ตอนที่ 5 : บทที่ 5 [คำโกหกแสนหวาน มอบให้กับชายหนุ่มผู้หลงอยู่ในห้วงแห่งรัก]
เรย์เฟลอร์นั่งบนเตียงเก่า ๆ ที่มีฝุ่นเกาะภายในห้องที่ถูกก่อด้วยหินแบบหยาบ ๆ หน้าต่างที่มีแสงจันทร์ลอดสาดส่องกระทบลงกับเสี้ยวหน้าที่เรียบสงบของเขา
แขนข้างหนึ่งของตนแปลงสภาพกลายเป็นกรงเล็บมังกร ก่อนที่เขาจะปล่อยหยดพิษลงบนพื้นหินที่ถูกขัดและดูทนทาน หากแต่มันก็ถูกกัดกร่อนโดยพิษกรดนั้นอย่างง่ายดาย
ทหารของราชวังที่ยื่นเฝ้าอยู่ได้ยินเสียงซู่ซ่าก็เหลือบตามอง พบภาพของมังกรหนุ่มกำลังเล่นกับพิษตัวเองก็หน้าซีดเผือด
เย็นไว้ไอ้ชาย ตอนนี้มันอยู่ในคุก มันทำอะไรเราไม่ได้
กระทั่งเขาได้ยินเสียงซู่ซ่านั่นดังขึ้นอีกรอบบนลูกกรง
เมื่อหันไปมอง
อิฉิบหาย พิษกรดนี่มันละลายเหล็กลูกกรงได้!
“จ-เจ้า หยุดเดี๋ยวนี้ หยุดพิษของเจ้าเดี๋ยวนี้”
“แตกตื่นไปทำไม ไม่ใช่ว่าคุกหลวงของราชวังแข็งแกร่งที่สุดในอาณาจักรแล้วหรือไร” เรย์เฟลอร์กล่าวเรียบ ๆ ก่อนจะหยดพิษกรดเกสรเพิ่ม
ทหารร้องเมื่อส่วนหนึ่งของมันกระเด็นมาโดนเกราะเหล็กของเขา และเมื่อเห็นมันลุกลามขยายแผ่กว้างอาณาเขตการกัดกินขึ้นก็รีบถอดออกและโยนทิ้ง ก่อนจะวิ่งออกไปจากบริเวณห้องขัง คาดว่าน่าจะไปแจ้งผู้ที่มียศสูงกว่า
“ออกมาสิ” เรย์เฟลอร์กล่าวในความเงียบ
“ให้ตายเถอะ พิษเจ้ามันกลิ่นหอมชะมัด ไม่น่าเชื่อว่าจะอันตรายถึงขนาดนี้” อาเวลที่โผล่มาตรงซี่กรงของหน้าต่างกล่าวเมื่อมองพิษที่ยังคงกัดกร่อนพื้นขัด ลูกกรง และเกราะหนักอยู่อย่างขยันขันแข็ง
“ถอยไป” เรย์เฟลอร์พูด
บนหน้าของอาเวลที่ตอนนี้กำลังขี่อยู่บนต้นคอของอิกเลียสมีความ ‘อิหยังวะ’ ติดอยู่เต็มไปหมด แต่ถึงกระนั้นก็ดึงให้ร่างของอิกเลียสถอยออกมา
มังกรบุปผาเดินถอยหลังออกไป ยกมือขึ้น เวทสีม่วงประกายชมพูดูมุ้งมิ้งระยิบระยับก่อตัวขึ้น ก่อนที่มันจะ
ตู้ม
กำแพงหายไปในพริบตา
อาเวลอ้าปากค้าง
เคยได้ยินมาจากกราเชียสอยู่เหมือนกันว่าพลังของเรย์เฟลอร์มีเยอะจนใช้ยังไงก็ใช้ไม่หมด ต่อให้จะใช้บ่อยเท่าไรก็ตาม แต่เขาไม่ค่อยได้เห็นเรย์เฟลอร์ทำอะไรนอกจากเป็นพาหนะให้กราเชียสและระวังหลังให้อัศวินคู่หู ภารกิจกำจัดปีศาจส่วนใหญ่กราเชียสก็จะเป็นคนลงมือ ดังนั้นนี่จึงเป็นการที่เรย์เฟลอร์ใช้เวทระเบิดให้อาเวลเห็นครั้งแรก
ส่วนอิกเลียสก็ไม่ได้ออกความเห็นใด ๆ ระลึกเพียงแค่ว่าตนนั้นไม่สามารถเทียบกับมังกรผู้ครอบครองศาสตราที่แข็งแกร่งที่สุดแห่งยุคนี้ของเผ่าพันธุ์มังกรได้
