คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #2 : So different around me
BEAST HUMAN
" หิวแล้ว ขอกินหน่อย "
" คุณรู้รึเปล่าว่าสัตว์ที่ดูไร้พิษภัย บางทีมันอาจจะดุร้ายมากจนโจมตีคุณโดยไม่คิดก็ได้ "
ชื่อ : ลินเนตต์ ( Lynette )
นามสกุล : - ไม่มีนามสกุล -
อายุ : 16 ปี
อาชีพ : - ไม่มีอาชีพ -
งานอดิเรก : วาดรูประบายสี , อ่านนิทาน , นอน , กิน หรือ หาอะไรกิน , นั่งเก็บข้อมูลฟังเรื่องฝอยของคนอื่น , เรียนหนังสือหรือหัดเขียนตัวอักษรกับพี่เลี้ยงในสถานรับเลี้ยงเด็กกำพร้า ,
ส่วนสูง : 158 เซนติเมตร
บุคลิก การแต่งตัว การพูด :
เด็กหนุ่มเจ้าของรูปร่างเล็กกระทัดรัดเหมาะแก่การพกพาด้วยส่วนสูงเพียงร้อยห้าสิบเซน รูปร่างค่อนออกไปทางผอมบางไม่ต่างอะไรจากสตรีเพศเนื่องจากความเกียจคร้านในการขยับออกกำลังกาย เรือนผมสีเทาอ่อนยาวประต้นคอขาวไม่ค่อยเป็นทรงมากนัก เบื้องหน้าถูกตัดลงมาปรกหน้าผากเกลี้ยงขาวรวมไปถึงคิ้วเรียวโก่งโค้งดุจคันศร นัยน์ตากลมสีเขียวสดล้อมกรอบด้วยแพขนตาหนา ปลายจมูกโด่งรั้นเชิดขึ้นรับเข้ากับริมฝีปากเล็กเป็นกระจับดูจิ้มลิ้ม ประดับอยู่บนใบหน้ากลมน่ารักน่าเอ็นดู แก้มกลมยุ้ยทั้งสองข้างขึ้นสีแดงเลือดฝาดอย่างสุขภาพดีชวนให้เข้าไปดึงหยิกเล่น ลินเนตต์มีผิวกายเนียนนุ่มอมชมพู แทบจะทุกตารางนิ้วในจุดข้อพับที่ขึ้นสีชมพูอ่อน ทุกครั้งที่ถูกดึงรั้งหรือสัมผัสแรงเกินไปจุดนั้นก็จะขึ้นสีแดงก่ำขึ้นมาอย่างไม่ยากเย็นนัก ท่อนแขนท่อนขาค่อนข้างเรียวยาวดูคล่องแคล่วเหมาะกับการเคลื่อนไหวไปไหนมาไหนได้สะดวก นิ้วเรียวสวยเรียงตัวกันอย่างเป็นระเบียบ ลินเนตต์แม้จะเป็นบุรุษหากแต่เจ้าตัวก็ไว้เล็บยาวรวมไปถึงบำรุงจนขึ้นสีชมพูอ่อน
การแต่งกายสำหรับลินเนตต์นั้นจะใส่ชุดเป็นพวกเครื่องแบบคล้ายเครื่องแบบนักเรียนสีดำ ประกอบด้วยเสื้อเชิ้ตสีขาวทับด้วยเสื้อคลุมสีดำขลับกับกางเกงขาสั้นยาวปิดแค่ต้นขาจนทำให้คนมองแอบรู้สึกหวิวแทนอย่างอดไม่ได้ เท้าเล็กทั้งสองข้างสวมถุงเท้ายาวสีเทา และรองเท้าคอมแบทหนังที่มีความเหนียวแน่นและทนทานในการเคลื่อนไหว การแต่งกายของเจ้าตัวไม่ค่อยมีอะไรที่โดดเด่นมากเท่าไหร่ เครื่องสีส่วนมากก็วนอยู่ที่สีดำ เทา ทอง และ สีเขียวเสมือนสีตาของตนเท่านั้น บนหัวบางครั้งบางคราวก็อาจจะมีหมวกสวมใส่อยู่ด้วยเพิ่มความน่ารักของเซ็ตเสื้อผ้า หากถามถึงเรื่องการแต่งกายอื่นคิดว่าชุดนี้น่าจะเป็นชุดที่เข้ากันได้ดีที่สุดของเจ้าตัวแล้ว เพราะว่าปกติเป็นคนที่ไม่มีเซ้นส์ด้านการเลือกอะไรเลย ดังนั้นลินเนตต์ถือว่าหยิบตัวไหนได้ก็ใส่ บางทีเดินโทงออกมาในเสื้อกล้ามสีเขียวกับกางเกงสีรุ้งก็มี ขี้เกียจใส่ใจถึงความสวยงามและความเป็นระเบียบจนออกมารูปแบบตามที่เห็น เอาเป็นว่าไม่ค่อยบ่อยนักหรอกที่จะได้เห็นเด็กหนุ่มคนนี้ในชุดรูปแบบอื่นอย่างพวกเสื้อตามฤดูกาล หนาวแค่ไหนกางเกงก็ขาสั้นเท่าเดิมนั่นคือคำตอบ
น้ำเสียงของเจ้าตัวนั้นยังไม่แตกนุ่มทำให้ยังคงโทนนุ่มนวล หากฟังเสียงเพียงอย่างเดียวก็คงแยกไม่ออกว่าเป็นชายหรือหญิง จังหวะการพูดค่อนไปทางช้าฟังดูแสดงถึงความเอื่อยเฉื่อยของเจ้าตัว คำแทนตัวเองสามารถเปลี่ยนไปได้ตามสถานการณ์และคู่สนทนา หากเป็นผู้ที่ยังไม่สนิทมากนักหรือคนที่ตนเคารพจะแทนว่า ผม หากอยู่ในช่วงวัยเดียวกันที่พอไว้เนื้อเชื่อใจกันได้จะแทนว่า เรา ลินเนตต์แทนคนอื่นว่า คุณ เสียส่วนใหญ่ น้อยครั้งนักที่จะเห็นเขาใช้คำเรียกแทนอย่างอื่นแม้จะสนิทสนมกันมากขนาดไหนก็ตาม คำพูดคำจาของลินเนตต์นั้นสุภาพอย่างเห็นได้ชัดเจน มีคำลงท้ายคำพูดทุกคำตั้งแต่ต้นยังจบ น้ำเสียงของเขาไม่ได้กระโชกโฮกฮากฟังดูระคายหู เขาค่อนข้างเป็นพวกที่พูดเนิบช้าและเว้นจังหวะกลั่นแกล้งคนอื่นให้รอฟังเขาพูดบ่อยครั้ง
ex ─ 1
" อือ "
เจ้าตัวครางอื้ออึงตอบรับคำพูดของคู่สนทนาอย่างไม่ใคร่ใส่ใจนัก ท่าทีเกียจคร้านถูกแสดงออกอย่างชัดเจนด้วยลำตัวเล็กที่นอนพาดบนเก้าอี้ตัวยาว นัยน์ตากลมสีเขียวเรืองรองปรือคล้ายจะปิดแหล่ปิดแหล่อยู่รอมร่อ
" ที่พูดได้ยินมั้ย? "
" อื้อ ได้ยิน "
หัวกลมผงกตอบรับอย่างอ่อนแรง คำพูดของอีกฝ่ายฝังอยู่ในสมองเขาบางส่วน ส่วนบางส่วนก็ไหลทะลุหูซ้ายของเด็กน้อยออกไปหมดแล้ว
" อยากนอนแล้ว "
ปากอิ่มพึมพำมุบมิบ ไม่ทันที่ฝ่ายตรงข้ามจะได้อ้าปากอะไร เปลือกตาสีนวลก็ปิดลงมาทาบทับบังนัยน์ตาคู่สวยพร้อมกับสติของเด็กน้อยที่หลุดลอยเข้าสู่ห้วงนิทราแสนหวาน
ex ─ 2
" หิว "
เขาพึมพำซ้ำเป็นรอบที่สามของวันหลังจากได้มื้ออาหารเติมกระเพาะเข้าไปเกือบห้ามื้อร่วมกัน คนที่เดินนำอยู่ด้านหน้ารีบหันขวับมามองเขาพร้อมเบิกตาโพลง
" กินอะไรเยอะแยะขนาดนั้น "
" ก็กำลังโต "
นิ้วเรียวของคนนำหน้าถูกดีดลงมาบนหน้าผากนวลของเด็กตัวเล็กไม่แรงมากนักอย่างนึกเอ็นดู ตากลมปรือปรอยช้อนขึ้นมองอีกคนก่อนจะพูดเข้าข้างตัวเองหน้าตาเฉย
ว่าที่จริงก็แค่อยากกินเท่านั้น เพราะไอ้เรื่องโตเขาหยุดโตมานานตั้งแต่อายุสิบสามแล้ว
ex ─ 3
" ไม่กลัวถูกจับกินหรอ "
สายตากลมทอดมองออกไปไกล เฝ้ามองท้องฟ้าสีครามที่มีหมู่เมฆไหลเวียนไปอย่างเชื่องช้าก่อนชั่วครู่จะหันมามองข้างตัวเมื่อสัมผัสถึงการเคลื่อนไหว ร่างของเด็กน้อยตัวเล็กกว่าเขาหย่อนตัวลงมานั่งด้านข้าง ขาเล็กทั้งสองข้างตีห้อยไปมากลางอากาศด้วยท่าทีสดใสเหมือนแสงแดด
" ม่าย พี่ลินเนตต์ใจดีจะตาย " อีกฝ่ายหัวเราะคิกคัก ส่ายหัวกลมไปมาปฎิเสธคำพูดของเขาจนกลุ่มผมสีดำขลับสั่นระริกปรกหน้า
ลินเนตต์หัวเราะแผ่วเบา ยกมือเล็กนุ่มนวลวางลงบนกลุ่มผมอีกคนก่อนจะขยับลูบแผ่วเบาแบบที่มนุษย์ชอบทำ
" นั่นสินะ ไม่กินหรอก "
ใจดีงั้นหรอ ..เป็นคำพูดที่น่ารักขัดกับตัวเขาดีนะ
ex ─ 4
