ตอนที่ 15 : รักฉันประชดใคร?
แพรลดาจ้องมองดวงหน้าของหญิงสาวคนที่ตนเคยรักหมดหัวใจ ใบหน้าหวานๆ นี้เองที่เคยทำให้เธอหลงใหล แม้ว่าเวลาที่ผ่านไปจะทำให้รูปลักษณ์ภายนอกเปลี่ยนแปลงไปบ้าง ทว่าดวงตากลมโตสีน้ำตาลอ่อนคู่นั้น เธอยังคงจดจำได้ดี สายตาของแพรลดาที่มองไปยังคนตรงหน้าเปี่ยมไปด้วยความรู้สึกทั้งดีใจ ทั้งตกใจระคนกัน ที่ได้มาเจอกับหญิงสาว ณ ที่แห่งนี้ และอดแปลกใจไม่ได้ว่าทำไมธรัตราจึงได้เดินเข้าสู่เส้นทางสายมายาเช่นเดียวกับตน
เช่นเดียวกันกับธรัตรา หญิงสาวจ้องมองอดีตคนรักที่เปลี่ยนแปลงไปอย่างมากแทบไม่เหลือเค้าเดิมเลยสักนิด ไม่ว่าจะเป็นทรงผมที่เคยซอยจนสั้นกุดเหมือนผู้ชาย กลับกลายเป็นผมลอนยาวสีน้ำตาลแกมทอง ใบหน้าขาวใสอย่างเป็นธรรมชาติถูกเติมแต่งด้วยสีสันจากเครื่องสำอางค์ทำให้แลดูสวยโฉบเฉี่ยว ยิ่งเมื่อยู่ในชุดเสื้อแขนกุดคอวีสีบานเย็น กับกระโปรงยีนสั้นเหนือเข่า อวดเรียวขาขาวบนรองเท้าส้นเข็มด้วยแล้วอย่างนั้น ดูสวยสง่าสมเป็นสาวเปรี้ยวสุดเซ็กซี่ที่ใครๆ กล่าวขานถึง แม้เธอไม่อยากเชื่อก็ต้องเชื่อว่า เมื่อมาเห็นด้วยสองตาของตัวเองว่า ในวันนี้คนรักเก่าของเธอเปลี่ยนไปแล้วจริงๆ
"พริตตี้. . .รู้จักคุณผึ้งเค้าด้วยเหรอ"
แล้วความเงียบระหว่างคนทั้งสามก็ถูกทำลายลงด้วยคำพูดของสาวหล่อร่างสูง ที่มองมายังแพรลดาด้วยแววตาสงสัยใคร่รู้ เสียงของวีร์ธิราทำให้ทั้งแพรลดาและธรัตราเหมือนหลุดจากภวังค์ ก่อนที่ฝ่ายหลังจะเอ่ยปากขอตัวกลับก่อนอีกครั้ง แล้วจึงหันหลังรีบเดินจากไป
"เธอขับรถกลับไปก่อนนะ ฉันมีธุระ เดี๋ยวเสร็จแล้วจะกลับไปเองไม่ต้องห่วง"
นางแบบสาวไม่ตอบคำถามของร่างสูงที่ยืนอยู่เคียงข้าง แต่กลับบอกให้คนรักจอมปลอมของเธอกลับไปก่อน แล้วจึงกึ่งวิ่งกึ่งเดินตามธรัตราไป ทิ้งให้ร่างสูงยืนทื่ออย่างงุนงงกับคำพูดของแพรลดา จะตะโกนเรียกเอาไว้เพื่อถามไถ่ให้แน่ใจในคำสั่งนั้น แต่หญิงสาวก็วิ่งออกไปไกลเสียแล้ว
"อ้าวเฮ้ย. . .เดี๋ยวสิพริตตี้ เล่นทิ้งกันไว้อย่างนี้เลยนะ แล้ววีจะเอาเจ้านี่กลับไปยังไงล่ะเนี่ย ขับก็ยิ่งไม่ค่อยจะเป็นอยู่ด้วย ไม่รู้ว่ามีธุระด่วนอะไรของเค้ากัน น่าสงสัยชะมัด ฮึ้ย! นี่ถ้าฉันเผลอเอารถสุดรักสุดหวงของเค้าไปชนท้ายใครเข้า จะมาว่ากันทีหลังไม่ได้นะ ดันเอารถสปอร์ตมาให้คนขับไม่เก่งอย่างวีร์ธิราขับเนี่ย ว่าแต่สองคนนั้นก็ดูแปลกๆ ยังไงชอบกล จ้องตากันไม่กระพริบเหมือนเคยรู้จักกันมาก่อนงั้นแหละ"
ร่างสูงฮึดฮัดฟึดฟัดอยู่คนเดียว พลางเปิดประตูรถเข้าไปนั่งประจำที่คนขับ บิดกุญแจ สตาร์ทรถด้วยท่าที เก้ๆ กังๆ บ่นงึมงำกับตัวเอง ด้วยยังติดใจในแววตาของหญิงสาวทั้งสองคนที่ประสานสายตากันอยู่ชั่วครู่
