ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    อนุตัวร้าย

    ลำดับตอนที่ #2 : บทที่ 1/2

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 18.75K
      1.31K
      14 ก.ค. 66

              

    บทที่1/2

                   ผ่านมา 1 เดือนแล้วที่น้ำข้าวใช้ชีวิตอยู่ในจวนตระกูลจิ้น ด้วยฐานะของลู่เอิน นางปรับเปลี่ยนตัวเองหลายอย่างเพื่อไม่ให้แตกต่างจากคนอื่น ทั้งการกิน นอน และการพูด หญิงสาวคิดและแทนตัวเองเป็นลู่เอิน ตอนแรก ๆ อาจจะรู้สึกแปลกที่ต้องใช้ชื่อของคนอื่น แต่พอนานเข้าก็รู้สึกชิน

                    ร่างบางของลู่เอินและซิ่วหลินเดินเอื่อยเฉื่อยออกจากเรือนจวี๋ฮวา จุดหมายปลายทางคือเรือนจิ่วซิ่งเรือนอาศัยของฮูหยินเฒ่าหรือแม่สามีของนางนั้นเอง หลายวันที่ผ่านมาของนางพบเจอแต่ความน่าเบื่อหน่ายและเพิ่มความน่าเบื่อหน่ายไปอีกเมื่อพี่เหอของนางไม่ยอมให้นางเข้าพบให้นางรอเก้อทุกครั้ง หญิงสาวยู่หน้าอย่างขัดใจเมื่อนึกถึงชื่อคนใจดำผู้นั้น       

                    “นายหญิงเจ้าคะถึงเรือนฮูหยินเฒ่าแล้วเจ้าค่ะ”ลู่เอินพยักหน้าเบาๆ

                    “อนุลู่...”เสียงบ่าวรับใช้วัยกลางคนที่ยืนอยู่หน้าเรือนจิ่วซิ่งก้มหัวให้ลู่เอินอย่างนอบน้อม

                    “ข้ามาพบฮูหยินเฒ่า” ลู่เอินกล่าวเสียงนอบน้อมตอบเช่นกันทำให้บ่าวรับใช้ตรงหน้าเงยหน้ามองนางราวกับเจอสิ่งมีชีวิตอื่นที่ไม่ใช่คนอย่างนั้นล่ะ

                    “จะ....เจ้าค่ะ บ่าวจะไปบอกฮูหยินเฒ่า รอสักครู่เจ้าค่ะ” ลู่เอินหัวเราะเบาๆตามแผ่นหลังของบ่าวรับใช้เมื่อครู่ นางรู้ว่าทำไมอีกฝ่ายถึงทำหน้าราวกับเห็นผีเมื่อนางพูดจบ เพราะลู่เอินคนเก่าไม่ได้พูดกับบ่าวรับใช้อย่างที่นางพูด นางถูกสอนให้เคารพผู้ใหญ่ที่อายุมากกว่านางแต่จะให้นางทำตัวให้เหมือนลู่เอินคนเก่าคงไม่ได้ แน่นอนว่านางไม่อยากอยู่ที่นี้โดยที่มีคนเกลียดทั้งจวนหรอกนะ

                    “เชิญอนุลู่เจ้าค่ะ” ลู่เอินส่งยิ้มบางๆให้บ่าวรับใช้คนเมื่อครู่และเดินตามหลังนางไปโดยให้ซิ่วหลินรออยู่ด้านนอก 

                    กลิ่นธูปลอยเข้าจมูกลู่เอินหญิงสาวกวาดตามองภายในเรือนที่ตกแต่งอย่างเรียบง่ายไม่หรูหรานัก แต่บรรยากาศในเรือนที่ให้ความรู้สึกเย็นสบาย บ่าวรับใช้ที่เดินนำนางมาเปิดประตูห้องที่อยู่ปีกขวาแล้วหลีกทางให้นาง 

                    “ฮูหยินเฒ่าอยู่ด้านในเจ้าค่ะ” ลู่เอินพยักหน้าเดินเข้าไปในห้องทันทีโดยให้ซิ่วหลินรออยู่ข้างนอก

                    ภายในห้องที่ว่างเปล่าไม่มีโต๊ะเตียงหรือเก้าอี้อะไรเลย มีก็แต่กระถางทรายที่มีธูปปักอยู่และร่างอวบของสตรีวัยกลางคนในชุดขาวนั่งหลับตาพริ้มซึ่งลู่เอินเดาได้ว่าสตรีนางนี้คงเป็นฮูหยินเฒ่าแม่ของจิ้นเหอนั้นเอง

