ตอนที่ 7 : EP 05: เรื่องในอดีต 100%
ผู้นำสูงสุดแห่ง ‘ตระกูลมิน’ เดินเข้ามาภายในงานเลี้ยงฉลองของนักการเมืองดังคนหนึ่งที่ไม่กี่วันมานี้เขาได้รับการแต่งตั้งให้เป็นรัฐมนตรีว่าการทรวงการคลัง ที่ได้ชื่อว่าเป็นตำแหน่งที่ใครๆก็ต้องการ เพราะอะไรน่ะเหรอ แค่คำว่า ‘การคลัง’ ก็รู้ๆกันแล้วว่าผู้ที่ต้องการกุมบังเหียนกระทรวงนี้มีจุดประสงค์อะไร และแน่นอน ‘ลีมินโฮ’ นักการเมืองหน้าใหม่ที่โด่งดังและเป็นที่จับตามองเพราะเขาเป็นลูกชายของอดีตประธานาธิบดี แต่ถึงอย่างนั้นเขาจะไม่อาจมายืนอยู่จุดนี้ได้เลยถ้าหากเขาไม่ได้รับแรงสนับสนุนจากกระกูลขุนนางเก่าแก่และยิ่งใหญ่อย่าง ‘ตระกูลมิน’
ทุกย่างก้าวของมินยุนกิ ที่เดินผ่านบรรดานักการเมืองทั้งหน้าเก่าและหน้าใหม่ที่เขาไม่ค่อยคุ้นเคยนัก แต่ทุกคนที่นี่ไม่มีใครไม่รู้จัก ‘มินยุนกิ’ ทุกสายตามองคนหนุ่มที่มากความสามารถอย่างเขาว่า มินยุนกิ เป็นคนหนุ่มที่ฉลาดหลักแหลม เก่งกาจเกินตัว และแข็งแกร่งเกินกว่าที่จะตัดสินเขาแค่ภายนอกหรือประสบการณ์ที่ดูจะไม่ได้มากมายนักถ้าเทียบกับพ่อของเขา
แต่ระยะเวลาเพียงไม่กี่ปี ที่เขาสั่งสมบารมีขึ้นมาด้วยตนเอง ผ่านการลงมือทำงานอย่างจริงจัง การวางแผนที่ฉลาดและมีชั้นเชิง และการยื่นข้อเสนอหรือข้อแลกเปลี่ยนให้กับใครก็ตามที่ต้องการให้เขาสนับสนุนอย่างที่คนเหล่านั้นปฏิเสธไม่ได้ และถ้าหากคิดจะแว้งกัดก็ยากยิ่งกว่า มันไม่ใช่เรื่องง่ายดาย เพราะไม่ว่าจะทำสำเร็จหรือไม่ แต่ก็จงเตรียมก้มหน้ารับผลที่จะตามมาได้เลย
“เป็นเกียรติมากครับที่คุณมินมางานเลี้ยงของผมด้วยตัวเอง” ลีมินโฮเจ้าของงานกล่าวทักทายยุนกิด้วยรอยยิ้ม รอยยิ้มที่มองจากยอดเขาฮัลลาซาน* ยังรู้เลยว่ารอยยิ้มนั้นมันไม่มีความจริงใจใดๆอยู่เลย ก็อย่างนี้แหละ ขึ้นนักการเมือง จะหาคนที่พกความจริงใจมาด้วยก็คงยากยิ่งกว่างมเข็มใต้ภูเขาไฟ
แต่คนอันตรายแบบนี้แหละที่มินยุนกิคิดว่าควรเก็บไว้ให้อยู่ในสายตามากที่สุด เพราะไม่อาจปล่อยให้คนแบบนี้ไปอยู่ฝั่งตรงข้ามกับเขาได้ มันอันตรายเกินไป
“ผมก็ต้องมาแสดงความยินดีกับคุณลีอยู่แล้วล่ะ ยินดีด้วยกับตำแหน่งรัฐมนตรีการคลังที่อายุน้อยที่สุด” ยุนกิคว้าแก้วแชมเปญขึ้นมาเพื่อกล่าวแสดงความยินดีต่อคนตรงหน้า ลีมินโฮจึงยกแก้วของตัวเองขึ้นมารับคำแสดงความยินดีนั้นตามมารยาท
“ถ้าไม่มีคุณมิน ผมก็ไม่รู้ว่าจะมีวันนี้หรือเปล่า ขอบคุณอีกครั้งนะครับ ผมเองก็ต้องขออวยพรให้ธุรกิจส่งออกยาสูบของคุณให้มั่งคั่งยิ่งๆขึ้นไปเช่นกันนะครับ” ยุนกิยิ้มรับนี่แหละเหตุผลที่เขาสนับสนุนคนเจ้าเล่ห์อย่างลีมินโฮขึ้นรั้งตำแหน่งนี้ ก็เพราะมันเอื้อประโยชน์ให้กับธุรกิจชิ้นใหม่ของ เอ็มเจย์คอเปอร์เรชั่น ของตระกูลมินยังล่ะ
