ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    ไฟเสน่หา

    ลำดับตอนที่ #4 : ค่ำคืน

    • อัปเดตล่าสุด 2 ก.ย. 66


    “น้องโมดูนั่นสิคะ คุณภูษณ มาดูน้องโมด้วย” จีน่าเอ่ยขึ้น พลางชี้ชวน

    “โมเห็นแล้วค่ะ อย่าไปชี้สิคะ”

    “ดูท่า....คุณภูจะสนใจน้องโมนะคะ”

    “พี่จีน่า โมบอกแล้วไงคะว่าโมมีแฟนแล้ว พี่จีน่าอย่าพูดแบบนี้นะคะ”

    “แหมแต่พี่อดพูดไม่ได้นี่คะ ประเด็นที่ว่าคุณน้องไปชอบคุณภูน่ะพี่จีน่าไม่รู้หรอกนะคะ แต่ทางฝ่ายนั้นน่ะ มองคุณน้องตาเยิ้มเชียว”

    “พี่จีน่าก็...” มาริสาหน้าแดงขึ้นมาอีกที

    “พูดจริงๆนะคะ คุณภูน่ะเป็นนักธุรกิจรูปหล่อไฟแรง ทั้งรวยทั้งหน้าตาดี ธุรกิจก็ครอบคลุมทั้งห้างทั้งโรงแรม แล้วอะไรอีกหลายแหล่ ถ้าไม่ติดว่าคุณน้องมีพระเอกหล่ออย่างน้องวายุอยู่ล่ะก็ พี่จะติดต่อเป็นแม่สื่อให้เลยนะคะ” จีน่ายังคงไม่เลิกชื่นชมต่ออีก

    “โมไม่ชอบหรอกค่ะ ไฮโซขนาดนั้น ได้ยินบ่อยๆว่าพวกนี้ชอบเห็นดาราเป็นของเล่น”

    “เอาเถอะค่ะ พี่ก็ไม่อยากทำให้คุณน้องคิดมาก ก็แค่แนะนำเฉยๆเอง”

    “งั้นก็เตรียมถ่ายกันต่อเถอะค่ะ” มาริสาตัดบท ถึงเธอจะไม่ชอบพวกไฮโซจริงๆ แต่สำหรับภูษณ เธอกลับรู้สึกดีอย่างประหลาด

    ...

    ตกตอนค่ำ หลังอาบน้ำเสร็จ มาริสาก็โทรศัพท์หาวายุแต่คนที่รับสายกลายเป็นวิกานดาที่เรียกวายุให้มาอยู่กับเธออีกคืน

    “ฮัลโหล วายุไม่ว่าง” วิกานดาพูดด้วยเสียงเยาะเย้ย

    “เธอเป็นใคร ทำไมมือถือวาถึงอยู่กับเธอ” มาริสาถามอย่างตกใจ

    “เธอไม่ต้องรู้หรอก สิ่งที่เธอควรรู้และจำไว้ก็คือ....เลิกยุ่งกับวาซะ” วิกานดาพูดเสียงแข็งแล้วกดวางสายไปด้วยสีหน้าสะใจ

    มาริสาตกใจจนทำอะไรไม่ถูก เหตุการณ์แบบนี้ไม่เคยเกิดขึ้นกับเธอเลย เธอคิดไม่ตกว่า....ผู้หญิงคนนั้นเป็นใคร และเป็นอะไรกับแฟนหนุ่มของเธอ

    เพราะไม่สบายใจ เธอจึงโทรกลับไปอีกรอบ

    โชคดีที่ตอนนี้ วายุออกมาจากห้องน้ำ และเห็นวิกานดาถือโทรศัพท์ของอยู่

    “เอามานี่นะ” วายุอาศัยความเร็วชิงมือถือมาได้ วิกานดาทำหน้าไม่พอใจ แล้วเข้ามากอดเขา

    “ทำอะไรน่ะเก๋ โมโทรมา ขอผมคุยก่อน” วายุพยายามผลักเธอออกไป

    “แค่ให้เก๋กอดคุณก็ให้เก๋ไม่ได้หรือคะ วาจะคุยกับใครเก๋ยังไม่ห้ามเลย” วิกานดาทำเสียงหน้าสงสาร

