คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #3 : ปองร้าย
href="file:///C:\Users\VISTA\AppData\Local\Temp\msohtmlclip1\01\clip_filelist.xml" /> href="file:///C:\Users\VISTA\AppData\Local\Temp\msohtmlclip1\01\clip_themedata.thmx" /> href="file:///C:\Users\VISTA\AppData\Local\Temp\msohtmlclip1\01\clip_colorschememapping.xml" />
กลางดึกคืนนั้นเอง ทุกคนในพระราชวังหลวงแห่งอะนอร์เดลินล้วนจมสู่ภวังค์ด้วยกันทั้งสิ้น จะมีก็แต่เหล่าทหารยามที่ยังแข็งขันในหน้าที่ของตนเท่านั้น
ตึก ตึก ตึก ตึก
ร่างบางร่างหนึ่งกระโดด ข้ามระเบียงของพระราชวังชั้นแรกอย่างคล่องแคล่วก่อนจะเอี้ยวตัวหลบทหารยามสองนายที่กำลังเดินตรวจตราความเรียบร้อยอยู่
“ฟู่ว์ เกือบไป”ร่างของผู้บุกรุกในยามวิกาลพึมพำ ก่อนจะ พุ่งตัวออกจากเงามืดมุ่งหน้าไปตามทางเดินอย่างรวดเร็ว จนเกือบจะถึงทางแยกเบื้องหน้า
“ห้องเก็บเวชภัณฑ์หลวง อยู่ด้านขวาสินะ” ร่างบางกล่าว วินาทีนั้นเองอากัปกิริยาของเธอก็หยุดลงทันใดเมื่อร่างของชายหนุ่ม ร่างหนึ่งปรากฎขึ้น
“อ้าว ฟิเรน่ายังไม่นอนอีกหรอ ” ชายหนุ่มเอ่ยถาม
“อ่าคือ.......”หญิงสาวตะกุกตะกัก “พอดีข้านอนไม่หลับน่ะ แหะๆ ชารอส นี่ เจ้าอย่าบอกนะว่า แค่ข้าออกมาเดินเล่นแค่นี้มันผิดน่ะ” เธอกล่าวก่อนจะค้อนดวงตาสีน้ำผึ้งใส่ชายหนุ่ม
“ไม่ได้ว่าผิด อะไรแต่ข้าไม่ชอบที่เจ้าออกมาแบบนี้มันไม่ปลอดภัย แล้วเจ้าไปเล่นน้ำสงกรานต์ที่ไหนมาทำไมเหงื่อซกขนาดนั้น” ชายหนุ่มเอ่ยถามด้วยน้ำเสียงขบขันระคนเป็นห่วง แต่หญิงสาวกลับเชิดหน้าใส่ก่อนหันหลังกลับ
“ชิ เรื่องของข้า ถ้าเจ้าไม่มีอะไรอีกข้าจะไปนอนแล้ว”
“เฮ้อ แปลกคนจริง ” ชารอสบ่นก่อนจะมองแผ่นหลังของหญิงสาวที่เดินจากไป
‘คอยดูนะท่านแม่ ข้าจะต้องหาวิธีรักษาท่านให้ได้’
.................................................
