ตอนที่ 18 : จอมโจรสาว. . .ขโมยหัวใจ
แพรลดากลับเข้ามาถึงคอนโดในเวลาคล้อยบ่าย หิ้วถุงกับข้าวสองมือพะรุงพะรังที่เธอลงทุนไปเดินจ่ายตลาดเอง เพื่อนำมาปรุงเป็นอาหารเลิศรสให้กับคนรักจอมปลอมที่นอนป่วยอยู่ตั้งแต่เมื่อเช้า พอเปิดประตูห้องเข้ามาก็เห็นว่าร่างสูงนอนหลับอยู่บนโซฟาตัวยาว เสียงลมหายใจที่ดังขึ้นอย่างสม่ำเสมอ ทำให้เธอรู้ว่าวีร์ธิรากำลังนอนหลับสนิท จึงไม่อยากรีบปลุก ได้แต่ปล่อยให้ร่างสูงนอนต่อไปอย่างนั้นอีกสักพักจนกว่าเธอจะจัดการกับอาหารมื้อเย็นเสร็จเรียบร้อย
เสียงของภาชนะที่กระทบกันดังก๊องแก๊ง ทำให้คนที่นอนอยู่ตื่นขึ้นมาด้วยความตกใจ พลางคว้าเอาไม้ตีแมลงวันที่วางอยู่แถวนั้นขึ้นมาถือเป็นอาวุธ ย่องเบาๆ เข้าไปในครัว แล้วเงื้อไม้พลาสติกด้านที่เป็นสันขึ้น ด้วยหวังจะตีผู้ที่บุกรุกเข้ามาในห้อง จากนั้นจึงฟาดลงไปเต็มแรงกลางกระหม่อมของผู้บุกรุก นางแบบสาวกรีดร้องออกมาด้วยความตกใจ
"ว้าย. . .ทำอะไรน่ะวี มาตีดาทำไม"
"อ้าว ดาเองเหรอ วีก็ตกใจหมดเลย นึกว่ามีขโมยเข้ามาในห้องซะอีก ขอโทษนะ เจ็บมากมั้ย"
สาวหล่อรีบขว้างหลักฐานในมือทิ้งไปทันที แล้วรีบพุ่งเข้าไปดูฝีมือตัวเอง เห็นรอยแดงๆ ที่กลางกระหม่อมของคนตัวเล็กกว่าแล้วจึงทำหน้าสำนึกผิดที่ทำให้นางแบบสาวต้องเจ็บตัว
"อูย. . ย เจ็บ ทำบ้าอะไรของเธอเนี่ย แล้วอีกอย่างถ้าเกิดมีขโมยเข้ามาจริง ไอ้ไม้ตีแมลงวันนั่นมันจะช่วยได้มั้ยเล่า"
แพรลดาตวาดแว้ดใส่มือพิฆาตแมลงวันตัวโตอย่างเธอ แล้วทำหน้าเบ้ เอามือคลึงกลางกระหม่อมตัวเองป้อยๆ ด้วยความเจ็บจนน้ำตาแทบเล็ด แต่อีกฝ่ายนั้นตอบออกมาพลางกลั้นหัวเราะ เมื่อเห็นท่าทางของนางแบบสาวแบบนั้น
"ก็นี่ไงล่ะ เห็นมั้ยว่าไม้ตีแมลงวันของวี ยังทำให้โจรสาวสวยเจ็บจนต้องร้องโอดโอยแบบนี้ไง หุ หุ หุ"
"คนใจร้าย ยังจะมีหน้ามาหัวเราะอีก คนเค้าอุตส่าห์รีบกลับมาทำอะไรให้กิน เพราะเห็นว่าไม่สบายอยู่หรอกนะ รู้ยังงี้ไม่น่าเป็นห่วงเลยเรา ฮึ! ที่เหลือก็หากินเองแล้วกัน"
พอเห็นร่างสูงแอบหัวเราะคิกคักขำตัวเอง นางแบบสาวก็นึกโกรธขึ้นมา จึงทำท่าเชิดใส่แล้วก้าวฉับๆ เดินหนีเข้าไปในห้องนอนทันที แต่เพราะความที่ขายาวกว่า วีร์ธิราจึงก้าวไปดักหน้าเอาไว้ได้ทัน พลางกางแขนทั้งสองข้างออกขวางทางเข้าห้องนอนเอาไว้ไม่ให้ร่างบางผ่านเข้าไปได้
"โถๆ คนสวย วีขอโทษนะ ก็ไม่ได้ตั้งใจจริงๆ นี่นา อย่าโกรธวีเลยนะ เป็นห่วงวีใช่มั้ยล่ะ งั้นก็รีบทำต่อเถอะ วีหิวจนจะกินดาได้ทั้งตัวแล้วนะเนี่ย ไปทำต่อเถอะนะ เดี๋ยววีจะเป็นลูกมือให้เอง"
