ตอนที่ 11 : อย่ามายุ่งกับผู้หญิงของฉัน!
ตอนที่ 11
"วันนี้วีมีเรื่องดีๆ จะบอกคุณด้วยล่ะ"
เสียงของสาวร่างสูงที่นั่งอยู่ข้างคนขับเอ่ยขึ้น พลางเหลือบตามองไปยังสาวสวยที่นั่งอยู่ข้างกันอย่างชั่งใจว่าจะเล่าให้เธอฟังดีหรือเปล่า
"ก็เล่ามาสิ" แพรลดาตอบด้วยน้ำเสียงเรียบๆ พลางหันมามองหน้าคนถาม ส่งยิ้มให้เล็กน้อย ก่อนจะหันกลับไปสนใจกับท้องถนนเบื้องหน้า ระหว่างที่กำลังขับรถมุ่งหน้ากลับไปยังคอนโดของเธอ
"คุณจำได้ใช่มั้ยว่า วีเป็นนักเขียนนิยาย แล้วตอนนี้นิยายเรื่องนั้นก็ถูกขอซื้อไปทำเป็นละครทีวีแล้วด้วย เจ๋งใช่มั้ยล่ะ"
คนพูดพูดด้วยน้ำเสียงตื่นเต้นระคนดีใจ แต่คนฟังกลับรู้สึกเหมือนเป็นเรื่องที่แสนจะธรรมดาเหลือเกิน จึงได้ตอบกลับไปสั้นๆ เป็นผลให้อีกฝ่ายถึงกับหันขวับมามองจ้องหน้าเธออย่างแปลกใจ พร้อมกับเอ่ยขึ้น
"อืม"
"หือ. . .แค่ อืม เท่านั้นเองเหรอ คุณไม่รู้สึกว่ามันน่าตื่นเต้นดีใจอะไรบ้างเลยเหรอ นิยายของฉันได้ทำเป็นละครเชียวนะ . . . จริงสิ ลืมไปว่าฉันมันก็แค่นักเขียนกิ๊กก๊อกคนนึง ที่หลงคิดว่าตัวเองเป็นคนดังขึ้นมา ที่พูดเมื่อกี้ถือว่าไม่ได้พูดแล้วกัน"
เมื่อเห็นใบหน้าขาวของวีร์ธิราหงอลงไป นางแบบสาวก็รู้สึกเหมือนหัวใจวูบไหวแปลกๆ ชอบกลนัก ก่อนจะเอ่ยขึ้นเพื่อแก้ความเข้าใจผิดให้กับคนข้างกาย
"เปล่า. . .ไม่ใช่อย่างนั้นหรอก พอดีฉันไม่ใช่นักเขียนก็เลยไม่ค่อยเข้าใจความรู้สึกของคนเขียนนิยายซักเท่าไหร่ แต่เอาเป็นว่าฉันยินดีกับเธอด้วยแล้วกันนะ ว่าแต่ใครขอซื้อไปเหรอ ถึงได้ทำท่าตื่นเต้นดีใจซะขนาดนั้น"
"ก็พี่ต่ายที่เป็นผู้จัดละครมือหนึ่งของวงการน่ะสิ วีนะดีใจแล้วก็ภูมิใจในตัวเองจริงๆเลย ไม่คิดไม่ฝันหรอกว่านิยายธรรมดาๆ ของตัวเองจะมีโอกาสได้กลายเป็นละครกับเค้าบ้าง นึกว่ามีแต่พวกนักเขียนเก่าๆ รุ่นลายครามซะอีกที่จะมีโอกาส"
ชื่อของผู้จัดละครคนดังทำให้แพรลดาถึงกับหูผึ่ง พลางนึกไปถึงเรื่องที่คุยกับบลูเมื่อตอนกลางวัน ก็ผู้จัดละครคนนี้แหละที่มาติดต่อทาบทามเธอผ่านบลูให้ไปรับบทเป็นนางเอกในละครเรื่องใหม่ที่กำลังจะเปิดตัวในเร็วๆ นี้ เธอนึกถึงชื่อเรื่องของนิยายเรื่องนั้นก่อนจะเอ่ยถามนักเขียนสาวหล่อข้างกายอย่างไม่แน่ใจว่าเป็นเรื่องเดียวกันหรือไม่
"ไอ้นิยายของเธอเรื่องนี้ ใช่เรื่องที่ชื่อว่า ฝากรักอะไรสักอย่างรึเปล่า"
"ใช่ๆ ชื่อเรื่อง ฝากรักไว้ที่ปลายฝัน ไง เอ๊ะ แล้วคุณถามทำไมเหรอ"
คำตอบที่ได้ทำให้นางแบบสาวเผลอหัวเราะออกมาเล็กน้อย พาลให้คนข้างๆ มองหน้าเธอด้วยความสงสัย แพรลดาจึงเฉลยออกมา
"ฮะ ฮะ ๆ จริงเหรอ. . .ไม่อยากเชื่อเลย ก็วันนี้ฉันได้รับการติดต่อให้ไปเป็นนางเอกละครเรื่องใหม่ของพี่ต่าย ไม่คิดว่าจะเป็นเรื่องของเธอนะเนี่ย บังเอิญจริงๆ เลย"
นักเขียนสาวหล่อเจ้าของนิยายเรื่องนั้นได้แต่ทำหน้างง พลางค่อยๆ พยักหน้าอย่างเข้าใจ ก่อนจะหันมาอุทานเสียงดังใส่พลขับสาวสวย
"ว้าก. . .ก!!!!"
แปร๊น. . .น น. . . แปร๊น . . .น น น !!!!!