'เอ. . .หรือว่าเค้าสองคนจะเคยเป็นคู่รักกันมาก่อนนะ เฮ้ย. . .ไม่จริงหรอกน่า ดูเป็นผู้หญิงทั้งคู่ขนาดนั้นจะเป็นแฟนกันได้ไง บ้าๆ คิดอะไรบ้าๆ น่ะเรา เฮ้อ ไม่เอาดีกว่าเลิกคิดๆ เจ้านายสั่งให้เอารถไปเก็บก็เอาไปเก็บสิ มัวคิดอะไรไร้สาระอยู่ได้นะเรานี่'
วีร์ธิราพยายามสะบัดหน้าเพื่อไล่ความคิดที่สับสนของตัวเองออกไปแล้วตั้งสติ เตรียมพร้อมจะขับรถสุดหรูของแพรลดากลับไปยังคอนโด แต่ยังไม่ทันจะได้ขยับไปไหน ร่างสูงพลขับจำเป็นก็ร้องวี้ดว้ายออกมาเมื่อความตื่นเต้นทำให้เธอเผลอเข้าเกียร์เดินหน้าเป็นเกียร์ถอยหลัง ด้วยร้างลาจากการนั่งอยู่หลังพวงมาลัยเช่นนี้มานานแล้ว นับจากที่เคยหัดขับตั้งแต่เมื่อตอนเข้ามหาวิทยาลัยใหม่ๆ ดังนั้น กว่าจะเลื่อนรถออกจากที่จอดได้ ก็เล่นเอาวีร์ธิราถึงกับเหงื่อตกด้วยความกังวลว่าจะทำให้รถคันสวยไปถึงที่หมายโดยปลอดภัยได้หรือไม่
ทางด้านของแพรลดา หญิงสาววิ่งตามอดีตคนรักมาจนทัน พลางคว้าข้อมือเล็กเอาไว้ให้ธรัตราหันมาหาตน
"ผึ้ง. . .เดี๋ยวสิผึ้ง หยุดคุยกับดาก่อน อย่าเอาแต่หนีอย่างนี้ได้มั้ย"
"ขอโทษนะ. . .แต่ตอนนี้ผึ้งไม่อยากคุยกับดาจริงๆ ปล่อยผึ้งไปเถอะนะ แล้ววันหลังค่อยคุยกันก็ได้"
หญิงสาวพยายามจะแกะมือของแพรลดาออก ทว่า ยิ่งแกะก็เหมือนยิ่งถูกรัดให้แน่นขึ้น เธอจึงจำใจต้องยืนนิ่งๆ และหันหน้าหนีไปทางอื่น เพื่อไม่ให้คนตรงหน้าเห็นน้ำตาที่ไหลรินลงมาอาบแก้มของตัวเอง แพรลดาปล่อยข้อมือเล็กนั้นออก แล้วคว้าไหล่ทั้งสองข้างของคนตัวเล็กกว่าให้หันมาเผชิญหน้ากัน
"ผึ้งมาทำอะไรที่นี่ ทำไมถึงมาเป็นดาราได้ แล้วผึ้งหายไปไหนมาตั้งนาน รู้มั้ยว่าดาตามหาผึ้งมาตลอดเลย . . .เอ่อ. . .แล้ว. . .เมล่ะ เมมาด้วยกันหรือเปล่า"
ท้ายประโยคนั้น ทำเอาธรัตรายิ่งสะอื้นหนักขึ้น แพรลดายกมือขึ้นมาปาดน้ำตาออกจากดวงตาสีน้ำตาลคู่สวยนั้น พลันทำหน้าเหลอหลาเมื่อหญิงสาวโผเข้ากอดพลางซุกหน้าลงกับบ่าของเธออย่างไม่ทันได้ตั้งตัว แพรลดายกแขนขึ้นมาเหมือนจะโอบกอดอดีตคนรัก แต่ก็หักใจตัวเองให้ทำได้เพียงแค่ลูบศีรษะเบาๆ เท่านั้น ก่อนจะเอ่ยถามคนที่กำลังร้องไห้อยู่กับอกของตัวเอง
"มีเรื่องอะไรกันเหรอ. . .ไอ้เมมันทำอะไรให้ผึ้งเสียใจอย่างนั้นใช่มั้ย. . .ฮึ้ย. . .บอกดามานะว่า มันอยู่ที่ไหน ดาจะไปอัดมันโทษฐานที่ทำให้. . .เอ่อ. . .เพื่อนรักของดาต้องเสียใจ"
แพรลดากำหมัดแน่น ก่อนจะเอ่ยขึ้นด้วยความโกรธเคือง แต่แล้วกลับเปลี่ยนสถานะของอดีตคนรักกลายเป็นแค่เพื่อนทันที ร่างเล็กที่ร้องไห้อยู่นั้น เงยหน้าขึ้นมามองคนตรงหน้าด้วยแววตากึ่งแปลกใจกึ่งเสียใจ ที่แพรลดาพูดมาเมื่อครู่นั้น มันเหมือนกับจะบอกเป็นนัยๆ ว่า ระหว่างเธอกับคนรักเก่าเป็นเพียงแค่เรื่องในอดีตไปแล้วจริงๆ ไม่มีเหลือแม้กระทั่งเยื่อใยต่อกันอย่างนั้นเลยน่ะหรือ