ร่างสูงพยายามง้องอนให้หญิงสาวหายโกรธพร้อมทั้งออดอ้อนด้วยคำหวาน ร่างบางยังคงงอนไม่เลิกแต่ก็ยอมเดินกลับไปทำอาหารให้คนป่วยต่อ โดยมีลูกมือตัวยุ่งคอยช่วยหยิบนู่นหยิบนี่ส่งให้ เสียงหัวเราะและเสียงหยอกล้อกันของคนทั้งสองดังขึ้นเป็นระยะ ไม่นานนักข้าวต้มรวมมิตรทะเลฝีมือนางแบบสาวคนสวยก็เสร็จเรียบร้อย ส่งกลิ่นหอมกรุ่นจนลูกมือตัวป่วนเริ่มน้ำลายสอ เอามือลูบท้องพลางกลืนน้ำลายเอื๊อกใหญ่
"หิวแล้วล่ะสิท่า รอเดี๋ยวนะ ขอดาหยิบชามมาตักใส่ให้ก่อน วีไปนั่งรอที่โต๊ะเลยก็ได้"
ร่างบางเอ่ย พลางเปิดตู้แขวนผนังเหนือศีรษะ เขย่งตัวเอื้อมมือหยิบชาม แต่ปลายนิ้วกลับทำให้ชามเลื่อนตัวเข้าไปด้านในอีก เธอพยายามยืดจนสุดแขน แต่ก็ยังเอื้อมไม่ถึง
"หยิบไม่ถึงก็เรียกวีได้นี่ครับ คุณแม่ครัว แล้วจะเอาชามใบไหนล่ะ"
ขณะที่กำลังคิดว่าจะทำอย่างไรดี จู่ๆ เสียงของวีร์ธิราก็เอ่ยขึ้นจากทางด้านหลัง ยืนคร่อมตัวเธอเอาไว้ พลางยืดแขนวางพาดอยู่กับขอบตู้ รอคำตอบจากหญิงสาว แพรลดากำลังจะหันหน้าไปตอบคนถาม บังเอิญปลายจมูกไปสัมผัสกับปลายคางของร่างสูงเข้า แก้มของเธอก็ร้อนผ่าวขึ้นมาอีกครั้ง ชะงักไปเล็กน้อยก่อนจะรีบเขยิบตัวออกห่างร่างสูง พลางแสร้งไปให้ความสนใจกับหม้อข้าวต้มที่มีควันพวยพุ่งขึ้นมานั้นแทน
"อะ. . .เอ่อ ใบไหนก็ได้ หยิบออกมาสองใบเลยแล้วกัน"
นางแบบสาวมัวแต่ก้มหน้าก้มตาใช้ทัพพีคนข้าวต้มในหม้อ จึงไม่ทันได้สังเกตว่ากำลังถูกสายตาของร่างสูงมองมายังเธอด้วยแววตาเป็นประกายระยิบระยับ พลางคลี่ยิ้มบางๆ ออกมา จากนั้นจึงเอื้อมมือหยิบชามแก้วขนาดกลางออกมาสองใบ ยื่นให้แม่ครัวคนสวย
"ได้แล้วจ้ะ"
ร่างบางยื่นมือออกมารับชามสองใบนั้นแต่ไม่ได้เงยหน้าขึ้นมามองคนที่ส่งให้ พลางรับเอาชามไปแต่แล้วร่างสูงกลับไม่ยอมปล่อยมือออก ทำให้คนรับต้องเงยหน้าขึ้นมองด้วยความสงสัยแต่ก็ต้องพบกับสายตาที่คล้ายจะสื่ออะไรบางอย่าง เพียงเท่านั้นแก้มของเธอก็แดงระเรื่อขึ้นมาอีกจนได้
"เป็นอะไรน่ะดา ทำไมหน้าแดงจัง เอ. . .หรือว่าจะเป็นไข้ไปด้วยอีกคน ไหนขอดูหน่อยซิ ตัวร้อนหรือเปล่าเนี่ย"
วีร์ธิราเอ่ยถามพลางถือโอกาสแนบหน้าผากของเธอลงกับหน้าผากของหญิงสาว แพรลดาตาโตด้วยความตกใจ รู้สึกได้ถึงอุณหภูมิภายในร่างกายที่ถีบตัวสูงขึ้นทันทีจากสัมผัสนั้นของคนรักจอมปลอม แต่แล้วร่างสูงก็ผละออกห่างก่อนที่ร่างบางจะเผลอปล่อยชามในมือร่วงลงกับพื้น แล้วเอ่ยด้วยน้ำเสียงเป็นห่วงเป็นใย
