คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #18 : EP12 : You make me tried 100 %
"ถ้าไม่อยากให้ฉันเหนื่อย ก็กลับไปซะ"
"เพราะยิ่งเธออยู่ ก็ทำให้ฉันยิ่งเหนื่อย"
"พี่เจค"
เธออดทนแล้วจริงๆที่จะไม่หวั่นไหวต่อความเย็นชาของเขา
เพราะเธอทำใจมาแล้วว่าเขาโกรธเธอมากแค่ไหน
แต่พอเจอเข้าจริงๆ ความเย็นชาและคำพูดใจร้ายเหมือนเมื่อแรกเจอไม่มีผิด
ทั้งๆที่เคยเจอมาแล้ว แต่ในเวลานี้ สายตาติดรำคาญ น้ำเสียงที่เย็นชา
และคำพูดร้ายกาจของจอนจองกุก มันสั่นคลอนหัวใจของเธอเหลือเกิน
ร่างบางสูดหายใจเข้าลึกๆอีกครั้ง
เธอแหงนหน้ามองเพดานเพื่อไล่น้ำตาไม่ให้ไหลลงมา เพราะหากเธอร้องไห้ตอนนี้
เขาคงยิ่งรำคาญเธอมากกว่าเดิมเป็นแน่
ในหัวนึกถึง 'ไม้ตาย' ที่เพื่อนจอมทะเล้นอย่างนายอนแนะนำมา
ทั้งๆที่บอกกับตัวเองไว้แล้วว่าจะไม่ใช้วิธีโลดโผนของนายอนเป็นอันขาด
แต่มาถึงขนาดนี้แล้ว เธอจะทำให้สามีเห็นให้ได้ว่าเธอแคร์
และอยากปรับความเข้าใจกับเขามากแค่ไหน อันที่จริงตลอดสัปดาห์ที่ผ่านมา
ยูรินก็พยายามมาตลอด แต่มันก็ยังไม่เพียงพอ จนเธอหมดหนทางเพราะสามีใจหินเกินทน
“ผู้ชายน่ะ
ร้อยทั้งร้อยแพ้เมียรุกทั้งนั้นแหละ ลองเป็นแม่เสือสาวดูบ้างสิ”
ยูรินเปลี่ยนความเศร้าและน้ำตาที่กำลังจะไหลมาเป็นความฮึกเหิมและเพิ่มความกล้าให้กับตัวเองมากขึ้น
ณ เวลานี้เธอไม่สนใจอะไรทั้งนั้น ไม่อายอะไรอีกแล้วด้วย
เธอจะทำทุกทางเพื่อให้ผู้ชายใจหินตรงหน้ายอมศิโรราบและให้อภัยเธอให้ได้
สองมือเล็กยกกระเป๋าถือใบโปรดขึ้นมากำไว้แน่น
ก่อนที่จะคว่ำมันลงเพื่อให้ของทุกอย่างที่อยู่ภายในร่วงหล่นลงบนพื้น
และในวินาทีนั้นเองจอนจองกุกก็ได้ยินเสียงข้าวของที่ตกกระจัดกระจาย
แต่เขาก็ยังคงไม่สนใจอะไรทั้งนั้นเอาแต่ก้มหน้าก้มตาอ่านเอกสารกองโตบนโต๊ะต่อไป
จนเมื่อรู้ตัวอีกที
มาเฟียหนุ่มก็ถึงกับตกใจเมื่อเห็นว่าภรรยาของเขาไม่ได้ยืนอยู่ที่เดิมอีกแล้ว
แต่ตอนนี้เธอย้ายมาอยู่ในที่ที่เขาไม่คิดว่าเธอจะอยู่
“เธอ!!ไปทำอะไรใต้โต๊ะ!”