“เอเธรอส ตื่นเร็วเข้านี่จะหกโมงแล้ว ท่านพี่ กับ ท่านพ่อกำลังรอเจ้าอยู่นะ”
“อะไรเล่า ใครเรียกข้าเนี่ย…………อ่าวนึกว่าใคร เกิดอะไรขึ้นหรอ”
“เจ้า............ลืมไปแล้วหรอไงยะ วันนี้เรามีการซ้อมใหญ่การอารักขาเหล่ากษัตริย์ไง ลืมล่ะสิ หา” ลีเอน่าแขวะใส่เอเธรอสแบบไม่หหยุด ตอนนี้เธออยู่ในชุดอัศวินเต็มยศ ผมที่เคยยาวสลวยถูกรวบไปด้านหลัง ใบหน้าที่ขาวอยู่แล้ว ถูกแต่งหน้าให้เป็นสีขาวอมชมพูจึงทำให้ดูสวยขึ้นไปอีก ซึ่งผิดกับเอรอสในตอนนี้ซึ่งอยู่ในชุดนอนและยังไม่มีท่าทีว่าจะลุกจากเตียงเลยแม้แต่น้อย
“ลืมไปแล้วง่า อ่าช่างเหอะ ไงไง ข้าก็เป็นถึงอัศวินอันดับหนึ่งเลยนะ ไปสายหน่อยเดียวคงไม่เป็นไรหรอก เนอะ.........คร่อก” ว่าแล้วอัศวินอันดับหนึ่งก็ของีบต่อ
“เฮ้อ ไม่อยากใช้ไม้นี้กับเจ้าเลยนะ ใช่สิก็ข้าไม่ใช่องค์หญิงอาเวเลียร์นี่นา” ว่าแล้วหญิงสาวก็เอามือไปวางที่คอของชายหนุ่มพลางร่ายเวทย์เบาๆ ทันใดนั้นเองน้ำแข็งก็ปกคลุมตัวของเอเธรอส ไปตั้งแต่ลำคอจรดเท้า
“จ๊าก ตื่นแล้วข้าตื่นก็ได้ พอ พอ พอ” เอเธรอสสตาฟตอนนี้ กำลังตื่นตัวสุดขีดไม่มีท่าทีของคนง่วงนอนอีกต่อไป
“ข้าบอกแล้วว่าอย่าลองดีเห็นไหม ” หญิงสาวกล่าวด้วยน้ำเสียงสะใจ พลางละลายน้ำแข็งที่ปกคลุมร่างของชายหนุ่มอยู่อย่างช้าๆ
เอเธรอส รู้ไหมข้าน่ะนะชอบจริงๆเลยเวลาที่เจ้ากวนประสาทข้าแบบนี้น่ะ ข้าสงสัยจังว่าเราจะได้อยู่ด้วยกันแบบนี้อีกนานเท่าไร เจ้าน่ะยังเจ็บปวดอยู่หรือเปล่ากับกับอดีตของเจ้าน่ะ มีอะไรที่ทำให้เจ้าเจ็บปวดก็บอกได้นะ อย่าปิดบังกันเลยข้าก็เป็นห่วงเจ้าไม่ต่างจากองค์หญิงอาเวเลียร์นะ
.........................
วันนี้นครอะนอร์เดลินดูจะคึกคักเป็นพิเศษโดยเฉพาะในตัวเมืองส่วนที่สองและสามเนื่องจากการซ้อมการรักษาความปลอดภัย และการเตรียมการต้อนรับเหล่ากษัตริย์จากอาณาจักรต่างๆในงานประชุมสันติภาพที่กำลังจะมาถึงในอีกไม่กี่วันข้างหน้า
เนื่องด้วยการประชุมสันติภาพที่นครแห่งนี้จัดขึ้นเป็นเวลาช้านานแล้ว ดังนั้นระบบรักษาความปลอดภัยของเมืองจึงเข้มงวดมากในช่วงนี้ และครั้งนี้ก็เช่นกันที่ทุกคนหวังว่าจะไม่มีเหตุร้ายเกิดขึ้น