“ฮ่าๆ แบบนี้เขาเรียกว่าน้ำพึ่งเรือเสือพึ่งป่าครับคุณลี”
“ฮ่าๆๆ ว่าแต่พวกบลูอีเกิ้ล คงจะไม่เข้ามาป่วนเราหรอกนะครับ” นี่เป็นเรื่องที่ลีมินโฮค่อนข้างกังวล
“นายใหญ่ จอนจินโม คงไม่มีเวลาพอที่จะเข้ามาสนใจเรื่องนี้หรอก”
“แล้วคนลูกล่ะครับ” ที่ลีมินโฮถามเพราะไม่มีใครไม่รู้กิตติศัพท์ความร้ายกาจของจอนจองกุกหรอก รายนั้นหากคิดจะทำอะไรแล้ว เขากัดไม่ปล่อย รังแต่จะฉีกทึ้งฝ้ายตรงข้ามให้ฉีกขาดยับเยินลงกับมือ
“หึ คนที่มีอำนาจแค่หยิบมือ ทำอะไรเราไม่ได้หรอก คุณอย่าห่วงไปเลย” มินยุนกิยิ้มแล้วยื่นแก้วไปชนกับอีกฝ่ายอย่างใจเย็น
“พูดเหมือนไม่ใช่คนคุ้นเคยกันเลยนะครับคุณมิน”
“หึ... โลกนี้มันเปลี่ยนแปลงอยู่ทุกวัน วันนี้เป็นมิตร พรุ่งนี้อาจเป็นศัตรูก็ได้ จริงมั้ยครับคุณลี” เสียงนิ่งๆของมินยุนกิที่เอ่ยออกมา เขาไม่ได้หมายถึงแค่คนเคยสนิทอย่างจอนจองกุกเท่านั้น แต่เขาหมายรวมถึงคนอื่นๆด้วยเช่นกัน
* ฮัลลาซาน(Hallasan) เป็นภูเขาที่สูง 1950 เมตร สูงที่สุดในเกาหลีใต้
ความหมายของชื่อภูเขาคือ ภูเขาที่สูงพอจะเอื้อมถึงทางช้างเผือก
ภายในห้องนอนที่ของตกแต่งแทบทั้งหมดถูกเลือกโดยเจ้าของห้องว่าควรจะเป็นสีขาว สีที่เเสดงถึงความบริสุทธิ์ สีโปรดของผู้หญิงที่เขารักมากที่สุด ดังนั้นไม่ว่าจะเป็นห้องพักแขกอย่างที่เขากำลังนอนอยู่ก็ตาม ห้องชุดสุดหรูของจอนจองกุก ก็ยังถูกตกแต่งด้วยสีขาวอยู่ดี
เด็กคนนั้นที่บัดนี้เติบโตมาเป็นชายหนุ่มที่สมบูรณ์แบบ ภายนอกเขาเป็นหนุ่มรูปงามหล่อเหลาโดดเด่นกว่าใครๆ ร่างสูงสมส่วนที่ผ่านการดูแลตัวเองมาอย่างดี ของเขานั้นยิ่งเสริมบารมีผู้นำให้กับเขา ความเด็ดขาด ฉลาด และตรงไปตรงมาของจอนจองกุก มันทำให้ภายนอกเขาดูเป็นคนที่ไม่มีจุดอ่อนเลยแม้แต่น้อย และตัวของเขาเองก็ไม่คิดที่จะสร้าง ‘จุดอ่อน’ ขึ้นมาให้กับตัวเอง
แต่ภายในความสมบูรณแบบนั้น ใครเล่าจะรู้ว่า ภายในค่ำคืนที่เงียบสงัด ยังมีบางครั้งบางทีที่เรื่องราวในอดีตยังหวนกลับมาท้าทายความแข็งแกร่งของเขาในรูปแบบของ ‘ฝันร้าย’ ที่เขาควบคุมไม่เคยได้
ภาพของเด็กชายจอนจองกุกในวัยแปดขวบในมือของเขาถือสิ่งที่ขัดกับบุคลิกเด็กชายที่หล่อเหลาตั้งแต่เด็กอย่างเขา สิ่งนั้นคือก็ตุ๊กตากระต่ายน้อยขนปุกปุยสีสมพูน่ารักน่าชัง ที่เขารบเร้าให้พี่ชายคนสนิทอย่างจองโฮซอกพาไปซื้อมา เพื่อมอบมันให้กับ ใครคนหนึ่งที่เขากำลังจะได้เจอหน้าในอีกไม่กี่วันนี้
“ยัยหนูจะชอบมั้ยฮยอง” เสียงใสๆของจองกุกเอ่ยถาม ‘ยัยหนู’ คือชื่อที่พ่อของเขาใช้เรียกน้องน้อยที่กำลังจะลืมตาดูโลกของจอนจองกุก ทำให้เขาติดเรียกชื่อนี้มาด้วย
“คุณหนูจะต้องชอบครับนายน้อย”
“ทำไมไม่เรียกผมว่าจองกุกเหมือนเดิมล่ะฮยอง ตรงนี้ไม่มีใครอยู่ด้วยซะหน่อย”
“ไม่ได้หรอกครับ”
“ชิ...”
