คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #10 : ความจำเป็น
บรรยากาศภายนอกมืดมิด มีเพียงแสงไฟริมทางเท่านั้นที่ให้ความสว่างไสวในยามค่ำคืน สมาชิกของแต่ละครอบครัวละแวกนี้ ต่างก็เข้านอนกันหมด เว้นแต่คนเดียวเท่านั้น แสงจากหลอดไฟส่องสว่างลอดออกมาทางหน้าต่างห้องนอนของบ้านหลังหนึ่ง พอให้ได้สังเกตเห็นเป็นแสงสว่างจุดเล็กๆเมื่อมองมาจากถนนใหญ่ตรงสวนสาธารณะแห่งหนึ่ง
แจ๊สเงยหน้าดูเวลาจากนาฬิกาเรือนน่ารักที่ผนัง เที่ยงคืนกว่าแล้ว เธอเริ่มรู้สึกปวดตาเล็กน้อยจากการมุมานะอ่านหนังสือตั้งแต่ตอนค่ำ เธอลุกออกจากโต๊ะเดินตรงไปยังหน้าต่างของห้องนอน บรรยากาศรอบนอกมืดจนเกือบจะมองไม่เห็น เว้นแต่หลอดไฟประดิษฐ์ที่ทำให้เธอมองเห็นสวนสาธารณะได้ไกลๆ
‘เราเชื่อ...มิวต้องมีเหตุผลบางอย่างที่ต้องทำแบบนั้น’
คำพูดของบอยดังขึ้นมาในความคิด น้ำเสียงนั้นทั้งจริงจังและให้ความมั่นใจในตัวของผู้ชายคนนั้นเหลือเกิน
‘บอย...ทำไมแกถึงได้เชื่อมิว’
เมื่อสองปีที่แล้ว
“อ้าว! มิว กลับมาแล้วหรอลูก ทำไมวันนี้กลับช้านักล่ะ” ชายวัยกลางคนรูปร่างค่อนข้างผอมกล่าวขึ้น ใบหน้าของเขาดูซูบซีดมากทีเดียวเมื่อเทียบกับวัย
“พอดีตอนกลับจากโรงเรียน มีอุบัติเหตุเกิดขึ้นกับเพื่อนนิดหน่อยน่ะครับ ผมช่วยเค้าไว้เลยกลับช้า...พ่อครับ วันนี้ พ่อพักก่อนเถอะ เดี๋ยวผมช่วยขายต่อเอง” ทั้งที่ปากยังตอบคำถามของผู้เป็นบิดา แต่ตัวก็ไม่ได้อยู่
“แล้วไม่ทำการบ้านหรอลูก”
“เอาไว้ปิดร้านแล้ว ผมค่อยทำก็ได้ครับ มีไม่มากเท่าไหร่” แท้จริงแล้ว คำว่ามีไม่มากที่พูดไปนั้นเป็นการโกหกคำโต แม้จะเพิ่งเปิดเทอม แต่เพราะเป็นระดับมัธยมปลายโรงเรียนจึงกวดขันความรู้อย่างแน่น
บ้านของมิวนั้นเป็นบ้านไม้สองชั้น ความกว้างประมาณห้องเดียว ชั้นล่างเปิดเป็นร้านขายของชำ ส่วนชั้นบนก็เป็นที่นอนของสองพ่อลูก วันหนึ่งๆนั้นลูกค้าเข้าออกร้านไม่มากมายเท่าไรแต่ก็มีตลอดวัน ส่วนใหญ่เป็นลูกค้าประจำที่คุ้นหน้ากันดี ดังนั้นวันเสาร์อาทิตย์ มิวจึงต้องทำงานเพื่อหารายได้พิเศษเพิ่ม
“ก๊อก ก๊อก ก๊อก”
“มิว! ทำการบ้ายเสร็จแล้วยังลูก...ขอพ่อเข้าไปคุยอะไรด้วยหน่อย”
“ครับพ่อ” สิ้นเสียงมิวตะโกนตอบออกมาจากในห้อง คนเป็นพ่อจึงเปิดประตูเข้าไป
อารัญ เข้าไปในห้องนอนของลูกชายด้วยสีหน้าเคร่งเครียด มิวจึงสามารถเดาออกได้ทันทีว่า พ่อจะพูดเรื่องอะไร
“บ้าน...ใช่มั้ยครับพ่อ”
“มิว...ถ้าจำเป็นเราคงต้องยอมทิ้งบ้านหลังนี้ แม้ว่า...”
“เมื่อไหร่ครับพ่อ” มิวพูดสวนขึ้นมา ซึ่งมันไม่ใช่วิสัยของเขาเลย
“อย่างช้าที่สุด พ่อจะพยายามต่อรองให้มิวจบม.สี่ก่อน แต่ลูกต้องทำใจว่าอาจเร็วกว่านี้ ตอนนี้เค้าก็เริ่มทวงบ่อยขึ้นแล้ว โชคดีก็ที่คุณนายกับเราก็พอคุ้นเคยอยู่บ้าง เลยขอผ่อนผันกันง่ายหน่อย” อารัญจ้องหน้าลูกชายนิ่ง เขารู้ดีว่าลูกคนนี้ต้องสู้ถึงที่สุดและก็จะไม่ยอมอะไรง่ายๆ
“แต่บ้านหลังนี้ พ่อกับแม่ร่วมสร้างกันมา มันเป็นความหวังของแม่ทั้งชีวิต มันเป็นสิ่งที่แม่รักนะครับ” พูดแล้ว รอยสะอื้นของลูกผู้ชายก็เริ่มปรากฏ
“ผมจะทำงานมากขึ้น อาจจะเพิ่มวันธรรมดา แล้วก็กะดึกด้วย ผมจะหาเงินมาใช้หนี้เค้าให้ได้ ผมไม่ยอมทิ้งบ้านหลังนี้เด็ดขาด ผมจะ...”
“มิว! มิว! ฟังพ่อ พ่อเองก็รักบ้านหลังนี้ แต่ลูกต้องรับความจริงให้ได้ เราทำมาทุกทางแล้ว” เขาพูดพร้อมตบไหล่ลูกชายเบาๆเป็นการปลอบใจ
“พ่อไม่ตั้งใจให้ลูกต้องคิดมาก แต่พ่อจำเป็นต้องบอกลูกก่อน...เราสามารถไปได้ทุกเมื่อ”
อารัญพูดทิ้งท้ายเป็นการเตือนสติลูกชายก่อนเดินออกจากห้องไป มิวไม่ได้ตอบพ่อว่าอย่างไร เขาเอาแต่นั่งนิ่ง แต่อารัญย่อมรู้ดีกว่าใครว่าในทีนั้น ลูกชายได้ยอมรับความจริงแล้ว หากแต่ใจมิวยังไม่ยอมแพ้ เขาต้องดิ้นรนต่อ หากเขาทิ้งบ้านหลังนี้ ก็เท่ากับว่าเขาต้องทิ้งสิ่งที่แม่รัก เขาต้องทิ้งที่แห่งนี้ไปยังที่ใหม่ ไกลออกไป แล้วเขาก็จำเป็นต้องทิ้งใครบางคนด้วยเช่นกัน
ความคิดเห็น