“ฮ้าวววววว ลีเอน่า นี่เธอบ้าหรือป่าวเนี่ยงานซ้อมพิธีเริ่มตอนสิบโมงกว่าๆเธอกลับมาปลุกพี่ตั้งแต่ก่อนหกโมงเนี่ย...........” ไลเรนอฟแหวใส่น้องสาวตัวดี และไม่ใช่แค่ไลเรนอฟเท่านั้นแต่เหล่าอัศวินลีธรานิกซ์ทั้งหมดที่ยืนอารักขาทางเข้าประตูเมืองระหว่างส่วนที่สองและส่วนที่สามนั้น สายตาของแต่ละคนต่างก็ก็ส่อแววถึงความง่วงนอนอย่างเห็นได้ชัดเนื่องจากอัศวินสาวเล่นสั่งให้ทุกคนมายืนรอคุมเชิงตั้งแต่ยังไม่หกโมงจนตอนนี้สิบโมงแล้วพิธีเพิ่งจะเริ่มขึ้นและไม่ใช่แค่อัศวินลีธรานิกซ์เท่านั้นที่ต้องตกเป็นผู้เคราะห์ร้ายจากความจริงจังของอัศวินสาวนามลีเอน่า
“ลีเอน่าพ่อว่าเจ้าทำเกินไปหน่อยแล้วละนะ งานนี้สำคัญก็จริงอยู่แต่ว่าไม่เห็นจำเป็นต้องปลุกกันตั้งแต่ไก่โห่เลยนี่นา และที่สำคัญรู้ไหม ว่าทำให้คนแก่นอนไม่พออายุจะสั้นนะ” เสนาบดีออร์กัสกล่าวด้วยน้ำเสียงเหมือนคนที่ไม่เต็มตื่น เนื่องด้วยเหตุผลที่ว่าเมื่อเช้านี้เขาก็โดนลูกสาวตัวดีลากลงมาจากเตียงนอนเช่นกัน
ในวันจริงนั้นทั้งเหล่าอัศวินลีธรานิกซ์และเสนาบดีออร์กัสจะต้องอยู่คียงข้างองค์ราชันย์แต่เนื่องจากว่าเพราะเป็นแค่การซ้อมทุกคนจึงได้รับการมอบหมายให้มาตรวจตราความเรียบร้อยของพิธีต้อนรับแทน
“ท่านพ่อคะ แทนที่ท่านพ่อจะช่วยดูแลความงานนี้ ท่านกลับมาพูดอย่างนี้ได้ยังไงกันคะ ท่านก็รู้นี่คะว่าหน้าตาของมิรานอฟน่ะขึ้นอยู่กับการประชุมนี้นะคะ” สิ้นคำกล่าวของลีเอน่าทุกคนก็หน้าเจื่อนลงทันที
“นี่ ลีเอน่าจะโหดไปถึงไหนกันมิทราบ ข้าถามจริงเหอะ ประจำเดือนเธอมาไม่ปกติหรือไงห้ะถึงได้เป็น...”
พลั่ก!!!!!!!!!!!!!!!!!! ยังไม่ทันจะจบคำพูดใบหน้าของชารอสก็ปรากฎรอยช้ำขึ้นเนื่องจากหมัดของสาวเจ้านั่นเอง
“เฮ้อ ชารอส เศร้าจริงๆว่ะ ชารอสเล่นกับใครไม่เล่นดันไปเล่นกับเจ้ที่ปจดมาไม่ปกติได้นะหุๆๆๆๆ..........”
พลัก!!!!!!!!!!! พลั่ก!!!!!!!!!!! และแล้วเอเธรอสผู้ซึ่งพยายามจะให้กำลังใจเพื่อนก็ต้องสังเวยใบหน้าให้กับกำปั้นของสาวเจ้า ไปอีกสองหมัดตามเพื่อนของตัวเองไป ด้วยเหตุผลที่ว่าใช้คำพูดปลอบใจไม่ถูกอารมณ์ของลีเอน่าอย่างแรง
“เอ่อ ลีเอน่า พ่อว่าพอเถอะ ไม่ต้องเคร่งเครียดมากก็ได้ยังไงวันจริงเราก็ไม่ต้องมาอยู่ตรงนี้นะ จริงๆตอนนี้พิธีซ้อมก็กำลังไปได้สวยเชียว ” ออร์กัสกล่าวพลางชี้ไปทางเหล่าทหารที่กำลังเดินพาเหรดกันอย่างพร้อมเพรียงก่อนจะกล่าวต่อ
“เราน่าจะพักก่อนก็ได้นะ อ้อใช่พ่อรู้จักร้านอาหารอร่อยอยู่ร้านนึงเดินไปอีกไม่เท่าไรเอง เดี๋ยวพ่อเลี้ยงพวกเจ้าเองนะ”