“ว่าแต่ จริงๆแล้วนายน้อยก็ดีใจใช่มั้ยล่ะที่จะมีน้องสาว”
“ดะ ดีใจที่ไหนกันล่ะ ที่ไปซื้อมาให้ผมแค่ทำตามมารยาทก็เท่านั้น”
“เหรอครับ ผมคงเข้าใจผิดไปเอง”
“ใครจะดีใจกันล่ะ เด็กนั่นจะมาแย่งแม่ไปจากผมนะ เหอะ คอยดูนะถ้าวุ่นวายล่ะก็จะตีก้นให้เข็ด” ท่าทีที่ทำเป็นไม่สนใจและไม่ยินดีกับการที่ตัวเองจะมีน้องของจอนจองกุก เป็นเพียงการปิดกั้นความรู้สึกบางอย่างของตัวเองก็เท่านั้น จอนจองกุกถูกสอนมาตั้งแต่เด็กว่า ไม่ควรแสดงด้านที่อ่อนแอให้ใครเห็น แต่เขาอาจจะยังเด็กเกินกว่าที่จะแยก ‘ความอ่อนแอ’ กับ ‘ความอ่อนโยน’ ไม่ออก เขาแสดงออกต่อหน้าคนอื่นๆว่าไม่ได้ต้องการที่จะมีน้องสาว แต่กลับขอให้โฮซอกพาไปซื้อของขวัญให้ แถมยังเลือกอยู่ตั้งนานสองนาน
“แล้วพ่อกับแม่มาถึงรึยังฮะ” จองกุกถามอย่างตื่นเต้น โฮซอกถูกสั่งให้พาจองกึกมารอที่ห้องรับรองของโรงพยาบาลซึ่งไม่ต่างจากโรงแรมห้าดาวเท่าไหร่นัก เหตุที่จองกุกต้องมารอพ่อกับแม่อยู่ที่นี่ก็เพราะ อีกสองวันจะเป็นวันนัดผ่าคลอดลูกสาวคนเล็กของตระกูลจอน
ทั้งครอบครัวถึงจะมาทำการแอดมิดที่โรงพยาบาลล่วงหน้า เพราะหากเกิดอะไรที่ไม่คาดฝันขึ้นมาจะได้รับมือได้ทัน ตอนนี้จอนจินโมและลูกน้องกำลังไปรับ ลีแฮซู ภรรยาของเขาที่บ้านเพื่อมายังโรงพยาบาลพร้อมกัน
“เหมือนกำลังจะถึงโรงพยาบาลแล้วครับนายน้อย”
“เราลงไปรอรับแม่ได้มั้ยฮะ” เด็กชายถามด้วยความตื่นเต้น เขาอยากอวดตุ๊กตากระต่ายสีชมพูให้แม่ของเขาเห็นใจจะขาด
“อืม... ก็ได้ครับ”
ทั้งสองคนพากันลงลิฟต์มาชั้นแรกของโรงพยาบาลพร้อมกับทีมอารักขาหลายคนที่ถูกส่งมาให้ดูแลจองกุกเป็นประจำ
ทันทีที่ออกจากลิฟต์ดวงตากลมโตของจองกุกมองเห็นแล้วว่ารถของพ่อกับแม่มาจอดตรงหน้าโรงพยาบาลพอดิบพอดี เขาเห็นแล้วว่าพ่อกำลังประครองแม่ให้ลงมานั่งที่รถเข็นของโรงพยาบาล
“แม่ฮะ^o^” จองกุกตะโกนเรียกผู้เป็นแม่เสียงใสอย่างดีใจ พร้อมกับชูตุ๊กตากระต่ายในมือขึ้นเหนือศีรษะ
“จองกุกอ่า” รอยยิ้มอ่อนโยนปรากฏบนใบหน้าของลีแฮซู เพราะเธอเดาได้เลยว่า ที่ลูกชายหายไปเมื่อวันก่อนก็คงเพราะไปหาซื้อของขวัญให้น้องสาวตัวน้อยที่กำลังจะเกิดมา
แต่แล้วรอยยิ้มสดใสของจอนจองกุกก็ต้องเลือนหายไปเมื่อเขาสังเกตเห็นบางอย่างจากทางด้านหลังของพ่อกับแม่ของเขา ชายชุดดำที่กำลังเล็งปืนมือยังครอบครัวของเขา แน่นอนเป้าหมายของคนพวกนั้นหนีไม่พ้น จอนจินโม พ่อของเขาเป็นแน่ ด้วยสัญชาตญาณ จอนจองกุกจึงตะโกนออกไปด้วยเสียงดังก้องเพื่อเตือนภัย
“พ่อครับ!!!”
“ระวัง!!!”
จอนจินโมและลูกน้องได้ยินอย่างนั้นรีบหันไปมองตามสายตาของลูกชาย บรรดาบอดี้การ์ดกวักปืนขึ้นเตรียมพร้อมปกป้องนายใหญ่เต็มที่ แต่ทว่า...
ปั้ง!!!
สิ่งที่ทุกคนคิดมันไม่ได้เป็นเช่นนั้น เมื่อกระสุนปืนนัดนั้นพุ่งเข้าไปยังร่างบอบบางที่ใช้เรี่ยวแรงทั้งหมดที่เธอมี ตรงเข้าไปโอบกอดร่างสูงใหญ่ของชายอันเป็นรักของเธอเอาไว้ กระสุนตรงเข้าไปในร่างของ ลีแฮซูตรงจุดสำคัญของร่างกาย ทำให้เธอทรุดลงไปตามแรงโน้มถ่วงของโลก แต่จอนจินโมคว้าเธอเอาไว้ได้ทัน พร้อมกับหัวใจที่สลายลงตรงหน้า
“แฮซูอ่า!!!”
“แม่ฮะ!!!”
สองพ่อลูกตะโกนเรียกผู้หญิงคนเดียวกัน ท่ามกลางเสียงปืนที่ดังสนั่นไปทั่วบริเวณ ไม่กี่นาทีจนเสียงปืนสงบลง เหลือไว้เพียงเสียงสะอื้นไห้ของสองพอลูกที่ยังคงไม่มีทีท่าว่าจนหยุดลง ตรงกันข้ามกับลมหายใจของ หญิงผู้เป็นที่รัก ที่หยุดลงไปทันทีที่กระสุนแทรกผ่านเข้าร่างกาย
ไม่มีแม้คำล่ำลา ไม่เคยเลยสักครั้งที่จะตระเตรียมหัวใจเอาไว้มาเพื่อสูญเสีย สองพ่อลูกหวังแค่เพียงว่าอีกไม่กี่วันครอบครัวจะได้ต้อนรับสมาชิกใหม่ที่จะลืมตาดูโลกเพียงเท่านั้น ไม่ใช่การเผชิญกับความสูญเสียไปถึงสองชีวิตไปต่อหน้าต่อตาเช่นนี้
“ฮึกแม่ครับ แม่ คุยกับผมสิฮะ”
“แฮซูอา”
“แม่ฮะ ฮือ..พ่อครับช่วยแม่ที”
“ยัยหนู!!!”
“ยัยหนูล่ะฮะ ฮือ” ยิ่งคิดได้ว่าในเวลานี้แม่ของเขาไม่ได้มีเพียงตัวคนเดียว ยังมีอีกหนึ่งชีวิตที่กำลังรอที่จะลืมตาดูโลกในอีกไม่กี่วันนี้อยู่ด้วย คนที่เป็นเจ้าของตุ๊กตากระต่ายตัวนั้น
“ใครก็ได้ ช่วยแม่กับน้องผมที ฮือ...”
