม่ว่าโปรดิวเซอร์หนุ่มจะชวนพูดคุยอย่างไร เด็กหนุ่มก็เพียงแค่ทำตามหน้าที่ของตนอย่างเคย แล้วก็ผละออกจากห้องไป กว่าจะกลับมาถึงห้องก็ดึกดื่นค่อนคืนจนคริสหลับไปแล้วบ้าง บางครั้งก็นอนที่โซฟา ไม่ยอมเข้าไปในห้องนอน กว่าเขาจะมาเห็นก็ตอนที่เจ้าป่ากำลังเตรียมอาหารเช้าใกล้เสร็จแล้ว และห่อไปกินที่มหาวิทยาลัยแทนที่จะกินมื้อเช้าด้วยกันเหมือนทุกที ห้องที่เคยเต็มไปด้วยเสียงพูดคุย เสียงหัวเราะของคนสองคนกลับกลายมาเป็นห้องที่เงียบเหงาอีกครั้ง แม้ว่าเจ้าป่าจะยังคงพักอาศัยอยู่ที่ห้องของเขา แต่ก็เหมือนว่าเด็กหนุ่มพยายามทำตัวจืดจางให้เหมือนไร้ตัวตนมากที่สุดเท่าที่จะทำได้
และแล้ววันเสาร์ที่สุดแสนหรรษาก็มาถึง คริสรีบตื่นเช้ากว่าทุกวันแต่กลับพบว่าเจ้าป่าตื่นก่อนเขาแถมยังออกจากห้องไปตั้งแต่เช้าแล้วเสียอีก เขารีบโทร.หานกยูงทันที จึงได้รู้ว่าครอบครัวของเจ้าป่านัดกันไปทำบุญเลี้ยงพระที่วัดตั้งแต่เช้า เพราะปีนี้เจ้าป่าอายุครบ 18 ปีบริบูรณ์ และดูเหมือนว่าเด็กหนุ่มจะบอกกับทางบ้านว่าเขามีงานติดพันอยู่จึงไม่สามารถมาร่วมทำบุญกับพวกเขาได้ทัน ส่วนตอนเย็นนั้นจะมีการจัดปาร์ตี้เล็กๆ เพื่อเป็นการเลี้ยงฉลองวันเกิดของเจ้าป่าด้วย
“น้องคริสไม่ว่างก็ไม่เป็นไรนะจ๊ะ เห็นเจ้าป่าบอกว่าเสร็จงานแล้วมีนัดต่ออาจจะกลับดึกใช่ไหม นั่นแหละ เจ้าลูกชายพี่เลยบอกว่าวันนี้จะค้างที่บ้านนี้เลย แล้วพรุ่งนี้เย็นๆ ค่อยกลับน่ะ คุณแม่พี่ท่านก็บ่นคิดถึงหลานอยู่เหมือนกัน น้องคริสก็ตามสบายเลยนะจ๊ะ ตอนทำบุญพี่อธิษฐานบอกพี่สิงโตให้แล้ว พี่เขาคงเข้าใจดี ไม่ต้องเป็นกังวลหรอกนะ”
คำตอบที่ได้รับจากพี่สาวข้างบ้าน ทำให้คริสที่อุตส่าห์ตื่นแต่เช้าตั้งใจว่าจะทำตามแผนทั้งหมดที่ตนวางไว้ ก็เกิดอาการห่อเหี่ยวลงไปถนัดตา เมื่อเพื่อนรักมาถึงห้องของเขาตามเวลาที่นัดกันไว้จึงได้เห็นสภาพของเพื่อนรักทั้งที่เย็นนี้มีนัดกับสาวสวยที่หมายปองเอาไว้แท้ๆ แต่กลับทำท่าทางเหมือนคนหมดอาลัยตายอยากในชีวิตเสียอย่างนั้น
“แล้วตกลงมึงจะเอาไงเนี่ย จะไปหรือไม่ไป กูอุตส่าห์แคนเซิลงานพิธีกรรายการกินนอกสถานที่วันนี้เพื่อมึงเลยนะ”
อันที่จริงแล้วกันสมายไม่ได้รับงานวันนี้อย่างที่บอกกับเพื่อนรัก เขาแค่อยากจะแกล้งแหย่คนที่ทำหน้ามุ่ยเหมือนเด็กๆ ที่ถูกขัดใจก็เท่านั้น แต่กลับกลายเป็นว่าคริสเข้าใจผิดไปใหญ่โตว่าตนทำให้เพื่อนต้องเสียงานเสียการไปอีกคน
“จริงดิ กูขอโทษนะเว้ย กูก็คิดว่าจะไปกับบ้านพี่สิงโตเค้า แต่เจ้าป่ากลับไม่ยอมบอกอะไรกูเลย ถ้ากูไม่โทร.หาพี่นกยูง ก็ยังไม่รู้เลยเนี่ยว่าปีนี้บ้านนั้นเปลี่ยนไปทำบุญแต่เช้าแล้ว”
“เออๆ กูเข้าใจแล้ว มึงไม่ต้องโทษตัวเองหรอก กูแค่ล้อเล่น งั้นเราไปวัดก่อนแล้วเอาไงค่อยว่ากันอีกทีละกัน”
หนุ่มหน้าตี๋ตบบ่าเพื่อนเบาๆ แทนการปลอบใจ ทั้งคู่ไปทำสังฆทานที่วัดเหมือนอย่างเคย แต่ปีนี้จิตใจของคริสกลับยังคงว้าวุ่นไม่ได้สงบเลยสักนิด อาจเพราะความรู้สึกผิดที่มีต่อเด็กหนุ่มเพื่อนร่วมห้อง จึงทำให้เขาได้แต่ทำหน้าเหมือนคนอมทุกข์ตลอดทั้งวัน แม้แต่ในเวลาอาหารเย็นที่เขาไปตามนัดกับหญิงสาวก็เช่นกัน ท่าทางกระวนกระวายใจก้มดูนาฬิกาข้อมือครั้งแล้วครั้งเล่าสลับกับมองหน้าจอโทรศัพท์มือถือตลอดเวลา ทำให้หญิงสาวรุ่นลูกเริ่มออกอาการหงุดหงิดเมื่อชายหนุ่มที่นัดเธอออกมาทานข้าวกลับทำเหมือนรอคอยโทรศัพท์จากใครบางคนตลอดเวลาเช่นนี้
“ถ้าพี่คริสมีธุระก็เชิญกลับก่อนได้เลยนะคะ นุ่นเองก็นัดเพื่อนไว้เหมือนกัน ขอตัวก่อนค่ะ”
“อ้าว...เดี๋ยวครับน้องนุ่น พี่ เอ่อ...โธ่เว้ย! ทำไมต้องเป็นแบบนี้ด้วยวะ”
