ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    Awelias and Iriana. ตำนานเทพองครักษ์แห่งซิลวานัส

    ลำดับตอนที่ #3 : ปองร้าย

    • อัปเดตล่าสุด 9 ม.ค. 52


    href="file:///C:\Users\VISTA\AppData\Local\Temp\msohtmlclip1\01\clip_filelist.xml" /> href="file:///C:\Users\VISTA\AppData\Local\Temp\msohtmlclip1\01\clip_themedata.thmx" /> href="file:///C:\Users\VISTA\AppData\Local\Temp\msohtmlclip1\01\clip_colorschememapping.xml" /> /> /> />

    href="file:///C:\Users\VISTA\AppData\Local\Temp\msohtmlclip1\01\clip_filelist.xml" /> href="file:///C:\Users\VISTA\AppData\Local\Temp\msohtmlclip1\01\clip_themedata.thmx" /> href="file:///C:\Users\VISTA\AppData\Local\Temp\msohtmlclip1\01\clip_colorschememapping.xml" />

    กลางดึกคืนนั้นเอง ทุกคนในพระราชวังหลวงแห่งอะนอร์เดลินล้วนจมสู่ภวังค์ด้วยกันทั้งสิ้น จะมีก็แต่เหล่าทหารยามที่ยังแข็งขันในหน้าที่ของตนเท่านั้น

    ตึก ตึก ตึก ตึก

    ร่างบางร่างหนึ่งกระโดด ข้ามระเบียงของพระราชวังชั้นแรกอย่างคล่องแคล่วก่อนจะเอี้ยวตัวหลบทหารยามสองนายที่กำลังเดินตรวจตราความเรียบร้อยอยู่

    “ฟู่ว์ เกือบไป”ร่างของผู้บุกรุกในยามวิกาลพึมพำ ก่อนจะ พุ่งตัวออกจากเงามืดมุ่งหน้าไปตามทางเดินอย่างรวดเร็ว  จนเกือบจะถึงทางแยกเบื้องหน้า

    “ห้องเก็บเวชภัณฑ์หลวง อยู่ด้านขวาสินะ” ร่างบางกล่าว วินาทีนั้นเองอากัปกิริยาของเธอก็หยุดลงทันใดเมื่อร่างของชายหนุ่ม ร่างหนึ่งปรากฎขึ้น

    “อ้าว ฟิเรน่ายังไม่นอนอีกหรอ ” ชายหนุ่มเอ่ยถาม

    “อ่าคือ.......”หญิงสาวตะกุกตะกัก  “พอดีข้านอนไม่หลับน่ะ แหะๆ  ชารอส นี่ เจ้าอย่าบอกนะว่า แค่ข้าออกมาเดินเล่นแค่นี้มันผิดน่ะ” เธอกล่าวก่อนจะค้อนดวงตาสีน้ำผึ้งใส่ชายหนุ่ม

    “ไม่ได้ว่าผิด อะไรแต่ข้าไม่ชอบที่เจ้าออกมาแบบนี้มันไม่ปลอดภัย  แล้วเจ้าไปเล่นน้ำสงกรานต์ที่ไหนมาทำไมเหงื่อซกขนาดนั้น”  ชายหนุ่มเอ่ยถามด้วยน้ำเสียงขบขันระคนเป็นห่วง แต่หญิงสาวกลับเชิดหน้าใส่ก่อนหันหลังกลับ

    “ชิ เรื่องของข้า ถ้าเจ้าไม่มีอะไรอีกข้าจะไปนอนแล้ว”

    “เฮ้อ แปลกคนจริง ” ชารอสบ่นก่อนจะมองแผ่นหลังของหญิงสาวที่เดินจากไป

    คอยดูนะท่านแม่ ข้าจะต้องหาวิธีรักษาท่านให้ได้

    .................................................

