คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #1 : การพบกันอีกครั้งของคนสองคน
“ หนูมิว
จัดเตรียมเสื้อผ้าสำหรับผู้เข้าประกวดเสร็จรึยังลูก ”
“ เรียบร้อยแล้วค่ะป้าดา มีอย่างอื่นให้หนูช่วยอีกมั้ยคะ ”
“ ไม่มีอะไรแล้วล่ะ ที่เหลือเดี๋ยวป้าจัดการเอง หนูพักก่อนเถอะ ไปเดินเล่นในสวนสาธารณะด้านหลังนี่ก่อนก็ได้ เดี๋ยวใกล้จะได้เวลาแล้วป้าจะไปตามเองจ้ะ ”
“ ถ้างั้นหนูขอตัวก่อนนะคะ ”
ฉันเดินออกมาจากห้องแต่งตัวของคลับเล็กๆแห่งหนึ่ง แล้วเดินลัดเลาะไปยังสวนสาธารณะที่อยู่ทางด้านหลังของคลับ เพียงแค่ก้าวเข้ามาในเขตรั้วของสวนสาธารณะ ภาพที่อยู่ตรงหน้าทำให้รู้สึกสดชื่นขึ้นมาทันที ความร่นรื่นเขียวขจีของหมู่แมกไม้ ที่ไหวเอนไปมาตามแรงโบกพัดเบาๆของสายลม เสียงนกร้องขับขานรับกับเสียงจิ๊ด จิ๊ดของเหล่าจั๊กจั่นน้อยใหญ่ พาให้รู้สึกเพลิดเพลินจนแทบจะลืมความเหน็ดเหนื่อยเป็นปลิดทิ้ง พลางยกแขน บิดหมุนตัว เพื่อขับไล่ความเมื่อยขบจากการทำงานตั้งแต่เช้า
ช่วงปิดเทอมหน้าร้อนอย่างนี้คนในวัยอย่างฉัน ถ้าไม่มีเรียนพิเศษตามสถาบันกวดวิชาต่างๆ ก็มักจะพากันรวมกลุ่มไปเที่ยวตามต่างจังหวัด บ้างก็นั่งเล่นนอนเล่นรอให้เวลาผ่านไปวันๆ ส่วนฉันไม่ชอบที่จะนั่งอยู่กับบ้านเฉยๆ แต่ก็ไม่ได้รับอนุญาตให้ไปเที่ยวต่างจังหวัดกับเพื่อนๆ ป้าดาซึ่งเป็นญาติห่างๆทางแม่จึงชวนฉันมาช่วยงานอยู่บ่อยๆ ป้าดาเป็นสไตลิสต์ที่ขึ้นชื่อคนนึงในวงการแฟชั่น หลายครั้งที่ได้รับเชิญให้ไปช่วยออกแบบเสื้อผ้าให้กับผู้เข้าประกวดในงานนู้นงานนี้ ซึ่งการที่ฉันได้ติดสอยห้อยตามไปด้วยเกือบทุกครั้ง ก็ทำให้ได้เห็นสังคมในระดับที่กว้างขึ้น
ในวันนี้ก็เช่นกันที่ป้าดาได้รับเชิญให้มาในงานประกวดที่ค่อนข้างจะแปลกตาไปสักหน่อยสำหรับฉัน อย่างการประกวดสาวหล่อ ที่แทบจะไม่เคยเห็นที่ไหนมาก่อน ในความคิดของฉันแม้ว่าจะไม่ได้มีอคติอะไรกับคนเหล่านี้ เพราะรู้ดีว่าเค้าก็เป็นแค่คนธรรมดาคนนึง เพียงแค่มีรสนิยมที่ต่างไปจากคนอื่นก็เท่านั้น แต่ถ้าหากหลีกเลี่ยงการที่จะต้องเข้าไปยุ่งเกี่ยวด้วยได้ ฉันก็มักที่จะเลี่ยงไป โดยที่แม้แต่ตัวเองก็ยังไม่รู้เหตุผลเหมือนกัน
