ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    Awelias and Iriana. ตำนานเทพองครักษ์แห่งซิลวานัส

    ลำดับตอนที่ #2 : บทที่สอง อัศวินองครักษ์ลีธรานิกซ์

    • อัปเดตล่าสุด 9 ม.ค. 52



    /> /> />

    /> /> />

    /> /> />

    ชู่ว์ ค่อยๆนะ เอเธรอส อย่าให้ใครจับได้เชียวล่ะ ว่าวันนี้เราแอบหนีเที่ยวอีกแล้ว

    องค์หญิง กระหม่อมว่าองค์ราชันย์คงจับได้เหมือนทุกครั้งแหละ เอเธรอสกล่าวกับองค์หญิงขณะกำลังลอบเข้าไปในตัวพระราชวังหลวงด้วยทางลับ เหมือนทุกครั้งที่พวกเขาเคยทำ โดยในเวลานี้ในมือทั้งสองข้างขององครักษ์หนุ่ม กำลังถือของที่องค์หญิงซื้อมาเมื่อช่วงบ่าย

    งั้นวันนี้เรา แยกกันตรงนี้เลยละกันนะ

    อ่ะ ตกลง”  

    ในระหว่างทางกลับบ้านพักองครักษ์นั้นเอง เอเธรอสก็ได้พบกับกลุ่ม ชายหญิงสี่คน ที่เขาคุ้นเคยเป็นอย่างดีกำลังรอเขาอยู่  โดยทั้งสี่คนอยู่ในเคื่องแบบอัศวินเต็มยศ  มีตราราชสีห์ถือคทาติดอยู่ตรงหน้าอก เหล่าอัศวินองครักษ์ลีธรานิกซ์ หรืออีกนามนึงคืออัศวินราชสีห์แห่งมิรานอฟนั่นเอง

     “เอเธรอส ถามจริงเหอะ กลับมาตั้งป่านนี้น่ะ องค์หญิงนั่นคงใช้นายทำอะไรอีกล่ะ” ชารอส ชายหนุ่นร่างสูงใบหน้าคมคายกล่าวขึ้น

    "จะทำอะไรเล่า ก็แค่เป็นกรรมกรแบกหามเหมือนทุกวันนั่นแหละ" เอเธรอสกล่าวด้วยน้ำเสียงไม่สบอารมณ์เท่าไรนัก ส่งผลให้อัศวินหญิงที่ยืนอยู่ข้างๆหัวเราะคิก

    “แล้วเจ้าก็ยังไปอีกเนี่ยนะ ทั้งที่รู้ว่าเป็นแบบนี้น่ะ ข้าถามจริงเหอะเจ้าไม่กลัวท่านดาธารอล์ฟหึงเอาหรอ” ฟิเรน่า อัศวินสาวผมสีทองกล่าวขึ้นด้วยน้ำเสียงสนุก ใบหน้าจิ้มลิ้มของเธอวาดรอยยิ้มเจ้าเล่ห์ แต่ทว่าใหน้าของเอเธรอสกับซีดลงทันทีเมื่อได้ยินชื่อของเจ้าชายดาธารอล์ฟ

    “แล้วข้ามีทางจะปฎิเสธคำสั่งขององค์หญิงด้วยเรอะ” เอเธรอสกล่าวด้วยน้ำเสียงประชด

    “แหมๆๆๆ  ถ้าข้าป็นเจ้าน่ะรุ้ไหม ข้าคงจีบองค์หญิงติดไปแล้วละ รู้ไหมเจ้าน่ะมีแต้มต่อมากกว่าเจ้าชายดาธารอล์ฟตั้งเยอะ ทุกๆวันก็มีโอกาสได้อยู่ไกล้ๆกับองค์หญิงมากกว่าใครๆ   นี่จะบอกไรอย่างนะ โว้ย ผู้ชายน่ะถ้าไม่รุกเข้าก่อน พอถึงวันที่ผู้หญิงเขาแต่งงานกับคนอื่นนะ  เจ้าจะต้องมาร้องให้ น้ำตาเช็ดหัวเข่า เชื่อข้าเถอะ” ไลเรนอฟ อัศวินชายหนุ่มหน้าหวาน กล่าวพลางเสยผมดกดำยาวสลวยไปด้านหลัง