     

    “เอเธรอส ตื่นเร็วเข้านี่จะหกโมงแล้ว ท่านพี่ กับ ท่านพ่อกำลังรอเจ้าอยู่นะ”

    “อะไรเล่า ใครเรียกข้าเนี่ย…………อ่าวนึกว่าใคร เกิดอะไรขึ้นหรอ” 

    “เจ้า............ลืมไปแล้วหรอไงยะ วันนี้เรามีการซ้อมใหญ่การอารักขาเหล่ากษัตริย์ไง ลืมล่ะสิ หา” ลีเอน่าแขวะใส่เอเธรอสแบบไม่หหยุด ตอนนี้เธออยู่ในชุดอัศวินเต็มยศ ผมที่เคยยาวสลวยถูกรวบไปด้านหลัง ใบหน้าที่ขาวอยู่แล้ว ถูกแต่งหน้าให้เป็นสีขาวอมชมพูจึงทำให้ดูสวยขึ้นไปอีก ซึ่งผิดกับเอรอสในตอนนี้ซึ่งอยู่ในชุดนอนและยังไม่มีท่าทีว่าจะลุกจากเตียงเลยแม้แต่น้อย

    “ลืมไปแล้วง่า อ่าช่างเหอะ ไงไง ข้าก็เป็นถึงอัศวินอันดับหนึ่งเลยนะ ไปสายหน่อยเดียวคงไม่เป็นไรหรอก เนอะ.........คร่อก” ว่าแล้วอัศวินอันดับหนึ่งก็ของีบต่อ

    “เฮ้อ ไม่อยากใช้ไม้นี้กับเจ้าเลยนะ ใช่สิก็ข้าไม่ใช่องค์หญิงอาเวเลียร์นี่นา” ว่าแล้วหญิงสาวก็เอามือไปวางที่คอของชายหนุ่มพลางร่ายเวทย์เบาๆ  ทันใดนั้นเองน้ำแข็งก็ปกคลุมตัวของเอเธรอส ไปตั้งแต่ลำคอจรดเท้า

    “จ๊าก ตื่นแล้วข้าตื่นก็ได้ พอ พอ พอ” เอเธรอสสตาฟตอนนี้ กำลังตื่นตัวสุดขีดไม่มีท่าทีของคนง่วงนอนอีกต่อไป

    “ข้าบอกแล้วว่าอย่าลองดีเห็นไหม ” หญิงสาวกล่าวด้วยน้ำเสียงสะใจ พลางละลายน้ำแข็งที่ปกคลุมร่างของชายหนุ่มอยู่อย่างช้าๆ

      เอเธรอส รู้ไหมข้าน่ะนะชอบจริงๆเลยเวลาที่เจ้ากวนประสาทข้าแบบนี้น่ะ ข้าสงสัยจังว่าเราจะได้อยู่ด้วยกันแบบนี้อีกนานเท่าไร  เจ้าน่ะยังเจ็บปวดอยู่หรือเปล่ากับกับอดีตของเจ้าน่ะ มีอะไรที่ทำให้เจ้าเจ็บปวดก็บอกได้นะ อย่าปิดบังกันเลยข้าก็เป็นห่วงเจ้าไม่ต่างจากองค์หญิงอาเวเลียร์นะ

    .........................

    วันนี้นครอะนอร์เดลินดูจะคึกคักเป็นพิเศษโดยเฉพาะในตัวเมืองส่วนที่สองและสามเนื่องจากการซ้อมการรักษาความปลอดภัย และการเตรียมการต้อนรับเหล่ากษัตริย์จากอาณาจักรต่างๆในงานประชุมสันติภาพที่กำลังจะมาถึงในอีกไม่กี่วันข้างหน้า

     เนื่องด้วยการประชุมสันติภาพที่นครแห่งนี้จัดขึ้นเป็นเวลาช้านานแล้ว ดังนั้นระบบรักษาความปลอดภัยของเมืองจึงเข้มงวดมากในช่วงนี้ และครั้งนี้ก็เช่นกันที่ทุกคนหวังว่าจะไม่มีเหตุร้ายเกิดขึ้น

    “ฮ้าวววววว ลีเอน่า นี่เธอบ้าหรือป่าวเนี่ยงานซ้อมพิธีเริ่มตอนสิบโมงกว่าๆเธอกลับมาปลุกพี่ตั้งแต่ก่อนหกโมงเนี่ย...........” ไลเรนอฟแหวใส่น้องสาวตัวดี และไม่ใช่แค่ไลเรนอฟเท่านั้นแต่เหล่าอัศวินลีธรานิกซ์ทั้งหมดที่ยืนอารักขาทางเข้าประตูเมืองระหว่างส่วนที่สองและส่วนที่สามนั้น สายตาของแต่ละคนต่างก็ก็ส่อแววถึงความง่วงนอนอย่างเห็นได้ชัดเนื่องจากอัศวินสาวเล่นสั่งให้ทุกคนมายืนรอคุมเชิงตั้งแต่ยังไม่หกโมงจนตอนนี้สิบโมงแล้วพิธีเพิ่งจะเริ่มขึ้นและไม่ใช่แค่อัศวินลีธรานิกซ์เท่านั้นที่ต้องตกเป็นผู้เคราะห์ร้ายจากความจริงจังของอัศวินสาวนามลีเอน่า