“ไปครับ/ค่ะ” อัศวินลีธรานิกซ์สี่คนที่เหลือกว่าตอบรับเป็นเสียงเดียวกัน มีเพียงลีเอน่าเท่านั้นที่ทำหน้ามุ่ยด้วยความรู้สึกไม่สบอารมณ์อย่างแรง
“เอาน่า เจ้าก็ไปด้วยสิ ตั้งแต่เช้ายังไม่ได้กินอะไรเลยไม่ใช่หรอ ”
“เฮ้อ จริงๆเลยนะคะท่านพ่อ เพราะนิสัยไม่จริงจังกับอะไรแบบนี้สินะคะ แม่ถึงได้หนีไปน่ะ” ลีเอน่ากล่าวด้วยความเหนื่อยหน่ายใจพลางเดินไปที่ร้านอาหารอย่างจำยอม
“โอ้ย ๆๆๆๆ พ่อบอกกี่รอบแล้วว่าแม่น่ะไม่ได้หนีพ่อไป แต่แค่อาสาไปทำงานเป็นนักวิจัยให้อัลเธียร่าในฐานะที่ทางมิรานอฟเป็นพันธมิตรกับอัลเธียร่าก็เท่านั้นเอง” เสนาดีหนุ่มแก้ตัวน้ำขุ่นๆต่อหน้าลูกสาวตัวเองเพราะไม่อยากจะเอ่ยถึงเหตุผลที่ทำไมภรรยาของเขาจึงหนีเขาไป
ว่าแล้วความคิดหนึ่งก็เกิดขึ้นกลางจิตใจของเสนาบดีแห่งมิรานอฟ
‘ เอฟิเลีย ลูกของเราเหมือนคุณมากเลยนะ รู้ไหมตลอดเวลาที่ได้อยู่กับลูก ผมคิดเสมอนะว่าคุณไม่เคยจากไปไหน เฮ้อ ตอนนี้ผมอยากให้คุณได้มาเห็นลูกของเราจริงๆนะ’
“ยิ้มอะไรหรือคะ ท่านพ่อ” ลีเอน่าเอ่ยถาม
“อ๋อ ไม่มีอะไรหรอก แค่คิดถึงแม่น่ะ อ้อ ว่างๆถ้าพ่อขอองค์ราชันย์ได้พวกเราไปเยี่ยมแม่กันดีไหม”
“ ก็...” แต่ทว่ายังไม่ทันตอบคำถามก็มีสิ่งหนึ่งมาขัดจังหวะเสียก่อน
.........ตู้มมมมมมมม
เกิดระเบิดขึ้นที่ใจกลางตัวเมืองส่วนที่สองซึ่งทำให้พิธีที่กำลังดำเนินอยู่ขณะนี้หยุดชะงักลงภายในทันที
“ก่อวินาศกรรมกลางเมืองเลยหรอเนี่ย!!!!!!!”ออร์กัสกล่าวระคนตกใจพลางชักดาบออกมา ลีเอน่าเองก็เช่นกัน ตอนนี้อัศวินลีธรานิกซ์ที่เหลือต่างก็รุดหน้าไปคุ้มกันองค์ราชันย์ที่ตัวเมืองส่วนที่สามก่อนแล้วก่อน”
............................................
เกิดวงแหวนเวทขนาดใหญ่ก่อนจะระเบิดออกเมื่อไม่กี่นาทีที่ผ่านมา ณ ใจกลางตัวเมืองส่วนที่สองซึ่งในตอนนี้สิ่งที่ทำให้เหล่าทหารที่ทำให้พากันตกใจก็คือ ร่างในชุดคลุมสีดำไม่ต่ำกว่ายี่สิบร่างที่ปรากฎกายขึ้นหลังการระเบิดพร้อมกับอาวุธในมือที่แตกต่างกันออกไป แต่ที่น่าตกใจยิ่งกว่าก็คือ ร่างเหล่านั้นดูคล้ายกับมนุษย์แต่กลับไม่ใช่ เพราะว่าทุกส่วนของมันถูกปกคลุมไปด้วยเงามืดภายใต้เสื้อคลุมของมัน ประหนึ่งว่าเงามืดนั้นเป็นสิ่งเดียวที่ร่างปีศาจของมันมี จะมีสิ่งอื่นก็เพียงแต่แววตาอำมหิตสีอำพันของมันเท่านั้น ที่ฉายแววออกมา