    “เฮอะ  ข้าไม่ได้จีบหญิงไม่เลือกแบบเจ้านี่ ไลเรนอฟ ออร์ราเนล และก็อีกอย่างนะไลเรนอฟ ท่านดาธารอล์ฟก็เป็นเพื่อนของข้าเหมือนกัน ย้ำเพื่อนของข้านะโว้ย ข้าคงจะไม่ทรยศเพื่อนของตัวเองได้หรอก” เอเธรอสกล่าวด้วยแววตาที่ไม่พอใจเท่าไรนักส่งผลให้เพื่อขี้เล่นของตัวเองทำหน้าเซ็งขึ้นมาทันที

    “ใช่ท่านพี่ เลิกล้อเรื่องขององค์หญิงกับเอเธรอสซักทีเถอะ  เอเธรอสไม่ได้เจ้าชู้แบบพี่นะ และก็ข้าขอร้องละทำตัวให้สมกับเป็นเชื้อสายของตระกูลเสนาบดี ออร์ราเนลหน่อยจะได้ไหม ห้ะ ”  ลีเอน่า อัศวินหญิงอีกคนต่อว่าใส่พี่ชายของเธอ เธอเป็นน้องสาวฝาแฝดของไลเรนอฟนั่นเอง ตอนนี้ใบหน้างามของเธอส่อแววหงุดหงิดอย่างเห็นได้ชัด เรือมผมสีดำเงางามซึ่งควรจะยาวสลวยตอนนี้ถูกรวบเอาไว้เพื่อความทะมัดทะแมง

    “แต่นายก็เหมือนกันนะยะ เอเธรอส รู้ไหมกว่าฉันจะหาข้ออ้างให้นายหนีออกไปเที่ยวกับองค์หญิงได้น่ะ ทั้งข้ออ้างกับท่านแม่ทัพ ไหมยังจะกับท่านพ่ออีก ลำบากมากเลยนะยะ แต่เจ้า เฮ่อะ เจ้ากลับพาองค์หญิงไปเที่ยวเนี่ยนะ เฮอะ”

    “แล้ว เจ๊จะให้ฉันทำอะไรอีกล่ะ” เอเธรอสกล่าวด้วยน้ำเสียงไม่ค่อยสบายใจอีกครั้งเมื่อเห็นท่าทางของสาวเจ้าตรงหน้า 

    “ห้าร้อยเอเธียย่ะ เอามาเลย  เช็คไม่รับ ผ่อนก็ไม่รับนะยะ”

    “โอ๊ยยยยยยย ยัยสิงโตตัวเมีย* เธอจะบ้า เหรอ!!!!!!!!!!!! แล้วเดือนนี้ฉันจะเอาอะไรใช้หาาา”เอเธรอสโวยวายในความงกสุดๆ ขององครักษ์สาวตรงหน้า

    “เฮอะ ใครว่าข้าจะขอล่ะห้ะ ” ว่าแล้วหญิงสาวก็หยิบคทาขึ้นมาพลางพึมพำร่ายเวทย์บางอย่าง

    ทันใดนั้นเองถุงเงินที่เหน็บอยู่ที่เอวของของเอเธรอสก็ลอยไปอยู่ในมือของหญิงสาว

    “ไม่นะ!!!!!!!!!! ลีเอน่า นั่นมันเงินเดือนทั้งเดือนของข้าเลยนะ”

    .................................

      ห้องทำงานขององค์ราชันย์อาเชียรัส มีชายวัยกลางคนคนหนึ่งกำลังนั่งอยู่บนโต๊ะทำงานด้วยท่าทีสบายๆ ที่หน้าต่างของห้องทรงงาน มีผู้ชายที่อายุน่าจะใกล้เคียงกับเขามองทะลุกระจกออกไปยังทัศนียภาพเบื้องล่างด้วยแววตาวิตกกังวล

    ทันใดนั้นเองชายผู้ยืนอยู่ก็กล่าวขึ้นมาหลังจากที่เขาแน่ใจแล้วว่าไม่ใครอยู่ในห้องนั้น

    ฝ่าบาท กระหม่อมว่าถึงเวลาจำเป็นต้อง....... แต่ทว่าคำพูดของเขากลับถูกขัดจังหวะขึ้นจากบุรุษผู้อยู่บนเก้าอี้