อารามตกใจ แพรลดาเผลอดึงพวงมาลัยเอียงไปด้านซ้ายจนรถแฉลบวูบไปเกือบจะเบียดกับรถยนต์คันข้างๆ ก่อนที่เธอจะดึงพวงมาลัยให้กลับเข้ามาในเลนของตัวเอง พร้อมๆ กับเสียงบีบแตรยาวดังลั่นจากรถคันข้างๆ ที่เธอเกือบจะพารถยนต์คันงามไปถูสีข้างกับเขาเสียแล้ว
"ยัยบ้า!!! ตะโกนเสียงดังทำไมเล่า ดูซิเกือบจะไปเบียดกับเค้าแล้วมั้ยล่ะ เป็นอะไรของเธอ อยู่ดีๆ ก็ร้องออกมา บ้ารึเปล่าเนี่ย ฮึ่ม!"
นางแบบสาวหันไปส่งเสียงแว๊ดๆ ใส่ตัวต้นเหตุ ก่อนจะพ่นลมออกมาทางจมูกเสียงดังอย่างไม่สบอารมณ์ พลอยทำให้คนข้างๆ ยิ่งตัวลีบแบนเหมือนกระดาษ ได้แต่กรอกตามองไปยังรถคันข้างๆ สลับกับใบหน้าสาวสวยด้านข้างอย่างตกใจ
"ปละ. . .เปล่า คือ . . .ขอโทษที่ทำให้ตกใจนะ คือว่ามันทั้งแปลกใจแล้วก็ดีใจน่ะ ที่คุณจะได้เล่นละครของฉัน แหะแหะ ขอโทษจริงๆ น๊า"
สาวร่างสูงยกมือไหว้นางแบบสาวปะลกๆ ยิ้มแหยๆ เอ่ยคำขอโทษที่ทำให้เสียขวัญแล้วยังเกือบจะทำให้รถยนต์ราคาแพงสุดรักสุดหวงของแพรลดาต้องมีริ้วรอยขีดข่วนเสียด้วย
"กะอีแค่ฉันจะได้เล่นละครของเธอ ทำไมจะต้องตกใจขนาดนั้นด้วยล่ะ บ้าจริงเชียว"
"ก็. . .ก็แบบว่า คุณมีบุคลิกตรงตามที่ฉันจินตนาการเอาไว้เป๊ะเลยน่ะสิ นางเอกในเรื่องน่ะนะ เมื่อดูภายนอกเป็นคนที่สวย มาดมั่นแล้วก็มั่นใจในตัวเองมากๆ แต่จริงๆแล้วเป็นคนที่ขี้เหงา อยากให้ใครต่อใครเอาใจ แล้วก็ชอบร้องไห้งอแงด้วย"
นักเขียนสาวหล่อรีบโพล่งสิ่งที่คิดอยู่ในใจออกมา ก่อนที่แพรลดาจะบ่นอะไรเธอไปมากกว่านี้ นางแบบสาวขมวดคิ้ว คุณสมบัติแรกๆ ก็เป็นตัวเธออยู่ แต่ไอ้ร้องไห้งอแงเนี่ย ไม่เห็นจะใช่เธอสักนิด
"ฉันยอมรับว่าฉันเป็นคนขี้เหงาแล้วก็ชอบให้คนเอาใจจริง แต่ร้องไห้เนี่ย มันเกี่ยวกันตรงไหน เธอเห็นฉันอ่อนแอขนาดนั้นเลยเหรอ ฉันเป็นทะ. . . เอ๊ย เป็นคนเข้มแข็งนะ ไม่มีใครได้เห็นน้ำตาฉันง่ายๆ อยู่แล้ว" แพรลดาเกือบจะหลุดปากพูดออกไปว่าฉันเป็นทอมนะ จะร้องไห้ง่ายๆ ให้ใครมาดูถูกได้อย่างไรกัน แต่ก็ยั้งคำพูดเอาไว้ได้ทัน ก่อนจะเอ่ยเสริมอีกครั้ง
"แต่ฉันว่าเธอคงจะดีใจเก้อแล้วล่ะ เพราะฉันคิดว่าจะไม่รับเล่นละครเรื่องนี้ตั้งแต่แรกอยู่แล้ว" น้ำเสียงหนักแน่นบ่งบอกว่าเธอแน่ใจและพร้อมจะทำตามอย่างที่พูดจริงๆ แต่กลับทำให้อีกฝ่ายหน้าเสีย พูดออกมาอย่างน้อยใจ
"อ้าว. . .ทำไมล่ะ เรื่องของฉันมันแย่ตรงไหน หรือเป็นเพราะฉันมันแค่นักเขียนโนเนม ไม่คู่ควรกับนางแบบสาวพราวเสน่ห์อย่างคุณ ถึงได้ไม่ยอมเล่นละครของฉัน ทำไมล่ะ บอกมาสิ"
"ไม่เกี่ยวกับเธอหรอก แต่เป็นเพราะพระเอกที่ฉันจะต้องเล่นคู่ด้วยนั่นต่างหาก เธอก็รู้จักใช่มั้ย นายแพท ธนภัทร คนนั้นน่ะ ฉันนะเกลียดขี้หน้าอีตานี่มากๆ เลย ขนาดฉันป่าวประกาศให้รู้กันทั้งประเทศแล้วนะว่าฉันเป็นแฟนกับเธออยู่ ยังจะมาตามจีบตามตื๊อกันหน้าด้านๆ น่ารำคาญจะตายไป"
"เฮ้อ . . . งั้นก็แล้วไป. . .แต่พูดจริงๆนะ ฉันอยากให้คุณเล่นเรื่องนี้จริงๆ มันเป็นบทที่เหมาะกับคุณมากๆ เลย นะๆ เล่นเถอะนะ ถ้าเป็นคุณเล่นฉันจะดีใจกว่านี้มากเลยล่ะ"
