ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    King & FU (akashi x mayuzumi)

    ลำดับตอนที่ #1 : HBD Akashi ^^

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 942
      12
      19 ธ.ค. 57

    Happy Birth Day Akashi (HBD FIC)
     
    couple : akashi x mayuzumi 
     
    rate : PG 15 
     
    note : สุขสันต์วันเกิดนะคะ อาคาชิซัง ....บีบวิปครีมใส่ตัวรุ่นพี่มายุ เตรียมผูกโบว์ให้เป็นของขวัญ ขอให้ทำตัวน่าเอ็นดูแบบนี้ตลอดไปนะคะ 
     
         ฉันกำลังทำบ้าอะไรอยู่วะเนี่ย ผู้ชายแบบฉัน ณ ตอนนี้ควรนอนอยู่บ้านแล้วฟังดราม่าซีดีของ โอโต้ฮิเมะที่เพิ่งออกมาใหม่ล่าสุด อยู่ที่บ้านมากกว่า แต่ตอนนี้กำลังทำอะไรอยู่ฮะ มายืนหน้าบ้าน ณ โตเกียวที่โคตรของโคตร ใหญ่โต แล้วมาเหงื่อสั่นไม่รู้ว่ากดกริ่งดีหรือไม่กดดี -_- ส่วนในมือ ถือกล่องใส่เค้กครีม กล่องใหญ่ที่เรโอเน่ซังเป็นคนทำ ถ้าจะถามว่ากน้าบ้านที่มายืนอยู่นี่บ้านใคร ก็ก็เดี้ยวก็รู้เอง ส่วนเค้กนี่เอามาทำอะไร เดี้ยวก็รู้เองอะน่า อย่าเพิ่งถามมากน่า รู้แบบนี้ไม่น่าตกหลุมกลของหมอนั้นเลย ซวยชะมัดยาก .... และระหว่างที่ลังเลจะกดกริ่งดีหรือไม่กดดี ประตูหน้าบ้านบานใหญ่ ก็เปิดออกมาพอดี ร่างของผู้หญิงอายุประมาณ 20 กว่าๆ ใส่ชุดของแม่บ้าน ก็มองหน้าผมเหมือนจะถามว่า มาทำอะไรที่นี้ ก่อนที่จะได้พูดอะไร เธอก็เอ่ยปากถามก่อนพอดี 
     
         “ มาพบใครเหรอคะ” 
     
         “….เอ่อ... นี่ใช่บ้านของ อาคาชิ เซย์จูโร่ไหมครับ” 
     
        “ใช่แล้วคะ ...ไม่ทราบว่าคุณ....” 
     
        “ มายุซึมิ จิฮิโระ ครับ” 
     
        “ คุณมายุซึมิ มาหาท่านเซย์จูโร่ เหรอคะ” 
     
        “ ใช่แล้วครับ...” 
     
          ใช่แล้วครับ ... บ้านที่ผมกำลังยืนอยู่มันคือบ้านของ กัปตันทีมราคุซันอย่าง เด็กจูบิเนียว ไม่ใช่ๆ เด็กอัจฉริยะ อาคาชิ เซย์จูโร่ ก็เข้าใจอยู่หรอกนะครับ ว่าบ้านเป็นตระกูลเก่าแก่ที่ร่ำรวย แต่ไม่คิดว่าจะร่ำรวยอะไรถึงขนาดนี้นะเนี่ย แม่บ้านถามผมว่าได้นัดกับเค้าไว้ไหม ห๊ะ!! ต้องนัดไว้ล่วงหน้าด้วยเหรอ ตารางงานของเด็กคนนั้นมันยุ่งขนาดนั้นเลยเหรอ น่าหมั่นไส้เป็นบ้า พอผมบอกว่าไม่ได้นัดเอาไว้ เธอก็บอกว่างั้นต้องรออีกหน่อย เพราะตอนนี้กำลังเรียนวิชาเขียนภาษาญี่ปุ่นโบราณอยู่ ถ้าไม่ได้นัดเอาไว้ล่วงหน้า เธอไม่กล้าไปตาม ผมตอบเธอไปว่าไม่เป็นไร เธอก็บอกว่างั้นเข้ามารอก่อน เพราะอีก 20 นาทีจะหมดเวลาเรียนแล้ว เธอจะไปตามท่านเซย์จูโร่ให้ ... ยิ่งพูดก็ยิ่งน่าหมั่นไส้ไอ้เด็กนั้นเป็นบ้า 
     
          ผมเดินตามเธอมา กอดกล่องเค้กสีขาว แดง เอาไว้ในมืออย่างแน่นๆ ให้ตายเถอะ เรโอะเน่ซัง คิดอะไรอยู่เนี่ย คนแบบอาคาชิชอบอะไรแบบนี้ด้วยเหรอ ส่งผมมาเป็นหนูลองทีนหรือไง
     
          “ จะดื่มชา หรือ น้ำส้มดีคะ มายุซึมิซัง” 
     
         “ มะ..ไม่เป็นไรหรอกครับ ผมให้สิ่งนี้แล้วก็จะกลับแล้วละครับ” ผมก้มลงมองไปที่กล่องเค้กนั้น สาวใช้คนนั้นก็มองตาม แล้วแอบหัวเราะเบาๆ เชื่อเลยว่าสิ่งที่มุ้งมิ้งๆแบบนี้ไม่เหมาะกับอาคาชิซังชัวร์ และผมต้องโดนทีนอาคาชิซังชัวร์ๆ 
     
         “ งั้นทำตัวตามสบายนะคะ” 
     
         “ ขะ..ขอบคุณมากครับ” ตอนนี้ผมมีความรู้สึกว่าเรโอะเน่ซัง คงกำลังหัวเราะอยู่แน่นอนเลยละ นี้คงเป็นแผนการแกล้งผมอย่างแน่นอน รายนั้นชอบแกล้งอะไรที่เค้าคิดว่าน่ารักอยู่แล้ว (ผมไม่ได้บอกว่าตัวเองน่ารักอะไรหรอกนะ)
     
          พอมองไปรอบๆบ้านแล้ว นี่มันสุดยอดจริงๆเลยนะ บ้านญี่ปุ่นโบราณ เสื่อทาคามิสีนวลตา กับกำแพงคามิลายนกกระสากับพญาเหยี่ยว ข้าวของที่เข้ากับบ้านทรงญี่ปุ่นโบราณอย่างดี แจกันเนื้อสวย ที่มีกิ่งของต้นซากุระ ประดับไว้อย่างสวยงาม ผมวางกล่องเค้กลง และเดินไปดูสวนหินที่จัดเอาไว้อย่างสวยงาม เสียงน้ำที่ลงจากต้นไผ่ กระทบกันบ้านนี่มันสุดยอดจริงๆเลยนะ บ้านแบบนี้ถ้าไม่ติดว่าเงียบจนเกินไป ก็อยากจะอยู่เหมือนกันนะ สาวใช้แต่งตัวด้วยกิโมโนสีแดงสด ดูแล้วเข้ากับบรรยากาศของบ้านหลังนี้จริงๆเลยนะ ทุกคนๆที่ผมสังเกตดูก็ใส่ชุดกิโมโนกันหมดเลยนะ ไม่อยากคิด ไอ้เด็กจูบิเนียว เอ้ย อาคาชิซังนะ คงใส่แบบด้วยใช่มะ คิดแล้วสยองนิดๆแฮะ ต่อให้เหมาะแค่ไหนก็เถอะ ใส่ชุดธรรมดาเถอะนะ ถ้าเกิดว่าเจอภาพ อาคาชิใส่กิโมโนแล้วถือกรรไกร กระชวกผม ผมไม่อยากคิด สยองเป็นบ้า T/////T 
     
           “เธอ มาหาเซย์จูโร่เหรอ” 
     
           “ ขะ...ครับ ขอโทษนะครับ ที่เดินดูโดยไม่ได้รับอนุญาติ” 
     