หญิงสาวกล่าวลาอย่างไม่ไว้หน้า แม้อีกฝ่ายจะเป็นผู้ใหญ่กว่าแถมยังเป็นคนที่ทำเพลงให้กับเธอก็ตาม ในเมื่อความสนใจของชายหนุ่มไม่ได้อยู่ที่เธอ ก็แล้วจะต้องฝืนนั่งอยู่ตรงนี้ไปเพื่ออะไรกัน ส่วนคริสนั้นกว่าจะรู้สึกตัวอีกทีสาวเจ้าก็เดินหนีไปแล้ว ทิ้งเขาไว้กับอาหารมื้อค่ำสุดหรูในร้านดังที่บรรยากาศแสนโรแมนติก แต่ตัวเขานั้นกลับใจลอยไปถึงใครอีกคนเสียอย่างนั้น คริสพยายามโทร.หาเจ้าป่า เพื่อบอกว่าเขาล้มเลิกนัดไปแล้วกำลังจะตรงไปที่บ้านร่วมฉลองงานวันเกิดด้วยกัน แต่อีกฝ่ายกดตัดสายทิ้ง พอโทร.เข้าหาผู้เป็นมารดาของเด็กหนุ่ม ก็ได้รับคำตอบว่าเขาออกไปกินเลี้ยงกับเพื่อนที่มหาวิทยาลัยแล้ว
“เด็กบ้า! ทำไมทำแบบนี้ ไม่ยอมคุยกันให้รู้เรื่องแล้วหนีไปแบบนี้ใช้ได้ที่ไหนกัน”
โปรดิวเซอร์หนุ่มสบถออกมาลำพังอย่างหัวเสีย เขาคว้าแก้วไวน์ราคาแพงระยับตรงหน้าขึ้นมาดื่มอักๆ ลืมไปเสียสนิทว่าตนคออ่อนแค่ไหน แถมยังท้องว่างเพราะแทบไม่ได้แตะต้องอาหารมื้อนั้นเลยสักนิด เพียงแค่ชิมไปคำเดียวก็รู้สึกฝืดเฝื่อนในคอ รสชาติความอร่อยเทียบกับที่เจ้าป่าทำไม่ได้เลยแม้แต่น้อย
คนเมาไวน์พร่ำเพ้อรำพันอยู่คนเดียวท่ามกลางลูกค้ามากมายในร้านอาหารชื่อดังแห่งนั้น บางคนที่รู้จักว่าเขาเป็นใครก็แอบถ่ายคลิป ถ่ายภาพไปลงในโซเชียลมีเดีย บ้างก็ตำหนิติเตียนพูดจาว่าร้ายสาดเสียเทเสียราวกับเขาเป็นฆาตกรโรคจิตที่ไปทำร้ายใครมาเสียอย่างนั้น จนกันสมายมาเปิดเจอเข้าพอดี เขาจึงรีบรุดมาที่ร้านอาหารแล้วรับเพื่อนตัวปัญหากลับบ้านทันที ความทุลักทุเลที่ต้องแบกร่างชายหนุ่มที่เมามายไม่ได้สติเพราะฤทธิ์ไวน์ กว่าจะพยุงร่างอ่อนปวกเปียกขึ้นจากลานจอดรถของคอนโดฯ มาถึงหน้าห้องพักได้ก็หมดพลังไปพอสมควร แต่ทันทีที่ประตูห้องพักเปิดออก ก็ทำให้คนที่แบกคนเมามาส่งห้องต้องยืนตะลึงตาค้างอ้าปากพะงาบๆ พูดอะไรไม่ออก เมื่อพบว่ามีคนอยู่ในห้องของเพื่อนรัก และใครคนนั้นที่ว่ามีใบหน้าละม้ายคล้ายคลึงกับพี่ชายข้างบ้านในรูปถ่ายที่คริสเคยให้เขาดูแทบไม่ผิดเพี้ยน
“พะ...พี่สิงโต!!!”
“ผมเจ้าป่าครับ พี่คงเป็นพี่กันสมายเพื่อนพี่คริสใช่ไหมครับ ขอบคุณที่พาพี่คริสมาส่งนะครับ จากนี้เดี๋ยวผมดูแลให้เอง ไม่ต้องเป็นห่วงนะครับ”
เด็กหนุ่มจ้องมองคนที่มาส่งด้วยสีหน้าไม่สบอารมณ์เล็กน้อย เมื่อถูกเรียกด้วยชื่อของผู้เป็นลุงที่ล่วงลับไปแล้ว ใครๆ ก็บอกว่าเขากับลุงสิงโตถอดแบบออกมาราวกับเป็นคนเดียวกัน แต่เจ้าป่ากลับคิดว่าเขาไม่ได้มีส่วนใดที่คล้ายคลึงหรือใกล้เคียงเลยสักนิด
“ถ้างั้น เอ่อ ฝะ...ฝากด้วยนะครับ พี่ เอ่อ น้องเจ้าป่า”
ครู่ใหญ่ทีเดียวกว่าที่กันสมายจะหาเสียงของตัวเองเจอ เขารีบส่งคนในอ้อมแขนให้เด็กหนุ่มดูแลต่อ ก่อนจะหันหลังกลับแล้วจ้ำอ้าวไปทางลิฟต์ทันทีโดยไม่หันกลับมามองอีกเลย ส่วนเจ้าป่าหลังจากรับร่างคนเมาเข้ามาพยุงเอาไว้แล้วก็ปิดประตูลงกลอนแล้วพาร่างอ่อนระโหยโรยแรงนั้นเข้าไปภายในห้องนอนทันที
แม้ว่าคริสจะไม่ได้มีรูปร่างล่ำสันบึกบึนเหมือนอย่างชายชาตรีทั่วไป แต่เพราะน้ำหนักและส่วนสูงที่ไม่ได้ต่างกันมากนักทำเอาเด็กหนุ่มต้องเสียพลังงานไปไม่น้อยกับการพยายามประคับประคองร่างอ่อนปวกเปียกของคนเมาที่ทิ้งน้ำหนักทั้งตัวลงมาพิงเขาเหมือนไร้กระดูกสันหลังแทบจะพากันล้มลงไปวัดพื้นด้วยกันอยู่หลายครั้ง ทั้งที่ระยะทางจากหน้าประตูห้องมาถึงเตียงนอนนั้นห่างเพียงแค่ไม่กี่เมตร พอแผ่นหลังแตะสัมผัสลงบนเตียงนุ่มโปรดิวเซอร์หนุ่มก็นอนแผ่หลากางแขนขาออกกว้างจนเตียงที่ใหญ่ขนาดนอนได้สองคนแลดูคับแคบลงไปถนัดตา