                    “ลู่เอินคารวะฮูหยินเฒ่าเจ้าค่ะ”ลู่เอินย่อตัวคารวะร่างอวบที่ยังคงหลับตาอยู่

                    “อืม นั่งสิ” ฮูหยินเฒ่าไม่ได้ลืมตาขึ้นมองนางแต่อย่างได้นางรับคำและชี้ให้ลู่เอินนั่งที่ตั่งทางซ้ายมือ

                    “เจ้าค่ะ” ลู่เอินรับคำแล้วนั่งลงอย่างว่าง่าย

                    ฮูหยินเฒ่าตอนเป็นสาวต้องเป็นผู้หญิงสวยมากแน่ ๆ ดูจากรูปร่างแม้จะอวบแต่ก็ไม่ได้น่าเกลียดเหมือนผู้หญิงบางคนและหน้าตาที่มีริ้วรอยอยู่บ้างแต่ก็ไม่ได้กลบความงามที่นางเคยมีอยู่ไปได้ ลู่เอินลอบชื่นชมในใจ

                    ลู่เอินเห็นว่าฮูหยินเฒ่าหลับตานิ่งไม่รับรู้การมีตัวตนอยู่ของนางก็หลับตาลงเช่นกัน แม้ในปัจจุบันนางจะเป็นวัยรุ่นแต่นางก็มีท่านตาของนางที่เคยสอนและเป็นตัวอย่างให้นางได้เห็น ท่านตาของนางมักจะอยู่ในห้องพระเป็นวันๆ นางไปหาทีไรก็ถูกสั่งให้นั่งสมาธิตลอดนางยังจำได้ว่าครั้งแรกที่ถูกสั่งได้ว่าท่านตาพูดอะไร

                    'ข้าวเอ่ย นั่งสมาธินะคือการทดสอบความอดทนตอนนี้ตากำลังทดสอบความอดทนของหลานอยู่

                ถ้าคนเราอดทนทำสิ่งที่ง่ายที่สุดอย่างการนั่งสมาธิไม่ได้ก็ไม่มีทางอดทนทำสิ่งอื่นให้สำเร็จได้เหมือนกัน'

                    ดูท่านางจะเจอบุคคลประเภทเดียวกับท่านตานางเข้าแล้ว

                                    ผ่านไปหนึ่งเค่อ [15 นาที]

                    ฮูหยินเฒ่าลืมตาขึ้นประหลาดใจที่เห็นอนุภรรยาของบุตรชายนั่งหลับตาอยู่ข้าง ๆ ประหลาดใจคงจะไม่แปลกเพราะปกติแล้วอนุภรรยาของบุตรชายจะออกไปทันทีเมือเห็นว่านางไม่ให้ความสนใจ แต่ครั้งนี้ต่างออกไปเมื่อหญิงสาวข้างกายของนางนั่งอยู่ทั้งยังหลับตาทำสมาธิด้วย แม้จะไม่ชอบใจในจริตของอนุภรรยาของบุตรชายคนนี้แต่ก็หาได้รังเกียจจนไม่อาจมองหน้า

                    “เจ้ามาหาข้ามีเรื่องอันใดงั้นหรือ”ฮูหยินเฒ่าพูดขึ้น

                    ลู่เอินปรือตาขึ้น “ลู่เอินเพียงมาเยี่ยมเยียนฮูหยินเจ้าค่ะ” หญิงสาวยิ้ม

                    “อืม” ฮูหยินเฒ่ามองรอยยิ้มเจิดจ้าบนใบหน้าของลู่เอินระคนแปลกใจ นางเคยได้รับแต่รอยยิ้มเสแสร้งมีจริต ไม่เคยเห็นรอยยิ้มที่จริงใจเช่นนี้ของลู่เอินมาก่อน

                    “ฮูหยินนั่งนานแล้วคงจะเมื่อย ให้ลู่เอินบีบนวดให้ดีหรือไม่เจ้าคะ “ ลู่เอินถาม ใครจะว่านางประจบสอพลอก็ว่าไปเถิด ในเมื่อนางกำลังประจบแม่สามีของนางจริงๆ เรื่องประจบเอาใจผู้หลักผู้ใหญ่นั้นคืองานถนัดของนางเลยล่ะ