          “ฉันไม่ได้ว่าอะไรเธอสักหน่อยนะ เป็นเพื่อนที่โรงเรียนของเซย์จูโร่เหรอ” 
     
          “ไม่ใช่ครับ ผมเป็นรุ่นพี่ของเค้านะครับ” ขะ..ใครนะ ดูจากท่าทางน่ากลัวเป็นบ้าเลยแฮะ ดูเป็นคนมีอำนาจพอๆกับไอ้เด็กนั้นเลยอะ หน้าตาก็คล้ายๆกันอยู่หรอกนะ แต่ดูเหมือนผู้ชายคนนี้จะดูดีกว่าอีกแฮะ แต่ผมสีแดงเหมือนเพลิงแบบนี้ สงสัยเป็น พ่อไอ้เด็กนั้นชัวร์ ห๊ะ!!!!... พ่อเหรอ คงไม่ใช่หรอกนะ 
     
           “รุ่นพี่เหรอ หน้าเธอดูอ่อนเยาว์นะ ฉันนึกว่ารุ่นเดียวกัน” 
     
           “ ขะ ขอบคุณมากเลยครับ” 
     
           “แล้วเธอ มาหาเค้ามีธุระอะไรละ หรือจะเอากล่องนั้นมาให้เค้าเฉยๆ” 
     
           นะ...น่ากลัวเป็นบ้า เค้าหัวเราะตอนที่ผมกำลังหน้าแดง จากนั้นก็นั่งลงที่เบาะนั่งตรงข้ามกับผม เค้าเป็นผู้ชายที่ดูดี ดูดีเป็นบ้าเลยละ แต่คำพูดของเค้าแต่ละคำ มันเหมือนกำลังอ่านใจผมอยู่เลยแฮะ เค้าพูดกับผมไปจ้องหน้าของผมไป ให้ตายสิ เค้าเป็นพ่อของอาคาชิชัวร์ เพราะยิ่งดูใกล้ๆหน้าตาเหมือนกันชะมัด เพียงแต่เค้านั้นดูอายุมากกว่า หากเปรียบเทียบให้เห็นภาพคงเหมือนอาคาชิตอนที่อายุ 40 กว่าๆอะนะ เค้าทำให้ผมเกร็ง แต่เค้าเหมือนไอ้เด็กนั้นชะมัด การที่ผมเกร็งเค้าคงสนุกสินะ เพราะเค้าเห็นว่าผมยิ่งเกร็งมากเท่าไร เค้าก็ยิ่งส่งสายตาเหมือนบังคับมากให้มากเท่านั้น ตอนที่เค้ามองกล่องเค้กนะ ผมว่าถ้าเค้กมาอยู่ข้างนอกกล่องมีหวังละลายชัวร์ ดูดีมากนะครับ คุณพ่อของอาคาชิ แต่ช่วยหยุดมองผมเถอะครับ ผมเกร็งไปหมดแล้ว T^T 
     
           “ใช่ครับ ผมแค่เอาของสิ่งนี้มาให้ แล้วจะกลับละครับ” 
     
            “อยู่กินข้าวเย็นซะเลยสิ จิฮิโระ” 
     
            “ ผมขอขอบคุณนะครับ แต่ไม่รบกวนดีกว่านะครับ” 
     
          “ รบกวนเหรอ ไม่หรอก จิฮิโระ ตามที่ฉันเดา ฉันคิดว่าเธออาจต้องค้างที่นี้” ผมพอจะรู้แล้วละว่าไอ้นิสัยเอาแต่ใจ ชอบบังคับคนอื่นเค้าของไอ้เด็กตาสองสีนั้นมาจากใครกัน รู้สึกเหมือนตอนนี้กำลังคุยกับอาคาชิอีกคนที่เอาแต่ใจมากกว่าเดิมหลายเท่าเลยแฮะ อึดอัดซะมัด ใครก็ได้ช่วยผมที 
     
            “ผม ไม่.....” 
     
             “จิฮิโระ! ไม่เอาน่า เซย์จูโร่เรียนวิชาเขียนอักษรโบราณเสร็จแล้วละ เดี้ยวเค้าก็จะลงมาหาเธอ” 
     
             ผมเชื่อเลยว่าเสียงที่เรียกชื่อของผม มันหมายถึงฉันโมโหแล้วนะ อย่าขัดใจฉัน ปล่อยให้มันเป็นแบบที่ฉันคิดเถอะ ผมว่าเค้าคงรู้ชื่อผมมาจากแม่บ้านที่มาต้อนรับ แต่เรื่องนั้นช่างมันเถอะ ตอนนี้เกร็งจนลุกไปไหนไม่ได้เลยแฮะ ถึงเค้าจะลุกจากที่นั่งแล้วเดินออกไปไกลแล้วก็เถอะ กินข้าวเย็นด้วยงั้นเหรอ เหมือนจะเป็นเกียรติแต่ไม่เอาดีกว่านะ รู้สึกว่ากินข้าวคนเดียวไม่อึดอัดขนาดนี้เลยละ นอนค้างงั้นเหรอ ไม่ดีกว่านะ รู้สึกเป็นเกียรติมากจนรับมันไว้ไม่ได้เลยละ รีบๆลงมาซะไอ้เด็กตาสองสี แล้วเอากล่องนี้ไปซะ ฉันจะกลับไปอ่านไลท์โนเวลต่อ รู้สึกตอนนี้อยากออกไปจากบ้านหลังนี้มากๆเลยละครับ 
     
              “ อรุณสวัสดิ์ จิฮิโระ” 
     
              “……” สะๆๆ สะดุ้ง จนไม่รู้จะพูดอะไร คนพ่อจากไปคนลูกเข้ามา เดี้ยวๆผมปรับระดับความดันของตัวเองไม่ทัน T^T 
     
              “คุยอะไรกับท่านพ่อละ จิฮิโระ” 
     
              “ อะ ..อ่อ ท่านพ่อคุณ ท่านแค่ถามเฉยๆว่า ฉันเป็นใคร มาหาคุณทำไม” 
     
              “ ปกติเค้าไม่เคยใส่ใจหรอกนะ ว่าอะไรเป็นอะไร” 
     
             อย่าคิดว่าฉันจะรู้เรื่องนะ ไอ้เด็กตาสองสี แต่ช่างมันเถอะ พูดอะไรต่อไปมันก็เท่านั้นเองและ เพราะถ้าออกจากบ้านหลังนี้ได้ จะตรงดิ่งกลับบ้านไปเลยละ ไม่กลับมาที่นี้เล๊ย ให้ตายเถอะน่ากลัวมาก ไอ้เด็กตาสองสีนั้นเดินมาจากไหนก็ไม่รู้อะนะ แต่มันยืนพิงประตู แล้วทำหน้าเก็กหล่อใส่ชะงั้น ไอ้เด็กนั้นใส่กิโมโนสีดำจริงๆด้วย ก็บอกแล้วไงว่าเข้ากันดี เหมาะกันสุดๆ แต่ภาพในจินตนาการที่เด็กนั้นถือกรรไกรเตรียมแทงนี่ แม่ครับ ช่วยผมด้วย T^T 
     
              “มาหาผม มีอะไรอยากคุยกับผมเหรอ” 
     
             “ ฉันโดนบังคับ” หมั่นไส้ หมั่นไส้แต่ต้องเก็บมันเอาไว้ให้ลึกสุดใจ เพราะตอนนี้ถิ่นเด็กนี้ ขืนพูดมันออกไป มีหวังโดนแทงดับที่นี่แน่นอน แต่ตอนเด็กนั้นมันบอกว่า มีอะไรอยากคุยกับฉันหน้าตาหมั่นไส้ชอบกล พอบอกโดนบังคับเด็กนั้นทำหน้าเหมือนไม่พอใจ คือสะใจแฮะ 
     
              “ ใครบังคับคุณมาละ” 
     