    “ลีเอน่าพ่อว่าเจ้าทำเกินไปหน่อยแล้วละนะ งานนี้สำคัญก็จริงอยู่แต่ว่าไม่เห็นจำเป็นต้องปลุกกันตั้งแต่ไก่โห่เลยนี่นา และที่สำคัญรู้ไหม ว่าทำให้คนแก่นอนไม่พออายุจะสั้นนะ” เสนาบดีออร์กัสกล่าวด้วยน้ำเสียงเหมือนคนที่ไม่เต็มตื่น  เนื่องด้วยเหตุผลที่ว่าเมื่อเช้านี้เขาก็โดนลูกสาวตัวดีลากลงมาจากเตียงนอนเช่นกัน

     ในวันจริงนั้นทั้งเหล่าอัศวินลีธรานิกซ์และเสนาบดีออร์กัสจะต้องอยู่คียงข้างองค์ราชันย์แต่เนื่องจากว่าเพราะเป็นแค่การซ้อมทุกคนจึงได้รับการมอบหมายให้มาตรวจตราความเรียบร้อยของพิธีต้อนรับแทน

    “ท่านพ่อคะ แทนที่ท่านพ่อจะช่วยดูแลความงานนี้ ท่านกลับมาพูดอย่างนี้ได้ยังไงกันคะ ท่านก็รู้นี่คะว่าหน้าตาของมิรานอฟน่ะขึ้นอยู่กับการประชุมนี้นะคะ” สิ้นคำกล่าวของลีเอน่าทุกคนก็หน้าเจื่อนลงทันที

    “นี่ ลีเอน่าจะโหดไปถึงไหนกันมิทราบ ข้าถามจริงเหอะ ประจำเดือนเธอมาไม่ปกติหรือไงห้ะถึงได้เป็น...”

    พลั่ก!!!!!!!!!!!!!!!!!!  ยังไม่ทันจะจบคำพูดใบหน้าของชารอสก็ปรากฎรอยช้ำขึ้นเนื่องจากหมัดของสาวเจ้านั่นเอง

    “เฮ้อ ชารอส เศร้าจริงๆว่ะ ชารอสเล่นกับใครไม่เล่นดันไปเล่นกับเจ้ที่ปจดมาไม่ปกติได้นะหุๆๆๆๆ..........”

    พลัก!!!!!!!!!!! พลั่ก!!!!!!!!!!! และแล้วเอเธรอสผู้ซึ่งพยายามจะให้กำลังใจเพื่อนก็ต้องสังเวยใบหน้าให้กับกำปั้นของสาวเจ้า ไปอีกสองหมัดตามเพื่อนของตัวเองไป ด้วยเหตุผลที่ว่าใช้คำพูดปลอบใจไม่ถูกอารมณ์ของลีเอน่าอย่างแรง

    “เอ่อ ลีเอน่า พ่อว่าพอเถอะ ไม่ต้องเคร่งเครียดมากก็ได้ยังไงวันจริงเราก็ไม่ต้องมาอยู่ตรงนี้นะ จริงๆตอนนี้พิธีซ้อมก็กำลังไปได้สวยเชียว ” ออร์กัสกล่าวพลางชี้ไปทางเหล่าทหารที่กำลังเดินพาเหรดกันอย่างพร้อมเพรียงก่อนจะกล่าวต่อ

    “เราน่าจะพักก่อนก็ได้นะ อ้อใช่พ่อรู้จักร้านอาหารอร่อยอยู่ร้านนึงเดินไปอีกไม่เท่าไรเอง เดี๋ยวพ่อเลี้ยงพวกเจ้าเองนะ”  

    “ไปครับ/ค่ะ” อัศวินลีธรานิกซ์สี่คนที่เหลือกว่าตอบรับเป็นเสียงเดียวกัน มีเพียงลีเอน่าเท่านั้นที่ทำหน้ามุ่ยด้วยความรู้สึกไม่สบอารมณ์อย่างแรง