“หาของค่ะ” ร่างบางที่กำลังก้มๆเงยๆอยู่ใต้โต๊ะทำงานของเขาช้อนสายตาขึ้นมามองเขาช้าๆ
“แล้วหาเจอรึยัง”
“ยังไม่เจอเลยค่ะ”
“แต่ตอนนี้เหมือนจะเจอแล้วนะคะ”
“เจอแล้วก็...!!” กายแกร่งสะท้านไปทั้งร่างเมื่อมือบางคว้าหมับเข้าตรงจุดที่ไม่ควรถูกจับต้องในเวลานี้
“นัมยูริน เธอคิดจะทำอะไร
หยุดเดี๋ยวนี้ แล้วขึ้นมาจากใต้โต๊ะซะ!!!”
ก๊อกๆๆๆ
“อึก...”
“คุณเจคครับ
มีเอกสารที่ต้องเซ็นด่วนครับ” เป็นเสียงของอีกอนที่เคาะประตูอยู่หน้าห้อง
และจอนจองกุกรู้ดีว่าเอกสารนั้นมีความสำคัญยังไง
เขาเลี่ยงที่จะไม่ให้อีกอนเข้ามาภายในห้องตอนนี้ไม่ได้
“เข้ามา..” เขาบอกกับอีกอนแล้วจึงก้มลงไปมองเมียตัวดี
ที่กำลังท้าทายเขาอยู่ใต้โต๊ะทำงานเพื่อกำชับบางอย่างกับเธอ
“อย่าเสียงดัง”
“ไม่เสียงดังอยู่แล้วค่ะ
พี่เจคก็อย่าเสียงดังไปนะคะ”
“อื้อ...ยูริน เธอ!!”
“คุณเจคครับ”
มาเฟียหนุ่มเงยหน้าขึ้นมองคนที่เดินเข้ามาใหม่
โดยที่เขาพยายามปรับสีหน้าให้เป็นปกติที่สุด
โชคดีที่โต๊ะทำงานของเขาถูกออกแบบให้ด้านหน้ามีฉากกั้นเอาไว้ เลยทำให้อีกอนไม่สามารถมองเห็นสิ่งที่กำลังเกิดขึ้นที่ใต้โต๊ะได้
ส่วนยูรินที่เข้าไปในนั้นได้ก็เพราะด้านข้างทั้งสองด้านของโต๊ะทำงานราคาหลักล้านตัวนี้ไม่ได้มีอะไรปิดกั้นไว้เหมือนด้านหน้า
“คุณเจคครับ”
“ฮะ ฮะ นายพูด ว่า ว่าอะไรนะ”
“คุณเจคเป็นอะไรรึเปล่าครับ
สีหน้าดูไม่ค่อยดี ปากคุณเจคดูสั่นๆ”
“แค่ หนาวน่ะ”
“งั้นเดี๋ยวผมเบาแอร์ให้ครับ”
“หยุดอยู่ตรงนั้น!!!” ที่ต้องรีบห้ามเพราะตัวปรับอุณหภูมิของเครื่องปรับอากาศมันอยู่ทางด้านหลังของเขาเอง และถ้าอีกอนเดินไปตรงนั้นล่ะก็ คงได้รู้แน่ว่ายัยตัวเล็กของเขากำลังเล่นแผลงๆอะไรอยู่ใต้โต๊ะ
“มันไม่ได้ นะ หนาว ซี้ด... ขนาดนั้น”
“เชื่อแล้วครับ
เพราะตอนนี้คุณเจคกำลังเหงื่อออกอยู่” อีกอนพูดด้วยใบหน้าเต็มไปด้วยความสงสัย
เมื่อเห็นว่าใบหน้าเจ้านาย มีเม็ดเหงื่อผุดพราวขึ้นมา
“อ่ะ เซ็นแล้ว ออกไปได้” อีกอนพยักหน้ารับแล้วเอื้อมคว้าแฟ้มเอกสารคืนไป
“คุณยูรินล่ะครับ”
“อ่า...ฮะ อ้อ ไม่รู้สิ คงไปเข้าห้องน้ำ”
“แล้วนี่ทำไมของตกอยู่เต็มพื้นเลยล่ะครับ
ผมเก็บให้ดีกว่า”
“ไม่ต้อง!” อีกอนเป็นคนช่างสังเกตอยู่แล้ว