             “ รองกัปตันคนสนิทของคุณไง” 
     
              “เรโอะเน่ เหรอ” 
     
              “ ใช่ ... เรโอะเน่ซังบอกให้ฉันเอากล่องนี้มาให้ คุณก็รับเอาไว้ซะ ฉันขอตัวกลับแล้วละ” ขอตัวกลับก่อนละกันไม่งั้น กรรไกรคงได้โผล่มาแทงที่แถวๆคอตัวเองแน่นอน เพราะฉะนั้นแผ่นไปก่อนแล้วกันนะ 
     
               “ ข้างในนั้นเป็นอะไรละ” 
     
              ไอ้เด็กตาสองสีนั้นยิ้มเหมือนตอนที่เจอเรื่องสนุกๆแต่เชื่อเลยว่าคุณนะไม่สนุกกับเค้าหรอกนะ จากนั้นก็เดินมานั่งใกล้ๆกับผม คือตอนนี้คิดว่าการที่นั่งฝั่งตรงข้ามกันโอกาสรอดน่าจะมีมากกว่า พอเจอดักทางแบบนี้ คือถ้ากรื้ดออกมาได้ก็อยากจะทำอะไร แต่ผมคงโดนกรรไกรแทงดันเร็จกว่าเดิม เพราะบังอาจทำให้หูต้องมาฟังเสียงแบบนี้ เพราะฉะนั้นเลยต้องทนให้เด็กนั้นมานั่งข้างๆ มือของเด็กนั้นมาเลื่อนกล่องที่อยู่ตรงหน้าของผม ให้มาอยู่ตรงหน้าของเค้า ก็บอกว่ายอมรับไงว่าเด็กนี้ใส่ชุดกิโมโนได้เข้ามากๆ แต่ยิ่งเข้ามากเท่าไร ภาพสยองๆก็เข้ามาในหัวมากเท่านั้น T^T ไม่เอานะ ไม่เอากรรไกร 
     
              “ เค้กครีมสด สตอเบอร์รี่” 
     
             “ หืม... จิฮิโระ วันนี้วันอะไร” 
     
             “ วันที่ 20 ธันวาคม ...” 
     
             “ หลังจากนี้คุณคงไม่รู้สินะ จิฮิโระ ว่ามันคือวันอะไร” เดี้ยวๆนะไอ้เด็กตาสองสี อย่ายื่นหน้าเข้ามาใกล้ๆนะเว้ย ว่าแต่วันนี้วันอะไรละ อย่าบอกนะว่าวันตายของผมนะ ไม่ใช่ไม่เชื่อหรอกนะ แต่กลัวจะเป็นจริงมากกว่า ฉันแค่โดนบังคับจากเรโอะเน่ซังคนสนิทของนายนะ ไม่อยากจะเอาอะไรแบบนี้มาให้สักหน่อย 
     
             “ ตัวสั่นเชียว... แต่ถึงแบบนั้นก็น่ารักดีนะ” 
     
             “ ฉันกลับได้หรือยัง อาคาชิซัง” 
     
             “ ผมยังพูดไม่จบเลยนะ จิฮิโระ รีบกลับแบบนี้ มันไม่ดีนะ” 
     
             แต่ถ้าผมอยู่ต่อนานอีก มันก็ไม่ดีต่อผมเช่นเดียวกันนะครับ ไอ้มือที่จับคางกันอยู่ กับอีกข้างที่รวบเอวเอาไว้เนี่ย เฮ้ย!!! มันดูชอบกลๆนะ ไอ้เด็กตาสองสีนี่เห็นว่ามันนิ่งๆ ไม่แสดงอาการอะไรออกมา อารมณ์อะไรก็เดายาก แต่ความจริงมือไว และมือเหนียวมากเลยแฮะ ผมพยายามจะแกะออกอยู่ตั้งนาน แต่ก็ไม่เป็นท่าเหมือนเดิม อาคาชิแกะโบว์ของกล่องออกและแกะกระดาษที่ห่อไว้ อย่างแม่นยำเหมือนกับคำนวณไว้แล้วว่าต้องแกะแบบไหนถึงจะดี พอเห็นหน้าเค้กแล้ว น่ากินนะ คือผมพอจะรู้แล้วละ ว่าเรโอะเน่ซังชอบทำขนมและอาหาร แต่ไม่คิดว่ามีฝีมือจะมีดีขนาดนี้เลยนะเนี่ย แต่ตอนนี้เค้าจะปล่อยผมได้หรือยังละ 
     
             “ ฉันรู้อะนะ ว่าคุณไม่ชอบอะไรแบบนี้” 
     
            ….. 
     
             “ ตะ .... แต่ คนทั้งทีมนะ เค้าอยากจะขอบคุณอาคาชิซังนะ ที่ทำงานอย่างหนักมาโดยตลอดนะ เพราะอย่างนั้นคุณก็รับมันไปเถอะ ความห่วงใยของพวกเค้านะ” ผมเพิ่งพูดอะไรที่ยาวๆขนาดนี้อะนะ อายเหมือนกันนะ แต่ก็รู้สึกแบบนั้นอะ 
     
             “คุณเป็นห่วงผมไหมละ จิฮิโระ” 
     
             “ ถามโง่ๆนะ “ จึ้ย!!! เผลอพูดออกไปแล้ว ไอ้ความคิดอันตรายที่ไม่ควรพูดให้อาคาชิได้ยิน แต่เค้าเหมือนจะให้พูดต่อไปมากกว่า อะ...เอางั้นก็ได้ 
     
              …. 
     
             “ฉันเป็นคนในทีม ในเมื่อคนในทีมเค้าห่วงใยคุณ ฉันก็ห่วงใยคุณเหมือนพวกเค้านั้นและ ฉันเป็นหนึ่งในทีมราคุซันนะ ถึงจะเป็นแค่เงาก็เถอะ” 

              “ จิฮิโระ เรื่องนั้นนะ ผมขอโทษ” 
     
              หมั่บ ~ 
     
              ผมหลับตาปี้ หลังจากที่พูดมันออกไปจับก็เตรียมใจไว้แล้วละว่าต้องโดนกรรไกรสังหารแน่นอน แต่ผมลืมตาเพื่อดูแผล กลับกลายเป็นว่าผมอยู่ในอ้อมกอดของอาคาชิซะงั้น คะ...เค้าคว้าตัวผมไปกอดอย่างนั้นเหรอ เดี้ยวๆๆๆ กอดผมทำไมละ แล้วจะลูบหัวกันทำไม ผมพูดตามตรงตอนที่เค้ากอดผมและลูบหัวของผมนั้น ผมมีความรู้สึกเหมือนเค้าจะเศร้าใจอะไรบาง อาคาชิรู้สึกผิดอย่างนั้นเหรอ ที่พูดแบบนั้นกับคนแบบผมไปนะ ไม่เอาน่า อย่าคิดมาก คนที่หยิ่งทะนง และทะเยอทะยานแบบอาคาชินะ ไม่มีวันที่จะอยากเข้าใจความรู้สึกของใครหรอก แต่เอาตามตรงความรู้สึกหลังจากเค้าพูดกับผมแล้ว มันก็ตกใจอะนะ เพราะคิดว่าตัวเองน่าจะทำอะไรได้มากกว่านี้ แต่พอเจอทุกคนที่พยายามมากกันถึงขนาดนั้น ผมก็ทิ้งความรู้สึกที่ว่า ต้องได้ทำมากกว่านี้ เป็นถ้ามีอะไรที่ได้ทำ ต้องทำมันให้ได้ เพราะทุกคนก็ทำในสิ่งที่ทำได้อยู่เหมือนกัน การเป็นทีมเดียวกันถึงแม้มันจะเส้นบางๆ แต่ก็ยังดีกว่าเป็นเส้นหนาๆที่ขาดไปแล้ว นับตั้งแต่วันที่แข่งเสร็จ ทุกคนเข้ามาจับมือ และกอดคอกับผม มันก็ทำให้รู้สึกดีนะ 
     