    “เอาน่า เจ้าก็ไปด้วยสิ ตั้งแต่เช้ายังไม่ได้กินอะไรเลยไม่ใช่หรอ ”

    “เฮ้อ จริงๆเลยนะคะท่านพ่อ เพราะนิสัยไม่จริงจังกับอะไรแบบนี้สินะคะ แม่ถึงได้หนีไปน่ะ” ลีเอน่ากล่าวด้วยความเหนื่อยหน่ายใจพลางเดินไปที่ร้านอาหารอย่างจำยอม

    “โอ้ย ๆๆๆๆ พ่อบอกกี่รอบแล้วว่าแม่น่ะไม่ได้หนีพ่อไป แต่แค่อาสาไปทำงานเป็นนักวิจัยให้อัลเธียร่าในฐานะที่ทางมิรานอฟเป็นพันธมิตรกับอัลเธียร่าก็เท่านั้นเอง” เสนาดีหนุ่มแก้ตัวน้ำขุ่นๆต่อหน้าลูกสาวตัวเองเพราะไม่อยากจะเอ่ยถึงเหตุผลที่ทำไมภรรยาของเขาจึงหนีเขาไป 

    ว่าแล้วความคิดหนึ่งก็เกิดขึ้นกลางจิตใจของเสนาบดีแห่งมิรานอฟ

    เอฟิเลีย ลูกของเราเหมือนคุณมากเลยนะ รู้ไหมตลอดเวลาที่ได้อยู่กับลูก ผมคิดเสมอนะว่าคุณไม่เคยจากไปไหน เฮ้อ ตอนนี้ผมอยากให้คุณได้มาเห็นลูกของเราจริงๆนะ

    “ยิ้มอะไรหรือคะ ท่านพ่อ” ลีเอน่าเอ่ยถาม

    “อ๋อ ไม่มีอะไรหรอก แค่คิดถึงแม่น่ะ อ้อ ว่างๆถ้าพ่อขอองค์ราชันย์ได้พวกเราไปเยี่ยมแม่กันดีไหม” 

    “ ก็...” แต่ทว่ายังไม่ทันตอบคำถามก็มีสิ่งหนึ่งมาขัดจังหวะเสียก่อน

    .........ตู้มมมมมมมม

    เกิดระเบิดขึ้นที่ใจกลางตัวเมืองส่วนที่สองซึ่งทำให้พิธีที่กำลังดำเนินอยู่ขณะนี้หยุดชะงักลงภายในทันที

    “ก่อวินาศกรรมกลางเมืองเลยหรอเนี่ย!!!!!!!”ออร์กัสกล่าวระคนตกใจพลางชักดาบออกมา ลีเอน่าเองก็เช่นกัน ตอนนี้อัศวินลีธรานิกซ์ที่เหลือต่างก็รุดหน้าไปคุ้มกันองค์ราชันย์ที่ตัวเมืองส่วนที่สามก่อนแล้วก่อน”

    ............................................

    เกิดวงแหวนเวทขนาดใหญ่ก่อนจะระเบิดออกเมื่อไม่กี่นาทีที่ผ่านมา ณ ใจกลางตัวเมืองส่วนที่สองซึ่งในตอนนี้สิ่งที่ทำให้เหล่าทหารที่ทำให้พากันตกใจก็คือ ร่างในชุดคลุมสีดำไม่ต่ำกว่ายี่สิบร่างที่ปรากฎกายขึ้นหลังการระเบิดพร้อมกับอาวุธในมือที่แตกต่างกันออกไป แต่ที่น่าตกใจยิ่งกว่าก็คือ ร่างเหล่านั้นดูคล้ายกับมนุษย์แต่กลับไม่ใช่ เพราะว่าทุกส่วนของมันถูกปกคลุมไปด้วยเงามืดภายใต้เสื้อคลุมของมัน ประหนึ่งว่าเงามืดนั้นเป็นสิ่งเดียวที่ร่างปีศาจของมันมี จะมีสิ่งอื่นก็เพียงแต่แววตาอำมหิตสีอำพันของมันเท่านั้น ที่ฉายแววออกมา

    “เฮ้อ พวกภูติวิญญาณงั้นหรอ”ชารอสกล่าว ไวเท่าความคิด เขาก็พุ่งตัวเขาไปฟาดดาบยักษ์เข้าที่กลางกระหม่อมของเจ้าปีศาจตนนั้น ทันที

