ตอนที่ 16 : คือความรักใช่ไหม
ตอนที่ 16
วีร์ธิราเปิดประตูห้องคอนโดเข้ามาก็พบกับความมืดสนิท ไม่มีดวงไฟเปิดใช้งานเลยสักดวง จึงบ่นอุบพลางควานมือสะเปะสะปะหาสวิตซ์ไฟไปตามผนัง
"ทำไมห้องยังมืดตึ๊ดตื๋ออยู่เลยเนี่ย ไหนว่ากลับมาแล้วไง หรือว่าเค้าออกไปไหนอีกแล้วนะ แล้วมาทำเป็นบอกให้เรารีบกลับ เชอะ รู้งี้ไปกินข้าวกับหลานพี่แก้วก่อนก็ดีหรอก เอ. . .แล้วสวิตซ์ไฟมันหายไปไหนล่ะเนี่ย. . .ว้าก
กกก!!! ผะ. . .ผะ. . .ผีหลอก. . .กกก"
พลันมือก็ไปสัมผัสกับอะไรบางอย่างที่อุ่นๆ นิ่มๆ จึงร้องออกมาด้วยความตกใจ ร่างสูงได้แต่ยืนนิ่งตัวแข็งทื่อ ก้าวขาไม่ออก เบิกดวงตาโพลง อ้าปากค้าง หน้าซีดเผือดอยู่อย่างนั้น จนกระทั่งไฟสว่างขึ้นมา ก็พบว่าสิ่งที่อยู่ตรงหน้าเธอคือแพรลดา ไม่ใช่ผีสางแต่อย่างใด
"ผีเผอ อะไรของเธอ จะบ้ารึเปล่า แล้วก็รีบเอามือออกไปเดี๋ยวนี้นะ ก่อนที่ฉันจะ. . ."
ร่างสูงมองไปยังมือของตัวเองตามคำพูดของนางแบบสาว ที่แท้สิ่งที่มือของเธอสัมผัสอยู่นั้นคือหน้าอกของแพรลดานั่นเอง จึงรีบชักมือออกพลางเอ่ยอย่างตะกุกตะกัก
"กึ๋ย
ยยย!!! ขะ. . .ขอโทษนะ บะ. . .แบบว่าไม่ได้ตั้งใจน่ะ แล้วดาล่ะ กลับมาแล้วทำไมไม่เปิดไฟ มายืนมืดๆ อยู่ตรงนี้ทำไม วีตกใจหมดเลยนึกว่าถูกผีหลอกซะอีก"
"ไปไหนมา"
น้ำเสียงชวนหาเรื่องของนางแบบสาวที่ยืนกอดอกพิงกำแพงอยู่ กับสายตาดุๆ ที่หรี่มองมายังตนเอง ทำเอาวีร์ธิราถึงกับกลืนน้ำลายลงคออย่างลำบากยากเย็น ด้วยเข้าใจไปว่านางแบบสาวคงจะโกรธที่ตนเอารถสุดรักสุดหวงของเธอไปใช้โดยไม่บอกกล่าวเจ้าของรถก่อน ได้แต่ยืนนิ่งทำตาปริบๆ ไม่กล้าบอกว่าเอารถของเธอขับไปถึงสนามบินดอนเมืองแล้วยังขับไปส่งเมษยาที่คอนโดของกรอบแก้วถึงย่านสีลม จนกระทั่งวนกลับมาที่ถนนสุขุมวิท อันเป็นที่ตั้งของคอนโดที่แพรลดาอาศัยอยู่นี้ เมื่อตอนที่จอดรถก็พบว่าน้ำมันหายไปถึงครึ่งถังแล้วด้วย มีหวังถ้าบอกออกไปคงจะถูกโกรธเอาแน่นอน
"ฉันถามว่าเธอไปไหนมา แล้วผู้หญิงที่รับโทรศัพท์คนนั้นคือใคร บอกมาเดี๋ยวนี้นะ ว้าย
ย!!!"
