คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #6 : รวมแปล Nurarihyon no Mago 23-27
จากตอนที่แล้ว ยูระที่อยู่กับปู่ของริคุโอะต้องเผชิญหน้ากับกลุ่มปีศาจต่างถิ่น ที่จ้องเอาชีวิตท่านปู่นูราริเฮียวน์ หัวหน้ากลุ่มปีศาจแห่งคันโต
ปีศาจที่ใช้ลมในชุดดำ โจมตีเข้าใส่ทั้งคู่ แต่ยูระก็ใช้ยันต์ขึ้นมากางกั้น สะท้อนการโจมตีเอาไว้ได้ทัน
สายลมของเจ้าปีศาจร้ายที่พลาดเป้า พุ่งเข้าทำลายตึกที่อยู่ด้านหลังของทั้งคู่จนกระจกและอิฐปูนร่วงกราว
"คุณปู่ หนูไม่ว่าอะไรหรอกนะ หนีไปเถอะค่ะ!!"
ยูระบอกปู่ของเพื่อนร่วมชั้นให้หนีไป แต่ท่านปู่ก็ไม่หนีโดยบอกว่า
"....หนีไปคงจะดีกว่าจริงๆล่ะน้า...แต่ว่า 'คาไมทาจิ'เนี่ย เป็นพวกใช้ความรุนแรงแบบนี้หรอกเหรอเนี่ย"
ยูระฟังแล้วก็ทำหน้าสงสัยว่าทำไมคุณปู่รู้เรื่องปีศาจดีจัง แต่ปู่นูราริเฮียวน์ก็ยังเนียน แกล้งทำเป็นไม่รู้ไม่ชี้ต่อไป
"แต่ว่า.....บางที เจ้านั่นอาจจะไม่ใช่คาไมทาจิก็ได้นะคะ"
ความเห็นของยูระทำให้ท่านปู่แปลกใจ เด็กสาวอธิบายต่อไปว่า
"เจ้านั่นน่ะ...คือปีศาจลม'มุจิ' ปรากฏตัวตามหุบเขาลึกของชิโกกุ....เป็นปีศาจร้ายค่ะ!
สายลมนั่นน่ะ...คือยาพิษ เป็นลมแห่งพิษร้ายที่ทำให้คนป่วยไข้"
ท่านปู่ฟังแล้วก็นิ่งนึกในใจ ปีศาจจากชิโกกุงั้นหรือ....
ตอนนั้นเองที่ยูระสังเกตว่าลูกน้องของมุจิ ไม่ได้อยู่รอบตัวเจ้านายของพวกมันแล้ว
ที่แท้ พวกมันใช้จังหวะที่ยูระได้แต่ตั้งรับ ตีวงล้อมรอบทั้งคู่เข้ามาแล้วนั่นเอง
ระหว่างที่ยูระกับท่านปู่กำลังเข้าตาจน อีกด้าน ริคุโอะและสมาชิกชมรมก็กำลังมองแผนที่บนหน้าจอคอมพิวเตอร์ของคิโยสึงุ ที่มีจุดบอกตำแหน่งอะไรบางอย่างอยู่ด้วยมากมาย
สึราระเอ่ยปากถามด้วยความฉงนว่านี่มันคืออะไร คิโยสึงุจึงอธิบายว่า มันคือแผนที่การกระจายตัว
ของประชากรปีศาจในญี่ปุ่น เป็นผลงานร่วมกันการสร้างสรรค์ของคิโยสึกุ กับอ.อาดาชิฮาระ หรือ
ศาสตราจารย์ปีศาจคนที่เคยโผล่มาในตอนที่บุกรังกิวคินั่นเอง
"นี่น่ะ เป็นบริเวณที่มีการพบเห็นบ่อยๆที่ฉันกับอาจารย์ช่วยกันค้นคว้าข้อมูลมา
จะปรับให้เป็นกราฟแท่งแบบการวัดปริมาณน้ำฝนก็ได้นะ"
ว่าแล้วกราฟที่เป็นจุดกลมๆก็ถูกเปลี่ยนให้เป็นกราฟแท่ง ซึ่งดูง่ายขึ้น
ในภาพ จะเห็นว่าในแถบเกียวโต กราฟมีความหนาแน่นและสูงลิ่ว และที่รองลงมาก็คือ
เขตชิโกกุ ที่แม้จะหนาแน่นสู้เกียวโตไม่ได้ แต่กราฟแต่ละแท่งก็สูงลิ่วไม่แพ้กัน
คิโยสึงุอธิบายว่า ไม่ว่าจะวัดจากประชากรหรือประวัติศาสตร์ บริเวณเกาะชิโกกุ และเขตจูโกกุก็เป็นเขตที่มีการปรากฏตัวมาก
(จูโกกุในที่นี้ไม่ได้หมายถึงประเทศจีน แต่หมายถึงเขตภูมิภาคหนึ่งของประเทศญี่ปุ่น บริเวณใต้หรือตะวันตกสุดของเกาะฮอนชู ประกอบด้วยจังหวัดโอกายามา ฮิโรชิมา ทดโทริ ชิมะเนะ และยะมะกูจิ)
"ในแถบโทโฮคุ(ทางเหนือของญี่ปุ่น)หรือคันไซน่ะ เป็นแหล่งที่มีปีศาจมากก็จริง แต่ทางแถบชิโกกุ
แม้จะมีน้อย แต่ก็เรียกได้ว่า 'ราชอาณาจักรปีศาจ'ก็ว่าได้ล่ะมั้ง"
คิโยสึงุกล่าว
ตอนนั้นเองที่ริคุโอะมองออกไปนอกหน้าต่างมองเห็นการาสุเท็นงูที่บินตามหาท่านปู่นุราริเฮียวน์อย่างวุ่นวาย
จนไม่ทันสังเกตเห็นพวกริคุโอะ
"? หรือว่าเกิดอะไรขึ้นกับกลุ่มอีกงั้นเหรอ...."