วีร์ธิราถอนหายใจเบาๆ แล้วเอ่ยกับนางแบบสาวด้วยน้ำเสียงจริงจัง ทำให้คนถูกขอร้องรู้สึกหนักใจขึ้นมา ใจหนึ่งก็อยากจะลองรับเล่นละครเรื่องแรกในชีวิต โดยเฉพาะเป็นเรื่องของนักเขียนสาวหล่อผู้ที่ได้ชื่อว่าเป็นคนรักจอมปลอมของเธอ ในขณะเดียวกัน อีกใจก็หวั่นวิตกถึงความวุ่นวายที่กำลังจะมาเผชิญหน้ากับเธอ ความวุ่นวายที่มาจากชายหนุ่มจอมตื๊อคนนั้นอาจจะนำมาซึ่งความเดือดร้อนให้กับคนที่ไม่ได้รู้เรื่องรู้ราวอะไรด้วยเลยอย่างวีร์ธิราก็เป็นได้ เพราะเธอเองก็เคยได้ข่าวแว่วๆ มาเหมือนกันว่า ถ้าหากพระเอกหนุ่มคนนี้อยากได้อะไร เขาก็จะต้องได้มันมาแม้ว่าจะต้องใช้วิธีใด หรือรุนแรงสักเพียงไหนก็ตาม
"ถ้าคุณกลัวเค้าจะมายุ่งวุ่นวายกับคุณมากนักล่ะก็ เดี๋ยววีร์ธิราคนนี้จะคอยเป็นบอดี้การ์ดให้คุณเองเอามั้ย แบบตามประกบตลอด 24 ชั่วโมง ไม่ต้องกินต้องนอนกันเลย รับรอง แม้แต่ยุงสักตัวก็ไม่ให้มากัด แต่ฉันขอร้องนะ ตกลงรับเล่นเถอะ แค่ไม่กี่ตอนก็จบแล้ว ฉันเชื่อนะว่าบทบาทในเรื่องนี้ จะส่งให้คุณได้ก้าวขึ้นมาเป็นนางเอกระดับแถวหน้าได้สบายๆ เลย"
เพื่อให้แพรลดายอมเล่นละครเรื่องนี้ให้ได้ สาวหล่อข้างกายเธอถึงกับออกปากอาสาเป็นผู้คุ้มครองเธอจากชายหนุ่มตัวปัญหาอย่างแข็งขัน นางแบบสาวหันไปมองคนข้างๆ ส่ายหน้าน้อยๆ พลางลอบยิ้มมุมปาก
'คนบอบบางอ่อนต่อโลกอย่างเธอเนี่ยนะจะดูแลฉัน สงสัยว่าจะเป็นฉันซะละมากกว่ามั้งที่จะเป็นฝ่ายดูแลเธอน่ะ ยัยบ๊อง'
.
สองวันต่อมาแพรลดาก็ตัดสินใจโทรศัพท์กลับไปหาบลู ฝ่ายนั้นทั้งตื่นเต้นและดีใจราวกับว่าเธอเป็นผู้จัดละครเรื่องนั้นเสียเอง เมื่อแพรลดาตอบตกลงจะเล่นละคร เป็นผลให้ถูกนางแบบสาวหยอกเล่นไปว่าเป็นเพราะหญิงสาวได้รับเปอร์เซ็นต์จากค่าตัวของเธอหรือเปล่า น้ำเสียงจึงฟังดูร่าเริงเช่นนั้น เจ้าตัวถึงกับสะดุดกึก ก่อนจะหัวเราะออกมาเบาๆ แต่ก็ยอมคายความจริงให้ได้รับรู้
"แหมๆ เราก็ รู้ทันเรื่อยเลยเชียว จริงจ้ะที่พี่ได้เปอร์เซ็นต์แต่มันก็แค่นิดหน่อยเท่านั้นเอง ไม่ใช่ว่าได้จากค่าตัวน้องดาหรอก นะ แต่เป็นเปอร์เซ็นต์ที่ได้จากความสามารถในการกล่อมให้น้องดายอมเล่นละครเรื่องนี้ต่างหากล่ะจ๊ะ ก็พี่ต่ายผู้จัดน่ะสิ ไม่ว่ายังไงๆ ก็ยืนกรานว่าจะต้องให้น้องดาเล่นเรื่องนี้ให้ได้ ขนาดพี่เสนอเด็กใหม่ในสังกัดที่พอจะมีแววไปนะ ยังโดนปฏิเสธเลย ชวดบทนางเอกแต่ไปได้บทนางรองแทน น่าสงสารน้องผึ้งอยู่เหมือนกัน คงยังใหม่เกินไปที่จะขึ้นแท่นเป็นนางเอกน่ะ แต่ยังไงพี่ก็ยินดีด้วยนะที่เราคว้าบทนี้ไปครอง เล่นให้สุดฝีมือล่ะ พี่รู้ว่าเราทำได้ แล้วก็คงจะทำได้ดีด้วย"
นางแบบสาวแปลกใจเล็กน้อยที่ได้รู้ว่าผู้จัดละครคนนี้ถึงกับยอมทุ่มเงินเพื่อให้เธอได้เป็นนางเอกเรื่องนี้ และรู้สึกสะดุดหูกับชื่อของนางแบบใหม่ในสังกัดเดียวกับตน พลางเอ่ยถามด้วยน้ำเสียงตื่นเต้นแกมแปลกใจ
"เด็กใหม่ที่พี่บลูพูดถึงเมื่อกี้นี้ชื่อว่าอะไรนะคะ"
"ชื่อ ผึ้ง จ้ะ . . . ว่าแต่น้องดาถามทำไมเหรอจ๊ะ"