               แต่มันกำลังจะหมดไปหลังจากโดนเรโอะเน่หลอกให้เอาเค้กมาให้ไอ้เด็กตาสองสีนี่และ นี่มันหลอกมาตายชัดๆ T^T 
     
               “ ฉันหายใจไม่ออกแล้ว อาคาชิซัง ปะ ปล่อยก่อน” 
     
               “ ตายคาอกฉัน ไม่ดีเหรอจิฮิโระ” 
     
               “ อาคาชิซัง ขอโทษนะ....” รู้สึกว่าวันนี้อาคาชิซังจะพ่นคำพูดที่ไม่คิดว่าคนแบบเค้าจะเอ่ยออกมาได้ ชวนอยากให้อาเจียนชะมัด ผมเลยต้องขออนุญาติเอามือแตะที่หน้าผากของเค้า ตัวก็ไม่เห็นร้อนอะนะ แล้วไปกินอะไรมาผิดเนี่ย หรือลืมเขย่ายาก่อนกิน 
     
               “ ผมปกติดีนะ จิฮิโระ” 
     
               “ ขอโทษนะ คำพูดแบบนี้ ฉันไม่เคยได้ยิน จากปากคุณ เลยรู้สึกไม่คุ้นนะ” 
     
               “ ทำตัวให้ชินด้วยละ จิฮิโระ เพราะต่อจากนี้ก็คงได้ยินบ่อยๆ” 
     
               หือ.... อะไรนะ ผมหูฝาดหรือเปล่าละเนี่ย ช่วยทำตัวให้คุ้นอย่างนั้นเหรอ ให้ชิน เดี้ยวๆนะไอ้เด็กตาสองสีนี่ท่าทางจะแพ้จนสติน็อคปะวะ เลยพูดอะไรเลี่ยนๆชวนอ้วกแบบเนี่ย ไหนจะสายตาของเด็กนี้อีก คือมันกรุ้มกริ่มจนผมรู้สึกว่า กำลังอยู่กับตัวตนด้านไหนของ อาคาชิซัง เซย์จูโร่ซามะวะเนี่ย ด้านยันเดอเระ ด้านปกติเหมือนคนธรรมดา หรือด้านโดนความรักเข้าสิง บอกตามตรงว่าไม่คุ้น และไม่ชินกับด้านไหนสักอย่าง ไม่รู้สิ ไม่รู้ว่าควรชินดีไหม คือไม่ได้อยากดราม่าอะไรสักอย่าง ก็ดราม่าไปก็ไม่ได้ทำให้อะไรดีขึ้น ผมรักทุกด้านของเค้านะ ก็ทุกด้านของอาคาชิซังนะเค้าต้องการใครสักคนที่เป็นแรงผลักดันให้เค้า และใครสักคนที่เป็นคนที่อยู่เคียงข้าง และคนคนนั้นคือ คุโระโกะซัง ผู้เล่นมายาของทีมเซยรินที่เพิ่งพ่ายแพ้มาเมื่อเดือนที่แล้ว คุโระโกะซัง เป็นคนที่อาคาชิจะไม่มีวันยอมทำร้ายจิตใจเด็ดขาด และผมก็เชื่อว่าอาคาชิ ไม่เคยเห็นคุโระโกะซังเป็นเครื่องมือ หรือตัวผ่านทางเด็ดขาด เพราะคุโระโกะซังเป็นที่รักของทุกคน ไม่เหมือนผมที่จืดจาง ไร้ตัวตน และไม่มีความสำคัญใดๆ 
     
             ผมปาดน้ำตาที่มันพยายามจะไหลให้ออกไปจากคำสั่งของสมองซะ หน้าที่ของผมวันนี้คือเอาของชิ้นนี้มาให้เค้าในวันนี้ เมื่อเค้ารับไปแล้วผมก็ควรจะไปได้แล้ว 
     
             “อาคาชิซัง ฉันไปก่อนแล้วกันนะ” 
     
             “ ท่านพ่อบอกให้ คุณอยู่กินข้าวก่อน แล้วจะรีบไปทำไม” 
     
             “ ฝากขอโทษท่านด้วยแล้วกันนะ แต่ฉันไม่มีความจำเป็นต้องอยู่ต่อแล้วละ” ขืนยิ่งอยู่ต่อ ความเข้มแข็งที่พยายามจะสร้างมาโดยตลอดก็พังทลายนะสิ ถึงตอนนี้จะตัดใจจากอาคาชิไม่ได้ 100 % แต่ถ้าไม่เริ่มตอนนี้ มันจะกลายเป็นแผลเรื้อรัง ที่สร้างความเจ็บให้กับเรานะสิ 
     
              “ คุณไม่อยากรู้เหรอ ว่าวันนี้วันอะไร ทำไมเรโอะเน่ถึงได้เอาเค้กมาให้ผมนะ” 
     
             “ ตามใจคุณเถอะ คุณอยากบอกก็บอกมา ถ้าคุณไม่อยากพูดก็ช่างมันเถอะ” 
     
             “ คุณเป็นอะไร จิฮิโระ .... “ 
     
             ผมไม่รู้ว่าตัวเองพูดอะไรกับอาคาชิอะนะ แต่จำได้ว่าผมยิ้มให้เค้าแทนคำตอบที่เค้าถามผมเป็นครั้งสุดท้าย ผมพยายามจะเดินหนีจากเค้ามาให้ไกล บางทีการไม่เจอเค้าเลยอาจจะเป็นอะไรที่ดีกว่า ผมสารภาพเลยแล้วกันว่า ตอนนี้ผมพยายามจะตัดใจจากเค้าอยู่ การที่เราใกล้ชิดกันแล้วเค้าทำดีกับผม มันทำให้ผมที่ไม่เคยมีใครสนใจ นั้นรู้สึกดี แต่ท้ายที่สุดกลับกลายเป็นว่า ผมตกหลุมรักเค้า และตอนแข่งขันผมถึงได้รู้ว่า ตลอดเวลาเค้าทำดีกับผมเพื่อที่จะใช้ผมเป็นเครื่องมือสำหรับชัยชนะ ผมเต็มใจที่จะเป็นเครื่องมือ ถ้าหากว่าเพื่อชัยชนะ ผมยอมเป็นอะไรก็ได้ แต่สุดท้ายกลับกลายเป็นว่า ผมเป็นแค่คนที่เค้าพยายามจะทำให้เหมือน คุโระโกะ เซ็ตสึยะซัง ผู้เล่นหมายเลข 11 ของฝั่งตรงข้าม ก็แค่คนที่ทำให้เหมือน พอตัวจริงมาแล้ว คนอย่างผมก็หมดความหมาย และโดนทอดทิ้งตามเดิม 
     
            แต่มันก็ดีแล้วไม่ใช่หรือยังไงกัน อีกไม่กี่เดือน ผมก็จบการศึกษาแล้ว ชีวิตที่เหลือก็นั่งอ่านไลน์โนเวล และมีชีวิตแบบปกติต่อไป จืดจาง ไร้ตัวตน คนมองผ่าน ก็น่าจะชินแล้วไม่ใช่หรือไงกัน ก็ปกติก็โดนทำแบบนี้มาตลอดนิ 
     
           “ คุณคิดมากเรื่องที่ผมพูดสินะ ผมขอโทษจิฮิโระ” 
     
            “ อาคาชิซัง ... ฉันต้องขอบคุณมากกว่านะ ที่อย่างน้อย ชีวิตตอนปีสามของฉัน ก็ไม่น่าเบื่อ” ก็อย่างน้อยยังมีคนเห็นฉันยังไงละ ถึงนายจะเห็นว่าฉันเหมือนคุโระโกะซังนั้นก็ตามเถอะนะ อย่างน้อยเห็นก็คือเห็น แค่มองก็คือว่าเห็น 
     