ริคุโอะคิดด้วยความสงสัย
และ "เรื่อง" ที่ว่าก็กำลังเกิดกับท่านปู่และยูระในเวลาเดียวกันนั้นนั่นเอง
เหล่าลูกน้องของมุจิตั้งท่าโจมตีเข้ามาพร้อมกันเกิดเป็นลมหมุนขนาดมหึมาที่โอบล้อมองเมียวจิน้อย
กับหัวหน้าแห่งปีศาจ นุราริเฮียวน์เอาไว้
ยูระถูกฟาดเข้าให้อย่างแรงทีหนึ่งจนเกือบล้ม ถ้าไ่ม่ทันคว้าท่านปู่ไว้ได้เสียก่อน ท่านปู่บอกให้ยูระไม่ต้อง
สนใจตน แต่ยูระก็บอกว่าทำแบบนั้นไม่ได้ ก่อนจะคว้าชิกิกามิออกมา แล้วเสกเทพพิทักษ์กวางยักษ์ "โรคุซน" ออกมาให้พาปู่ของริคุโอะหนีไป
มุจิพยายามฟาดสายลมเข้าใส่ แต่ด้วยกำลังของโรคุซนที่พาท่านปู่วิ่งขึ้นไปตามความสูงของตึก สายลมนั้นจึงตามเข้ามาทำร้ายไม่ได้ เมื่อถึงยอดตึก ท่านปู่ก็มองลงมา และเห็นยูระที่อยู่ในสภาพย่ำแย่
แต่ตอนที่ทุกคนคิดว่ายูระคงต้องไม่รอดจากการโจมตีครั้งต่อไปของมุจิและลูกสมุนแล้วนั่นเอง
เด็กสาวก็คว้าชิกิกามิออกมาอีกสองแผ่น แล้วพูดด้วยสีหน้ามั่นใจว่า
"ในที่สุดก็ไม่ีมีคนให้ต้องคอยพะวงแล้ว"
และที่ปรากฏกายขึ้นเบื้องหลังสาวน้อย...ก็คือเทพพิทักษ์หมาป่า และนักรบในชุดเกราะ ที่ใหญ่โตเสียยิ่งกว่าตัวของยูระเองเสียอีก
ภาพตรงหน้าทำให้ปู่นูราริเฮียวน์ประหลาดใจเป็นอันมาก ด้วยอายุเพียงเท่านี้ ยูระเรียกเทพอารักษ์ หรือชิกิคามิออกมาได้ถึงสามตน ห้วหน้าปีศาจถึงกับออกปากชมว่าเป็นความสามารถที่สุดยอดจริงๆ
และทีเด็ดของยูระก็ยังไม่หมดแค่นั้น เมื่อองเมียวจิอายุน้อยร่ายเวทเรียกชิกิคามิออกมาอีกหนึ่ง ก่อนจะรวมร่างของมันเข้ากับมือข้างหนึ่งของตน
"เปลี่ยนรูปชิกิคามิ คนภูติรวมเป็นหนึ่ง!!"
ว่าแล้ว คาถาองเีมียวตระกูลเคย์คะอิน ปืนน้ำส่งวิญญาณของยูระ ก็ถูกโจมตีเข้าใส่
พวกลูกน้องของมุจิที่เหลือ ท่วงท่าอันร้ายกาจ ทำให้แม้แต่ท่านปู่นุราริเฮียวน์ที่มองอยู่
ถึงกับทึ่งจนพูดไม่ออกเลยทีเดียว
"คิดเหรอว่าเด็กผู้หญิงคนเดียว จะจัดการได้ง่ายๆน่ะ?"
ยูระ พูดด้วยแววตาสมกับเป็นทายาทแห่งตระกูลองเมียวจิอันเกรียงไกร
**********
ยูระจังเอาจริงแล้ว!!
หลังจากจัดการกับลูกน้องของมุจิได้ ยูระก็ต้องเผชิญหน้ากับเผชิญหน้ากับเจ้าปีศาจร้ายแห่งชิโกกุที่จู่โจมเข้ามาด้วยลมแห่งพิษร้าย
องเมียวจิน้อยถูกโจมตีเข้าที่แขนจนได้แผล และแผลนั้นก็ไม่ใช่แค่เพียงอาการบาดเจ็บธรรมดา แต่แฝงเอาไว้ด้วยพิษที่ทำให้ขยับร่างกาย
ไม่ได้ดั่งใจ
แต่ตอนที่กำลังหวั่นวิตกอยู่นั่นเอง มุจิก็ละทิ้งองเมียวจิตรงหน้าเพื่อไปจัดการกับเป้าหมายที่แท้จริง
นั่นก็คือท่านปู่ของริคุโอะ จอมปีศาจนุราริเฮียวน์ หัวหน้าปีศาจแห่งเขตคันโต
ยูระที่ไม่รู้เรื่องตัวจริงของท่านปู่นุราริเฮียวน์ดึงดันจะขึ้นไปช่วยปู่ของเพื่อนทั้งที่ตัวเองแทบจะขยับไม่ได้
โดยไม่สนใจคำทัดทานของเทพรับใช้ แต่ตอนที่เถียงกันอยู่นั่นเอง อะไรบางอย่างก็ตกโครมลงมายังพุ่มไม้ใกล้ๆ
พอหันไป ยูระก็ต้องตกใจ เมื่อเห็นโรคุซน พญากวางหนุ่มซึ่งเป็นหนึ่งในเทพรับใช้ ซึ่งเธอสั่งให้พาท่านปู่หนีไป
ร่วงลงมาจากยอดตึกด้วยสภาพร่อแร่ บ่งบอกให้รู้ว่ามุจิได้เข้าถึงตัวปู่ของริคุโอะแล้ว
"หนีมาบนยอดตึก แต่กลายเป็นว่าโดนต้อนให้จนมุมจนได้นะ...นุราริเฮียวน์
จอมปีศาจที่ไม่ว่าใครก็รู้จัก...."