" คุณรู้รึเปล่า ว่าอะไรคือความแข็งแกร่งที่แท้จริง " เสียงเล็กเอ่ยขึ้นท่ามกลางความเงียบสงบภายในห้องกรอบสี่เหลี่ยม ฝ่ามือขาวกำแท่งสีเทียนสีฟ้าไว้ในมือขณะละเลงสีลงบนหน้ากระดาษที่แต่งแต้มด้วยสีสันอื่นอยู่ก่อนหน้า ดวงตากลมสีเขียววูบยังคงฉายแววใสซื่อไร้พิษภัยดังเช่นทุกครา ริมฝีปากกระจับก็คลี่ยิ้มราวเปี่ยมสุขกับผลงานที่ตนได้รังสรรค์ขึ้น
คำถามเมื่อครู่ยังไร้คำตอบ ผู้ที่ได้ยินขมวดคิ้วมุ่น
เด็กหนุ่มหัวเราะเสียงใสอย่างเนิบช้า วางแท่งสีเทียนที่ถูกระบายจนกุดหายเข้าไปในปลอกกระดาษลงบนกระดาษที่ถูกละเลงสีฟ้าจนเต็มหน้าแล้วเบนตัวหันเข้ามามองคู่สนทนาของตนด้วยท่าทีกริยาสำรวม
" ฉันไม่รู้หรอก "
อีกฝ่ายเมื่อเห็นท่าทางดังนั้นก็ส่ายหัวปฎิเสธ เด็กหนุ่มหัวกลมพยักหน้าหงึกหงักเป็นเชิงเข้าใจ รอยยิ้มบางยังคงไม่จางหายไปจากดวงหน้าหวาน
" อื้อ ผมก็ไม่รู้เหมือนกัน "
เป็นอีกคำพูดที่ลินเนตต์โกหก
ex ─ 5
สัญชาตญาณนักล่าของเขากำลังกู่ร้องเสียงดังเป็นคำเตือน ขนกายทั่วทั้งร่างลุกตั้งชัน นัยน์ตาสีเขียวเรืองแสงหรี่ลงจับจ้องร่างมนุษย์ไกลลิบตรงหน้าภายใต้เงาความมืดมิด
เสียงฝีเท้าเหยียบลงบนพื้นสั่งร่างของลินเนตต์กระตุกเฮือก ทั้งที่สมองยังไม่ทันไหลประมวณการร่างของเขาก็ขยับหลีกซุกซ่อนเข้าไปในความมืดอย่างเงียบเชียบ ทันท่วงทีกับเสียงเท้าที่ดังใกล้ขึ้น ตามด้วยเสียงลมหายใจหอบเหนื่อยพร้อมกับเสียงพึมพำ
" หนีไปไหนแล้ววะ เมื่อกี้ยังเห็นอยู่ตรงนี้อยู่เลย "
ลมหายใจถูกผ่อนออกมาแผ่วเบา ร่างของเขาค่อยเบี่ยงตัวขยับออกจากพื้นที่บริเวณดังกล่าวออกไปอย่างเงียบเชียบไร้สุรเสียงที่ทำให้ถูกจับตัวได้
มือเล็กยกขึ้นมาทาบบนใบหน้าของตน ดวงตากลมยังคงเบิกโพลงค้าง
นายพรานยังคงอันตรายเหมือนเคย
สัตว์ที่เป็น : งูไทปันโพ้นทะเล
รูปลักษณ์ตอนเป็นสัตว์ : อสรพิษร่างยาวเกล็ดสีดำมะเมื่อมเช่นเดียวกับดวงตากลมแป๋วเมื่อหากสบจ้องจะรู้สึกถึงความมุ้งมิ้งที่แผ่หลาออกมาเป็นเอกลักษณ์ประจำตัว ( ? ) หากแต่แม้จะน่ารักแต่ก็กล่าวได้ว่าเป็นงูพิษเขี้ยวหน้า ทำให้มีเขี้ยวคมอาบพิษซุกซ่อนอยู่ภายในโพรงปากเล็กจ้อยที่สามารถขยายใหญ่กลืนพวกหนูที่ตัวโตกว่าได้เกือบเท่าตัว ใต้ลำตัวตรงส่วนที่เป็นท้องเป็นสีเหลืองนวล เนื่องจากยังเป็นงูเด็กที่ยังมีอายุไม่มากนัก ความยาวของทั้งตัวจึงอยู่ราวหนึ่งเมตรกว่าเท่านั้น [ งูไทปันโพ้นทะเลในตัวเต็มวัยมีความยาวอยู่ที่ประมาณ 2 - 3.6 เมตร ]
เพศและรสนิยมทางเพศ : สำหรับเรื่องความรักตอนนี้กล่าวได้ว่าลินเนตต์นั้นยังไม่มีใครที่เข้ามาทำให้ใจเต้นแรงได้นอกจากของกินกับการนอน เจ้าตัวเลยไม่ได้ให้ความสนใจมากนัก แต่เกิดว่าสนใจใครคนไหนขึ้นมาก็จะตามเกาะติดเขาแจ เป้าหมายคือ การ - เกาะ - เขา - กิน ไม่ได้มีความใคร่พิสวาทอะไรเลย (....) แต่กล่าวโดยรวมเป็นพวกที่ไม่ได้สนใจเรื่องเพศสภาพ จะผู้ชายหรือผู้หญิงก็เข้ากันได้หมด แต่ค่อนข้างชอบพวกมีเงินที่เป็นสายเปย์มากเป็นส่วนใหญ่ เพราะว่าจะเกาะเขากินได้สะดวกซักหน่อย
นิสัย :
เป็นงูไทปันโพ้นทะเลพิษร้ายผู้มีสภาพไม่ต่างอะไรจากสล็อตมากนัก เริ่มแรกลินเนตต์เป็นเด็กน้อยหน้ามึน แค่มองหน้าก็รู้สึกเหมือนกำลังลอยเคว้งคว้างอยู่ในอากาศ ลินเนตต์นั้นเอื่อยเฉื่อยและเฉื่อยชาเป็นเอกลักษณ์ ท่าทางอืดอาดยืดยาดเหมือนเต่าคลานทำให้คนอื่นรู้สึกหงุดหงิดแทน ไม่ค่อยหือไม่ค่อยอือกับอะไรเท่าไหร่เพราะปกติใช้ชีวิตอย่างรักสงบอยู่ตลอด ต่อหน้าผู้คนเขาแสดงท่าทางที่สงบเสงี่ยมเจียมตัวนอบน้อม อ่อนน้อมถ่อมตน เรียบร้อย พยายามหดตัวให้ดูเล็กที่สุดราวสัตว์กินพืช การแสดงออกเนิบช้าหากแต่ดูนุ่มนวลนุ่มนิ่มแฝงด้วยมารยาท เหลาะแหละไร้จุดมุ่งหมายใด ไร้อาการก้าวร้าวขู่ฟ่อเสมือนงูที่ขดตัวรักสงบ อากัปกริยาของเขาดูราวกับเด็กหนุ่มตัวน้อยน่ารักไร้พิษภัยคนหนึ่งทำเอาทุกคนเลยแทบลืมไปกันหมดว่าเด็กคนนี้คือบีสต์ฮิวแมนสายพันธุ์อสรพิษ ซึ่งนั่นก็เป็นการแสดงออกที่เด่นชัดของลินเนตต์ว่าเขาไม่ได้ดุร้ายตามเผ่าพันธุ์กลับกันตัวลินเนตต์กลายเป็นเด็กดีที่เชื่อฟังคำสั่งซะมากกว่า ไม่เถียงไม่โต้แย้ง เชื่องจนน่าลูบหัว หนำซ้ำไร้การเสแสร้งดัดจริตจนเกินงามเปรียบเหมือนผ้าขาวที่พร้อมรับสี ยินยอมรับฟังและทำตามอย่างว่าง่ายจากนั้นจะทอดสายตามองรอราวกับเด็กที่ต้องการรับคำชม รอยแย้มยิ้มเนิบนาบมักถูกยกขึ้นประดับบนใบหน้าตลอดเวลาให้ความรู้สึกเหมือนกำลังเดินอยู่บนปุยนุ่น ไร้กลิ่นอายอันตรายดังสัตว์นักล่าที่พึงมี ไร้จิตสังหารมุ่งร้าย ไร้กลิ่นอายความเกลียดชังโดยสิ้นเชิง เป็นความแปลกใจสำหรับผู้พบเห็นพร้อมคำถามที่ผุดขึ้นมาในหัวว่าเป็นไปได้อย่างไรกัน? สัญชาตญาณนักล่าแม้เพียงเล็กน้อยก็ควรมีแต่ทว่าเด็กหนุ่มคนนี้กลับไร้ซึ่งอย่างหมดจด เขาทำตัวเสมือนกับว่าไม่ได้สนใจที่จะตามล่า หรือเข่นฆ่าใคร ซึ่งก็เพราะด้วยความเฉื่อยทำให้ลินเนตต์ในทั้งวันแทบไม่ขยับไปไหนเลย ใช้ชีวิตประจำวันอย่างอีเรื่อยเฉื่อยแฉะ กิจวัตรประจำวันที่เห็นจนชินตาของเขามีแค่ กิน และ นอน วนเวียนไปมาอยู่สองอย่างเพื่อกักตุนพลังงานอย่างไม่รู้จะเอาไปทำอะไร และแน่นอนว่าสำหรับความเฉื่อยชานั้นก็เป็นสิ่งที่รู้กันได้ดีว่าลินเนตต์ขี้เกียจ ไร้ความมุมานะและความตั้งใจ ไม่มีความกระตือรือร้นหรือมีแพชชั่นที่จะทำอะไรทั้งนั้นนอกจากล้มตัวลงนอนหลับปุ๋ยหรือลุกมาเคี้ยวข้าว ความพยายามในการทำอะไรเป็นศูนย์หากอะไรที่มากพอจะเป็นเหตุจูงใจมาล่อ ทำชาวบ้านชาวช่องที่มาเห็นอ้าปากค้างตาแทบถลน อสรพิษผู้องอาจนอนจกขนมกินจนจากงูจะเปลี่ยนเป็นหมูรอมร่อ มาถึงตอนนี้ก็ได้แต่ยกมือเบรคว่าได้โปรดอย่าหวังภาพลักษณ์งูชูคอขู่ฟ่อที่น่าเกรงขามอะไรจากเด็กคนนี้เลย ขอเป็นภาพลักษณ์งูมุ้งมิ้งตาแป๋วเห็นจะเข้าท่ากว่า