ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    ...จุดจบที่ไม่มีวันย้อนกลับมา...

    ลำดับตอนที่ #2 : ++โลกแห่งความฝัน++

    • อัปเดตล่าสุด 6 ม.ค. 49


              เมื่อฉันลืมตาตื่นขึ้นมา ก็พบว่าตัวของฉันเองกำลังนอนอยู่ใต้ต้นไม้ใหญ่  รอบๆตัวของฉันเป็นทุ่งหญ้าที่กว้างใหญ่ที่สวยงาม



    เขียวชอุ่ม และเต็มไปด้วยบรรดาสัตว์หลากหลายชนิด ฉันได้ยินเสียงนกร้องก้องกังวาน มองเห็นดอกไม้หลากหลายสีเอนไหวไปตามสายลม



    เหมือนกำลังเต้นระบำอยู่โดยมีเสียงนกร้องเป็นเสียงดนตรี ใบไม้ใบหนึ่งปลิวตกลงมาโดนที่ใบหน้าของฉัน ฉันค่อยๆหยิบมันออกจากใบหน้า



    แล้วโยนมันไว้ข้างๆ



    ฉันมองขึ้นไปบนท้องฟ้า ก้อนเมฆสีขาวเคลื่อนไหวอย่างช้าๆ บางกลุ่มเมฆก็คล้ายๆรูปผลไม้กลมๆ ระหว่างที่ฉันกำลังมองท้องฟ้าอย่างสบาย



    ใจอยู่นั้น สายตาฉันเหลือบไปเห็นกระท่อมหลังเล็กๆ ฉันจึงเดินไปทางกระท่อมหลังนั้น เพื่อดูว่ามีใครอยู่ที่นั้นหรือไม่



    ฉันตรงไปที่กระท่อมแต่ฉันเริ่มรู้สึกว่ากระท่อมหลังนั้นไกลจากฉันไปเรื่อยๆ  ฉันเอื้อมมือไปสุดแขนเพื่อหวังว่าจะได้สัมผัสกระท่อมหลังนั้น



    ยังไม่ทันไรฉันก็ต้องหยุดนิ่งเพราะรอบตัวฉันเปลี่ยนแปลงไป จากทุ่งหญ้าสีเขียวที่งดงาม ขณะนี้กลับหายไปทุกสิ่งทุกอย่างรอบตัวของฉัน



    เป็นสีดำ มืดมิด ลมเย็นๆพัดผ่านหลังฉันไป ทำให้เสียวสันหลังวูบ ตอนนี้มันรู้สึกวังเวง ท้องไส้ปั่นป่วน



    ฉันนั่งขดตัวลงเอามือกุมท้องของตัวเอง ตอนนี้ฉันไม่ไหวแล้ว มันรู้สึกโดดเดี่ยว อ้างว้าง



    “ไม่นะ!! ช่วยยยด้วยยยยย!!!!” ฉันลืมตาขึ้นมาแล้วรีบลุกขึ้นนั่งมองรอบๆตัว



    ‘ หา! ฉันฝันไปหรือนี่ ’ ฉันเอามือปาดเหงื่อที่หน้าผาก



    “เฮ้อ! ฝันอะไรน่ากลัวจริงๆ” ฉันพูดกับตัวเองเบาๆ แล้วหยิบนาฬิกาบนโต๊ะข้างเตียง ตอนนี้เป็นเวลา ตีสามห้าสิบห้านาที



    ฉันพยายามจะข่มตาหลับอีกครั้ง  ฉันเอนตัวลงบนที่นอน ค่อยๆหลับตาลงอย่างช้าๆ ไม่นานนักฉันก็หลับไป



                    แสงแดดที่ลอดผ่านกระจกส่องเข้าที่ตาของฉัน มันทำให้ฉันแสบตา ฉันจึงค่อยๆลืมตา เพื่อให้ตาปรับเข้ากับแสงแดด



    เมื่อฉันลืมตาได้เต็มที่แล้ว ฉันก็ลุกขึ้นจากเตียง แล้วเดินไปหยิบผ้าเช็ดตัวที่แขวนอยู่บนราวตากผ้าขนาดเล็กกะทัดรัด