"แค่เพื่อนสินะ. . .ฮะฮะ. . .ผึ้งลืมไป ลืมว่าผึ้งเป็นคนที่ทำให้ดาต้องเจ็บ แล้วยังมีหน้าจะกลับมาหาคนที่ตัวเองเคยหลอกเอาไว้อีก มันคงน่าสมเพชมากล่ะสิ ขอโทษนะดา. . .แต่ผึ้งคงต้องขอตัวก่อนแล้วล่ะ"
ธรัตราหัวเราะทั้งน้ำตาให้กับความคิดงี่เง่าของตัวเอง เธอหวังเอาไว้เสียมากมายว่าเมื่อเธอกลับมาแล้วจะได้พบกับอ้อมแขนที่แสนอบอุ่นของคนที่รักเธอฝ่ายเดียวมาตลอด และใครคนนั้นก็พร้อมจะอภัยให้กับเธอ แต่กลับกลายเป็นว่าคน คนนั้นได้ลบเธอออกไปจากหัวใจเสียแล้ว
"ไม่ใช่อย่างนั้นน่ะผึ้ง. . .คุยกันที่นี่คงไม่สะดวกเท่าไหร่ ไปคุยกันที่อื่นดีกว่ามั้ย"
แพรลดาเริ่มรู้สึกถึงสายตาของใครหลายคนที่อยู่บริเวณริมถนนแห่งนั้น กำลังจ้องมองมาที่เธอสองคนอยู่ จึงรีบโบกมือเรียกแท็กซี่แถวนั้น แล้วจึงดันหลังให้ธรัตราขึ้นรถไปก่อน แล้วตัวเองจึงตามขึ้นไป นางแบบสาวบอกจุดหมายปลายทางให้กับคนขับ แล้วจึงนั่งนิ่งๆ ให้คนข้างกายได้ซบหน้ากับไหล่ของเธอ ท่ามกลางความเงียบงัน ไม่มีคำพูดใดๆ เล็ดรอดออกมาจากปากของหญิงสาวทั้งสองอีกเลย จนกระทั่งรถแล่นมาจอดที่หน้าบ้านหลังเก่าของแพรลดาหลังนั้น นางแบบสาวจ่ายค่ารถแล้วพาหญิงสาวในอ้อมแขนมาหยุดยืนที่หน้าประตูบ้าน ไขกุญแจเปิดประตูเข้าไปแล้วหันมาจูงคนตัวเล็กกว่าให้เดินเข้าไปพร้อมกัน
ทางด้านของวีร์ธิรานั้น เมื่อเห็นว่าเป็นเวลาพักเที่ยงของที่สำนักพิมพ์พอดี จึงคิดจะแวะเข้าไปเพื่อทักทายกับกรอบแก้วก่อน เธอค่อยๆ นำรถเข้าไปจอดในลานจอดรถด้านหลังตึก แล้วจึงเดินเข้าไปภายในอาคาร น่าแปลกนักที่คราวนี้คนในสำนักพิมพ์ไม่มองมาที่เธอด้วยสายตาแปลกๆ เช่นเคย แต่กลับยิ้มแย้มทักทายเหมือนก่อนที่เธอจะกลายสภาพมาเป็นสาวหล่อเช่นนี้ ร่างสูงจึงค่อยรู้สึกผ่อนคลายลง ไม่อึดอัดเหมือนหลายครั้งที่เข้ามาในนี้ ก่อนจะรีบตรงดิ่งไปยังห้องของกรอบแก้วอย่างอารมณ์ดี
"จ๊ะเอ๋. . .สวัสดีคร้าบพี่แก้วคนสวย"
"สวัสดีจ้ะน้องวี เดี๋ยวขอพี่ทำตรงนี้แป๊บนึงแล้วค่อยคุยกันนะจ๊ะ"
สาวใหญ่ทักตอบแต่ยังคงก้มหน้าก้มตาทำงานต่อไป ไม่เงยหน้าขึ้นมามองคนที่พูดด้วยเลยสักนิด สาวหล่อทำหน้างง พลางชะโงกหน้าไปดูงานในมือของกรอบแก้ว ก่อนจะเดินไปทิ้งตัวลงที่โซฟารับแขกตัวยาว ตรงข้ามกับโต๊ะของกรอบแก้ว ด้วยท่าทางเซ็งๆ เล็กน้อย สาวใหญ่เงยหน้าขึ้นมามองแวบหนึ่ง เห็นสาวหล่อร่างสูงทำหน้ามุ่ยบ่นพึมพำงึมงำอยู่คนเดียว จึงเอ่ยปากถามด้วยความเป็นห่วง แต่ไม่วายทิ้งท้ายเหมือนจะล้อคนตรงข้าม ทว่า ไม่มีปฏิกิริยาตอบกลับด้วยความเขินอายเหมือนทุกที
"เอ. . .วันนี้แปลกๆ นะเรา ดูท่าทางเหมือนอารมณ์ไม่ค่อยดีเลย ทะเลาะกับคุณพริตตี้เค้ามาหรือจ๊ะ สุดหล่อของพี่"
"เปล่าฮะพี่แก้ว ไม่ได้ทะเลาะกันซักหน่อย แค่เค้าปล่อยวีทิ้งไว้กลางกองถ่ายแล้วก็หายไปกับดาราหน้าใหม่คนนึง ไปไหนกันก็ไม่รู้"
