คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #9 : ยังไงก็เพื่อนกัน
แจ๊สวิ่งเรื่อยๆจนกระทั่งมาถึงสวนสาธารณะใกล้บ้าน ที่แห่งเดิมนั่นล่ะ เธอหยุดพัก หายใจหอบเล็กน้อยทั้งด้วยความเหนื่อยและความโกรธจากเหตุการณ์เมื่อกี้
‘เจ็บใจชะมัด ทำไมนายต้องมีอิทธิพลกับเราขนาดนี้นะ...มิว’
แจ๊สตัดสินใจนั่งลงตรงม้านั่งตัวโปรดของเธอที่สวนนี้ ในตอนแรกเธอก็ตั้งใจรีบกลับบ้าน แต่...ตอนนี้อารมณ์เธอไม่เอื้อต่อการอ่านหนังสือ เธอต้องการการผ่อนคลายให้กับตัวเองบ้าง
ด้วยความรู้สึกที่อัดแน่นอยู่ในใจ แจ๊สนึกอยากจะร้องไห้กับสิ่งที่เธอเจอ ร้องไห้กับประวัติศาสตร์ที่มันซ้ำรอย แต่...ไม่เหมือนเดิม เมื่อครั้งก่อนคนที่ช่วยเธอไว้ทั้งอ่อนโยนและใจดี แต่ครั้งนี้กลับตรงกันข้าม เธอต้องเจอกับนายนั่น แจ๊สเอนหลังพิงพนัก หลับาตาลงเพื่อให้สติกลับคืนมา
“แปลกแฮะ วันนี้ทำไมเจ๊ถึกเรากลับบ้านช้า” เสียงที่ดังจากข้างหลัง แม้ไม่ต้องหันไปมองแจ๊สก็รู้ว่าเป็นใคร แต่เธอก็ไม่ได้พูดอะไรกลับไป
“ขอนั่งด้วยคนได้ป่าว” แม้จะเอ่ยปากขออนุญาต แต่เจ้าตัวก็หย่อนก้นนั่งลงก่อนที่แจ๊สจะรับคำ
“หนีมานั่งคนเดียวแบบนี้ มีปัญหาอีกล่ะสิ ถ้าให้เราทายก็คงไม่พ้นเรื่องเดิม มีอะไรก็เล่าให้ฟังได้นะเว้ย ยังไงก็เพื่อนกัน”
“บอย...แกรู้ใช่มั้ยว่าเรารู้จักกับมิวได้ยังไง” แจ๊สพูด แต่สายตายังมองตรงไปข้างหน้า
“อืม...ก็รู้”
ใช่แล้ว เขารู้ บอยรู้ว่าแจ๊สเจอกับมิวได้อย่างไร วันนั้น...วันที่รถเกือบชนแจ๊ส ยังมีอีกคนหนึ่งที่รีบวิ่งเข้ามาเพื่อจะช่วยเธอไว้ แต่...เขามาช้าไป มิวช่วยแจ๊สไว้ได้ก่อน และเมื่อเห็นว่าแจ๊สปลอดภัยดีแล้ว เขาจึงเดินผ่านไปโดยไม่ทันมีใครสังเกตเห็น นี่คือเหตุผลที่แท้จริงว่าทำไมเขาถึงรู้ แต่สำหรับแจ๊สเธอคิดว่า
‘ยายแพทแน่ๆที่บอกไอบอยเรื่องนี้’
จริงอยู่ที่แพทแอบคุยกับบอยเรื่องมิวอยู่บ่อยๆ และก็เป็นจริงที่แพทบอกบอยเรื่องแจ๊สเกือบถูกรถชนแล้วมิวมาช่วยไว้ แต่เธอก็ไม่ได้พูดอะไรมากกว่านั้น แพทเพียงแค่อยากสืบประวัติของมิวให้แจ๊ส เพราะแพทรู้ว่า บอยรู้จักกับมิว
“แล้วแกรู้อะไรอีกบ้าง”
“ก็รู้หลายเรื่องแต่ขี้เกียจพูดว่ะ ตอนนี้อยากฟังแกพูดมากกว่า” บอยตอบกวน แต่ในตอนท้ายน้ำเสียงนั้นเต็มไปด้วยความจริงใจ