ฉันเดินไปเรื่อยๆ บนพื้นที่ถูกโรยด้วยกรวดก้อนเล็กก้อนน้อย ระหว่างสองข้างทางที่เป็นสนามหญ้าสีเขียวอ่อนๆ นุ่มเท้าเมื่อยามสัมผัสกับมัน หยุดยืนดูเด็กเล็กๆ ที่วิ่งเล่นกันอย่างสนุกสนาน พลางนึกไปถึงตอนที่ฉันยังเรียนอยู่ชั้นอนุบาล ข้างบ้านของฉันมีเด็กผู้หญิงหน้าตาน่ารักคนหนึ่ง ตัวเล็กกว่าฉันนิดหน่อย เธอชื่อมายด์ เดิมทีเธอไม่กล้าที่จะเล่นกับใคร ในละแวกนั้น แต่ไม่รู้เพราะอะไรถึงได้ยอมเล่นกับฉันเพียงคนเดียว พ่อและแม่ของพวกเราจึงเรียกเราสองคนว่า คู่แฝดมิวกับมายด์ จนกระทั่งวันหนึ่งที่เธอต้องย้ายบ้านไป จำได้ว่าเราสองคนกอดคอกันร้องไห้อยู่เป็นนานสองนาน ก่อนที่เธอจะไป ฉันได้ให้พวงกุญแจเป็นตุ๊กตารูปกระต่ายสีขาว ที่ฉันหวงมากที่สุดกับเธอ เผื่อว่าวันนึงที่เราได้กลับมาเจอกันจะได้จำได้ ช่างเป็นความคิดที่ไร้เดียงสาเสียจริงๆ แต่ฉันก็ยังหวังอยู่ว่าสักวัน เราจะได้พบกันอีก
“ มายด์คะ ได้เวลาเตรียมตัวแล้วค่ะ อีกไม่กี่นาทีก็ถึงเวลาประกวดแล้วนะ ”
ม า ย ด์ . . . ชื่อนั้นทำให้ฉันต้องหันหลังไปยังที่มาของเสียง ก็พบกับด้านหลังของหญิงสาวคนหนึ่งที่ยืนคู่อยู่กับร่างสูงเพรียวอย่างนักกีฬาผู้เป็นเจ้าของชื่อ ฉันถอนหายใจออกมาเบาๆ พลางส่ายหน้ากับตัวเอง อย่างนึกขำ “ก็แค่คนชื่อเหมือนกัน เท่านั้น ทำเป็นตื่นเต้นไปได้” แล้วมองกลับไปยังร่างสูงนั้นอีกครั้ง “คงจะเป็นผู้เข้าประกวดคนนึงล่ะสิ ถ้าอย่างนั้นก็คงใกล้เวลาที่จะต้องกลับไปช่วยป้าดาแล้วสินะ เฮ้อ อ มายด์จ๋า ฉันคิดถึงเธอจัง เพื่อนที่แสนดีของฉัน” นึกอยู่ในใจก่อนจะก้าวสั้นๆแต่รวดเร็วเพื่อเดินกลับไปยังห้องแต่งตัวของคลับเล็กๆแห่งนั้น
“ ป้าดาขา หนูกลับมาแล้วค่ะ อ๊ะ ระวังค่ะป้าดา หนูทำต่อเองดีกว่าค่ะป้าดาไปพักก่อนเถอะ ”
ทันทีที่ฉันโผล่หน้าเข้ามาในห้องแต่งตัวก็พบกับป้าดาที่กำลังยืนโงนเงนเหมือนจะล้ม จึงเข้าไปช่วยรับไว้แล้วช่วยพยุงไปนั่งพักที่โซฟา