เจ้าป่าทรุดลงนั่งบนเตียงอย่างอ่อนล้า ถอนหายใจยาวพลางมองใบหน้าขาวเนียนของคนเมาที่เจือไว้ด้วยสีแดงระเรื่อทั้งตรงปลายจมูกโด่ง สองแก้ม ลามไปยันใบหู ริมฝีปากอิ่มที่แตกและแห้งผากจนเห็นรอยเลือดซิบเผยออ้าออกเล็กน้อย ทว่า ดวงตากลมโตอันเป็นเอกลักษณ์กลับปิดสนิทเห็นเพียงแต่ขนตายาวงอนของคนหลับตาพริ้ม ลมหายใจที่ผ่อนเข้าออกอย่างสม่ำเสมอบ่งบอกให้รู้ว่าเจ้าของร่างนั้นเข้าสู่ห้วงนิทราไปเรียบร้อยแล้ว
“จะมีผู้ชายวัยสี่สิบคนไหนที่เวลาหลับแล้วยังดูน่ารักเหมือนเทวดาตัวน้อยได้เท่าพี่อีกไหมครับ พี่คริสของผม”
สายตาอ่อนโยนทอดมองไปยังคนที่หลับใหลด้วยฤทธิ์ไวน์ มือเรียวยกขึ้นมาเกลี่ยเส้นผมที่ร่วงลงมาปรกหน้าผากให้พ้นกรอบหน้าเผยให้เห็นใบหน้าขาวอมชมพูที่แม้จะมีร่องรอยแห่งกาลเวลาให้เห็นบ้าง แต่หากไม่ได้อยู่ใกล้ชิดอย่างเขาในเวลานี้ คงแทบไม่มีใครสังเกตเห็นเลยสักนิด ไม่ว่าจะเป็นรอยย่นตรงระหว่างคิ้ว หรือแม้แต่รอยพับเป็นร่องตรงข้างแก้ม กระทั่งรูขุมขนกว้างที่ทำให้ผิวหน้าของโปรดิวเซอร์หนุ่มไม่ได้เนียนอย่างที่คิด แต่ก็กลับนุ่มมือเหลือเกินเมื่อปลายนิ้วชี้ของเขากดลงเบาๆ บนแก้มข้างขวาที่มีรอยบุ๋มจากแผลเป็นดูเผินๆ เหมือนรอยลักยิ้มที่แสนมีเสน่ห์นั้น
เสียงงึมงำในลำคอมาพร้อมกับมือที่พยายามปัดป้องสิ่งที่สร้างความรำคาญรบกวนการนอนหลับ ทำเอาเจ้าป่าอดยิ้มขำไม่ได้ นี่หรือคนที่ออกปากรับรองกับมารดาของเขาว่าจะทำตัวเป็นผู้ปกครองที่คอยดูแลเขาเหมือนลูกเหมือนหลานคนหนึ่ง ผู้ใหญ่อะไรกันที่ต้องให้เด็กแบบเขามาคอยดูแลอย่างนี้ แม้ว่าเด็กหนุ่มจะยังคงแอบน้อยใจอยู่บ้างที่คริสลืมวันเกิดของเขา แต่เจ้าตัวก็รู้ดีว่าไม่มีสิทธิไปถือโทษโกรธเคืองอีกฝ่าย ในเมื่อเขาเองก็ไม่เคยบอกเพราะคิดว่าอย่างไรเสียก็จะชวนโปรดิวเซอร์หนุ่มไปทำบุญด้วยกันตามที่ครอบครัวของเขาตั้งใจเอาไว้อยู่แล้ว แต่แผนกลับล่มไม่เป็นท่าเมื่อจู่ๆ คนเป็นผู้ใหญ่กว่ากลับบอกเขาออกมาหน้าตาเฉยว่าจะไปเดตกับสาวด้วยแววตาดีใจลิงโลดขนาดนั้น ต่อให้ชอบคริสมากเพียงใด แต่เจ้าป่าก็ไม่กล้าพอที่จะขัดขวางความสุขของคนที่ชอบได้ลงคอ และเพราะอย่างนั้นเขาจึงพยายามเลี่ยงการเผชิญหน้ากันตลอดเวลาหนึ่งสัปดาห์ที่ผ่านมา
จนกระทั่งเมื่อตอนเย็นที่เขาได้เห็นสภาพของอีกฝ่ายที่ถูกแอบถ่ายและโพสต์คลิปลงในโลกโซเชียลมีเดีย จากที่ตั้งใจว่าจะอยู่ค้างที่บ้านสักคืนหนึ่งเพื่อหลบไปพักใจก็กลายเป็นว่าร้อนรนจนนั่งไม่ติดรีบตาลีตาเหลือกออกมาจากบ้านอย่างไม่คิดชีวิต ครั้นจะไปตามหาที่ร้านก็ไม่ได้ชินกับเส้นทางในเมืองหลวงมากนัก นอกจากมหาวิทยาลัยกับคอนโดฯ ของคริสที่เขาพักอาศัยอยู่แล้ว ก็แทบไม่ค่อยได้ออกไปไหน รู้ตัวอีกทีก็มาอยู่ที่หน้าห้องนี้แล้ว
“เดี๋ยวผมเช็ดตัวให้ก่อน พี่คริสจะได้นอนหลับสบายนะครับ”
เด็กหนุ่มกล่าวแล้วเดินออกไปหยิบผ้าขนหนูพร้อมกับกะละมังใส่น้ำใบย่อมมาวางตรงข้างเตียง ชุบน้ำบิดพอให้หมาดค่อยๆ เช็ดไปบนใบหน้าของคนหลับอย่างเบามือ เสียงครางงือในลำคอเหมือนถูกขัดใจไม่ได้ทำให้มือเรียวหยุดการกระทำได้เลยสักนิด เจ้าป่ายังคงตั้งหน้าตั้งตาเช็ดหน้าเช็ดตัวคนเมาด้วยความตั้งอกตั้งใจ แต่แล้วขณะที่กำลังจะปลดกระดุมเสื้อเชิ้ตสีเข้มเพื่อจะได้เช็ดไปบนผิวกายขาวเนียนให้สะดวกขึ้น มือของคนที่กำลังหลับกลับเลื่อนมากุมมือของเขาไว้จนเด็กหนุ่มถึงกับสะดุ้งเพราะคิดว่าอีกฝ่ายนั้นหลับไปแล้ว แต่เมื่อเงยหน้าขึ้นมองกลับพบว่าคริสปรือตาขึ้นมาสบตาเขาด้วยสายตาฉ่ำเยิ้มคล้ายว่ายังไม่สร่างเมาดี
ตึก...ตัก...ตึก...ตัก...