"ตัวรุมๆ เหมือนกันนี่นา. . .ปวดหัวด้วยรึเปล่าดา สงสัยจะติดไข้จากวีแน่เลย"
"ปละ. . .เปล่านี่ ไม่ได้เป็นอะไรสักหน่อย วีนั่นแหละ ไปนั่งรอที่โต๊ะเถอะ เดี๋ยวเสร็จแล้วดาจะยกไปให้เอง อยู่ตรงนี้ก็เกะกะเปล่าๆ"
นางแบบสาวรีบไล่คนฉวยโอกาสที่ได้แต่แอบยิ้มอย่างเจ้าเล่ห์อยู่เบื้องหลังเธอ ก่อนจะเดินไปนั่งรอที่โต๊ะอาหารอย่างอารมณ์ดี ส่วนร่างบางนั้นรีบวางชามลงกับโต๊ะข้างเตาแก๊สพลางยกมือข้างหนึ่งขึ้นมากุมตรงหน้าอกด้านซ้ายของตัวเอง คล้ายจะสะกดให้เจ้าก้อนเนื้อที่เรียกว่าหัวใจนั้น กลับเข้าสู่จังหวะเดิมของมันหลังจากที่สั่นระรัวเสียจนแทบจะหลุดออกมาข้างนอกได้อยู่แล้ว
'ทำไมฉันถึงต้องตื่นเต้นกับสัมผัสเมื่อกี้ด้วย ทำอย่างกับว่าเป็นเด็กสาวที่ถูกคนรักแกล้งแหย่เล่นไปได้น่ะ แค่นี้ก็หวั่นไหวเสียแล้วหรือแพรลดา' หญิงสาวถอนหายใจยาว ก่อนจะยิ้มออกมาอย่างเขินๆ เมื่อนึกถึงเหตุการณ์เมื่อครู่
.
"วันนี้ดาว่างรึเปล่า คือ วีอยากจะชวนดาไปช่วยเลือกโน้ตบุ๊คให้หน่อยน่ะ"
ร่างสูงเอ่ยขึ้นขณะนั่งอยู่บนรถสปอร์ตคันงาม โดยมีนางแบบสาวเป็นผู้ขับเหมือนเช่นเคย เธอส่ายหน้าพลางย้อนถาม
"ไม่ได้หรอก วันนี้พี่เค้าจองคิวยาวจนถึงค่ำเลยล่ะ แล้ววีจะซื้อโน้ตบุ๊คไปทำไมล่ะ ที่ห้องดาก็มีเครื่องคอมพิวเตอร์อยู่แล้วนี่นา"
"ก็รู้. . .แต่วีเคยได้อยู่ที่ห้องนานๆ ที่ไหนกันล่ะ ปกติดาก็ให้วีออกมาด้วยทุกทีไม่ใช่เหรอ แล้วอีกอย่าง วีต้องรีบปั่นต้นฉบับนิยายเรื่องใหม่แล้วด้วย ถ้ามีโน้ตบุ๊คนะ เวลาดาจะให้วีไปรอดึกดื่นแค่ไหน ก็ไม่ต้องกลัวจะเบื่อด้วย ดีมั้ยล่ะ"
"จ้าๆ ดีจ้ะ คุณนักเขียน แต่วันนี้ดาไปด้วยไม่ได้หรอกนะ วีไปคนเดียวได้หรือเปล่าล่ะ จริงๆ ถ้าไม่รีบมากพรุ่งนี้ดาจะขอพี่เค้าเลิกกองเร็วหน่อยแล้วค่อยไปได้มั้ยล่ะ"
นักเขียนสาวหล่อร่ายเหตุผลออกมายาวเหยียด จนคนถามต้องยอมจำนน พลางเสนอความคิดเห็น แต่ร่างสูงรีบปฏิเสธด้วยไม่อยากให้ตนเป็นสาเหตุที่ทำให้นางแบบสาวทำงานได้ไม่เต็มที่
"ไม่เป็นไรหรอก เดี๋ยววีไปคนเดียวก็ได้ เอาอย่างนี้นะ เดี๋ยวดาก็ขับรถไปที่กองถ่ายแล้ววีค่อยขับไปซื้อเองแล้วจะกลับมารับดาตอนเย็นก็แล้วกัน โอเคมั้ย"
"แหม. . .ได้ขับแค่วันเดียว ติดใจแล้วล่ะสิ เอายังงั้นก็ได้ตามใจวีแล้วกัน แต่ถ้ามัวไปเถลไถลไม่ยอมมารับดาล่ะก็ น่าดู!"