"ปละ. . .เปล่าค่ะพี่บลู ไม่มีอะไร ดาแค่ถามเฉยๆ แค่นี้ก่อนนะคะ"
ผู้จัดการสาวอดถามอย่างแปลกใจไม่ได้ แต่แพรลดารีบบอกปฏิเสธ พลางตัดบทขอวางสายเสียดื้อๆ ทิ้งให้ปลายสายงุนงงเล็กน้อยแต่ก็ไม่ได้ติดใจเอาความ
แม้จะวางสายไปนานแล้ว แต่นางแบบสาวยังคงครุ่นคิดอยู่กับชื่อของนางแบบหน้าใหม่ที่จะต้องมาเล่นละครร่วมกับเธอด้วยอีกคน
'ผึ้งอย่างนั้นเหรอ . . . ทำไมชื่อของเธอถึงได้ตามมาหลอกมาหลอนฉันไม่รู้จักจบจักสิ้นเสียทีนะ'
ประตูรถถูกเปิดออก แล้วร่างสูงก็ก้าวขึ้นมานั่งเคียงข้างคนขับ หลังจากที่เธอรีบไปเช็คงานกับกรอบแก้วแล้วรีบกลับออกมาอย่างรวดเร็วเพราะกลัวจะถูกนางแบบสาวบ่นเหมือนครั้งที่แล้วอีก พลางเอ่ยถามเมื่อเห็นนางแบบสาวทำหน้านิ่วคิ้วขมวด
"คิดอะไรอยู่น่ะคุณ ทำหน้าเครียดเชียว คงไม่ได้กำลังคิดจะต่อว่าฉันใช่มั้ย บอกไว้ก่อนนะ คราวนี้ฉันไม่ทำชักช้าแล้วด้วย เห็นมั้ยว่ารีบไปรีบมาจริงๆ"
แพรลดาสะบัดหน้าไล่ความคิดนั้นทิ้งไป ก่อนจะหันไปยิ้มบางๆ ให้กับคนรักจอมปลอมของเธอ
"เปล่าหรอก ไม่มีอะไร เออ. . .วันนี้ฉันว่างนะ เธออยากไปไหนรึเปล่า"
สาวร่างสูงเลิกคิ้วขึ้นอย่างแปลกใจ วันนี้นางแบบสาวดูท่าทางแปลกๆ เมื่อครู่ยังทำหน้าเครียดอยู่เลย มาตอนนี้กลับคลี่ยิ้มออกมาอย่างอารมณ์ดีแถมยังพูดอย่างใจดีกับเธออีกด้วย แต่ก็ดีแล้วล่ะเธอไม่ชอบให้นางแบบสาวทำหน้าเศร้าหรือทำหน้าเครียดอย่างนั้นสักเท่าไหร่ เธอชอบที่จะมองแพรลดาเวลาที่มีรอยยิ้มระบายอยู่บนใบหน้าอย่างนี้มากกว่า
"จริงเหรอ ไปไหนก็ได้เหรอ. . . . .งั้น . . . ฉันอยากไปดูหนังน่ะ ไปด้วยกันได้มั้ย"
"ตามใจเธอสิ"
รถยนต์คันงามเคลื่อนตัวช้าๆ ออกจากหน้าตึกสำนักพิมพ์แล้วมุ่งหน้าไปยังห้างสรรพสินค้าชื่อดังแถบสยามสแควร์
ทันทีที่คู่รักจอมปลอมควงคู่กันเดินก้าวเท้าเข้าไปภายในห้างสรรพสินค้าแห่งนั้น สายตาหลายคู่ของผู้คนที่มาช้อปปิ้งในละแวกนั้น ล้วนจับจ้องมาที่เธอทั้งสองคน บางคนมองแล้วยิ้ม บางคนมองแล้วทำหน้าเบ้ บางคนก็มองแล้วก็ซุบซิบนินทากันสนุกปาก และดังชัดเจนพอจะลอยมาเข้าหูของเธอทั้งสองคน
"อุ๊ย. . .นั่นพริตตี้ นางแบบที่เป็นเลสเบี้ยนนี่นา ควงแฟนมาเดินสวีทกันด้วยล่ะ"
"นั่นสิเธอ สวยก็สวย แถมยังมีหนุ่มๆมารุมจีบเพียบขนาดนั้น ไม่น่าเลย"
"แต่ผู้หญิงคนนั้นก็ดูหล่อเหมือนพระเอกหนังเลยเนอะ น่าเสียดายจัง น่าจะเป็นผู้ชายแท้ คงจะสมกันน่าดูเลยเนอะ"
วีร์ธิรารู้สึกไม่ค่อยคุ้นเคยกับบรรยากาศแบบนี้เท่าไหร่นัก แม้ว่าจะเคยเจอมาบ้างแล้วก็ตาม แต่การถูกสายตานับร้อยคู่ของผู้คนที่เดินผ่านไปผ่านมาแถวนั้นจ้องมองมายังเธอ แล้วยังจะคำซุบซิบนินทานั่นอีกเล่า ทำให้รู้สึกประหม่าขึ้นมาอย่างบอกไม่ถูก แต่สาวสวยข้างกายเธอกลับดูไม่สนใจเลยสักนิด เธอยังคงเดินปั้นหน้าสวยเจือด้วยรอยยิ้มน้อยๆ บนใบหน้า อย่างไม่รู้ร้อนรู้หนาว ร่างสูงจึงทำได้แค่เพียงก้มหน้าก้มตาเดินตามนางแบบสาวไปอย่างหวาดหวั่นต่อสายตาของคนรอบข้าง
"ก้มหน้ามองหาเหรียญรึไง เป็นอะไรไปล่ะ หรือว่าอายที่จะต้องเดินกับฉัน ฮึ! ถ้าอย่างนั้นกลับกันเลยก็ได้นะ ไม่อยากดูแล้วใช่มั้ยหนังน่ะ"