    จากนั้นก็ตรงไปที่ห้องน้ำเพื่อที่จะอาบน้ำเตรียมตัวไปโรงเรียน หลังจากอาบน้ำเสร็จ



    ฉันออกมาจากห้องน้ำในสภาพที่มีผ้าเช็ดตัวผืนใหญ่กระโจมอยู่ที่อก แล้วผ้าเช็ดตัวผืนเล็กๆอยู่บนบ่า



    ฉันเดินไปเปิดตู้เสื้อผ้าหยิบชุดนักเรียนม.ปลายออกมาใส่ให้เรียบร้อย



    จากนั้นฉันก็ไปนั่งทำผมหน้ากระจก ฉันมัดผมก้าวสูงๆ เพราะมันทำง่ายและเร็วดี ทำผมเสร็จฉันก็หยิบกระเป๋าเด็กเรียน



    และกระเป๋าสตางค์ที่วางอยู่บนโต๊ะคอม แล้วก้าวออกจากบ้านไปบ้านข้างๆ



    ออดดดดด...!! ฉันกดออดบ้านเอ้



    “จ้าๆ เสร็จแล้วๆ ไปกันๆ” เอ้เดินออกมาจากบ้านด้วยชุดนักเรียน ทรงผม กระเป๋า เหมือนกันฉันทุกอย่าง ฉันถึงบอกไงว่าเพื่อนสนิทฉัน



        ฉันกับเอ้เดินออกจากซอยบ้าน เพื่อมาที่ป้ายรถเมล์หน้าปากซอย



    !!ปี๊นนน ปี๊นน ปิ๊นนนน!! เสียงรถเมล์บีบแตรไล่รถเมล์แอร์อีกคันหนึ่ง เพื่อแย่งผู้โดยสารกัน



    “ขึ้นเลยๆ เร็วครับๆ ข้างหลังชิดในหน่อยได้มั๊ย เดินไปในๆก่อนเลยครับ” เสียงกระเป๋ารถเมล์ ตะโกนเพื่อให้ผู้โดยสารขึ้นคันนี้ที่มีผู้โดยสาร



    แออัดเบียดแล้วเบียดอีก ทั้งๆที่รถเมล์แอร์สายเดียวกันคันข้างหลังไม่ค่อยมีคน



    ฉันกำลังจะเดินไปขึ้นรถเมล์คันข้างหลังที่ไม่ค่อยมีคนนั่งทันใดนั้นก็มีมือชายคนหนึ่งคว้าแขนของฉันไว้ ฉันจึงหันกลับไป



    “น้องครับ! ขึ้นคันนี้เลยครับ” กระเป๋ารถเมล์คนเดิมพูด



    “มันเป็นสิทธิของหนูค่ะ ว่าหนูจะนั่งคันไหน”ฉันสลัดมือออกแล้วรีบวิ่งไปขึ้นรถเมล์แอร์ พร้อมกับเอ้ที่วิ่งตามมา



    ....แอ้ดด…. เสียงประตูรถเมล์เปิดออก ฉันค่อยๆก้าวขึ้นไปบนรถ แล้วหาที่นั่ง ไม่นานนักกระเป๋ารถเมล์ผู้หญิงก็เดินตรงมาทางฉันกับเอ้



    “ลงตรงไหนค่ะ”กระเป๋ารถเมล์แอร์พูดจาไพเราะด้วยใบหน้ายิ้มแย้ม



    “ลงตรงห้างโลแลนด์สองคนค่ะ” ฉันยื่นแบ๊งค์ห้าสิบไปให้



    “ค่ะ! นี่ค่ะเงินทอน” ฉันรับเงินแล้วเก็บใส่กระเป๋าสตางค์



        การเดินทางจากบ้านของฉันถึงโรงเรียนของฉัน  ถ้ารถไม่ติดก็คงใช้เวลาแค่ครึ่งชั่วโมง  แต่ถ้ารถติดก็ชั่วโมงครึ่ง



    ยิ่งวันไหนถ้ารถติดแบบไม่ขยับเลยนะไม่ต้องหวังที่จะไปโรงเรียนเลย ระหว่างทางฉันคุยกับเอ้



    แล้วก็นั่งมองวิวทิวทัศน์นอกหน้าต่างก่อนถึงโรงเรียนทุกๆวัน ทุกๆสิ่งทุกๆอย่างก็เหมือนเดิมเคยเป็นอย่างไรก็เป็นอย่างนั้น



