ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    good girl , good boy with me

    ลำดับตอนที่ #5 : ( history of Camilla fay )

    • อัปเดตล่าสุด 17 มี.ค. 64


    T
    B


    - ประวัติมีความ toxic อย่างชัดเจน มีความรุนแรงเกี่ยวกับเรื่องเพศ ความรุนแรง และการเสียชีวิต

    โปรดใช้วิจารณญาณในการอ่าน และไม่ควรทำตามเป็นอย่างยิ่งค่ะ  -

     



    คามิลล่า เฟย์, ไม่ได้มีชีวิตสวยหรูตั้งแต่ก่อน เดิมทีหล่อนเป็นเพียงเด็กสาวสามัญ ไร้ชื่อไร้นามที่ถือกำเนิดมาอยู่ในซ่องโสเภณีแถบชานชนบท เธอจำไม่ได้แม้กระทั่งเสี้ยวใบหน้าของผู้เป็นมารดาหรือบิดา เพราะเพียงตั้งแต่วัยอ้อแอ้เธอก็ถูกเลี้ยงขึ้นมาโดยผู้ดูแลซ่องเหล่านั้น มองเห็นความโสมมและการกระทำแสนกักขฬะมาตั้งแต่วัยเพียงไม่กี่ขวบปี ไม่นานมันก็กลายเป็นภาพที่เห็นอย่างชินตา กลายเป็นความเคยชินที่ฝังลึกอยู่ในใจ ชีวิตการเป็นอยู่ของเธอไม่ได้ดีมากนัก ต่อให้อยู่ในการดูแล ตราบใดที่เธอไม่ได้สร้างประโยชน์หรือรายได้ให้พวกเขา เธอเองก็ไม่ได้รับความสนใจมากขนาดนั้น หล่อนถูกเลี้ยงอย่างอดบ้างได้ทานบ้าง อาหารกินไม่ได้เลิศหรูเพียงแค่ประทังชีวิตในแต่ละวันในซ่องขนาดเล็กนี้ อย่างน้อยก็พอตะเกียกตะกายให้ได้มีชีวิตรอดในพื้นที่ที่ความช่วยเหลือเข้าไม่ถึง บางคราวก็เกิดการแย่งชิงขึ้นมา จิตใจของมนุษย์นั้นเกิดริษยาขึ้นง่าย หากใครมีหน้ามีตาที่ดีมากขึ้นก็พร้อมทำลายลง นอกจากการแย่งอาหารจากผู้อ่อนแอกว่า ภายในก็เกิดเป็นระบบชนชั้นมากขึ้นที่ว่าใครทำรายได้มากที่สุดคนนั้นถือเป็นพี่ใหญ่ แต่เดิมเธอเคยเป็นเด็กที่พวกเขานั้นให้ความเอ็นดู เด็กน้อยกำพร้าผอมกะหร่องที่ไม่โดดเด่น กระทั่งยามเด็กสาวเติบโตขึ้น ความงดงามแรกแย้มนั้นเริ่มปรากฎขึ้นมาทีละเล็กน้อยชวนผวา สายตาเปี่ยมความเอ็นดูเหล่านั้นก็เริ่มที่จะเปลี่ยนไป เด็กน้อยแรกแย้ม ความบริสุทธิ์นั้นย่อมเป็นสิ่งที่บุรุษมากตัณหา ไม่รู้จักคำว่าพอเหล่านั้นชื่นชอบอยู่แล้ว เป็นสัจธรรมที่ของสิ่งใหม่มักจะได้รับความสนใจมากกว่าของเก่า คามิลล่าเริ่มรู้สึกได้ว่าเธอกำลังจะถูกใช้งาน อาหารของเธอเริ่มที่จะถูกงดลง เมื่อเฝ้ามองดวงหน้าท้วมของผู้ดูแล สตรีนางนั้นเพียงคลี่ยิ้มหวานหยด นัยน์ตาโค้งหยีพราวระยับเต็มไปด้วยความเจ้าเล่ห์เจ้ากล พร้อมกับคำพูดที่ว่า หากเจ้าอยากได้การดูแล ก็ทำงานสิ อ้าขายั่วยวนบุรุษแบบที่พี่ ๆ ของเจ้าทำ ของฟรีมิมีบนโลกหรอกหนา