แจ๊สกำลังจะพูดสิ่งที่เธอเก็บไว้ แต่...ไม่ เธอคิดได้ บอยไม่ได้บังเอิญผ่านมาทางนี้ บ้านมันก็อยู่ไกลออกไปอีกโยชน์ แจ๊สแน่ใจว่าบอยต้องการจะช่วยเธอ แจ๊สคิดว่าเธอไม่ควรทำให้คนที่เป็นห่วงเธอไม่สบายใจอีก โดยเฉพาะบอยที่ช่วยเธอมาตลอด นี่ล่ะแจ๊ส ชอบคิดเองแล้วก็ชอบเก็บอะไรไว้ในใจคนเดียว
“โอ้โห! ไอบอย แกพูดอย่างกับพระเอกละครน้ำเน่าเชียว” ปั้นสีหน้าให้สดใสร่าเริงเหมือนไม่มีอะไร
“ตอนนี้อยากฟังแกพูดมากกว่า” แจ๊สดัดเสียงหล่อ ล้อเลียนบอย
“ไอ้แจ๊ส! มันน่าเขกหัวซะจริงๆ พอแซว แกก็ว่าปากหมา พอมาช่วย แกก็ว่าพระเอกน้ำเน่า” บอยทำท่าเหมือนหมั่นไส้แต่ที่จริงแล้วเขาแสดงออกเป็นการแก้เขินมากกว่า
“เอ้า...อนุญาตให้เขกล้างสมองทีนึง” ไม่พูดเปล่า แจ๊สยังก้มหัวให้อีกด้วย
“โป้ก” “โอ๊ย! ไอ้บอย”
“สมน้ำหน้า อยากเล่นดีนัก” บอยพูดพร้อมหัวเราะด้วยความสะใจ
“โอย...ก็ใครจะคิดว่าจะเขกจริงๆ”
หลังจากหัวเราะกันอยู่ครู่หนึ่ง บอยก็เป็นฝ่ายเริ่มพูดขึ้นก่อน
“ไม่เป็นไรแล้วใช่มั้ย ถ้าอย่างนั้น วันนี้เราเดินไปส่งแกที่บ้านนะ เดี๋ยวเกิดแกกลุ้มใจขึ้นมา โดดน้ำระหว่างทาง คงไม่มีใครอยู่ให้เราแกล้ง” ประโยคพูดติดตลกแต่มีความจริงจังแฝงอยู่
“ก็แล้วแต่แก”
---------------------------------------
“เดินเข้าบ้านดีๆนะเว้ย อย่าเดินสะดุดขอบประตูหัวทิ่มซะก่อน ขี้เกียจพาไปส่งโรง’บาล”
แจ๊สหันหลังกลับมาทำจมูกย่นใส่บอย ท่าทางแบบนี้ทำให้บอยยิ่งนึกเสียดายแจ๊สคนเก่า
“เข้าบ้านไปได้แล้ว ไป๊” บอยไล่ แต่ไม่ทันที่แจ๊สจะหันหลังกลับก็พูดขึ้นมาต่อ
“อ้อ! อีกเรื่องนึง วันนี้แกโกหกเรา...ไม่เป็นไร แต่เราอยากบอกแกว่า เราเชื่อ...มิวต้องมีเหตุผลบางอย่างที่ต้องทำแบบนั้น”
แจ๊สสะดุดใจในคำพูดของบอย ทำไมเขาถึงเชื่อมิวและก็เชื่อมาตลอด ทั้งที่เขาก็รู้จักมิวไม่มากไปกว่าแจ๊สเลย
“ทำไมแกพูดแปลก อย่างกับว่าแกรู้จักเค้าดี”
“เอ่อ...คือ...อ้อ!...คืองี้ ผู้ชายเหมือนกันเค้าก็ดูกันออก” บอยตีหน้าปกติที่สุด แต่เมื่อดูท่าทางแจ๊สไม่ค่อยจะเชื่อจึงตัดบทด้วยการไล่ให้เข้าบ้าน
“เข้าบ้านแกไป๊ สงสัยมากจริง”
“เออ....ไม่ถามก็ได้ งั้นแกก็กลับดีๆละกัน แล้วก็...ขอบคุณนะ”
คำขอบคุณของแจ๊สไม่ได้จำเป็นสำหรับบอยเท่ากับรอยยิ้มกว้างที่เธอมอบให้เขาเลย
ความคิดเห็น