นางแบบสาวหันไปกระซิบกับสาวหล่อร่างสูงที่เดินก้มหน้างุด ตามหลังเธอติดๆ วีร์ธิราสั่นหน้าแรงๆ แทนคำตอบ เธออยากดู แต่ไม่คิดว่าจะต้องมาเจอกับสายตาของผู้คนมากมายขนาดนี้นี่นา เพราะมันทำให้เธอรู้สึกเกร็งและกลัวว่าจะเผลอทำอะไรให้นางแบบสาวต้องขายหน้าท่ามกลางสาธารณชนเช่นนี้ พลางก้มลงไปกระซิบกระซาบใกล้หูของนางแบบสาว
"ก็ฉันกลัวนี่คุณ พวกเค้ามองเรายังกับตัวประหลาดคุณไม่รู้สึกอะไรบ้างเลยเหรอ" นางแบบสาวยิ้มเล็กน้อยก่อนจะเอ่ยขึ้นด้วยเสียงเบาเช่นกัน
"ฉันชินแล้วน่ะ เดี๋ยวอีกหน่อยเธอก็ชินไปเองแหละ กลัวอะไรไม่เข้าเรื่อง ปะ. . .รีบไปจองตั๋วกันดีกว่า ฉันก็อยากดูหนังแล้วเหมือนกัน ไม่ได้ดูมากี่ปีแล้วนะเรา"
แพรลดาพูดพลางคว้ามือข้างหนึ่งของสาวร่างสูงมากุมเอาไว้แล้วรีบเดินไปขึ้นลิฟท์เพื่อไปยังห้องขายตั๋วหน้าโรงภาพยนตร์ทันที
"วีอยากดูเรื่องอะไรล่ะคะ"
นางแบบสาวเริ่มเบื่อที่จะต้องกระซิบกระซาบคุยกันสองคนแล้ว จึงเอ่ยถามออกไปเหมือนที่ได้เตี๊ยมกันไว้กับสาวหล่อข้างกายเธอ พลางกวาดสายตาไล่ไปตามรายชื่อภาพยนตร์ที่มีหลายแนว ทั้งแนวบู๊แอ็คชั่น แนวสยองขวัญสั่นประสาท แนวรักโรแมนติก และการ์ตูนสำหรับเด็กๆ ร่างสูงยืนคิดอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะยื่นมือชี้ไปที่ชื่อเรื่อง พลางหันไปขอความเห็นจากสาวสวยข้างๆ
"ดูเรื่องนี้ได้มั้ย"
แพรลดามองตามมือนั้น เรื่องที่วีร์ธิราอยากดูเป็นหนังแนวรักโรแมนติกประเภทที่คู่รักมักมานั่งดูด้วยกัน แต่กลับเป็นแนวที่นางแบบสาวไม่ค่อยพิศมัยสักเท่าไหร่ เพียงแต่วันนี้เธอรู้สึกว่าอยากจะตามใจคนข้างๆ ที่ถูกเธอบงการชีวิตมาหลายวันแล้วบ้าง จึงพยักหน้าอย่างตามใจ ทั้งที่ในใจเธอนั้นอยากจะดูหนังสยองขวัญสั่นประสาทที่อยู่ข้างๆนั่นมากกว่า
"แล้วแต่วีสิคะ พริตตี้ดูเรื่องไหนก็ได้"
"ถ้างั้นพริตตี้รออยู่ตรงนี้นะ เดี๋ยววีไปซื้อตั๋วให้เอง" สาวหล่อร่างสูงเดินยิ้มออกไปอย่างอารมณ์ดี ทิ้งให้สาวสวยนั่งรออยู่ที่เก้าอี้ตัวยาวเพียงลำพัง
ทั้งที่หน้าโรงภาพยนตร์ในวันนี้มีผู้คนเพียงบางตา ทว่าเวลาผ่านไปกว่า 10 นาทีแล้ว นางแบบสาวคนสวยก็ยังไม่เห็นวี่แววคนรักจอมปลอมของเธอจะเดินกลับมาเสียที นึกเป็นห่วงขึ้นมา จึงชะเง้อคอมองหา พลางล้วงโทรศัพท์มือถือออกมาจากกระเป๋าสะพายใบเล็ก กำลังจะกดเบอร์แต่แล้วก็นึกขึ้นมาได้ว่าสาวร่างสูงไม่มีโทรศัพท์มือถือ แล้วก็ได้แต่ฮึดฮัดอย่างขัดใจอยู่คนเดียว ก่อนจะก้มหน้าเก็บโทรศัพท์มือถือลงกระเป๋าไป พลางนึกในใจ
'ฮึ้ย! . . .ลืมไปอีกแล้วว่ายัยนั่นไม่มีมือถือ สงสัยดูหนังเสร็จวันนี้คงต้องพาไปซื้อเสียทีแล้ว จะได้สะดวกหน่อยเวลาที่ต้องตามตัวอย่างนี้'
"โอ๊ะ . . .โอ นึกว่าใครที่แท้ก็น้องพริตตี้นางแบบคนสวยนี่เอง"
เสียงผู้ชายคนหนึ่งดังขึ้นเบื้องหน้า แพรลดาเงยหน้าขึ้นมองก็พบกับชายหนุ่มวัยฉกรรจ์ท่าทางหน้ากลัว 3 คน ยืมล้อมกรอบเธออยู่
