ชวนคุณมาลุ้นรัก
เมื่อเราตั้งใจจะรัก ต่อให้มีอุปสรรคมาขวางสักร้อยด่าน เชื่อเถอะค่ะว่าคนอย่างบัวนลินสู้ยิบตา ก็คนอะไรทั้งหล่อล่ำ กล้ามเป็นมัดๆ โปรไฟล์ทำเอาใจเจ็บได้ขนาดนี้ ลุ้นกันสักตั้งจะเป็นไรไป
ผู้เข้าชมรวม
65
ผู้เข้าชมเดือนนี้
5
ผู้เข้าชมรวม
ข้อมูลเบื้องต้น
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
การเดินทางครั้งนี้ยาวนานกว่าครั้งไหนๆ แค่ขึ้นต้นประโยคก็แทบอยากจะถอนหายใจทิ้งซะแล้ว นับได้ว่าตั้งแต่เด็กยันโต ชีวิตของบัวนลิน สาวน้อยวัย 22 ปี ไม่เคยมีสิ่งใดที่ได้มาโดยง่ายเลย จริงอยู่ที่ฟ้ายังปราณี ให้มันสมองและหน้าตาที่พอไปวัดไปวา พระไม่สะดุ้งและสามเณรไม่ตกใจ แต่อย่ากระนั้นเลยฟ้าก็ยังไม่ลืม ให้ความลำบากที่ ต่อยอดด้วยสเตปความลำเค็ญ มาให้อย่างไม่มีที่สิ้นสุด แค่คิดถึงตรงนี้ บัวนลินเองก็สงสารตัวเอง ไม่น้อยที่กว่าจะโชคดีเหมือนวันนี้ได้
ใช่แล้วค่ะ มีสายโทรศัพท์จากไร่ชาเหนือแดนดิน จังหวัดเชียงราย บอกว่าเธอได้งานเป็นที่เรียบร้อย หลังจากที่สมัครทิ้งไว้ตั้งแต่เรียนจบ คราแรกยังแอบคิดว่าตำแหน่งเลขานุการนี้เธออาจจะไม่ได้แล้วด้วยซ้ำ เพราะขนาดกรุงเทพมหานครเมืองฟ้าอมรของใครหลายๆคน ที่ต่างมุ่งหน้ามาหางานทำ ยังไม่มีตำแหน่งนี้ให้กับเธอเลย
“ พระเจ้าขา มาโปรดลูกขนาดนี้ อย่ามาอำลูกนะเจ้าคะ
แต่เดี๋ยวก่อน โทรบอกวันนี้ แล้วอีกสองวันจะให้ลูกขึ้นไปรายงานตัวเลย ฮ่าๆๆ โอ้วนี่ฉันหัวเราะคนเดียวอีกแล้วหรือนี่ ไม่ได้การ บัวนลินเธอต้องตั้งสติเดี๋ยวนี้”
ฉันเอามือหยุมหัวตัวเองพร้อมเขย่าแรงๆ คิดแพลนว่าจะต้องทำอะไร อีกมากมาย ภายใน 48 ชั่วโมง พอนึกขึ้นได้ว่า ชีวิตฉันที่อยู่กับป้า และลุงวัยหง่อมบวกกับสมบัติติดตัวคือจี้ที่คอ เอาจริงก็ไม่น่าห่วงอะไรเท่าไหร่ แค่ตั้งใจเดินไปบอกป้ากับลุงสุดที่รัก ว่าได้งานที่เชียงราย และบอกว่าจะส่งเงินมาให้ทุกเดือน เท่านี้ป้าจ๋ากับลุงจี๋ ก็คงจะดีใจไปด้วยกัน อย่างแน่นอน