คล้ายโลกทั้งใบพลันหยุดหมุน เจ้าป่าชะงักมือที่กำลังเช็ดตัวได้แต่นั่งนิ่งมองคนตรงหน้าตาปริบๆ ลมหายใจสะดุดไปหลายวินาที สายตาแบบนี้ที่เขาไม่เคยได้รับมาก่อน ทำเอาเด็กหนุ่มเกิดอาการแขนขาอ่อนแรงจนเกือบจะทรงตัวไม่อยู่ แต่จู่ๆ ใบหน้าง่วงงุนระคนมึนงงนั้นก็ค่อยๆ คลี่ยิ้มบาง พลางเอ่ยชื่อใครบางคนออกมา
“พี่สิงโต ดีจังที่พี่อยู่กับผมตอนนี้ วันนี้ผมรู้สึกแย่มาก แย่สุดๆ เลยครับ”
หัวใจของเจ้าป่าที่พองฟูอยู่เมื่อครู่เพราะนึกเอาเองว่าสายตาหวานที่ส่งมาให้นั้นเป็นของเขา กลับเหมือนลูกโป่งที่ถูกเป่าลมเข้าไปมากเกินจะรับไหวจนแตกระเบิดกระจัดกระจายในพริบตา เมื่อพบว่าคนที่อีกฝ่ายเรียกหาไม่ใช่ตน แต่เป็นเพียงแค่คนหน้าเหมือนเท่านั้น อ้าปากจะพูดแก้ไขความเข้าใจผิดแต่กลับไม่มีเสียงใดเล็ดรอดออกมาจากลำคอเลยสักนิด ปล่อยให้อีกคนหลงเชื่อภาพหลอนของตนเสียสนิทเมื่อคิดไปว่าเขาเป็นใครอีกคน
“ผมถูกคนที่แอบชอบปฏิเสธ แถมยังทำให้เด็กคนนั้นต้องเสียใจอีก ผมมันแย่มากเลยใช่ไหมครับ แย่...ที่ลืมแม้กระทั่งวันสำคัญ วันที่พี่โยนชีวิตของตัวเองทิ้งไปแล้วใช้มันต่อลมหายใจให้กับผม”
คนเมามายยังคงไร้ซึ่งสติสัมปชัญญะ ทุกคำที่เอ่ยออกมาล้วนเป็นความจริงที่ถูกดึงขึ้นมาจากก้นบึ้งของจิตใจ หยดน้ำใสเอ่อคลออยู่รอบดวงตากลมโต เสียงสะอื้นร่ำไห้มาพร้อมคำกล่าวโทษตำหนิตัวเองและเต็มไปด้วยความรู้สึกผิด เพียงแค่เห็นน้ำตาของคริสก็ทำให้เจ้าป่าเจ็บไปทั้งใจ และแล้วเรื่องราวที่เคยถูกปิดบังไว้กลับเผยออกมาอย่างหมดเปลือก
“พี่รู้ไหมว่าผมเสียใจแค่ไหนที่เป็นต้นเหตุทำให้พี่ตาย เด็กดื้อคนนั้นไม่สมควรได้รับโอกาสให้มีชีวิตอยู่บนโลกนี้แล้วด้วยซ้ำ แต่พี่...พี่กลับยอมแลกชีวิตของพี่ ให้ผมได้มีชีวิตต่อ พี่คงไม่รู้ว่าผมฝันถึงเรื่องนั้นซ้ำๆ มานานแค่ไหน ผมฝันเห็นตอนที่พี่จากไปและไม่มีวันหวนกลับมา ทุกคืนผมได้แต่เฝ้าอธิษฐานขอให้เราได้พบกันอีก แล้วในที่สุดพี่ก็กลับมาแล้ว พี่สิงโต...อยู่กับผม อย่าจากผมไปอีกได้ไหมครับ”
โปรดิวเซอร์หนุ่มบีบมือที่กุมเอาไว้แน่นขึ้น ฤทธิ์แอลกอฮอล์ทำให้สายตาพร่าเลือนจนแยกไม่ออกว่าคนตรงหน้าเป็นคนละคนกับคนในความฝัน แต่แรงบีบนั้นทำให้คนฟังที่เพิ่งรับรู้ความจริงเบื้องหลังการจากไปของผู้เป็นลุงปวดแปลบไปทั้งหัวใจ ความรู้สึกบีบคั้นจนแทบหายใจไม่ออก อาการเหมือนคนจมน้ำที่กำลังจะขาดอากาศหายใจทำให้เจ้าป่านิ่วหน้าด้วยความเจ็บ ลึกลงไปตรงอกด้านซ้ายราวกับมีมือที่มองไม่เห็นกำหัวใจดวงน้อยของเขาและบีบมันเอาไว้อย่างรุนแรง ความทรงจำบางอย่างจากห้วงความฝันที่เคยเห็นเมื่อครั้งยังเป็นเด็กแวบเข้ามาในสมอง เขามองเห็นภาพที่ตัวเองค่อยๆ ดำดิ่งจมลงสู่ผืนน้ำที่เย็นเยียบและมืดมิดเบื้องล่าง
“พี่คริส!!! พอแล้ว! หยุดพูดเสียที ได้โปรด...มองผม นี่ไม่ใช่ลุงสิงโต ผมคือเจ้าป่าไงครับ เจ้าป่าคนที่รอพี่คริสมาตลอด”
เด็กหนุ่มยกมืออีกข้างหนึ่งขึ้นมากุมตรงอกซ้าย หยาดน้ำใสไหลหยดลงมาจากดวงตาคมหลังกรอบแว่นสีดำโดยไม่รู้ตัว เขาเอ่ยกับคนตรงหน้าด้วยน้ำเสียงวิงวอน และคล้ายจะย้ำเตือนกับตัวเองว่าสิ่งที่เห็นเป็นเพียงแค่ภาพในจินตนาการเท่านั้น
เสียงของเด็กหนุ่มกับแรงบีบจากมือที่กุมเอาไว้ ทำให้คนเมาเริ่มสร่าง ภาพที่เลือนรางกลับชัดเจนมากยิ่งขึ้น ภาพของใครอีกคนที่ซ้อนทับอยู่บนใบหน้าของเจ้าป่า ทำให้คริสเริ่มสับสนว่าเมื่อครู่ที่เขาเห็น คนๆ นั้นเป็นใครกันแน่ มือขาวยกขึ้นมาขยี้ตาด้วยหวังว่าจะได้เห็นคนที่วนเวียนอยู่ในความฝัน แต่แล้วก็พบว่าแม้จะมีใบหน้าที่ละม้ายคล้ายกันเพียงใด แต่แววตาที่มองมานั้นแตกต่างกันอย่างชัดเจน
“พี่สิง...เจ้าป่า กลับมาแล้วเหรอ”