    เพราะแบบนั้นเธอถึงได้ก้าวออกไป นกน้อยไร้ปีกเผชิญสู่ความจริงของโลกภายนอก ผู้ดูแลยังคงปราณีอยู่หน่อย หล่อนได้สั่งสอนอะไรบางอย่างให้กับเธอ– ต่อให้จะรู้สึกไม่พอใจมากขนาดไหน รู้สึกรังเกียจมากขนาดไหน ก็ต้องทำ แสร้งเป็นคลี่ยิ้มสุขใจ เพราะว่ามันเป็นงานของพวกเธอ ใครหลายคนอาจจะมองว่าอาชีพนี้นั้นสกปรก สตรีผู้เป็นโสเภณีต่างแพศยา คามิลล่ามิได้รู้สึกเช่นนั้นเลย อย่างไรพวกเธอก็เป็นมนุษย์ ได้รับชีวิตจิตใจ และ ทำอาชีพนี้อย่างมีเกียรติเช่นเดียวกับหน้าที่อื่น แม้สตรีบางคนจะถูกกดดันให้จำต้องขายตนเองเพื่อหาเงินไถ่หนี้สินแก่ครอบครัวของตนก็ตาม

    ชีวิตค่อนข้างที่น่าจะเศร้า

    กระนั้นก็หยุดที่จะก้าวเดินต่อไปไม่ได้

    คามิลล่าเองก็ไขว่คว้าอิสระภาพ ที่นี่มันเล็กเกินไปสำหรับเธอ– บางทีการใช้พวกบุรุษที่เข้ามาวนเวียนอาจจะเป็นทางเลือกที่ดีแก่เธอก็ได้ เพราะแบบนั้นเธอจึงทำตัวว่านอนสอนง่าย ช่างยิ้มแย้ม สอนสั่งสิ่งใดไปก็ทำตามมิคิดปฎิเสธหรืออิดออด ต่อให้กระทำการรุนแรงมากเพียงไรก็ยังอดทนจนใครหลายคนชอบใจ ยกคามิลล่าขึ้นกลายเป็นสตรีนางโปรดในดวงใจ

    แท้ที่จริงคามิลล่าสะอิดสะเอียนนัก เธอหรือแม้แต่คนอื่นไม่ใช่เครื่องระบายอารมณ์ที่สามารถทุบตีได้ตามใจ ไม่ว่าใครก็ไม่มีสิทธิ์ที่จะลงไม้ลงมือกับเธอแม้กระทั่งสามี จิตใจของเด็กสาวยามนั้นบอบช้ำอย่างหนักทุกคราเมื่อจบงานลง เสียงร้องไห้ของเด็กสาวหลายคนที่รุ่นราวคราวเดียวกับเธอครวญครางลอดใบหูทุกค่ำคืนจนไม่อาจหลับตาได้ดังใจหวัง แน่นอนว่าไม่มีใครที่จะใคร่สนใจความเจ็บปวดเหล่านั้น หากไม่ยินยอมก็จะบังคับขืนใจพวกนาง ใบหน้าเปรอะเปื้อนน้ำตาและสุรเสียงกรีดร้องขอร้องคร่ำครวญราวกับเป็นเพียงแค่ดนตรีหนึ่งบทเพลงเท่านั้น

    คามิลล่าพบกับบุรุษสูงวัยผู้นึงยามที่เธอเดินเล่นข้างนอก เขาดู–เป็นผู้ดีมีกำลังทรัพย์จากตระกูลใดซักตระกูล ให้ความรู้สึกสูงส่งจนไม่น่าจะมาเหยียบย่างอยู่ที่นี่ แต่นี่ก็ราวกับโอกาสที่ดีเหลือเกินของเธอ เด็กสาวจำรอยยิ้มเหยียดบนใบหน้าของตนได้ดี หล่อนเริ่มเข้าหากัน เป็นจังหวะเดียวกับที่เขาสังเกตเห็นหล่อน