“เฮ้อ พวกภูติวิญญาณงั้นหรอ”ชารอสกล่าว ไวเท่าความคิด เขาก็พุ่งตัวเขาไปฟาดดาบยักษ์เข้าที่กลางกระหม่อมของเจ้าปีศาจตนนั้น ทันที
เคร้ง!!!!!!!! ใช่ว่าดาบนั้นจะพลาดแต่มันกลับกดทะลุจากศรีษะโผล่ออกที่หว่างขาของเจ้าปีศาจตนนั้น
ฟู่ว์ ร่างของมันสลายกลายเป็นอากาศธาตุในพริบตา ทันใดนั้นเหล่าปีศาจที่เหลือต่างก็พากันกรูเข้าใส่ชายหนุ่มทันที
“แต่ชารอสข้าสงสัยอย่างนะ ทำไมเหล่าปีศาจพวกนี้ถึงปรากฏตัวขึ้นที่นี่ได้”เอเธรอสถามกลับพลางก้มหลบบกรงเล็บของภูติวิญญาณตนนึงก่อน เสียบดาบเพรย์คาลิสเข้าทะลุกลางศรีษะของมัน
ในตอนนี้ความสามารถของศัตรูไม่ใช่ปัญหาสำหรับเหล่าลีธรานิกซ์ แต่ที่เป็นปัญหาก็คงจะเป็นเพราะจำนวนและการจู่โจมอย่างไม่เลือกหน้าของเหล่าภูติวิญญาณพวกนี้นี่เองที่เป็นปัญหาเพราะดูเหมือนว่าพวกมันเลือกที่จะสังหารเหยื่อที่ใกล้ที่สุดซึ่งเป็นเรื่องที่ผิดปกติมากสำหรับปีศาจพวกนี้
ภูติวิญญาณ หนึ่งในปีศาจแห่งรัตติกาล ในอดีตนั้นถูกสร้างขึ้นมาเพื่อใช้เป็นมือสังหาร ระดับกลางในช่วงสงครามคริมสันแร็กนาร็อก โดยในยุคแรกๆถูกสร้างขึ้นจากพลังเวทย์ของเทพกบฏราเกีย ไลท์โซลเรลอส น้องชายของมหาเทพราชันย์สวรรค์อวาลอน ไลท์โซลเรลอส นั่นเอง โดยในยุคแรกๆ ปีศาจเหล่านี้ถูกสร้างขึ้นมาให้มี ความคิดอ่านเป็นของตนเองสามารถสั่งการและทำงานได้ด้วยตัวเอง โดยความน่ากลัวของพวกมันจะอยู่ที่ความเร็วที่เหนือมนุษย์และการจู่โจมอันหนักหน่วง แต่ทว่าหลังจากที่เทพราเกียโดนจับเนรเทศไปอยู่มิติอื่นแล้ว ปีศาจเหล่านี้ก็หายไป โดยเหล่าภูติวิญญาณที่ปรากฏอยู่ในปัจจุบันเป็นสิ่งมีชีวิตเวทมนตร์ ที่ต้องอาศัยบนักเวทย์ผู้ชำนาญเท่านั้น แต่เนื่องจากถูกสร้างโดยมนุษย์ ไม่ใช่เทพในสมัยโบราณดังนั้นอำนาจของเหล่าภูติวิญญาณ จึงถูกลดอานุภาพลงด้วยโดยพวกมันจะสั่งการด้วยตัวเองไม่ได้ต้องมีการควบคุมจากผู้ร่ายเวทย์ในระยะที่พอเหมาะสมและต้องไม่มีจำนวนที่มากเกินไปด้วย โดยในปัจจุบันพวกมันถูกใช้ในองค์กรนักฆ่าระดับสูงเท่านั้น แต่ทำไมในวันนี้
‘ทำไมพวกมันถึงได้ร้ายกาจเหมือนกับสมัยเมื่อสี่พันปีก่อนนักนะ’ นั่นคือสิ่งที่อยู่ในความคิดของเหล่าลีธรานิกซ์และเสนาบดีออร์กัสในขณะนี้ แต่คงจะไม่มีเวลาหาคำตอบกันเป็นแน่เพราะถึงแม้ฝีมือจะเหนือกว่าเพียงใดแต่สำหรับปีศาจพวกนี้แล้วถ้าพลาดเพียงนิดเดียวอาจหมายถึงชีวิตก็เป็นได้
