คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #1 : บนรถเมล์
Noey Part :
คุณเคยแอบชอบใครอยู่ห่างๆรึเปล่า เคยแอบมองเค้าอยู่ที่ป้ายรถเมล์ทุกเช้า รอที่จะได้ขึ้นรถเมล์พร้อมเขา แค่นั้นก็สุขใจแล้ว และไม่ขออะไรมากไปกว่านี้อีก
ถ้าคุณเคยเป็น..งั้นฉันก็มีเพื่อนแล้วน่ะสิ ใครจะหาว่าฉันโง่รึเปล่านะ กับการกระทำแบบเนี้ย...
แล้ววันนี้ฉันก็มายืนรอเขาอีกแล้ว ฉันไม่รู้หรอกนะว่าเขาชื่ออะไร หรือมีประวัติยังไง ฉันรู้เพียงแต่เค้าเรียนที่เดียวกับ เป็นรุ่นพี่ฉันเท่านั้นล่ะ เพราะเพียงแค่นั้นก็พอแล้ว...
นั่นไงเขามาแล้ว รถเมล์ก็มาพอดี เขาวิ่งกระหืดกระหอบมาขึ้นรถเมล์ เท่จัง ตายล่ะ นี่ฉันก็ต้องขึ้นรถเมล์คันนี้เหมือนกันนี่...
ทำไมรถเมล์มันแน่นชะมัดยากเลยนะ ฉันยืนอยู่ด้านหลังเขา เพียงแค่ได้มองหลังของเขาฉันก็อายม้วนต้วนแล้วล่ะ ฉันเป็นบ้าหรือว่าโรคจิตรึเปล่านะ
ฉันมัวแต่เพ้อถึงเค้า จนไม่ได้รู้สึกเลยว่า ข้างหลังมีคนพยายามจะจับก้นฉันอยู่นั่น...
ฉันหันไปมองไอ้หื่นกามนั่น มันทำหน้าตาทุเรศชะมัด ขณะที่มือจับก้นฉันไป ฉันจะทำไงดีเนี่ย
ฉันหันกลับมา และต้องประสานสายตากับเขาคนนั้นที่หันมา พลางมองฉัน แล้วทำหน้าแปลกๆ เขาคงไม่ชอบหน้าฉันล่ะสินะ
เขาเดินเบียดเข้ามาใกล้ๆฉัน แล้วเลยไปหาไอ้คนลามกด้านหลัง
เปรี้ยง!!!
หมัดลุ่นๆของเขา ชกเข้าเต็มหน้าไอ้หื่นกาม ถ้าไม่มีคนยืนเบียดกันอยู่ มันคงล้มหัวกระแทกพื้นไปแล้วแน่ๆเลย มันหันมามองหน้าเขาและฉันนิดนึง ก่อนจะรีบวิ่งลงรถเมล์ไป
“ทีหลังหัดระวังตัวซะมั่ง” เขาพูดพึมพำ ขณะเดินผ่านฉันกลับไปยืนอยู่ที่เดิม ทำไมเขาถึงสุภาพบุรุษอย่างนี้นะ ฉันเกือบจะคิดไปไกลว่า เขาเป็นห่วงฉัน แต่มันคงไม่ใช่หรอก ผู้ชายที่ดีก็ทำแบบนี้กับทุกคนนั่นล่ะเนอะ...
รถยังคงเคลื่อนต่อไปอย่างช้าๆ ขณะที่ฉันกำลังเพ้อไปไกลถึงเขา...
“นี่ ไม่ลงรึไง ถึงแล้วนะ” เสียงหนึ่งดึงฉันออกมาจากความเพ้อฝัน จะใครที่ไหนล่ะ เขานั่นเอง เขารู้เหรอเนี่ยว่าฉันเรียนที่เดียวกับเขา หรือเขาก็สนใจฉันอยู่เหมือนกัน
“เป็นอะไร อึ้งทำไมล่ะ” เขาถามฉัน ฉันก็คงคิดไปเองอีกแล้ว ก็หน้าอกปักอักษรย่อชื่อโรงเรียนไว้ซะตัวใหญ่ ใครจะไม่รู้ล่ะ
“เปล่าค่ะเปล่าๆ” ฉันส่ายหัวแล้วรีบลงรถเมล์
เขาลงจากรถมา ก็เดินนำลิ่วๆไป ทำไงดีนะ ความรู้สึกอยากคุยกับเขา มันเริ่มเข้ามาเรื่อยๆ ฉันต้องหาอะไรมาคุย
“เออ พี่คะ” ฉันตะโกนเสียงดัง
“มีอะไร” เขาหันมาถาม
“คือ..ขอบคุณมากเลยนะคะ”
“ไม่จำเป็น” เขาส่ายหัวเล็กน้อย แล้วเดินต่อไป ฉันรวบรวมความกล้า วิ่งตามเค้าไป...