“ป้าจ๋า ลุงจี๋ บัวกลับมาแล้วววว” ฉันตะโกนลั่นบ้าน โดยหาได้หวั่นเกรงกับพื้นที่บ้านเช่าขนาดกะทัดรัด เพราะในขณะที่ว่าคุยกันธรรมดาในวันปกติยังได้ยินไปสามบ้านแปดบ้าน แล้ววันดีๆเฉกเช่นวันนี้จะเหลืออะไร แต่เสียงที่คิดว่าจะสดใสผสมความดีใจ แอบซ่อนไว้ในเส้นเสียง พลันทำให้ป้าจ๋าของฉันตะโกนกลับมาหาฉันอย่างถึงใจ
“เอ็งจะเสียงดังทำไมนังหนูบัว หัวใจกูจะวายอยู่แล้วนังหลานบ้า แล้วนี่มีอะไร ป้ากำลังตำน้ำพริก และถ้าเรื่องไม่สำคัญกว่าข้าวเย็นล่ะก็ ป้าจะให้แกอดข้าวเย็นนี้ไปเลย"
“โธ่.. ป้าจ๋า ระดับเสียงดังกังวาลขนาดนี้ ก็คงเป็นเรื่องราวดีๆอย่างแน่นอน เอาจริง บัวอยากตะโกน ให้เค้ารู้กันทั่วซอยว่าบัวคนนี้ได้งานทำแล้วจ้าาา ” ฉันพูดพร้อมกระโดดไปรอบๆตัวป้าอย่างดีใจ
“จริงรึเปล่าหนูบัว โอย…..ป้าดีใจกับหนูเหลือเกิน ไม่ต้องเดินเหนื่อยเดินหางานงกๆ อีกแล้ว พรุ่งนี้ก็ไปลาออกจากบาร์เจ๊แก้วแกด้วยไปร่ำลาแกดีๆ แกใจดีมากที่ให้บัว ทำพาร์ทไทม์ระหว่างรองานนะลูกนะ” ป้าจ๋ากอด บัวนลินพร้อมยิ้มให้กันอย่างมีความสุข บัวนลินมองหน้าป้าจ๋าด้วยความสุขแล้วบอกกับป้าจ๋าว่า
“ทีนี้ป้าก็ไม่ต้องห่วงแล้วนะ ว่าลุงจะต้องทำงานหนักอีก หนูบัวคนนี้จะส่งเงินมาจุนเจือครอบคัวของเราเอง บัวเห็นลุงจี๋ขับแท๊กซี่กลางคืนแล้วเป็นห่วงมาก ทั้งชีวิตบัวครอบครัวบัว ก็มีแค่ป้ากับลุงนี่แหละที่ให้ทั้งความรัก ความเมตตาเสมอมา” ป้าจ๋าลูบหัวบัวนลินอย่างเอ็นดู
“บัวลูก ป้าก็รักหนูมากนะ เรามีกันแค่สามคนมานานขนาดนี้ ป้าเองก็ดีใจที่หนูได้งานมีอาชีพเลี้ยงตัวจะได้ไม่ลำบากอีกแล้วนะลูกนะ เออ.. แล้วหนูได้งานที่ไหน และตำแหน่งอะไร ลองเล่าให้ป้าฟังหน่อย” บัวนลินผละจากอ้อมกอดของผู้เป็นป้า และดึงมานั่งคุยกันที่หน้าททีวี
“ป้าจ๋า คืองี้ บัวได้งานตำแหน่งเลขานุการที่ไร่ชาเหนือแดนดิน ที่จังหวัดเชียงราย บัวต้องย้ายไปอยู่ที่นั่นเลย แล้วทางนั้นให้บัวไปรายงานตัวมะรืนนี้จ๊ะ ทางนั้นให้เวลาเตรียมตัวน้อยมากเลย” ป้าจ๋าตกใจและหวั่นวิตกมากที่หลานสาวต้องเดินทางไปทำงานไกลถึงจังหวัดเชียงราย