"มาดูหนังคนเดียวแบบนี้ไม่เหงาเหรอจ๊ะ ให้พวกพี่นั่งด้วยมั้ยล่ะ เอ. . .หรือว่าอยากไปทำอย่างอื่นมากกว่าดูหนังดี"
ชายอีกคนหนึ่งกล่าวเสริมเรียกเสียงเฮฮาจากเพื่อนอีก 2 คนดังขึ้นทันที นางแบบสาวทำปากขมุบขมิบแอบด่าอยู่ในใจ นี่ถ้าไม่ติดว่าเธออยู่ในคราบของพริตตี้ นางแบบสาวมารยาทดี และไม่ได้กำลังถูกสายตาของผู้คนแถวนี้เฝ้ามองอย่างเตรียมจับผิดอยู่ล่ะก็ อดีตนักเทควันโดของโรงเรียนอย่างเธอคงจะอัดเจ้าพวกเศษสวะของสังคมพวกนี้ให้หมอบราบกับพื้นเสียเดี๋ยวนี้เลย
"ขอโทษพวกพี่ๆ ด้วยนะคะ พอดีวันนี้พริตตี้มีนัดแล้วค่ะ ขอตัวก่อนนะคะ"
นางแบบสาวเอ่ยขึ้น พลางแสร้งฉีกยิ้มหวานให้อย่างเต็มที่ ก่อนจะลุกขึ้นพรวดจากเก้าอี้กำลังจะเดินออกไป แต่กลับถูกชายคนหนึ่งในสามคนนั้นดันตัวให้นั่งลงไปเหมือนเดิม
"อ้าวๆ คนสวยจะรีบไปไหนล่ะจ๊ะ อยู่คุยกับพวกพี่ก่อนสิ ไม่ยักรู้ว่านางแบบอย่างน้องพริตตี้จะหยิ่งขนาดนี้เลยนะ คุยด้วยแค่นี้ก็จะเดินหนีซะแล้ว ทีกับพวกเสี่ยพวกป๋าๆ น่ะรี่เข้าหาเชียวนะจ๊ะ จริงมั้ยวะพวกเรา"
คำพูดคึกคะนองของเขาเรียกเสียงเฮจากเพื่อนได้อย่างเคย แพรลดากำหมัดแน่นอย่างเหลืออด เธอทนไม่ไหวอีกแล้ว ภาพพจน์อะไรไม่สนแล้วทั้งนั้น ถ้าไม่ได้เอาเลือดออกจากปากสุนัขที่ยืนเห่าหอนอยู่ตรงหน้าเธอทั้ง 3 ตัว เห็นทีคืนนี้เธอคงนอนไม่หลับเป็นแน่
"เฮ้ย . . . พวกแกทำอะไรน่ะ รังแกผู้หญิงเหรอ"
เสียงของใครบางคนร้องขึ้นด้วยความตกใจ ก่อนที่ขายาวๆ จะปรี่เข้ามาแทรกกลางระหว่างเธอกับชายสามคนนั้น นางแบบสาวคลี่ยิ้มออกมาเมื่อเห็นว่าคนที่เข้ามาห้ามคือสาวหล่อร่างสูงคนรักจอมปลอมของเธอนั่นเอง แม้ว่ามือข้างหนึ่งจะถือแก้วน้ำ ส่วนอีกมือถือถังป๊อบคอร์นถังใหญ่ แต่ยังพยายามกางแขนออกเพื่อบดบังร่างเพรียวบางข้างหลังเอาไว้จนเกือบจะมิด
"เป็นทอมก็อยู่ส่วนทอม ไม่ต้องมาทำเป็นพระเอกหรอกน่า หนุ่มสาวเค้าจะจีบกันหลีกไป. . .ไป๊ อีหนูเอ๊ย" ชายคนกลางพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงเหยียดหยัน โบกมือไหวๆ ไล่ร่างสูง อีกคนที่อยู่ข้างๆ เอ่ยเสริมขึ้น พลางหัวเราะร่า
"เอ. . .หรือว่าอยากร่วมวงกับพวกเราด้วยอีกคน ถึงเพื่อนพี่มันไม่เอา แต่พี่ชอบของแปลกนะจ๊ะ โดยเฉพาะผิวขาวๆ แบบน้องเนี่ย มันเร้าใจมากเลย ฮะ ฮะ ฮ่า" คำพูดของผู้ชายคนนั้นทำเอาร่างสูงถึงกับเหลืออด โพล่งออกไปด้วยเสียงดัง
"ใครอยากจะไปกับพวกแก ห๊า. . .นี่ผู้หญิงของฉัน ฉันไม่ยอมให้ใครมาแตะต้องได้แม้แต่ปลายเล็บแน่ๆ"
คำพูดประโยคนั้นเล่นเอาคนที่ถูกกล่าวถึง เกิดอาการอึ้งและใจเต้นแบบแปลกๆ ขึ้นมาทันทีที่ได้ยิน ส่วนวีร์ธิรานั้นได้แต่กัดฟันกรอดๆ นึกอึดอัดที่ตัวเองทำอะไรไม่ได้เลย เธอรู้ดีว่าคงสู้รบตบมือกับเจ้าพวกนี้ไม่ได้อย่างแน่นอน แต่จะทำอย่างไรดีล่ะ ทำอย่างไรเจ้าพวกนี้จึงจะไปให้ไกลๆ พ้นหูพ้นตาเธอสองคนเสียที พลันสายตาเหลือบไปเห็นรปภ. 3 4 คน กำลังเดินลิ่วมาแต่ไกล และตรงเข้ามายังจุดที่เธออยู่ คงจะมีใครสักคนช่วยแจ้งให้พวกเธอเป็นแน่ เห็นดังนั้นก็เกือบจะตะโกนออกไปทันที ทว่ามือเรียวบางที่เอื้อมมาจากด้านหลังกระตุกเสื้อของเธอเอาไว้เสียก่อน เมื่อเธอหันไปมองก็เห็นว่าแพรลดาส่ายหน้าพลางยกนิ้วชี้ขึ้นมาทำท่าจุ๊ปาก เอ่ยกระซิบบอกว่ารอให้ รปภ. กลุ่มนั้นเข้ามาใกล้กว่านี้อีกนิด จะได้จับตัวเอาไว้ได้ก่อนที่พวกนี้จะรู้ตัววิ่งหนีไปเสียก่อน วีร์ธิราพยักหน้าเข้าใจแล้วจึงแกล้งถ่วงเวลาระหว่างรอ