ลินเนตต์สามารถเข้ากับคนอื่นได้ง่าย อย่างน้อยถึงไม่ขยับตัวแต่ปากของเขาก็ยังขยับพูดโต้ตอบสนทนาได้อยู่บ้าง หากจะแฝงตัวเข้ากับชาวบ้านชาวช่องบอกเลยว่าแนบเนียน เป็นบุคคลช่างตามใจชาวบ้าน เออออห่อหมกไหลเนียนตามเขาไปหมดอย่างไม่คิดโต้แย้ง จนได้รับรู้เรื่องนู้นเรื่องนี้จากคนนั้นคนนู้นมาเยอะแยะไปหมดเลยพอรู้ว่าสถานการณ์โลกนั้นไหลไปไหนมาไหนบ้างแล้ว มีความช่างสงสัยสูง ท่าแอคแทคคือเอียงคอมองอย่างงุนงง อารมณ์ทุกอย่างก็เหมือนเด็ก การกระทำของเขานั้นเถรตรงดูออกได้ง่ายว่ากำลังให้ความสนใจกับอะไรอยู่ เพราะหากเห็นอะไรน่าสนใจก็จะตะปบอันนั้นจับไว้ในมือหรือไม่ก็เข้าไปจิ้มยุกยิกอยู่ตลอด บางทีนึกสนใจเข้ามากก็จับพกใส่กระเป๋าเอาไปวางตั้งที่กบดานตัวเอง ปกติคนอื่นมักมองเขาเป็นใสซื่อเป็นงูตาแป๋วต่อหน้าฝูงชนตลอดเวลา แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าตัวลินเนตต์นั้นโง่งม เอาเข้าจริงท่าทางใสซื่อนั่นก็เป็นแค่สิ่งที่ทุกคนคิดกันเอง คำกล่าวว่าอสรพิษจะเป็นไปได้อย่างไรที่จะลืมสัญชาตญาณทุกอย่างของตัวเอง สิ่งที่ทุกคนไม่เคยรับรู้มาก่อนนั้นมีอยู่ ทุกคนล้วนมีความลับ ตัวของเขาเองก็มีความลับที่ไม่จำเป็นต้องบอกออกไปเช่นกัน ภาพลักษณ์โดยปกติที่แสดงออกของเขานั้นไม่ปฎิเสธว่าคือตัวตนของเขา หากแต่สิ่งที่มีมากกว่านั้นคือความฉลาดหลักแหลมในเรื่องของการคิดวิเคราะห์ หัวไว เข้าใจอะไรได้อย่างรวดเร็วแบบไม่ต้องเปลืองน้ำลายพูดซ้ำ และ ร้ายกาจที่แฝงเข้ามาในนามของอสรพิษ ลินเนตต์ซ่อนกลิ่นอายของสัตว์นักล่าได้อย่างหมดจดไร้ผู้คนจับได้ เก็บกักทุกอารมณ์ได้อย่างแนบเนียนด้วยความใจเย็นที่มีอยู่สูงลิ่ว เขาปกปิดทุกอย่าง หลอกล่อผู้คนให้หลงเชื่อในพื้นเพที่ผ่อนคลาย และ นุ่มนวลของเขาเอง ไม่มีสิ่งใดที่น่ากลัวไปกว่าการที่หากเผลอคิดประมาทในคมเขี้ยวอสรพิษ รู้ตัวอีกทีก็จะถูกมันฝังกัดฉีดพิษแล่นริ้วเข้ามาในกระแสเลือดจนตายอย่างไม่รู้ตัว ความลินเนตต์เป็นจอมวางแผนด้วยเล่ห์ด้วยกล ความคิดของเขาซับซ้อนและมีความเป็นผู้ใหญ่มากกว่าตัวถูกถ่ายทอดมาจากเลือดอสรพิษโดยตรง ไหวพริบดี ปรับตัวเข้ากับอะไรรอบด้านได้ไหวและไหลไปกับมันอย่างแนบเนียน รู้จักการแก้ไขปัญหาเฉพาะหน้าได้แบบปุบปับ เหมือนจะเป็นอะไรที่บังเอิญเมื่อทุกครั้งหากเกิดสถานการณ์อะไรมาลินเนตต์ก็มักจะเอาตัวรอดได้เสมอ ถึงบางทีจะเป็นการรอดแบบหวุดหวิดเสี่ยงหัวหลุดออกจากบ่าก็ตาม ทว่าความจริงเป็นการคาดการณ์ไว้ล่วงหน้าของเจ้าตัว ไม่มีท่าทีร้องไห้งอแงเป็นเด็ก กระทืบเท้าปึงปังเมื่อไม่พอใจ อาการกรีดร้องโวยวายบ้าคลั่งก็ไม่มี ควบคุมอารมณ์และสติตัวเองได้ดีอยู่มากพอสมควร หนำซ้ำยังเป็นงูขี้แกล้งอีก การได้เห็นสีหน้ามู่ทู่ของชาวบ้านก็เหมือนเป็นสิ่งจรรโลงใจของเจ้าตัว ส่วนมากชอบการเป็นผู้อยู่ชักใยมากกว่าที่จะลงสนามไปเองให้คนจับได้ และ ระวังภัยเขา หากพูดไปจะมีใครเชื่อรึเปล่าว่าเด็กหน้าตาใสซื่อมีความสามารถมากขนาดนี้ แม้กระทั่งหมาล่าเนื้อยังตามจับกลิ่นเขาไม่ได้ คนธรรมดาปกติทั่วไปที่ไหนเล่าจะจับได้ ที่ทำตัวเรื่อยเปื่อยในทุกวันนั้นเพราะว่าลินเนตต์ไม่ชอบเป็นที่โดดเด่น ถูกจับจ้อง และ ถูกคิดที่จะกำจัด เด็กหนุ่มชอบทำตัวให้ดูอ่อนแอ แสดงออกท่าทีเซ่อๆซ่าๆเช่นพวกไร้สมองให้คนอื่นมองข้าม ห่อไหล่เฉกเช่นสัตว์ที่ถูกล่าตัวกระจ้อยเพื่อตบสายตานักล่าด้วยกัน หากแต่ที่ว่าเป็นเด็กดีนั้นเป็นเรื่องจริง เพราะอย่างไรตัวลินเนตต์ก็ยังเป็นเด็ก เขาต้องพึ่งพาคนอื่นบ้างในบางครั้ง อายุของเขานับรวมยังไม่บรรลุนิติภาวะด้วยซ้ำ ที่เอาชีวิตรอดมานั่งหน้าซื่ออยู่บนโลกจนถึงตอนนี้ก็ถือว่าเก่งมากโข
ค่อนข้างเป็นคนใจเย็นเอามาก ไม่ว่าจะอยู่ในสถานการณ์ที่เหมือนจะเป็นจะตายยังไงก็ตาม ลินเนตต์เป็นเด็กที่โกรธยากจนแทบเรียกได้ว่าไม่มีความรู้สึกโกรธฝังอยู่ในกระแสเลือด เขาไม่ค่อยถือสาความอะไรกับใครมากนัก ต่อให้ใครจะชี้หน้าด่าพ่อล่อแม่เขาลินเนตต์ก็ยังรู้สึกเรียบเฉยไม่ได้โกรธกรุ่น คนที่อยากจะเห็นเขาหัวลุกเป็นไฟก็ได้แต่เดินคอตกกลับบ้านไปอย่างอดไม่ได้ ยิ่งอยากจะเห็นเขาจับมีดไล่เฉาะหัวคนก็คือไม่มีทางเลย น่าเสียดายหน่อยที่ความรู้สึกทางด้านการแสดงอารมณ์ของเด็กหนุ่มค่อนข้างช้าจนถึงช้าที่สุด ตายด้านทางด้านอารมณ์เกือบโดยสิ้นเชิง น้อยครั้งที่จะเห็นอารมณ์อื่นนอกจากใบหน้าอึนของเจ้าตัว ความรักหรือ เขินอายหรือ ความโลภหรือ ความเกลียดหรือ หาได้ยากยิ่งสำหรับเขา ครั้งหนึ่งเขาเคยโดนหนังสือหล่นใส่เท้า นานเกือบนาทีกว่าที่เจ้าตัวจะร้องครางหงิงว่าเจ็บ แถมอารมณ์ทางเพศลินเนตต์ก็ดูเหมือนจะไม่มี การเห็นหน่มน๊มพี่สาวในระยะประชิดไม่ได้ทำให้เขาหืดหาดเลยกลับกันไม่ทำหน้าเอ๋อตอบกลับ ตัวลินเนตต์นั้นกักเก็บอารมณ์เก่งเอาเรื่อง อ่อนไหวยาก อะไรที่ไม่จำเป็นก็จะไม่แสดงออกให้ตัวเองดูอ่อนแอ สิ่งที่ยากที่สุดในการเห็นคือน้ำตา หากไม่ถึงที่สุดจริงก็ไม่แสดงออก ถึงจะแสดงออกมาก็จะไม่ร้องไห้ต่อหน้าคนอื่นนั่นคือคติของตัวลินเนตต์เอง ─ แต่เดิมทีตนถูกวางไว้บนบรรทัดฐานความแข็งแกร่งตลอด ลินเนตต์ถูกสั่งสอนเสมอว่าการแสดงความอ่อนแอต่อหน้าผู้อื่นถือเป็นเรื่องที่ผิดพลาด และ ที่ผิดพลาดยิ่งกว่าคือการปล่อยผู้อื่นกินตัวเอง ถึงแม้ว่าตัวลินเนตต์โดยปกติจะไม่ใช่พวกที่ชอบหาเรื่องใครก่อน ไม่ค่อยสู้คนและไม่ค่อยตอบโต้อะไรใครมากนัก แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าจะมาเหยียบหัวเขาได้ตลอดเวลา เห็นแบบนี้ก็ถือและทระนงในศักดิ์ศรีของตนเอาเรื่อง อารมณ์ประมาณเป็นเด็กดีก็ไม่ได้หมายความว่าจะไม่ตอบโต้หากถูกฟาดโดยที่ตัวเองไม่ผิด ลินเนตต์มีความดื้อรั้นตาใสที่ซุกซ่อนอยู่ในตัว สั่งอะไรลินเนตต์ได้แต่ว่าเจ้าตัวไม่ชอบถูกบังคับ ถึงไม่เถียงแต่มาตรฐานหลักในการเลือกทำตามคนมาจากความเคารพเป็นหลัก หากไม่เคารพอย่าหวังว่าเจ้าตัวจะปรายตามองเลย ไม่อย่างนั้นเสียชื่องูทะเลเผ่าพันธุ์ที่มีพิษร้ายแรงที่สุดในโลกอันแสนน่าภูมิใจไปหมด สัญชาตญาณที่แม่นยำของเขาเป็นสิ่งที่อันตราย เขาเคยออกล่ามาก่อน มีปฎิกริยาการโต้ตอบว่องไวเอามากถึงแม้ว่าสมองยังไม่ทันสั่งการ ร่างกายก็ขยับหลบหลีกไม่ก็ตอบโต้ไปก่อนแล้ว หนำซ้ำหูตาจมูกยังไวเอามาก ๆ อีก ถือเป็นข้อดีในการป้องกันตัว ไม่แนะนำว่าควรมองข้ามพิษสงของเด็กหนุ่มคนนี้ แม้โดยปกติไม่แสดงท่าทีก้าวร้าวอะไรออกมา แต่ถึงจุดที่จะสู้ก็จะสลัดคราบสัตว์กินพืชมาเป็นนักล่าที่กลิ่นอายเลือดเดือดกรุ่นของวัยรุ่นเลยทีเดียว