รู้แน่ชัดแล้วว่าคนตรงหน้าคือใคร คริสหลบสายตาลงมองพื้นข้างเตียงแวบหนึ่งด้วยรู้สึกสำนึกผิด ทั้งเรื่องที่ทำร้ายจิตใจเด็กหนุ่มเอาไว้ก่อนหน้านี้ ไหนจะเมื่อครู่ที่เผลอไผลคิดไปว่าเจ้าป่าคือพี่ชายข้างบ้านที่หวนคืนกลับมาจากโลกหลังความตาย หนุ่มหน้าหวานพอรู้สึกตัวว่ากุมมืออีกฝ่ายไว้ ก็รีบคลายมือออกทันทีแต่ยังไม่ทันดึงกลับเข้าหาตัวก็ถูกคนอายุน้อยกว่าคว้ามือของเขาเอาไว้แทนแล้วยกขึ้นไปทาบทับไว้ตรงอกข้างซ้ายตรงกับตำแหน่งหัวใจเข้าเสียก่อน
“พี่คริส...มองตาผมสิครับ อย่าหลบตากันแบบนี้ บอกผมทีว่าในสายตาของพี่ มองเห็นผมเป็นใครกันแน่”
ไม่เพียงแค่พูดเปล่า มืออีกข้างที่ว่างอยู่ของเจ้าป่าเชยคางคนที่เอาแต่ก้มหน้าไม่กล้ามอง จำใจต้องเงยหน้าขึ้นมาสบตาคนถามอย่างเสียไม่ได้ แรงสั่นสะเทือนจากก้อนเนื้อที่เรียกว่าหัวใจเต้นตุบๆ ให้สัมผัสได้ชัดเจนจากฝ่ามือนุ่มที่มีมือสีน้ำผึ้งกุมทับไว้อีกชั้น
“จะเป็นใครไปได้ล่ะ ก็เด็กน้อยเจ้าป่าของพี่คริสไงครับ”
คริสสูดลมหายใจยาวเข้าปอด คล้ายพยายามตั้งสติ น้ำเสียงเรียบเรื่อยที่ยังคงเจือไว้ด้วยความสั่นเครือเล็กน้อยเอ่ยตอบคนถาม ใบหน้าขาวคลี่ยิ้มเพียงบางๆ ด้วยความรู้สึกผิดที่ยังไม่จางหายไป
“ไม่เด็กแล้วนะครับ ผมโตแล้ว อายุสิบแปดปีเต็มแล้วด้วย”
คนที่ถูกเรียกว่าเด็กน้อยรีบค้านเสียงแข็งทันที แต่ใบหน้าที่งอง้ำทำปากคว่ำอย่างคนที่ถูกขัดใจ กลับเรียกรอยยิ้มให้คนเป็นผู้ใหญ่เอ็นดูไม่น้อย คริสยื่นมือไปเช็ดน้ำตาที่ไหลรินลงมาอาบแก้มเนียนใสของเด็กหนุ่ม แถมด้วยการบีบปลายจมูกงุ้มด้วยความหมั่นเขี้ยว
“โตแค่ไหนกันเชียว ดูสิ ผ่านไปกี่ปีก็ยังเป็นเด็กขี้แยของพี่อยู่วันยันค่ำนั่นแหละ ดะ...เดี๋ยว เจ้าป่าจะทำอะไรน่ะ!”
“ถ้าพี่บอกว่าผมเด็ก ถ้าอย่างนั้นก็ดิ้นให้หลุดสิครับ คนที่โตเป็นผู้ใหญ่แล้วเขาต้องแข็งแรงพอที่จะสู้คนอื่นได้ไม่ใช่เหรอ”
ยิ่งแกล้งเหมือนยิ่งยั่วเย้า ทำเอาคนที่ถูกย้ำว่ายังคงเป็นเด็กตัวเล็กตัวน้อยในสายตาพี่ชักเริ่มฉุน เจ้าป่าเผลอใช้ความได้เปรียบทางร่างกายที่มากกว่าผลักคนตัวผอมบางเพราะไม่ค่อยได้ออกกำลังกายให้หงายหลังล้มลงไปบนเตียงอย่างไม่ทันตั้งตัว มือที่กุมไว้เพียงหลวมๆ กลับกลายเป็นคีมล็อกที่แน่นหนาพันธนาการข้อมือเล็กของคริสเอาไว้ พลางใช้สองขากดทับช่วงสะโพกทั้งสองข้างไม่ให้ขยับหนีได้ แววตาที่เคยอ่อนโยนกลับแปรเปลี่ยนไปเป็นแววตาที่แข็งกร้าวขึ้นผสมปนเปไปกับความปรารถนาอันร้อนแรงที่ซ่อนอยู่ในดวงตาเบื้องหลังกรอบแว่นสายตานั้น
“เล่นอะไรเนี่ย! ปล่อยพี่นะเจ้าป่า ไม่อย่างนั้นพี่โกรธจริงๆ ด้วย”
คนที่เสียท่าถูกเด็กรังแกพยายามดิ้นให้หลุดจากการกักขัง แต่ไม่ว่าจะออกแรงเท่าไรก็สู้คนที่อยู่ด้านบนไม่ได้เลยสักนิด จึงคิดหาทางเอาตัวรอดด้วยการข่มขู่อีกฝ่ายแทน ด้วยรู้ดีว่าสิ่งที่เจ้าป่ากลัวที่สุดก็คือการถูกเขาโกรธและทำเมินเฉยใส่ แต่เหมือนว่าครั้งนี้เขาจะคำนวณพลาดไป เพราะแผนแกล้งทำเป็นไม่พอใจกลับไม่ได้ผลเลยแม้แต่น้อย สภาพของเขาตอนนี้ไม่ต่างอะไรจากกวางเด็กไร้เดียงสาถูกอุ้งเท้าหนาที่มีกรงเล็บแหลมคมตะปบเอาไว้ คล้ายสารคดีที่กำลังฉายภาพสัตว์โลกตัวเล็กน่ารักเพลี่ยงพล้ำตกเป็นเบี้ยล่างให้กับราชาแห่งสัตว์นักล่า แค่แรงยื้อยุดจากข้อมือเด็กหนุ่มอายุคราวลูกยังสู้ไม่ได้ คำว่า ‘ผู้ใหญ่’ หรือ ‘คนที่แก่กว่า’ ก็หมดความหมายไปในทันทีเมื่อไม่มีประโยชน์อะไรต่อไปในสถานการณ์เช่นนี้
“ไม่ปล่อยครับ จนกว่าพี่จะยอมรับว่าผมไม่ใช่เด็กแล้ว ขอร้องล่ะ...ช่วยมองผมเป็นผู้ชายคนหนึ่ง คนที่แอบรักพี่คริสมาตลอด ได้โปรดรับรู้สักทีว่าความรู้สึกที่ผมมีต่อพี่มันมากเกินกว่าพี่ชายมาตั้งนานแล้ว!!!”