มุจิเอ่ยทักด้วยวาจาที่ราวกับตนเองกำลังถือไพ่เหนือกว่า
แต่ท่านปู่ก็ถามกลับอย่างไม่มีท่าทีสะทกสะท้านว่ามุจิน่ะหรือที่เป็นคน
ฆ่าฮิบิ ที่เป็นคนรู้จักและหุ้นส่วนของกลุ่มนูระมานาน
แต่พูดยังไม่ทันจบ มุจิก็เป็นฝ่ายโจมตีเข้ามา
ท่านปู่กระโดดหลบอย่างไม่ยากเย็น ก่อนจะเอ่ยว่ามุจินั้น ช่างไม่มีรสนิยมเอาเสียเลย
มุจิใช้แส้สายลมโจมตีเข้าใส่ท่านปู่นุราริเฮียวน์ แต่มีหรือที่จอมปีศาจจะเสียท่า
ให้ง่ายๆ นุราริเฮียวน์หลบหลีกอย่างคล่องแคล่ว ผิดกับรูปลักษณ์ชายแก่ของตน
ขณะที่พื้นที่บนดาดฟ้าก็ถูกทำลายไปเรื่อยๆ จนในที่สุดก็เหลือแค่มุมๆหนึ่งของตึก
ไม่มีที่ให้หนีต่อไปแล้ว
"ใครจะคิดว่าวันที่ได้จัดการผู้ยิ่งใหญ่อย่างเจ้าด้วยมือนี่จะมาถึง..."
มุจิพูดอย่างยิ้มย่อง หมายมั่นว่าจะปลิดชีวิตหัวหน้ากลุ่มปีศาจคันโตตรงหน้า
ได้แน่นอน
แส้ลายลมของมุจิถูกซัดเข้าหานุราริเฮียวน์ที่ชัดดาบออกมารับสายลม
นั้นเอาไว้ได้ ก่อนจะสะท้อนมันกลับ จนแม้แต่มุจิที่เป็นผู้ใช้สายลม
ยังต้องตระหนก ตกใจกับพลังที่ไม่คาดฝันของนุราริเฮียวน์
'ไม่สิ...ใจเย็นๆ...แค่ถูกแรงกดดันนิดหน่อยเท่านั้น...'
มุจิพยายามสงบจิตใจ พลางบอกตัวเองว่าไม่มีทางที่นุราริเฮียวน์จะ
สะท้อนสายลมได้ แต่เมื่อเจ้าปีศาจร้ายหันมามองอีกที นุราริเฮียวน์
ก็หายไปจากคลองสายตาเสียแล้ว
ขณะที่กำลังสับสนว่าเหยื่อตรงหน้าหายไปทางไหนนั่นเอง มุจิก็ได้ยิน
เสียงฝีเท้าซึ่งบ่งบอกว่านุราริเฮียวน์ยังอยู่ แต่ด้วยเหตุผลบางอย่าง
มุจิกลับมองไม่เห็น
"ไม่ว่าหน้าไหน ถ้าต้องมาเจอกับผู้ที่ยิ่งใหญ่เหนือกว่าตน ก็จะถูกการมีอยู่
ของบุคคลนั้นจู่โจม และหยุดการรับรู้ทุกสิ่ง"
ท่านปู่เอ่ยขณะที่เข้าถึงตัวของมุจิ
"ต่อให้มองเห็น ก็รับรู้ไม่ได้
นั่นแหละ พลังของข้า
Nurarihyon no meikyoshisui
บนจอกเหล้าของข้า วงน้ำไม่ปรากฏ"
ท่านปู่นุราริเฮียวน์เอ่ยให้กับมุจิที่้ล้มคว่ำลงราวกับ
ประกาศชัยชนะ
ภาพเปิดมาด้วยทิวทัศน์ของหุบเขาที่เต็มไปด้วยแมกไม้ของจังหวัดคากาว่าจังหวัดหนึ่งในเขตชิโกกุ
ที่กำลังเดินลงมาตามภูเขา คือร่างทั้ง7ในชุดของคนเดินทางในสมัยก่อน พร้อมทั้งสวมหมวกปีกกว้าง
แท้ที่จริงแล้ว นักเดินทางทั้ง7นี่ก็คือปีศาจที่ปรากฏตัวให้เห็นในแถบชิโกกุ ซึ่งเชื่อกันว่าถ้าหากไปพบเข้าก็จะนำโชคร้าย
หรือแม้แต่นำความตายมาให้
และนักเดินทางทั้งเจ็ดก็กำลังเดินทางออกจากชิโกกุ เพื่อไปยัง"เมืองหลวง"
ส่วนที่เมืองอุคิโยเอะอันเป็นที่อยู่ของริคุโอะ
บนดาดฟ้าอันเป็นสถานที่ต่อสู้ระหว่างหัวหน้าปีศาจนูราริเฮียวน์กับมุจิ ปีศาจแส้สายลม
มุมหนึ่งมุจิกำลังทรุดตัวคุกเข่าอยู่กับพื้นอย่างหมดท่า ขณะที่นูราริเฮียวน์ผู้เป็นจอมปีศาจแห่งคันโตก็บอกให้มุจิเลิกล้มความตั้งใจซะ
"ยังไม่ยอมแพ้อีกเรอะ โดนดาบข้าเข้าไปแล้วยืนขึ้นมาไม่ได้อีกหรอกน่า"
ท่านปู่บอกว่าร่างกายที่แก่ตัวลง ทำให้การต้องลุกขึ้นมากวัดแกว่งดาบจีงเป็นเรื่องลำบาก
และก็บอกให้มุจิพูดออกมาก่อนจะตายซะว่าทำไมปีศาจจากชิโกกุถึงได้คิดโจมตีตัวนูราริเฮียวน์
หากแต่มุจิไม่ยอมตอบ ทั้งยังแค่นยิ้มเยาะ ก่อนจะกลายเป็นอากาศธาตุหายตัวไป
ตอนนั้นเองที่ยูระ องเมียวจิสาวตัวน้อยวิ่งตามขึ้นมายังดาดฟ้าด้วยความเป็นห่วง
ยูระตั้งท่าจะจัดการกับมุจิ แต่มองซ้ายมองขวาก็ไม่พบกับเจ้าปีศาจร้ายเสียแล้ว
ท่านปู่เลยบอกกับยูระว่าตนซ่อนตัวไม่ให้มุจิเห็น พอเจ้าปีศาจไม่พบตัวก็เลยอาละวาดทำลายตึก