"ถ้าไม่อยากเจ็บตัวก็รีบถอยไปดีกว่า คนกำลังจะดูหนังไม่อยากมีเรื่องชกต่อยกับใครหรอกนะ"
"ทำเป็นพูดดี คิดว่าพวกพี่จะกลัวเหรอจ๊ะ เอวบางร่างน้อยขนาดนี้จะมีแรงมาสู้กับพวกพี่สามคนไหวเร้อ. . .คิดผิดแล้วมั้งแม่หนูน้อย"
ชายคนกลางที่ดูเหมือนจะเป็นหัวหน้ากลุ่มยังคงพล่ามไม่หยุด พลางยกมือขึ้นมาจะลูบแก้มขาวๆ ของวีร์ธิรา แต่ร่างสูงกลับสะบัดหน้าหนี อย่างรังเกียจ เมื่อเห็นว่า รปภ. ร่างบึ้ก 4 คน ยืนจังก้าอยู่ข้างหลังพวกมัน ด้วยท่าทีเหมือนเตรียมพร้อมจะเข้าชาร์จตัวได้ในทันควัน จึงคลี่ยิ้มออกมาอย่างดีใจ
"ใครเค้าจะลดตัวลงไปยุ่งกับพวกแก คุณรปภ.คะ จับไว้เลยค่ะ อย่าปล่อยให้มันหนีไปได้นะ" นางแบบสาวโผล่หน้าออกมาจากข้างหลังของร่างสูง เอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงเฉียบคม พร้อมๆกับที่ชายปากสุนัขทั้งสามคน ถูก รปภ. รวบแขนเอาไว้ด้านหลังอย่างไม่ทันได้รู้ตัว
"อ้าวเฮ้ย. . .มาจับกูทำไมวะ ปล่อยนะเว้ย กูไม่ได้ทำอะไรผิด"
เสียงของชายสามคนร้องโวยวายขึ้นมาด้วยความตกใจ พลางดิ้นพราดๆ อยู่ในวงแขนของรปภ. พี่บึ้กทั้งสาม ส่วนรปภ. อีกคนหนึ่งที่ดูคล้ายกับหัวหน้า เอ่ยขอโทษกับนางแบบสาวและคนรักจอมปลอมอย่างสุภาพ
"ขอโทษด้วยนะครับคุณพริตตี้ ที่ทำให้เสียบรรยากาศ ทางห้างของเราต้องประทานโทษด้วยนะครับ ไม่ทราบว่าคุณพริตตี้จะเอาเรื่องกับไอ้พวกนี้มั้ยครับ"
"เอาเรื่องแน่นอนค่ะ คนแบบนี้ต้องถูกดัดสันดานในคุกซะบ้างจะได้รู้จักหลาบจำ ไม่กล้าก่อเรื่องกับใครเค้าอีก รบกวนช่วยแจ้งตำรวจทุกข้อหาเท่าที่จะทำได้เลยนะคะ"
แพรลดาพูดอย่างมาดมั่น พลางเหลือบสายตาไปมองเศษสวะทั้งสามคนนั้นด้วยสายตาเย้ยหยัน พร้อมๆ กับที่พวกมันมองมายังนางแบบสาวด้วยแววตาเคียดแค้นชิงชังเช่นกัน แต่วีร์ธิราทำท่าอ้ำๆ อึ้งๆ ก่อนจะเอ่ยกระซิบเบาๆ ด้วยท่าทางหวาดหวั่นเมื่อเห็นสายตาที่น่ากลัวของพวกนั้นมองมายังเธอทั้งสองคน
"ช่างมันเถอะคุณ ปล่อยพวกมันไปเถอะ พวกมันคงไม่กล้ายุ่งกับเราแล้วล่ะ อย่าเอาเรื่องเอาราวเค้าเลย เดี๋ยวก็ได้เป็นข่าวใหญ่กันพอดีหรอก" แต่แพรลดาส่งสายตาดุๆ กลับไป ก่อนจะเอ่ยด้วยเสียงดังให้คนที่เข้ามามุงดูเหตุการณ์ได้ยินชัดเจนทั่วกัน
"ได้ยังไงล่ะคะวี คนแบบนี้ปล่อยไว้ได้ที่ไหนกัน ไม่มารังแกเราก็ไปรังแกคนอื่นอยู่ดี ถ้าเกิดมีเด็กสาวคนอื่นๆ ถูกไอ้หื่นพวกนี้พาไปข่มขืนล่ะ ไม่เท่ากับว่าเราเป็นคนปล่อยเสือเข้าป่า ปล่อยโจรเข้าเมือง ให้ไปรังแกชาวบ้านชาวช่องเค้าเหรอไง คุณรปภ. คะ เรื่องนี้พริตตี้เอาเรื่องอย่างถึงที่สุดนะคะ"