            “ คุยกับฉันให้รู้เรื่องก่อน จิฮิโระ” 
     
            “ เรื่องนี้มันไม่เกี่ยวกับเรื่องบาสนี่ อาคาชิซัง ... มันเป็นเรื่องผม คุณไม่ต้องสนใจ เรื่องนี้ไม่ทำให้คุณพ่ายแพ้หรอกครับ” 
     
            “ จิฮิโระ หยุดพูดจาประชดฉันสักที” 
     
            “ ฉัน ... ขอโทษแล้วกัน เรื่องที่พูดจาแบบนั้น แตเรื่องที่บอกให้คุยกันขอโทษนะ ฉันนั่งคุยไม่ได้หรอก” 
     
            “ นั่งลง!!! ถ้าคุยไม่ได้ แค่ฟังที่ฉันพูดก็พอ จิฮิโระ” 
     
             นันย์ตาของอาคาชิซังกลับมาเป็นสีเหลือง - แดง เหมือนตอนที่ผมเจอเค้าใหม่ๆ ผมเพิ่งจะมาเข้าใจเองว่า ด้านปกติของอาคาชิคือ ด้านที่ดวงตาทั้งสองข้างเป็นสีแดง เหมือนกับนามสกุลของเค้านั้นและ แต่ถ้าเค้าแสดงความเป็นราชา หรือแม่ทัพที่อยู่เหนือใครๆดวงตาเค้าอีกข้างจะเปลื่ยนเป็นสีเหลือง มันคือความรู้สึกที่กดความรู้สึกอีกอันหนึ่งไว้ เพื่อเป็นที่หนึ่ง และเหนือกว่าทุกคน ผมชอบด้านปกติของเค้ามากกว่านะ เพราะผมไม่เคยรู้เห็นด้านปกติของเค้า มันทำให้ผมรู้สึกไม่รู้จักเค้า และจิตใจผมมันสงบ แต่พอเค้าแสดงอีกด้านของเค้าออกมา มันเหมือนอาคาชิซัง ที่ผมรู้จัก แต่คนคนนี้ที่มอบทั้งความรู้สึกดีๆ และเจ็บช้ำให้กับผม ผมไม่อยากเจอเค้า ณ ตอนนี้เลย 
     
              แต่เหมือนความรู้สึกของเค้ากดดันให้ผมนั่งลง ตรงหน้าของเค้า เค้าถอนหายใจ เหมือนกับเค้าไม่อยากแสดงด้านนี้ออกมาอีก เค้าพยายามสงบจิตใจ แต่ดูเหมือนถ้าด้านนั้น เค้าจะเอาผมไม่อยู่เลย พยายามทำใจให้เย็นลงแทน 
     
             “ จิฮิโระ วันนี้ วันเกิดฉัน “ 
     
             “…… อึก....” นันย์ตาสีเทาของมายุซึมิซัง กรอกตามองตามไปยังตำแหน่งริมฝีปากของอาคาซิซัง มันจรดเบาๆที่หน้าผากของเค้า ร่างผอมบางแต่ก็แข็งแรงที่โดนบังคับให้นอนตักชายหนุ่มกิโมโนสีดำ คำพูดของอาคาชิซังมันดูเหมือนคนที่กำลังออดอ้อนมากกว่าบังคับ 
     
             “ เรโอะเน่นะ บอกกับฉันหลังจากวันแข่ง ว่าเค้าได้อะไรเยอะเลยจากการแพ้ แล้วฉันละได้อะไรมาบ้าง” 
     
             ….. 
     
             “ ฉันคิดได้อยู่ข้อหนึ่งคือ เซ็ตซึยะนะ แข็งแกร่งขึ้นมากเลยละ และจุดหมายปลายทางของเค้าก็สว่าง แตกต่างกับนามสกุลของเค้า” 

             “ ฮึก...” บางทีการเป็นตุ๊กตาไร้หัวใจ วิ่งไปวิ่งมาในสนาม โดนด่ามาก็ยิ้มกลับไป อาจจะดีมากกว่าการเป็นคนที่มีหัวใจ มีความรู้สึกนะ วันนั้นถ้าไม่มีหัวใจรักอาคาชิซัง ไร้หัวใจเล่นบาสตามคำสั่งที่โดนป้อน อาจจะไม่ต้องเจ็บจนร้องไห้ออกมาเหมือนตอนนี้ก็ได้ ไม่มีใครสักคนสนใจน้ำตาของคนจืดจางแบบฉันหรอก คุณเองก็ไม่ได้สนใจมัน แล้วจะรั้งฉันไว้ทำไม 
     
             “ และวันก่อน ฉันคุยกับเค้า เค้าถามฉันว่าเมื่อไร ฉันจะพูดสักที ว่าค้นพบอะไรอีกอย่างที่สำคัญกันแน่” 
     
            … 
      
            “ ทีแรก ฉันก็ตอบไม่ได้นะ จนเมื่อวานฉันก็เจอนะ พอโทรไปบอกเรโอะเน่ เค้าก็บอกกับฉันว่า ไม่มีประโยชน์ ให้ฉันพูดกับคนคนนั้นเองแล้วกัน” 
      
             อยากใช้คำของเรโอะเน่ซังมาย้อนเหมือนกันนะ ถ้าหากตอนนี้ไม่ได้ร้องไห้ เพราะเจ็บกับการโดนมองข้ามไป จากคนที่เคยคิดว่าเค้าเห็นตัวตน เห็นคุณค่าของเรา จนพูดมันไม่ไหว ขนาดตอนนี้อยากลุกจากตักของเค้ายังทำไม่ได้เลยละ ฉันไม่เคยรู้เลยนะ ว่าอาคาชิซังต้องการอะไรจากคนแบบฉัน แต่ไม่ต้องการแล้วคำตอบ ต่อให้ฉันต้องโดนเมิน ไม่มีใครเห็นฉันมากกว่านี้ และมองว่าไร้ตัวตนมากกว่านี้ ก็ไม่เจ็บเลยละ ไม่เจ็บเหมือนตอนนี้เลยสักนิด อย่างน้อยฉันก็เป็นตัวของฉัน เป็นคนที่นั่งอ่านไลน์โนเวลเวลาว่างๆ เป็นคนที่ทำอะไรได้โดยไม่มีใครสนใจ แต่มันก็มีความสุขดีนะ อย่างน้อยก็ไม่ต้องมาเจ็บปวดอะไรเหมือนตอนนี้ 
     
              น้ำตามันไหลลงมาเรื่อยๆจนเปลียกชุดกิโมโนของเค้าไปด้วย แต่เค้าไม่ได้สนใจเค้ายังคงพูดของเค้าต่อไป คุณคงมีความสุขสินะที่ได้ทำร้ายจิตใจของผมนะ 
     
              “ ฉันค้นพบ จิฮิโระ” 
     
              “ ค้นพบว่าฉัน เป็นตุ๊กตาของคุณนะเหรอ อาคาชิซัง” เค้ายิ้มหลังจากที่ผมพูดมันออกมา มือเค้าเอาน้ำตาออกจากแก้มของผม ผมไม่ได้คิดว่าเค้าจะไม่ทำแบบนี้ แต่แบบนี้มันคือการตบหัวแล้วลูบหลัง คุณทำฉันเจ็บไม่พออีกจริงๆนะเหรอ มันคงสนุกสินะ 
     
              “ ใช่ นายเป็นตุ๊กตา จิฮิโระ “ 
     
             ….. ผมพูดมันไม่ออก ผมเป็นตุ๊กตาให้ก็ได้นะ แต่ต้องไม่ใช่ตุ๊กตาที่เป็นตัวแทนของคนคนนั้น หากผมจะเป็นตุ๊กตา ผมก็อยากที่จะเป็นตุ๊กตาที่คุณไม่เอามาเล่น มาโชว์ เพราะอย่างน้อยผมก็ยังเป็นผม 
     