แม้ไม่ได้ตั้งใจจะใช้กำลังข่มเหงรังแกคนที่อ่อนแอกว่า แต่เจ้าป่าก็ไม่รู้ว่าจะหาโอกาสบอกความรู้สึกที่เก็บกักเอาไว้มานานจนทนไม่ไหว ในที่สุดความอดทนก็ถึงขีดจำกัดเมื่อเขาเผลอตะโกนจนสุดเสียงสารภาพความในใจกับคนเป็นพี่ไปหมดสิ้น
ทางด้านคริสนั้นได้แต่มองคนด้านบนด้วยอาการตกตะลึงนิ่งอึ้งไปนานหลายวินาที สมองที่หลงเหลือสติสัมปชัญญะเพียงน้อยนิดด้วยฤทธิ์จากเครื่องดื่มมึนเมายังไม่หมดเสียทีเดียวนัก ค่อยๆ ประมวลผลอย่างเชื่องช้าพลางคิดใคร่ครวญตามคำบอกรักของอีกฝ่าย เด็กชายที่เขาเห็นมาแต่เล็กแต่น้อย จากวันแรกที่ได้พบหน้า เจ้าป่ายังคงเป็นเพียงทารกแรกเกิด เวลาหมุนเวียนเปลี่ยนผันไปเผลอพริบตาเดียวจากเด็กกลายเป็นผู้ใหญ่ตั้งแต่เมื่อใดยังไม่ทันรู้ตัวด้วยซ้ำ เขาไม่เคยรู้เลยว่าเด็กหนุ่มรู้สึกอย่างไรกับตน จวบจนกระทั่งถึงวันนี้ แม้ไม่ได้รังเกียจเรื่องของความรักที่มีต่อเพศเดียวกัน และตัวเขาเองก็เพิ่งจะมาคิดได้ว่าคนตรงหน้าสำคัญแค่ไหนก็เมื่อตอนที่เจ้าป่าเริ่มหายไปจากชีวิตทีละน้อย แต่กระนั้นโปรดิวเซอร์หนุ่มก็ยังคิดว่ามันไม่เหมาะสมในหลายประการ
“พี่...เอ่อ พี่ขอบคุณนะที่เจ้าป่ารู้สึกแบบนั้นกับพี่ ตะ...แต่ว่าเราเป็นผู้ชายทั้งคู่นะ แถมพี่ยังอายุมากกว่าเจ้าป่าจนเกือบจะเป็นพ่ออีกคนได้แล้วด้วย อีกอย่าง ถะ...ถ้าพี่นกยูงกับพี่เจรู้เข้า พี่จะมองหน้าพวกเขายังไง”
“เรื่องนั้นพี่คริสไม่ต้องเป็นห่วงหรอกครับ ผมบอกพ่อกับแม่ รวมทั้งคุณยายแล้วว่าผมรู้สึกอย่างไรกับพี่ ทุกคนไม่มีใครคัดค้านเรื่องที่ผมจะชอบหรือจะรักใคร โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อคนๆ นั้นคือพี่คริสด้วยแล้ว มีแต่จะยิ่งส่งเสริมด้วยซ้ำไปครับ”
“อะไรนะ! ทุกคนที่บ้านรู้หมดแล้วเหรอ”
คนถูกบอกรักโพล่งออกมาเสียงดังด้วยความตกใจเมื่อได้ฟังเด็กหนุ่มเล่า เจ้าป่าก้มลงมองใบหน้าเก้อเขินที่เจือไว้ด้วยสีแดงระเรื่อบนผิวแก้มเนียน แววตาประหลาดใจแกมตื่นกลัวที่สะท้อนภาพของตัวเอง ทำให้เด็กหนุ่มถึงกับหลุดขำเผยรอยยิ้มกว้างจนตาหยี หมดกันทั้งที่แสร้งทำเป็นวางมาดแบดบอยเหมือนอย่างในนิยายที่เคยอ่านหวังจะแสดงบทบาทเป็นหนุ่มนักล่าเจ้าเสน่ห์กับเขาดูบ้าง แต่พอเห็นท่าทางลนลานของคนในอ้อมแขนก็ใจอ่อนยวบแกล้งต่อไปไม่ลง ฉวยโอกาสที่อีกฝ่ายกำลังงุนงงกับท่าทางที่เปลี่ยนไปเปลี่ยนมาอย่างรวดเร็วของเขาก้มลงแตะปลายจมูกฝังลงบนแก้มนุ่มที่มีเพียงปลายนิ้วเท่านั้นที่เคยได้สัมผัส พลางสูดลมหายใจยาวหอบเอาความหอมจากผิวกายของคนหน้าหวานเข้าไปจนเต็มปอด
กลิ่นดอกไม้ที่ผสมผสานกับผลไม้รสหวานของน้ำหอมประจำตัวที่คริสใช้เป็นประจำ และมักจะทำให้หลงใหลเมามัวทุกครั้งที่ได้อยู่ชิดใกล้ จากที่เพียงแค่จะหอมแก้มแกล้งให้อีกคนเกิดอาการใจสั่นหวั่นไหว กลับกลายเป็นเจ้าป่าเสียเองที่เผลอเคลิ้มไปกับความหอมอันแสนรัญจวนใจนั้นจนลืมตัว เรียวปากบางเคลื่อนคล้อยระเรื่อยลงมาประทับแนบชิดสนิทกับริมฝีปากอิ่ม จุมพิตแรกหวานล้ำยิ่งกว่าน้ำผึ้งป่าหายากราคาแพงเป็นไหนๆ ความนุ่มหยุ่นและสัมผัสอุ่นที่เร่าร้อนขึ้นทีละน้อยยามเมื่อริมฝีปากลากเลื่อนขยับเคลื่อนเผยออ้าออกดึงดูดใจให้เด็กหนุ่มอยากดูดกลืนความหวานซึ้งนั้นซ้ำแล้วซ้ำเล่า
“อะ...อื้อ...ไม่เอาน่าเจ้าป่า งื้อ...เอาหน้าออกไปห่างๆ เลย มันจั๊กจี้นะรู้ไหม มาเลียคอพี่ทำไมเนี่ย”
เสียงครางหวานที่ดังมาจากลำคอขาว ทำให้เด็กหนุ่มยิ่งได้ใจเลื่อนใบหน้าลงมาซุกไซ้ตรงช่วงรอยต่อระหว่างคอและกระดูกไหปลาร้า บริเวณที่ผิวขาวเนียนโผล่พ้นจากเสื้อผ้าฉุดรั้งสายตาเขาให้เผลอมองบ่อยครั้ง ความขาว ความหอมที่ได้ดอมดมกระตุ้นความหิวกระหายในรสสัมผัสจนอดไม่ได้ที่จะแอบแลบลิ้นฉกชิมผิวเนื้อนวลนั้นว่าจะหวานอย่างที่คิดไว้หรือเปล่า มารู้สึกตัวอีกทีก็ตอนที่เขาถูกสองมือน้อยๆ ของร่างที่ผอมบางกว่าผลักให้กลิ้งลงไปนอนแผ่หลาอยู่เคียงข้างกันบนเตียงเสียแล้ว