“แม่ครับ...”
“ยัยหนู...”
“อึ่ก...”
“ชะ ช่วยด้วย”
“เฮือก!!!”
ร่างหนาผวาขึ้นมาเฮือกใหญ่ มือทั้งสองข้างกำจิกลงที่ผ้าปูที่นอนแน่น จนรับรู้ได้ถึงความเปียกชื้นจากเหงื่อที่ฝ่ามือของตัวเอง
จอนจองกุกพยายามควบคุมลมหายใจที่ยังคงหอบถี่ระรัวของตัวเอง อย่างเช่นทุกครั้งที่ฝันร้ายกลับมาเล่นงานเขา มือหนาสองข้างถูกส่งมาลูบใบหน้าของตัวเองแล้วพบว่าไม่ใช่แค่มือของเขาเท่านั้นที่กำลังเปียกชุ่มไปด้วยเหงื่อ ใบหน้าคมของเขาก็เช่นกัน
“บ้าชิบ”
ชายหนุ่มวัยยี่สิบห้าสบถกับตัวเอง เขาหงุดหงิดใจไม่น้อยที่จู่ๆความฝันอันเจ็บปวดที่ห่างหายไปนานมันกลับมาอีกครั้ง จะว่าเป็นความฝันก็ไม่ใช่ซะทีเดียวเพราะเหตุการณ์ในความฝันนั้นมันคือ ‘เรื่องจริง’ ที่เกิดขึ้นกับเขา ภาพของแม่ที่ถูกลอบยิงและสิ้นใจลงต่อหน้าต่อหน้าลูกชายวัยแปดขวบอย่างจอนจองกุก มันกลับมาเล่นงานเขาอีกครั้งได้ยังไงกัน หรือแค่เพราะการที่เขากำลังจะแต่งงานอย่างนั้นเหรอ?
“ไร้สาระ” ผู้หญิงคนนั้นก็แค่ครอบครัวหลอกๆ เป็นแค่เพียงภรรยาชั่วคราวของเขาเพียงเท่านั้น ไม่ได้มีความสำคัญใดๆทั้งสิ้น
หลังจากวันที่แม่ของเขาจากไป และผ่านมาไม่กี่ปีแต่จอนจองกุกก็โตพอที่จะรับรู้ทุกอย่างได้ ว่าเป้าหมายของการลอบสังหารในวันนั้น แท้ที่จริงไม่ใช่พ่อของเขา คนร้ายตั้งใจที่จะปลิดชีพแม่ของเขาตั้งแต่ต้น มันเป็นเพราะศัตรูที่ตระกูลจอนมองไม่เห็น มันคอยจองล้างจองผลาญพวกเขาและสร้างความเจ็บปวดให้กับผู้นำของตระกูลจอน สร้างความอ่อนแอให้กับผู้นำของบลูอีเกิ้ล ด้วยการพรากหัวใจของพวกเขาไป
การตายก็แค่จบชีวิตแล้วทุกอย่างก็จบลง แต่หากต้องสูญเสียคนที่รักไป นั่นต่างหากคือ ‘การตายทั้งเป็น’ ที่คนที่อยู่ในเงามืดต้องการให้ผู้นำตระกูลจอนต้องประสบพบเจอ ถือเป็นการเอาคืนด้วยการสร้างความอ่อนแอให้คอยกัดกร่อนหัวใจแกร่งของผู้ชายคนหนึ่งอย่างโหดเหี้ยมที่สุด และแม่ของเขาไม่ใช่คนแรก โศกนาฏกรรมนี้ เกิดขึ้นกับผู้นำตระกูลจอนทุกคน มันทำให้จองกุกคลายข้อสงสัยว่าทำไมเขาถึงไม่มีย่าหรือย่าทวด เหมือนคนอื่นเขา จนตระกูลจอนเป็นที่กล่าวถึงว่าเป็นตระกูลต้องสาป โดยที่มันมักจะเกิดขึ้นกับผู้หญิงทุกคนในตระกูลโดยเฉพาะสะใภ้ เพราะอะไรน่ะเหรอ ก็เพราะผู้หญิงที่ผู้นำตระกูลเลือกมาเป็นคู่ครอง มีความสำคัญไม่ต่างจาก 'หัวใจ' ของตระกูลจอนนั่นเอง
เเต่สำหรับจองกุก เรื่องนี้ไม่ใช่คำสาปเเช่ง เเต่มันคือฝีมือของใครสักคนที่มีความเเค้นต่อตระกูลของเขามาอย่างยาวนาน เเละเขาจะต้องรู้ให้ได้
จองกุกรับรู้ดีว่านับตั้งแต่วันนั้น เขาก็ได้เห็นน้ำตาของผู้เป็นพ่อ เขาได้เห็นความอ่อนแอของพ่อที่ไม่ว่าเป็นใครก็คงไม่อาจหลีกเลี่ยงได้ เขาบอกกับตัวเองมาตลอดว่าเขาจะไม่สร้าง ‘จุดอ่อน’ให้กับตัวเอง เขาจะไม่พาตัวเองไปสู่ความสูญเสียที่แสนทรมานเช่นในอดีตอีก นี่แหละคือเหตุผลที่มีแค่ครอบครัวและคนสนิทเท่านั้นที่รู้จอนจองกุกไม่เคยมีความรัก มันเป็นเพราะอะไร