             “ ตุ๊กตาที่ฉันจะถนอม ตุ๊กตาที่ฉันอยากจะดูแล และตุ๊กตาที่ฉันจะเลือกไว้เคียงข้างฉันตลอด” 
     
             “ อาคาชิซัง ฉันไม่สนุกกับการล้อเล่นของคุณเลยสักนิด” 
     
            ใช่ .... อาคาชิซังนะคงสนุกสินะ กับการที่เห็นใครสักคนน้ำตาไหลต่อหน้าของเค้า อาคาชิซังคงสนุกมากสินะกับการที่ใครสักคนร้องไห้ให้เค้าดู และใครคนนั้นร้องไห้เพราะเค้า ผมรู้ดีว่า ผู้ชายคนนี้นิสัยเป็นยังไง และตัวของผมที่ยังรักเค้าอยู่นะ มันน่าสมเพชมากขนาดไหน ผมนะพยายามอยู่นี่ไง พยายามที่จะไม่รักเค้าอีก พยายามที่จะตัดใจจากเค้า หึ .... ความจริงอีกที่เค้าค้นพบคือ ผมหลงรักเค้าอย่างนั้นเหรอ และที่เรโอะเน่ซังให้มาบอกกับคนคนนั้น คือให้เค้ามาบอกกับเค้าเองสินะ ว่าขอโทษ แต่ฉันเห็นแค่นายเป็นคนที่คล้ายๆกับคุโระโกะซัง แต่ไม่คิดจะรักหรอกนะ ตัดใจเถอะ เพราะยังไงก็เป็นไปไม่ได้อยู่ดี การปฏิเสธนะไม่ใช่เรื่องที่น่าโกธร หรือ เกลียดคนที่บอกคำนั้นกับเราหรอกนะ แต่การปฏิเสธแบบไม่หลงเหลือความเป็นมนุษย์ในตัวเรา มันไม่น่าให้อภัยจริงๆเลย เพราะอย่างน้อยการที่จะต้องได้แค่มอง รวบรวมความกล้ามาเพื่อบอกรักเลยนะ ก็อยากได้รอยยิ้ม และการพูดคุยกันครั้งสุดท้ายก็ยังดี ก่อนที่ผมจะหมดความรู้สึกดีๆไป ขอรวบรวมความรู้สึกดีๆ ก่อนจากไปไม่ได้หรือไงกัน 
     
              หากให้คิดในแง่ดี เค้าคงไม่อยากให้ผมรอต่อไปสินะ หรือไม่ก็ไม่อยากให้ผมต้องเป็นใครอีกคนที่ไม่ใช่ตัวของผมเอง อืมมม .... ฝันไปหรือไง ผมคิดแบบนั้นไม่ได้หรอก 
     
              …… 
     
             “ หากคุณไม่ได้รู้สึก คุณก็ไม่ต้องพูดออกมาว่าคุณรู้สึก” 
     
             ….. 
     
             “ฉันฟังจนเข้าใจแล้ว ..... วันนี้วันเกิดคุณสินะ happy brith day ครับ” 
     
             ….. 
     
           “ ฉันขอให้คุณมีความสุข ส่วนเรื่องของขวัญ ถ้าไม่ถือ ฉันจะให้คุณในวันจันทร์”   
     
           ผมสะบัดน้ำตาออกจากหน้าของตัวเองแบบลวกๆ ก่อนจะประคองตัวเองและลุกขึ้นยืน แล้วเดินจากบ้านหลังนี้ไป ระหว่างทางที่จะเดินไปขึ้นรถประจำทาง น้ำตาผมคงไหล แต่นั้นก็ดีแล้ว ลมแถวนี้เย็นดีออกนะ มันคงพัดออกไปจากหน้าของตัวเองได้ แต่คงโชคร้ายหน่อย ที่ลืมหยิบไลน์โนเวทมาด้วย ..... ไม่งั้นคงมีอะไรทำฆ่าเวลาตอนกำลังนั่งรถโดยสารออกจากที่นี้ แต่ช่างเถอะ ตอนที่นั่งรถอาจจะคิดอะไรเพลินๆ จนลืมมันไปเลยก็ได้ ... ผมกำลังปลอบใจตัวเองอยู่ละ ความรักเป็นเรื่องดีที่จะรัก แต่ก็ต้องเพื่อไว้ด้วย เพื่อวันหนึ่งเราต้องเสียใจ แต่เรายังต้องหายใจ เราจะได้ทำตัวเข้มแข็งไว้ไวขึ้น สักวันหนึ่งผมก็ต้องเลิกรักอาคาชิซัง มันอาจจะไม่มาถึงวันพรุ่งนี้หรอก แต่เชื่อว่ามันต้องมาถึงเร็จๆนี้นั้นและ .... ผมเปิดมือถือดูตอนนี้เวลา เที่ยงกว่าๆแล้วสินะ แวะไปกินเบอร์เกอร์ที่อากิฮาบาระหน่อยก็ดีนะ 
     
           แต่ทำไมผมรู้สึกเหมือนตอนนี้ตัวเอง ....ล้มจนเซไปเลยละ อ่ะ .... ผมมองเห็นเพดานของบ้านอาคาชิซังด้วยละ โคมไฟ แบบที่ต้องดึงเอานั้นสวยดีนะ ลายดอกซากุระเหรอ .... 
     
           “ ถ้าไม่ใช่คนที่ฉันอนุญาติ ไม่ว่าใครก็ไม่มีสิทธิเดินหนีฉันไปหรอกนะ จิฮิโระ” ว้ากกกกกกกกกกกก ตอนนี้ภายในหัวของผมมันอยากให้ผมพูดนี้ออกมาจริงๆ หลังจากที่ผมมองไปเรื่อยๆ และสมองก็ประติดประต่อเรื่องราวได้ รู้สึกตอนที่ผมกำลังดูนาฟิกาในมือถือ เค้าก็ยื่นมือมาแตะบ่าของผม และผลักให้นอนลงไปที่พื้นเสื่อทากามิ และตอนนี้เค้าก็กำลังนั่งทับผมอยู่
     
            “ ขอโทษทีนะ แต่ฉันคิดว่า คุณและผม คุยไปหมดแล้ว” 
     
           “ เรายังคุยกันไม่หมดเลยนะ จิฮิโระ” ผมรู้สึกถึงเสียงที่อยู่ชิดใบหูผมเหลือเกิน และลมหายใจที่รดอยู่บริเวณแก้มของผม กำลังผมต้องหันหน้ามามองเค้า เค้าจะคุยอะไรของเค้าอีก และจะกดมือของผมทำไมกัน และเอาหน้ามาใกล้ๆทำไมกัน ไหนจะรอยยิ้มมุมปาก ที่ไว้ยิ้มเวลาเจอเรื่องที่ถูกใจ หรือกำลังอยู่เหนือใครนี่อีก มีแต่เรื่องของเค้าที่ผมไม่เข้าใจสักอย่าง 
     
           ….. 
     
          “ จิฮิโระ .... ฉันค้นพบนาย นายที่จะเป็นเงาให้กับฉัน” สายตาของเค้าเปลื่ยนไป .... สายตาของเค้าอ่อนโยนขึ้น มือที่กดมือของผมเอาไว้ก็คลายลงให้เบาแรง แต่เดี้ยว!!!!!!! แล้วฉไหนผมถึงรู้สึกว่าตัวเองกำลังถูกลวนลามอยู่แบบนี้ละ แล้วทำไมผมถึงหมดเรี่ยวแรงอะไรแบบนี้ละ 
     
          ….. 
     