    วันนี้รถไม่ติดใช้เวลาแค่ครึ่งชั่วโมงก็ถึงโรงเรียน



    “ป้ายโลแลนด์ถึงแล้วค่ะ ลงกดกริ่งด้วยนะค๊ะ”



    ฉันเดินไปทางประตูแล้วกดกริ่งเพื่อเป็นสัญญานให้คนขับรู้ว่ามีคนจะลง



    ....แอ๊ดดด.... ประตูรถเมล์เปิดออกฉันก้าวลงอย่างช้าๆ เพื่อที่จะเผชิญหน้ากับสิ่งที่ทุกๆคนเรียกมันว่าโรงเรียน แต่สำหรับฉันมันก็ไม่ค่อยต่าง



    กับนรกมากนักหรอก ฉันเดินตรงไปที่ห้องเรียนของฉันในตึกม.ปลาย



    เมื่อถึงหน้าห้องเรียนฉันก็หยุดยืนนิ่งอยู่สักพักก่อนที่จะตัดสินใจเดินเข้าไป



    “เฮ้อออ!! ต้องลงนรกทั้งๆที่ยังไม่ตาย เบื่อจริงๆเลย” ฉันพูดคำนี้ทุกๆวัน



    “เป็นอะไรแจน”เอ้เดินเข้าห้องพร้อมกวักมือเรียกฉัน



    “จ้าๆ” ฉันก้าวเข้าห้องเรียนอย่างช้าๆ



    “เฮ้ย!! เมิงมาแล้วหรอวะ ช้าว่ะ” ไอพวกผู้ชายปากดีมันทักขึ้น



    “เออ กรูมาแล้ว มึงจะทำไมกรู”



    “จะทำไรแจนไอเบส” เอ้ช่วยพูด



    “กรูไม่ทำเมิงหรอก กรูขอยืมเงินเมิงสักห้าร้อยก็พอ” ไอเบสพูด แล้วเดินมาทางฉัน เอามือหยาบมาสัมผัสใบหน้าของฉัน



    “เมิงอย่ามายุ่งกับกรู” ฉันพูดแล้วสลัดหน้าหนีเพื่อให้มือของไอเบสหลุดออกจากหน้าฉัน เอ้เดินมาขวางไอเบส



    “เอ้เมิงหลบกรู เมิงจะให้กรูมั๊ยแจน”



    “ไม่!! กรูไม่มีให้เมิงหรอก” ฉันพูดแล้วเดินไปนั่งที่โต๊ะของฉัน



    “จะให้กรูดีๆมั๊ย หรือเมิงอยากเจ็บตัว ว่าไง?”



    “เมิงลองแตะต้องตัวกรูอีกครั้งสิ แล้วเมิงจะรู้ว่าใครจะเจ็บ” ฉันมองหน้ามัน



    “เฮ้ย!! กรูว่าไปหาจากคนอื่นเถอะ แจนไม่มีหรอก” อาร์ตพูด



    “อาร์ต” เป็นเพื่อนผู้ชายที่ฉันสนิทมากที่สุด ฉันรักเหมือนคนในครอบครัวไม่ต่างไปจากเอ้เลย  



    พวกไอเบสเห็นอาร์ตจึงเดินออกไป อาร์ตเดินตรงมาทางโต๊ะของฉันด้วยใบหน้ากังวล



    “เป็นอะไรหรือป่าวแจน”



    “ไม่เป็นไรจ้า” ฉันพูดด้วยใบหน้ายิ้มแย้มเพื่อให้อาร์ตรู้ว่าฉันไม่เป็นไร



    “อืม ไม่ก็ดีแล้ว” จากสีหน้ากังวลเปลี่ยนเป็นใบหน้ายิ้มแย้ม แล้วอาร์ตก็นั่งลงข้างๆฉัน แล้วเอ้ก็ลงข้างๆฉันอีกฝั่ง



    “นั่งที่ๆให้เรียบร้อย ครูมีอะไรจะบอกทุกคน เร็วๆ” อาจารย์ประจำชั้นพูด



    “วันนี้จะบอกเรื่องสอบนะ อาทิตย์หน้าจะสอบ มีเวลาอ่านหนังสืออีกแค่สามวัน คือศุกร์ เสาร์ อาทิตย์ แล้วสอบวันจันทร์