เมื่อถามครั้งแรกแล้วไม่ได้คำตอบ นางแบบสาวจึงเริ่มหัวเสีย ตรงเข้ามากระชากคอเสื้อเชิ้ตของร่างสูงอย่างรวดเร็ว วีร์ธิราไม่ทันตั้งตัวจึงเสียหลักล้มลงไปตามแรงกระชากส่งผลให้ร่างของเธอล้มลงไปทับร่างบางพอดี และเป็นจังหวะเดียวกับที่ริมฝีปากของเธอสัมผัสกับริมฝีปากนุ่มของแพรลดาโดยบังเอิญ ร่างสูงตาโตด้วยความตกใจ กำลังจะยกตัวขึ้นทว่าถูกวงแขนของนางแบบสาวโอบรอบคอเอาไว้ ใบหน้าที่อยู่ห่างกันไม่ถึงคืบทำให้เธอรู้สึกได้ถึงลมหายใจอุ่นๆ เคล้ากับกลิ่นแอลกอฮอล์จางๆ จากปากของนางแบบสาว
"นี่. . .บอกฉันหน่อยสิวีร์ธิรา ทำไมทุกคนถึงได้หนีไปจากฉันกันหมด เธอเองก็กำลังจะไปจากฉันด้วยใช่มั้ย ฉันมันน่ารังเกียจมากอย่างนั้นเลยเหรอ"
แววตาของแพรลดาที่มองสบตากับร่างสูงคล้ายจะตัดพ้ออยู่เนืองๆ แต่วีร์ธิราไม่เข้าใจว่านางแบบสาวกำลังพูดถึงเรื่องอะไร แต่การที่ต้องสบตากันในระยะประชิดเช่นนี้ ทำเอาหัวใจของร่างสูงสั่นระรัวแทบไม่เป็นจังหวะ รู้สึกร้อนผ่าวขึ้นมาที่แก้มทั้งสองข้าง พยายามจะขยับตัวออก แต่ก็ถูกอ้อมแขนเล็กๆ นั้นรัดเอาไว้ให้ต้องประจันหน้ากันอย่างเลี่ยงไม่ได้
"พูดอะไรของคุณน่ะ ดา. . .เอ๊ะ กลิ่นเหล้านี่. . .ดากำลังเมาอยู่ใช่มั้ยเนี่ย ทำไมอยู่ดีๆ ถึงกินเหล้าล่ะ เออใช่ แล้วคุณไปคุยอะไรกับคุณผึ้งเค้าเหรอ ทำท่ายังกับเคยสนิทกันมาก่อนยังงั้นล่ะ คงไม่ใช่ว่าเคยเป็นแฟนกันมาหรอกนะ"
พอได้ยินชื่อคนรักเก่าขึ้นมา ร่างบางก็ปล่อยแขนตัวเองแล้วผลักอกร่างสูงออกไปให้พ้นตัว คนถูกผลักกลิ้งไปอยู่ข้างๆ ตามแรงผลักนั้น พลางลุกขึ้นมานั่งเกาศีรษะตัวเองอย่างงุนงง กับอารมณ์แปรปรวนของแพรลดา ที่จู่ๆ ก็ขึ้นเสียงใส่อารมณ์กับเธออีกครั้ง และแผ่วเสียงลงในตอนท้าย
"ใช่! ฉันกับผึ้งเราเคยเป็นแฟนกัน เธอมีอะไรข้องใจหรือไง เค้าก็เป็นแค่. . .แค่แฟนเก่าเท่านั้น"
ร่างสูงรู้สึกเจ็บจี๊ดในใจขึ้นมา ไม่เข้าใจตัวเองเช่นกันว่าเพราะอะไร ถึงได้รู้สึกเหมือนหัวใจหล่นวูบไปกองอยู่กับพื้นกับคำตอบที่ได้รับนั้น เพราะว่าเคยเป็นคนรักกันมาก่อนอย่างนี้นี่เอง นางแบบสาวจึงได้ทิ้งเธอไว้ที่กองถ่ายเพียงลำพังอย่างไม่สนใจไยดีเลย อารามน้อยใจพาลให้ร่างสูงตอบกลับไปอย่างประชดประชัน
"ก็. . .เปล่านี่ ถ้าอย่างนั้นทำไมไม่อยู่ค้างกับเค้าเลยล่ะ จะรีบกลับมาทำไมกัน"
"ฉันจะค้างหรือไม่ค้างแล้วมันเกี่ยวอะไรกับเธอด้วยล่ะ อย่าบอกนะว่าเธอกำลังหึงฉัน นี่เธอหึงฉันเหรอเนี่ย ฮ่า ฮ่า ฮ่า เอิ๊ก. . .วีรู้มั้ยว่าดาดีใจจัง ดีใจนะที่อย่างน้อยก็มีคนให้ความสำคัญกับดาบ้าง ไม่เหมือนผึ้งที่ไม่เคยเห็นดาสำคัญเลยสักนิด คำก็เม สองคำก็เม นี่ถ้าไม่ถูกเมมันหักอกเอา ก็คงไม่กลับมาหาดาสินะ ฮือ ฮือ ฮือ. . ."