         “ และแสงต้องอยู่คู่กับเงา .... เพราะมันเกิดมาเพื่อกันและกัน แสงต้องการเงา และเงาก็ต้องอยู่คู่กับแสง” 
     
          คติประจำใจของอาคาชิ คือรวดเร็จ และเฉียบพลัน แต่ไม่เคยคิดเลยว่าเค้าจะเอาเรื่องแบบนี้มาใช้กับผมด้วย ท่าทางสมองของเค้าน่าจะทำงานได้ไวกว่าผมเป็นอย่างมาก เพราะรู้ตัวอีกที ผมก็อยู่บนฟุตงในห้องนอนส่วนตัวของเค้าเรียบร้อย และไม่ต้องมาเสียเวลานานเค้า ก็ประติดประต่อเรื่องจากเมื่อกี้ให้เรียบร้อย ไม่มีการขาดตอน มีแต่ผมนี่และที่นอนเอ๋อ ให้ไอ้รุ่นน้อง ดมๆๆทั่วตัว ทั่วคอ ทั่วร่างแบบเนี่ย แต่เดี้ยวๆๆๆๆ ใครใช้ให้นายมาดมอะไรทั่วร่างฉันแบบนี้ ขอกลับสู่โหมดมายุโฉดก่อน พอเงยหน้ามองร่างตัวเอง ก็ค้นพบว่าตอนนี้เปลือยเป็นที่เรียบร้อยแล้ว รวดเร็จแม้กระทั้ง ตอนถอดเสื้อผ้าของคนอื่นด้วยเรอะ ไอ้เด็กตาสองสีนี่ร้ายจริงๆ ปล่อยเลยนะ ไอ้เด็กตาแมว อย่าดมนะเว้ย ตรงไหนก็ตรงก็ดมไม่ได้ ไม่ให้ดมก็อย่าดูดนะเว้ย 
     
           แต่ผมก็มีแรงแค่พูดทุกอย่างในใจนั้นและ .... เพราะตอนนี้ระทวย คือไม่รู้จะห้ามอะไรตรงไหน ปล่อยเลยตามเลย ..... 
     
           “นายต้องอยู่เคียงข้างฉัน จิฮิโระ” 
     
           … 
     
          “ เพราะนายคือตุ๊กตาของฉัน” 
     
          ….. 
     
         “ เป็นของฉันเถอะนะ ....” 
     
            รอยยิ้มที่เป็นอันตรายต่อหัวใจของผมนั้น ...ปรากฏอยู่ตรงหน้าของผม ก่อนที่ริมฝีปากที่ยกยิ้มนั้นจะไปสัมผัสส่วนอื่นของร่างกายของผม .... ไม่อยากจะเป็นสาวน้อยเวิ่นเว้อ หรืออะไรหรอกนะ แต่ผมอยากรู้ว่าคำว่า เป็นของฉันเถอะนะ นั้นมันหมายความว่าเค้ารักผมหรือเปล่า หรือเค้าเห็นเรื่องนี้เป็นเรื่องสนุก แกล้งหยอกให้คนแบบผมตายใจเล่น หยอดคำหวาน จากนั้นก็คำรายจิตใจหลังจากได้ในสิ่งที่เค้าต้องการจบ เค้าอยากให้ผมยังรักเค้าต่อไปหรือยังไงกัน สิ่งที่อาคาชิซังพูดเมื่อกี้นะ มันเหมือนเค้ากำลังบอกผมอยู่เลยนิ ว่าเค้าเอ็นดูคุโระโกะซัง แสดงว่ายังรักอยู่ใช่ไหมละ ถ้ารักอยู่แล้วมาทำแบบนี้กับฉันทำไมกันละ พอคิดอะไรแบบนั้นไปเรื่อยเปื่อย น้ำตาที่มันหยุดไหลไปเมื่อกี้เนี่ย ก็กลับมาอีกรอบ พยายามจะบอกให้หยุดร้องซะ เพราะเรื่องแบบนี้ มันต้องโทษตัวเองที่ไปรักคนที่เค้าไม่แยแสเรา และโทษเรโอะเน่ซังที่บอกให้ฉันเอาเค้กมาให้ จนเกิดเรื่องบ้าบอแบบเนี่ย 
     
           บอกให้น้ำตาหยุดไหล มันก็ไม่หยุดไหล แถมจะหนักกว่าเดิมอีก จนใครบางคนที่พยายามจะดมๆ ลูบคลำๆผมอยู่ต้องหยุด 
     
          “ ร้องไห้ทำไมกันละ จิฮิโระ” 
     
          “ ฮึก!!~ ... “ 
     
           “ จิฮิโระ อย่าร้องไห้เลยนะ หยุดร้องไห้เถอะนะ” เค้าเช็ดน้ำตาจากใบหน้าของผมด้วยริมฝีปากของเค้าเหรอ ตอนนี้เหมือนต่อมน้ำตาจะหยุดไหลเลยละ คนคนนั้นคิดอะไรของเค้าอยู่ เค้าสนุกแน่ๆที่เห็นผมร้องไห้ แต่เค้าปลอบใจผมทำไมกันละ 
     
            …. 
     
            “ แล้วที่นี้บอกฉันได้หรือยัง ร้องไห้ทำไม...” ดวงตาสองสีที่มีอำนาจนั้นจ้องมาที่ดวงตาของผม สายตาของเค้าอ่อนลงจนดูเหมือนกับเค้าพร้อมจะรับฟังทุกคำพูดของผม ว่าแต่เค้าจะรับฟังเหรอ แต่ดวงตาของเค้าเหมือนจะบอกให้ผมนั้นบอกเค้ามา 
     
            “คุณทำแบบนี้ ... คุณแค่แกล้งผมเล่น ใช้ผมเป็นเครื่องมือ หรือผมเหมือนคุโระโกะซัง” 
     
            … 
     
            “ หรือว่าคุณ ....อาคาชิซัง” ใบหน้าของเค้าฟุบลงที่ไหล่ของผม ทำเอาผมทำตัวไม่ถูก เลยพยายามที่จะใช้มือดันใบหน้าเค้าให้ขึ้นมา แต่.... 
     
            “ อย่า! จิฮิโระ ถ้านายเห็นหน้าฉันตอนนี้ ฉันพูดมันไม่จบก็ได้” 
     
            …. 
     
           “ จิฮืโระ เชื่อสิ่งที่ฉันจะพูดต่อไปนี้ อย่าถามว่าจริงไหม” 
     
            … 
     
            “ จิฮิโระ ฉันรักนาย” 
     
            หลังจากที่อาคาชิซังพูดจบประโยค เค้าก็มุดหน้าลงไปมากกว่าเดิม อาคาชิที่มั่นใจมาตลอดในเรื่องการตัดสินใจของตัวเอง เค้ามักจะยินดีเสมอเวลาคนถามว่า ใช่ไหม เชื่อได้ไหม และเค้าพร้อมจะตอบว่า ผมให้คุณตัดสินใจเองครับ และทุกคนก็พร้อมที่จะเชื่อใจเค้า แต่ตอนนี้อาคาชิ ไม่ให้ถามว่าจริงไหม แสดงว่าเค้ากำลังไม่แน่ใจกับคำตอบที่ผมจะตอบเค้าหากเค้าว่า ให้ผมตัดสินใจเอง และเค้ากำลังไม่มั่นใจ อาคาชิที่มั่นใจ นั้นผมคุ้นเคย แต่อาคาชิคนนี้ผมไม่รู้จัก แต่ให้ผมเชื่อใจในคำพูดของเค้าไหม .... ผมไม่พร้อมที่มั่นใจอะไรมากมาย ผมไม่อยากนึกเข้าข้างตัวเองอีก มันเจ็บมากตอนที่ผมรู้ความจริง และผมก็ไม่อยากรู้มันอีก 
     
             ผมควรตอบอะไรไปดีละ ตอบตามความจริง หรือ ปล่อยมันไปซะ 
     
            “ จิฮิโระ ฉันไม่อยากเร่งรัดเอาคำตอบหรอกนะ” 
     
             …. 
     