สถานการณ์ในตอนนี้ถือได้ว่าน่าหนักใจเลยทีเดียวเหล่าทหารประจำเมืองหลายคนหลายถูกสังหารไปด้วยฝีมือของเหล่าภูติวิญญาณสำหรับพวกเขาแล้วความร้ายกาจของปีศาจเหล่านี้มีอยู่แค่ในนิยายปรัมปราเท่านั้น จึงไม่มีใครคิดจะเตรียมการกับเรื่องแบบนี้ จะมีที่มีเพียงแต่เหล่าทหารนักดาบยอดฝีมือ กับเหล่าอัศวินองครักษ์ลีธรานิกซ์และเสนาบดีออร์กัสเท่านั้นที่ดูเหมือนจะสามารถต่อกรกับเหล่าปีศาจเหล่านี้ได้
เปรี๊ยะๆๆ เพล้ง ร่างของภูติแห่งเงาตนหนึ่ง ถูกเวทน้ำแข็งของลีเอน่าเล่นงานก่อนจะแตกเป็นเสี่ยงๆด้วยดาบของอัศวินสาวนั่นเอง
“”แหมโหดเหมือนกันนี่จ๊ะน้องสาว” ในเวลาแบบนี้ไลเรนอฟก็ยังไม่วายแขวะน้องสาวตัวเองเข้าให้ เขาโยนดาบสั้นปักกลางกระหม่อมของภูติแห่งเงาตนหนึ่งที่หมายจะแทงบิดาของเขาจากด้านหลังก่อนจะเอี้ยวตัวหลบลูกธนูของภูติวิญญาณอีกตนด้วยความเร็วระดับเทพ พร้อมกับคว้าปืนสั้นประจำตัวของเขาเล็งไปที่กลางศรีษะของภูติวิญญาณตนนั้นอย่างแม่นยำก่อนจะเหนี่ยวไก
ปัง!!!!!!
ร่างของภูติแห่งเงาผู้ถูกยิงแสกหน้าล้มลงช้าๆก่อนสลายเป็นอากาศธาตุไป
“ข้าไม่เข้าใจเลยจริงๆ เลยปีศาจพวกนี้ต้องการอะรกันแน่เนี่ย” เสนาบดีหนุ่มกล่าว
ฟิเรน่าก็ไม่น้อยหน้าสองพี่น้อง หล่อนเพิ่งตวัดดาบคู่ตัดศรีษะของภูติวิญญาณอีกตนก่อนไปสมทบกับทางฝั่งของเอเธรอส
ซึ่งกำลังโรมรันภูติวิญญาณสามตนอย่างมันมือ
ฟ้าว ฟ้าว ฟ้าว
เสียงดาบเพรย์คาลิสแหวกอากาศดังขึ้นหลายครั้งก่อนจะหยุดลงพร้อมกับตัวภูติวิญญาณตนนั้นด้วย ร่างของมันแข็งทื่อไปชั่วขณะราวกับไม่มีอะไรเกิดขึ้นก่อน หลุดออกเป็นชิ้นๆราวกับถูก แล่ด้วยความประณีต
ทันใดนั้นเองดาบหนึ่งก็พุ่งเข้าใส่เขาจากข้างหลัง ชายหนุ่มเอี้ยวตัวกลับไปฟัน และ
ฉึก!!!!!!!!!!
ร่างของภูติวิญญาณตนนั้นถูกหยุดอยู่ตรงหน้าอัศวินหนุ่มเพียงไม่กี่ก้าวเท่าน้นเอง ศรีษะของมันถูกแทงด้วยปลายหอกสีเงิน หอกนั้นแทงทะลุจากหลังศรีษะโผล่ที่ดวงตาของมันซึ่งจากสภาพบ่งบอกถึงฝีมือของผู้แทงได้เป็นอย่างดี
“องค์หญิงอาเวเลียร์” เอเธรอสกล่างขึ้นอย่างประหลาดใจระคนตกใจ
“เป็นองค์หญิงก็ใช่ว่าจะต้องคอยมีองครักษ์ปกป้องอยู่เสมอไปนี่นา”เธอกล่าว พลางกระชากหอกไลท์เอจิสออกมา ก่อนจะตวัดอย่างคล่องแคล่วซึ่งไม่นานภูติวิญญาณสามตนที่ล้อมรอบเธออยู่ก็สลายไปอย่างง่ายดาย
ตอนนี้เหล่าปีศาจมากกว่าครึ่งถูกกำจัดไปแล้วแต่ถ้าหากเทียบจำนวนทหารศพก็ดูน่าใจหายยิ่งนัก