                    “เอาสิ”ฮูหยินเฒ่าเอ่ยปากอนุญาติแลไม่จริงจังนัก

                    ฝ่ายลู่เอินเมื่อได้รับอนุญาตก็ขยับกายเข้าใกล้ฮูหยินเฒ่าลงมือนวดไหล่อวบเบา ๆ

                    “ฮูหยินมีความอดทนจังเลยนะเจ้าคะ ลู่เอินนั่งไม่นานก็ยังเมื่อยเลยแต่ฮูหยินนั่งทั้งวัน ลู่เอินนับถือ”เธอไม่ได้พูดเกินจริง ถึงแม้การนั่งสมาธิจะเป็นสิ่งที่ง่ายแต่ก็ใช่ว่าการนั่งนานจะส่งผลดีกับร่างกายหรอกนะ ที่นางรู้เพราะเห็นคุณตาของนางบ่นว่าเมื่อยหลัง เมื่อยเอวอยู่บ่อยครั้ง

                    ฮูหยินเฒ่ามองดวงหน้าหวานของลู่เอินเมื่อเห็นว่าไร้การเสแสร้งก็กล่าวเสียงอ่อนลง

                    “คราแรกที่ข้านั่งก็บ่นเหมือนเจ้านี้แหละ”

                    อันที่จริงนี้ไม่ใช่การนั่งและการบ่นครั้งแรกอย่างที่ฮูหยินพูดหรอก บ่นทุกครั้งที่นั่งต่างหากล่ะ

                    “แต่ดูท่า ฮูหยินคงมีความสุขนะเจ้าคะ"

                    ฮูหยินเฒ่าระบายยิ้มก่อนกล่าว

                    “อีกไม่นานข้าก็จะขึ้นเขาไปวัดประจำตระกูลเพื่อถือศีลตลอดชีวิต ไม่นานหรอก”

                    “หมายความว่าฮูหยินจะทิ้งทุกสิ่ง” ลู่เอินขมวดคิ้ว

                    .......”ฮูหยินเฒ่าไม่ตอบแต่ลู่เอินก็พอเดาได้ว่าคำตอบคือ 'ใช่'

                    “เพราะอะไรฮูหยินจึงต้องทิ้งทุกสิ่งด้วยล่ะเจ้าคะ ในเมื่อท่านมีเงินทองหากต้องการทำบุญก็ตั้งโรงทานให้ทานกับคนยากไร้ ไม่เห็นต้องลำบากลำบนขึ้นเขาเพื่อไปปฏิบัติธรรมตลอดชีวิต”ลู่เอินถอนหายใจหนักๆ นี่แหละคำถามที่นางอยากถามมาตลอด ก็อยากถามคำถามที่เด็ดกว่านี้อย่างเช่น  

                'เหตุใดจึงต้องทิ้งบุตรชายของท่านในตอนที่เขากำลังย่ำแย่เล่าเจ้าคะ ?' 

                    แต่ไม่อยากถูกสงสัยตัวตนของลู่เอิน จึงต้องเงียบปากเอาไว้

                    นี่คือสิ่งเดียวที่นางรู้สึกไม่ปลื้มแม่สามี ตามเนื้อหานิยายฮูหยินเฒ่าจะเดินทางไปปฏิบัติธรรมในตอนที่พี่เหอของนางกำลัง ......อกหัก ! เพราะถูกแม่นางเอกตัวดีหักอกด้วยการหมั้นหมายกับพระเอก กิจการกำลังไม่สู้ดี ! เพราะโรงเตี้ยมถูกกล่าวหาว่ามีโจรโขมย อาหารที่แขกกินเข้าไปเป็นพิษทำให้แขกเหรื่อล้มป่วย

                    นางอยากรู้จริงๆ เพราะอะไร ?