แล้วยิ่งเห็นท่าทีที่ไม่ปกติของเจ้านาย มันทำให้เขาเป็นกังวลขึ้นมา
“เธอทำตกเอาไว้
เดี๋ยวให้มาเก็บเอง”
“มีคนเก็บให้ตลอด
เดี๋ยวเสียนิสัยกันพอดี อื้อ...อ่า...” ใบหน้าของมาเฟียหนุ่มบิดเบี้ยวไปพร้อมกับซู้ดปากไปด้วย
เขารู้ตัวเลยว่าถ้าอีกอนยังคงอยู่ในห้องนี้ เขาจะได้เห็นสิ่งที่ไม่ควรเห็นแน่ๆ
“คุณเจคป่วยใช่มั้ยครับ”
“เออ ป่วย รีบออกไปเลย
ฉันจะพักผ่อน แล้วล็อคประตูด้วย ฉันไม่ต้องการให้ใครเข้ามารบกวน” จอนจองกุกปรับเสียงให้ฟังแล้วนิ่งที่สุด
เพื่อให้อีกอนรีบออกไป และมันได้ผล อีกอนไม่อยากรบกวนเวลาพักผ่อนของผู้เป็นนาย
จึงรีบออกจากห้องไป
“นัมยูรินหยุด
แล้วขึ้นมาเดี๋ยวนี้ อ่า...”
“อยากให้หยุดจริงๆเหรอคะ”
“เธอนี่มัน....”
Yurin Part
ตอนได้ยินสิ่งที่นายอนแนะนำมา
ปากฉันก็พูดไปอย่างนั้นแหละว่าจะไม่ทำ
แต่ก็แอบไปหาคลิปมาดูเพื่อศึกษาเอาไว้เหมือนกันว่า การ ‘รุก’ สามีก่อนมันต้องทำยังไงบ้าง
เผื่อไว้ใช่ยามจำเป็นเฉยๆ และตอนนี้แหละ ไอ้ ‘ยามจำเป็น’ มันก็มาถึงแล้ว
ฉันทำมาหมดทุกทางแล้ว
โทรหา ฝากข้อความ ไลน์หา อัปไอจีเรียกร้องความสนใจโดยที่ลืมไปว่าเขาไม่ได้ฟอลฉัน
พยายามไปเจอทุกที่ที่คิดว่าเขาไป แต่เพราะเขารู้ความเคลื่อนไหวของฉันทุกทาง
พอรู้ว่าฉันจะตามไปหาที่ไหนหรือเมื่อไหร่ เขาก็หนีฉันได้ทุกที
แต่ฉันน่ะสิที่ไม่รู้อะไรเกี่ยวกับเขาเลย รู้สึกเสียเปรียบชะมัด
ตลอดสิบวันที่ผ่านมา ฉันเอาแต่ไล่ตามเขาเหมือนคนโง่
ที่รู้สึกเหมือนตัวเองกำลังจะถูกทิ้งเหมือนที่ยัยผู้หญิงพวกนั้นเอาเรื่องของฉันไปเมาท์กัน
แต่ใครจะยอมกันล่ะ
พอวันนี้เจอตัวจนได้ แต่ก็ยังไม่สนใจฉัน ทั้งเย็นชา ทั้งพูดทำร้ายความรู้สึกกันอีก
เพราะเข้าใจว่าฉันทำผิดหรอกนะ ถึงได้ยอมขนาดนี้
และฉันหมดความอดทนที่จะใช้วิธีตามวิถีกุลสตรีแล้วด้วย
คงต้องใช้ไม้ตายอย่างที่นายอนบอกจริงๆ
และบอกเลยว่าฉันน่ะเรียนรู้เก่งมากเลยล่ะ
“ได้
ในเมื่อไม่สนใจกันนักใช่มั้ย มาลองดูว่าจะใจแข็งได้นานแค่ไหน”
ฉันเททุกอย่างที่อยู่ในกระเป๋าให้มันระเนระนาดลงบนพื้นด้วยความสะใจที่มันมีบางส่วนกลิ้งไปถึงใต้โต๊ะทำงานของเขาพอดิบพอดีราวกับจับวาง
จากนั้นฉันก็ทำเป็นก้มลงไปเก็บมันไปเรื่อยๆจนไปถึงใต้โต๊ะทำงานของคนใจหินนั่นแหละ