    ตั้งใจทำข้อสอบนะทุกๆคน” แล้วอาจารย์ก็เดินออกจากห้องไป



    “หา!!! สอบหรอ” ฉัน อาร์ต เอ้  พูดพร้อมกัน



    “แจน อาร์ต งั้นวันนี้ตอนเย็นเรามาติวกันนะ” เอ้พูด



    “อืม ได้สิจ๊ะ”



    “เอางั้นก็ได้”



        “กริ๊งงงงง” สี่โมงเย็นเป็นเวลาเลิกเรียนแล้วเสียงออดเลิกเรียนดังขึ้นฉัน เอ้ และอาร์ต เราสามคนติวหนังสือกันจนถึงหกโมงเย็น



    “หา!!! เย็นมากแล้วนะ กลับบ้านกันเถอะแจน” เอ้ตะโกนแล้วทำตาโต



    “อิอิ จ้าๆๆ กลับจ้ากลับ” ฉันหัวเราะพร้อมเอามือปิดปาก



    “หัวเราะอะไรแจน?” เอ้ทำหน้างง



    “ก้อดูหน้าเอ้สิ ตลกจิงๆเลย อาร์ตกลับบ้านกัน”



    “อืมๆ”



    ฉัน เอ้ และอาร์ตกลับบ้านทางเดียวกันทั้งสามคน แต่อาร์ตลงก่อนฉัน



    “บายนะ” อาร์ตโบกมือแล้วลงจากรถเมล์



    ไม่นานนักก็ถึงป้ายของซอยบ้านฉันและเอ้ ฉันและเอ้ลงป้ายรถเมล์หน้าซอยเลย ฉันไม่ได้ลงป้ายก่อนถึงบ้าน



    เพราะฉันมากับเอ้จึงไม่อยากให้เธอกลับบ้านดึก



    “บายจ้าแจน” เอ้โบกมือ



    “บายจ้า” ฉันโบกมือกลับ แล้วทำท่าส่งจูบ ฉันและเอ้ต่างคนก็ต่างยิ้มอย่างมีความสุข



    “กลับมาแล้ว” ฉันพูดแล้วเดินเข้าบ้าน แล้วรับตรงไปที่ประตูห้องนอนของตัวเอง โดยที่ไม่ได้ยินเสียงแม่ตอบกลับมา



    วันนี้เหนื่อยมากฉันจึงขึ้นไปนอนเล่นบนเตียง แต่ฉันก็เผลอหลับไปทั้งชุดนักเรียน



        ฉันลืมตาขึ้นมามันเป็นที่เดิม ที่ๆฉันฝันเมื่อวานนี้ ฉันจำมันได้ มันเหมือนเดิมทุกๆอย่าง ฉันมองเห็นกระท่อม



    วิวทิวทัศน์ทุกอย่างไม่ต่างไปจากเดิม แต่ฉันมีสองคน ฉันเห็นตัวเองกำลังนอนอยู่ใต้ต้นไม้กำลังมองท้องฟ้าอย่างมีความสุข



    ด้วยใบหน้ายิ้มแย้มอย่างที่ฉันไม่เคยเห็นมาก่อน



    “รอยยิ้มนั้นคือตัวฉันหรอ ไม่อยากจะเชื่อเลย ฉันยิ้มได้ขนาดนั้นเลยหรอ”



    ขณะที่ฉันกำลังสงสัยกับรอยยิ้มของตัวเอง มันก็เหมือนกับเมื่อวาน ทุกอย่างรอบตัวดำไปหมด มืดมิด อยู่ตัวคนเดียว



    ฉันเห็นสีหน้าของตัวเองเหมือนคนกำลังใกล้จาตาย มือที่กุมท้องเหมือนกับว่าไม่ไหวแล้ว ฉันกำลังจะตาย



    และตายคนเดียวโดยที่ไม่มีใครรู้ ไม่มีใครเห็น แล้วฉันก็สะดุ้งตื่นขึ้นมา



    “ฝันแบบนี้อีกแล้วหรอ แต่ครั้งนี้ทำไมมันเหมือนจริงเลยนะ” ฉันบ่นกับตัวเอง





    ++โปรดติดตามตอนต่อไป++

    +++*ขอบคุณทุกคนที่อ่านมากๆนะค่ะ*+++

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×