สาวใหญ่แปลกใจเล็กน้อยที่วีร์ธิราลงท้ายเสียงด้วยคำว่า 'ฮะ' แทนที่จะเป็น 'ค่ะ' เหมือนอย่างทุกครั้ง ก่อนจะอมยิ้มเล็กน้อยเมื่อคิดว่า น้ำเสียงที่ฟังดูห้าวขึ้น แม้กระทั่งท่านั่ง ท่าเดิน ก็ไม่ดูนุ่มนิ่มเหมือนเมื่อก่อนแล้ว สาวน้อยตัวสูงผู้อ่อนต่อโลกของเธอ คงจะกลายเป็นสาวหล่อมาดแมนเต็มขั้นแล้วสินะ
"อ๋อ. . .ที่แท้ก็งอนเค้าที่ถูกทิ้งนี่เอง มินาล่ะ ถึงได้มีเวลาว่างมาหาพี่สาวคนนี้ได้"
"เปล่านะฮะพี่แก้ว ไม่ได้งอนซักหน่อย ทำไมจะต้องงอนเค้าด้วยล่ะ ไม่ได้ระ. . .เอ้ย ไม่มีอะไรฮะ แล้วนี่พี่แก้วทางข้าวรึยัง ถ้ายังล่ะก็ วันนี้อนุญาตให้ควงได้หนึ่งวันฮะ อิอิ"
ร่างสูงเกือบจะหลุดปากพูดออกไปว่าเธอไม่ได้รักนางแบบสาว ดีแต่ว่ายั้งปากเอาไว้ได้เสียก่อน จึงรีบเปลี่ยนเรื่องทันทีพลางชวนสาวใหญ่ไปทานอาหารกลางวันด้วยกัน แต่กรอบแก้วบอกปฏิเสธ เพราะเธอต้องรีบทำงานให้เสร็จก่อนเวลาเลิกงานเพื่อที่จะได้ไปรับหลานสาว
"พี่คงไปทานด้วยไม่ได้หรอกจ้ะ เย็นนี้พี่ต้องไปรับหลานที่สนามบินน่ะจ้ะ เค้าเพิ่งกลับมาจากญี่ปุ่น อายุคงพอๆ กับวีได้มั้ง ขอโทษด้วยนะจ๊ะที่ไปด้วยไม่ได้ เอาอย่างนี้สิ วีลงไปซื้อข้าวที่โรงอาหารด้านหลังมาแล้วเอาขึ้นมากินกับพี่มั้ยล่ะ อยากกินอะไรก็ซื้อเลยเดี๋ยวพี่เลี้ยงเอง"
ว่าแล้วกรอบแก้วก็หยิบกระเป๋าสะพายขึ้นมาเปิดแล้วหยิบธนบัตรใบละร้อยออกมาสองใบ ยื่นให้ร่างสูงที่นั่งทำหน้าเอ๋อ อยู่ตรงโซฟา วีร์ธิราเดินมาหยิบเงินแล้วก็เดินออกไปจากห้องของกรอบแก้วด้วยท่าทางเหงาๆ สาวใหญ่มองตามแล้วได้แต่ส่ายหน้าน้อยๆ เธอคิดว่านักเขียนสาวหล่อคงจะรู้สึกเบื่อๆ เนื่องจากชีวิตไม่เคยว่างมาหลายวันแล้ว ทุกครั้งที่มาพบเธอที่นี่ ดูจะรีบร้อน พยายามรีบเร่งทำงานให้เสร็จๆ ไปโดยเร็ว เพราะว่ามีคนรออยู่ ผิดกับในวันนี้ที่สาวร่างสูงคงจะว่างจัดจนไม่รู้ว่าจะทำอะไรจริงๆ ถึงได้มีท่าทางแบบนั้น พลันเหลือบมองนาฬิกาที่ติดอยู่บนกำแพงแล้วก็ร้องออกมาอย่างตกใจเมื่อเห็นว่าเข็มสั้นชี้ไปที่เลขสองแล้ว เธอจึงรีบก้มหน้าก้มตาเคลียร์งานของตัวเองเป็นการใหญ่
ทางด้านของแพรลดานั้น หลังจากที่พาคนรักเก่ามาที่บ้านหลังเดิมที่เต็มไปด้วยความทรงจำอันแสนปวดร้าวแล้วก็อดนึกโกรธผู้หญิงที่นอนหลับตาพริ้มเหมือนไม่รู้เรื่องรู้ราวอยู่บนเตียงนอนไม่ได้ แพรลดาลากเก้าอี้มาตั้งข้างเตียง นั่งคร่อมเก้าอี้ เอามือวางเท้าบนพนักพิงไว้ สายตามองไปยังใบหน้าอ่อนหวานนั้น พลางนึกไปถึงเรื่องที่เกิดขึ้นบนเตียงนี้ เมื่อหลายปีก่อนไม่ได้