“บัวทำไมถึงไปไกลนักลูก แล้วหนูจะอยู่ยังไง ผู้หญิงตัวคนเดียวแล้วหน้าตาสะสวยแบบนี้ มันจะอันตรายขนาดไหน” บัวนลินมองหน้าผู้เป็นป้าและทำหน้ากลั้นยิ้ม
“โอยป้า นี่ก็อวยหลานเกิน บัวเนี่ยนะสวย ส่องกระจกทีไร ไม่เปิดไฟยังตกใจทุกที บอกเลยว่าห่างไกลจากคำนั้นมาก ป้าไม่ต้องเป็นห่วงบัวหรอกนะจ๊ะ บัวดูแลตัวเองได้ สมัยนี้ก็ไม่ต้องกังวลเครื่องมือสื่อสารครบครันฝันจะโทรมาหาป้าทุกวัน ให้คิดถึงไม่ทันเลยทีเดียว ”
ป้าจ๋าส่ายหน้าด้วยความเอ็นดู และรู้อยู่เต็มหัวใจ ว่าหลานสาวคนนี้เป็นคนที่มีความมุ่งมั่น หากตั้งใจทำสิ่งใดแล้วก็คงไม่มีใครทัดทานได้
“ป้าจ๋างั้นเดี๋ยวบัวไปเก็บของก่อนนะจ๊ะ เวลามีน้อยต้องใช้สอยอย่างประหยัด เสร็จแล้วจะได้มากินข้าวเย็นฝีมือป้าจ๋าไง”
ป้าจ๋ายิ้มกว้างก่อนจะนึกย้อนไปถึงตอนที่ได้พบหน้าหลานสาวตัวเองเป็นครั้งแรก เด็กหญิงบัวนลินในวัยห้าขวบที่ตัวเองรับเลี้ยง เพื่อหารายได้มาจุนเจือครอบครัว โดยผู้เป็นมารดาได้นำมาฝากเลี้ยงแบบรายวัน ฝากไปฝากมา แม่ของยายหนูบัวก็ฝากแบบระยะยาวกันเลยทีเดียว ไม่รู้ว่าหนีหายเป็นตายร้ายดีอย่างไร ตามหาอยู่นานก็ไม่พบ ด้วยยายหนูบัวตัวจิ๋วยังเป็นเด็กมีบุญ มีคนรักและเอ็นดูไปทั่ว ด้วยว่าเป็นเด็กที่ยิ้มง่าย หน้าตาน่ารัก พูดจาฉะฉานฉลาดเกินเด็กในวัยเดียวกัน จึงทำให้ป้ากับลุง ตัดสินใจรับเลี้ยงบัวนลินตั้งแต่วันนั้นเป็นต้นมา
“หนูบัวรีบเก็บของนะลูกจะได้มากินข้าวกินปลากัน”
เช้าของการเดินทางไปไร่ชาเหนือแดนดิน อากาศไม่ได้แจ่มใส เหมือนดังจินตนาการอากาศปลายฝนต้นหนาวเช่นนี้ บัวนลินเพลียใจเป็นยิ่งนัก
“ลุงจี๋ ไม่ต้องไปส่งบัวก็ได้ เดี๋ยวบัวนั่งแท๊กซี่ไปเองลุงจี๋จะได้พัก เมื่อคืนก็ วิ่งงานทั้งคืน บัวเป็นห่วงกลัวลุงจี๋ที่รักจะป่วยเอาได้”ลุงจี๋ยกมือลูบหัวบัวนลินเบาๆ พร้อมบอกว่า