                    เมื่อเห็นสีหน้าระคนมีข้อข้องใจบนหน้าของลู่เอินฮูหยินเฒ่าก็อธิบาย “ข้ามีเงินทองแต่ข้าไร้ซึ่งความสุข โรงทานใช่ว่าข้าจะไม่เคยตั้งแต่มิได้ผล เมื่อครั้งที่บิดาของอาเหอจากไปข้าโศกเศร้าข้ามิอาจรับความจริงได้ว่าเขาตายไปแล้วจนข้าได้พบกับหลวงจีนท่านหนึ่งที่อาเหอพามา หลวงจีนท่านกล่าวเตือนสติและแนะนำให้ข้าทำจิตใจให้สงบด้วยการนั่งนิ่งๆอยู่ภายในห้องเงียบๆแล้วถามตัวข้าเองว่าข้าต้องการสิ่งใด เฮ้อ..ซึ่งข้าก็รู้แล้วว่าข้าต้องการความสุข ความสุขของข้าคือความสงบ “ฮูหยินเฒ่ากล่าวจบก็ทอดมองควันธูปอย่างเหม่อลอย

                    “แล้วฮูหยินจะทิ้ง พี่เหอ..เอ่อ ท่านพี่ไปจริงๆน่ะหรือเจ้าคะ”ลู่เอินถามถึงแม้จะรู้คำตอบอยู่เต็มอกก็ตามที

                    ....... 

                    เมื่อเห็นฮูหยินเฒ่าเงียบลู่เอินก็เงียบด้วยเช่นกัน ไม่มีเหตุผลอะไรที่นางจะไปซักไซร้ เพราะสุดท้ายผลมันก็ออกมาเป็นเหมือนเดิมอยู่ดี

                    “ข้าอาจจะใจร้ายสำหรับการจะทิ้งอาเหอ ตั้งแต่บิดาเขาจากไปข้าก็ไม่เข้าใกล้ ไม่ได้ดูแลเขาอีกเพราะเขาช่างเหมือนบิดาเขานัก ยิ่งโตยิ่งเหมือน ข้าเกรงว่าหากข้ายังผูกพันกับเขา ข้าคงจะต้องกลับไปโศกเศร้าเช่นเดิม”

                    ลู่เอินยกมือปาดน้ำตาที่คลอหน่วยตา พี่เหอของนางน่าสงสาร ชีวิตดราม่ายิ่งกว่านางเอกละครไทยเสียอีก 

                    “ฮูหยินวางใจเถิดเจ้าค่ะ ข้าเชื่อว่าท่านพี่ต้องเข้าใจท่าน”

                    “ข้าก็หวังให้เป็นเช่นนั้น”ลู่เอินมองใบหน้าเศร้าหมองของแม่สามีอย่างเห็นใจ วันนี้ฮูหยินเฒ่าทำให้นางได้เข้าใจแล้ว ที่ไม่ได้ดูแล ไม่ได้แปลว่าไม่รัก !

                    “ฮูหยินเหยียดขาเจ้าค่ะ”ลู่เอินเปลี่ยนเรื่องเพื่อทำลายบรรยากาศเศร้าหมองไป

                    .....”ฮูหยินเฒ่าไม่กล่าวสิ่งใดแต่ทำตามที่นางบอกแต่มองนางราวกับค้นหาบางอย่างในตัวนาง....

                                    หรือฮูหยินเฒ่าจะรู้ว่านางไม่ใช่ลู่เอิน

                    “ดูเจ้าบีบนวดได้คล่องแคล่วนัก”ฮูหยินเฒ่าละสายตาจากหน้าลู่เอินมามองปลายเท้าที่นางกำลังนวดอยู่แทน

                    “เจ้าคะ ลู่เอินบีบนวดให้ท่านตาบ่อยเจ้าค่ะ” ลู่เอินยิ้มกว้างเมื่อเอ่ยถึงท่านตาของนาง

                    “ดูเจ้าจะรักท่านตาของเจ้า”ฮูหยินเฒ่าเปรย

                    “เจ้าค่ะ ลู่เอินรักท่านตาของลู่เอินมาก”

                    “เจ้ารู้ตัวหรือไม่ว่าเจ้าเปลี่ยนไป”ลู่เอินช้อนตามองฮูหยินเฒ่าเมื่อไม่เห็นสายตาจับผิดก็ถอนหายใจเบาๆ

                    “ลู่เอินเองอยากเปลี่ยนแปลงตัวเองให้ดีขึ้นเจ้าค่ะ”

                    “หากเจ้าอยากเปลี่ยนตัวเอง แม่ก็ดีใจ”ลู่เอินหางคิ้วกระตุก เมื่อได้ยินฮูหยินเฒ่าเรียกแทนตัวเองว่า 'แม่'แทน'ข้า'แล้วน้ำเสียงที่บ่งบอกถึงความเอ็นดูนั้นอีกทำให้นางแทบไม่เชื่อหู

                    “เอ่อ....เจ้าค่ะ ฮูหยิน”

                    “ฮูหยินอันใดเรียกแม่สิ อย่างไรเสียเจ้าก็เป็นภรรยาของอาเหอบุตรชายของแม่”ลู่เอินมองรอยยิ้มเอ็นดูบนใบหน้าของฮูหยินเฒ่าอย่างแข็งค้าง

                    ...........