การดื่มน้ำเย็นๆ ทำให้สติของเขากลับมาเต็มร้อยอีกครั้ง ทันทีที่มีสติเขาก็คว้าโทรศัพท์ขึ้นมากดโทรออกเบอร์ต่างประเทศที่เขาไม่ได้ติดต่อมาสักพัก ในเวลาดึกดื่นของเกาหลี ที่นั่นคงกำลังบ่ายๆอยู่
(ครับคุณเจค)
“ทางนั้นเป็นยังไง”
(คุณฮวากับลูกๆออกไปที่ห้างแถวๆไทม์สแควร์กันครับ)
“อย่าให้คลาดสายตาเด็ดขาด”
(ครับคุณเจค)
“แมทธิวด้วย เข้าใจใช่มั้ย” เเมทธิวคือชื่อพี่เขยของเขา
(เราจะดูเเลครอบครัวคุณหนูฮวาเป็นอย่างดีครับ คุณเจคกับนายใหญ่ไม่ต้องห่วง)
“ทำให้ได้อย่างที่พูดด้วยล่ะ”
เมื่อรู้ว่าอีกคนที่เขาเป็นห่วงอยู่อย่างปลอดภัยเขาก็สบายใจ แต่อยู่ๆก็เพิ่งจะนึกขึ้นได้ว่าเขาลืมอะไรไปบางอย่าง จึงรีบต่อสายหาคนสนิททันที ซึ่งอีกอนคือคนที่สแตนบายพร้อมรอรับคำสั่งจากนายตลอดยี่สิบสี่ชั่วโมงอยู่แล้ว
“กอน”
(ครับคุณเจค)
“พรุ่งนี้เช้าโทรตามอิมนายอนมาที่ตึกด้วย”
(รับทราบครับคุณเจค คุณเจคกลัวคุณนายหญิงจะเหงาใช่มั้ยครับ)
“ใครนายหญิง แล้วใครกลัวว่ายัยนั่นจะเหงา”
ริมฝีปากหยักเม้มเข้าหากันทันทีที่ได้ยินอีกอนจงใจกวนประสาทเขา
(สงสัยจะคุณโฮซอกล่ะมั้งครับ)
“เงินเดือนมึงเยอะเกินไปสินะ ถึงได้ขยันกวนตีนกูนัก”
(ผมขอตัวไปปฏิบัติหน้าที่ตามที่คุณเจคสั่งก่อนนะครับ สวัสดีครับ) พูดจบอีกอนก็ตัดสายทันทีเพราะเขากวนนายจนพอใจแล้ว
“!!!”
“นี่กูถูกวางหูใส่อีกแล้วเหรอวะ”
“เพราะเธอคนเดียวนัมยูริน-*-”
จอนจองกุกตัดใจไม่นอนต่อแล้ว เพราะอีกไม่กี่ชั่วโมงแสงทองของวันใหม่ก็คงจะมาเยือนในไม่ช้า ร่างสูงคว้าผ้าเช็ดตัวก่อนจะเดินหายเข้าไปในห้องน้ำ
Yurin’s Part
“ยูริน ยูรินอ่า เธอตื่นแล้วเหรอ!!!” เสียงดีพูดด้วยความดีใจของนายอนดังขึ้นที่ข้างหูเมื่อฉันเริ่มได้สติ ยัยนี่มาทำอะไรที่บ้านฉันแต่เช้าขนาดนี้ คิดได้อย่างนั้นฉันก็ค่อยๆลืมตาที่หนักอึ้งขึ้น ก็พบว่าเป็นนายอนจริงๆที่มาหาฉัน
แต่เดี๋ยวนะ นายอนไม่รู้จักบ้านของคุณตาคุณยายของฉันนี่นา แล้วยัยนี่มาได้ยังไง ไม่สิที่นี่ไม่ใช่ห้องนอนของฉัน มองไปตรงไหนก็ดูไม่คุ้นตาเลยสักนิด ที่นี่ที่ไหนกัน!!!
“เดี๋ยวๆๆ ยูริน นี่เธอดีใจที่ได้เจอหน้าเพื่อนรักขนาดนี้เลยเหรอ”
“ที่นี่คือ ..." ฉันพยายามคิดทบทวนทั้งๆที่ตอนนี้หัวฉันมันกำลังมึนงงไปหมด จนในที่สุดภาพสิ่งที่เกิดขึ้นเมื่อวานมันฉายเข้าในหัวของฉัน
"เธอเป็นผู้หญิงคนเเรกที่ปฏิเสธฉันซ้ำเเล้วซ้ำเล่ารู้ตัวมั้ยนัมยูริน"
"ฉันไม่ปฏิเสธคุณน่ะสิเเปลก เราไม่รู้จักกันสักนิด เเค่นี้ก็เป็นเหตุผลเพียงพอ ที่ฉันไม่เเต่งงานกับคุณได้เเล้ว"
"ฉัน จอน-จอง-กุก เลยนะ ฉันทั้งหล่อ รวย เพอร์เฟ็คขนาดนี้ ไม่มีผู้หญิงคนไหนกล้าปฏิเสธฉันหรอก"
"คุณไปเอาความเชื่อเเบบผิดๆนั้นมาจากไหน?"
"เคยมีคนสงสัยเหมือนเธอนี่เเหละ..."
"เเต่ตอนนี้..."
"ตายไปเเล้ว!!!"
ยิ่งฉันพยายามนึกทบทวนถึงสาเหตุที่ทำให้ตัวเองมาอยู่ที่นี่ อาการปวดหัวมันยังเทียบไม่ได้กับความเจ็บใจที่มีต่อคนนิสัยไม่ดีคนนั้น
"เธอไม่มีสิทธิ์มาสั่งฉัน!!!"