นางแบบสาวอนุญาตแต่ไม่วายแกล้งกำชับด้วยน้ำเสียงดุๆ ทั้งที่ใบหน้านั้นยังคงยิ้มระรื่นอยู่ สาวหล่อรีบตกปากรับคำเป็นมั่นเป็นเหมาะ แล้วจึงชวนกันคุยเรื่องนั้นเรื่องนี้ไปตลอดทาง หลังจากแวะส่งแพรลดาที่กองถ่ายละครเรียบร้อยแล้ว นักเขียนสาวหล่อก็ขึ้นนั่งประจำที่คนขับ แล้วเคลื่อนรถออกจากที่จอดมุ่งหน้าไปยังห้างสรรพสินค้าที่เป็นแหล่งศูนย์รวมอุปกรณ์คอมพิวเตอร์ทันที
ระหว่างที่วีร์ธิรากำลังเดินเลือกเครื่องคอมพิวเตอร์แบบโน้ตบุ๊คอยู่นั้น สายตาของเธอก็เหลือบไปเห็นหญิงสาวคนหนึ่งกำลังพยายามเดินหนีกลุ่มชายฉกรรจ์สามคนท่าทางน่ากลัวอยู่ห่างออกไปไม่มากนัก พลันนึกไปถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในวันที่เธอไปดูภาพยนตร์กับแพรลดาขึ้นมา ใจหนึ่งก็อยากจะเข้าไปช่วยเหลือ แต่ก็กลัวว่าจะเป็นการหาเรื่องใส่ตัวเองเปล่าๆ จึงได้แต่รอดูท่าทีอยู่ห่างๆ
"อ้าว. . .นั่นมันคุณเม หลานพี่แก้วนี่นา ทำยังไงดีล่ะ เข้าไปช่วยเค้าจะกลายเป็นรนหาที่รึเปล่านะเรา ฮึ้ย. . .ย ทำไงดีๆ ช่วย. . .ไม่ช่วย. . .ช่วย. . .ไม่ช่วย เอาวะ ช่วยก็ช่วย"
เมื่อหญิงสาวคนนั้นเดินเข้ามาใกล้มากขึ้นจนเห็นใบหน้าชัดเจนว่าที่แท้หญิงสาวคนนั้นก็คือเมษยาหลานสาวของกรอบแก้วที่ได้เจอกันเมื่อวันก่อนนั่นเอง ร่างสูงจึงโพล่งออกมา ก่อนจะพึมพำกับตัวเองว่าจะเข้าไปยุ่งเกี่ยวดีหรือไม่ คิดอยู่นานสุดท้ายก็ตัดสินใจได้ แล้วจึงรีบพุ่งตัวเข้าไปดึงตัวเมษยาออกมาจากคนกลุ่มนั้นทันที
"มาทางนี้เร็วคุณเม"
ร่างสูงเอ่ยขึ้นพลางคว้าข้อมือของเมษยาฉุดรั้งให้เดินไปด้วยกัน แต่ยังไม่ทันจะได้เดินไปไหน ก็ถูกขวางเอาไว้ด้วยผู้ชายอีกสองคน เธอจึงยืนบังร่างบอบบางของเมษยาเอาไว้
"อะไรวะไอ้น้อง มายุ่งอะไรด้วยเนี่ย อ้าว. . .เฮ้ย หน้าคุ้นๆ ไอ้นี่มันแฟนนังพริตตี้ ที่แจ้งตำรวจจับพวกเราคราวก่อนนี่หว่า ใช่มั้ยวะ ไอ้ยงค์"
หนึ่งในสามคนนั้นพอเห็นใบหน้าของวีร์ธิราชัดๆ ก็โพล่งออกมา พลางหันไปเรียกให้เพื่อนช่วยดูว่าใช่คนที่ทำให้พวกมันต้องเข้าไปนอนเล่นในมุ้งสายบัวเมื่อเดือนก่อนหรือไม่ ชายอีกสองคนก็ปรี่เข้ามามองใบหน้าของสาวหล่อใกล้ๆ แล้วก็พากันสนับสนุนคำพูดของเพื่อน เมื่อได้ยินดังนั้นสาวหล่อก็หน้าถอดสีทันที ทำไมโลกช่างกลมอย่างนี้หนอ นี่เธอต้องมาเจอกับพวกสวะสังคมกลุ่มเดิมที่เคยมีเรื่องมีราวกันอีกแล้วหรือนี่ พลางเหลียวซ้ายแลขวามองหาว่ามี รปภ. อยู่แถวนั้นหรือไม่ แต่ก็ไร้เงาของคนในเครื่องแบบแม้แต่คนเดียว เหงื่อกาฬเริ่มผุดขึ้นมาเต็มใบหน้า แต่ยังทำใจดีสู้เสือ กล่าวตอบโต้คนพวกนั้นออกไปพร้อมๆ กับสอดสายตามองหาทางหนีทีไล่ไปด้วยในตัว ท่ามกลางความงุนงงของเมษยา ว่าทำไมผู้ชายกลุ่มนี้จึงได้พูดเหมือนกับว่าเคยรู้จักสาวหล่อร่างสูงที่ยื่นมือเข้ามาช่วยเหลือเธอเอาไว้
"พวกแกก็เหมือนกันนั่นแหละ คราวก่อนต้องเข้าไปอยู่ในคุกยังไม่เข็ดอีกหรือไง ยังจะทำนิสัยเดิมๆ อยู่ได้ มันน่าแจ้งตำรวจอีกสักรอบนะเนี่ย"
"หนอย. . .ทำเป็นปากเก่งนักนะนังนี่ ชอบทำตัวเป็นพระเอกดีนักใช่มั้ย มันน่าเอาสักทีสองที จะได้รู้ว่าผู้ชายของจริงมันเป็นยังไง จริงมั้ยวะพวกเรา"
ชายคนนั้นทำท่าจะเข้ามากระชากคอเสื้อเชิ้ตของวีร์ธิรา แต่เพื่อนของมันอีกสองคนรั้งแขนเอาไว้เสียก่อน พลางซุบซิบกันอยู่สามคน ส่วนร่างสูงนั้นแม้จะในใจจะหวาดหวั่นว่าถ้าพวกมันคิดจะเล่นงานเธออยู่ตรงนี้ แล้วเธอจะทำเช่นไรดี แต่ก็ยังคงยืนประจันหน้ากับพวกมันอยู่ ทันใดนั้นเอง เสียงของหญิงสาวด้านหลังเธอก็ดังขึ้นมา พลางโบกไม้โบกมือให้กับบุคคลที่อยู่ด้านหลังของพวกมัน
"คุณตำรวจคะ ช่วยด้วยค่ะ!!!"
ชายฉกรรจ์ทั้งสามคนหันขวับไปด้านหลังพร้อมกันทันที ด้วยความรู้สึกหวาดระแวงเป็นทุนเดิมอยู่แล้ว คนที่ตัวเล็กที่สุดในกลุ่มก็ร้องขึ้นมา พลางทำท่าจะวิ่งหนีเมื่อเห็นชายคนหนึ่งในเครื่องแบบสีกากี
"เฮ้ย. . .ตำรวจพี่ ตำรวจๆ ฉันไปก่อนล่ะ ไม่อยากเข้าไปนอนในคุกอีกแล้ว"
คำพูดของมันทำให้อีกสองคนเตรียมตั้งท่าจะหนีเช่นกัน แต่เมื่อมองดีๆ แล้วก็พบว่าที่เพื่อนเห็นนั้นไม่ใช่ตำรวจตัวจริงแต่อย่างใด เป็นเพียงแค่โปสเตอร์รูปตำรวจที่ติดหราอยู่บนกำแพงของร้านค้าร้านหนึ่งเท่านั้น จึงพร้อมใจกันตบลงไปบนหัวของเจ้าคนที่โวยวายนั้นคนละที แล้วจึงหันหลังกลับมาตามเดิม ทว่า ร่างของหนึ่งสาวหวานกับอีกหนึ่งสาวหล่อได้อันตรธานหายไปเสียแล้ว พวกมันจึงได้แต่สบถออกมาฝากความอาฆาตเคียดแค้นผ่านสายลมไปให้วีร์ธิรา ในขณะที่เจ้าตัวกับหญิงสาวที่เข้าไปช่วยนั้นพากันจูงมือวิ่งเผ่นแนบไปไกลแล้ว
"แฮ่ก. . .แฮ่กๆ ๆ พวกมันตามมาอีกหรือเปล่าเนี่ย"