“ ขอบใจมากจ้ะหนูมิว ป้าก็ว่ากำลังจะไปตามอยู่พอดี เดี๋ยวหนูคงต้องช่วยทำแทนป้าแล้วล่ะ ป้ารู้สึกเหมือนไม่ค่อยสบายเท่าไหร่ ขอนั่งอยู่ตรงนี้ดีกว่า เดี๋ยวหนูคอยดูแลความเรียบร้อยของชุดให้พวกผู้เข้าประกวดเค้าเท่านั้นก็พอจ้ะ ที่เหลือเดี๋ยวให้พวกสต๊าฟเค้าจัดการกันเองละกัน ”
ฉันรับคำ แล้วคอยทำหน้าที่ตามที่ได้รับมอบหมาย ผู้เข้าประกวดเริ่มทยอยเดินเข้ามาเรื่อยๆ แต่ละคนนั้นรูปร่างสูงโปร่ง ดูแข็งแรง แม้กระทั่งกริยาท่าทางต่างๆ ก็ให้ความรู้สึกว่าเหมือนกับผู้ชายจริงๆ จะมีก็แต่เพียงน้ำเสียงห้าวๆ แฝงด้วยความนุ่มนวลนั้น ที่ทำให้รู้ว่าเค้าเหล่านั้นเป็นผู้หญิงเหมือนอย่างฉันนี่แหละ
เสียงกรี๊ดกร๊าดของผู้ชม ที่เป็นผู้หญิงแทบทั้งสิ้นดังขึ้นเป็นระยะ ตามการปรากฏตัวของผู้เข้าประกวดแต่ละคนที่ก้าวขึ้นเวที ฉันจึงอดไม่ได้ แอบไปยืนตรงทางขึ้นด้านหลังของเวที เพื่อมองดูผู้เข้าประกวดแต่ละคน ซึ่งถ้าไม่รู้ว่าเป็นการประกวดอะไร ฉันคงต้องนึกว่าประกวดนายแบบแน่ๆ เพราะแต่ละคนบนเวที นั้นหน้าตาหล่อเหลา ดูดีกว่าพวกผู้ชายบางคนเสียด้วยซ้ำ ได้ยินเสียงป้าดาเรียกแว่วๆ จึงถอยกลับมาอย่างเร็ว ไม่ทันเห็นว่ามีใครยืนอยู่ข้างหลัง จึงสะดุดจนเกือบจะล้ม ดีแต่ว่าอ้อมแขนที่แข็งแรงคู่หนึ่ง ช่วยพยุงฉันเอาไว้
“ อุ๊ย. . .ขอโทษค่ะ ” ฉันกล่าวคำขอโทษ พลางเงยหน้าขึ้นสบตากับร่างสูงโปร่งผู้เป็นเจ้าของอ้อมแขนนั้น
ตึก ก ตึก ก เสียงหัวใจของฉันเต้นแรงกว่าปกติเมื่อได้เห็นใบหน้าของเขา ทั้งๆที่ มันไม่ควรจะเป็น เพราะฉันไม่ได้มีรสนิยมแบบนั้น แต่ฉันเองก็ไม่รู้ว่าเพราะอะไร
“ คุณครับ เป็นอะไรรึเปล่า ” เสียงทุ้มต่ำแต่ฟังดูอบอุ่นปลุกฉันตื่นขึ้นจากภวังค์
“ ไม่เป็นอะไรค่ะ ขอบคุณนะคะที่ช่วยพยุงฉันไว้ ” ฉันกล่าวขอบคุณพร้อมทั้งยิ้มให้เขา
“ ยินดีครับ ” เขายิ้มให้ฉันพลางก้มศีรษะลงเล็กน้อย แล้วเดินขึ้นไปบนเวที ตามเสียงประกาศของพิธีกร
ฉันมองตามเขาเดินขึ้นเวทีไปได้สักพัก กำลังจะเดินกลับไปหาป้าดา ก็เกือบจะสะดุดกับอะไรบางอย่างที่อยู่บนพื้นเข้าอีกครั้ง จึงย่อตัวลงไปแล้วหยิบขึ้นมาดู มันคือพวงกุญแจรูปกระต่ายสีขาวออกเทาๆ ดูจากสภาพตุ๊กตา ท่าทางจะเป็นของเก่ามาก คงจะเป็นของคนเมื่อกี้ทำหล่นเอาไว้ แต่ว่ารู้สึกคลับคล้ายคลับคลา เหมือนกับเคยเห็นที่ไหนมาก่อน พลิกไปพลิกมา พลันก็ชะงักไปเมื่อเห็นตัวอักษรผ้าสีน้ำตาลที่ปักเอาไว้ที่ด้านหลังของเจ้ากระต่ายน้อย
“ Mu & Mind ”
นี่มัน พวงกุญแจที่ฉันเคยให้กับมายด์ เพื่อนในวัยเด็กของฉันนี่นา แล้วมันมาอยู่กับเขาได้ยังไง โอย ไม่หรอกน่า ฉันไม่อยากจะเชื่อว่า มายด์ เด็กผู้หญิงหน้าตาน่ารักที่ตัวเล็กกว่าฉัน ทั้งขี้อายและเจ้าน้ำตาคนนั้น จะกลายมาเป็นสาวหล่อ ที่ดูดีไปหมดทุกอย่าง ไม่ว่าจะเป็นรูปร่าง หน้าตา หรือแม้แต่กริยาท่าทาง จนทำให้ฉันถึงกับใจเต้นได้ ทั้งๆที่เป็นผู้หญิงเหมือนกัน
ฉันเก็บมันไว้ในกระเป๋าถือของฉัน รอให้เขาลงมาจากเวทีเสียก่อนแล้วจะนำไปคืนให้เขาพร้อมทั้งถามเรื่องราวที่ยังข้องใจอยู่ ทั้งๆที่กำลังทำงานอยู่แต่ก็เหมือนจิตใจไม่อยู่กับเนื้อกับตัว คอยแต่ชะเง้อมองไปทางเวที ว่าเมื่อไหร่เขาจะลงมาสักที จนกระทั่งการประกวดสิ้นสุดลง แม้เขาจะไม่ได้รางวัลชนะเลิศ แต่ก็คว้ารางวัลรองอันดับที่ 2 มาได้ ผู้เข้าประกวดเริ่มทยอยเดินลงมาจากเวที ฉันมัวแต่ช่วยป้าดาทำหน้าที่เก็บรวบรวมเสื้อผ้าของผู้เข้าประกวด เงยหน้าขึ้นมาอีกทีก็ไม่เห็นเขาซะแล้ว แล้วฉันจะเอาพวงกุญแจไปคืนเขาได้อย่างไรล่ะ
“ มิว มิว หนูมิว ”
“ คะ ขา มีอะไรคะป้าดา ” ฉันสะดุ้งเมื่อป้าดาเรียกชื่อฉันด้วยเสียงอันดัง
“ เป็นอะไรไปลูก เหม่อเชียว ป้าเรียกตั้งนานก็ไม่หัน เก็บข้าวของเสร็จแล้วก็ไปขึ้นรถเลยนะจ๊ะ มันดึกแล้ว เดี๋ยวพรุ่งนี้ก็ยังมีงานอีกที่นึงนะ ”
ฉันยืนคิดอยู่ว่าจะถามป้าดาดีมั้ยเผื่อว่าป้าดาจะรู้จักคนๆนั้น จะได้เอาของไปคืนแล้วก็จะได้ซักถามถึงที่มาของเจ้ากระต่ายน้อยด้วย ลังเลอยู่นานจึงเอ่ยปากไป