"ใช่สิ ฉันเป็นทาสของคุณเเล้วนี่ คุณจะทำอะไรกับทาสคนนี้ก็เชิญเลย!!!" "เธอพูดเองนะนัมยูริน"
"ฉันจะสั่งให้เธอทำทุกอย่างที่ฉันต้องการฉันจะไล่เเม่บ้านออก เเล้วให้เธอทำทั้งหมด ไล่คนสวนออกด้วย เธอถนัดอยู่เเล้วนี่"
"ละ เเล้วเเต่คุณเลย"
"อวดดีนัก อย่าคิดเหมือนในละครก็เเล้วกันว่าฉันจะจับเธอทำเมีย เอาเธอมาเป็นที่รองรับอารมณ์บนเตียง เพราะฉันไม่มีวันเเตะต้องผู้หญิงที่ฉันซื้อมาอย่างเธอหรอก"
ตั้งแต่เกิดมายังไม่เคยพบเจอใครร้ายกาจเท่านี้มาก่อน ฉันเกลียดนักผู้ชายนิสัยเเย่
"ฉันอยากรู้ว่า เวลาที่กำลังจะตายมันรู้สึกยังไง พอเธอตกลงไปกระเเทกพื้นเเล้ว ก็ช่วยมาเข้าฝันบอกฉันด้วยว่า เวลาที่ร่างของเธอกำลังร่วงลงไป เธอรู้สึกยังไง"
ผู้ชายคนที่กำลังจะได้ชื่อว่าเป็นสามีของฉัน แค่คิดก็ไม่อยากจะลืมตาตื่นขึ้นมาเลย เพราะเขาคือคนๆเดียวกับผู้ชายที่ทำให้ฉันป่วยจนแทบเอาตัวไม่รอด!
“เหลือเชื่อมากๆเลยที่ คุณเจคกำลังจะแต่งงาน และมันเหลือเชื่อยิ่งกว่า ที่ว่าที่เจ้าสาวของคุณเจคคือเธอ โอ๊ยยูริน สบายแล้วยูริน ใครที่มันนินทาเธอนะ เธอเตรียมตัวไปฟาดพวกนั้นได้เลย ภรรยาของผู้นำบลูอีเกิ้ลใครหน้าไหนก็ไม่กล้ามารังแกเธออีกแล้ว”
“นี่เธอรู้เรื่องนี้ได้ยังไง” ฉันแปลกใจตั้งแต่ที่ตื่นมาแล้วเจอนายอนแล้ว
“นี่ลืมเหรอว่าป๊ะป๋าของฉันเป็นใคร” เท่าที่รู้คือพ่อของนายอนทำงานให้กับมาเฟียใหญ่คนหนึ่ง นี่อย่าบอกนะว่า เจ้านายของพ่อนายอนคือคุณลุง! โลกกลมชะมัด
“ฉันไม่ดีใจหรอกนะที่จะได้แต่งงานกับคนแบบนั้น”
“ถึงคุณเจคไม่ตรงสเป็คแก แต่เดี๋ยวแต่งๆไปก็รักกันขึ้นมาเองนั่นแหละ” แปลว่านายอนอาจจะยังไม่รู้ถึงเงื่อนไขของการแต่งงานระหว่างฉันกับผู้ชายคนนั้นสินะ
“นี่บอกเลยนะ ตั้งแต่ที่ฉันรู้จักคุณเจคมา เขาไม่เคยยุ่งเกี่ยวกับผู้หญิงคนไหนเลย”
“จริงเหรอ จะเป็นไปได้ยังไง” คนแบบนั้นอ่ะนะ ผู้ชายที่ขโมยจูบคนอื่นไปทั่วแบบนั้น จะไม่ยุ่งกับผู้หญิง บอกว่าแมวบินได้ยังจะน่าเชื่อกว่า
“อืมจะว่าไปก็มีนะ....” นายอนทำท่าทางเหมือนกำลังใช้ความคิด เห็นมั้ยล่ะไม่มีทางหรอกที่เขาจะไม่ยุ่งเกี่ยวกับผู้หญิงคนไหน
“แต่ว่า...เหมือนผู้หญิงจะไม่ได้เต็มใจ” นายอนยังพูดไม่ทันจบเธอก็เอามือปิดปากของตัวเองเหมือนกับว่ากำลังพูดในสิ่งที่ไม่ควรพูดออกมา
“ช่างมันเถอะน่า จะผู้หญิงคนไหนก็ไม่สำคัญเท่ากับคนที่จะขึ้นมาเป็นนายหญิงของตระกูลจอนแบบเธอหรอก”
นายอนดูจะยินดีกับฉันมากๆ เพราะคงจะไม่รู้ว่าผู้ชายคนนั้นใช้วิธีไหนที่จะบีบบังคับให้ฉันมาแต่งงานกับเขา นายหญิงอย่างนั้นเหรอ ใครคิดที่จะเป็นกันล่ะ และคนอย่างเขาคงไม่นับว่าฉัน เป็นนายหญิงของที่นี่หรอก และในเวลาเดียวกันกับที่ฉันนั่งคุยกับนายอน คนที่เราสองคนกำลังพูดถึงก็เดินเข้ามาพอดี
“เออนี่ฉันสั่งข้าวต้มหมูให้แล้วนะ เห็นคุณเจคบอกว่าเธอไม่สบายเลยให้ฉันมาดูแล เห็นมั้ยว่าคุณเจคน่ะไม่ได้เลวร้ายขนาดนั้น เขาฉลาดมากที่ให้ฉันมาดูแลเธอ เพราะไม่มีใครที่จะดูแลยูรินได้ดีเท่านายอนคนนี้อีกแล้ว” ระหว่างที่นายอนพูดฉันก็บังเอิญมองไปยังคนที่ยืนกอดอกพิงประตูห้องไม่ยอมเข้ามา สายตาของฉันดันไปเผลอมองเขาเข้าพอดี ฉันไม่ได้อยากมองเขาหรอกนะ เป็นเพราะเขามองฉันอยู่ก่อนแล้วต่างหากล่ะ มองมามองกลับฉันไม่โกงหรอกนะ
“นินทาเจ้านายไม่ดีเลยนะอิมนายอน”
“อุ้ย!!! คุณเจค” นายอนตกใจไม่น้อยที่จู่ๆก็ได้เย็นเสียงนิ่งๆของเขา และไม่วายที่ยัยนั่นจะหันมาทำหน้ายักษ์ใส่ฉัน คงเพราะฉันไม่ยอมบอกว่าเขาเข้ามาในห้องนี้แล้วปล่อยให้นายอนพูดถึงเขาไม่ยอมหยุด
“มาเร็วดีเหมือนกันนี่” เขาพูดกับนายอน
“พอรู้ว่าเกิดอะไรขึ้นกับยูรินฉันก็รีบมาทันทีเลยค่ะคุณเจค คุณเจคไม่ต้องห่วงนะคะ ฉันจะดูแลเพื่อนรักของฉันเป็นอย่างดีเลยค่ะ”
“เธอไปพักได้นะนายอน ดูแลฉันมาตั้งแต่เมื่อคืนแล้ว ลำบากเธอแย่เลย”
“ตั้งแต่เมื่อคืน???”