วีร์ธิราเป็นงงกับนางแบบสาวที่จู่ๆ ก็หัวเราะขึ้นมา อีกเดี๋ยวก็ร้องไห้ออกมา ทำอะไรไม่ถูกไม่รู้ว่าควรจะโกรธ หรือจะปลอบใจดี และไม่เข้าใจสิ่งที่นางแบบสาวพูดด้วย จะว่าไปแล้วเธอก็ไม่เคยรู้เรื่องอะไรเกี่ยวกับตัวผู้หญิงคนนี้เลยสักนิด แต่ทั้งที่รู้อย่างนั้นก็เผลอปล่อยให้หญิงสาวผู้มีอดีตที่ลึกลับคนนี้เข้ามาจับจองอยู่เต็มพื้นที่ในหัวใจเธอจนเกือบหมดแล้ว
"ดาเมามากแล้วนะ พูดอะไรวีไม่เห็นรู้เรื่องเลย ไปนอนที่เตียงดีกว่านะ"
ร่างสูงย่อตัวลงอุ้มร่างบางขึ้นมาแนบอก แล้วจึงเดินเข้าไปในห้องนอน วางร่างของนางแบบสาวลงกับเตียงอย่างนุ่มนวล กำลังจะลุกออกไปแต่มือเล็กนั้นกลับคว้าข้อมือของเธอเอาไว้ นางแบบสาวปรือตาขึ้นมาเล็กน้อย เธอส่งสายตาอ้อนวอนให้กับร่างสูงที่ยืนอยู่ข้างเตียง พลางเอ่ยขึ้น
"ดาขอร้องนะวี อย่าจากดาไปไหนเลยนะ อยู่ข้างๆ ดาได้มั้ย"
"หืม
ม ว่าอะไรนะ จะให้วีนั่งอยู่ตรงนี้เหรอ"
วีร์ธิราเลิกคิ้วขึ้นเล็กน้อยด้วยความแปลกใจ ที่นางแบบสาวเอ่ยปากขอร้องเธอด้วยน้ำเสียงและแววตาออดอ้อนเหมือนเด็กๆ พลางชี้มือลงไปที่ข้างๆ เตียง นางแบบสาวพยักหน้าน้อยๆ แทนคำตอบ ร่างสูงทำหน้าลังเลแวบหนึ่ง ก่อนจะส่งยิ้มให้พลางคุกเข่าลงนั่งข้างเตียง มืออีกข้างหนึ่งลูบผมสีน้ำตาลของร่างบางที่นอนอยู่บนเตียงอย่างแผ่วเบา
"ถ้างั้นก็นอนได้แล้วล่ะหนูน้อย หลับตาซะ เดี๋ยววีจะอยู่ตรงนี้จนกว่าดาจะหลับก็แล้วกัน"
ร่างบางหลับตาพริ้มอย่างว่าง่าย โดยมีสาวหล่อคนรักจอมปลอมนั่งอยู่เคียงข้าง วีร์ธิราจ้องมองใบหน้าของคนที่นอนอยู่ พลางลดสายตาลงมองมือของตัวเองที่ถูกกุมเอาไว้ด้วยมือของหญิงสาว
"ถ้าเกิด วีรักดาขึ้นมาจริงๆ แล้ว ดาจะทิ้งวีไปอีกคนเหมือนแมนมั้ยนะ" ร่างสูงพึมพำกับตัวเองเบาๆ นึกไปถึงความเจ็บช้ำใจที่ได้รับจากอดีตแฟนหนุ่ม ก่อนจะผล็อยหลับไปที่ข้างเตียงนั้น