    “อย่าพูดอะไรออกมานะ” วายุเอ่ยขอร้อง แล้วรับสาย

    “ฮัลโหล ทำอะไรอยู่คะ ทำไมรับสายช้า” มาริสาถามขึ้น ถึงแม้ไม่พอใจ แต่ก็ดีใจที่เป็นวายุรับสาย

    “ผมเข้าห้องน้ำมาน่ะ โมมีอะไรเหรอ”

    “ก็คิดถึงน่ะค่ะ ทำงานทั้งวันเลย ก่อนนอนก็เลยโทรหา...ไม่ได้เหรอคะ”

    “ได้สิ ผมก็คิดถึงโมนะ ตั้งใจทำงานล่ะ จะได้รีบกลับ” 

    “เออ...เมื่อกี๊โมโทรมารอบนึง แล้ว...”

    “ทำไมเหรอ เกิดอะไรขึ้น”

    “มีผู้หญิงคนนึงรับสาย เธอบอกว่า....ให้โมอย่ายุ่งกับวาอีก” 

    “เพื่อนวาแกล้งน่ะ เรามาเลี้ยงปาร์ตี้กันในห้อง” วายุรีบแก้ตัว

    “เหรอคะ” 

    “ผมพูดจริงๆนะ”

    “เชื่อก็ได้ค่ะ วาไม่เคยโกหกโมนี่นา”

    คำพูดของเธอ ทำเอาเขาอึ้งไป

    “เออ...แค่นี้ก่อนได้ไหม คือ....วาไม่ว่างน่ะ” วายุรีบตัดบท

    “เอาเถอะ โมก็เหนื่อยแล้ว แล้วเจอกันนะ” มาริสาวางสายด้วยความไม่วางใจ แต่ความเชื่อมั่นส่วนใหญ่ก็ยังคงอยู่ว่าเขา....คงไม่ทรยศเธอ

    จากที่เคยคิดว่าง่วง แต่พอเจอเรื่องนี้ เธอก็เริ่มนอนไม่หลับ มองลงไปจากหน้าต่าง เห็นบริเวณสระน้ำที่เธอถ่ายแบบเมื่อกลางวันดูบรรยากาศดี เลยอยากลงไปเดินเล่นให้สบายใจขึ้น

    ...

    เมื่อลงมาแล้วเธอก็ไม่ผิดหวัง บรรยากาศเย็นๆยามค่ำคืน พร้อมกับแสงดาวที่ระยิบระยับเต็มท้องฟ้า ทำให้เธอลืมความไม่สบายใจเมื่อครู่ไปได้ชั่วคราว

    เธอเหม่อมองลงไปที่สายน้ำ ทันใดนั้น อะไรบางอย่างในน้ำก็โผล่พรวดขึ้นมา

    “ว๊าย” มาริสาร้องเสียงหลง พอตั้งสติได้ก็พบว่า ผู้ที่โผล่ขึ้นมาคือ...ภูษณ

    ทั้งสองประสานสายตากันอีกครั้ง ชายหนุ่มหลบตาเธอก่อน เขารีบขึ้นมาจากน้ำ แล้วเดินตรงไปตรงเก้าอี้ที่ไว้นอนพัก ซึ่งมีเสื้อคลุมวางอยู่

    มาริสาอดไม่ได้ที่จะมองร่างกายของเขา ภูษณรู้สึกว่าหญิงสาวแอบมองจึงหันมาหา มาริสาก็รีบหลบสายตา

    “มาเดินเล่นหรือครับ”

    “ค่ะ เครียดนิดหน่อย เลยมาเดินผ่อนคลาย ไม่คิดว่าจะมารบกวนคุณ”

    “ไม่หรอกครับ ผมต่างหากที่ต้องขอโทษคุณ ทำคุณตกใจ นั่งก่อนสิครับ” เขาเชื้อเชิญให้เธอนั่งลงบนเก้าอี้อีกตัวที่ตั้งอยู่ข้างๆ

    “ว่ายน้ำบ่อยเหรอคะ”

    “เปล่าครับ แทบไม่เคยเลยด้วยซ้ำ ปกติผมไม่ค่อยได้มาดูแลกิจการที่นี่เท่าไหร่ พอมาทั้งที ก็อยากพักผ่อนบ้าง เห็นดึกๆไม่น่ามีใคร เลยมาว่ายเล่นน่ะครับ”