แต่เขาก็จะปกป้องอาเวลเอง
ปีกสีชมพูเหลือบม่วงสยายใหญ่ออกมาบนหลังกว้างของเรย์เฟลอร์ พร้อม ๆ กับเรียวหางยาวที่ประดับด้วยคริสตัลสีใสระยิบระยับล้อแสงจันทร์ ทั้งหมดทั้งมวลทำให้ร่างกำยำของมังกรหนุ่มสง่างามยิ่ง
ร่างกึ่งมนุษย์กึ่งมังกรถูกใช้งานเมื่อไม่มีผู้โดยสาร เรย์เฟลอร์ขยับปีกเล็กน้อยเพื่อความคุ้นเคย ก่อนจะกระพือมัน ลมหอบใหญ่เกิดขึ้น พร้อม ๆ กับร่างของเจ้าตัวที่ลอยขึ้นมาในอากาศอยู่ในระดับเดียวกับอาเวล
แขนของเรย์เฟลอร์ยื่นออกมาข้างหนึ่ง เจ้าตัวพึมพำอะไรสักอย่าง ดวงตาสีฟ้าอ่อนเรืองรองขึ้นมาความมืดมิด จบการร่ายเวทที่ลงท้ายด้วยคำว่า ‘จงมา’ จากนั้นรออยู่ครู่หนึ่ง ดาบใหญ่และหนักของเรย์เฟลอร์ที่คาดว่าน่าจะถูกยึดไปตอนถูกจับกุมก็กลับเข้ามาอยู่ในมือของเจ้าของ
เมื่อได้ของประจำกายกลับคืนมา เรย์เฟลอร์ก็เก็บมันเข้าไปในมิติพิเศษ และหันกลับมาถามอาเวล
“ตอนนี้จะไปที่ไหนก่อน”
“ที่คฤหาสน์เดลิแบร์ของข้าพอจะซ่อนตัวรวมถึงกลิ่นอายของเจ้าได้ รีบไปกัน” อาเวลกล่าวรีบ ๆ เมื่อได้ยินเสียงของคนที่แห่กันมาทางคุกด้านใน
อิกเลียสร่ายเวทพรางตา ทำให้ร่างของพวกเขาทั้งสามแฝงกลืนไปกับอากาศ ก่อนที่จะออกบินไปด้วยความเร็วที่ไม่ได้น้อยเลย
กราเชียสกอดขาที่เปลือยเปล่าเพราะช่วงล่างถูกริบไปของตัวเอง
ชีวิตเขามาถึงจุดนี้ได้อย่างไร
จุดที่ไม่มีแม้แต่กางเกงใส่…
แต่ว่ายังดีที่ชั้นในไม่ถูกยึดไปด้วย นับว่าโรแลนด์ยังมีมนุษยธรรมอยู่บ้าง
ในห้องมืดไปหมด ห้องนี้ไม่มีหน้าต่างด้วย ตะเกียงมี แต่เขาเอื้อมไม่ถึง จะยิงเวทไฟซี้ซั้วไปเดี๋ยวก็ทำห้องไหม้ โดนไฟคลอกตายอีก
ถึงเขาจะมั่นใจว่าโอกาสการเกิดนั้นจะน้อยก็เถอะ แต่ถ้ามันเกิดขึ้นมา มันก็ไม่คุ้มใช่ไหมล่ะ
กอดเขามองไปมองมาสักพักก็รู้สึกเศร้าใจขึ้นมาแบบแปลก ๆ
ท่านโรแลนด์..บอกว่ารักเขา แต่ทำไมถึงทำแบบนี้กันนะ…
นั่งใจลอยได้สักพัก ประตูที่ดูท่าทางจะทำจากแร่วิเศษ ไม่สามารถใช้เวทใดทำลายได้ก็เปิดออก ปรากฏเป็นร่างของโรแลนด์ในสภาพที่ไม่ได้เรียบร้อยเท่าไร เส้นผมสีเหลืองทองที่แต่เดิมถูกเซตไว้ครึ่งหัวอย่างไม่เข้าใจว่าทำไปเพื่ออะไร(แต่เอาจริง ๆ กราเชียสก็ทำทรงนี้นะ)ตกลงปรกใบหน้า เวทไฟปรากฏที่ปลายนิ้วมือของอีกฝ่าย ก่อนที่นิ้วนั้นจะเคลื่อนเข้าใกล้ตะเกียง สุดท้ายแล้วไฟดวงเล็กก็ถูกดีดไปจุดลงบนเชื้อเพลิง นั่นทำให้ห้องสว่างขึ้นมาด้วยไฟสีขาวซึ่งอีกฝ่ายเสกขึ้น
ดวงตาสีน้ำตาลเข้มดูอ่อนลงและทอประกายบางอย่าง…
...ความสุขสม?