ก่อนจะหายตัวไปราวกับสายลม
ยูระฟังแล้วก็แอบแค้นใจที่ตัวเองไม่ได้เรื่อง ทำให้มุจิหนีไปได้ แต่ท่านปู่ก็เล่นลูกยอบอกว่า
ไม่จริงหรอก ถ้าไม่ได้ยูระตัวเองคงตายไปแล้ว งานนี้ยูระเลยยิ้มออกที่ตัวเองสามารถ
ปกป้อง คนดีๆอย่างคุณปู่เอาไว้จากปีศาจได้ ท่านปู่จึงบอกว่า อย่างยูระต้องเป็นองเมียวจิที่ดีได้แน่
ยูระดีใจและรู้สึกมีกำลังใจขึ้นมา ก่อนจะหันไปชวนคุณปู่ของเพื่อนให้ไปกินข้าวที่บ้าน แต่หันมาอีกทีท่านปู่ก็หายตัวไปแล้ว
จอมปีศาจนูราริเฮียวน์ที่เพิ่งเสร็จสิ้นกับการต่อสู้หมาดๆกลับมายังพื้นด้านล่างและพบกับปีศาจนัตโต้ที่รอคอยด้วยความเป็นห่วง
หลังจากถามไถ่ความปลอดภัยของผู้เป็นนาย ปีศาจนัตโต้ก็เอ่ยปากให้ท่านปู่รีบกลับบ้าน
แต่ท่านปู่ปฎิเสธแล้วบอกว่าตนจะไม่กลับไปชั่วคราว ให้บอกกับทุกคนด้วย
ทำเอาปีศาจนัตโต้ตกใจเป็นอันมาก
อีกด้าน ริคุโอะที่เลิกเรียนและเสร็จจากกิจกรรมชมรมแล้วก็กำลังกลับบ้านพร้อมคานะจัง
และเหล่าผู้ติดตามที่แฝงกายในร่างเด็กนักเรียน
คานะกับริคุโอะคุยกันถึงคิโยสึงุที่มีความรู้เกี่ยวกับปีศาจได้ละเอียด
คานะบอกว่า ยิ่งฟังก็ยิ่งกลัวก็จริง แต่นั่นก็ช่วยไม่ได้ เพราะเป็นเรื่องของปีศาจ
"นั่นน่ะเป็นเรื่องธรรมดาอยู่แล้ว(ที่จะกลัว) แต่อีกด้าน ก็มีสเน่ห์นะ..."
พอได้ยินคานะพูดแบบนี้ เจ้าหญิงสึราระถึงกับทำหน้าทะมึน หันมาถามนายน้อย
ของตนว่าตกลงไอ้เย็นวันนั้นมันเกิดอะไรขึ้น
(หมายถึงเย็นวันที่ริคุโอะร่างปีศาจพาคานะไปดื่มกินที่ร้านของปีศาจแมว)
เพราะเป็นผู้หญิงเหมือนกัน ทำให้สึราระรู้ได้ไม่ยากว่าคานะสนใจในตัวนายน้อย(ร่างปีศาจ)ของตนเข้าแล้ว
จึงได้พยายามรบเร้าให้ริคุโอะบอกมาว่าเย็นวันนั้นเกิดอะไรขึ้นกันแน่
คานะที่เห็นสึราระทำท่าสนิทสนมกับริคุโอะก็มองมาด้วยสายตาสงสัย
ก่อนสองสาวจะเปิดศึกสงครามเย็นย่อยๆกัน โดยมีริคุโอะที่ไม่รู้เรื่องรู้ราวอยู่ตรงกลาง
ตอนนั้นเองที่จู่ๆเด็กชายผมเข้มในชุดนักเรียนผูกเนคไทคนหนึ่งก็ปรากฏตัวขึ้นตรงหน้าริคุโอะพร้อมกับ
เด็กอีกคนที่ดูเหมือนจะเป็นผู้ติดตาม
"ริคุโอะคุงใช่ไหม?" เขาเอ่ยทักด้วยรอยยิ้มที่ไม่ได้ให้ความรู้สึกเป็นมิตรเลย
เหล่าลูกน้องของริคุโอะพากันระวังตัวทันที แต่ริคุโอะก็หันไปห้ามอาโอตะโบให้ใจเย็นๆ
ก่อนจะหันไปมองอย่างไม่แน่ใจว่าอีกฝ่ายเป็นใคร
"ไม่สิ ไม่จำเป็นต้องถามสินะ"เด็กชายผมเรียบพูดต่อ
"ก็เหมือนกันขนาดนี้นี่นา ผมกับคุณน่ะ...
อายุน้อย แต่มีความสามารถ และมีสายเลือดเกี่ยวข้อง
แต่ว่า...คุณน่ะมีทุกอย่างในกำมือ แต่ผมกำลังจะคว้าทุกอย่างเอาไว้"
"ผมจะเป็นใหญ่ในเมืองนี้ด้วยเหมือนกัน"
เด็กชายแปลกหน้าประกาศ
ริคุโอะที่จับต้นชนปลายไม่ถูกบอกให้อีกฝ่ายรอก่อน แต่เด็กอีกคนที่เป็นผู้ติดตาม
ก็หันไปเลียแก้มของคานะจังจนเด็กสาวต้องร้องออกมาแล้ววิ่งไปหลบข้างริคุโอะ
แต่แล้วทุกคนในกลุ่มนูระรวมทั้งคานะที่อยู่ตรงนั้นด้วยก็ต้องตกตะลึงกับภาพตรงหน้า
คานะถึงกับพูดออกมาอย่างเสียขวัญว่า "อะไรกัน...นั่นมันอะไรน่ะ เมื่อกี้ไม่มีพวกนั้นอยู่ด้วยเสียหน่อย..."
และที่ทำให้คานะตกใจจนหน้าเปลี่ยนสี ก็คือการปรากฏตัวขึ้นมาจากอากาศของร่างทั้ง7
หรือก็คือหัวหน้ากลุ่มย่อยของขบวนแปดสิบแปดปีศาจแห่งชิโกกุ ที่ได้เดินทางมาถึงเมืองหลวงอันเป็นที่หมาย
และพร้อมรับคำสั่งต่อไปของผู้เป็นนาย "อินุงามิเกียวบุ ทามาสึกิ" ผู้ที่เพิ่งเอ่ยปากทักทายนูระ ริคุโอะไปนั่นเอง...