ที่น่ากลัวเอามากคือเจ้าตัวตะกละมาก เป็นพวกที่พอหิวจะหน้ามืดตามัวไปหมด อะไรทุกอย่างที่ขวางหน้าแทบจะเอาเข้าปากอย่างไร้การไตร่ตรอง ไม่สนใจด้วยซ้ำว่าอันไหนกินได้กินไม่ได้ บางทีก็ลำบากชาวบ้านชาวช่องมาช่วยดึงออกจากปากพร้อมเทศนาระยะยาว แต่ชาวกระเพาะเหล็กอย่างเจ้าตัวก็นั่งหน้าอึนหาได้ใส่ใจไม่จนชาวบ้านเอือมระอา ตรรกะความคิดในหัวค่อนข้างแปลกประหลาดผิดกับคนปกติจนยากจะเข้าใจ ความคิดสร้างสรรค์ จินตนาการของเขาล้ำเลิศซับซ้อนเกินกว่าใครจะเจาะลึกเข้าใจ และยากที่จะอ่านออก บ่อยครั้งที่มีความคิดพิเรนท์รวมไปถึงแผนการบ้าบอออกมาจากหัวสมองน้อยๆนั่น หากว่ามีคนมาอ่านความคิดได้ก็อาจจะต้องกุมขมับปวดหัว คำว่ากินได้สำหรับเขาไม่ได้เป็นแค่อาหารปรุงสุกของพวกมนุษย์ พวกหนู สัตว์ตัวกระจ้อยร่อยที่วิ่งไปมานั่นก็เป็นอาหารอของเขาได้เช่นกันหากว่าเจ้าตัวหิวมากจนเกินไป เป็นความรู้สึกที่เอ่อมากในตอนนั้นของผู้คนตอนที่เห็นเจ้าเด็กคนนี้ทำตาแป๋วน่ารักแต่มีเลือดอาบปากเต็มไปหมด เรื่องบางเรื่องก็ต้องให้ผู้ใหญ่เป็นตัวช่วยในการชี้แนะเสียบ้างว่าเรื่องนี้ควรทำ เรื่องนี้ไม่ควรจะทำ พัฒนาการที่โดดเด่นของเขาก็คือด้านอารมณ์และมันสมอง หากแต่เรื่องของการกระทำนั้นเรียกว่าคนละเรื่อง เขายังแยกแยะไม่ค่อยออกเท่าไหร่นัก
ข้อดีที่ทำให้คนอื่นสบายใจของลินเนตต์ก็มี เขาเป็นเด็กที่ไม่วุ่นวาย ไม่วิ่งเพ่นพ่านหรือป่วนเหมือนเด็กในวัยเดียวกันทั่วไปให้คนอื่นรู้สึกเหมือนไมเกรนจะแตก เรียกได้ว่าเจ้าตัวขอโบกมือบอกลาการโลดโผน วิ่งออกไปรับแดดหรือทำเรื่องซุกซนที่น่าตื่นเต้นเลยด้วยซ้ำ นอกจากกินกับนอน งานอดิเรกอย่างอื่นก็เหมือนเด็กทั่วไปเช่น อ่านนิทาน หรือนั่งระบายสีรูปภาพเล่น ชื่นชอบการแต้มสีสันลงบนโลก การมองโลกของเด็กน้อยไม่ได้มองโลกแง่ดี หากทว่าก็ไม่ได้มองโลกในแง่ร้าย เจ้าตัวยังเฝ้าฝันถึงความสงบสุข และ การเฝ้ามองความสนุกสนานตามกาลเวลาที่ไหลผ่านไปอย่างเอื่อยเฉื่อยอยู่ดี ก็ตามที่กล่าวว่าลินเนตต์เป็นเด็กคนหนึ่ง เขาไร้เดียงสาในมุมมองของเขา โลกใบนี้เปี่ยมล้นด้วยจินตนาการที่ยังไม่มอดกลายเป็นสีดำมืดเขาก็ยังคงความสดใสเปล่งประกายแบบเด็กน้อยที่ยังไม่จางหายไปไหนอยู่ดี เจ้าตัวไม่ได้ไร้ความรู้สึกซะสิ้นเชิงหรอก กลิ่นอายของเด็กน้อยคละคลุ้งไปทั่วตัวของเด็กดีคนนี้ เขาเข้าใจอารมณ์ของคนอื่นได้เป็นอย่างดี รับรู้ได้แม้เพียงเสี้ยวกระแสอารมณ์หรือสิ่งรอบข้างที่เปลี่ยนไปจากสัญชาตญาณของตัวเอง ถือเป็นผู้ปลอบโยนได้ดีคนหนึ่งด้วยเพียงการกอดเซ่อซ่าแบบเด็กน้อย บรรยากาศรอบข้างของลินเนตต์นั้นผ่อนคลายเหมือนร่มไม้ที่โอบอุ้มผู้คนแม้จะไม่ได้เข้าหาคนอื่นหนักหน่วง เพียงแค่แตะลงบนท่อนแขนหรืออาจจะขยับกอดแผ่วเบาก็ทำให้รู้สึกอบอุ่น มีท่าทางน่ารักที่เป็นผู้รับฟังได้ดีจนใครหลายคนขนานนามเด็กดีคนนี้ว่าผู้โอบอ้อมอารีที่เข้าใจความรู้สึก แต่น่าเสียดายที่ชีวิตของเขาคงไม่ได้อยู่อย่างราบรื่นเหมือนเด็กธรรมดาคนอื่นทั่วไป ในนามของบีสต์ฮิวแมนการหลีกหนีและเอาชีวิตรอดจากการไล่ล่าเป็นสิ่งที่ต้องทำจนหลงลืมความสนุกแบบเด็กไปเสียหมด ลินเนตต์ไม่ได้บอกตัวเองว่าคนอ่อนโยนหรือใจดี แม้ว่าเขาจะปลอบอกปลอบใจคนอื่น แต่แท้ที่จริงการใช้ชีวิตนักล่ามาทั้งชีวิตก็ทำให้เด็กคนนี้ไม่เข้าใจถึงความอ่อนแอของสัตว์ผู้ถูกล่า พร้อมที่จะกำจัดผู้อ่อนแอกว่าที่ดูเป็นตัวถ่วงไร้ประโยชน์ดูขวางหูขวางตาได้อย่างไม่ต้องคิดอะไรเยอะ บ่าทั้งสองข้างนั้นแบกความคิดอะไรมากมายไว้ในหัวอย่างไม่เคยคิดบอกใคร ลินเนตต์ปิดบังความลับเก่งพอกับกับการโกหก หากคิดจะง้างปากรีดเอาความลับอะไรจากเขาก็คงต้องไปงมหากันเอาเอง อย่าคิดที่จะเชื่อคำพูดของเจ้าตัวเพราะอาจจะเป็นคำโกหกที่ถูกตีขึ้นหน้าซื่ออย่างแนบเนียนไร้กลิ่นอายที่ไม่น่าเชื่อถือเท่านั้น ลินเนตต์เองก็ถือเป็นเด็กขี้เหงา เหี่ยวเฉาเหมือนต้นไม้ที่ไร้หยาดน้ำชโลมในมุมลึกๆ เขาเองก็ต้องการการดูแลเอาใจใส่เหมือนเด็กคนอื่น การมีเพื่อนเล่นที่อยู่เคียงข้างตัวเขาซักคน ไม่ชอบการถูกทิ้งไว้ข้างหลังคนเดียว ไม่ชอบการถูกปล่อยปะละเลย เจ้าตัวยึดติดกับอดีตอยู่มากพอสมควร ไม่เคยปล่อยความกังวลของตัวเองไหลผ่าน คิดเล็กคิดน้อย และ ขี้ระแวงเป็นอย่างมาก ยิ่งตอนที่จับกระแสอารมณ์คนอื่นที่เปลี่ยนแปลงไปได้จะเกิดการตีตัวออกห่างพร้อมมองด้วยสายตาหวาดระแวงอยู่อย่างเห็นได้ชัด แม้ว่าจะเป็นมิตรที่คบค้าสมาคมด้วยกันมานาน แต่สำหรับคนที่กลัวการถูกหักหลังขึ้นสมองจนไม่กล้าที่จะให้ความเชื่อมั่นแก่ใคร และ ไม่เคยคิดที่จะปล่อยวางมันลงเลย มิตรภาพเสี้ยวเล็กก็ไม่ได้เป็นเรื่องสำคัญ อีกอย่างที่เด็กน้อยหวาดกลัวคือความเจ็บปวดที่มากเกินไปจนไม่อาจรับไหวและทำให้เขาต้องร้องไห้งอแงออกมาเหมือนเด็กไม่รู้จักโต เป็นความเจ็บป่วนที่คลุ้งกลิ่นอายการสูญเสียหรืออย่างอื่นเอาไว้อย่างอัดแน่น เด็กน้อยมักจะพยายามเคลือบใจที่ด้านชาของตนด้วยเหล็กกล้าอยู่เสมอเพื่อไม่ให้แสดงความรู้สึกที่ไม่จำเป็นออกไปมาก ลินเนตต์หวาดกลัวในสิ่งที่เคยเกิดขึ้นจนไร้ความกล้าและมีความลังเลที่จะทำมันอีกครั้ง เขามักจะขดตัวเป็นก้อนกลมพร้อมชูคอขู่เพื่อป้องกันภัย และ เว้นระยะห่างของตนกับผู้คนไว้เสมอ เสมือนกับตั้งกำแพงวางกั้นกลางระหว่างเขากับอีกฝั่งไม่ให้เข้าถึงกันมากเกินความจำเป็น หากว่ามีใครคิดที่จะทรยศเขาก็พร้อมที่จะแว้งกัดคร่าชีวิตอีกคนด้วยพิษร้ายของตนก่อนเสมอ นั่นเป็นจุดบกพร่องที่เป็นจุดอ่อนที่ใหญ่ที่สุดที่ถูกแต่งแต้มและละเลงบนตัวของเด็กคนนี้