ความอิ่มเอมใจราวกับคนที่ได้ครอบครองสิ่งที่พยายามไขว่คว้ามานาน…
สายตาที่ใช้มองสมบัติแสนรัก…
สายตาที่มองคนที่เหมือนกับเป็นที่พึ่งพาของชีวิต
สายตาของคนที่เทิดทูนต่อสิ่งใดบางอย่างมาก ๆ
สายตาที่เต็มไปด้วยความอยากจะทะนุถนอม
แต่ในขณะเดียวกัน
ก็อยากจะบีบเขาให้แหลกสลายคามือ
กราเชียสขนลุกกับสายตาเหล่านั้นมาก เสมือนกับว่าพอเขารู้ว่าอีกฝ่ายคิดอย่างไรกับตน โรแลนด์ก็เลยไม่มีความจำเป็นใด ๆ ต้องปกปิดความรู้สึกที่ฉายออกมาทางสายตาอีกแล้ว ซึ่งนั่นทำให้กราเชียสรู้สึกขนลุกแบบ ขนลุกจริง ๆ
น่ากลัวกว่าฟังเรื่องผีที่พวกคนในกองทัพเล่าตอนกลางคืนอีก
“โรแลนด์?” กราเชียสลองเรียกโรแลนด์ที่ตอนนี้เหมือนกับหลงไปอยู่อีกมิติหนึ่ง มิติเล็ก ๆ ที่สร้างขึ้นมาจากความสุขสม
“หืม?” ร่างกายใหญ่โตอย่างที่กราเชียสเทียบไม่ติดเดินเข้ามา เสียงรองเท้าหนังขัดเงาที่บดลงกับพื้นกระเบื้องลายหินอ่อน ก่อนที่จะมาหยุดตรงบริเวณข้างเตียง
แน่นอนว่าตอนนี้ร่างของกราเชียสไถลไปอยู่ตรงมุมเตียงที่ห่างจากอีกฝ่ายมากที่สุดแล้ว
“ยอดรัก เจ้าเรียกข้า แต่เจ้ากลับกระถดกายหนีข้า หมายความว่าอย่างไร?” โรแลนด์ถามด้วยรอยยิ้ม ดวงตามองมาคล้ายมองสัตว์ตัวเล็ก ๆ ไร้ทางสู้
“ทักทายน่ะท่าน ท่านคิดอะไรกับการเป็นอัศวินของข้า” กราเชียสส่งรอยยิ้มแห้ง ๆ ไปให้
“ท่าน? เรียกข้าแบบธรรมดาเถิด ตอนนี้เจ้าโดนถอดยศแล้วนะ” โรแลนด์กล่าวยิ้ม ๆ
“โรแลนด์...การที่ข้าเป็นมือขวาของท่าน มันทำให้ท่านไม่พอใจหรืออย่างไร”
“ก็เปล่า เจ้าทำได้ดี...ดีมาก...เพียงแต่...”