เปิดเรื่องมาที่โรงพยาบาลแห่งหนึ่งซึ่งคุณยายของโทริอิ หนึ่งในสมาชิกชมรมศึกษาเรื่องปีศาจ พักรักษาตัวอยู่
"โอ้....นัตสึจังเองเหรอ แล้วก็คุณมากิด้วย อุตส่าห์มาเยี่ยมเหรอ"
ผู้เป็นยายเอ่ยทักทายหลานสาวและเพื่อนของเธอ
"เย่ แค่ฮิบาริจังสบายดีก็ดีแล้วล่ะ"
มากิเอ่ยทักทายคุณยายของเพื่อนอย่างร่าเริงราวกับเป็นเพื่อนรุ่นเดียวกันก็ไม่ปาน
หลังจากวางของเสร็จ โทริอิ ก็หยิบนกกระเรียนกระดาษพันตัวที่ตัวเองกับมากิช่วยกันพับ
ขึ้นมาอวดให้คุณยายดู คุณยายมองของขวัญจากหลานสาวด้วยรอยยิ้ม แล้วบอกว่า
ถ้าจะแบ่งส่วนหนึ่งไปให้ "ท่านเซ็มบะ"(Senba Sama) ด้วยจะได้ไหม
พอหลานสาวทวนคำอย่างงงๆ คุณยายฮิบาริเลยอธิบายให้ฟังว่า ท่านเซ็มบะ
เป็นเทพที่คอยปกป้องดูแลพื้นที่แห่งนี้นั่นเอง
อีกด้านหนึ่ง เหล่าปีศาจจากชิโกกุก็กำลังหารือกันเพื่อหาทางโจมตีกลุ่มนูระอยู่ในห้องประชุมที่อยู่ชั้นบนสุดของตึกสูงแห่งหนึ่ง
"อินุงามิเกียวบุ ทามาสึกิ" หัวหน้ากลุ่มแปดสิบแปดปีศาจกำลังเล่าให้เหล่าลูกน้องของตนฟังถึง "มุจิ" ลูกน้องที่ส่งไปให้จัดการกับท่านปู่นูราริเฮียงว่า
ไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นกับมุจิ แต่เท่าที่ได้ยินมา ดูเหมือนว่าหัวหน้าใหญ่ของกลุ่มนูระจะ "หายสาบสูญ"ไป
อินุงามิเกียวบุบอกว่าถึงตอนนี้ทุกอย่างจึงเป็นไปตามแผน และขอให้ทุกคนปรบมือให้เกียรติแก่มุจิด้วย
และหลังจากทำให้หัวหน้าใหญ่ของกลุ่มนูระหายสาบสูญไปได้
หัวหน้าปีศาจแห่งชิโกกุก็อธิบายถึงแผนขั้นต่อไปว่าสำหรับกลุ่มนูระที่เป็นตระกูลปีศาจใหญ่ในคันโต มีพวกที่มีฝีมือเก่งๆอยู่มากก็จริง
แต่แท้จริงแล้วผู้ที่ทำให้ผู้คนเกรงกลัวได้นั้นคือพวก "เจ้าที่" มากกว่า
และแผนของอินุงามิเกียวบุก็คือ จัดการพวกเจ้าที่ในสังกัดของกลุ่มนูระออกไปเสียก่อน
ตอนนั้นเองที่ "โซเดะโมกิซามะ" (Sodemogi Sama- ท่านผู้ดึงแขนเสื้อ) ปีศาจที่เหมือนตุ๊กตาหินสวมเสื้อฟางกันฝน
ก็ออกมาอาสาจะจัดการกับเหล่าเจ้าที่ของเขตคันโตเอง
"ข้าจะเปลี่ยนให้ผู้คนหันมาเรียกชื่อของข้าแทนชื่อของเหล่าเจ้าที่ในคันโตเอง"
ปีศาจจากเกาะชิโกกุอันห่างไกลประกาศ
ความสามารถของ โซเดะโมกิ ก็คือคำสาป หากโดนจับแขนเสื้อเข้าแล้ว ถ้าไม่สละแขนเสื้อ
ข้างนั้นให้เสีย ก็จะต้องคำสาปจนตาย แม้แต่ปีศาจในกลุ่มเดียวกัน ยังต้องเกรงกลัวกับพลังอำนาจของโซเดะโมกิไม่น้อยเลยทีเดียว
และหลังจากตกลงหน้าที่กันเรียบร้อย อินุงามิเกียวบุก็ชวนให้ทุกคนเติมพลังกันก่อนออกรบ
ไม่รู้ว่าเป็นเพราะทั้งหมดต่างเป็นปีศาจจากชิโกกุ แหล่งผลิตอุด้งอันลือชื่อของญี่ปุ่นหรืออย่างไร
แต่บนโต๊ะในห้องประชุมก็มีอุด้งเรียงราย ให้ปีศาจแต่ละตนกินกันอย่างเอร็ดอร่อย ก่อนจะแยกย้ายกันไปปฏิบัติตามแผนการโค่นล้มกลุ่มนูระ
ทางด้านกลุ่มนูระที่เหลือแต่ริคุโอะเป็นผู้ดูแลสั่งการ ก็มีรายงานถึงความวุ่นวายที่เกิดขึ้นเพราะ
ปีศาจต่างถิ่นเข้ามาจากหลายมุมเมือง
ริคุโอะรู้ว่าต้องเป็นฝีมือของเด็กชายคนที่เข้ามาประกาศความเป็นศัตรูกับตนเมื่อตอนเย็นเป็นแน่
ตอนนั้นเองที่การาสุเท็งงูก็โผล่ออกมาแล้วรายงานทั้งน้ำตาว่าตามหาตัวท่านปู่ไม่พบ
ทั้งยังตีตนไปก่อนไข้ต่างๆนานา ซึ่งก็ไม่ใช่แค่การาสุเท็งงูคนเดียว แต่ตอนนี้เหล่าปีศาจในเครือกลุ่มนูระก็พากันระส่ำระสายไปตามๆกัน
พวกคุบินาชิพยายามจะปลอบให้ทุกคนสงบ แต่เหล่าปีศาจที่เป็นเจ้าที่ก็ร้องว่า
นี่เป็นปัญหาความเป็นความตายของพวกตนเลยทีเดียว
"แค่นี้ผู้คนก็ไม่เกรงกลัวในตัวพวกเราอยู่แล้ว แล้วแบบนี้จะเป็นยังไงล่ะขอรับ!!"