    คามิลล่าออดอ้อนพะเน้าพอนอ งัดทุกความสามารถที่ถูกสั่งสอกออกมาใช้ให้อีกฝ่ายพึงพอใจ ตกปากรับคำซื้อตัวหล่อนไปเลี้ยงดูในคฤหาสน์หลังโต

    วันนั้นเป็นวันที่เธอปลดโซ่พันธนาการอย่างแท้จริง

    มีสายตาหลายคู่มองมาอย่างนึกอิจฉา ปรารถนาที่จะมีชีวิตรอดแล้วตกถังข้าวสารเฉกเช่นเธอบ้าง ทว่าสายตาที่จ้องมองมาอย่างเว้าวอนขอความช่วยเหลือนั่นก็สะทกสะท้านใจเหลือเกิน

    เป็นครั้งแรกที่เธอได้ให้คำสัญญาบางอย่างไปกับสตรีนางนึงที่แม้แต่ชื่อยังไม่รู้จัก

    " ข้าจะกลับมาช่วยท่าน "

    จำได้แม่นยำ ถึงนิ้วก้อยทั้งสองที่สอดผสานกันแสดงถึงคำสัญญา

    ใบหน้าเปรอะเปื้อนด้วยน้ำตานั่น

    ดวงตาที่ไร้แววคู่นั้น ยามที่เธอเอ่ยมากลับเปี่ยมไปด้วยความหวังเหลือเกิน

    ทั้งที่ไม่รู้ด้วยซ้ำว่าที่พูดไปจะเป็นคำลวงหรือไม่

    แต่เพราะแบบนั้น คามิลล่าจึงตั้งใจที่จะรักษาสัญญาของตนและอีกฝ่าย

     



    เธอย้ายเข้าไปอยู่ในคฤหาสน์หลังใหญ่โต ถูกตั้งชื่อโดยชายคนนั้นว่า อลิเซีย –อันเป็นชื่อคล้ายกับภรรยาคนเก่าของเขาที่เสียชีวิตไปแล้ว และเธอถูกยกขึ้นมาเป็นภรรยาใหม่แทนที่

    เธอไม่มีแม้แต่ความรัก ทุกอย่างทำเพียงแค่เป็นเพราะว่าหน้าที่ ยิ่งอยู่ด้วยกันเธอก็ยิ่งต้องแสดง ทำด้วยกันหลายครั้งหลายคราวกระทั่งความเสแสร้งกลายเป็นนิสัยส่วนนึงของเธอ ภรรยาหลวงผู้โอบอ้อมอารี ต่อให้คนเป็นสามีจะนำพาสตรีมาหน้าหลายตาแม้กระทั่งบุรุษเข้ามาในบ้านอย่างไรเธอก็ไม่เคยปฎิเสธการกระทำของเขา หนำซ้ำยังคงคลี่ยิ้มต้อนรับพวกเขาอย่างงดงาม เหล่าคนใช้ในคฤหาสน์ต่างเฝ้ามองเธอด้วยแววตาเวทนา ต่างก็พากันว่าเธอนั้นน่าสงสาร แม้จะเป็นที่รักที่สุดแล้วอย่างไร สุดท้ายนายท่านก็ไม่รู้จักพอ ชีวิตของเด็กสาวควรจะได้โลดแล่นดื่มด่ำกับความสวยงามของโลกใบนี้มากกว่านี้ สุดท้ายก็ตกมาตกตายอย่างอุดอู้ภายในคฤหาสน์หลังนี้

    เธอนึกอยากจะหัวเราะเสียงดังกับคำกล่าวเหล่านั้น

    ใครว่าจะเธอจะยอมเน่าตายอยู่ที่นี่กัน?