สาวหล่อเอ่ยขึ้น พลางหายใจหอบด้วยความเหนื่อย เมษยาเองก็เช่นเดียวกัน เธอสูดลมหายใจเข้าปอดลึกๆ ก่อนจะตอบคำถามนั้น
"มันคงไม่ตามมาแล้วล่ะ โชคดีนะเนี่ยที่คุณวีบังเอิญผ่านมาแถวนั้นพอดี ขอบคุณมากนะคะที่เข้ามาช่วยเมไว้ ถ้าไม่อย่างนั้น เมต้องถูกพวกมันพาไปทำมิดีมิร้ายแน่ๆ เลย"
"ไม่เป็นไรฮะ ไม่ต้องขอบคุณหรอก เห็นคนอื่นเดือดร้อนอย่างนั้นจะปล่อยไว้ได้ยังไงกันล่ะ" สาวหล่อรีบออกตัว ด้วยไม่อยากให้ถือว่าเป็นเรื่องติดหนี้บุญคุณอะไร เธอคิดเพียงแค่ว่าถ้าสามารถช่วยเหลือคนที่กำลังเดือดร้อนได้ก็สบายใจแล้ว
"ไม่ได้หรอกค่ะ ยังไงก็ต้องถือว่าเมเป็นหนี้คุณอยู่ดี เอาเป็นว่าถ้ามีอะไรให้เมช่วยก็บอกได้นะคะ เมจะยินดีช่วยอย่างเต็มที่เลยล่ะค่ะ อืม. . .ว่าแต่คุณวีมาทำอะไรที่นี่เหรอคะ"
หญิงสาวยังคงไม่ลดละความพยายาม สาวหล่อจึงจำต้องรับคำขอบคุณนั้นเอาไว้ พลางส่งยิ้มให้ตอบคำถามของเมษยา
"อ๋อ. . .วีมาหาซื้อคอมพิวเตอร์โน้ตบุ๊คฮะ ช่วงนี้ไม่ค่อยมีโอกาสได้อยู่กับที่เท่าไหร่ ต้องไปนู่นมานี่ตลอดก็เลยคิดว่าน่าจะหาซื้อเอาไว้ซักเครื่องนึง จะได้ทำงานสะดวกขึ้นน่ะฮะ แล้วคุณเมล่ะ มาทำอะไรที่นี่คนเดียวฮะ ถ้าไม่รังเกียจให้วีเดินเป็นเพื่อนดีมั้ย จะได้ไม่เจอกับคนอย่างพวกนั้นอีก ยิ่งคนสวยๆ แบบคุณเมเนี่ยนะ เป็นที่ดึงดูดสายตาของพวกผู้ชายเลยล่ะรู้หรือเปล่าฮะ"
สาวหล่อเอ่ยปากชวน เมษยาทำท่าทางเขินเล็กน้อยที่ถูกชมซึ่งๆ หน้าแบบนี้ แม้เธอจะรู้ตัวดีว่าเธอไม่ใช่คนที่ดูสวยโดดเด่นและแฝงไว้ด้วยความน่ารักสดใสเหมือนอย่างธรัตรา แต่เป็นเพียงแค่ผู้หญิงหน้าตาธรรมดาคนหนึ่งที่ออกจะดูเงียบขรึมเหมือนอมทุกข์ไว้ตลอดเวลาเสียด้วยซ้ำ แต่ก็อดดีใจไม่ได้ที่วีร์ธิรายังอุตส่าห์ถนอมน้ำใจเธอเอาไว้ด้วยคำชมนั้น พลางตอบตกลงในทันที อย่างน้อยก็ดีเสียกว่าที่เธอจะต้องเดินแต่เพียงลำพัง
"เมมาหาซื้อ palm น่ะค่ะ เมื่อเช้าชวนอาแก้วมาด้วยแล้วเหมือนกัน แต่อาแก้วลางานไม่ได้ เมก็เลยต้องมาคนเดียวนี่แหละค่ะ แต่ถ้าได้คุณวีมาเดินเป็นเพื่อนด้วยก็คงจะดีเหมือนกันค่ะ เชิญคุณวีเลือกดูก่อนเลยแล้วกันนะคะ" เมษยาส่งยิ้มให้ ก่อนจะผายมือเป็นเชิงให้วีร์ธิราเดินนำหน้าไปก่อน แล้วจึงออกเดินตามไป