“บัวลูก เด็กดีของลุง ให้ลุงไปส่งหนูเถอะลูก บัวไม่อยู่ลุงกับป้าต้องเหงาแน่ๆ ใครจะมาพูดคุยเล่าอะไร บ้าๆบอๆ ให้ลุงฟัง จากนี้บัวต้องดูแลตัวเองนะลูกนะ กินให้อิ่ม นอนให้หลับและตั้งใจทำงาน เหงาเมื่อไหร่ก็โทรหาที่บ้านนะลูก ป้ากับลุงพร้อมฟังทุกเรื่องนะ" บัวนลิน เดินไปกอดผู้เป้นลุงด้วยความอุ่นในใจ ไม่ว่างานข้างหน้าจะหนักสักเท่าไหร่ บัวนลินเองรู้แล้วว่าจะทำเพื่อใคร บัวนลินยิ้มพร้อมกำลังใจเกินร้อยในเวลานี้
สนามบินเชียงราย เวลานี้คราคร่ำไปด้วยนักท่องเที่ยวและผู้คนที่มาทำงานกันอย่างคับคั่ง ด้วยความโชคดี เจ๊แก้วได้มอบตั๋วเครื่องบิน ไปเชียงรายขาเดียว โดยไม่มีขากลับแต่อย่างไร พร้อมอวยพรอวยใจ ให้เธอได้เจอหนุ่มหล่อล่ำทรงแด๊ดดี๊ และมีลูกสักโหลพร้อมตั้งรกรากที่เชียงรายไปเลย ไม่ต้องมาตรากตรำที่กรุงเทพอีก บัวนลินนึกภาพตามได้แต่อมยิ้มในใจ ว่าทุกสิ่งเป็นอย่างที่เจ๊แก้วอวยพร ก็คงจะดีไม่น้อย เพราะมันคงเป็นชีวิตตามแบบภาพฝันของใครอีกหลายคน แต่ภาพฝัน ที่มิติแห่งความจริง มั่นใจว่าคงไม่ใช่ชีวิตของบัวนลินคนนี้แน่ๆ เพราะสิ่งที่เรียนรู้มาโดยตลอดนั่นคือ ชีวิตไม่มีอะไรที่ง่ายเลยสำหรับเธอ เช่น ตอนนี้ที่เธอหาวิธีไม่ได้ว่าจะเดินทางด้วยรถอะไรเข้าไปที่ทำงานในอนาคตของเธอ
“พี่ขา หนูอยากรู้ว่ามีรถสายไหน รับ- ส่ง ไปไร่ชาเหนือแดนดินบ้างไหมคะ” บัวนลินเที่ยวเดินถามตลอดหน้าสนามบิน พร้อมสัมภาระที่แสนจะรุงรังเมื่อเทียบกับร่างเล็กกระทัดรัดของเธอ
“เหมารถลุงไปไหมหนู 500 บาท รับรองถึงที่อย่างปลอดภัย” ชายวัยเลยกลางคนไปแล้วกล่าวขึ้นมาอย่างอารมณ์ดี
“ลดราคาได้ไหมคะคุณลุง ราคา 500 หนูตกใจอะค่ะ” บัวนลินตกใจกับราคาพลันให้นึกถึงว่าห้าร้อยบาทมันจะมากับระยะทางไกลขนาดไหน
“ลดไม่ได้หรอกหนูทางมันไกลมากไม่ค่อยมีใครขึ้นไปหรอกแต่ถ้าหนูไม่ไหวลุงไปก่อนนะ “ ภาพฝันเกาหัวยิก….เอาวะ ดีกว่ารอไปเรื่อยๆ นี่ก็บ่ายกว่าแล้วกว่าจะถึงที่หมาย ก็ไกลเอาเรื่องอย่างที่ลุงว่าแน่ๆ
“คุณลุงคะ ตกลงค่ะ ออกเดินทางกันเลย”