ลินเนตต์มีเหตุผลในตัวอยู่พอสมควร ทุกครั้งในการกระทำของเขาจะไม่ดาษดื่น อย่างนึกคิดอยากจะทำอะไรก็ทำไม่บอกไม่แจ้งใครลินเนตต์ไม่ได้เป็นเด็กเอาแต่ใจ เขาโตมากพอที่จะมีวุฒิภาวะ รวมไปถึงการตัดสินใจเป็นของตัวเอง โดยปราศจากบุคคลที่คอยบังคับหรือกำกับว่าเขาต้องเป็นไปในทางแนวทางไหน หรือต้องทำตัวอย่างไรเมื่ออยู่สถานการณ์อย่างนี้ ตามที่บอกว่าลินเนตต์รับหน้าคนอื่นได้ดี เขามีการเข้ากับผู้ใหญ่ได้ค่อนข้างดีมากกว่าเพศวัยอื่น เพราะการแสดงออกที่ดูบริสุทธิ์ นุ่มนวล และ น่ารักตามแบบฉบับของเด็กน้อยเรียกความเอ็นดูออกมาอย่างล้นหลามจากผู้ใหญ่รอบด้านได้ไม่น้อยเลยทีเดียว แม้ว่าจะไม่ได้เป็นนักท่องเจรจราแต่มารยาททางสังคมลินเนตต์ก็ไม่ได้น้อยหน้าไปให้ใครดูถูกได้ง่าย เขาตั้งรับได้สำหรับลูกที่ถูกตีมาของผู้คนอื่น อาจจะมีบางครั้งที่สมองเออเร่อเหมือนประมวณผลไม่ทันไปบ้าง เหตุคือเมื่อมีคำถาม แต่ลินเนตต์ไม่เข้าใจคำถามที่อีกฝั่งถามมา ยกตัวอย่างเช่นคำถามใต้สะดือ ร้อยทั้งร้อยเขาไม่มีประสบการณ์นี้เลย การแตะนารีหากไม่มีความจำเป็นก็ไม่ยุ่งเกี่ยวด้วย ไม่แปลกว่าทำไมลินเนตต์ถึงตอบไม่ได้ ท่าทางของเขาจะแสดงออกถึงความมึนและเอ๋อเหรอออกมาทันตาเห็น สิ่งที่จะได้รับถัดไปคือการตอบไม่ตรงคำถามหรือการเปลี่ยนคำถามไปหน้าตาเฉยที่เหมือนเป็นการกวนประสาทชาวบ้านโดยทางอ้อมอย่างไม่ได้ตั้งใจจนเส้นประสาทกระตุกยิก
สิ่งที่อันตรายกว่าพิษงูก็คือคนทีไม่เคยโกรธนั้นได้โกรธขึงขึ้นมา น้อยครั้งที่เขาจะมีอารมณ์ฟุ้งซ่านแบบนั้น แสดงว่าเป็นก้อนความรู้สึกที่ใหญ่มากที่อัดกระแทกใส่ลินเนตต์จนตัวเขาร้อนรุ่ม ตอนที่ลินเนตต์โกรธมีคนเคยบอกว่ารู้สึกเหมือนจมลงไปในภูเขาหิมะ เขาไม่ได้อาละวาดทำลายล้าง กลับกันยังคงปกติเหมือนเดิมแต่ที่ผวาคือดวงตาที่เย็นเยือกไร้แววกับกริยาท่าทางที่ไม่สนใครเลย ทุกคนจะกลายเป็นเหมือนธาตุอากาศที่ไม่ได้รับความสนใจ เรียกได้ว่าเมินคนคนนั้นโดยสมบูรณ์แบบ น้อยที่สุดอาจจะทั้งวัน หรืออาจจะเป็นอาทิตย์ เป็นเดือน หรือยาวจนไร้กำหนด จากนั้นเดี๋ยวลินเนตต์ก็กลับมาเป็นปกติในสภาวะอารมณ์คงที่เหมือนเดิมแทน
ความชอบ : ของกิน ( อาหารปรุงสุก หรือว่าพวกหนูตามพื้นทางเดินก็สามารถจับใส่ปากได้ ) , การนอนหลับพักผ่อน ( จะดียิ่งขึ้นหากว่าพื้นที่นั้นเป็นพื้นที่สงบสุขโดยปราศจากคนรบกวน ) , อุปกรณ์การวาดเขียน ( ดินสอสี , สีเทียน , สีน้ำ ฯลฯ อะไรที่เติมสีสันได้เจ้าตัวจะชอบมากเป็นพิเศษ ) , การเรียนหนังสือ ( หลักสูตรพื้นฐานเด็กแม้เพียงเล็กน้อยก็ทำให้ลินเนตต์รู้สึกสนใจขึ้นมาบ้าง ) , อากาศเย็นชื้น , ทะเล , หมอน , ความสงบ , ธรรมชาติ , นิทาน ( อ่านไม่ออกหรอก แต่การได้มองภาพเจ้าสัตว์หรือเจ้าตัวละครที่มีสีสันน่ารักในภาพก็ทำให้รู้สึกมันเขี้ยวขึ้นมาอย่างอดไม่ได้ ) , ซิสเตอร์ เพื่อนสนิทและเหล่าเด็กน้อยในสถานรับเลี้ยงเด็กกำพร้า , ครอบครัว ( ยังคงหลงเหลือความรักเสี้ยวหนึ่งส่วนสี่อยู่ ขณะที่ที่เหลือแปรเปลี่ยนกลายเป็นความหวังดีที่คนแปลกหน้ามีให้กัน )
ความเกลียด : การต้องอดข้าว หรือ ถูกลดจำนวนของกินลง ( เรื่องคอขาดบาดตายที่ทำให้เจ้าตัวเจ็บปวดยิ่งกว่าการถูกหักอก ) , การถูกแย่งเหยื่อ ( เป็นความรู้สึกไม่พอใจที่แล่นริ้วขึ้นมาเล็กน้อย จะมีผู้ล่าคนไหนที่ชอบถูกนักล่าตัวอื่นมาฉกเหยื่อตัวเองไปล่ะ จริงมั้ย? ) , การถูกทิ้งให้อยู่คนเดียว , การถูกบังคับ , ความเจ็บปวดที่ทำให้ร้องไห้ออกมา , อากาศร้อน , กลิ่นฉุน ( อย่างพวกกลิ่นน้ำหอมหรือกลิ่นน้ำมัน ไม่ค่อยถูกมานัก ) , แอลกอฮอล ( งูทั่วไปมักไม่ถูกกับแอลกอฮอลอยู่เป็นทุนเดิมเพราะจะไปทำร้ายระบบหายใจของเจ้าตัว ) , เมื่อถูกรบกวนความสงบสุข , การกลายเป็นตัวตลกต่อหน้าคนอื่น , การถูกกดขี่มากเกินความจำเป็น , หมากฝรั่ง ( เหนียวหนึบไปหมด ครั้งหนึ่งเคยติดผมตอนที่นอนอยู่บนม้านั่ง ลินเนตต์ต้องทำใจตัดผมกระจุกหนึ่งของตัวเองทิ้ง )
ประวัติ :
ลินเนตต์ เบอร์ตัน นั่นเป็นนามก่อนที่จะกลายเป็นเพียงลินเนตต์ธรรมดา ตัวเขาเป็นเด็กน้อยแสนรักที่กำเนิดออกมาแบบดังชื่อลินเนตต์ที่แปลว่าเจ้าตัวเล็กแสนสวย คนในครอบครัวเด็กน้อยปราถนาที่จะได้บุตรสาวสวยงามซักคนมาเป็นเทพธิดาน้อยผู้แสนซุกซนคอยเลื้อยปั่นป่วนบิดามารดา ทว่าเมื่อลินเนตต์กำเนิดออกมากลับกลายเป็นบุรุษ แม้จะเป็นเช่นนั้นแต่ด้วยเค้าโครงใบหน้าจิ้มลิ้มถอดแบบจากมารดาก็ทำให้เขาถูกตั้งชื่อว่า ลินเนตต์ ทั้งพ่อและแม่ของเขานั้นเป็นบีสต์ฮิวแมนสายเลือดแท้ที่มาแต่งงานกันเพื่อดำรงและสืบเผ่าพันธุ์ ลินเนตต์มีสายเลือดงูไทปันที่เข้มข้นไหลเวียนอยู่ในร่าง ยิ่งเขาได้รับยีนส์ฝั่งโพ้นทะเลมาจากบิดาที่เป็นงูสายพันธุ์ที่พิษร้ายแรงที่สุดในโลกก็ยิ่งทำให้เขานั้นแข็งแกร่งตั้งแต่ยังเป็นเด็กอยู่ ลินเนตต์ไม่ได้ถูกเลี้ยงดูมาอย่างประคบประหงมมากนัก เขาถูกเลี้ยงดูมาให้เป็นผู้ล่าที่แข็งแกร่งในอนาคต ดังนั้นครอบครัวจึงปล่อยให้เขาใช้สัญชาตญาณของตัวเองในการดำรงชีวิตอยู่ ปราศจากการยื่นมือเข้าช่วยเหลือของทางฝั่งพ่อ และ แม่ของเขา ทุกอย่างเขาจำเป็นต้องกัดปากตีนถีบเพื่อเอาชีวิตอยู่รอดบนโลกใบนี้