“เออ ฉันชื่อ เนยนะคะ พี่ล่ะคะชื่ออะไร” ฉันถามเขาจบ เขาเดินช้าลง และกำลังจะหันมาหาฉัน
เสียงริงโทนโทรศัพท์ของพี่เขาดังขึ้นมา เขาหันกลับไปรับโทรศัพท์
“ฮัลโหล แอนเหรอ มีอะไร อย่างอนสิ ติดธุระจริงๆ” เขาพูดด้วยเสียงที่ฟังดูมีความสุข แล้วเดินจากฉันไป จบแล้ว เขามีแฟนแล้ว ฉันก็คงต้องยืนแอบมองเขาอยู่ในมุมใดมุมหนึ่งล่ะสินะ...
...
ฉันพยายามจะไม่คิดเรื่องนี้ในชั่วโมงเรียน ฉันรู้สึกเหมือนตัวเองหึงอยู่ตลอดเวลา ฉันมีสิทธิ์อะไรนะที่จะหึงเขา ฉันมันบ้าจริงๆเลย
ตุ้บ!!!
ลูกฟุตบอลตกลงบนโต๊ะที่ฉันกับมิลค์ เพื่อนสนิทของฉันนั่งทำการบ้านกันอยู่ตอนเย็น ฉันมองหาคนเตะ และฉันก็เห็นเขา...
เขาจริงๆ ผู้ชายคนนั้นที่ฉันแอบชอบ เขากำลังจะเดินมาเก็บลูกฟุตบอลแล้ว ไม่นะ ฉันไม่อยากให้เขาเจอฉัน
“ยัยเนย ทำอะไรน่ะ” เนยถามเมื่อเห็นฉันก้มลงไปอยู่ใต้โต๊ะ
“ฉันหายางลบน่ะ ยางลบหล่น”
“ก็มันอยู่บนโต๊ะนี่ไง”
“คือ..”
“เออ..น้องครับ ขอลูกฟุตบอลพี่คืนด้วย” เสียงที่ฉันฟังเพียงครั้งเดียวก็จำได้ พูดกับมิลค์
“นี่ค่ะ” ฉันแอบมองเห็นมิลค์ยื่นให้เขา
“พี่ขอโทษนะ ที่เตะมาน่ะ น้องไม่เจ็บใช่มั้ยครับ”
“ไม่ค่ะ พี่เตะมาบ่อยๆก็ดีนะคะ”
“แหะๆ” เขาหัวเราะแห้ง แล้วเดินจากไป ฉันค่อยๆกลับมานั่งบนเก้าอี้
“เธอก็มัวแต่ก้มงุดๆอยู่ได้ เลยไม่เห็นฉันคุยกับพี่ไตเติ้ลเลย” มิลค์ทำหน้าปลื้มใจ
“มิลค์รู้จักเค้าเหรอ” ฉันถามอย่างสงสัย
“เค้าออกจะดังในม.6 เธอนั่นแหละไปอยู่หลังเขาที่ไหน คนอะไรหล่อก็หล่อ เล่นกีฬาก็เก่ง เตะบอลไม่เคยพลาด” มิลค์เริ่มลอยไปไกล
“แล้วที่เตะมานี่ล่ะ” ฉันถามกลับ
“ก็..เค้าอาจจะตั้งใจมั้ง อาจจะรู้สึกชอบฉัน อะไรประมาณเนี้ย”
“จริงสินะ เป็นไปได้” ยัยมิลค์ออกจะสวย ถ้าเขาตั้งใจเตะมาจริง ก็คงมาหามิลค์ ไม่ใช่ฉันคนนี้...
“ดูสิ นั่นไง เท้เท่” มิลค์ยิ้มน้อยยิ้มใหญ่ พลางชี้ให้ฉันดูเขาที่กำลังเตะบอล แปลกชะมัดเลย ทำไมฉันถึงไม่รู้จักแม้แต่ชื่อเขา ในขณะที่ยัยมิลค์ถึงรู้จักล่ะ
“เมื่อกี๊เธอบอกว่าพี่เขาชื่ออะไรนะ”
“ชื่อไตเติ้ลจ้ะ น่ารักใช่มั้ยล่ะ”
“พี่เขาดังมากเลยเหรอ”
“ก็พอสมควรเลยล่ะ มีสาวๆปลื้มตั้งเยอะ แถมเค้าลือกันว่า... 555 ไม่พูดดีกว่าเขิน”
“อะไรหรอ”
ยัยมิลค์ทำทีให้ฉันยื่นหูไปใกล้ๆ
“ฉันก็ไม่รู้อ่ะนะ แต่เห็นเขาลือกันว่า เขามีปานแดงรูปหัวใจที่ก้น”
“บ้าน่ะ มีแต่ในละครหลังข่าวเท่านั้นมั้ง”
“นี่สองสาวมาอยู่นี่เอง ฉันหาซะแทบแย่” เมอีกหนึ่งเพื่อนสนิทของฉัน นั่งลงข้างๆฉัน พร้อมกับหอบแฮกๆ
“มีอะไรเหรอ” มิลค์ถาม
“เห็นเค้าบอกกันว่า มีสำนักหมอดูมาเปิดที่แถวๆโรงเรียนเราน่ะ สนใจมั้ย” เมบอก
“หมอดงหมอดูอะไร ไม่เห็นจะน่าเชื่อเลย” มิลค์ส่ายหน้า
“ไปหน่อยเถอะน่า ฉันสนใจนี่นา เนย เธอก็ไปนะ” เมหันมาชวนฉัน
“ไปก็ไปสิ” ฉันบอก มิลค์พยักหน้านิดๆอย่างเบื่อๆ
...
