ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    ( fic prince of tennis yaoi ) fall for you

    ลำดับตอนที่ #4 : - 3 -

    • อัปเดตล่าสุด 13 พ.ค. 51


    ....................

    .............

    .................................

    ด้วยความที่เป็นกัปตันชมรมเทนนิสซึ่งต้องดูแลการฝึกซ้อม ตลอดจนต้องจัดการงานต่างๆของทั้งของชมรมและงานจากหน้าที่กรรมการนักเรียน ทำให้กว่าที่จะได้กลับบ้านในแต่ละวันก็เย็นย่ำ บรรยากาศรอบกายของถนนซึ่งเต็มไปด้วยร้านรวงและผู้คนพลุกพล่านในย่านนี้จึงไม่ใช่สิ่งที่คุ้นชินเสียสักเท่าไหร่ ยิ่งเห็นว่าบรรดาคนที่เดินเบียดเสียดกันส่วนใหญ่เป็นเด็กนักเรียน ก็ยิ่งรู้สึกเพียงแต่ว่าคนเหล่านี้เลือกวิธีการใช้เวลาได้ไม่เป็นประโยชน์เอาเสียเลย

     

    “ไม่ถูกใจที่นี่เหรอเทะสึกะ”

     

    ฟูจิเงยหน้าถามคนที่เดินอยู่ข้างๆ ซึ่งอีกฝ่ายก็เพียงแต่ส่งเสียงรับในลำคอแล้วนิ่งไป ก่อนจะบอกเหตุผลอย่างอดไม่ได้

     

    “ฉันไม่ชอบที่ๆมีคนเยอะๆ”

     

    ที่นี่ดูยังไงก็เป็นแค่สถานที่ซึ่งเด็กวัยรุ่นมาจับกลุ่มทำอะไรไร้สาระกัน ทั้งที่น่าจะเอาเวลาไปทำอะไรอย่างอื่นที่มีคุณค่ามากกว่านี้แท้ๆ

     

    “แต่เวลาอยู่ในคอร์ทก็มีคนดูเต็มไปหมดไม่ใช่รึไง”

     

    ฟูจิแกล้งว่า ทั้งที่แค่เหลือบเห็นท่าทีอึดอัด และสายตาใต้กรอบแว่นที่เพ่งมองผู้คนรอบกายคล้ายหนักใจหน่อยๆก็รู้ถึงความคิดทั้งหมดของอีกฝ่ายเสียแล้ว

     

    “มันไม่เหมือนกัน”

     

    อยู่บนคอร์ท ถึงผู้คนจะเอะอะโวยวายจนดูไม่เป็นระเบียบเรียบร้อยบ้าง เขาก็ยังเพ่งความสนใจทั้งหมดไปที่เทนนิสได้ แต่กับที่แบบนี้..........

     

    เทะสึกะเผลอถอนใจอย่างเบื่อๆโดยไม่รู้ตัว ขณะที่อัจฉริยะประจำชมรมยกยิ้มบางๆกับการแสดงอารมณ์ออกมาของอีกฝ่าย ที่นานทีจึงจะได้เห็นสักครั้ง เพราะปกติแล้วก็มีแต่จะเข้มงวดเคร่งขรึม ไม่ว่าอยู่ในสถานการณ์ไหนๆ

     

     “นายก็ลองสนใจแต่ฉันซะสิ”

     

    คนได้ยินหันขวับอย่างไม่เชื่อหู

     

    “แบบนั้นจะได้ไม่ต้องกังวลกับเรื่องอื่นไง”

     

    ร่างโปร่งว่าพลางขยับเข้าใกล้แล้วยกแขนขึ้นพาดบ่าคนข้างตัว ใบหน้าหวานเอียงมองอยู่นิ่งๆจนเทะสึกะที่หันมาต้องสบตากับอีกฝ่ายในระยะใกล้กว่าปกติไปโดยปริยาย

     

    ดวงตาของฟูจิเป็นสีเดียวกับน้ำทะเลที่เปล่งประกายระยับยามแสงแดดตกกระทบ ซึ่งหากจะให้หาคำบรรยายก็คงไม่พ้นคำว่า งดงาม และอบอุ่น แต่ถึงเป็นแบบนั้น ท่ามกลางความสวยงามที่น่าดึงดูด ท้องทะเลก็ยังคงไว้ซึ่งความอันตราย ที่กลืนกินชีวิตผู้คนมานับไม่ถ้วน

     

    ยิ่งมองสบตากับอีกฝ่ายนานเท่าไหร่ ก็พาลให้นึกไปว่า ตัวเขาเองก็จวนเจียนจะจมดิ่งลงไป และเป็นอีกผู้หนึ่งที่จะสังเวยชีวิตให้กับทะเลที่แสนงดงามนี้ไม่ต่างกัน

     

    ...................