ชีวิตวัยเด็กของลินเนตต์นั้นพร่ามัว แม้แต่เขาเองก็จำมันไม่ได้เพราะไม่มีส่วนไหนที่น่าจดจำเลยแม้แต่น้อย ครอบครัวเขา และ เขาระหกระเหเรร่อนย้ายถิ่นที่อยู่ไปเรื่อยไม่เป็นหลักแหล่ง มีนายพรานมากมายที่ถือกำเนิดขึ้นไล่ล่าพวกมนุษย์ครึ่งสัตว์ทำให้เขาไม่อาจวนเวียนอยู่กับที่เดิมได้ ครอบครัวของเขาไม่ได้เป็นครอบครัวใหญ่ มีเพียงแค่พ่อ แม่ และเขาที่เป็นลูก ไม่มีเส้นสาย ไม่มีเครือญาติมากมาย ทุกคนต่างแยกย้ายไปมีชีวิตเป็นของตัวเอง และ กฎอีกข้อของอสรพิษคือการไม่ชอบอยู่ร่วมกันเป็นฝูง ผู้ล่าที่แข็งแกร่งสองตัวอยู่ในสถานที่แห่งเดียวกันไม่ได้คือสิ่งที่เด็กน้อยอย่างเขาล่วงรู้ เด็กหนุ่มชินชาต่อพื้นที่สกปรก และ โสโครกด้วยเศษฝุ่น เศษขยะ กลิ่นเน่าเหม็นของน้ำเสียที่ระบายออกมาทางท่อระบาย อยู่ในสถานที่สาธารณูปโภคที่สกปรกยิ่งกว่าอะไรดี ทานอาหารซ้ำซากเขรอะเชื้อโรคเพื่อประทังชีวิตจนบางวันก็แทบไม่ได้กินอะไร ทั้งชีวิตเขาใช้ชีวิตและเติบโตมากับเขตสลัมสกปรกในย่านหนึ่งของประเทศ ทุกสิ่งที่ถูกเปิดเผยต่อหน้าเด็กน้อยวัยไม่กี่ขวบคือความโหดร้ายของโลกใบนี้อย่างเต็มตา เขาได้เรียนรู้ถึงการดิ้นรนมากขึ้นอีกเพื่อที่จะมีชีวิตอยู่รอดในฐานะชนชั้นเบี้ยเลี้ยงที่ไม่ได้เติบโตบนกองเงินกองทองหรูหรา ทุกอย่างถูกสร้างด้วยมือของเขาไม่ได้ ต่อให้พยายามแทบตาย ตราบใดที่ไม่มีอำนาจหรือเงินตราที่พอเพียงก็เป็นเพียงแค่ความพยายามที่ไร้ประโยชน์
การเริ่มขโมยของเป็นการเอาตัวรอดในโลกใบนี้อย่างแรกที่ลินเนตต์เริ่มลงมือทำ สัญชาตญาณอสรพิษของเขานั้นแม่นยำทำให้หลีกหนีมาได้อย่างไหลลื่น บางครั้งก็อาจจะโดนหมัดหรือมือกระทบกระทั่งบนตัวให้มีบาดแผลน่าช้ำใจเล่นซักหน่อย หากแลกกับการได้ขนมปังกลิ่นหอมกรุ่นจากเตามายาไส้ที่หิวโครกครั้งหนึ่งก็ถือว่าคุ้มค่า
ลินเนตต์ไม่มีเพื่อน ในสถานที่โกโรโกโสไม่มีใครที่คิดจะคบหรือญาติดีกับใคร ความสัมพันธ์กับเพื่อนบ้านรอบข้างจึงดิ่งลงสู่เหวอย่างรวดเร็วรวมไปถึงความสัมพันธ์แบบครอบครัวเช่นเดียวกัน ตั้งแต่ย้ายมาอยู่ที่นี่กับครอบครัว ลินเนตต์ก็ไม่ได้มีโอกาสที่จะสนทนาอะไรเท่าไหร่นัก เพราะวันหนึ่งร่างกายเขาก็เหนื่อยล้าและเจ็บระบมมากเกินกว่าที่จะเงยหน้าขึ้นมาตอบโต้กับใคร มันเป็นแบบนั้นมานานจนกระทั่งเด็กหนุ่มเริ่มสัมพันธ์ได้ถึงการเปลี่ยนแปลงที่เริ่มเกิดขึ้น มารดาของเขามักหายออกจากบ้านไปและมักจะกลับมาในตอนดึกดื่น ปล่อยเขาทิ้งไว้กับผู้เป็นบิดาที่เริ่มมีพฤติกรรมความรุนแรง เขาเหมือนพวกสัตว์บ้าคลั่งมากขึ้น ทั้งวันหมกตัวอยู่ในพื้นที่เงียบสงบคนเดียว ไม่พูดคุยกับใคร ไม่ทานอะไร มีเพียงขวดเหล้าที่อยู่เป็นเพื่อนและระเกะระกะเต็มพื้นห้องไปหมด
เด็กหนุ่มต้องอดทนกับสภาพน่าสังเวชที่ได้พบเจอ เป็นครั้งแรกที่จิตใจดวงเล็กของเด็กน้อยรู้สึกแปลกไป จิตวิญญาณความแข็งแกร่งของเขามันสั่นไหวและกู่ร้อง เขามองภาพของบิดาไม่ต่างอะไรจากพวกสัตว์เลี้ยงตัวกระจ้อยร่อยที่อ่อนแอเลยซักนิด และ ยิ่งเป็นจริงเข้าไปอีกเมื่ออีกฝ่ายเกิดคลุ้มคลั่ง เริ่มเขวี้ยงปาข้าวของลงพื้นจนแตกกระจัดกระจายระบายอารมณ์ หนักหน่อยเศษข้าวของชิ้นนั้นก็จะถูกเขวี้ยงลงมาปะทุษร้ายใส่ร่างกายลินเนตต์ ครั้งแรกมันเจ็บจนต้องร้องไห้ออกมา ไม่มีเสียงคำรามร่ำร้อง มีเพียงหยาดน้ำตาที่ไหลออกมาอย่างเงียบเชียบ ครั้งที่สองเริ่มขึ้นตามด้วยครั้งที่สามกระทั่งกลายเป็นความเคยชินที่จะมีร่องรอยสีม่วงคล้ำหรือแดงห้อเลือดแต่งแต้มอยู่บนร่างจากบิดาบุพการีผู้เคยเป็นที่รัก ลินเนตต์เริ่มขยาดความเจ็บปวดที่ทำให้ตนร้องไห้มาตั้งแต่ตอนนั้น
ชีวิตของเขาร่อยหรอความสุข แม่ของเขาเริ่มหายออกไปจากบ้านนานขึ้น ลินเนตต์รับรู้และได้ยินเรื่องราวมาจากพวกเพื่อนบ้านโดยรอบว่าแม่ของเขาไปหลงรักกับมนุษย์นอกเขต ลินเนตต์เข้าใจว่าอีกฝ่ายค่อนข้างร่ำรวยอยู่พอตัว ชีวิตที่แสนสุขสบายมันคงจะดีกว่ามาจมปลักอยู่กับอะไรที่ไม่รู้จะเป็นไปได้เมื่อไหร่ กลิ่นอายอำนาจมันหอมหวานหล่อเลี้ยงชีวิต หล่อนไปมีครอบครัวแสนอบอุ่นของหล่อนแล้ว มันยากที่ต้องพยายามยอมรับแต่ลินเนตต์ก็ผ่านมันไปได้ จิตใจของบอบช้ำก่อนที่มันจะเริ่มถูกเคลือบด้วยความด้านชาทีละนิด ผิดกับคนที่ไม่อาจทำใจยอมรับได้อย่างเช่นพ่อของเขา ความรักของเขาที่มีต่อเธอมันมากเกินกว่าจะเห็นเธอตกเป็นของใคร จากรักแสนบริสุทธิ์มันเริ่มกลายเป็นความบิดเบี้ยวที่ก่อตัวขึ้น ─ แย่ไม่น้อยที่เขาเริ่มถูกมองกลายเป็นตัวแทนของแม่ด้วยใบหน้าที่คลับคล้ายคลับคลา พ่อปฎิบัติดีต่อเขา ทะนุถนอมและประคบประหงมเขาเป็นอย่างดีในความสัมพันธ์รูปแบบที่วิปริต มันไม่ได้เป็นความสัมพันธ์รูปแบบพ่อลูกธรรมดา อีกฝ่ายยังคงจมปลักอยู่กับห้วงความรักอันหอมหวานมาโดยตลอด หากว่าเป็นแบบนั้นจะทำให้อีกฝ่ายมีความสุขแม้ว่าจะอยู่ในวังวนจอมปลอมที่รู้อยู่แก่ใจแต่ก็ยังเลือกที่จะหลอกตัวเองอยู่ ลินเนตต์ก็ยินดีถูกมองเป็นตัวแทนดังกล่าว
คนเขากล่าวเอาไว้ว่ากาลเวลามักผ่านไปอย่างรวดเร็ว ลินเนตต์คืบคลานและเติบโตมาในช่วงวัยอายุ 11 ปี ในวันเกิดของเขา เป็นวันเดียวที่เค้กวันเกิดถูกย้อมด้วยเลือด เขตสลัมสกปรกถูกชะล้างโดยฝีมือของเหล่านายพรานที่เข้ามาสำรวจ ผู้คนรอบด้านนั้นนอกจากมนุษย์ ส่วนมากก็มีบีสต์ฮิวแมนที่ปะปนอยู่อย่างแนบเนียนก่อนที่การทำความสะอาดเผ่าพันธุ์ครึ่งสัตว์จะเกิดขึ้น ทุกอย่างมันเกิดขึ้นอย่างชุลมุน หูของเขาอื้ออึงเมื่อได้ยินหลายเสียงปะปน เสียงของมีคมกรีดลงบนเนื้อ เสียงกรีดร้อง เสียงร่ำไห้ เสียงตะโกนด้วยความเกรี้ยวกราด เสียงลั่นไกปืน รวมไปถึงกลิ่นคาวของโลหิตและความตายที่ลอยเข้ามาแทรกซึมจมูก เด็กหนุ่มถูกผู้เป็นบิดานำทางในการหลบหนีออกจากพื้นที่แห่งหนึ่ง
