คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #2 : เส้นทางที่มืดมน
มืด...
มืดมาก...
มองอะไรไม่เห็น...
นี่มันเกิดอะไรขึ้นนะ ทำไมฉันลืมตาแล้วแต่มืดไปหมดเลย หรือว่าฉันอยู่ในห้องมืดกันแน่...
“ป่าน ฟื้นแล้วหรือลูก” เสียงแม่นี่นา รู้สึกเหมือนแม่มาจับแขนฉัน แต่ทำไมฉันไม่เห็นอะไรเลย
“แม่ แม่ทำไมหนูไม่เห็นแม่” ฉันถามออกไป
“เป็นอย่างที่คุณหมอบอกจริงได้ด้วย”
“แม่เกิดอะไรขึ้นกันแน่ นี่ป่านอยู่ไหน แล้วโอมล่ะ โอมอยู่ไหนคะ หนูไปส่งเค้าไม่ทัน”
“ใช่จ้ะ หนูไปส่งโอมไม่ทัน เค้าไปอังกฤษแล้วจ้ะ เขาโทรมาหาแม่เมื่อกี๊เอง แม่เล่าเรื่องลูกให้เขาฟังไปแล้ว”
“แล้วโอมเขาโกรธมั้ยคะ เขาโกรธหนูใช่มั้ย”
“ไม่หรอกจ้ะ เขาคงเข้าใจ”
“แล้วหนูเป็นอะไรไปคะ หนูจำได้ว่า...ว่า..รถมอเตอร์ไซด์คว่ำ แล้วหนูก็กระเด็น..”
“จ้ะ วินมอเตอร์ไซด์คนนั้นเค้าพาลูกมาส่งโรงพยาบาลจ้ะ แม่จ่ายค่ารถกับค่ารักษาพยาบาลเขาไปแล้ว”
“แม่ยังไม่ตอบหนูเลยนะ ว่าหนู..ทำไมมองไม่เห็น ใครเอาอะไรมาปิดตาหนูไว้เหรอคะ ก็ไม่มีนี่นา หรือเราอยู่ในห้องมืด” ฉันเอามือมาลูบที่ตา แต่มันก็ไม่มีอะไรปิดอยู่เลย
“คือ...ลูก..คือ..ใจเย็นๆก่อนนะ เดี๋ยวรอคุณหมอมาตรวจอีกที” แม่พูดเสียงตะกุกตะกัก
“หนูรอไม่ไหวแล้วค่ะ บอกหนูมาสิคะ”
“คือ ที่หมอตรวจเบื้องต้นก่อนหนูจะฟื้น..สมองของหนูได้รับความกระทบกระเทือน จนประสาทการมองเห็น..อาจมีปัญหา”
“หมายความว่า..หนูจะ..ตา..บอด”
“อย่าพึ่งพูดแบบนั้นสิจ๊ะ หนูยังมีสิทธิมองเห็นนะ หมอบอกว่าอาจจะเสื่อมชั่วคราว” แม่พยายามปลอบใจฉัน
“แล้วถ้ามันถาวรล่ะคะ หนูจะเป็นคนตาบอดเหรอ หนูจะตาบอด ฮือๆๆ แล้วโอมเค้าจะคิดยังไง”
“เค้าบอกว่าเป็นห่วงหนู แล้วถ้าว่างเค้าจะโทรมาหานะลูก”
“ฮือๆๆ” แล้วฉันก็พูดอะไรออกมาไม่ได้อีก ได้แต่ร้องไห้ออกมาแบบนี้ ทำไมกันนะ ทำไมฉันต้องเป็นแบบนี้ ฉันตาบอด ฉันตาบอดแล้ว ฮือๆๆๆ
...
คนตาบอด...
เมื่อวานนี้มันยังเป็นสิ่งไกลตัวฉันอยู่เลย แต่ตอนนี้มันกับใกล้ตัวฉันจนถึงขนาดนี้ ทำไมชีวิตในความมืดมันถึงดูแย่ขนาดนี้นะ โลกใบใหญ่ที่สดใส กลายเป็นโลกใบเล็กที่มีแต่ความโหวงเหวงวกวน หันไปทางไหนก็ไม่เห็นใคร นอกจากสีดำๆ ที่โดนทาไปทั่วโลกใบนี้ของฉัน โลกที่ไม่ใครอยู่ด้วยเลย แม้สักคนเดียว...