หลังจากเลือกของที่ทั้งสองคนต้องการเรียบร้อยแล้ว วีร์ธิราจึงเอ่ยปากชวนหญิงสาวไปทานอาหารกลางวันในร้านอาหารแห่งหนึ่งที่อยู่ในละแวกนั้น เมื่อหาที่นั่งได้และสั่งอาหารเรียบร้อยแล้ว เมษยาจึงเป็นฝ่ายเริ่มชวนคุยก่อน
"จริงสิคะ เมื่อกี้นี้ตอนที่พวกผู้ชายสามคนนั้นเค้าเห็นหน้าคุณวี ทำไมพวกเค้าถึงพูดเหมือนกับว่าเคยมีเรื่องกับคุณมาก่อนเลยล่ะคะ" สาวหล่อยกแก้วน้ำขึ้นดื่ม ก่อนจะตอบคำถามของเธอ
"อืม. . .ก็ไม่มีอะไรมากหรอกฮะ คราวก่อนแฟนวีก็โดนพวกมันมาตามตอแยเหมือนคุณเมนี่แหละฮะ แต่ว่าพริตตี้เค้าเรียกตำรวจมาเอาเรื่องจนพวกมันต้องเข้าไปนอนในคุก มันก็เลยอาฆาตวีไม่เลิกล่ะมั้ง" หญิงสาวพยักหน้าช้าๆ อย่างเข้าใจ
จากนั้นบริกรจึงนำถาดอาหารมาเสิร์ฟให้ เมษยาหันไปยิ้มให้บริกรหนุ่มเล็กน้อย แทนคำขอบคุณแล้วจึงหันหน้ากลับมา ก็พบว่าคนที่นั่งอยู่ตรงข้ามเธอ กำลังมองมาด้วยแววตาแปลกๆ จึงเอ่ยถามขึ้น พลางใช้ช้อนส้อมคลุกเคล้าอาหารในจาน
"คุณวี จ้องเมอย่างนั้นทำไมคะ หรือเมทำอะไรแปลกๆ ไปหรือเปล่าเนี่ย"
"อ๋อ เปล่าฮะ ไม่มีอะไร แค่วีกำลังคิด. . .เอ่อ. . .คิดถึงแฟนน่ะฮะ" สาวหล่อรีบส่ายหน้าปฏิเสธทันที พลางส่งยิ้มอย่างเก้อเขินเล็กน้อยให้คนถาม เมษยาเลิกคิ้วขึ้น ก่อนจะแย้มยิ้มออกมาพลางเอ่ยแซว
"อะไรกันคะคุณวี ชวนเมมาทานข้าวด้วยกัน แล้วเอาแต่คิดถึงแฟนแบบนี้ เมชักจะน้อยใจแล้วนะคะ"
สิ้นเสียงของเมษยา สาวหล่อก็ยิ่งเขินหนักเข้าไปใหญ่ รีบโบกไม้โบกมือปฏิเสธเสียยกใหญ่ ว่าที่เธอคิดถึงแฟนเพราะเห็นท่าทางที่หญิงสาวหันไปยิ้มให้กับบริกรหนุ่มแล้ว เกิดนึกถึงเวลาที่แฟนของเธอชอบทำเป็นเล่นหูเล่นตากับบริกรหนุ่มขึ้นมาด้วยต่างหากเล่า แต่เมื่อเห็นว่าหญิงสาวยังคงตั้งท่าจะแซวต่อไป จึงรีบเปลี่ยนเรื่องถามถึงเรื่องส่วนตัวของเมษยาบ้าง
"เลิกแซววีเสียทีเถอะฮะ คุณเม วีเขินจะแย่อยู่แล้วนะ ว่าแต่คุณเมเถอะ มาแซวคนอื่นเค้าแบบนี้ แล้วแฟนตัวเองน่ะมีหรือเปล่า แต่วีว่านะ คนหน้าตาดีอย่างคุณเม ต้องมีแล้วแน่ๆ เลยใช่มั้ย"
แกร๊ง. . .ง. . .ง
พอถูกถามเรื่องคนรัก เมษยาเผลอปล่อยช้อนในมือร่วงลงกระทบกับจานกระเบื้องสีขาวเสียงดัง สีหน้าเศร้าสลดลงทันที วีร์ธิราเองก็มีสีหน้าตกใจไม่แพ้กัน พลางนึกในใจ นี่เธอถามอะไรผิดจังหวะไปหรือเปล่า
"เอ่อ. . .ถ้าวีพูดอะไรผิดไป วีขอโทษด้วยนะฮะ คือแบบว่า. . .เอ่อ วีไม่ได้ตั้งใจ. . ."