    เคร้ง!!!!!!!! ใช่ว่าดาบนั้นจะพลาดแต่มันกลับกดทะลุจากศรีษะโผล่ออกที่หว่างขาของเจ้าปีศาจตนนั้น

    ฟู่ว์ ร่างของมันสลายกลายเป็นอากาศธาตุในพริบตา ทันใดนั้นเหล่าปีศาจที่เหลือต่างก็พากันกรูเข้าใส่ชายหนุ่มทันที

    “แต่ชารอสข้าสงสัยอย่างนะ ทำไมเหล่าปีศาจพวกนี้ถึงปรากฏตัวขึ้นที่นี่ได้”เอเธรอสถามกลับพลางก้มหลบบกรงเล็บของภูติวิญญาณตนนึงก่อน เสียบดาบเพรย์คาลิสเข้าทะลุกลางศรีษะของมัน

     

    ในตอนนี้ความสามารถของศัตรูไม่ใช่ปัญหาสำหรับเหล่าลีธรานิกซ์ แต่ที่เป็นปัญหาก็คงจะเป็นเพราะจำนวนและการจู่โจมอย่างไม่เลือกหน้าของเหล่าภูติวิญญาณพวกนี้นี่เองที่เป็นปัญหาเพราะดูเหมือนว่าพวกมันเลือกที่จะสังหารเหยื่อที่ใกล้ที่สุดซึ่งเป็นเรื่องที่ผิดปกติมากสำหรับปีศาจพวกนี้

        ภูติวิญญาณ หนึ่งในปีศาจแห่งรัตติกาล ในอดีตนั้นถูกสร้างขึ้นมาเพื่อใช้เป็นมือสังหาร ระดับกลางในช่วงสงครามคริมสันแร็กนาร็อก โดยในยุคแรกๆถูกสร้างขึ้นจากพลังเวทย์ของเทพกบฏราเกีย ไลท์โซลเรลอส น้องชายของมหาเทพราชันย์สวรรค์อวาลอน ไลท์โซลเรลอส นั่นเอง โดยในยุคแรกๆ ปีศาจเหล่านี้ถูกสร้างขึ้นมาให้มี ความคิดอ่านเป็นของตนเองสามารถสั่งการและทำงานได้ด้วยตัวเอง โดยความน่ากลัวของพวกมันจะอยู่ที่ความเร็วที่เหนือมนุษย์และการจู่โจมอันหนักหน่วง แต่ทว่าหลังจากที่เทพราเกียโดนจับเนรเทศไปอยู่มิติอื่นแล้ว ปีศาจเหล่านี้ก็หายไป โดยเหล่าภูติวิญญาณที่ปรากฏอยู่ในปัจจุบันเป็นสิ่งมีชีวิตเวทมนตร์ ที่ต้องอาศัยบนักเวทย์ผู้ชำนาญเท่านั้น แต่เนื่องจากถูกสร้างโดยมนุษย์ ไม่ใช่เทพในสมัยโบราณดังนั้นอำนาจของเหล่าภูติวิญญาณ จึงถูกลดอานุภาพลงด้วยโดยพวกมันจะสั่งการด้วยตัวเองไม่ได้ต้องมีการควบคุมจากผู้ร่ายเวทย์ในระยะที่พอเหมาะสมและต้องไม่มีจำนวนที่มากเกินไปด้วย โดยในปัจจุบันพวกมันถูกใช้ในองค์กรนักฆ่าระดับสูงเท่านั้น แต่ทำไมในวันนี้

       ทำไมพวกมันถึงได้ร้ายกาจเหมือนกับสมัยเมื่อสี่พันปีก่อนนักนะนั่นคือสิ่งที่อยู่ในความคิดของเหล่าลีธรานิกซ์และเสนาบดีออร์กัสในขณะนี้ แต่คงจะไม่มีเวลาหาคำตอบกันเป็นแน่เพราะถึงแม้ฝีมือจะเหนือกว่าเพียงใดแต่สำหรับปีศาจพวกนี้แล้วถ้าพลาดเพียงนิดเดียวอาจหมายถึงชีวิตก็เป็นได้