เธอหวนนึกไปถึงเมื่อครั้งที่ยังคบกันดีอยู่กับธรัตรา นึกถึงท่าทางออดอ้อนของหญิงสาวคนรักยามเมื่ออยู่ในอ้อมกอดของเธอ สีหน้าที่บ่งบอกถึงความสุขหลังจากมอบความเร่าร้อนให้แก่กัน ทั้งที่เธอคิดถึงคนตรงหน้าแทบแย่ อยากอดอยากจูบ อยากพร่ำบอกคำว่ารักไปทุกๆ ที่บนร่างกายที่สวยงามนี้ แต่พอคนที่เฝ้ารอมาตลอดมาอยู่ตรงหน้าแบบนี้แล้ว แค่คิดจะกอดก็ยังทำใจไม่ได้เลย เพราะภาพการกระทำของธรัตราและเมษยาในเย็นวันนั้น ไม่เคยลบเลือนไปจากสมองของเธอเลย ทุกครั้งที่นึกถึง ความโกรธ ความเสียใจ ความเจ็บใจยิ่งพลุ่งพล่านขึ้นมาเป็นทวีคูณ
แพรลดากำหมัดแน่นก่อนจะลุกขึ้นจากเก้าอี้ ตรงดิ่งไปยังร่างบางที่นอนทอดกายเหยียดยาวอยู่บนเตียง เธอกระโจนขึ้นคร่อมร่างบางนั้นเอาไว้ พลางซุกไซร้ใบหน้าลงกับคอและเนินอกขาวเนียนที่โผล่พ้นคอเสื้อขึ้นมา ธรัตราลืมตาตื่นขึ้นด้วยความตกใจที่ถูกรุกราน ในครั้งแรกเธอพยายามปัดป้องการกระทำของแพรลดา พร้อมกับร้องห้ามแต่แล้วก็กลับอ่อนลง เมื่อริมฝีปากอุ่นของแพรลดาประกบเข้ากับริมฝีปากนุ่มสีชมพูอ่อนของเธอ และพยายามจะแทรกลิ้นเข้าไปภายในไรฟันขาวนั้น ความต้องการภายในกายได้ถูกปลุกให้ตื่นขึ้นจากการหลับไหล มือที่พยายามดันออกก็เปลี่ยนเป็นโอบรัดร่างบอบบาง ทว่า แข็งแรงนั้น ริมฝีปากที่เม้มแน่นสนิทก็ค่อยคลายออก เผยอรับรสจูบหนักหน่วงและเร่าร้อน ราวกับโหยหามานาน
"อืม. . .ดา. . .อือ"
ธรัตราครางออกมาเบาๆ เมื่อมือร้อนของแพรลดาลูบไล้ไปทั่วกายเธอ และสอดมือเข้าไปทางด้านหลังเพื่อปลดตะขอบราลูกไม้สีขาวออก ปลายนิ้วบีบเบาๆ บนยอดอกผ่านเสื้อตัวนอก ทำเอาธรัตราต้องเกร็งตัวขึ้นมาเมื่อถูกสัมผัส และหลับตาลงด้วยความรู้สึกวาบหวิวที่เกิดขึ้น แต่ยังไม่ทันที่จะได้ทำอะไรมากไปกว่านั้น คนที่คร่อมร่างบางอยู่ก็ดีดตัวออกห่าง และถอยไปยืนอยู่ข้างเตียง เมื่อ จู่ๆ ก็มองเห็นใบหน้าหวานของธรัตรากลายเป็นใบหน้าของวีร์ธิรา คนรักจอมปลอมของเธอขึ้นมา ธรัตราปรือตามอง พร้อมๆ กับหายใจหอบ ก่อนจะเอ่ยถาม
"หยุดทำไมล่ะดา. . .ดาไม่คิดถึงผึ้งเลยเหรอ. . .หรือว่าเพราะทอมคนนั้น"
แพรลดาสั่นหน้าแรงๆ เพื่อปฏิเสธคำถามของหญิงสาวและยังรวมไปถึงการปฏิเสธความคิดของตัวเองด้วย แปลกใจตัวเองอยู่เหมือนกันว่าเพราะเหตุใด ใบหน้าของวีร์ธิราจึงปรากฏขึ้นมาในสมองของเธอได้ แต่ในเวลานี้ความสงสัยในการกลับมาของคนรักเก่านั้นมีอิทธิพลต่อจิตใจของเธอมากกว่า
"ชะ. . .เอ่อ ไม่สิ มันไม่เกี่ยวกับวีเค้าหรอกนะ ดาทำไม่ได้เอง. . .ขอโทษนะผึ้ง แต่ดาทำไม่ได้จริงๆ ตอนนี้ดากำลังสับสนมาก ดาไม่รู้ว่าผึ้งกลับมาเพื่ออะไร ไม่รู้ว่าผึ้งต้องการอะไรกันแน่ แล้วเมล่ะ. . .เมหายไปไหน. . .ไหนผึ้งเคยบอกว่ารักเมมากไม่ใช่เหรอ แล้วตอนนี้กลับมาทำไมกันล่ะ"
แพรลดาโพล่งออกมาด้วยความอัดอั้นตันใจ ขบกรามแน่น พยายามกลั้นน้ำตาเอาไว้ไม่ให้ไหล จริงอยู่ที่เธอเคยแอบหวังเอาไว้ในใจลึกๆ ว่า เธอจะมีความสุขสักเพียงใด หากหญิงสาวคนที่เธอรัก กลับมาหาเธอ และพร้อมจะอยู่เคียงข้างเธอตลอดไป แต่น่าแปลกนักทั้งที่ในวันนี้คนที่เธอเคยรักกลับมาหาเธอแล้ว แต่ทำไมในใจกลับไม่รู้สึกเป็นสุขอย่างที่คิด มีแต่ความสับสนและความกังวลใจปะปนกันเต็มไปหมด