    “ได้ยินว่าคุณเป็นนักธุรกิจใหญ่ ท่าจะจริงนะคะ ถึงขนาดไม่ว่างมาดูแลโรงแรมใหญ่โตแบบนี้”

    “ส่วนใหญ่ผมจะดูแลห้างครับ เพราะเพิ่งเปิดได้ไม่นาน ส่วนที่นี่เข้าที่เข้าทางแล้ว เพราะมีมาตั้งแต่รุ่นคุณพ่อบริหาร”

    “ห้าง....ห้างที่เราเจอกันวันนั้นน่ะเหรอคะ” มาริสาเอ่ยถามอย่างสงสัย

    “ใช่ครับ นั่นล่ะ พอเห็นคุณเจอโจรแบบนั้น ผมเลยต้องรีบไปช่วย”

    “อ๋อเข้าใจแล้วว่าทำไมวันนั้นคุณถึงรีบมาช่วย”

    “คนสวยๆอย่างคุณ ใครจะไม่อยากช่วยครับ” ภูษณมองเธออย่างมีความหมาย มาริสาหน้าแดงขึ้นมาในความมืด

    “ดาวสวยนะคะ มองจากที่นี่ชัดกว่าที่กรุงเทพฯเยอะเลย” มาริสารีบเปลี่ยนเรื่อง

    “จริงด้วยครับ ผมก็ชอบมองดาวเหมือนกัน ทำให้รู้สึกหลุดจากเรื่องที่น่าปวดหัวทั้งหลาย ยิ่งเวลาลองนับดาวดูนะครับ เพลินมากเลย รู้สึกอยากนอนดูไปทั้งคืน”

    ทั้งคู่เงียบกันไปพักใหญ่ นอนดูดาวกันไปเงียบๆ จนกระทั่ง...ภูษณเอ่ยขึ้นมาอีก

    “แต่ถ้า....ได้ดูกับคนที่เรารัก คงมีความสุขกว่านี้นะครับ”

    “พูดเหมือนคุณไม่มี” มาริสาถามหยั่งเชิง

    “ผมยังไม่มีแฟนจริงๆครับ วันๆก็ทำแต่งาน ผู้หญิงคนไหนจะมาสนใจผม”

    “ฉันจะเชื่อดีไหมคะเนี่ย คุณออกจะสมบูรณ์แบบไปซะทุกด้าน ผู้หญิงที่ไหนไม่ชอบก็คงบ้าแล้วล่ะ”

    “ถ้างั้น....รวมคุณด้วยรึเปล่าครับ”

    มาริสาหันขวับมาจ้องตากับเขา คำถามนี้ทำให้เธอขวยเขิน แต่ก็ยังทำให้รู้สึกไม่ชอบกับลีลาเจ้าชู้ของคนข้างๆ

    “ฉันพูดถึงสาวโสดค่ะ แต่สำหรับคนมีแฟนแล้ว....อย่างฉัน คงไม่” มาริสาตอบอย่างมีชั้นเชิง

    “ผมขอโทษนะครับที่ปากพล่อยไปหน่อย ผมไม่ได้มีเจตนาจะจีบคุณหรอกนะครับ” ภูษณยิ้มเจื่อนให้เธอ เมื่อรู้ตัวว่าขำพูดอะไรผิดไปซะแล้ว

    “ฉันคงต้องขอตัวก่อนนะคะ ง่วงแล้ว” มาริสาตัดบท กลัวความรู้สึกตัวเองจะเตลิดไปไกลกว่านี้

    “ผมไปส่งที่ห้องนะครับ” ภูษณรีบอาสาตัว

    “อย่าเลยค่ะ เดี๋ยวใครเห็นเข้าคงไม่ดี คุณอยู่ในชุดนี้ด้วย” มาริสาก้าวฉับๆออกไป ภูษณตบปากตัวเองเบาๆที่พูดพล่อยออกไปจนเธอหนีเตลิดไปแล้ว

    ส่วนมาริสากลับมาถึงห้อง ก็ยังคงนึกถึงหน้าและเสียงของเขา โดยที่เธอก็ไม่เข้าใจว่าทำไมเธอถึงอ่อนไหวไปกับเขาได้รวดเร็วขนาดนี้

    ...

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×