     สถานการณ์ในตอนนี้ถือได้ว่าน่าหนักใจเลยทีเดียวเหล่าทหารประจำเมืองหลายคนหลายถูกสังหารไปด้วยฝีมือของเหล่าภูติวิญญาณสำหรับพวกเขาแล้วความร้ายกาจของปีศาจเหล่านี้มีอยู่แค่ในนิยายปรัมปราเท่านั้น จึงไม่มีใครคิดจะเตรียมการกับเรื่องแบบนี้ จะมีที่มีเพียงแต่เหล่าทหารนักดาบยอดฝีมือ กับเหล่าอัศวินองครักษ์ลีธรานิกซ์และเสนาบดีออร์กัสเท่านั้นที่ดูเหมือนจะสามารถต่อกรกับเหล่าปีศาจเหล่านี้ได้

    เปรี๊ยะๆๆ เพล้ง ร่างของภูติแห่งเงาตนหนึ่ง ถูกเวทน้ำแข็งของลีเอน่าเล่นงานก่อนจะแตกเป็นเสี่ยงๆด้วยดาบของอัศวินสาวนั่นเอง

    “”แหมโหดเหมือนกันนี่จ๊ะน้องสาว” ในเวลาแบบนี้ไลเรนอฟก็ยังไม่วายแขวะน้องสาวตัวเองเข้าให้ เขาโยนดาบสั้นปักกลางกระหม่อมของภูติแห่งเงาตนหนึ่งที่หมายจะแทงบิดาของเขาจากด้านหลังก่อนจะเอี้ยวตัวหลบลูกธนูของภูติวิญญาณอีกตนด้วยความเร็วระดับเทพ พร้อมกับคว้าปืนสั้นประจำตัวของเขาเล็งไปที่กลางศรีษะของภูติวิญญาณตนนั้นอย่างแม่นยำก่อนจะเหนี่ยวไก                                                        

     ปัง!!!!!!

    ร่างของภูติแห่งเงาผู้ถูกยิงแสกหน้าล้มลงช้าๆก่อนสลายเป็นอากาศธาตุไป

    “ข้าไม่เข้าใจเลยจริงๆ เลยปีศาจพวกนี้ต้องการอะรกันแน่เนี่ย” เสนาบดีหนุ่มกล่าว

    ฟิเรน่าก็ไม่น้อยหน้าสองพี่น้อง หล่อนเพิ่งตวัดดาบคู่ตัดศรีษะของภูติวิญญาณอีกตนก่อนไปสมทบกับทางฝั่งของเอเธรอส

    ซึ่งกำลังโรมรันภูติวิญญาณสามตนอย่างมันมือ

    ฟ้าว ฟ้าว ฟ้าว

    เสียงดาบเพรย์คาลิสแหวกอากาศดังขึ้นหลายครั้งก่อนจะหยุดลงพร้อมกับตัวภูติวิญญาณตนนั้นด้วย ร่างของมันแข็งทื่อไปชั่วขณะราวกับไม่มีอะไรเกิดขึ้นก่อน หลุดออกเป็นชิ้นๆราวกับถูก แล่ด้วยความประณีต

    ทันใดนั้นเองดาบหนึ่งก็พุ่งเข้าใส่เขาจากข้างหลัง ชายหนุ่มเอี้ยวตัวกลับไปฟัน และ

    ฉึก!!!!!!!!!!

    ร่างของภูติวิญญาณตนนั้นถูกหยุดอยู่ตรงหน้าอัศวินหนุ่มเพียงไม่กี่ก้าวเท่าน้นเอง ศรีษะของมันถูกแทงด้วยปลายหอกสีเงิน หอกนั้นแทงทะลุจากหลังศรีษะโผล่ที่ดวงตาของมันซึ่งจากสภาพบ่งบอกถึงฝีมือของผู้แทงได้เป็นอย่างดี

    “องค์หญิงอาเวเลียร์” เอเธรอสกล่างขึ้นอย่างประหลาดใจระคนตกใจ

    “เป็นองค์หญิงก็ใช่ว่าจะต้องคอยมีองครักษ์ปกป้องอยู่เสมอไปนี่นา”เธอกล่าว พลางกระชากหอกไลท์เอจิสออกมา ก่อนจะตวัดอย่างคล่องแคล่วซึ่งไม่นานภูติวิญญาณสามตนที่ล้อมรอบเธออยู่ก็สลายไปอย่างง่ายดาย

    ตอนนี้เหล่าปีศาจมากกว่าครึ่งถูกกำจัดไปแล้วแต่ถ้าหากเทียบจำนวนทหารศพก็ดูน่าใจหายยิ่งนัก