"เมเค้านอกใจผึ้ง. . .เค้าไม่รักผึ้งแล้ว. . .เค้าทำ. . .ทำเหมือนที่ผึ้งทำกับดา. . .มันคงเป็นกรรมตามสนองใช่มั้ย เพราะผึ้งเคยทำให้ดาเสียใจ ผึ้งเลยต้องเสียใจอย่างนี้ใช่มั้ย. . .ฮือ. . .ดา. . .ผึ้งอยากขอโทษที่ทำให้ดาต้องเสียใจ ตอนนี้ผึ้งรู้แล้วล่ะว่าใครรักผึ้งที่สุด แล้วผึ้งก็จะไม่มีวันหันไปหาใครอื่นอีกแล้ว ขอร้องเถอะนะดา ให้อภัยกันสักครั้งได้มั้ย. . .เรากลับมารักกันเหมือนเดิมได้มั้ยดา"
ธรัตราถลาลงมาจากเตียง กอดแขนของแพรลดาเอาไว้ แม้นางแบบสาวจะสะบัดออกได้แต่ร่างบางก็ไม่ยอมปล่อย ก่อนจะทรุดตัวลงนั่งกับพื้น พลางกอดขาแพรลดาเอาไว้แน่น น้ำใสๆ ไหลรินลงมาอาบแก้มนวลอีกครั้ง
"อย่างนั้นเองเหรอ ตกลงที่ผึ้งกลับมาก็เพราะถูกไอ้เมมันทิ้งใช่มั้ยล่ะ. . .ถ้าไม่ใช่เพราะถูกเมนอกใจ ผึ้งก็คงไม่กลับมาหาดา. . .ดาเข้าใจถูกใช่มั้ย. . .ถ้าอย่างนั้นสิ่งที่ดาทำมาตลอดมันไม่มีความหมายเลยสินะ. . .ดาเข้าใจแล้วล่ะ ขอตัวก่อนแล้วกัน"
พูดจบแพรลดาก็สะบัดขาออกจากการเกาะกุมของธรัตรา คว้ากระเป๋าแล้วเดินออกจากประตูไป ทิ้งให้ธรัตราร้องเรียกตามอย่างน่าสงสาร ก่อนจะปล่อยโฮออกมาอย่างสุดกลั้น แต่นางแบบสาวก็ไม่เหลียวกลับมามองอีกเลย เพียงแค่ยกมือเรียวขึ้นมาปาดน้ำตาที่รินไหลออกมาอาบแก้มก่อนจะโบกมือเรียกรถแท็กซี่ที่วิ่งผ่านมาแถวนั้นพอดี
.
"ตายแล้วๆ จะหกโมงอยู่แล้ว ทำยังไงดีเนี่ย งานยังไม่เสร็จเลยจะไปรับน้องเมทันมั้ยนะ"
สาวใหญ่ร้องอุทานออกมาอย่างตกใจเมื่อเหลือบไปเห็นนาฬิกาบอกเวลา 17.35 น. พลอยทำให้วีร์ธิราที่นอนคุดคู้อยู่บนโซฟาตัวยาวตื่นขึ้นมามองอย่างงัวเงีย
"ฮ้าว. . .ว โวยวายอะไรอยู่คนเดียวฮะพี่แก้ว เสียงดังเชียว วีตกใจหมดเลย"
"ก็งานพี่ยังไม่เสร็จเลยน่ะสิคะ บอกหลานไว้ว่าจะไปรับเค้าที่สนามบินตอนหกโมง แต่นี่ห้าโมงกว่าเข้าไปแล้ว ยังเหลืองานอีกเป็นกระบุงเลย พี่ไม่รู้ว่าจะแบ่งภาคไปยังไงแล้วล่ะค่ะเนี่ย" กรอบแก้วบ่นอุบ ทว่า ยังไม่ละสายตาจากงานตรงหน้าเลยแม้แต่น้อย
"ให้วีไปรับให้แทนมั้ยล่ะฮะพี่แก้ว เอารูปมาสิฮะ เดี๋ยววีไปรับให้เอง น้องเค้าจะได้ไม่ต้องรอนาน เดี๋ยววีพามาส่งที่นี่ก็ได้"
สาวหล่อหาวออกมาเสียงดัง ก่อนจะเอ่ยปากเสนอความคิดเห็น พลางจัดทรงผมและเสื้อผ้าของตัวเองให้เข้าที่เรียบร้อย เอียงคอซ้ายทีขวาที พลางบิดขี้เกียจเพื่อไล่ความเมื่อยขบที่นอนขดตัวอยู่บนโซฟาอย่างนั้นเป็นเวลาหลายชั่วโมง สาวใหญ่เห็นดีด้วยก่อนจะหันไปคว้ารูปในกระเป๋าสตางค์ออกมายื่นให้ พร้อมกับส่งยิ้มหวานโค้งศีรษะเล็กน้อยแทนการขอร้อง