“ ป้าดาคะ รู้จักคนที่ได้รองอับดับ 2 เมื่อกี้มั้ยคะ คือว่าเค้าทำของหล่นไว้ พอดีหนูเก็บได้ก็เลยจะคืนให้เค้า แล้วมัวแต่ยุ่งๆอยู่เลยไม่ทันเห็นว่าเค้าหายไปตอนไหน ”
“ อ๋อ พ่อหนุ่มคนนั้น เอ๊ะ ไม่ใช่สิ แม่หนูคนนั้น เอ ช่างเถอะๆ เอาเป็นว่าคนเมื่อกี้เหรอ ป้าเห็นเค้ายังเดินวนเวียนอยู่ข้างในนะ คงจะกำลังหาของนั้นอยู่แหละมั้ง หนูลองไปดูสิ เดี๋ยวป้าไปรอที่รถนะ ” ฉันรับคำแล้ววิ่งไปอย่างเร็ว เมื่อก้าวเข้ามาในร้านก็เห็นเขาเดินวนเวียน ก้มๆเงยๆ คงจะหาเจ้านี่อยู่แน่ๆ ฉันมองตุ๊กตาในมือ แล้วก้าวเข้าไปหาเขา
“ เอ่อ ขอโทษนะคะ ไม่ทราบว่าหาเจ้านี่อยู่รึเปล่าคะ ” ฉันพูดแล้วยกมือชูให้เขาดู เขารีบคว้าหมับไปจากมือของฉันทันที พลางโค้งให้แล้วกล่าวขอบคุณ
“ ขอบคุณมากนะครับ หาอยู่ตั้งนานนึกว่าจะหายไปซะแล้ว เนี่ยน่ะเป็นของสุดรักสุดหวงเลยนะ ”
“ ของสุดรักสุดหวง ถ้ายังงั้นก็แสดงว่าเค้าคือมายด์เพื่อนสมัยเด็กของฉันจริงๆล่ะสิ “
ฉันรำพึงในใจแต่เพื่อความแน่ใจ ลองถามเค้าดูเลยดีกว่า
“ เธอได้พวงกุญแจนั่นมาจากไหนน่ะ ปละ เปล่านะ คือว่าแค่อยากรู้เฉยๆน่ะ บังเอิญมันคล้ายกับของที่ฉันให้ไว้กับเพื่อนสมัยเด็กคนนึงมากๆ ก็เลย อยากรู้ว่าเธอใช่คนเดียวกันกับเพื่อนของฉันรึเปล่า ” เสียงหัวใจของฉันเต้นแรง มีความรู้สึกเกิดขึ้นพร้อมกัน 2 อย่าง ทั้งอยากให้ใช่และไม่อยากให้ใช่
“ อย่าบอกนะว่าคุณคือมิว จริงเหรอนี่มิวจริงๆเหรอเนี่ย รู้มั้ยว่าผมตามหาคุณมาตั้งนาน อยากจะเจอมากที่สุดเลย ”
สีหน้าของเขาบ่งบอกความดีใจอย่างมาก จนแทบเก็บอารมณ์ไว้ไม่อยู่ ตรงเข้ามาสวมกอดฉันทันที แม้ว่าเขาจะเป็นผู้หญิงเหมือนกับฉัน แต่เพราะบุคลิกของเขาในมาดทอมหล่อแบบนี้ ทำให้ฉันรู้สึกแปลกๆ ไม่คุ้นเคย จึงได้แต่ยกแขนขึ้นมากั้นระหว่างตัวของฉันกับเขา
“ เอ่อ ปล่อยฉันก่อนเถอะค่ะ ” เขาคงจะดีใจจริงๆที่ได้เจอเพื่อนสมัยเด็กอย่างฉัน ฉันเองก็รู้สึกดีใจอยู่ไม่น้อย ติดก็แต่ตรงที่เขาต่างจากภาพในจินตนาการของฉันอย่างสิ้นเชิง ฉันไม่เคยคิดมาก่อนว่าเด็กผู้หญิงตัวเล็กๆคนนั้น จะโตขึ้นมาในสภาพแบบนี้
ความคิดเห็น