“เพียงแต่?” กราเชียสทวน
“ข้าอยากให้เจ้ามาเป็นดัชเชสในอนาคตของข้ามากกว่า”
“!” กราเชียสผวาเฮือกเมื่อการเคลื่อนไหวอย่างรวดเร็วโดยที่เขาสามารถมองออกเป็นเพียงเงาไหววูบ รู้ตัวอีกทีร่างก็ถูกกระชากให้นอนราบกับเตียง หัวฟาดลงกับหมอนนุ่ม ๆ พอดิบพอดี ก่อนที่กายของเขาจะถูกคร่อมทับไว้ด้วยร่างของโรแลนด์
“โรแลนด์?” กราเชียสเรียกงง ๆ
“ข้าชอบยามที่ชื่อของข้าถูกเจ้าเอ่ยออกมา” ปลายจมูกโด่งเป็นสันกดลงมาที่ลำคอระหง “เรียกอีกสิ”
ฟังจากเสียงแล้ว ขออนุญาตไม่เรียกครับ
“ท่านจะทำอะไร” กราเชียสเอ่ยถาม ในใจขอร้องว่าอย่าให้เป็นแบบที่ตนคิด
“หืม” ลิ้นร้อน ๆ แลบออกมาเลียบนผิวเนื้ออ่อนนุ่มที่มีเหงื่อไหลซึม “เจ้าน่าจะรู้ตัวนะ”
“แต่เดี๋ยวก่อนท่าน...ข้าว่า เอ่อ...ก่อนอื่นเลย ท่านคิดจะทำ...”
“อืม ข้าจะถอดเสื้อผ้าเจ้า สัมผัสเจ้า และก็โอบกอดเจ้านั่นแหละ” โรแลนด์เอ่ยเสียงนุ่ม ฟังแล้วรื่นหู แต่เนื้อความทำให้กราเชียสเบิกตาแทบถลน
ดูทรงจากโรแลนด์ในตอนนี้ ท่าทางเจ้าตัวจะกลายเป็นสัตว์เพศผู้ที่กระหายในการสมสู่อย่างเต็มรูปแบบ ขัดขืนไปน่าจะแย่ ต้องผ่อนปรน…
ผ่อนปรน...ยังไงวะ?
“อ-เอ่อ...โรแลนด์” กราเชียสเสี่ยงเรียกชื่ออีกฝ่ายอีกรอบ
“ว่าไงคนดี” เสียงที่ตอบกลับมานั้นหวานนุ่มจนทำเอาใจของเขาเหลว
ไม่ใช่เหลวเพราะหวั่นไหว
เหลวเพราะกลัว
ถึงท่านพ่อท่านแม่ที่ไม่เคยเห็นหน้า ข้าจะเอาตัวรอดจากสถานการณ์นี้อย่างไรดีครับ
“ท่าน...กล่าวไว้ว่าจะให้ข้าเป็นดัชเชสของท่าน?”
โรแลนด์ยิ้ม ดวงตาสีน้ำตาลเข้มฉ่ำเยิ้มไปด้วยความรัก “อืม หลังจากที่อะไร ๆ เรียบร้อยแล้ว”
กราเชียสได้ยินคำว่า ‘อะไร ๆ’ มาสองครั้งแล้ว เขาไม่ค่อยแน่ใจ และนึกไม่ออกด้วยว่านั่นหมายความว่าอะไร แต่ตอนนี้เขาเลือกห่วงสวัสดิภาพตัวเองก่อนที่จะห่วงอย่างอื่น
“ง-งั้น เรื่องที่ดูสำคัญขนาดนี้ ไม่ทำตอนเราแต่งงานกันแล้วล่ะครับ?” กราเชียสเอ่ยด้วยน่้ำเสียงที่เรียกได้ว่าเป็นอะไรที่เย็นถึงเย็นมาก ๆ แต่เย็นแบบนุ่มนวล อารมณ์ประมาณหวานเย็นเกล็ดหิมะปั่นละเอียด ๆ
อืม...บิงซู?