    ไม่ต้องใช้ราชาศัพท์ก็ได้มั้ง ท่านออร์กัส ออร์ราเนล ข้ากับเจ้าก็เป็นเพื่อนกันมานาน แล้วเราไม่ได้อยู่ต่อหน้าใครด้วยคำกล่าวขององค์ราชันย์ทำให้ท่าทางของท่านเสนาบดีแห่งมิรานอฟที่ดูคร่ำเครียดอยู่ผ่อนคลายลง

       องค์ราชันย์อาเซียรัสตอนนี้อยู่ในวัยสี่สิบกลางๆแล้วแต่ทว่าพระพักตร์ของพระองค์ยังดูสง่างามเยี่ยงกษัตริย์หนุ่มในวัยสามสิบตอนต้น ในขณะที่เสนาบดีออร์กัสผู้เป็นบิดาของลีเอน่าและไลเรนอฟก็เช่นกัน  ทั้งๆที่เป็นขุนนางที่ครั้งนึงเคยออกติดตามองค์ราชันย์มาอย่างโชกโชนแท้ๆแต่ทว่าใบหน้าของเขายังสดใสเหมือนกับขุนนางเจ้าสำอาง ผู้ซึ่งวันๆมีชีวิตเสวยสุขอยู่แต่ในคฤหาสถ์หลังใหญ่ เรียกได้ว่าเชื้อไม่ทิ้งแถวจริงๆสำหรับโดยเฉพาะผู้ชายของตระกูลออร์นาเรล

    งั้นก็ได้ อาเซียรัส   ฉันจะขอบอกอะไรให้นายอย่างนึงนะ ฉันคิดว่าตอนนี้น่ะมันถึงเวลาที่เราควรจะบอกความจริงกับเจ้าเอเธรอสนั่นได้แล้วล่ะ” เสนาบดีหนุ่มกล่าวด้วยน้ำเสียงไม่สบายใจ

    “เฮ้อ  ออร์กัส เราต่างก็รู้ดีนี่ว่าถ้าบอกความจริงกับเจ้าเด็กนั่นไป สงครามคงจะต้องเกิดแน่ๆ ” ราชันย์อาเซียรัสกล่าวพลางหยิบหนังสือปกแดงที่อยู่บนโต๊ะทรงงานขึ้นมาพิจารณาสักพักก่อนเปิดลิ้นชักเอาเหรียญตราทรงหกเหลี่ยมขึ้นมาทำความสะอาด

    “ข้าน่ะไม่อยากให้ประชาชนต้องมารับเคราะห์อะไรด้วยนะ ยิ่งถ้าเป็นสงครามแล้วละก็ข้าคงต้องขอปฎิเสธเลยละ” สิ้นคำกล่าวออร์กัสก็ทำหน้าสลดลงทันที ในขณะที่องค์ราชันย์อาเซียรัสนำผ้าชุบน้ำมันมาทำความสะอาดเหรียญตรา

     “เฮ้อ ตามใจนายแล้วกันนะ ฉันแค่อยากจะบอกว่ายังไงน่ะเราคงปิดความจริงไว้ไม่ได้ตลอดหรอก เจ้าเด็กนั่นน่ะ ถ้ารู้ความจริงด้วยตัวเองว่าจริงๆแล้วสิ่งที่ท่านปิดบังเขาอยู่มันคืออะไรน่ะเขาจะเจอกับความเจ็บปวดอันใหญ่หลวงเลยนะ” ออร์กัสลดเสียงต่ำลงราวกับกลัวว่าใครจะได้ยินก่อนจะกล่าวต่อ

    “แล้วเมื่อวันนั้นมาถึงเขาก็จะกลายเป็นภัยกับทุกๆสิ่งนะ ทั้ง  อาณาจักรของเรา องค์หญิงอาเวเลียร์ ลูกๆของข้า เพื่อนๆของตัวเขาเอง ทุกๆคนที่เขาเคยรัก หรือแม้กระทั่งกับตัวเอง..........”