    ...........

    ...............................

     

    “นี่ เทะสึกะ ร้านนี้โอเครึเปล่า”

    จู่ๆฟูจิก็เอ่ยขึ้น คนถูกถามกะพริบตาปริบแล้วมองไปยังทิศที่อีกฝ่ายชี้โดยอัตโนมัติก่อนจะนิ่งอึ้งราวกับทำอะไรไม่ถูก

     

    ร้านเล็กๆที่หน้าร้านเป็นกระจกใส มองเห็นขนมหลากหลายเรียงรายตรงตู้หน้าเคาท์เตอร์ สีสันของทุกสิ่งในร้านจัดจ้าจนแสบตา และนอกเหนือไปจากนั้น ด้านในของร้านที่มีเนื้อที่ไม่มากนักยังเต็มไปด้วยนักเรียนหญิงกลุ่มใหญ่หรือไม่ก็คู่รักที่ฉอเลาะกันเกินพอดี

     

     “ว่าไง”

     

    “นายชอบร้านแบบนี้เหรอฟูจิ”

     

    ใบหน้าเทะสึกะยังคงเรียบนิ่ง หากในดวงตากลับมีแววแหยงอยู่น้อยๆ

     

    ถ้าอีกฝ่ายชอบ เขาที่ต้องทำตามข้อตกลงก็คงคัดค้านอะไรไม่ได้

     

    “สดใสดีไม่ใช่เหรอ เผื่อจะทำให้นายไม่ต้องตีหน้าเคร่งแบบนี้ไง”

     

    ฟูจิเอ่ยยิ้มๆพลางจ้องมองร้านนั้นอย่างสนอกสนใจจนเทะสึกะชักหวั่นว่าอีกฝ่ายจะเลือกร้านที่วุ่นวายน่าเวียนหัวนั่นจริงๆ ยิ่งพิจารณาว่าฟูจิมีนิสัยชอบแกล้งเป็นทุนเดิมอยู่ด้วยแล้ว....

     

     “มาเถอะ”

     

    กัปตันชมรมผู้เคร่งขรึมถอนใจเฮือกแล้วหลับตาลงเพื่อทำใจรับชะตากรรมตัวเอง ข้างฝ่ายฟูจิที่เห็นว่าอีกฝ่ายได้แต่ยืนนิ่งไม่ยอมเขยื้อนเสียทีก็ถือวิสาสะจับคว้าข้อมือแล้วออกแรงดึงให้ไปด้วยกันเสีย

     

    ........ข้อตกลง......ทุกอย่างเป็นข้อตกลง........

    .....................

    ................

    และเพียงก้าวผ่านประตูเข้ามา กลิ่นหอมหวานของผลไม้และขนมหวานที่ฟุ้งกระจายอยู่ทั่วก็ลอยมาแตะจมูกจนคนที่ไม่ชอบรู้สึกเวียนหัวขึ้นมาจริงๆทั้งยังนึกอยากจะถอยกลับเสียดื้อๆ ตรงข้ามกับฟูจิที่เดินเข้าไปในร้านซึ่งเต็มเปี่ยมไปด้วยสีสันนั้นอย่างคุ้นชินเสียจนเทะสึกะนึกสงสัยว่าอาจไม่ใช่ครั้งแรกสำหรับการมาเยือนที่นี่ของอีกฝ่าย

     

    ความรู้สึกจำยอมระคนเบื่อหน่ายจากการต้องเข้ามาในสถานที่ๆตรงข้ามกับความชอบของตัวเองไปเสียทุกอย่างแปรเป็นความประหลาดใจเมื่อฟูจิที่ก้าวฉับๆตรงไปด้านในลึกๆ แล้วเปิดบานประตูไม้ตรงหน้าเข้าไป

     

    สิ่งที่อยู่หลังบานประตูของร้านขนมกลับเป็นร้านหนังสือขนาดใหญ่ที่เงียบสงบให้บรรยากาศต่างจากข้างนอกที่เพิ่งเดินผ่านมาโดยสิ้นเชิง ชั้นหนังสือมากมายวางเรียงรายอย่างเป็นระเบียบ ห่างออกไปมีบันไดโค้งคลาสสิคที่นำขึ้นไปยังชั้นลอย แต่งประดับบริเวณที่ว่างด้วยโคมไฟโบราณ บนผนังแขวนภาพวาดสีอ่อนดูสบายตา

     

    ...................