“ก็นี่ไง เสื้อผ้าฉัน เธอเปลี่ยนให้ใช้มั้ยล่ะ แล้วนั่นอีก” ฉันชี้ไปที่กะละมังกับผ้าขนหนูที่ยังวางอยู่ที่โต๊ะหัวเตียง
"นั่นไงเธอเช็ดตัวให้ฉันใช่มั้ย ถึงว่า ตื่นมาแล้วรู้สึกว่าสบายตัว”
“เอ๋...??”
“แล้วก็เสื้อผ้านี่ด้วย เนี่ยไม่ใช่เสื้อผ้าของฉันสักหน่อย!!!” ใช่มั้ยไม่ใช่เสื้อผ้าของฉัน และมันเป็นเสื้อคอเต่าตัวใหญ่หลวมโคร่งที่ดูยังไงก็ไม่ใช่ของฉัน หรือของนายอนแน่ๆ นี่มันเสื้อผู้ชายชัดๆ อย่าบอกนะว่า!!!
“นี่คุณ!!!”
“นายอนเธอออกไปก่อน” ฉันโกรธจนตัวสั่นโดยที่ไม่รู้ว่านายอนออกจากห้องไปตอนไหน และตอนนี้ก็เหลือแค่ฉันกับเขาเท่านั้น
“มีปัญหาอะไร” ไอ้ท่าทางใช้ลิ้นดุนแก้มของเขานี่มันเคยมีใครบอกมั้ยว่ามันกวนประสาทสุดๆ
“คุณเปลี่ยน ก็คุณ เอ่อ คุณกล้าดียังไง!!!”
“เปลี่ยนเสื้อผ้าให้เธออ่ะนะ ต้องใช้ความกล้าด้วยเหรอ”
“คิดว่าหุ่นตัวเองดีเท่านางแบบวิคตอเรียซีเคร็ตรึยังไง”
“นี่คุณ!!!”
“ถึงฉันจะหุ่นไม่ดี คุณก็ไม่มีสิทธิ์มาทำแบบนี้ คุณมันคนฉวยโอกาส!”
“ฉวยโอกาส??? คนอย่างฉันอ่ะนะ ฉวยโอกาสกับไม้กระดานอย่างเธอ”
“ไม้กระดานงั้นเหรอ” มันก็แปลว่าเขาเห็นหมดแล้วใช่มั้ย เกลียดที่สุด ไม่เคยรู้สึกเกลียดใครเท่านี้มาก่อน
“แล้วอีกอย่าง เธอกำลังจะเป็นเมียฉันอยู่แล้ว ยังไงฉันก็ต้องเห็นอยู่แล้วป๊ะ?”
“ใคร??? บอกว่าคุณจะได้เห็นกันห๊ะ!!!”
“ก็เห็นไปแล้วมั้ย หรือจะเอายังไง จะดูของฉันคืนก็ได้นะ”
“คุณ!!!” เขามันกวนประสาทที่สุดเขาจงใจปั่นประสาทฉันจนคนใจเย็นอย่างฉันโมโหได้ มันต้องไม่ธรรมดาแล้ว เพราะตอนนี้ฉันดีดตัวขึ้นยืนเท้าเอวอย่างไม่พอใจเอามากๆ เขาคิดว่าตัวเองเป็นใครกันถึงได้ละเมิดร่างกายของฉันแบบนี้
“คุณมันคนนิสัยแย่ที่สุดเท่าที่ฉันเคยเจอมาเลย ที่ฉันป่วยมันก็เพราะคุณ แล้วคุณยังจะฉวยโอกาสกับฉันอีก คนเลว!!!”
“.........”
“แม่บ้านคุณก็มีตั้งเยอะแยะ ทำไมไม่ให้พวกเธอมาทำแทนล่ะ คุณทำเองทำไม มันก็เพราะว่าคุณเป็นผู้ชายมักง่ายที่ชอบฉวยโอกาสกับผู้หญิง”
“........” ฉันด่ากราดเขาชุดใหญ่จนตัวเองหายใจแทบไม่ทันแต่เขากลับยืนนิ่งไม่พูดไม่จาหรือตอบอะไรฉันมาสักคำ ที่เงียบนี่คือวิธีกวนประสาทอีกวิธีหนึ่งของเขาใช่มั้ย ไอ้คนบ้า
“คุณเจค!!!”
“ห๊ะ!!” เขาดูตกใจและเริ่มได้สติตอนที่ฉันตะโกนเรียกชื่อเขา
“พูดได้แล้วเหรอ”
“นะ นัมยูริน เธออย่ายืนค้ำหัวฉัน นั่งลง”
“พอได้สติก็สั่งเลยนะ ฉันไม่นั่ง!!”
“ฉันบอกให้นั่งลงนัมยูริน-*-...”
“ฉันไม่นั่ง!”