    เบื้องลึกของผู้ชายคนนั้นน่ารังเกียจมากกว่าที่หล่อนนึกว่า แท้ที่จริงซ่องโสเภณีแห่งนั้นเกิดขึ้นได้ก็เพราะเงินทุนที่เขาบริจาคเข้าไปหล่อเลี้ยง ทว่าที่ไม่ได้ทำให้มันพัฒนาขึ้นเลยก็เพราะว่าความเห็นแก่ตัวของมนุษย์ที่เกิดขึ้น ผู้ดูแลพวกนั้นต่างกวาดเงินเข้าไปในกระเป๋าตน ทำเป็นหูเอานาตาไปไร่เมื่อมีเด็กสาวในซ่องถูกทารุณกรรมอย่างรุนแรงจนจิตใจแตกสลาย กระทั่งบางคนสิ้นชีพคามือของคนเป็นลูกค้าก็ยังมี

    นัยน์ตาของคามิลล่านั้นเย็นเหยียบ, ความรังเกียจแล่นริ้วไปทั่วทั้งอกจนเธออาเจียนออกมาเสียยกใหญ่ สำรอกอาหารชั้นดีที่เคยรับประทานเข้าไปจนหมดท้อง

    หากพวกมันไม่ได้รับความทรมาณเท่ากับคนพวกนั้นได้รับ

    ก็อย่าหวังที่ว่าเธอจะยอมตายตาหลับ

    ชายแก่คนนั้นร่างกายไม่ค่อยแข็งแรงมากนัก ไม่นานนักเขาก็ล้มป่วยด้วยโรคร้าย เหล่าภรรยาน้อยใหญ่ต่างกรูกันเข้าไปแสดงความเป็นห่วงสุดซึ้ง หล่อนรู้ทั้งหมดว่ามันเป็นเพียงแค่การแสดงเพราะเธอเองก็ทำเช่นนั้นเหมือนกัน หยดน้ำตาหยดแล้วหยดเล่าไหลอาบข้างแก้มนวลอย่างน่าสงสาร แท้จริงในใจแสนลึกล้ำจะมีผู้ใดล่วงรู้ว่าเธอรอคอยการนี้มานานแสนนาน

    ริมฝีปากอิ่มที่เม้มเข้าหากัน คลายออกพร้อมกับวาดรอยยิ้มบางประการแต้มบนดวงหน้างดงามนั่น โดยไม่มีผู้ใดรับรู้

    เธอไม่ได้ให้ค่าชายแก่นั่นอีก ฟังเพียงคำบอกเล่าของแพทย์ก็พยักหน้าตอบรับอย่างเฉยชา ต่อให้มันสิ้นใจตายตรงหน้าเธอก็ไม่รู้สึกอะไรนอกเสียจากความสะใจเท่านั้น

    วินาทีหนึ่งความสนใจของหล่อนพลันเด่นชัดเมื่อสุรเสียงของผู้เป็นแพทย์เอ่ยขึ้น

    " นายท่านเขาไม่ใคร่ชอบกลิ่นยาสูบเท่าใดนัก เพราะเขามีอาการแพ้อย่างหนัก ขอให้ท่านอลิเซียพึงระวังไว้ด้วยนะขอรับ "

    ดวงตาคู่งามนั้นพราวระยับ หล่อนเหยียดยิ้มหวานล้ำ " เจ้าค่ะ ข้าจะระวังอย่างดี "

    ในคืนวันนั้นเธอลงมือทำมัน แท่งยาสูบอัดอยู่ในมือของหล่อน คามิลล่ามาเยี่ยมสามีของตนในยามดึก ชายชรากำลังเข้าสู่ห้วงนิทราดื่มด่ำกับฝันอันแสนหวาน แววตาของเธอนั้นทอประกายเกลียดชังไร้ความรักใคร่แบบที่เคยแสดง ฝ่ามือนุ่มนวลแตะสัมผัสลงกับกรอบใบหน้าเหี่ยวย่นนั้น กรีดปลายเล็บไล้ไปตามผิวเนื้ออย่างนึกชิงชัง

