ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    อียิปต์ อาณาจักรโบราณอันเป็นนิรันดร

    ลำดับตอนที่ #3 : ศิลปะอียิปต์ III

    • อัปเดตล่าสุด 14 พ.ย. 51


    มีบุคคลเพียงผู้เดียวที่สั่นคลอนกฎเหล็กแห่งศิลปะสไตล์อียิปต์ได้บ้าง เขาคือฟาโรห์อเมโนฟิสที่ 4 (Amenophis IV) ผู้ก่อตั้งอาณาจักรใหม่ (The New Kingdom) นับเป็นราชวงศ์ที่ 18 แห่งอียิปต์ ฟาโรห์องค์นี้เป็นพวกชอบคิดนอกกรอบ เขาฝ่ากฎเกณฑ์นานัปการที่ถูกกำหนดเอาไว้ เขาไม่ต้องการบูชาเทพเจ้าหลายองค์เช่นชาวอียิปต์ส่วนใหญ่ สำหรับเขามีเพียงเทพอาเต็น (Aten) หรือเทพแห่งแสงอาทิตย์เท่านั้นที่ยิ่งใหญ่ เขาถึงกับเปลี่ยนชื่อใหม่เป็น อัคนาเต็น (Akhnaten) ตามชื่อเทพเจ้าที่เขานับถือ นอกจากนี้ยังย้ายราชสำนักไปที่เทลเล-อมาร์นา (Tell-el-Amarna) เพื่อให้ห่างไกลจากวิหารที่บูชาเทพเจ้าองค์อื่นๆ เป็นที่มาของศิลปะอียิปต์ สไตล์อมาร์นา” (Amarna Art)

    ภาพที่เขาสั่งให้ศิลปินทำขึ้นอาจทำให้ชาวอียิปต์ยุคก่อนหน้าต้องตกใจกับความแปลกใหม่ ความเคร่งขรึมและความแข็งแกร่งจางไป เช่นใน รูปสลักของอัคนาเต็นกับเนเฟอร์ติติ (มเหสีของอัคนาเต็น) พร้อมลูกๆ ทั้ง 3 คน ภายใต้ลำแสงแห่งดวงตะวันซึ่งเป็นตัวแทนของเทพอาเต็นที่เขาบูชา ในรูปสลักนี้ รูปร่างส่วนลำตัวเริ่มมีการบิดให้สมจริงขึ้น มีการเคลื่อนไหวร่างกายเพื่อบ่งบอกเรื่องราวความรู้สึกที่ต้องการแสดงออกเนื่องจากอัคนาเต็นยืนกรานให้ศิลปินถ่ายทอดออกมาอย่างสมจริงที่สุด

     

    ผู้ขึ้นปกครองต่อจากอัคนาเต็นคือ ตุตันคามุน (Tutankhamun) หลุมศพของเขาถูกค้นพบในปี 1922 ในสภาพสมบูรณ์ทำให้เป็นข่าวดังไปทั่วโลก งานจากยุคนี้ยังมีกลิ่นอายของศิลปะสมัยใหม่จากยุคอัคนาเต็น (สไตล์อมาร์นา) เช่นภาพสลักบนพนักพิงบัลลังก์ของตุตันคามุน ซึ่งแสดงภาพฟาโรห์และมเหสีภายในพระราชฐาน ตุตันคามุนประทับบนเก้าอี้ในท่าทางเอกเขนกแบบที่อาจทำให้ศิลปินอียิปต์ยุคเก่าต้องส่ายหน้า มเหสีของพระองค์ก็ไม่ได้ขนาดตัวเล็กกว่าตามหลักปฏิบัติที่สืบทอดกันมา หากแต่มีขนาดใกล้เคียงกับพระสวามี พระนางยื่นพระหัตถ์ไปประทับบนบ่าขององค์ฟาโรห์ในขณะที่อาเต็น-เทพแห่งแสงอาทิตย์ส่งลำแสงที่ถูกแสดงในรูปของมือเล็กๆ มาอวยพรบุคคลทั้งสอง

     

    อย่างไรก็ดี ศิลปะสไตล์อมาร์นามีชีวิตอยู่ได้ไม่นานนัก ในช่วงของตุตันคามุนนั้นเอง หลักเกณฑ์แบบเดิมได้ถูกฟื้นฟูขึ้นมาใหม่ ศิลปะสไตล์อียิปต์แบบดั้งเดิมซึ่งมีอายุยืนยาวมาเป็นพันปีดำเนินต่อไปอีกเป็นพันๆ ปีหลังจากนั้น

    SOURCE: http://storyofart.wordpress.com/2008/06/23/art-for-eternity-%e0%b8%a8%e0%b8%b4%e0%b8%a5%e0%b8%9b%e0%b8%b0%e0%b9%80%e0%b8%9e%e0%b8%b7%e0%b9%88%e0%b8%ad%e0%b8%84%e0%b8%a7%e0%b8%b2%e0%b8%a1%e0%b9%80%e0%b8%9b%e0%b9%87%e0%b8%99%e0%b8%99%e0%b8%b4/

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×