หลังจากรวบรวมกำลังอันน้อยนิดจนหลุดจากพันธนาการของเจ้าป่าได้สำเร็จ คนบ้าจี้เพราะถูกจู่โจมเข้าที่จุดอ่อนไหวได้แต่นอนหายใจหอบ หัวใจสั่นระรัวไหวอย่างรุนแรงจนแทบหลุดออกมานอกอกจากการหัวเราะสลับกับการย่นคอหนีความรู้สึกเสียวซ่านที่ค่อยๆ ก่อตัวอยู่ตรงท้องน้อย แม้จะมีประสบการณ์ความรักมาเพียงเล็กน้อย แต่หนุ่มใหญ่ที่ใช้ชีวิตโสดมานานนับสิบปีอย่างเขาก็ใช่ว่าจะปล่อยให้ร่างกายเปลี่ยวเหงาจนไร้อารมณ์วาบหวาม เพียงแต่ที่ผ่านมาเขามักจะมีสัมพันธ์ทางกายกับหญิงสาวมากหน้าหลายตา ทว่าไม่เคยผ่านมือชายใดมาก่อน แล้วความรู้สึกเหล่านี้คืออะไรกัน
คริสแทบไม่อยากเชื่อตัวเองเลยว่าเพียงแค่ถูกหยอกเย้าเล้าโลมอย่างไม่ประสีประสาจากการกระทำของใครคนหนึ่งที่เขามองเป็นเพียงแค่เด็กน้อยที่น่าเอ็นดูมาก่อน กลับจุดประกายไฟปรารถนาอันเร่าร้อนที่คล้ายจะดับมอดไปนานแล้วให้คุกรุ่นขึ้นมาได้อีกครั้ง ทั้งที่ไม่เคยรู้สึกพิศวาสในกลิ่นกายของผู้ชายคนใดมาก่อน แต่กลับไม่นึกรังเกียจกลิ่นหอมสะอาดจากเจ้าของร่างผิวสีน้ำผึ้งที่ตรึงเขาไว้ด้วยรสจูบจนแทบลืมสิ้นทุกสิ่งอย่าง
‘แย่แล้ว แย่มากๆ เด็กน้อยของพี่คริสทำไมถึงได้โตมาเป็นเด็กที่มีเสน่ห์ร้ายกาจขนาดนี้ ฮือ...ไม่รอด ไม่รอดแน่ๆ คืนนี้’
สัญชาตญาณการเอาตัวรอดส่งเสียงร้องเตือนอยู่ในหัว แต่ยังไม่ทันที่คริสจะได้เอ่ยอะไรต่อ ร่างของเด็กหนุ่มที่เต็มไปด้วยกล้ามเนื้อแข็งแรงกว่าก็พลิกกลับขึ้นมาคร่อมร่างของเขาไว้ได้อีกหน สองมือเล็กรีบยกขึ้นมาดันแผ่นอกกว้างเอาไว้อย่างอัตโนมัติตามกลไกการป้องกันตนเอง รักษาระยะห่างเอาไว้ไม่ให้คนด้านบนโน้มกายลงมาแนบชิดได้
“พี่คริสครับ ที่ผมจูบพี่เมื่อกี้ พี่รู้สึกยังไงบ้าง รังเกียจผมหรือเปล่า”
คำถามที่มาพร้อมเสียงแหบพร่า ลมหายใจที่ร้อนผ่าวเป่ารดอยู่ตรงสองแก้มร้อนฉ่าเหมือนโดนนาบด้วยเตารีดก็ไม่ปาน โปรดิวเซอร์หนุ่มตอบคำถามนั้นด้วยการสั่นหน้าแรงๆ แทนการปฏิเสธ แต่ไม่มีคำพูดใดเล็ดรอดไปจากริมฝีปากที่เม้มไว้แน่นสนิทจนมองเห็นเป็นเส้นตรง ลมหายใจคล้ายจะสะดุดหยุดไปบางจังหวะเพียงแค่เผลอมองสบสายตาร้อนแรงที่แฝงไว้ด้วยความเว้าวอนคู่นั้น พลันมือไม้ก็อ่อนแรงลงทันทีอย่างควบคุมตัวเองไม่ได้ ดูเหมือนว่าเขาจะพ่ายแพ้ให้แก่สายตาของเด็กคนนี้ เหมือนครั้งแรกที่ได้พบกันอีกแล้วสินะ
“ไม่รังเกียจ ก็แปลว่าชอบผมเหมือนกันใช่ไหมครับ พี่คริส...ผมรักพี่ ไม่ว่าพี่จะมองว่าผมเป็นใคร แต่เจ้าป่าคนนี้จะมองแค่พี่คนเดียวเท่านั้น”
สิ้นประโยคบอกรักที่เพียงแค่ได้ฟังก็พาให้หัวใจพองโตจนคับแน่นไปทั้งอก รู้ดีว่ายังไม่สามารถกล่าวคำที่อีกคนอยากฟังได้อย่างชัดเจนนัก คริสจึงไม่ได้เอื้อนเอ่ยคำใดกลับไป เขาเพียงแค่เลื่อนมือทั้งสองที่ยันอกแกร่งของเด็กหนุ่มเอาไว้ขึ้นไปคล้องรอบคอของอีกฝ่ายแล้วโน้มลงมาอย่างเชื่องช้า ดวงตากลมประสานสายตากับดวงตาคมของอีกฝ่าย ส่งผ่านความรู้สึกมากมายที่บรรยายออกมาเป็นคำพูดไม่ได้ หนุ่มหน้าหวานคลี่ยิ้มบางก่อนจะเป็นฝ่ายแนบริมฝีปากจุมพิตเจ้าป่าอย่างแผ่วเบา และปล่อยให้ร่างกายแสดงออกถึงคำตอบในใจของเขาแทน
‘…ก็เขาว่ากันว่าการกระทำบ่งบอกความรู้สึกได้ดีกว่าคำพูดนับร้อยนับพันไม่ใช่หรือ ถ้าอย่างนั้นคืนนี้เขาจะพูดให้เจ้าป่าฟังซ้ำๆ จะย้ำให้ฟังจนถึงเช้าเลยก็แล้วกัน…’
END.
***************************************************
สวัสดีค่า!!!