    ไฟจุดขึ้นเผาไหม้ส่วนปลายของยาสูบ ขี้เถ้าบางส่วนร่วงหล่นลงบนพื้น กลีบปากอิ่มสูดมันเข้าลึกเต็มปอดก่อนจะพวยพ่นกลุ่มควันคลุ้งออกมาปะปนกับอากาศแช่มช้า

    รสชาติเผาไหม้ ขมปร่าแตะซึมกับปลายลิ้นของหล่อนจนเบ้ใบหน้า

    เขาเริ่มไอออกมาอย่างรุนแรง เสียงครางอึกอักดังขึ้นในลำคอให้หล่อนนั่งรั้งรอผลงานของตนอย่างใจเย็น โน้มใบหน้าเข้าใกล้ชิดสามีในนามของตน มอบจูบอ่อนหวานเคลือบด้วยยาพิษให้เขาลิ้มลองกับความทรมาณอย่างถึงที่สุด

    ดวงตาของเขาลืมโพล่งขึ้นมา เส้นเลือดฝอยแตกจนมันแดงซ่าน เขาถลึงตาจ้องมองเธออย่างตื่นตระหนก ปากอ้าพยายามเปล่งเสียงเรียกร้องขอความช่วยเหลือราวหนูที่ดิ้นรนเอาชีวิตรอด

    คามิลล่าเห็นสภาพนั้นก็อดไม่ได้ที่จะหลุดหัวเราะออกมาดังลั่น และ บ้าคลั่ง แว่วเสียงหัวเราะของเธอนั้นสาสมใจอย่างยิ่งกับภาพที่เห็นตรงหน้า

    เธอมีความสุขเหลือเกิน

    เด็กสาวฆ่าเขาจนตายคามือด้วยตัวเอง เป็นครั้งแรกที่เธอลงมือสังหารใครซักคน กระนั้นเธอกลับไม่รู้สึกผิด คิดเสียว่ามันเป็นเรื่องที่สมควรแล้วเมื่อคนสารเลวอย่างมันควรที่จะสิ้นใจตาย

    ม้วนยาสูบถูกทำลายหลักฐาน ประกายไฟจุดวาบขึ้นบนพื้น เผาไหม้พื้นพรมก่อนจะไล่ไปตามข้าวของเครื่องใช้ต่าง ๆ อย่างรวดเร็วเพียงพริบตาเดียว เธอวางเพลิงแผดเผาทุกอย่าง แม้กระทั่งบุรุษผู้นั้นหรือคฤหาสน์แห่งนี้ล้วนมอดม้วยกลายเป็นขี้เถ้าหมดสิ้นด้วยฝีมือของเธอ

    หลงเหลือไว้เพียงความทรงจำ

    ตระกูลยิ่งใหญ่นั้นจบสิ้นชื่อลงภายในค่ำคืนเดียว

    กับความรู้สึกข้างในอกของคามิลล่าที่เอ่อล้นออกมาว่ามันยังไม่พอ

    เธอกลับไปที่ซ่องโสเภณีแห่งนั้นอีกครั้งหลังจากจุดไฟเผาสิ่งที่เรียกว่า บ้าน ของเธอไปในเวลาไม่นาน ยังไม่มีใครรู้ข่าวคราวแห่งนี้ ดังนั้นเธอจึงได้รับการเคารพอย่างสูง ไม่ว่าผู้ใดต่างก็ต้องก้มหัวให้ไม่เว้นแม้แต่ผู้ดูแลที่เคยเลี้ยงดูเธอมา เธอจำความรู้สึกเหล่านั้นได้ ในวินาทีที่ฝ่ามือเรียวใต้ถุงมือคู่สวยสะบัดตบลงบนข้างแก้มของสตรีผู้นั้นจนล้มกลิ้งไปกองกับพื้น คาวเลือดเอ่อล้นกลบขอบปากให้เธอรู้สึกพึงพอใจ เรียวนิ้วยาวจิกกระชากเส้นผมอีกฝ่ายให้เงยหน้าขึ้นมาสบสายตามอง

    นัยน์ตาคู่สวยเปี่ยมไปด้วยแววตาสังหาร

    เธอเอ่ยถามถึงสตรีนางหนึ่ง

     