"เปล่าค่ะ ไม่เป็นไร ไม่ใช่ความผิดของคุณวีหรอกค่ะ คือเมแค่. . .แค่. . ."
หญิงสาวตอบด้วยน้ำเสียงสั่นเครือ เม้มปากอย่างพยายามสะกดกลั้นน้ำตาเอาไว้ แต่ไม่ทันไรน้ำใสๆ ก็ไหลรินลงมาเสียแล้ว เธอยกมือขึ้นปาดน้ำตาตัวเองทิ้งไป แต่ก็ใช่ว่าจะทำให้น้ำตาหยุดไหลได้อย่างฉับพลัน สาวหล่อที่นั่งอยู่ฝั่งตรงข้ามได้แต่นิ่งอึ้งไป อย่างไม่รู้ว่าควรจะทำอย่างไรดี แต่เมื่อเห็นน้ำตาของเมษยายังคงหยาดหยดอยู่อย่างนั้น จึงคว้าเอากระดาษทิชชูในกล่องที่วางอยู่บนโต๊ะนั้น ยื่นส่งให้ หญิงสาวเอื้อมมือออกมารับ พลางโค้งศีรษะน้อยๆ แทนคำขอบคุณ แล้วยกขึ้นซับน้ำตาที่เอ่อล้นกลบดวงตาเศร้านั้นช้าๆ เกิดเป็นความเงียบงันระหว่างคนทั้งคู่
เวลาผ่านไปครู่ใหญ่ เมษยาจึงค่อยสงบสติอารมณ์ลงได้ ท่ามกลางความโล่งอกของสาวหล่อตัวต้นเหตุ แต่ยังอดสงสัยไม่ได้ว่า เหตุใดหญิงสาวจึงถึงกับร้องไห้ออกมาทั้งที่เพียงแค่ถูกถามถึงคนรักของหล่อนเท่านั้น วีร์ธิราได้แต่คาดเดาไปต่างๆ นานาอยู่ในใจ อาจจะเป็นเพราะว่าเมษยากำลังอยู่ในช่วงอกหัก รักไม่สมหวัง หรือเป็นเพราะว่ากำลังแอบรักใครข้างเดียวอยู่ แต่ไม่กล้าจะเอื้อนเอ่ยคำใดๆ ออกมาอีก พลางก้มหน้าตักอาหารเข้าปากอย่างฝืดคอ และไม่กล้าเงยหน้าขึ้นสบตากับหญิงสาวที่นั่งอยู่ตรงข้ามเธออีกเลย จนกระทั่งฝ่ายนั้นเป็นคนเอ่ยขึ้นก่อน
"เมขอโทษนะคะที่ทำให้เสียบรรยากาศหมดเลย" หญิงสาวพยายามฝืนยิ้มให้ทั้งที่ในแววตา ยังเจือไว้ด้วยความเศร้าอยู่ สาวหล่อรีบแก้ความเข้าใจผิดทันที
"อุ้ย. . .ไม่ต้องขอโทษวีหรอกฮะ วีเองซะอีก ที่น่าจะเป็นฝ่ายขอโทษที่ถามละลาบละล้วงเรื่องส่วนตัวของคุณ วีขอโทษก็แล้วกันนะฮะ อย่าถือสาคนพูดมากอย่างวีเลยนะ"
"ไม่เป็นไรค่ะ จริงๆ แล้ว เมมีปัญหากับแฟนนิดหน่อยนะค่ะ" หญิงสาวเฉลยให้หายข้องใจ ก่อนจะค่อยๆ เล่าเรื่องราวที่เกิดขึ้นให้วีร์ธิราฟัง
นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ

1,034 ความคิดเห็น
-
#974 Number42 (จากตอนที่ 18)วันที่ 13 พฤษภาคม 2553 / 20:42และก็คือผึ้งนั่นเอง -0-#9740