"ก็ดีเหมือนกันจ้ะ แต่วีไม่ต้องพามาส่งที่นี่หรอกนะ ย้อนไปย้อนมาเสียเวลาเปล่าๆ เอาเป็นว่าพาเค้าไปส่งที่คอนโดพี่ก็ได้ น้องวีจำได้ใช่มั้ยล่ะ แหม. . .พี่ล่ะเกรงใจน้องวีเหมือนกันนะเนี่ย แต่ยังไงก็ต้องขอรบกวนด้วยนะจ๊ะ"
"ไม่เป็นไรหรอกฮะพี่แก้ว เอาเป็นว่าเวลาส่งต้นฉบับคราวหน้าก็ช่วยยืดเวลาให้หน่อยก็แล้วกันนะฮะ พี่สาวคนสวย" วีร์ธิรารับรูปมาถือไว้ ก่อนจะเอ่ยยิ้มๆ
"โอเคเลยค่ะสุดหล่อ. . .ว่าแต่เรื่องใหม่เมื่อไหร่จะได้ฤกษ์ซะทีล่ะคะ คุณนักเขียนคนดัง แฟนๆ เค้ารอกันจะแย่แล้วนะ"
"แหะแหะ. . .พอดีช่วงนี้วีไม่ค่อยมีเวลาว่างเท่าไหร่นี่ฮะ เอาไว้วีขอพริตตี้เค้าซื้อโน้ตบุ๊คได้ก่อน แล้ววีจะรีบปั่นมาส่งพี่แก้วเลยล่ะ ไปก่อนนะฮะ" สาวหล่อทำท่าตะเบ๊ะให้กรอบแก้ว อีกฝ่ายก็รับมุกทันทีเช่นกัน แล้วร่างสูงจึงเดินออกไปขึ้นรถที่จอดเอาไว้
ไม่ช้ารถสปอร์ตคันสวยที่มีวีร์ธิราสาวหล่อเป็นผู้ขับก็แล่นมาถึงลานจอดรถอาคารผู้โดยสารขาเข้า สนามบินดอนเมือง กว่าจะหาที่จอดรถได้ก็เล่นเอาร่างสูงต้องขับวกไปวนมาจนแทบเวียนหัว เธอเดินถือรูปหลานสาวของกรอบแก้วเข้าไปยังบริเวณที่รอรับผู้โดยสาร พลางชะเง้อมองหาหญิงสาวที่อยู่ในรูป แต่ผู้คนที่มากมายก็ทำให้เธอหาเมษยาไม่เจอสักที สักพักจึงเดินไปนั่งลงที่เก้าอี้ตัวหนึ่ง พลางหยิบโทรศัพท์มือถือรุ่นใหม่ล่าสุดที่แพรลดาเพิ่งซื้อให้หลังจากงานถ่ายแบบคราวก่อนขึ้นมา กดโทรออกไปหากรอบแก้ว แต่ยังไม่ทันที่อีกฝ่ายจะรับสาย สายตาของเธอก็เหลือบไปเห็นหญิงสาวคนหนึ่งที่นั่งร้องไห้อยู่บนเก้าอี้ฝั่งตรงข้าม ร่างสูงก้มลงมองภาพถ่ายในมือแล้วเงยหน้ามองผู้หญิงคนนั้น จนแน่ใจว่าน่าจะเป็นคนเดียวกัน จึงกดตัดสายทิ้งแล้วรีบเดินเข้าไปหาทันที
"เอ่อ. . .ขอโทษนะฮะ ไม่ทราบว่าคุณคือน้องเม. . .หลานของคุณกรอบแก้วหรือเปล่าฮะ"
หญิงสาวคนนั้นเงยหน้าขึ้นมองคนถาม พลางใช้หลังมือเช็ดน้ำตา ก่อนจะพยักหน้าน้อยๆ แทนคำตอบ ร่างสูงจึงเอ่ยแนะนำตัวเอง
"เราชื่อวีนะ. . .เป็นนักเขียนที่สำนักพิมพ์ของพี่แก้ว พอดีพี่แก้วติดธุระอยู่ก็เลยให้วีมารับแทนฮะ"
เมษยาพยักหน้าซ้ำอีกครั้งก่อนจะลุกขึ้นยืน ทำท่าจะหันไปหยิบกระเป๋าเดินทางใบโตขึ้นมา แต่ร่างสูงรีบอาสารับมาถือให้เสียก่อน แม้จะสงสัยอยู่เล็กน้อยเนื่องจาก เมื่อครู่เธอเห็นหญิงสาวกำลังร้องไห้ แต่ก็ไม่อยากจะถามอะไรให้มากความ ด้วยกลัวจะเสียมารยาทจึงเลี่ยงไปถามอย่างอื่นแทน
"คุณหิวรึเปล่า พี่แก้วบอกว่าให้ไปส่งคุณที่คอนโดเลย แต่ถ้าหิวเดี๋ยววีแวะร้านอาหารให้ก่อนก็ได้นะฮะ" สาวหล่อส่งยิ้มให้อย่างเป็นมิตร เมษยายิ้มตอบก่อนจะเอ่ยขึ้นเบาๆ
"ก็ได้ค่ะ ขอบคุณนะ"
"ถ้างั้นไปที่รถกันเลยนะ อยากกินอะไรบอกมานะฮะ เดี๋ยววีจะพาไปเอง"