    เธอสะท้านไปทั่วทั้งอกเมื่อเห็นสภาพของนางอย่างเด่นชัด สตรีผู้นั้นที่เธอเคยให้คำสัญญาแก่หล่อนเอาไว้ว่าจะกลับมาช่วย คราวนี้นางราวกับแตกสลาย เนื้อตัวบอบช้ำเปรอะไปด้วยเลือด ขอบตาแดงก่ำ ดวงตาไร้ประกายความมีชีวิตจ้องมองมาที่เธอ ทันทีที่เห็นร่างของคามิลล่าพ้นระยะสายตามาก็รีบถลาเข้าหาหญิงสาวราวกับเป็นที่พึ่งเพียงหนึ่งเดียว

    สองมือของหล่อนขยุ้มเสื้อราคาแพงของเธอจนยูยี่ เนื้อตัวส่งกลิ่นคาวไม่ได้ทำให้คามิลล่ารู้สึกรังเกียจ เธอขยับมือสางเส้นผมยุ่งเหยิงนั้นแผ่วเบา ทะนุถนอมราวเป็นสิ่งล้ำค่า ทอดสายตามองนางด้วยสายตาอ่อนโยนที่หาได้ยาก

    " ออกไปอยู่กับข้าหรือไม่? "

    เธอเอ่ยถาม หล่อนเองก็พยักหน้าทั้งน้ำตา

    หลังจากนั้นเธอก็พาหญิงสาวผู้นั้นย้ายมาอยู่กับตน หนีไกลมาจากคฤหาสน์เน่าเฟะหลังนั้นที่ผู้คนเข้าใจกันไปว่าเกิดเหตุเพลิงไหม้ขึ้น นายท่านและภรรยาหลวง รวมไปถึงภรรยาน้อยต่างถูกเผาสิ้นชีพไปในกองเพลิงจนหมดสิ้น นับเป็นโศกนาฎกรรมที่น่าเศร้าเรื่องหนึ่งเลยทีเดียว

    เธอพยายามดูแลสตรีผู้นั้นอย่างดิบดี พยายามประคับประคองจิตใจที่บอบช้ำให้กลับคืน ไม่กล้าแม้แต่จะไถ่ถามว่าหล่อนได้ประสบพบเจอชะตากรรมอันใดมาบ้าง ทุกครายามที่เช็ดตัวให้ ฝ่ามือของเธอมักจะสั่นสะท้านเมื่อเห็นร่องรอยแดงปื้นน่าผวาเช่นนั้น

    ในใจของเธอนั้นสุมไปด้วยไฟโกรธ

    และทวีความโกรธมากยิ่งขึ้นจนคั่งแค้นแทบกระอัก

    เมื่อวันนึงเธอกลับมาที่บ้าน พบว่าสตรีนางนั้นสิ้นใจตายแล้ว ด้วยมือของตัวเอง เชือกหนังถูกพาดบนคานไม้ที่แข็งแรงหลังประตูบ้าน ทันทีที่เธอเปิดประตูเข้าไป ร่างของหญิงสาวที่ลอยหวือกลางอากาศก็เหวี่ยงไปมา ดวงตาของเธอเบิกโพลงจ้องมองมาที่คามิลล่า ริมฝีปากยังคงอ้าค้างราวกับจะเปล่งคำพูดระบายความทรมาณออกมา

    หญิงสาวผมบลอนด์ทรุดตัวลงตรงนั้น ซบใบหน้าลงกับฝ่ามือบอบบาง กรีดร้องคลุ้มคลั่งราวสัตว์ป่าบาดเจ็บ ปลดปล่อยน้ำตาไหลลงมาอาบข้างแก้มของตน