                    “ที่ผ่านมาแม่มิใช่แม่สามีที่ดีนัก ก่อนหน้านี้ยอมรับว่ามิได้ยินดียินร้ายกับการมีเจ้าเป็นส่วนหนึ่งของตระกูลจิ้น แต่ในเมื่อเจ้าเปลี่ยนตัวเองได้ แม่ก็สมควรที่จะเป็นแม่สามีที่ดีให้เจ้าเห็น เรียกข้าว่าแม่เถิด” ฮูหยินเฒ่าวางมือบนกลุ่มผมดำของลู่เอินแล้วลูบเบาๆ นางยอมรับว่าเริ่มเอ็นดูลูกสะใภ้คนนี้ของแล้ว

                    “เจ้าคะ ท่านแม่”ลู่เอินยิ้มบางๆ นางเป็นเด็กที่ไม่ชอบขัดคำสั่งผู้ใหญ่

                    ฮูหยินเฒ่าดึงปิ่นบนมวยผมของนางออกมา “นี่เป็นปิ่นประจำตระกูลจิ้น ผู้ที่ถือครองคือผู้ที่เป็นฮูหยินน้อยตระกูลจิ้น”ลู่เอินเงยหน้ามองปิ่นสีเงินวาวด้ามปิ่นเป็นดอกเหมยกุย [กุหลาบ] ดอกใหญ่สีขาวบริสุทธิ์ดูงดงาม แล้วหันมองหน้าฮูหยินเฒ่าเพื่อหาคำตอบว่านางกำลังจะทำอะไรแต่ก็ได้คำตอบเมื่อปิ่นเล่มสวยนั้นถูกปักบนกลุ่มผมของนางด้วยฝีมือของฮูหยินเฒ่านั่นเอง

                    “แม่ขอฝากเจ้ามอบให้ผู้ที่เหมาะสมกับปิ่นเล่มนี้ด้วย”ฮูหยินเฒ่าระบายยิ้มอ่อนๆแลดูอบอุ่นให้นาง 

                                    แม่สามีฝากปิ่นกับผมนาง...ไม่เท่ากับว่า !

                    ต้องการให้นางเป็นฮูหยินน้อยตระกูลจิ้นหรอกหรือ ?

                    “ลู่เอินไม่ล้าปักปิ่นด้ามนี้หรอกเจ้าค่ะ”ลู่เอินตั้งท่าจะดึงปิ่นบนกลุ่มผมนางออกมาแต่ถูกฮูหยินเฒ่าจับข้อมือห้ามไว้ 

                    ถึงแม้นางจะเป็นเด็กมีมารยาทไม่ปฏิเสธเมื่อผู้ใหญ่ให้ของแต่นางก็ไม่ได้เอาไม่เลือกจนไม่ดูหรอกนะ !

                    “ตอนนี้มีเพียงเจ้าที่เหมาะสม ปักไว้เถิด แม่เชื่อว่าสายตาแม่ย่อมมองคนไม่ผิด”ฮูหยินเฒ่ากุมมือลู่เอินไว้

                    “ต่อจากนี้แม่ขอฝากอาเหอไว้กับเจ้าแล้ว”สายตาอ่านยากของฮูหยินเฒ่าทำให้ลู่เอินสับสนมึนงงเป็นอย่างยิ่ง ตีความไม่ออกว่าสตรีตรงหน้าต้องการสิ่งใด แต่ที่รู้คือปิ่นด้ามนี้ต้องอยู่บนศรีษะของนาง

                    ........

                    ฮูหยินเฒ่ามองหน้าของลู่เอินด้วยความสุข นางเชื่อว่าเด็กคนนี้จะเป็นคนที่พร้อมจะยืนข้างอาเหอและพร้อมที่จะเดินไปกับอาเหอนางเชื่อว่ามองคนไม่ผิด


    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×