    “เฮ้อ เจ้าก็อย่าไปกังวลอะไรมากเลย ออร์กัส เรื่องนี้เป็นเรื่องของอนาคต แม้แต่องค์มหาเทพก็ยังไม่อาจทำนายอนาคตได้เลย เอาล่ะ อาร์นิสข้าว่าวันนี้เจ้าไปพักก่อนดีกว่า พรุ่งนี้เรามีงานใหญ่ต้องทำอีกนะ องค์ราชันย์กล่าวพลางชุบเหรียญตราลงไปในแก้วน้ำยาซึ่งถูกเตรียมเอาไว้ก่อนหน้านี้

     ขอบพระทัยพะยะค่ะเสนาบดีออร์กัสกล่าวกับสหายคนสนิทพร้อมรอยยิ้มก่อนที่เขาจะเดินออกจากประตูห้องทรงงานไป

    สักพักนึงราชันย์อาเซียรัสก็วางเหรียญตราในมือลงเผยให้เห็นรูปแกะสลักบนเหรียญซึ่งเป็นรูปของเซนทอร์สองตัวถือหอกไขว้อยู่ใต้รูปของบัลลังก์

     เทพอาเวเลียส เทพผู้สยบสงครามคริมสันแร็กนาร็อกงั้นหรอ องราชันย์กล่าวด้วยน้ำเสียงเคร่งเครียด พลางเปิดหนังสือปกแดงไปที่หน้าหน้าหนึ่ง ในหน้านั้นมีรูปภาพของทุ่งหญ้าและลานกว้าง และ ณ ที่เบื้องล่างนั้นมีภาพของสงครามกำลังคุกรุ่นอยู่ ทั่วทุกแห่ง

    และที่เบื้องหน้าของสมรภูมินั้นมีภาพของ ชายหญิงสองคนกำลังร่วมมือต่อสู้กับจอมปีศาจตนหนึ่งอยู่ ที่สำคัญ

    ชายคนนั้นช่างหน้าเหมือนกับ..............................

    .............................

    10 ปีก่อน

    ตึก ตึก ตึก

     เด็กผู้ชายผมสีแดงเพลิง อายุราวๆ 8 ขวบคนหนึ่งกำลังวิ่งหนีอะไรบางอย่างอย่างเอาเป็นเอาตายอยู่ในป่า ซึ่งก็เป็นเช่นนั้นจริงๆ ภายหลังจากที่ต้องหนีตายจากรถม้าเดินทาง ถูกจู่โจมกลางคันโดยกลุ่มบุคคลลึกลับกลุ่มหนึ่ง ซึ่งแน่นอนว่าทุกคนที่เดินทางมากับเขาถูกสังหารหมด

    เฟี้ยว!!!!!!!!!!!   เสียงลูกธนูแหวกอากาศดังขึ้นในโสตประสาตของเด็กน้อย ไวเท่าความคิดเขาเอี้ยวตัวหลบตามสัญชาตญาณทันที

    ฉึก!!!!!!!!!!!! ลูกธนูซึ่งพลาดเป้าหมายไปอย่างเส้นยาแดงผ่าแปดปักเข้าสู่ ตัวต้นไม้ซึ่งอยู่ใกล้ตัวเด็กน้อยที่สุด

    ดูท่า ไม่ว่ายังไงยังไง กลุ่มผู้ล่าคงจะไม่มีวันที่ปล่อยให้เขามีชีวิตอยู่รอดเป็นแน่แท้

    ทันใดนั้นเองในวินาทีที่ เด็กน้อยกำลังสิ้นหวังเขาก็เห็นกลุ่มคนกลุ่มหนึ่งซึ่งจากเท่าที่เห็นน่าจะมีจำนวนยี่สิบกว่าคน กำลังขี่ม้าอยู่ในป่าแห่งนี้ เขาไม่รอช้ารีบวิ่งเข้าไปหาคนกลุ่มนั้นทันทีด้วยเรี่ยวแรงทั้งหมดเท่าที่จะเอื้ออำนวยให้แก่เขาได้ในขณะนั้น โดยไม่สนใจว่าฝ่ายที่เขาเห็นตรงหน้าจะเป็น ใครก็ตามที