เมื่อเห็นเหล่าลูกน้องพากันขวัญหนี โมคุเกียวดารุมะ ผู้เป็นเสมือนมือขวาของท่านปู่นูราริเฮียง
จึงประกาศว่าตนจะรับหน้าที่เป็นตัวแทนกลุ่มนูระในเวลาที่หัวหน้าใหญ่ไม่อยู่ให้เอง
แต่ผลที่ได้กลับเป็นการเพิ่มความกลัวให้กับปีศาจชั้นผู้น้อยเข้าไปใหญ่เมื่อได้ยินว่า
ท่านปู่นูราริเฮียงไม่อยู่ให้เป็นที่พึ่งในยามวิกฤตเช่นนี้ ปีศาจแต่ละตนยิ่งขวัญกระเจิง
ทำท่าจะหนีไปให้ไกลก่อนจะถูกปีศาจต่างถิ่นจัดการ
แต่ตอนนั้นเอง เสียงอันเด็ดขาดของริคุโอะก็ห้ามทุกคนไว้
"ปีศาจน่ะ จะมาสติแตกแบบนี้ได้ยังไง!!"
เสียงของนายน้อยทำให้เหล่าปีศาจหยุดชะงัก
"ปีศาจน่ะ เป็นพวกที่ต้องทำให้มนุษย์กลัวไม่ใช่เรอะ"
และเมื่อหันมา ทุกตนก็เห็นริคุโอะกำลังยืนกอดอกด้วยท่าทางสุขุม
"ปู่น่ะก็แค่ไปเที่ยวเล่นที่ไหนเท่านั้นล่ะน่า ที่แน่ๆตอนนี้ศัตรูน่ะก้าวเข้ามาเหยียบในเขตเราแล้ว
ถ้าหากเข้ามา ก็แค่ไล่ออกไปเท่านั้นแหละ"
หลังจากทำให้ทุกคนสงบลงได้
ริคุโอะก็ประกาศก้อง
"ตั้งแต่บัดนี้เป็นต้นไป กลุ่มนูระน่ะ ผมจะเป็นคนดูแลเอง!!"
ตัดกลับมาอีกด้าน ที่โรงพยาบาลตอนต้นเรื่อง โทริอิกับมากิ กำลังเดินหาศาลเจ้าของท่านเซ็มบะ
เทพผู้เป็นเจ้าที่ของแถบนี้ตามคำบอกเล่าของคุณยายของโทริอิกันอยู่
หลังจากหาอยู่ไม่นาน สองสาวก็พบ โทริอิจึงเอานกกระเรียนกระดาษที่พับไปไหว้ท่านเซ็มบะ
พร้อมทั้งขอให้คุณยายของตนหายป่วยไวไว
ศาลของท่านเซ็มบะดูเก่าและไม่ได้รับการดูแล แต่ถึงอย่างนั้นสิ่งที่โทริอิกับชิมะมองไม่เห็นก็คือ
ท่านเซ็มบะผู้นั้นกำลังเฝ้ามองพวกเธออยู่ ด้วยปีกที่เหมือนกับนกกระเรียนกระดาษ ท่านเซ็มบะลอยอยู่บนอากาศแล้วฟัง
คำอธิษฐานของเด็กสาว พร้อมกับนึกถึงชื่อ "ฮิบาริ" ของคุณยายของโทริอิ ที่ฟังดูคุ้นหูเหลือเกิน
หากว่าตอนนั้นเองที่ โซเดะโมกิ ปีศาจต่างถิ่นคว้าหมับเข้าให้ที่แขนเสื้อของโทริอิ
พร้อมทั้งพูดด้วยเสียงหัวเราะอันน่ากลัวว่า
"มาขอเทพที่ถูกทอดทิ้งแบบนี้ไปก็ไม่ได้ผลหรอก เปลี่ยนมาเรียกชื่อของข้าแทนดีกว่า
ข้า ท่านโซเดะโมกิยังไงล่ะ"
***********
นายน้อยจะหยุดยั้งการจ้องทำลายจากระดับรากหญ้าของ
ขบวนแปดสิบแปดปีศาจจากชิโกกุได้หรือไม่ โปรดติดตาม...