ระหว่างที่วีร์ธิราขับรถพาเมษยาไปที่ร้านอาหารแห่งหนึ่งใกล้ๆ กับคอนโดของกรอบแก้ว เสียงโทรศัพท์มือถือของวีร์ธิราก็ดังขึ้น เธอหยิบออกมาจากระเป๋าเสื้อแล้วส่งให้หญิงสาวที่นั่งอยู่ด้านข้างรับสาย เนื่องจากไม่สามารถขับรถไปพร้อมกับโทรศัพท์ได้ เมษยารับโทรศัพท์มาถือไว้ พลางเหลือบดูชื่อที่ขึ้นอยู่บนหน้าจอแว้บหนึ่ง แล้วขมวดคิ้วเล็กน้อยเมื่อรู้สึกสะดุดตากับชื่อนั้น พลางนึกไปถึงอดีตเพื่อนรักในวัยเด็กขึ้นมา
< < < ดา > > >
'คงไม่ใช่คนเดียวกันหรอกนะ คนชื่อนี้มีออกเยอะแยะไป อย่าคิดมากเลย รีบรับสายให้เค้าก่อนดีกว่า'
เธอส่ายหน้าเบาๆ ก่อนจะกดรับสาย พลางกรอกเสียงลงไป
"สวัสดีค่ะ ตอนนี้คุณวีกำลังขับรถอยู่นะคะ คงจะรับสายไม่ได้ ไม่ทราบมีอะไรจะฝากไว้มั้ยคะ"
เสียงของเมษยาทำเอาปลายสายคิ้วขมวดขึ้นมาด้วยความไม่พอใจ ก่อนจะเอ่ยขึ้นด้วยเสียงดัง
"นั่นใครพูดน่ะ เสียงคุ้นๆ. . .เอ้อ ช่างเถอะ บอกให้วีจอดรถแล้วมารับโทรศัพท์ฉันเดี๋ยวนี้เลยแล้วกัน"
เมษยาทำหน้าเลิ่กลั่ก พลางบอกให้สาวหล่อจอดรถหลบที่ข้างทางก่อนเพื่อรับโทรศัพท์จากหญิงสาวที่ส่งเสียงดุๆ มาจากปลายสาย วีร์ธิรารีบนำรถจอดเทียบกับฟุตบาทพลางคว้าโทรศัพท์ขึ้นมารับ กรอกเสียงอ่อยๆ ลงไป
"เอ่อ. . .พริตตี้เองเหรอจ๊ะ"
"ก็ใช่น่ะสิ ไม่ใช่ฉันแล้วจะเป็นใคร ฉันบอกให้เธอขับรถกลับคอนโด แล้วนี่อะไร เอารถฉันไปขับเล่น แล้วยังกล้าไปรับสาวที่ไหนมาเป็นตุ๊กตาหน้ารถแทนฉันอย่างนั้นเหรอ อย่าลืมสิว่าตอนนี้เธออยู่ในฐานะอะไร รีบกลับมาเดี๋ยวนี้เลยนะ ก่อนที่ฉันจะโมโหมากไปกว่านี้ ถ้าอีกชั่วโมงยังไม่ถึงห้องล่ะก็น่าดู! "
"ไม่ใช่นะ. . .คือ. . .(ตรู๊ด
ตรู๊ด
ด) อ้าว. . .ยังไม่ทันฟังคนอื่นเค้าพูดก็วางไปซะแล้ว"
แพรลดาแผดเสียงใส่โทรศัพท์อย่างโมโห จนสาวหล่อต้องยกหูโทรศัพท์ออกห่าง อ้าปากจะพูดอธิบายเหตุผลแต่ก็ไม่มีช่องว่างพอให้แทรกได้เลย แล้วสาวเจ้าก็ชิงวางสายไปดื้อๆ ทิ้งให้คนรับสายนิ่งอึ้งไป ก่อนจะเก็บโทรศัพท์มือถือใส่กระเป๋า พลางหันไปยิ้มเจื่อนๆ ให้หญิงสาวที่นั่งอยู่ด้านข้าง
"ขอโทษนะฮะ คือวีคงพาคุณไปทานข้าวไม่ได้แล้วล่ะ เค้าโทรมาตามตัวแล้ว เอาเป็นว่าโอกาสหน้าให้วีเป็นเจ้ามือเลี้ยงขอโทษที่ทำให้ตกใจก็แล้วกันนะฮะ"
"ไม่เป็นไรค่ะ เมว่าคุณรีบกลับเถอะค่ะ เดี๋ยวแฟนคุณจะโกรธมากไปกว่านี้นะ ส่งตรงหน้าคอนโดก็พอแล้วค่ะ เมยกกระเป๋าขึ้นไปบนห้องเองได้ ยังไงก็ขอบคุณมากนะคะที่มาส่ง"
หลังจากแวะส่งเมษยาที่หน้าคอนโดของกรอบแก้วแล้ว วีร์ธิราก็รีบบึ่งรถกลับไปที่คอนโดของแพรลดาทันที โดยไม่รู้เลยว่าเมื่อครู่นี้ตอนที่เมษยาลงจากรถไป ได้ถูกนักข่าวบันเทิงของนิตยสารเล่มหนึ่ง ที่ขึ้นชื่อเรื่องการแฉภาพลับของคนดังในวงการมายา ถ่ายภาพเอาไว้แล้ว
.
นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ

กำ และ งิงิ
โห
เจอปาปารัชซี่ -0-