    รอดแล้ว เขา รอดแล้ว เด็กน้อยคิด

    ทันทีที่เขาวิ่งไปถึงกลุ่มคนที่กำลังขี่ม้าอยู่ เขาจึงได้เห็นว่า คนกลุ่มนั้นมีทั้งชายและหญิงคละๆกันไป พวกเขาอยู่ในชุดเดินป่าสีเขียวสดซึ่งปราศจากสัญลักษณ์ใดๆทั้งสิ้น นอกเสียจากเข็มกลัดตราราชสีห์ถือคทาซึ่งประดับอยู่ตรงหน้าอกของชุดเดินป่า โดยแต่ละคนมีอาวุธติดอยู่ที่ตัวไม่ต่ำกว่าคนละสองชิ้น แต่ที่ดูสะดุดตาก็คงจะเป็นชายหนุ่มที่ขี่ม้าสีขาวอยู่นำหน้าคนกลุ่มนี้ เขาเป็นชายหนุ่มรูปร่างหน้าตาสง่างาม ที่ข้างหน้าเขามีเด็กผู้หญิงหน้าตาน่ารักคนนึงกำลังนั่งอยู่บนอานม้าเดียวกันกับเขา  ซึ่งเด็กคนนั้นดูท่าทางจะอายุอ่อนกว่าเขาเพียงเขาไม่กี่ปี  

    “ได้โปรด ช่วยข้าด้วย!!!!!

    “เจ้าเป็นใคร มาทำอะไร ที่นี่” ชายหนุ่มบนม้าขาวยิงคำถามใส่เด็กน้อย ซึ่งขณะที่เขากำลังรวบรวมสติเพื่อจะตอบคำถาม

    ฉึก!!!!!!!!!!!! แทนคำตอบ ลูกธนูปักเข้าต้นไม้ที่อยู่ใกล้ๆชายหนุ่มทันที

    “ราชสีห์แห่งมิรานอฟ  มากับข้า เตรียมพร้อมรบกับข้าศึก” ชายหนุ่มตะโกนสั่งการทันที  ทันใดนั้นเองกลุ่มชายหญิงจำนวนห้าคนก็ขี่ม้าออกมาเคียงข้างชายหนุ่ม

    “เอาล่ะ อาเวเลียร์ เจ้าไปอยู่กับท่านท่านลุงออร์กัสก่อนเดี๋ยวพ่อจะกลับมา” ราชันย์อาเซียรัสกล่าว พลางอุ้มเด็กหญิงส่งให้ชายหนุ่มที่ขี่ม้าอยู่ข้างหลังเขา

    “ไม่เอา ท่านพ่อ ข้าอยากสู้ด้วยง่ะ ข้าก็ต่อสู้เป็นนะ” เด็กผู้หญิงทำท่างอแงใส่ผู้เป็นพ่อ ก่อนจะเงียบเสียงลงเพราะแววตาที่มองกลับมา

    “ถ้าเจ้าดื้ออีก วันหลังพ่อจะไม่พาเจ้ามาสอนขี่ม้าอีกนะ เอ้า” ผู้เป็นพ่อตำหนิลูกสาวคนเดียวของเขา ด้วยใบหน้าเคร่งเครียดแต่ก็แฝงไปด้วยรอยยิ้ม

    ออร์กัส ข้าฝากลูกข้าด้วยนะ”

    “ขอรับ ฝ่าบาท” เสนาบดีหนุ่มรับคำองค์ราชันย์ทันที  ก่อนรับเด็กผู้หญิงมาจากพระหัตถ์ขององค์ราชันย์

    “เอ้า เจ้าน่ะ”  อาเซียรัส หันไปทางเด็กชายอีกครั้ง ก่อนจะกล่าวต่อด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน “หลบไปอยู่กับลูกข้าก่อนดีกว่า นะ นี่ไม่ใช่ที่ ของเด็ก เดี๋ยวเสร็จแล้วข้าจะคุยกับเจ้าตัวข้าเอง”

    “ขอรับ ฝ่าบาท”เด็กน้อยรับคำด้วยความขวยเขินเล็กน้อยหลังจากที่รู้ว่าเบื้องหน้าเขาสูงศักดิ์เพียงใด

    “อ้อ เดี๋ยว” ชายหนุ่มหยุดม้าของตัวเองเอาไว้ ราวกับนึกอะไรบางอย่างขึ้นมาได้ “อย่างน้อยข้าขอทราบชื่อของเจ้าก่อนได้ไหม”

    “กระหม่อม มีนามว่าเอเธรอสพะยะค่ะ” เด็กน้อยทูลตอบ

    ** เป็นการเล่นคำผู้เขียน เพราะชื่อไลเรนอฟกับลีเอน่ามีความหมายว่า ราชสีห์กับนางสิงห์

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×