แล้วฉันก็ออกจากโรงพยาบาลหลังจากอยู่มานาน 2 สัปดาห์ ฉันยังไม่ได้รับโทรศัพท์จากโอมเลย เขาคงยุ่งกับการเที่ยว ฉันพยายามคิดแบบนี้ แต่อีกใจหนึ่งก็รู้สึกว่า เขาคงไม่คิดจะคบกับคนตาบอดอีกแล้ว แต่แม่ก็พยายามจะปลอบใจฉันว่าถึงยังไงโอมก็ต้องกลับมาเมืองไทย แต่ก็นั่นล่ะ ถึงจะอยู่ใกล้กันแค่ไหน ก็เหมือนไกลกันคนละโลกซะแล้ว...
“ป่าน ฉันซื้อเค้กสตรอเบอรี่ ของโปรดเธอมาฝาก นี่ไง สวยมั้ย” ยัยกิ๊ก เพื่อนสนิทของฉันมาเยี่ยมฉันที่บ้าน และตอนนี้คงพยายามยื่นเค้กสีสวย มาให้คนตาบอดอย่างฉันดู
“ฉันมองไม่เห็นหรอก เธอจะยื่นให้ฉันดูทำไม”
“อุ๊ยโทษที ขอโทษนะ แต่มันสวยจริงๆนะ ฉันการันตี”
“สวยนัก เธอก็กินไปเถอะกิ๊ก” ฉันพูดอย่างเบื่อๆ
“ขอบใจจ้ะป่าน อ๊าย ไม่ได้สิ ฉันซื้อมาให้เธอกินนะ”
“แต่ฉันไม่อยากกิน”
“อย่าตรอมใจสิ ตาบอดแล้วจะยังจะอยากผอมเป็นผีอีกเหรอไง”
“ใช่สิ ฉันมันตาบอด” ฉันตัดพ้อตัวเอง
“นี่ฉันไม่ได้ตั้งใจว่าเธอนะ อย่าโกรธนะ” กิ๊กพยายามขอโทษฉัน
“อืม ฉันเข้าใจ” ยัยกิ๊กก็เป็นแบบนี้ล่ะ ชอบพูดอะไรตรงๆ แต่ไม่ได้มีพิษมีภัยอะไร
“ฉันซื้อมาให้เธอกินจริงๆนะ รับไว้สิ”
“อืมๆ รับก็ได้ แล้วซื้ออะไรมาอีกรึเปล่า”
“ตอนแรกกะจะซื้อมาอีก แต่เงินหมดอ่ะ” กิ๊กพูดจบก็หัวเราะแห้งๆ
“งั้นก็ไม่ต้องซื้อแล้วล่ะ อย่าเปลืองเงินเลย”
“แต่ฉันอยากให้นี่นา จะได้หายไวๆ”
“แค่ส่งกำลังใจให้ก็พอ”
“จ้ะๆ แบบนั้นก็ได้ เออ..ฉันนัดพี่เป้ไว้อ่ะ ต้องไปแล้วนะ”
“ไปสิ อิจฉาจัง ได้ไปเที่ยวกับแฟน”
“โถๆ เดี๋ยวโอมเขาก็กลับมาแล้ว”
“คงหนีบแฟนฝรั่งมาด้วย”
“อย่าคิดแง่ร้ายสิ เขาไม่ใจร้ายแบบนั้นหรอกมั้ง”
...
ชีวิตของฉันผ่านไปอย่างเอื่อยๆ ฉันทำได้แค่ฟังเพลงไปวันๆ กับการดูโทรทัศน์แล้วฟังแค่เสียง กินขนมที่เพื่อนๆซื้อมาฝาก อยู่อย่างเดียวดาย ถึงแม้จะมีแม่ที่ลางานมาอยู่ใกล้ๆก็เถอะนะ
“อ๊าย ยัยตาบอด ซุ่มซ่ามจริงๆ” เสียงนางร้ายจากละครเก่าที่นำกลับมาฉายใหม่ตอนกลางวัน เป็นเรื่องที่เมื่อก่อนฉันไม่เคยคิดจะดู แต่ตอนนี้ฉันอยากดูเหลือเกิน เพราะมันเกี่ยวกับนางเอกที่ตาบอด
“ขอโทษค่ะ ฉันไม่ได้ตั้งใจ ฉันมองไม่เห็น”
“น่ารำคาญจัง”
“ขอโทษจริงๆค่ะ”
“พอๆเลิกขอโทษซะที ถ้าจะให้ดี แกช่วยไปให้พ้นๆเลยนะ”
“หยุดนะพิไล หยุดว่าแก้วตาได้แล้ว”
“พี่ศาสตร์...”
ฉันไม่ได้สนใจฟังอะไรในโทรทัศน์ต่อไป เพราะในหัวฉันมีแต่ประโยคนั้น...
ไปให้้พ้นๆ
“อ๊ายๆๆๆ” ฉันร้องออกมาดังๆ
...
ความคิดเห็น