กลับมาพบกันอีกแล้วกับฟิคพีรญา สำหรับเรื่องนี้ได้แรงบันดาลใจหลังจากได้ดู Teaser ของ Series เรื่อง เขามาเชงเม้งข้างๆ หลุมผมครับ กับอีกเรื่องคือ One night steal ธีมหลักของเรื่องจริงๆ ตั้งใจว่าจะให้จบตั้งแต่ภาคที่แล้ว แต่มีเสียงเรียกร้องบอกมาว่า อยากให้ทั้งสองคนได้กลับมาคู่กันอีกครั้ง จะทำยังไงให้คนที่ยังมีชีวิตอยู่กับวิญญาณได้กลับมาพบกันอีกครั้ง นอกจากปาฏิหาริย์ในคืนวันลอยกระทงแล้ว ก็คงหนีไม่พ้นการกลับมาเกิดใหม่นั่นแหละ
บางคนอาจจะรับไม่ได้กับอายุที่แตกต่างกันเกินไประหว่างพระเอกกับนายเอกคู่นี้ ก็แหม...อายุห่างเกือบเป็นพ่อลูกกันได้เชียวนะคะ ท้าทายจินตนาการของคนเขียนมากๆ แต่อย่างว่าแหละ ความจิ้นไม่มีขีดจำกัด มโนยังไงให้ได้ฟิน จึงออกมาเป็นเรื่องนี้ บอกเลยว่าใช้เวลาเขียนนานมาก ตั้งแต่เชงเม้ง EP. แรกยังไม่ฉาย จนเพิ่งจบไปสดๆ ร้อนๆ เมื่อวานนี้ ถ้าอ่านแล้วมีอะไรที่บกพร่องต้องแก้ไข อยากแนะนำ หรือ ติ-ชมอย่างไร ก็คอมเม้นต์กันไว้ได้นะคะ ยินดีรับฟังทุกความคิดเห็นค่ะ
ขอบคุณทุกท่านที่อ่านมาจนถึงบรรทัดนี้ หวังว่าจะมีโอกาสได้พบกันอีก ถ้ายังไม่เลิกติ่งพี่น้องงงงงง คู่นี้ไปก่อนนะคะ
LovePenguin
27 เมษายน 2562
นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ

งืออออออออออ มันดีมากเลยเธอออออออ มาต่อตอนพิเศษได้ม้ายยยยย
อยากเห็นตอนเขาตกลงปลงใจคบกันจังเลยค่ะ พี่คริสคะ เขาว่ากันว่าได้สามีเด็กจะเป็นอมตะนะคะ คริคริ
ชอบตอนนี้อ่ะ มันบีบอารมณ์มาก แล้วมาคลายตอนท้าย
ส่วนที่เหลือ ลอกเม้นท์เจมี่มาแปะทั้งดุ้น ฮ่า ๆ
ที่ชอบอีกอย่างคือ สังคมสมัยนี้ขอแค่มีมือถือ ก็สามารถทำร้ายคนได้แล้ว ไม่ได้รู้เรื่อง ไม่ได้รู้สาเหตุ แค่เห็นสิ่งตรงหน้าก็เอาไปมโน ไปด่าทอให้เสียหายได้
ที่ไม่ชอบ ศิลปินสาวคนนั้น ยะโสนะคะ ไปเลยค่ะ พี่คริสมีหลานเจ้าป่าคอยดูแลแล้ว
เกือบข้ามเรื่องนี้ไปล่ะ ดีใจที่ตัดสินใจอ่าน โอ้โห สนุกมาก อ่านเพลิน รู้สีกดี คนแต่งขั้นเทพอ่ะ ว่ากินเด็กจะเป็นอมตะ แต่ถูกเด็กกินนี่อภิมหาอมตะนะคุณขา..รักแล้ว เพศ วัยไม่สำคัญ ฉากตัดไปโคมไฟแต่สื่อความนัยว่าเค้าได้กันอยู่ ก็ดูดีนะ ไม่จำเป็นต้องบรรยายลึกให้คนอ่านมโนกันไปสุดแต่ใจคิดใครคิดมัน มีโอกาสก็แต่งต่อนะไรท์ ดูแล้วมันน่าจะต่อยอดได้อีกยาว ก็แล้วแต่ไรท์ จะแต่งเรื่องใหม่ เชื่อว่ายังไงก็สนุก รอติดตาม เป็นกำลังใจจ้า
สนุกมากกกค่า เห็นด้วยกับคุณน้องเจมี่ที่อยากไห้มีภาคสองต่อ แบบว่าน้องเจ้าป่า รู้ตัวแล้วว่าเป็นใคร
แบบนี้ต้องสานต่อความสัมพันธ์แทนพี่สิงโตในภพก่อนหน้า ที่ไม่สมหวังแล้วนะคะ รออ่านอยู่น๊า
ส่วนภาคต่อนี่ขอคิดแป๊บ กลัวไม่สนุกง่าาา แต่ถ้าเป็นเรื่องใหม่อาจจะง่ายกว่าค่ะ ยังไงฝากติดตามผลงานด้วยนะคะ
มันดีมากๆเลยค่ะ
ไม่ผิดหวังเลยที่เข้ามาอ่าน คงจะได้ติดตามผลงานต่อไปแน่นอนจ้า
แง๊~~~~ ตัดเข้าโคมไฟทำมายยยยยยย งือออ มันดีมากเลยอั้ม ดีใจที่เขาได้กัน คริๆๆ แม้มันจะเป็นการมาเกิดใหม่ก็เถอะ อั้มต้องมีภาคต่อนะ แบ่บว่า นุ้งเจ้าป่ารู้ตัวแล้วว่าตัวเองคือพี่สิงกลับมาเกิด อิอิอิ เราจิไม่ยอมให้อั้มเลิกเขียนง่ายๆ เขียนดี สำนวนดี อ่านลื่นไหลไม่มีคำผิดแบบนี้ จะเก็บฝีมือเอาไว้ทำมายยยย อยากอ่านอีกกก ติดแย้วววว แงงงงง
ปล.เรารับได้กับอายุที่แตกต่างนะ ก็เขากลับมาเกิดใหม่อ้ะ ยังไงพี่คริสก็ดูเด็กและโดนเด็กกิน เพราะงั้น หยวนๆ เนาะ อุฟุๆๆๆ // ชอบชื่อเจ้าป่าด้วย เข้าใจคิดอะ
ปล.สอง ฮาความกลัวผีของกันสมายมากกก
ปล.สาม ภาคต่อไปห้ามตัดเข้าโคมไฟแล้วนะ เรามีสโคนกับคล็อทเท็ดครีมเป็นตัวประกัน คึคึคึ
ขอบคุณอั้มมากนะ ที่สละเวลามาเขียนฟิคดีๆ ฟินๆ ให้อ่าน เยียวยาจิตใจมนุษย์ยุ่งจนเครียดไปหมดแล้วคนนี้ อ่านได้ครบทุกรสทุกอารมณ์เลย นี่ร้องไห้ด้วย ยิ้มเหมือนคนบ้าด้วย ฟินตัวจิแตกด้วยยยย ชอบบบบบบ กอดดดดด
เป็นการอ่านเม้นต์ไป น้ำตาไหลไปครั้งแรกในรอบหลายปี แงงงง
ขอบคุณสำหรับคำติชมนะคะ มันพิมพ์เรื่อยเปื่อยไปจนยาวมาก ทั้งที่พล็อตสั้นแค่กระจึ๋งนึงเอง ดีใจที่อ่านแล้วชอบนะคะ (แถมแอบได้ "แรงบันดาลใจ" จากฉากวิ่งเข้าห้องน้ำ จนต้องหยิบมาใช้แบบเนียนๆ ก็นุ้งเจ้าป่าเค้าอ่าน #ArtEatEng มากไปนิดน่ะแม่ ติดนิสัยอิปี้มาเลย 555+)
อยากแต่งต่อเหมือนกันถ้ามีโอกาสและเวลาอำนวยนะคะ
ว่าแต่เอาสโคนกับคล็อตเท็ตครีมมาเป็นตัวประกันได้ไง แง๊งงงงง ร้องไห้แย้ววววว หนูจากินๆๆๆๆๆ