. . . . . ในชีวิตฉันที่ผ่านมานั้น ทำสิ่งผิดพลั้งมามากมาย ยังเก็บความหลังฝังลึกในจิตใจ ไม่อยากจะผิดหวังเหมือนเคย มาในวันนี้กับเธอคนนี้ จึงมีคำถามขึ้นในใจ จะผิดอีกไหมที่รักเธอง่ายไป เพราะเธอไม่เหมือนใครใครเลย ถ้ารักเธอแล้วต้องผิดอีกครั้งหนึ่ง ฉันขอทำผิด อีกได้ไหม จะหยุดตรงนี้ หรือรักเธอต่อไป และมันจะเป็นอย่างไร ไม่รู้เลย. . .
.
เช้าแล้ว ร่างบางลืมตาตื่นขึ้นมาช้าๆ รู้สึกปวดหัวตุบๆ พลิกกายมองไปที่อีกด้านของเตียงก็มีเพียงความว่างเปล่า ผ้าปูที่นอนเรียบตึงบ่งบอกให้รู้ว่าเมื่อคืนมันไม่ได้ถูกใช้งาน เมื่อไม่เห็นร่างสูงของวีร์ธิรานอนอยู่เคียงข้างเหมือนเช่นเคย จึงอดสงสัยไม่ได้ว่าคนรักจอมปลอมของเธอหายไปไหน ไม่รู้ว่าออกไปตั้งแต่เช้าหรือว่ายังไม่กลับมาตั้งแต่เมื่อคืน และแปลกใจอยู่เหมือนกันว่าเธอมานอนอยู่ตรงนี้ได้อย่างไร ทั้งที่เมื่อวานเธอนั่งดื่มเหล้าเพื่อรอการกลับมาของวีร์ธิรา อยู่เพียงคนเดียวที่โซฟาด้านนอก แต่จำไม่ได้เลยว่าเธอเดินมานอนที่เตียงนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่
เธอจำได้เพียงแค่ว่าเธอโทรศัพท์ไปหาคนรักจอมปลอม แต่ก็มีเสียงผู้หญิงคนหนึ่งมารับโทรศัพท์แทน น้ำเสียงนั้นฟังดูคุ้นหูยิ่งนัก แต่เธอก็จำไม่ได้ว่าเคยได้ยินที่ไหนมาก่อน ครั้นจะลุกขึ้นไปล้างหน้าล้างตา เมื่อหย่อนเท้าลงข้างเตียงก็สัมผัสกับอะไรบางอย่าง เธอรีบก้มหน้าลงไปดูก็พบว่าเป็นร่างสูงนั่นเองที่นอนคุดคู้อยู่บนพื้นกระเบื้องที่เย็นเฉียบ
"อ้าววี. . .กลับมาตั้งแต่เมื่อไหร่ แล้วทำไมมานอนอยู่ตรงนี้ล่ะ"
นางแบบสาวสะกิดร่างสูงที่นอนอยู่ให้ตื่นขึ้น แต่พอมือสัมผัสกับต้นแขนของร่างสูง ความร้อนก็แผ่ซ่านเข้ามาที่มือของเธอทันที
"เฮ้ยวี. . .นี่เธอเป็นไข้นี่นา ตัวร้อนจี๋เลย"
". . .หนาว. . .วีหนาวจังเลยดา. . ."