ว่าแต่บิงซูคืออะไรกันนะ
เขาช่างเรื่อง ‘อะไร ๆ’ และ ‘บิงซู’ อีกรอบ มือสองข้างยกขึ้นแตะที่ผิวหน้าร้อน ๆ ของโรแลนด์
“เห็นข้าเป็นแบบนี้ แต่ข้าก็คิดว่าเรื่องครั้งแรก มันสำคัญนะครับ” จากนั้นก็พยายามฉีกยิ้มที่คิดว่านุ่มนวลอ่อนหวานที่สุดออกไป
เอาให้เป็นเบาหวานกันไปข้าง
โรแลนด์เบิกตามองรอยยิ้มนั้น นัยน์เนตรสีเข้มสั่นไหว ก่อนที่เปลือกตาจะปิดลงมา มือที่ใหญ่และอุ่นกว่ายกขึ้นทาบทับกับมือเรียวงามของกราเชียส จับมันเอาไว้ และจรดจูบที่ปลายนิ้วสีชมพูอ่อนเรื่อ เรื่อยไปถึงเรียวนิ้วที่ไร้ข้อปูดโปน แม้ตรงฝ่ามือจะสากไปบ้าง แต่ก็ไม่มากเท่าเขา
หัวหน้ากองทัพอัศวินขมวดคิ้ว ด้วยกลิ่นหอมหวานที่วนเวียนอยู่รอบ ๆ ตอนนี้ทำให้เขาแทบจะคลั่ง แต่ว่าการฟังคำพูดของดัชเชสในอนาคต...มันก็น่าจะเป็นเรื่องที่ดี
อีกอย่าง…
“เจ้ายอมเป็นดัชเชสของข้า?”
“หากท่านปรารถนา…” กราเชียสกล่าวช้า ๆ “ถ้าท่านแน่ใจว่าจัดการเรื่ององค์หญิงอเล็กเซียได้ ข้าก็จะทำตามที่ท่านต้องการ”
“เพราะรักข้า?” โรแลนด์เอ่ยด้วยน้ำเสียงที่เต็มไปด้วยความหวัง
กราเชียสเงียบ อ้าปากจะพูดหลายครั้ง แต่สุดท้ายก็ไม่ได้เอ่ยอะไร
เขา...โกหกว่าจะเป็นดัชเชสของโรแลนด์ ถ้าหากวันหนึ่งเขาหนีหายไป โรแลนด์ก็น่าจะเจ็บมากแล้ว และยิ่งถ้าโกหกว่ารักอีก…
เขาไม่สามารถย่ำยีหัวใจของคนคนหนึ่งได้มากขนาดนั้น
หัวใจของชายหนุ่มที่เต็มเปี่ยมไปด้วยห้วงความรักอันแสนหอมหวาน
เขาทำไม่ได้
“ข้า...”
“อืม...รู้อยู่แล้วล่ะ ว่าข้าหวังมากเกินไป” โรแลนด์เผยรอยยิ้มเศร้า ๆ ออกมา
กราเชียสหลบตา ไม่กล้าสบกับดวงตาของชายอีกคน
ทว่าหยดน้ำอุ่น ๆ หยดหนึ่งกลับร่วงลงมาที่ใบหน้าของเขา กราเชียสเบิกตากว้าง
“เหมือนคนบ้าเลยนะ ข้าน่ะ...” เสียงของโรแลนด์สั่นจนน่าใจหาย เขาไม่เคยได้ยินเสียงที่เต็มไปด้วยความโศกเศร้าเท่านี้จากชายอีกคนมาก่อน “พอรู้ว่าเจ้ายอมอยู่เคียงข้างก็ดีใจแทบไม่เป็นผู้เป็นคน แต่พอไม่ได้อย่างที่หวังก็...”
“โรแลนด์” กราเชียสเรียกเบา ๆ หารู้ไม่ว่าน้ำเสียงที่แหบแห้งและแผ่วเบานั้น ในความคิดของโรแลนด์ มันราวกับเป็นการเย้ายวนจากปีศาจราคะอย่างไรอย่างนั้น
มือขาวผ่องประคองใบหน้าอันหล่อเหลาราวเทพเจ้าประทานให้ของชายอีกคน ปลายนิ้วเกลี่ยเบา ๆ ที่หยดน้ำโศกนั้นพลางกระซิบ “ข้าขอโทษ...”