แต่เขาและบิดาก็ไม่รอด
เขาถูกจับได้พร้อมกับอีกฝ่ายในระหว่างที่กำลังหลบหนีออกไป อสรพิษที่ถูกโจมตีมักใช้สัญชาตญาณในการตอบโต้ เขาและผู้เป็นพ่อเองก็เช่นกัน แต่ด้วยจำนวนที่แตกต่างกันก็ไม่ได้สามารถทำให้ชนะ บิดาไม่รอด เช่นเดียวกับลินเนตต์ที่คิดว่าตนเองกำลังจะไม่รอดเช่นกัน เสมือนกับเกิดปาฏิหาริย์ขึ้น คานบ้านเรือนแถวนั้นล่มลงมาคั่นกลางระหว่างนายพรานพอดีทำให้ลินเนตต์สามารถเอาตัวรอดออกมาได้ ตั้งแต่ตอนนั้นชีวิตเด็กของเขาก็เร่ร่อน ถึงจะรอดออกมาได้แต่ก็ไร้ที่ไป กระทั่งมีผู้ใจดีเข้ามาอุปการะของเด็กน้อยผู้ตัวเปรอะเปื้อนที่กำลังเดินทางเขาถูกเก็บเข้าสถานรับเลี้ยงเด็กกำพร้า ลินเนตต์เริ่มศึกษาพฤติกรรมเด็กน้อย พยายามทำตัวใสซื่อไร้เดียงสาและดูอ่อนแอราวกับสัตว์กินพืชกลบเกลื่อนสัญชตญาณความดุร้ายของตนลงไป และ เขาทำได้ดีไม่น้อย
ลินเนตต์ได้เรียนรู้วิชาการมาเล็กน้อยจากพี่เลี้ยงเด็กในสถานรับเลี้ยงเด็กกำพร้า จากทั้งชีวิตที่ไม่เคยศึกษามาก่อน เด็กหนุ่มสามารถพูดได้และมีความคิดที่อัจริยะมากกว่าเด็กวัยเดียวจนถึงวัยผู้ใหญ่ แต่หากเทียบกับเด็กวัยเดียวกันก็ยังพบว่าเขาทำได้เพียงแค่อ่านออกและเขียนได้เท่านั้น มีบางช่วงตะกุกตะกักจนน่าขบขัน ไม่ได้คล่องแคล่วเหมือนเด็กคนอื่นเพราะเขาไม่ได้มีโอกาสเรียนมาตั้งแต่เด็ก บวกกับเจ้าตัวไม่ค่อยสนใจเท่าไหร่นักเลยได้มาแค่นั้นทั้งที่ความจริงตัวเขาก็ออกจะเป็นคนที่หัวไว จนถึงทุกวันนี้ลินเนตต์ยังใช้ชีวิตฝังตัวอยู่กับสถานรับเลี้ยงเด็กกำพร้าที่เดิม บางครั้งบางคราวมีอาสาช่วยเลี้ยงเด็กน้อยในสถานเลี้ยงเด็กกำพร้าแบ่งเบาภาระซิสเตอร์ด้วยเช่นกัน
เพิ่มเติม :
- รูปแบบนิทานที่สนใจเป็นพิเศษคือเรื่องของ เจ้าชายน้อย ที่ไล่ตามความฝันของตัวเอง ตอนนี้มีเป้าหมายหลักคือการตั้งใจศึกษาเพื่อที่จะอ่านเจ้าชายน้อยให้จบทั้งเล่มอยู่ ถึงแพลนจะล่มไปหลายรอบเพราะว่าเจ้าตัวค่อนข้างขี้เกียจ มาก ก็ตามที
- ถามถึงเรื่องความรู้สึกต่อนายพราน ลินเนตต์ไม่ได้เกลียดนายพรานแต่เรียกว่าโกรธกับสิ่งที่พวกเขาทำมากกว่า เจ้าตัวยังคงคำว่า เข้าใจ เหมือนกับตอนที่แม่ของเขาหนีไปอยู่กับชายอื่น เจ้าตัวพร่ำบอกแต่คำว่าเข้าใจ เข้าใจ และ เข้าใจเสมือนว่าเข้าใจในทุกอย่างทั้งที่ตัวเขาก็ไม่รู้ว่าทำไมเพื่อหน้าที่ถึงต้องฆ่าแกงกันโหดร้ายขนาดนั้น แต่ด้วยโลกโหดร้ายที่เห็นมาต่อหน้าต่อตาก็ทำให้เด็กน้อยเข้าใจและยอมเงียบปากเก็บความสงสัยเข้าไปในส่วนลึกของจิตใจจนได้ ท้ายที่สุดเขาก็ทำได้แค่หลบหนีและเอาตัวรอด
- 31 ธันวาเป็นวันเกิดของลินเนตต์ เขาเกิดวันสุดท้ายของปี น่าแปลกที่เวลาก็ยังเป็นเวลา 23 : 59 ที่เขากำเนิดออกมาอีก ถือว่าเป็นก้ำกึ่งระหว่างเส้นปีใหม่และปีเก่าเลยทีเดียว
- คนเราไม่ได้มีความสามารถทุกอย่าง ทางลินเนตต์ก็เช่นกันนะคะ ยังยืนยันว่าเจ้าตัวเป็นเด็ก อย่างไรก็ไม่ได้โอบอุ้มทุกอย่างอยู่ได้ มีหลุดบ้างอะไรบ้างประปราย ประสบการณ์เองก็ไม่ได้มีมากเท่ากับวัยผู้ใหญ่ เก่งด้านมันสมอง การคิดวิเคราะห์ การวางแผน แต่เรื่องการอ่านและการเขียนภาษาเรียกว่ายังด้อยพัฒนาอยู่มาก เพราะสมัยเด็กไม่มีโอกาสทางการศึกษา
- อยู่ภายในสถานรับเลี้ยงเด็กก็มีเพื่อนอยู่บ้าง ไม่ได้มนุษย์สัมพันธ์ห่วยแตกไปโดยสิ้นเชิง
- เคยอยากลองกินน้ำผักปั่น กับลองเป็นงูมังสวิรัติอยู่แต่ยังไม่มีโอกาสได้ลอง
- ชอบดูรายการโทรทัศน์ไม่เบา โดยเฉพาะพวกรายการทำอาหาร หรือว่าราายการสารคดีที่สำรวจโลก
- นิสัยเพิ่มเติมของงูทะเลประเภทนี้นะคะ ปกติงูไทปันถึงจะเป็นงูที่มีพิษร้ายแต่ค่อนข้างเป็นงูที่ขี้อาย และ มักหลบหนีทุกครั้งเมื่อเจอมนุษย์ จะฉกหรือกัดได้เฉพาะตอนที่เจ้าตัวป้องกันตัวเท่านั้น พอเราเห็นน้องงูลักษณะนิสัยแบบนี้เลยนำมาคิดคาร์ออกมาในรูปแบบประมาณนี้ ยังไงก็ขอฝากเจ้าตัวเล็กคนนี้เอาไว้ด้วยนะคะ หวังว่าจะชอบไม่มากก็น้อยนะคะ
- ค่อนข้างหวาดกลัวการถูกมองเป็นตัวแทนคนอื่นพอสมควรเหมือนที่พ่อเคยทำกับเขา ลินเนตต์จะมีอาการต่อต้านคนนั้นขึ้นมาโดยอัติโนมัติ
- ผิวกายขาวเนียนอมชมพูมาจากกรรมพันธุ์ส่วนหนึ่ง อีกส่วนหนึ่งก็คือหลังจากเข้ามาในสถานรับเลี้ยงกำพร้าก็ถูกขัดตัวฉวีวรรณจนเนียนกรุบด้วยการถูกซิสเตอร์จับแช่น้ำนม ตั้งแต่นั้นลินเนตต์ก็กลายเป็นพวกที่ชอบแช่น้ำนมหรือขัดตัวมาตลอด อนึ่งเขาเคยให้การว่าน้ำนมหอมถูกจมูก ส่วนขัดตัวก็จั๊กจี้ดีเหมือนช่วยขัดเกล็ดให้เขาลอกคราบ
- หากอยู่ในช่วงลอกคราบของงูมักจะเก็บตัวอยู่คนเดียวไม่ออกมาให้คนอื่นเห็น ตอนนั้นสภาพของลินเนตต์ก็ไม่น่ามองเท่าไหร่นัก หากอยู่ในร่างมนุษย์ผิวตามตัวของเขาจะลอกออกมาเป็นขุยตามแบบร่างงู รวมไปถึงเนื้อตัวจะมีรูปลักษณ์ของเกล็ดงูขึ้นมาบางส่วนด้วย ลินเนตต์ไม่อยากให้ใครเห็นเขาในสภาพที่เกล็ดขึ้นตัวลายพร้อยนักเลยไม่ยอมออกมาพบปะหน้าผู้คน
- ยังไม่เคยค้นพบกับความสุขที่แท้จริง
- สามารถนำน้องไปยำได้ตามใจชอบของไรท์เลยนะคะ เรายกอภิสิทธิ์ทุกตัวละครตั้งแต่ส่งออกไปให้เลย ขอแค่อย่างเดียว หากว่าจะให้น้องมีความรักก็ขอให้น้องมีความสุข หากว่าจะให้น้องถึงจุดจบก็ขอเป็นจุดจบที่มีความสุขที่สุดสำหรับน้องนะคะ t - t
P.s เครือตัวละครประกอบเราก็ยกให้ค่ะ จับไปต้มยำทำแกงได้ทุกอย่างเลย จะดราม่าเพื่อนสนิท อีกคนหนึ่งเป็นบีสต์ฮิวแมน อีกคนอยากเป็นนายพราน โตมาต้องมาล่าหัวกันก็ย่อมได้ เราสนับสนุนไรท์และยินดีอ่านทุกทางเลยค่ะ เคิ้ก
- นามสกุลเบอร์ตันนั้นได้ตายไปพร้อมกับวันที่บิดาตายลงและเขามีชีวิตใหม่ ลินเนตต์ไม่คิดจะติดต่อมารดาอีกถึงแม้ว่าเขาจะโกรธ แต่ก็ยังอวยพรให้เธอมีความสุขกับชายที่เธอรัก และ ยังคงด้วยความรักที่แปรกลายเป็นความหวังดีไปจนหมดสิ้นแล้ว