            “ ฉันนะทำร้ายนายไปมาก จนคิดว่า ถ้านายบอกว่าไม่รัก หรือเกลียดฉัน มันก็ควรจะยินดี” ใบหน้าของอาคาชิซังตอนนี้มันมีสีหน้าของผมความผิดหวัง และหลายๆอย่างปนกัน และดูมีร่องรอยของความเจ็บปวด เค้าเจ็บปวดเพราะสิ่งที่เค้าเคยทำผมในอดีตนะเหรอ แทบไม่อยากจะเชื่อเลยละ 
     
             …. 
     
            “ แต่ถ้าตอนนี้ฉันสัมผัสนาย แล้วนายไม่รังเกียจ ฉันขอคิดเองได้ไหม” 
     
            … 
     
            “ ว่าอย่างน้อยนายก็ไม่รังเกียจฉัน นายรักฉัน แค่ตอนนี้ก็ยังดี” 
     
            … 
     
           “นะ จิฮืโระ” 
     
            ผมไม่ได้ตอบอะไรเค้าไป ผมไม่รู้ว่าผมควรจะพูดอะไรกับเค้าดี และผมกำลังมึนว่าเค้ากำลังสารภาพรักกับผม หรือเค้าสารภาพความจริงออกมา ทุกอย่างมันผสมรวมกันจนผมไม่ได้ต่อต้านเค้า เค้ายิ้มเบาๆ ก่อนที่เค้าจะจูบผม มันแผ่วเบา และนุ่นนวล เหมือนกำลังกินสายไหมที่นุ่มๆฟูๆ หวาน และ ทำให้เราเพ้อฝันได้ ลิ้นที่สอดเข้ามาไม่ได้ทำให้ผมรู้สึกว่ามันน่ารังเกียจ หรืออยากจะอาเจียนออกมา มันทำให้ผมรู้สึกดี จนเผลอตอบรับเค้าไปด้วย มันไม่เหมือนกับจูบแรกที่ผมได้รับจากเค้าเลย มันแตกต่างกัน จูบครั้งนี้ที่อ่อนหวานและนุ่นนวล กับครั้งแรกที่ ร้อนเร่าแต่เจ็บปวด เพราะมันมีแค่ความแค้น ความโกธร ที่มีต่อคุโระโกะซัง แต่ไม่ได้มีความรู้สึกอะไรให้ผม พอคิดถึงความแตกต่าง ผมไม่ใช่คนขี้แยหรือเจ้าน้ำตาหรอกนะ แต่พอคิดแบบนี้ทีไร ความแตกต่างที่ได้รับ สายตาของเค้า 
     
           น้ำตาของผมก็ไหลออกมาเอง เค้าหยุดถอดริมฝีปากออกไป ก่อนที่จะเช็ดน้ำตาให้ผมอีกรอบ .... เค้าที่ไม่มีความรำคาญเลยสักนิด 
     
           “ จิฮิโระ ถ้ารังเกียจฉัน ฉันจะหยุด ขอโทษนะ ฉันทำให้นายเสียใจ” 
     
           “ อะ...อาคาชิซัง” ผมเอื้อมมือไปจับกิโมโนของเค้า เค้ายิ้มตอบกลับมาแบบอ่อนโยนแบบที่ผมไม่เคยเห็น ก่อนที่จะลูบหัวของผมเบาๆ 
     
          “ หึ! ไม่ต้องขอโทษหรอก ฉันเข้า! ...จิฮิโระ” 
     
          “ ฉะ...ฉันรู้สึกดีมากเลยละ ถ้าคุณหยุดตอนนี้ ฉันจะ จะ ไม่ให้อภัยคุณ” 
     
          “ จิฮิโระ หึ~ เข้าใจแล้วละ” 
     
           อาคาชิซังยิ้มก่อนที่เรื่องราวภายใต้ฉากโคมไฟก็เริ่มสานต่อไปเรื่อยๆ จนท้องฟ้าเวลาอาทิตย์ตกมาเยือน ให้ตายเถอะ เล่นเอาซะผมหมดแรงเลยละ เพราะความอ่อนหวานและอ่อนโยน เลยเผลอนึกภาพว่ามันอาจจะไม่ทำให้ร่างกายเจ็บปวด ใช่ตอนนี้ไม่ได้เจ็บปวดเลือดออกอะไรสักอย่าง เพราะตอนนั้นหมอนั้นอ่อนโยนมาก ปลอบโยนกันตลอดเวลา แต่ความร้าวระบม หมอนั้นไม่ได้บอกเลยเหรอว่า มันต้องมี ให้ตายเถอะเหมือนจะปวดหัวด้วย แล้วผมก็ไม่ได้นับด้วยว่าทำเรื่องแบบนั้นไปเท่าไร แค่เห็นว่าหมอนั้นออดอ้อน และพูดจาออดอ้อนกัน มันทำให้หัวใจของผมพองโตชะมัด จนเผลอตอบตกลง และจำยอม ยิ่งตอนหมอนั้นบอกให้เรียกชื่อจริงๆได้ มันก็ทำให้หน้าแดง อยากจะเขกหัวตอนที่หมอนั้นนอนหลับปุ๋ย แต่พอเห็นว่าหมอนั้นใช้มือมารองหัวผมแทนหมอน และกอดผมแก้หนาวให้ ชิส์~ ไม่เขกหัวก็ได้ 
     
            คุณยอมให้ฉันเรียกคุณว่า เซย์จูโร่ ทั้งๆที่ฉันไม่มีอำนาจอะไรที่จะเหนือกว่าได้เลย แบบนั้นฉันควรคิดดีไหมว่า คุณไม่ได้โกหก 
     
            “ หึ เรื่องคำตอบฉันจะให้นายเร็จๆนี้แล่ะ “ 
     
           ผมก้มหัวขอบคุณแม่บ้านที่เปิดประตูให้ ก่อนที่จะวิ่งออกไปเพื่อไปป้ายรอรถประจำทาง ผมไม่ได้ปลุกเค้าที่นอนหลับสบายหรอกนะ เพียงแต่ปิดประตูที่มีไว้สำหรับเปิดไปนั่งดูดวงจันทร์ให้เฉยๆ เพื่อไม่ให้หนาวตาย และพับเสื้อผ้าให้เท่านั้นเองและ ผมว่า ผมมีคำตอบให้เค้าอยู่แล้ว ..... 
     
           แต่คำตอบจะเป็นอะไร เดี้ยยวถึงเวลาก็รู้เองและ 
     
         ----- to be in 20 dec 1014 ----- 
     
           -- คำตอบของมายุซึมิซังจะเฉลยออกมาวันเกิดของอาคะจังจริงๆ คือวันพรุ่งนี้คะ-- 

           -- ส่วนตอนที่เรโอะเน่ซังคุยกับอาคะจัง จะมาอัพตอนคริสต์มาสค่ะ-- 

           -- และภาคอดีต ที่เป็นอะไรที่เจ็บปวดของมายุซึมิซัง จะมาอัพในวันเกิดของมายุซึมิซัง ในวันที่ 01/03 คะ-- 

           -- อยากเห็นอาคะจัง ขี้อ้อน และเอาแต่ใจแบบเด็กๆนะคะ เลยลองมาเขียนในนี้ดู อาคาชิซังเลยเป็นอาคะจังแทน อาคะจังที่ขี้อ้อนนั้นน่ารักดีนะ อยากเห็นเหมือนกัน อาจจะแตกต่างจากคาแรกเตอร์ในมังงะ และอนิเมะ ใครไม่ชอบไม่อ่านเราไม่ว่านะคะ ใครอ่านจนจบ ก็ขอบคุณมากๆเลยคะ-- 

            -- เพิ่งลองแต่งแบบไม่อิงโมเม้มในมังงะหรือเมะครั้งแรกคะ ดีไม่ดียังไง ติกันได้เต็มที่เลยคะ-- 

           -- ขอขอบคุณที่อ่านจนจบนะคะ ^^-- 
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×