    “แหม รับมือกับเหล่าปีศาจแห่งรัตติกาลของนายท่านได้อย่างไม่น่าเชื่อเลยนะเนี่ย” เสียงเจื้อยแจ้วเชิงเย้ยหยันเสียงหนึ่งดังขึ้นมาจากร่างๆหนึ่งที่กำลังลอยอยู่เบื้องบนท้องฟ้า ซึ่งทำให้ทุกคนแหงนหน้าขึ้นไปมองและทำให้เหตุการณ์เบื้องล่างทั้งหมดหยุดชะงักลงรวมถึงความบ้าคลั่งของเหล่าภูติวิญญาณด้วย

    ต้นเสียงเป็นหญิงสาวผมสีเงินมีใบหน้าสวยคมแฝงเชิงเจ้าเล่ห์ อยู่ในชุดเกาะอกสีชมพู มีดวงตาสีนิลกับริมฝีปากสีชมพูเหมือนกับชุดของเธอที่กลางหลังของเธอมีปีกคู่หนึ่งงอกออกมาซึ่งความงามนี้ช่างชวนนึกถึกเหล่าวาลคิรี่ขึ้นมา แต่ถ้าไม่ติดอยู่ตรงที่ว่า     

     ปีกของเธอมีสีดำดุจดั่งสีของรัตติกาล............

     

    “เจ้าใช่ไหมที่เป็นต้นเหตุของความวุ่นวายในวันนี้ บอกมานะเจ้าเป็นใครมีเหตุอะไรถึงต้องทำแบบนี้”เอเธรอสตะโกนถามร่างเบื้องบนพลางกระชับอาวุธในมือไว้มั่นคง

    “โฮะ โฮะ ข้านี่ช่างเสียมารยาทเสียจริงๆที่ลืมแนะนำตัว ข้ามีนามว่าเฟร่าจะมาขอรับพลังเวทย์ขององค์หญิงอาเวเลียร์ไปละนะ”

    ไม่ทันขาดคำธนูเล่มนึงก็ปรากฎขึ้นในมือของเฟร่า เธอขึ้นสายอย่างรวดเร็วและก็

    ฉึก!!!!!!!!

    ลูกธนูพุ่งเข้าหาองค์หญิงอย่างแม่นยำ ร่างขององค์หญิงหมดสติลงทันที ทันใดนั้นก็เกิดไอสีขาวลอยออกมาจากร่างของเธอ ไอนั้นรวมกันกลายเป็นขวดแก้วสีใสที่มือของเฟร่านั่นเอง

    “หนอยแน่ะแก ถึงจะเป็นผู้หญิงทำแบบนี้อย่าคิดจะรอดกลับไปได้เลย” เอเธรอสคำรามพลางคว้าปืนพกประจำตัวออกมาก่อนจะสับไกไปที่ร่างของเฟร่าอย่างไม่ยั้ง

    ปัง ปัง ปัง ปัง

    แต่ทว่ากระสุนกลับพุ่งผ่านร่างของเฟร่าไปราวกับว่าร่างของหญิงสาวเป็นเพียงแค่มโนภาพเท่านั้น

    “แหม แหม รูปหล่อใจร้ายนะเนี่ย อย่าคิดว่านายท่านจะไม่ยอมคืนให้สิ นายท่านแค่อยากจะขอยืมพลังเวทย์ขององค์หญิงไปใช้ในแผนการของท่านก็แค่นั้นเอง”

    วาบ...............

    ทันใดก็เกิดแสงสีขาวขึ้นรอบกายของเฟร่า แล้วร่างของเฟร่าก็พลันหายไปพร้อมกับแสงสีขาวนั่นเอง  

      ทว่าในตอนนั้นฟิเรน่าก็เหลือบไปเห็นสิ่งหนึ่งที่ประดับบนเสื้อคลุมของภูติแห่งเงา มันคือเข็มกลัดขนาดเล็กที่ถูกแกะสลักเป็นรูปอสรพิษขดรัดบัลลังก์อยู่ 

    “หืม สัญลักษณ์นี่มัน.............” ไม่ทันได้จบประโยค เสียงของเสนาบดีออร์กัสก็แทรกขึ้นมาเสียก่อน “องค์กรนักฆ่าแห่งซินธอเรียบัลลังก์ อสรพิษ”

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×