    ...........

    ................................

     

    จุดที่ฟูจิเลือกนั่งในที่สุดนั้นคือชั้นลอยซึ่งเป็นส่วนตัวและเงียบสงบ โต๊ะไม้ตัวเตี้ยดูแข็งแรงวางเรียงรายราวห้าหกที่ พร้อมกับมีเบาะผ้าสีเอิร์ทโทนให้ความรู้สึกอบอุ่นวางไว้อยู่รายรอบ

     

    “ที่นี่กาแฟอร่อย ชาก็รสดีไม่แพ้ที่ไหน”

    คำบรรยายสรรพคุณแว่วเข้าหู เทะสึกะที่กำลังมองสำรวจบรรยากาศรอบตัวจนดูเหมือนใจลอยอยู่น้อยๆหันมองคนพูด และพบว่าดวงตาสีฟ้าสวยจ้องมาเขม็ง

     

    “มีอะไรรึเปล่า”

     

    “แค่สงสัย.....นิดหน่อย....”

     

    “ฉันรู้หรอกว่านายไม่ชอบที่ที่ๆเสียงดังเอะอะจนน่ารำคาญแบบนั้นน่ะ”

     

    ฟูจิเอ่ยยิ้มๆ ขณะที่อีกฝ่ายได้แต่นิ่งงันเมื่อนึกรู้ว่าท่าทีที่ผ่านมาของอีกฝ่ายเป็นเพียงแต่จะแกล้งเขาตามนิสัยเจ้าตัวก็เท่านั้น เทะสึกะเขม้นมองอีกฝ่ายคล้ายจะตำหนิเล็กน้อย แต่ท้ายสุดก็อดจะผ่อนคลายไปกับบรรยากาศของร้านไม่ได้  จึงรับเอาเมนูที่อีกฝ่ายเลื่อนให้มาพลิกดูโดยไม่ว่าอะไร

     

    “แล้วร้านนี้ก็มีหนังสือเกี่ยวกับภูเขาเยอะมากเลยนะ เพราะว่าเจ้าของร้านชอบปีนเขามาก”

     

    ดวงตาเคร่งขรึมเป็นประกายขึ้นมาวูบหนึ่งราวกับได้ฟังอะไรที่ถูกใจ กระทั่งริมฝีปากที่มักจะเม้มสนิทอย่างคนที่มีนิสัยเข้มงวดก็ยังเกือบจะยกโค้งเป็นรอยยิ้มเสียด้วยซ้ำ

     

    “นี่ เทะสึกะ.......ถ้านายถูกใจร้านนี้......เรามากันบ่อยๆดีมั้ย........”

     

    น้ำเสียงที่ใช้นั้นเสมือนว่าฟูจิแค่ถามไปเรื่อยเปื่อย และไม่ต้องการคำตอบอะไรจริงจัง แต่วิธีที่มองจ้องมากลับกลายเป็นว่าจะคาดคั้นเอาคำตอบเสียให้ได้ และยังต้องเป็นคำตอบที่ถูกใจด้วย

     

    “ตามที่ตกลงกัน ถ้านายอยากให้มา ฉันก็ต้องมาไม่ใช่รึไง”

     

    “อา.......นั่นสินะ”

    ใบหน้าหวานก้มลงนิดหน่อยราวกับนึกผิดหวังในคำตอบนั้น หากเพียงไม่ถึงนาทีก็เงยขึ้นมองพร้อมกับรอยยิ้มที่อ่านไม่ออกแต่กลับจุดให้คนเห็นรู้สึกถึงเค้าลางอะไรบางอย่างที่ไม่น่าจะเป็นเรื่องดีนัก

     

    “ถ้านายไม่พูดมา ฉันก็เกือบจะลืมไปแล้ว ......ว่าเราตกลงกันให้นายทำอะไรตามใจฉันน่ะ”

     

    ฟูจิเอ่ยเสียงแผ่วราวกับจะพึมพำกับตัวเอง ก่อนที่จะลงเสียงหนักขึ้นในตอนท้าย ซึ่งเป็นทั้งการย้ำเตือนความทรงจำของทั้งคนพูดและคนฟังไปพร้อมกัน

     

    ++++++++++++++++

    +++++++++++

    Tbc.

    ยาวขึ้นมาได้อีกหน่อย ขอบคุณสำหรับคอมเมนต์นะคะ เห็นแล้วอยากเขียนต่อขึ้นมาทันใด

    ชอบแคลมป์ ^ ^

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×