- มีตำหนิที่น่าอายอยู่ที่ปานแดงรูปผีเสื้อเด่นหราอยู่กลางแผ่นหลัง ปานค่อนข้างใหญ่เหมือนผีเสื้อสยายปีก มีมาตั้งแต่เกิด ลินเนตต์มักเสียความมั่นใจมากหากว่าต้องถอดเสื้อไปแช่น้ำหรือให้ใครเห็นแผ่นหลัง
- เอาเข้าจริงอ่อนด้อยเรื่องประสบการณ์ทางความรักมาก น้องไม่เคยมีคนรักค่ะ ดังนั้นจะรู้สึกตัวช้ามากหากว่าโดนเข้าหาหรือโดนใครซักคนไล่จีบ เจ้าตัวไม่เก็ตฟีลความรัก ไม่เก็ตความรู้สึกที่จะชอบใครซักคนเพราะไม่เคยมีมาก่อน
- ได้สีผมขาวเทามาจากผู้เป็นพ่อ ส่วนสีตานั้นได้สืบทอดมาจากผู้เป็นแม่
- เหตุผลของการณ์ที่ไม่กล้าไว้เนื้อเชื่อใจใครอีก มีอิทธิพลมาจากผู้เป็นแม่ที่หนีไปแต่งกับผู้ชายอื่น ลินเนตต์เลยขยาดกับคำว่าไว้ใจไปโดยปริยาย ให้ความไว้ใจไปแล้วอย่างไร สุดท้ายก็ได้รับพิษกลับคืนมากร่อนหัวใจให้แสบเล่น
- กำลังอยู่ในช่วงวัยต่อต้าน ค่อนข้างติดเกมและติดการ์นอยู่ในช่วงนี้ เพิ่มได้ว่านอกจากกิน นอน ก็มีเล่นเกมและนอนเอื่อยดูการ์ตูนเพิ่มเข้ามา
- มีฝีมือในการฟันดาบอยู่พอสมควร เหตุผลที่มีฝีมือเริ่มมาจากตัวซิสเตอร์เป็นคนถ่ายทอดวิธีการในการฟาดฟันให้เขาเลยพอมีฝีมือในการใช้ดาบยาว และพวกมีดสั้นพอคล่องมือ อย่างน้อยก็น่าจะตวัดฟันใส่หน้าชาวบ้านที่กระโจนเข้ามาแว้งกัดเขาได้
- ตัวน้องเป็นตัวที่เราเขียนออกมาก็รู้สึกมึนและเบลอเองเลยค่ะ พอกับพ่อคุณโดโนแวนคนแรกเลย เอิ้ก หากผิดพลาดตรงไหนต้องขออภัยไว้ด้วยนะคะ
OTHER CHARACTER
Status : Dead
Story : บิดาของลินเนตต์ ครั้งหนึ่งเขาเคยเป็นบุรุษผู้เป็นที่หมายปองของสาวด้วยเครื่องหน้าครบครันที่หล่อเหลา ลักษณะนิสัยสุขุมอ่อนโยนไม่ต่างอะไรจากสายธาราที่เย็นเยือก ท่าทางดูราวกับเทพบุตรผู้โอบอ้อมอารีก่อนทุกอย่างจะเปลี่ยนแปลงไปเมื่อเขาเสียนางอันเป็นที่รักไป ทำให้แซมเบอร์ตันนั้นกลายเป็นบุคคลผู้หลงงมงายอยู่ในภวังความรักที่วิปลาศ ความดำมืดได้กัดกินพื้นที่ในดวงตาของเขาจนมองเห็นเพียงสีดำ สิ่งที่เยียวยาจิตใจของเขาได้คือลินเนตต์ที่หน้าเหมือนนางอันเป็นที่รักอย่างไม่ผิดเพี้ยน ทว่าทุกอย่างก็จบสิ้นลงเพราะตอนนี้ชีวิตของเขาเองก็สิ้นมลายไปพร้อมกับวังวนความรักของตน
{ เลลินดา คาร์ลิน } | Lelinda Carlin
ชื่อเก่า : เลลินดา เบอร์ตัน | Lelinda Berton
Status : Alive
Story : ลุ่มหลงในรูปลักษณ์ หลงไหลในอำนาจ และ หลงรักในเงินตรา หญิงสาวมารดาของลินเนตต์ผู้ผันเปลี่ยนไปหาบุรุษชั้นสูงในสกุลหนึ่ง ตอนนี้หล่อนอยู่อย่างสุขสบายกับสามีใหม่ ทั้งสองครองรักกันมาเกือบหกปีตั้งแต่ที่ลินเนตต์อายุเพียงสิบขวบ หล่อนเลือกที่จะทิ้งบุตรชายตัวน้อยอยู่กับคนรักเก่า แม้จะทำเช่นนั้นก็ใช่ว่าเธอไร้เยื่อใย แท้จริงเธอยังคงมีสายความรู้สึกผิดต่อสามีเก่าและบุตรชายที่ตนไม่ทราบข่าวคราวอยู่เสมอ แม้ว่าปัจจุบันนี้เธอจะมีคนรักใหม่ รวมไปถึงบุตรชายและบุตรสาวตัวน้อยแล้วก็ตามที
{ เอ็ดมันด์ คาร์ลิน } | Edmund Carlin
Status : Alive
Story : สามีใหม่ของผู้เป็นมารดา ในสายตาของคนทั่วไปเขาก็เป็นบุรุษผู้โอบล้อมด้วยกลิ่นอายความน่าหวาดกลัว หากแต่เมื่ออยู่กับภรรยาแสนรักและลูกชายลูกสาวตัวน้อยของเขาก็จะลดหลั่นความน่าหวาดผวาลงมาเกือบเท่าตัว ปัจจุบันเขาดูแลภรรยาของตนได้เป็นอย่างดี แม้ว่าเอ็ดมันด์จะรู้สิ่งที่ภรรยาของตนเคยทำก่อนที่มาครองรักกับตน
Status : Alive
Story : เธอเป็นซิสเตอร์ผู้ใจบุญในสถานรับเลี้ยงเด็กกำพร้าที่ลินเนตต์อาศัยอยู่ เขาค่อนข้างทำตัวติดกับเธอเพราะบังเอิญรู้ความจริงเข้าว่าเธอเองก็เป็นบีสต์ฮิวแมนเช่นเดียวกับเขา เธอเป็นบีสต์ฮิวแมนสายพันธุ์ปลาโลมา ลักษณะนิสัยจึงค่อนข้างรักสงบ ใจเย็นดุจลุ่มน้ำลึก คอยปลอบประโลมเหล่าเด็กน้อยได้อยู่เสมอ ค่อนข้างดุเด็กน้อยจนทำให้เด็กหลายคนสบายใจที่จะอยู่กับเธอ ปกติเธออยู่ภายในภาพลักษณ์หญิงสาวผู้อ่อนโยนแต่ก็ใช่ว่าจะอ่อนแอเสียซักหน่อย เพราะที่จริงใต้ตำแหน่งซิสเตอร์เลี้ยงเด็ก เธอเคยเป็นถึงลูกสาวโรงฝึกดาบมาก่อน ครูเอลล่าได้รับการสั่งสอนฝีมือในการบ่มดาบเอาไว้ครบถ้วนก่อนที่โรงฝึกจะต้องปิดกิจการลงเพราะไม่มีเงินหล่อเลี้ยง แต่กระนั้นจิตวิญญาณของการใช้ดาบเธอก็ยังคงอยู่
Status : Alive
Story : เด็กกำพร้าที่อยู่ร่วมสถานกำพร้าเดียวกับลินเนตต์ ลินเนตต์ค่อนข้างสนิทกับอีกฝ่ายมากเป็นพิเศษ เนื่องด้วยท่าทางที่ค่อนข้างเงียบขรึม ดูฉลาดหลักแหลมเกินวัยเด็กทว่าไร้เล่ห์เหลี่ยมจัดผิดกับลินเนตต์โดยสิ้นเชิง การวางตัวดูราวกับผู้ใหญ่เจนโลก อลันไม่ค่อยพูดไม่ค่อยจาเท่าไหร่นัก เขาประหยัดคำพูดของตนเสมอหากว่าไม่จำเป็นก็จะไม่เปิดปาก ที่มาของอีกฝ่ายนั้นค่อนข้างเป็นปริศนาในสมัยก่อนที่ลินเนตต์เห็นอีกฝ่ายไม่บ่อย ได้ยินมาว่าเขาเคยเป็นคุณชายที่ถูกเฉดหัวออกมาจากตระกูลเลยไม่แปลกว่าทำไมกริยามารยาทถึงได้ดูเพียบพร้อมราวผ้าพับไว้ เวลาว่างที่ลินเนตต์นอนก็มักจะมีอลันนั่งอ่านหนังสืออยู่ด้านข้างเสมอ อีกฝ่ายไม่เคยแสดงท่าทีรำคาญกับอาการอยากรู้อยากเห็นของลินเนตต์ บ่อยครั้งที่เพื่อนร่วมบ้านผู้เอื่อยเฉื่อยมักนอนเกยตักเขาชี้นู่นนี่ให้หนังสือให้เขาอ่านให้ฟังขณะที่ดวงตาปรือเหมือนคนจะหลับเต็มทน อ่านไปไม่ถึงประโยคก็เหมือนยาสลบกรอกปากลินเนตต์หลับไปอย่างรวดเร็ว เหลือเพียงความเอือมระอาระคนขบขันของอลัน ฟังดูน่าแปลกที่สองคนที่ต่างกันสุดขั้วเหมืแนแม่เหล็กคนละฝั่งดันดึงดูดเข้าหากันมาอยู่ในวงโคจรเดียวกันได้อย่างไม่น่าเชื่อ แต่ก็เป็นไปแล้ว มิตรภาพทั้งสองค่อนข้างแน่นแฟ้นยากที่จะมีใครเข้ามาแทรกกลาง หากว่าจะยากที่จะมีคนเข้ามาทำลายรึเปล่านะ?
ความคิดเห็น