    ทุกวันในยามค่ำคืน ภาพเหล่านั้นกลายเป็นภาพที่ติดตาของเธอจนไม่อาจลืมเลือน ความทรงจำแสนโหดร้ายมักจะตามมาหลอกหลอนเธอวันแล้ววันเล่าจนคามิลล่าเหมือนที่จะสติแตก ผวาตื่นขึ้นมาในทุกยามหลับตานอน คล้ายกับเห็นภาพหลอนเป็นสตรีนางนั้นดิ้นรนด้วยความทรมาณอยู่เบื้องหน้าโดยที่เธอไม่แม้แต่จะกล้าขยับตัวยื่นมือเข้าไปช่วย เผลอไผลจิกฝ่ามือของตัวเองจนคาวเลือดคละคลุ้ง เศษเนื้อหลุดยุ่ยติดปลายเล็บยาวพร้อมหยาดเลือดที่ซึมเลอะตามปลายนิ้วของเธอ

    เธอเกลียดพวกบุรุษมักมากพวกนั้น ชนชั้นสูงที่เห็นพวกเธอเป็นเพียงแค่มดตัวจ้อยบรรเลงความสนุกสนานสำราญใจแก่พวกเขา ,

    คามิลล่าชังนัก ชังพวกมันยิ่งกว่าอะไรดี

     



    หลังจากนั้นไม่นานนัก คามิลล่าเลือกที่จะสอบเข้าหน่วยปราบมารเนตรรัตติกาล ใช้ชื่อ 'คามิลล่า เฟย์' ของสตรีผู้นั้นในความทรงจำของตนเองเป็นของตนราวกับเป็นคำมั่นว่าจะจดจำหล่อนในทุกช่วงเวลาที่เธอยังมีชีวิตอยู่ หลายคนแทบจะคัดค้านทันทีที่เห็นสตรีบอบบางเช่นนี้พยายามอย่างหนักที่จะเข้าไปใช้ชีวิตในหน่วยปราบมารที่เหี้ยมโหดที่สุด

    ใครต่อใครก็บอกว่าเธอไม่เหมาะกับหน่วยนี้เลย

    ไม่น่าจะรอดเกินสองวันด้วยซ้ำสำหรับการใช้ชีวิต

    ทว่าความคิดเหล่านั้นก็ต้องมลายไปทันทีตามมาด้วยความหวาดหวั่นในตัวของคามิลล่า เมื่อสตรีผู้นี้เงียบงันภายใต้การฝึกฝนอย่างหนักหน่วงจนแทบบ้า เธอจะสามารถแย้มรอยยิ้มงดงามอ่อนหวานตรึงใจผู้คนแม้ในยามจับอาวุธตอกลึกเข้าไปกลางอกของสหายผู้ทรยศคนนึงของตนได้อย่างเลือดเย็น

    หยาดโลหิตกระเซ็นเลอะใบหน้าเธอก็ทำเพียงแค่ปาดทิ้ง หญิงสาวผู้นั้นยังคงยิ้มแย้มจนนัยน์ตาโค้งหยี ทั้งที่ร่างและมือเปรอะเปื้อนด้วยโลหิตของศัตรู หล่อนสะบัดกายเดินจากไปไม่แม้แต่จะไยดีร่างไร้วิญญาณของสหายที่เคยขึ้นชื่อว่าสนิทมาก่อน

    ไม่มีแม้แต่น้ำตาและความเสียใจภายในอก

    คำพูดที่เคยเอ่ยออกมาถูกกลืนกลับลงไปแทบไม่ทัน

    สมาชิกของหน่วยเนตรรัตติกาลเองก็สลักชื่อของ คามิลล่า เฟย์ ไว้เป็นสมาชิกผู้โดดเด่นภายในนั้น

    ใครก็ไม่อาจปฎิเสธถึงความเลือดเย็นและโหดเหี้ยมของเธอที่มีไม่น้อยกว่าใครเลย

    หากจะให้เธอรู้สึกหวาดกลัวในการลงมือปลิดชีพใครซักคน คามิลล่าก็นึกขำขันนัก คราแรกเธอก็ทำไปพร้อมกับเสียงหัวเราะอย่างบ้าคลั่ง ไม่หวาดกลัวสิ่งใดเลย

    ในคราที่สอง ยังคิดว่าเธอจะหวาดกลัวสิ่งใดอยู่อีกหรือ?



    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×