“แหม รับมือกับเหล่าปีศาจแห่งรัตติกาลของนายท่านได้อย่างไม่น่าเชื่อเลยนะเนี่ย” เสียงเจื้อยแจ้วเชิงเย้ยหยันเสียงหนึ่งดังขึ้นมาจากร่างๆหนึ่งที่กำลังลอยอยู่เบื้องบนท้องฟ้า ซึ่งทำให้ทุกคนแหงนหน้าขึ้นไปมองและทำให้เหตุการณ์เบื้องล่างทั้งหมดหยุดชะงักลงรวมถึงความบ้าคลั่งของเหล่าภูติวิญญาณด้วย
ต้นเสียงเป็นหญิงสาวผมสีเงินมีใบหน้าสวยคมแฝงเชิงเจ้าเล่ห์ อยู่ในชุดเกาะอกสีชมพู มีดวงตาสีนิลกับริมฝีปากสีชมพูเหมือนกับชุดของเธอที่กลางหลังของเธอมีปีกคู่หนึ่งงอกออกมาซึ่งความงามนี้ช่างชวนนึกถึกเหล่าวาลคิรี่ขึ้นมา แต่ถ้าไม่ติดอยู่ตรงที่ว่า
ปีกของเธอมีสีดำดุจดั่งสีของรัตติกาล............
“เจ้าใช่ไหมที่เป็นต้นเหตุของความวุ่นวายในวันนี้ บอกมานะเจ้าเป็นใครมีเหตุอะไรถึงต้องทำแบบนี้”เอเธรอสตะโกนถามร่างเบื้องบนพลางกระชับอาวุธในมือไว้มั่นคง
“โฮะ โฮะ ข้านี่ช่างเสียมารยาทเสียจริงๆที่ลืมแนะนำตัว ข้ามีนามว่าเฟร่าจะมาขอรับพลังเวทย์ขององค์หญิงอาเวเลียร์ไปละนะ”
ไม่ทันขาดคำธนูเล่มนึงก็ปรากฎขึ้นในมือของเฟร่า เธอขึ้นสายอย่างรวดเร็วและก็
ฉึก!!!!!!!!
ลูกธนูพุ่งเข้าหาองค์หญิงอย่างแม่นยำ ร่างขององค์หญิงหมดสติลงทันที ทันใดนั้นก็เกิดไอสีขาวลอยออกมาจากร่างของเธอ ไอนั้นรวมกันกลายเป็นขวดแก้วสีใสที่มือของเฟร่านั่นเอง
“หนอยแน่ะแก ถึงจะเป็นผู้หญิงทำแบบนี้อย่าคิดจะรอดกลับไปได้เลย” เอเธรอสคำรามพลางคว้าปืนพกประจำตัวออกมาก่อนจะสับไกไปที่ร่างของเฟร่าอย่างไม่ยั้ง
ปัง ปัง ปัง ปัง
แต่ทว่ากระสุนกลับพุ่งผ่านร่างของเฟร่าไปราวกับว่าร่างของหญิงสาวเป็นเพียงแค่มโนภาพเท่านั้น
“แหม แหม รูปหล่อใจร้ายนะเนี่ย อย่าคิดว่านายท่านจะไม่ยอมคืนให้สิ นายท่านแค่อยากจะขอยืมพลังเวทย์ขององค์หญิงไปใช้ในแผนการของท่านก็แค่นั้นเอง”
วาบ...............
ทันใดก็เกิดแสงสีขาวขึ้นรอบกายของเฟร่า แล้วร่างของเฟร่าก็พลันหายไปพร้อมกับแสงสีขาวนั่นเอง
ทว่าในตอนนั้นฟิเรน่าก็เหลือบไปเห็นสิ่งหนึ่งที่ประดับบนเสื้อคลุมของภูติแห่งเงา มันคือเข็มกลัดขนาดเล็กที่ถูกแกะสลักเป็นรูปอสรพิษขดรัดบัลลังก์อยู่
“หืม สัญลักษณ์นี่มัน.............” ไม่ทันได้จบประโยค เสียงของเสนาบดีออร์กัสก็แทรกขึ้นมาเสียก่อน “องค์กรนักฆ่าแห่งซินธอเรียบัลลังก์ อสรพิษ”
ความคิดเห็น