โรแลนด์เอียงใบหน้าซบลงกับฝ่ามืออุ่น ๆ นั่น “เจ้าไม่ผิดหรอก เป็นข้าที่อ่อนแอเกินไปเอง”
“ไม่ใช่หรอก ในสายตาข้า โรแลนด์เป็นคนที่แข็งแกร่งมาก ๆ ไม่อย่างนั้นจะมาเป็นหัวหน้ากองทัพอัศวินตั้งแต่อายุน้อย ๆ ได้ยังไง อีกอย่าง...”
โรแลนด์ช้อนตามองกราเชียส ทำให้ใบหน้าของอีกฝ่ายคล้ายกับสุนัขตัวโตที่อ้อนวอนขอความรัก
“ท่านจะแสดงถึงอารมณ์ความเป็นมนุษย์ในด้านอื่นนอกจากรอยยิ้มก็ได้นี่ อย่างไรท่านก็เป็นมนุษย์ผู้หนึ่งเหมือนกันนะ เช่นกัน ข้าก็เคยร้องไห้ ในเรื่องที่ท่านอาจจะคิดไม่ถึง”
“เรื่องอะไร?”
“ก็อย่างที่โดนท่านฉีกเสื้อไง” เห็นโรแลนด์ยิ่งทำท่าจะร้องไห้ออกมาอีกรอบ กราเชียสก็รีบเอ่ยเสริม “อีกเรื่องหนึ่งคือข้าร้องตอนที่เรย์เข้ามาเอาตัวบังข้าจากเวทระเบิด ตอนนั้นแผลเขาเหวอะหวะมาก ข้าเสียใจมากเลยล่ะ”
“...”
เอ่อ…
ทำไมบรรยากาศที่เขาบิ้วท์มามันเหมือนจะพังครืนลงทันทีที่เขาเอ่ยชื่อของเรย์เฟลอร์
แค่เอ่ยถึงคนอื่นก็ไม่ได้เหรอ…
ขี้หึงชะมัด
“แต่ แต่...ที่มากกว่านั้นคือการจากโบสถ์เมลาลินน์มาเข้าโรงเรียนอัศวิน มันน่าเศร้ามากเลยที่ต้องจากคุณพ่อและซิสเตอร์ใจดี ๆ ที่นั่นมา”
สีหน้าของโรแลนด์ดีขึ้นนิดหน่อย “แต่ว่านั่นก็ทำให้เจ้าได้พบกับข้า เรื่องนี้ข้าดีใจมากที่เจ้าไม่อยู่ประจำการเป็นบาทหลวงต่อที่โบสถ์”
“ครับ ข้าก็คิดว่าการได้เจอท่านเป็นเรื่องที่ดีเช่นกัน”
โรแลนด์ทำหน้าตาสุขปนเศร้าเมื่อได้ยินที่กราเชียสพูด “กราช เจ้าทำให้ข้ารู้สึกมีความหวังอีกรอบ”
“เหรอครับ แต่ข้าไม่ได้พูดเพื่อให้ความหวังหรือเอาใจท่านเลย สำหรับข้า ท่านน่ะเป็นคนที่สูงส่ง น่าเคารพนับถือมาก ๆ ถ้าเป็นไปได้ ถ้าไม่มีเรื่องนี้เกิดขึ้น ข้าก็คงจะได้เป็นองครักษ์ประจำกายของท่านเสียแล้ว น่าเสียดายจริง ๆ...”
อืม...เงินเดือนน่ะน่าเสียดายมาก ๆ
เขาเดาไว้ว่าตำแหน่งนั้นต้องได้เงินเดือนประมาณสามล้านเหรียญทองแน่ ๆ น่าเสียดายจริง ๆ ที่ไม่สามารถไปยืนบนจุดนั้นได้
“แต่เจ้าก็ได้อยู่เคียงข้างข้าอยู่ดี ต่อให้เรื่องจะดำเนินมาในทางนี้”
“จะว่าไป…ถ้าจะให้ข้าขึ้นเป็นดัชเชสของท่านจริง ๆ ท่านจะทำอย่างไร ในเมื่อตอนนี้ข้าเป็นทั้งคนทำให้ราชวงศ์เฮรานุสเสื่อมเสียชื่อเสียง อีกทั้งยังถูกถอดยศ แล้วถ้าให้เดาก็คงต้องถูกไล่ล่าด้วย” กราเชียสกล่าวเรื่อย ๆ ก่อนจะนิ่งไปคล้ายกับไปชนเข้ากับความเป็นจริงน่ากลัวบางอย่าง “จะว่าไป...เรย์ล่ะ?”