“ทำไมถึงดื้อได้ตลอดเวลาเลยวะ”
“ฉันไม่นั่งจนกว่าคุณจะขอโทษที่ถือวิสาสะกับฉัน”
“นั่งลงยูริน อย่าดื้อได้มั้ยวะ” เขากดเสียงต่ำลง
“ฉันไม่นั่ง จนกว่าคุณจะขอโทษมา!!” ฉันยื่นคำขาดออกไปด้วยความโมโหจนถึงขีดสุดแล้ว
“เออ ขอโทษที่เปลี่ยนเสื้อผ้าให้เธอ ขอโทษที่เห็นหมดแล้ว”
“ทีนี่นั่งลงได้รึยัง” หนอย เขาทำขนาดนี้ยังจะมาสั่งให้คนอื่นนั่งลงอีกอย่างนั้นเหรอ การที่ฉันยืนมันมีปัญหาอะไรนักหนา
“ไม่นั่ง”
“ฉันไม่ใช่หมานะ มาสั่งให้นั่งอยู่ได้”
“เออ ไม่ต้องนั่งก็ได้ แล้วฉันก็คงต้องขอโทษเธออีกเรื่อง”
“???” อะไร นี่เขาทำอะไรฉันอีก อย่าบอกนะว่า....เขาทำเรื่องเเบบนั้นกับฉัน เขาขืนใจคนป่วยอย่างฉันได้ลงคออย่างนั้นเหรอ เลวที่สุด
“ขอโทษที่ลืมใส่กางเกงให้เธอ”
“เฮ้อ....” ค่อยยังชั่ว ที่เเท้เขาก็แค่ลืมใส่กางเกงให้ฉันแค่นั้นเอง
“!!” แต่เดี๋ยวนะลืมใส่กางเกงแปลว่าเขาสวมให้ฉันแค่เสื้อเท่านั้น มันก็เท่ากับว่า...ฉันกำลังสวมเสื้อของเขาเเพนตี้ของฉันเท่านั้น เเละตอนนี้ฉันกำลังยืนอยู่บนเตียงต่อหน้าเขา
“กรี๊ดดดดดดดดดดดด!!!!”
“เธอ...ดื้อเองนะนัมยูริน”
End Yurin’s Part
ไอ้คนโรคจิตในสายตาของนัมยูรินยิ้มอย่างพอใจที่เขาแกล้งคนดื้อด้านได้ ก่อนจะเดินออกจากห้องไปหน้าตาเฉย ทิ้งให้คนตัวเล็กที่ทั้งชีวิตนี้ไม่เคยมีใครได้เห็นร่างกายภายใต้เสื้อผ้าอาภรณ์ของตัวเองเลยสักครั้ง และไม่คิดเลยว่าคนแรกที่ได้เห็นจะเป็นเขา ผู้ชายร้ายกาจคนนั้น
“ฟู่ว....” ลมหายใจเฮือกยาวถูกพ่นออกมาจากปากของจอนจองกุกหลังจากที่เขาปิดประตูห้องนอนของตัวเองที่ตอนนี้ถูกว่าที่ภรรยายึดไปแล้ว
“คุณเจคร้อนเหรอครับ”
“ร้อนอะไร?”
“ก็คุณเจคเพิ่งจะพ่นลมหายใจออกมายาวๆ”
“แล้วตอนนี้หูคุณเจคก็แดงมากด้วยครับ”
“!!!”
“คงร้อนมากเลยเลยใช่มั้ยครับ ให้ผมเร่งแอร์ให้มั้ยครับ”
“มะ...”
“แต่ว่าตอนนี้ห้องนี้ก็เย็นจนผมขนลุกเลยนะครับ ทำไมคุณเจคที่ออกมาจากห้องคุณยูริน ถึงได้มีอาการแปลกๆ หรือว่าคุณเจคจะไม่ได้ร้อน แต่เป็นอาการอย่างอื่นน้า....”
“น้าบนหน้ามึงอ่ะ ว่างมากก็ไปตาย”
“ตายแล้วใครจะอยู่กับคุณเจคล่ะครับ”
“ไอ้...”
“ผมขอตัวไปเช็คความเรียบร้อยด้านนอกก่อนนะครับ” ยังไม่ทันที่คนเป็นนายจะได้พูดอะไร อีกอนก็ไหวตัวทันเดินออกไปจากห้องไปอย่างหน้าตาเฉย
“กวนประสาทชิบหาย”
ใครกัน? ใครหูแดง? ใครใจเต้นแรงกับการได้เห็นสิ่งที่ไม่ควรเห็นกัน แค่ขาขาวๆเนียนๆน่าขย้ำ ก็เเค่นั้นเอง ใครจะอ่อนหัดขนาดนั้นกัน ที่แน่ๆต้องไม่ใช่คนอย่าง 'จอนจองกุก' อย่างแน่นอน
100%
End Ep.05
อย่าลืมไปเม้ามอยกันได้ในเเท็ก #พี่เจคใจเย็น กันน้า
เอ๋ๆๆ ใครใจเต้นเเรง ใครเขิน ใครหน้าเเดง ไม่มี๊
นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ

รอเลยค่าาา
ชอบความลูกน้องแซวอรั๊ยมาต่อนะคะสู้ๆ
《รอทุกวันเลยไรท์ทึของเค้า》
มาอัปไวๆนะคะ:)
หื้มมมมมม ตอนเปลี่ยนเสื้อไม่ได้รู้สึกแบบนั้นนะคะคุณเจค
พี่เจคหลอกตัวเองเก่นนะคะ
อีกอนก้กวนมากเเม่..
ต่อค่า
มาต่อนะคะรอออ
โอ๊ยยย! อีกุกลืมอะไรไม่ลืม ลืมใส่กางเกงให้5555
ตายแล้ว อายแทน555 อะไรที่บอกว่าลืมใสกางเกงให้ห้ะ!! นางเอกช้านนนน5555โอ้ยขำ~
หูแดงเชียวน้าาาา ไม่คิดอะไรจริงหรอค่า คุณเจคคค!! อรั้ยๆ
มาต่อไวๆนะคะเค้ารออยู่นะ😘