กรี๊ดดดดดด…….บัวนลิน ร้องเสียงหลงมือกำเข็มขัดนิรภัยแน่น ก่อนจะถึงที่คงจะถึงฆาตก่อนเป็นแน่แท้ นี่คุณลุงของเธอ สวมวิญาณพระเอก Fast and Furious หรือเปล่านะ ถึงได้ รเร็วแรง ทะลุนรกขนาดนี้ พุทธโธ ธัมโม สังโฆ ป้าจ๋าลุงจี๋ช่วยบัวด้วย ชีวิตนี้ยังไม่เคยมีแฟน ได้ทำงานดีๆอย่างคนอื่นเค้า ให้ลูกช้างตัวนี้ถึงที่หมายอย่างปลอดภัยไม่เอาชีวิตไปวัดกับถนนสายนี้ด้วยเทอญ
ประตูเปิดผั๊วะลงมาพร้อม ร่างโงนเงนของบัวนลิน รีบวิ่งไปอาเจียนออกแบบโกยอาหารทั่วกระเพาะออกมา
“นี่ลุงขับรถหรือบินมาจ๊ะโอ้โหวว หนูแทบลมจะจับ”
“ขอโทษทีอิหนู บนเขามันมืดเร็วเดี๋ยวลุงต้องรีบลงไปแล้วมันจะอันตราย” ภาพฝันรีบยื่นค่าโดยสารให้อย่างรวดเร็ว “ขอบคุณคุณลุงมากเลยนะคะ ถ้าไม่ได้ลุงมาส่งหนูก็คงแย่เหมือนกัน ”
ความตื่นเต้นแทรกเข้ามาภายในใจของบัวนลิน ไร่ชาเหนือแดนดินช่างกว้างใหญ่ไพศาล ภูเขาทุกลูกช่างงามตาปกคลุมด้วยความเขียวขจีจากใบชาหลากหลายสายพันธุ์ อากาศของช่วงปลายฝนต้นหนาวของสถานที่แห่งนี้ ทำให้บัวนลินถึงกับยิ้มกว้างแบบอิ่มเอมสุดๆ
“บัวนลิน เธอต้องทำได้เพื่ออนาคตที่ดีของครอบครัว นะฮึบๆ"หลังจากตกลงกับตัวเองได้ บัวนลินจึงเดินเข้าไปในสำนักงานของไร่ชาเหนือแแดนดินในทันที
“ยายจุ๋ม เอกสารที่ให้ส่งเย็นนี้ เสร็จเรียบร้อยหรือยังจ๊ะ”พรประไพทักถามด้วยความใคร่สงสัย เพราะเวลาล่วงเลยมาห้าโมงเย็น เอกสารเตรียมประชุมของพรุ่งนี้เช้ายังไม่มาวางไว้ที่โต๊ะของพ่อเลี้ยงเหนือเลย
“เรียบร้อยแล้วค่ะพี่พร จุ๋มปริ้นส์ไปวางในห้องพ่อเลี้ยงเลยนะคะ อุ๊ย..มาพบใครคะ” จิรยาหรือสาวจุ๋ม ตกใจเมื่อหันไปพบ บัวนลินยืนอยู่นิ่งๆ แต่มีรอยยิ้มละมุนส่งมา
“สวัสดีทุกคนค่ะ ดิฉัน บัวนลิน สุขจินดา พนักงานใหม่ตำแหน่งเลขานุการ มารายงานตัวค่ะ" บัวนลินยกมือไหว้ทั้งสองพร้อมยิ้มกว้างอย่างเป็นมิตรให้กับทั้งสองสาว
“โอ้โหวววว ทำไมหน้าตาน่ารักขนาดนี้ นี่เราไม่ได้เห็นสิ่งสวยงามมานานเท่าไหร่แล้วยายจุ๋ม" พรประไพ จ้องมองใบหน้าหวานอย่างตราตึง แก้มใสๆ ตากลมโต ปากนิดจมูกหน่อย พร้อมผมหน้าม้าที่ทำให้ บัวนลินเหมือนเด็ก มัธยมปลายอย่างไม่มีผิดเพี้ยน