โรแลนด์ทำหน้าเรียบสงบเมื่อกราเชียสกล่าวถึงมังกรบุปผาตนนั้น
“ท่านโรแลนด์ เรย์ล่ะ? เรย์ตอนนี้เป็นอย่างไร? ท่านได้บอกใครไหมว่าเรย์เป็นคู่หูมังกรของข้า?”
โรแลนด์ยังคงนิ่งเงียบ
“ท่านโรแลนด์…”
“ข้าไม่ใช่หัวหน้าของเจ้าแล้ว เลือกเรียกข้าแบบนั้นสักที ต้องให้ข้าพูดอีกกี่ครั้ง”
“ท่านบอกคนอื่นใช่ไหมว่าเรย์เป็นมังกรคู่หูของข้า ตอนนี้เขาถูกจับกุมใช่หรือไม่?!”
“ต่อให้ข้าไม่บอก อย่างไรทางทหารของราชวังก็ต้องรู้อยู่แล้ว” โรแลนด์ผละจากร่างของกราเชียสและล้มตัวลงนอนตะแคงก่อนจะเอาหลังมือรองใบหน้าของตนไว้และมองมาทางกราเชียส
“แล้วตอนนี้เรย์...”
กราเชียสนิ่งไป สติกลับมาสู้ความคิด
เรย์แข็งแกร่งขนาดนั้น อย่างไรก็ไม่ถูกจับกุมได้ง่าย ๆ แน่
อย่างไรเรย์ก็ต้องมาช่วยเขาได้แน่นอน
“กราช?”
“ไม่มีอะไรครับ ข้าแค่...สงสัย เป็นเพราะว่าข้าสนิทกับเขา ก็เลยเป็นห่วง” กราเชียสนิ่งไปสักพักก็คิดว่าควรกล่าวอะไรเพิ่ม “แต่ก็ใช่ว่าข้าจะมีความรู้สึกอื่นให้เขานะครับ เขาเป็นเพียงคู่หูและสหายคนสนิทเท่านั้น”
“เหรอ...ถ้าได้ยินแบบนั้นก็ดี ข้าไม่อยากให้ดัชเชสของข้าในอนาคตมีใจให้ชายอื่นที่ไม่ใช่ข้าหรอก...”
“โรแลนด์…”
“อยากอาบน้ำไหม? ตัวเจ้าเหงื่อออกเยอะเชียว” โรแลนด์เสนอยิ้ม ๆ ถึงเขาจะชอบกลิ่นเหงื่อของกราเชียสก็เถอะ แต่คิดว่าอีกฝ่ายน่าจะไม่สบายตัว และกราเชียสก็ไม่ได้อาบน้ำมาเกือบจะอาทิตย์หนึ่งแล้วด้วย
“ได้หรือครับ?”
“อืม แต่ข้าอาบให้นะ”
…
เอ๋!