ร่างสูงสะลึมสะลือ ปรือตาขึ้นมามองเล็กน้อย ก่อนจะหลับตาลงอีกครั้ง ร่างบางพยายามพยุงร่างคนตัวสูงให้ขึ้นมานอนบนเตียงด้วยความทุลักทุเล ดึงผ้านวมผืนใหญ่ขึ้นมาคลุมให้ร่างสูงจนถึงคอ แต่เจ้าตัวยังคงพึมพำว่าหนาวไม่ยอมหยุด ก่อนจะละเมอเพ้อออกมาเพราะพิษไข้
"ดาอย่าโกรธวีนะ. . .วีไม่ได้หนีไปไหนกับใคร. . .อย่าทิ้งวีไปสิ. . .วีรักดานะ. . .อย่าไป ๆ ๆ"
ร่างบางที่หันรีหันขวางเพราะไม่รู้ว่าจะทำอย่างไรให้ร่างสูงหายหนาวเสียที สะดุดกึกหยุดอยู่กับที่เมื่อได้ยินคำว่ารักหลุดออกมาจากปากของวีร์ธิรา เธอเลิกคิ้วขึ้นอย่างไม่คาดคิดว่าจะได้ยินคำๆ นี้ จากปากคนรักจอมปลอมของเธอ
'รักเหรอ. . .เมื่อกี้ยัยนี่บอกว่ารักเรางั้นเหรอ'
แพรลดาแทบไม่อยากจะเชื่อหูตัวเอง กับสิ่งที่ได้ยินเมื่อครู่นี้ อดหวั่นไหวไปกับคำๆ นั้นไม่ได้ ก่อนจะสะบัดหน้าแรงๆ สองสามที พลางพูดกับคนที่นอนอยู่ ทว่า ร่างสูงนั้นไม่มีสติเพียงพอที่จะรับรู้อะไรได้เลย
"เธออย่ามารักฉันเลยนะวี ฉันไม่ดีพอสำหรับเธอหรอก ถ้าวันหนึ่งเธอได้รู้ความจริงเธอคงจะต้องเกลียดฉันแน่ๆ เลยล่ะ แต่ยังไงก็ขอบคุณนะที่รักฉัน ถ้าผึ้งเค้าคิดเหมือนเธอได้สักครึ่งนึงก็คงจะดีสิ"
แม้จะพูดไปอย่างนั้น แต่ในหัวใจของแพรลดากลับรู้สึกปีติยินดีที่ได้ยินคำว่ารักจากปากของวีร์ธิรายิ่งนัก แต่สิ่งที่ทำให้เธอไม่สามารถจะตอบรับความรักของสาวหล่อร่างสูงได้นั้น เป็นเพราะเธอยังไม่สามารถที่จะตัดใจจากคนรักเก่าได้ ถึงแม้จะรู้ว่าสำหรับธรัตราแล้ว เธอก็เป็นได้เพียงแค่เงาของเมษยาเท่านั้น
"วันนี้วีนอนพักอยู่ที่ห้องนี่แหละนะ แล้วตอนเย็นดาจะรีบกลับมาจ้ะ" นางแบบสาวก้มลงจุมพิตเบาๆ ที่แก้มของร่างสูงที่นอนหลับอยู่ ก่อนจะลุกขึ้นไปจากเตียง ปล่อยให้คนป่วยนอนครางฮือเพราะพิษไข้ อยู่เพียงลำพัง
.