ปีศาจกับเทพ
อันที่จริง คำว่า "โยไก" ที่เอาไว้เรียกพวกปีศาจในเรื่อง เป็นคำที่เอาไว้เรียกวิญญาณที่ไม่ใช่วิญญาณของมนุษย์ค่ะ (วิญญาณของมนุษย์เรียกว่า "ยูเร" อะไรที่นอกเหนือจากนั้นเรียกว่าโยไก)
เทพบางองค์ที่ได้รับการตั้งศาล เดิมทีอาจจะเป็นโยไก เป็นวิญญาณที่ผู้คนเกรงกลัว จึงได้ตั้งศาลบูชา เพื่อให้ท่านพอใจ และคอยคุ้มครองพวกตน
"โยไก" จึงไม่ใช่ "ปีศาจ"เสมอไป แ่ต่อาจจะเป็น "เทพ"สำหรับคนในท้องถิ่นนั้นๆก็ได้
ตัวอย่างง่ายๆก็คือ "จิ้งจอก" ค่ะ
หลาจี่เอย ทามาโมะ โน มาเอะเอย ต่างเป็นปีศาจจิ้งจอกที่นำความเดือดร้อนมาให้
แต่ในขณะเดียวกัน หลายท้องถิ่น จิ้งจอกก็คือเทพผู้คุ้มครอง
ถ้าหากใครได้ดูอนิเมเรื่อง wagaya no oinarisama คงพอนึกออก
"Tenko"ในเรื่องนั้นคือเทพจิ้งจอกที่คอยคุ้มครองพระเอกและครอบครัว
และคำว่า "อินาริ" ใน "โออินาริซามะ" ก็หมายถึงจิ้งจอกนี่ล่ะค่ะ
หากไปเจอศาลเจ้าไหนที่มีคำว่า "อินาริ" อยู่ในชื่อ ก็รู้ได้เลยค่ะว่าศาลเจ้านั้นๆบูชาเทพจิ้งจอก
ดังนั้น "โยไก" จึงเป็นได้ทั้งเทพ ทั้งปีศาจ แล้วแต่ว่าคนจะมองว่ายังไงค่่ะ
แล้วก็ เชื่อกันว่าจิ้งจอกชอบกินเต้าหู้ทอดค่ะ "อินาริซูชิ" จึงหมายถึงซูชิที่เป็นข้าวห่อด้วยฟองเต้าหู้ทอด
ส่วน คิทสึเนะอุด้ง/โซบะ (คิทสึเนะแปลว่าจิ้งจอก) ก็เลยเป็นอุด้ง/โซบะที่มีเต้าหู้ทอดเป็นเครื่องเคียง
โทริอิที่ถูกโซเดะโมกิจับแขนเสื้อไว้กรีดร้องพลาง
พยายามดิ้นรนให้หลุดจากการเกาะกุมของปีศาจตุ๊กตาหิน แต่มีหรือที่โซเดะโมกิจะปล่อยให้เหยื่อ
ของตนหลุดมือไปได้
"เรียกชื่อของข้าซะ!!"
มันข่มขู่เด็กสาวด้วยใบหน้าบิดเบี้ยวอันน่าสยดสยอง
ทำให้โทริอิยิ่งกลัวมากจนต้องร้องกรี๊ดออกมา
"ปล่อยนะ! ปล่อยสิ เจ้าปีศาจ!!"
แต่แล้วจู่ๆโทริอิก็ตาเหลือกค้าง หมดสติไปกลางอากาศ
ที่เป็นเช่นนั้นก็เพราะคำสาปของโซเดะโมกิ ซึ่งมอบความตายให้แก่เหยื่อผ่านทางเกาะกุมแขนเสื้อ
ของอีกฝ่ายนั่นเอง โทริอิที่ถูกจับแขนเสื้อ แม้จะพยายามสลัดให้หลุดก็ไม่สำเร็จ และตอนนี้คำสาปนั้น
ก็พุ่งตรงเข้าเล่นงานเด็กสาวเข้าแล้ว
โซเดะโมกิมองผลงานของมันผ่านทางตาที่ไม่มีเบ้าด้วยท่าทางพอใจ
แต่วินาทีเดียวกันนั้นเอง ก็เกิดรอยขาดขึ้นที่แขนเสื้อของโทริอิ ก่อนที่ไม้เท้าของ
นักพรตจะฟาดลงมา ตัดผ้าในมือโซเดะโมกิให้ขาดจากเสื้อของเด็กสาว
และผู้ที่ปรากฏตัวขึ้นก็คือคุโรตะโบนั่นเอง
มากิที่ย้อนกลับมา เห็นเพื่อนสาวของตนหมดสติอยู่บนพื้นก็ตกใจ รีบวิ่งถลาเข้าไป
หาโทริอิ จนทำให้คุโรตะโบเสียสมาธิ
โซเดะโมกิฉวยจังหวะนั้นเข้าไปคว้าแขนเสื้อของคุโรตะโบเอาไว้
หากว่าในชั่วพริบตา อาวุธนับสิบก็พุ่งออกมาจากใต้ชายเสื้อนั้น
ทำให้โซเดะโมกิต้องปล่อยมือ ล่าถอยออกไปแทบไม่ทัน
"โอ้ว!? น...นี่มันอะไรกันน่ะ"
"เจ้านั่นแหละเป็นตัวอะไรกันแน่ ทำอะไรกับเด็กคนนั้นน่ะ!!"
คุโรตะโบถามพลางฟาดฟันเข้าใส่ศัตรู แต่ฝีมือของโซเดะโมกิก็ไม่ได้กระจอกเลย
มันเบี่ยงหลบคมดาบของคุโรตะโบโดยไม่พลาดให้โดนจังๆสักครั้ง ก่อนกระโดดขึ้นไปบนต้นไม้
"ฟุฮิฮิ นึกว่าพระธรรมดาที่ไหนซะอีก ข้าน่ะเป็นผู้เชี่ยวชาญด้านการสังหารเทพคุ้มครอง
ให้สู้กับสายใช้กำลังคงไม่ไหวล่ะ"
ว่าแล้วโซเดะโมกิก็หนีไปพร้อมเสียงหัวเราะ คุโรตะโบทำท่าจะตาม แต่เสียงร้องเรียกชื่อโทริอิของมากิ
ก็ทำให้ปีศาจแห่งกลุ่มนูระต้องชะงัก
โทริอิถูกเข็นเข้าห้องฉุกเฉินของโรงพยาบาล ระหว่างนั้น คุโรตะโบกับเซ็มบะก็ยืนคุยกันอยู่ด้านนอก
คุโรบะบอกให้เซ็มบะอธิบายมาว่ามันเกิดอะไรขึ้น
"เอ๋?" เซ็มบะทำท่างงๆ
"ก็เจ้าเป็นเทพคุ้มครองของแถวนี้ไม่ใช่เรอะ?"