เมื่อรปภ.หนุ่ม โค้งศีรษะให้อย่างรับคำสั่ง แพรลดาจึงคลี่ยิ้มบางๆ ออกมา พลางก้มศีรษะเล็กน้อยแทนคำขอบคุณให้กับบรรดาไทยมุงที่พากันปรบมือโห่ร้องดังกึกก้องไปทั่วบริเวณ ราวกับนางแบบสาวเป็นวีรสตรีคนกล้า
"ถ้าอย่างนั้นเชิญคุณพริตตี้ที่ห้องผู้จัดการทางด้านนี้เลยครับ"
รปภ.หนุ่ม ผายมือออกไปทางด้านข้างให้นางแบบสาวและคนรักจอมปลอมของเธอเดินนำไปก่อน ส่วนตัวเองเดินตามหลังไปติดๆ ตามด้วยรปภ. 3 คนที่ล็อกตัวชายหนุ่มมารยาททรามทั้งสามคนเอาไว้ให้เดินไปด้วยกัน พวกมันพากันสบถออกมาอย่างหัวเสียและด่าทอนางแบบสาวหยาบๆ คายๆ เสียงดังไล่หลังมา แต่หญิงสาวไม่สนใจเธอเชิดหน้าขึ้นเล็กน้อยก่อนจะออกเดินไปพร้อมกับสาวหล่อร่างสูงที่ยังคงถือแก้วน้ำกับป๊อบคอร์นอยู่ในมืออย่างงงๆ แต่ก็เดินเคียงข้างไปพร้อมกัน
ระหว่างนั่งดูภาพยนตร์ในรอบดึกทั้งที่ความจริงตั้งใจมาดูตั้งแต่รอบบ่าย แต่มัวเสียเวลากับการแจ้งข้อหาพวกหนักสังคมอยู่นาน ทางโรงภาพยนตร์จึงได้มอบบัตรฟรีสำหรับชมภาพยนตร์ 10 ที่นั่ง ให้กับแพรลดาเพื่อชดใช้ค่าเสียเวลาเกือบครึ่งค่อนวัน
"วันนี้เธอเท่จังเลยรู้ตัวรึเปล่า"
จู่ๆ นางแบบสาวก็เอ่ยขึ้นมาอย่างไม่มีปี่ไม่มีขลุ่ย แต่กลับทำให้คนนั่งข้างกาย ที่กำลังเคี้ยวป๊อบคอร์นถังที่สองหมุบหมับ หลังจากนั่งกินระหว่างรอตำรวจดำเนินคดีกับคนพวกนั้นหมดไปถังหนึ่งแล้ว แทบสำลักออกมา ก่อนจะเอ่ยขึ้น
"หะ. . .ห๊า. . .เมื่อกี้ว่าอะไรนะ" ร่างสูงหันมามองนางแบบสาว ตาโตอย่างตกใจ
"อย่าเสียงดังสิ รบกวนคนอื่นเค้า. . .ฉันก็แค่บอกว่าเธอดูเท่ดี . . . ตอนที่เธอวิ่งเข้ามาขวางระหว่างฉันกับพวกนั้นไว้น่ะ เริ่มจะดูแมนขึ้นมาบ้างแล้วนะ อ้อ. . .อีกอย่างนึง ลืมบอกไป ขอบคุณที่ช่วยฉันเอาไว้นะ"
แพรลดาพูดแล้วยิ้มกว้างให้กับร่างสูง แต่ไม่ได้บอกออกไปหรอกว่า โดยเฉพาะคำพูดที่วีร์ธิราพูดออกมาเพื่อปกป้องเธอในตอนนั้นด้วย ที่ทำเอาหัวใจของเธอถึงกับเต้นผิดจังหวะขึ้นมาทันทีที่ได้ยิน และทุกครั้งที่นึกถึงภาพในตอนนั้น ร่างสูงข้างกายเธอ ส่งยิ้มน้อยๆ ให้เธอเช่นกัน พลางยกมือขึ้นมาเกาศีรษะเบาๆ แก้เขิน ก่อนจะรีบหันหน้ากลับไปอย่างรวดเร็ว
"อ๋อ. . .อะ . . . อืม ไม่เป็นไรหรอก"
'นี่ผู้หญิงของฉัน ฉันไม่ยอมให้ใครมาแตะต้องได้แม้แต่ปลายเล็บแน่ๆ'
คำพูดของสาวร่างสูงยังคงดังก้องอยู่ในหูของแพรลดา ทำให้นางแบบสาวได้แต่แอบดีใจอยู่ลึกๆ ว่า อย่างน้อยเธอก็ยังเป็นสิ่งมีชีวิตที่มีค่าในสายตาของใครบางคนขึ้นมาบ้างเหมือนกัน แม้จะรู้สึกแปร่งๆ ทะแม่งหูอยู่เล็กน้อย ทั้งที่คำๆ นั้นควรจะออกมาจากปากของเธอมากกว่า แต่เป็นแบบนี้ก็ดีเหมือนกัน เธออมยิ้มอยู่คนเดียวในความมืด ก่อนจะหันกลับไปให้ความสนใจกับภาพที่อยู่บนจอเบื้องหน้า จึงไม่ได้รู้เลยว่า เพราะคำพูดชื่นชมคำนั้นของเธอ ทำให้คนที่ถูกชมเกิดอาการเก้อเขินขึ้นมาจนแก้มขาวๆ กลายเป็นสีชมพูเข้ม พลางเหลือบตามองนางแบบคนสวยที่นั่งอยู่ข้างกายเกือบตลอดเวลา จนแทบดูหนังไม่รู้เรื่องเลยเอาเสียเลย
นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ

สุดยอดดดดดดดดดดดดด