“พอเหอะยัยเม เรากลับกันเหอะ” มิลค์พูดด้วยเสียงสั่นเครือ ขณะที่เดินเข้ามาในตรอก ซึ่งเป็นที่ตั้งของสำนักหมอดูที่เมพูดถึง
“อีกนิดเดียว” เมพูดอย่างนี้เป็นครั้งที่ร้อยแล้ว
“ทางเปลี่ยวขนาดนี้ ฉันว่าจะเจอโจรก่อนเจอหมอดูบ้าบอนั่นน่ะสิ” มิลค์โวยวาย
“อย่าลบหลู่นะ”
“ฉันจะลบหลู่จะทำไม”
“พอเหอะน่าอย่าทะเลาะกันเลย” ทำไมฉันต้องเป็นตัวประสานรอยร้าวให้ยัยสองคนนี้ด้วยนะ ก็เธอสองคนต่างกันสุดโต่งน่ะสิ ถ้าไม่มีฉัน สองคนนี้คงไม่ได้มาเป็นเพื่อนกันหรอก
“ฉันก็ไม่ได้อยากทะเลาะนักหรอก ว๊ายนี่ไงถึงแล้ว” เมร้องอย่างดีใจ เมื่อมาถึงบ้านเก่าๆ ที่มีป้ายฝุ่นเขรอะ เขียนว่า ‘สำนักหมอดูตาทิพย์’ ติดอยู่
“แน่ใจนะว่าเขาพึ่งมาเปิดน่ะ ฝุ่นเขรอะขนาดนี้” ยัยมิลค์ถามได้ตรงใจฉันเปี๊ยบเลย
“ก็เห็นที่โรงเรียนพูดกันนี่ เถอะน่า มาแล้ว เข้าไปกันเหอะ” เมดันเราสองคนไปที่ประตู
“ฉันว่ามันน่ากลัวนะ” ฉันพูดเสียงกุกกัก
“อย่าขี้กลัวนักเลย ไม่มีอะไรหรอก”
“เธอก็เข้าไปเองสิยัยเม”
“เราเป็นเพื่อนกันนะมิลค์”
“แล้วถ้าฉันเป็นอะไรไป เธอจะรับผิดชอบได้มั้ยฮะ” มิลค์ยังโวยวายไม่หยุด
“เนย เคาะประตูสิ” เมบอกฉัน
“ทำไมต้องเป็นฉันล่ะ” ฉันบ่นเบาๆ แต่ก็จำใจ เอื้อมมือไปที่ประตูแต่ว่า
เอี๊ยด
“อ๊าย” เราสามคนกรี๊ดออกมาอย่างไม่ได้นัดหมาย เมื่อประตูเปิดออกมาเอง
“อะไรอ่ะ ฉันไม่เอาแล้ว” มิลค์ทำท่าจะร้องไห้
“คงเป็นแค่ลมน่ะ อย่าคิดมากเลย เข้าไปเถอะ” ยัยเมนี่ก็พยายามจริงๆ
“เข้าก็เข้า” มิลค์หันมามองฉัน แล้วเราสามคนก็ค่อยๆเดินช้าๆเข้าไปในบ้าน
ปั้ง
ประตูปิดลง อ๊ายนี่มันเรื่องบ้าอะไรเนี่ย...
...
หวัดดีคุณผู้อ่านที่น่ารักทุกๆคน ดีใจจังที่ได้แต่งเรื่องใหม่มาให้ลองอ่านกัน ชอบไม่ชอบยังไง มันขัดๆตรงไหนก็บอกมานะเราจะได้แก้ไข
เรื่องนี้เราจะแต่งให้ใช้คนเล่าหลายคนนะ บางทีเริ่มๆมาอาจจะงง ก็ขออภัยมา ณ ที่นี้ด้วยนะ bYe LoVe <^))><
ความคิดเห็น