"อ๊ะ...รู้จักข้าน้อยด้วยหรือขอรับ"
เซ็มบะดีใจขึ้นมาวูบหนึ่งที่หัวหน้าหน่วยโจมตีแนวหน้าของกลุ่มนูระอย่างคุโรตะโบรู้จักตนด้วย
แต่คุโรตะโบก็ดันบอกว่า
"เปล่า ไม่รู้จัก"
แถมยังถามต่อไปว่า เจ้าน่ะกลุ่มนูระเรอะ? อีกต่างหาก
เซ็มบะจึงแนะนำตัวว่าตัวเองเป็นปีศาจของกลุ่มนูระ อาศัยอยู่บริเวณใกล้ๆโรงพยาบาลแห่งนี้
เป็นเจ้าประจำศาลที่เชื่อกันว่าถ้าเอานกกระเรียนพันตัวไปไหว้ โรคที่เป็นอยู่ก็จะหาย
คุโรตะโบเลยถามว่าแล้วแบบนี้เซ็มบะจะช่วยรักษาโทริอิได้ไหม เซ็มบะบอกว่าไม่ได้
เพราะที่โทริอิโดนนั้นเป็นคำสาป ทั้งยังบอกด้วยว่า
โชคยังดีที่คุโรตะโบโผล่มาขัดขวางไว้เสียก่อน ทำให้โทริอิไม่ตายในทันที แต่ถ้าเป็นแบบนี้ต่อไป
ไม่พ้นรุ่งสาง เด็กสาวคงไม่รอดแน่ๆ
คุโรตะโบฟังแล้วก็ทำหน้าเคร่งเครียด มนุษย์คนไหนก็ยังพอว่า แต่นี่คือเพื่อนของนายน้อยของตน
ไม่มีทางที่เขาจะปล่อยตามยถากรรม ไม่ดูดำดูดีได้ คุโรตะโบจึงออกไปตามหาตัวเจ้าปีศาจรูปปั้นหิน
เพื่อหาทางคลายคำสาปให้กับโทริอิ
เซ็มบะที่ถูกทิ้งไว้เบื้องหลังได้แต่สงสัยว่าทำไมคุโรตะโบถึงได้พยายามช่วยเด็กสาวคนนั้นนัก
พลางคิดด้วยว่าตัวเองก็อยากช่วยเหมือนกัน เพราะในความเป็นจริงแล้ว ตัวเซ็มบะ ก็เกิดจาก
ความรู้สึกของผู้คนที่ก่อตัวกันขึ้นเป็นเทพประจำศาลนั่นเอง
"แต่ตัวข้าน้อยหดเหลือเท่านี้ไปซะแล้ว..."
เทพที่ไม่มีคนมากราบไหว้ ก็รังแต่จะหดเล็กลงจนหายไป เซ็มบะได้แต่สมเพชตัวเองที่
แม้แต่จะช่วยเด็กสาวตรงหน้า ก็ยังทำไม่ได้
อีกด้าน คุโรตะโบที่ย้อนกลับไปในเมืองก็กำลังไม่รู้ว่าจะเริ่มตามหาเป้าหมายของตนได้ที่ไหน
ตอนนั้นเองที่เขาพบกับนายน้อยที่มากับพี่หัวขาด และอาโอตะโบเข้าพอดี คุโรตะโบจึงรายงานสิ่งที่เกิดขึ้นให้นายน้อยฟัง
ริคุโอะฟังแล้วก็ถึงกับโกรธที่นอกจากปีศาจต่างถิ่นจะกล้าย่างเท้าเข้ามาเหยียบพื้นที่ของตนแล้ว
ยังกล้าลงมือใส่เพื่อนร่วมชั้นอย่างโทริอิด้วย
อาโอตะโบฟังสิ่งที่คุโรตะโบรายงานแล้วก็เลือดขึ้นหน้า
หันไปเรียกพี่หัวขาดกับคุโรตะโบให้ออกไปลุยด้วยกัน แต่ริคุโอะก็ห้ามไว้
แล้วบอกว่านี่ไม่ใช่ปัญหาแค่ของพวกเจ้าทั้งสาม แต่เป็นปัญหาของกลุ่มนูระ
ก่อนที่จะเรียกสามพี่น้องลูกชายการาสุเท็นงูออกมา
"เรียกพวกเราหรือครับ นายน้อย"
แล้วริคุโอะในร่างปีศาจก็หันไปสั่งเท็นงูทั้งสามให้ส่งอีกาทั้งหมดในเขตเมืองออกไปตามหาตัว
ศัตรูให้พบ
อีกด้าน คุณยายของโทริอิไถรถเข็นของตัวเองมาถึงศาลของท่านเซ็มบะโดยลำพังท่ามกลางฝนที่ตกลงมา
เมื่อได้ยินบทสนทนาของนางพยาบาลว่าหลานสาวกำลังอยู่ในห้องฉุกเฉิน คนเป็นยายมีหรือที่จะไม่ห่วง
หลานของตน
คุณยายไหว้ท่านเซ็มบะ เอ่ยขอบคุณที่เคยช่วยตนกับหลานเอาไว้เมื่อครั้งก่อน ก่อนที่จะขอร้องให้
ช่วยหลานของตนในคราวนี้ด้วย
"คราวนี้ก็ได้โปรดช่วยเด็กคนนั้นด้วยเถอะค่ะ ถึงจะเป็นนกที่เด็กคนนั้นพับเองก็เถอะ แต่ได้โปรดช่วยเด็กคนนั้นทีเถอะค่ะ"
ท่ามกลางสายฝน...เซ็มบะนิ่งอึ้ง ฟังคำขอของมนุษย์ตรงหน้า...
ส่วนทางด้านนายน้อยและคุโรตะโบ ก็ตามมาจนเจอตัวโซเดะโมกิที่เดินทางมาถึงศาลเจ้าอีกแห่งหนึ่ง
"เจอตัวแล้วไง เจ้ารูปปั้นหัวโล้น"
ร่างของคุโรตะโบและริคุโอะ ปรากฏตัวขึ้นกลางหมู่อีกาซึ่งนำโดยสามพี่น้องเท็นงู
*************
-คุโรตะโบกับโทริอิ-
เคยมีคดีกันมาก่อนแล้วในตอนที่คุโรตะโบแฝงตัวมาเป็นบอดีการ์ดให้นายน้อย
คุโรตะโบแปลงกายเป็นหนุ่มออฟฟิศผมยาว แต่พอรถไฟเบรกดันล้มไปชนโทริอิ
แถมมือยังพาดไปที่หน้าอกของโทริอิอย่างสวยงามจนโดนจับข้อหาอนาจาร
ความคิดเห็น