ร่างสูงลืมตาขึ้นในเวลาบ่ายกว่า แล้วผุดลุกขึ้นนั่งอย่างรวดเร็ว แต่คงเป็นเพราะยังไม่สร่างจากไข้ดีนักจึงมีอาการวิงเวียนและหน้ามืดขึ้นมา จนต้องยกสองมือขึ้นมากุมศีรษะที่หนักอึ้งของตัวเอง และแปลกใจว่าเธอขึ้นมานอนบนเตียงได้อย่างไร พลางเหลียวมองซ้ายขวาหาแพรลดา แต่ก็ไม่พบแม้แต่เงาของนางแบบสาวในห้องนอนนั้น กำลังจะลุกขึ้นออกไปที่ด้านนอก สายตาก็เหลือบไปเห็นถาดอาหารที่วางอยู่บนโต๊ะข้างหัวเตียง มีกระดาษโน้ตแผ่นเล็กสีเหลืองสะท้อนแสงวางอยู่ข้างกัน มือเรียวเอื้อมไปหยิบกระดาษแผ่นนั้นขึ้นมาอ่าน ตัวหนังสือโย้ไปเย้มา แต่ไม่ถึงกับชุ่ยมากนัก บ่งบอกได้ว่าคนเขียนคงจะเขียนด้วยความรีบ ลายมือจึงมีลักษณะหวัดเช่นนี้
'ถ้าตื่นมาแล้ว รีบกินโจ๊กแล้วก็กินยาซะนะ นอนพักเยอะๆ จะได้หายไข้ไวๆ เดี๋ยวตอนเย็นกลับมาแล้วจะทำข้าวต้มกุ้งให้กิน'
ร่างสูงคลี่ยิ้มออกมาอย่างอารมณ์ดี วางกระดาษแผ่นนั้นลงที่เดิม แล้วเอื้อมมือไปเปิดฝาที่ครอบชามกระเบื้องออก กลิ่นหอมโชยมาแตะจมูกคนป่วย กระเพาะของเธอก็เริ่มออกอาการประท้วงคำรามด้วยเสียงดังเนื่องจากยังไม่มีอะไรตกถึงท้องเลยตั้งแต่เย็นวานนี้ พลางใช้สองมือยกชามโจ๊กที่เย็นเฉียบเพราะความเย็นจากเครื่องปรับอากาศ แต่เมื่อใช้ช้อนตักเข้าปาก ร่างสูงก็ยิ้มปลื้มออกมาอย่างอิ่มเอมใจ แม้ว่าโจ๊กชามนั้นจะเย็นชืดหมดแล้ว แต่ในหัวใจของเธอกลับรู้สึกอบอุ่นอย่างบอกไม่ถูก แอบดีใจที่นางแบบสาวไม่ได้โกรธอะไรเธอมากมาย แถมยังเป็นห่วงเป็นใย เตรียมอาหารเตรียมยาไว้ให้เธออีกด้วย
วีร์ธิรากินโจ๊กชามนั้นจนหมดเกลี้ยง แทบไม่เหลือแม้สักหยดเดียว วางชามลงที่เดิมแล้วจึงหยิบยาลดไข้ 2 เม็ด ที่วางอยู่ในถ้วยใบเล็กเข้าปาก ตามด้วยน้ำเปล่าจนหมดแก้ว แล้วจึงนำภาชนะทั้งหมดไปล้างที่อ่างล้างจานในครัว พลางฮัมเพลงเบาๆ อย่างมีความสุข ร่างสูงชักจะเริ่มชินกับการเป็นแฟนของหญิงสาวที่ทั้งสวยทั้งเอาอกเอาใจ คอยดูแลเป็นห่วงเป็นใยแบบนี้เสียแล้ว ทั้งที่ในตอนแรกที่ถูกบังคับให้รับบทบาทนี้ เธอยังกลัวและกังวลอยู่เลยว่า เธอจะสามารถใช้ชีวิตในแบบที่แตกต่างจากคนทั่วไปได้อย่างไร แต่เมื่อมาถึงวันนี้ เธอเข้าใจแล้วว่า บางครั้ง ความรักที่ไม่ได้ดำเนินไปตามกฎเกณฑ์ของสังคมก็ทำให้มีความสุขได้ ไม่ต่างไปจากการใช้ชีวิตในแบบปกติเลยสักนิด
นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ

น่ารัก