ฮัดชิ้ว
เรย์เฟลอร์จามออกมาตอนที่บินเข้าสู่คฤหาสน์เดลิแบร์
“ไม่สบาย?” อาเวลถาม
“เปล่า” เรย์เฟลอร์เก็บปีกของตนกลับเขาใต้ผิวหนังเหมือนเดิมก่อนจะเดินตามอาเวลที่เดินนำ ในคฤหาสน์เดลิแบร์มีความหรูหราเหมือนคฤหาสน์ทั่วไป แต่กลับไม่สว่างเท่าไรนัก เรย์เฟลอร์เตรียมจะจุดไฟขึ้นมาที่นิ้วแล้ว แต่อาเวลเอ่ยห้ามไว้ก่อน
“หากมีแสงสว่างมากเกินไป กับดักจะทำงานนะ”
กับดัก...นี่เป็นคฤหาสน์แบบใดกัน…
อาเวลเดินจนมาถึงห้องห้องหนึ่ง เจ้าตัวหยิบกุญแจออกมา ไข และเปิดประตูเข้าไป ให้เรย์เฟลอร์เดินเข้าไปก่อน ตามด้วยอิกเลียส ก่อนจะปิดท้ายด้วยตัวเองและจัดการล็อกประตูลง
“เอาล่ะ เรื่องกราเชียส จะทำอย่างไรกันดี” อาเวลเอ่ยเสียงเครียด
“ยืนยันแล้วใช่ไหมว่าอยู่ที่วิคเตอร์ดรัม” เรย์เฟลอร์ตอบ
“อืม เงาของอิกเลียสไปสืบมาแล้ว อยู่ที่ห้องใต้ดินของคฤหาสน์”
“แปลก คฤหาสน์ของดยุกวิคเตอร์ดรัม แต่กลับถูกสืบได้ง่าย ๆ” เรย์เฟลอร์พูด และอาเวลก็ทราบดีว่าอีกฝ่ายคงจะหมายถึงว่านี่อาจจะเป็นกับดัก
แต่ว่า
“นี่ เจ้าอย่าดูถูกอิกเลียสเชียว เรื่องความมืดน่ะ เจ้าหมอนี่เก่งแบบที่ใครเทียบไม่ได้เลย ดังนั้นไม่แปลกหรอกที่จะสืบมาได้แบบนี้”
“อืม ในเมื่อเจ้าว่าแบบนั้น”
“แผนล่ะ?”
“ระเบิดคฤหาสน์”
“...ห๊ะ?” อาเวลร้องขึ้นอย่างไม่เชื่อหู “คือ รุนแรงไปไหม?”
“สำหรับคนที่ทำแบบนี้กับกราเชียส ให้อภัยไม่ได้” เรย์เฟลอร์กล่าวเสียงเย็น
สรุปคุย ๆ เถียง ๆ กันไปสักพักก็ได้ข้อสรุปว่า ควรจะระเบิดแค่ทางลงสู่ห้องได้ดิน และระเบิดปีกขวาของคฤหาสน์ เหตุเพราะให้เรย์เฟลอร์ระบายอารมณ์
ขอไว้อาลัยให้กับวิคเตอร์ดรัมล่วงหน้า
ส่วนการดำเนินการ ก็คงจะเป็นคืนพรุ่งนี้
คิดได้แบบนั้นก็แยกย้ายกันไปนั่งคนละมุม อาเวลนั่งอ่านหนังสือเกี่ยวกับศาสตร์มืดกับอิกเลียส ส่วนเรย์เฟลอร์ก็หยิบเอาเสื้อของกราเชียสที่ยังไม่ได้ซัก เต็มไปด้วยกลิ่นของอีกฝ่ายออกมา ก่อนจะทิ้งตัวลงนอนกอดเสื้อนั้นเอาไว้
โชคดีแล้วที่หยิบออกมาตอนก่อนออกจากที่พักเมื่อครั้งนั้น ไม่อย่างนั้นเขาคงจะทนอยู่ไม่ได้มากกว่านี้
TBC.
พูดคุย :
ค่ะ ถูกจับและออกมาได้อย่างรวดเร็วภายในไม่กี่ย่อหน้า พ่อหนุ่มเรย์นี่เก่งและซูมากจริง ๆ ค่ะ
คือจะบอกก่อนว่าเรื่องนี้แต่งสบาย ๆ อ่านคลายเครียด ตัวละครก็จะซูเว่อร์ ๆ แบบนี้ไปเรื่อย ๆ ยิ่งเพิ่มตอนยิ่งซู อ่านเอามันค่ะ อย่าอ่านเอาสาระและความเป็นจริง------
นุ้งกราชก็รอดจากการถูกเจาะไข่แดงมาอย่างหวุดหวิด...รึเปล่า?
สามารถเข้ามาพูดคุยเล่นกันได้ที่ #ถูกรักมันก็ดี ในทวิตเตอร์นะคะ!
เจอกันตอนถัดไปค่า!
ภาพสปอยล์(?) : ใครน้าาาาา
จะบอกว่าเชียร์เรือเจ้าหญิงกับน้องกาเชียส(นอกคอกมาก)
แก้ไขครั้งที่ 1 เมื่อ 8 กันยายน 2562 / 14:51
แก้ไขครั้งที่ 1 เมื่อ 8 กันยายน 2562 / 14:53