“ พี่ๆ ก็ชมบัวเกินไปค่ะ คนที่บ้านบัวยังบอกว่าหน้าตาดูไปวัดไปวา ได้อย่างเดียวเลยค่ะ"
พรประไพอมยิ้ม“ถ้าหากพี่พรหน้าตาแบบนี้ พี่จะไปรอบโลกเลยค่ะคุณน้อง ฮ่าๆๆๆ “
“จริงค่ะพี่พร บัวเห็นด้วย น้องบัวหน้าตา น่ารักมาก นี่ขนาดแค่เห็นหน้าก็เอ็นดูไปแล้ว 300% อ้อพี่ลืมแนะนำตัวไป เรียกพี่ว่าพี่จุ๋มนะคะ อยู่แผนกบัญชี และนี่พี่พร แกเป็นหัวหน้าแผนกบุคคลที่นี่จ๊ะ" จิรยาแนะนำอย่างคล่องแคล่วพร้อมส่งยิ้มอย่างเป็นมิตรแบบฉบับทักทายเพื่อนร่วมงานใหม่
“น้องบัว เอาเอกสารตัวจริงให้พี่พรไว้นะ พรุ่งนี้เช้าพี่จะส่งให้พ่อเลี้ยงดู วันนี้ก็ไปพักผ่อนก่อน และพบกันตอนเช้านะจ๊ะ”
“ขอบคุณพี่ๆทั้งสองมากๆนะคะ ที่น่ารักและใจดีกับบัวมากๆ พรุ่งนี้พบกันนะคะ” ภาพฝันยกมือไหว้ทั้งสองสาวอีกครั้งพร้อมยิ้มขอบคุณ
“เออ แต่ว่าแถวนี้มีโรงแรมให้เข้าพักไหมคะ พอดีบัว นั่งรถสองแถวเข้ามาและตอนนี้ก็เย็นมากแล้ว บัวกลัวไม่มีรถเข้าเมืองค่ะ"
บัวนลินเริ่มมีสีหน้าเป็นกังวล เพราะตนลืมนึกถึงเรื่องนี่ไปเลยแถมตอนที่คุยกันเบื้องต้น ทางไร่ชาแห่งนี้ ก็ยังไม่พูดถึงที่พักในระหว่างที่ทำงานอยู่ที่นี่เลย" พรประไพเดินเข้ามาแตะไหล่บัวนลิน พร้อมกล่าวว่า
“พี่เองก็ลืมแจ้งหนูไปเลย ทางไร่ของเรามีที่พักคนงานอยู่ด้านหลัง แบ่งฝั่งชายหญิงอย่างดี รอแป๊บนะ เดี๋ยวพี่ไปเอากุญแจห้องพักมาให้" พรประไพเดินตรงไปยังโต๊ะทำงานตนเองพร้อมเปิดลิ้นชักหยิบกุญแจออกมา
“น้องบัวจ๊ะนี่กุญแจ ห้องเบอร์หนึ่ง เดี๋ยวหนูเดินออกจากสำนักงานเจอทางแยกเลี้ยวขวา ไปซักห้าร้อยเมตรก็จะเจอบ้านพักของชวาเรา แผนกสาวออฟฟิส หนูเข้าไปเก็บของได้เลย และถ้าตอนเย็นน้องบัวหิว ก็เดินไปที่โรงอาหารได้เลยนะจ๊ะ กินข้าวกินปลาให้เรียบร้อยเดี๋ยวตอนดึกๆ ท้องจะได้ไม่ร้องนอนหลับสบาย”
บัวนลินฟังแล้วดีใจเป็นอย่างมากนึกขอบคุณเจ้านายใจดีขจองที่นี่ มองเห็นความสำคัญของสวัสดิการของพนักงาน และที่สำคัญเธอเองก็จะได้มีที่พักเฮ้อ….โล่งใจไปอีกเปราะ
ผลงานอื่นๆ ของ LongPim ดูทั้งหมด
ผลงานอื่นๆ ของ LongPim
ความคิดเห็น