“หึ คอยดูนะ จะทำให้ร้องจนเสียงหลงเลย”
+++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++
CUT NC
เลือกอ่าน Dek d Ver. นะคะ
เเอคทวิตเตอร์ @Lilyn_T_V จะย้ายไปอยู่ใน เมนชั่นของ Pin (ปักหมุด)
กลุ่มเฟสบุ๊ค Lilyn-Fic อยู่ในโพส 'ประกาศ' ค่ะ
+++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++
เมียตัวแสบของผมสิ้นฤทธิ์จนหลับไปแล้ว
หลับคาอย่างที่ผมพูดเอาไว้ไม่มีผิด แต่จะไม่ให้เธอเหนื่อยได้ยังไง
ขนาดผมโดนเธอรีดไปหกรอบขาก็สั่นเหมือนกันนะเอาดีๆ
แล้วยัยตัวดีจอมอวดเก่งของผมจะเหลืออะไร อันที่จริงเธอก็เก่งขึ้นมากจริงๆนั่นแหละ
ก็ถึงได้บอกไงว่าให้กลับไปก่อน
เพราะถ้าเธออยู่เธอต้องทำผมเหนื่อยอย่างที่เป็นอยู่ตอนนี้ไง ผมพูดไม่เคลียร์ตรงไหน???
ไม่คิดเหมือนกันว่าเธอจะใช้ปากกับผมได้เก่งขนาดนั้น
แบบนี้ผมคงต้องขอให้เธอทำให้บ่อยๆแล้วล่ะ เอ๊ะ หรือจะแกล้งงอนเธอบ่อยๆดีนะ
“หยุดคิดก่อนไอ้เจค”
เพราะผมเป็นคนที่มีประสาทสัมผัสไวมากๆ
มันทำให้ถึงแม้จะผ่านกิจกรรมที่เหน็ดเหนื่อยมาแค่ไหน
ก็ยังตื่นได้ง่ายๆเพราะเสียงโทรศัพท์ที่เปิดระบบสั่นเอาไว้ดังขึ้น
ตอนนี้ผมพาเธอกลับมาที่ห้องของเราแล้วนะโดยโทรให้นายอนเอาเสื้อผ้าของเธอไปส่งให้ที่ห้องทำงานผม บอกเลยว่าหน้าของยัยเด็กนั่นตอนเห็นสภาพห้องทำงานของผมที่ข้าวของตกระเนระนาด
ผมก็พอรู้เลยว่าอิมนายอนคงจะรู้ได้ไม่ยากว่าก่อนหน้านั้นเกิดอะไรขึ้น
+++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++
ผมเอื้อมมือไปหยิบมันขึ้นมา
และเบอร์ที่โทรเข้ามาทำให้ผมไม่แปลกใจเลยว่าทำไมถึงโทรมาหาผมดึกดื่นแบบนี้ เพราะเวลาของผมกับปลายสายไม่ตรงกัน
ถามว่าคนโทรมาแคร์มั้ยว่าจะรบกวนเวลานอนของคนอื่น ก็ถ้าแคร์คงไม่โทรมาหรอก
“ว่า..” ผมกดรับสาย
(ย่าห์ เป็นเด็กเป็นเล็ก
หัดทักทายให้มันสุภาพหน่อย) คิดไว้ไม่มีผิดว่าถ้ารับสายนี้ผมจะต้องได้ยินเสียงแหลมๆบ่นผมเหมือนทุกที
“ยังไม่ชิน? แล้วโทรมามีอะไร”
(จอนเจค
มีเมียแล้วทำไมไม่พาเมียมาเจอฉันฮะ?)
ถ้ายังสงสัยว่าเธอคือใครทำไมถึงได้กล้าแผดเสียงแหลมๆกับผมได้
เธอคือผู้หญิงคนเดียวที่ผมยอมให้ทำแบบนั้น
เพราะเธอเป็นผู้หญิงที่น่ารำคาญที่สุดในโลกยังไงล่ะ
ถ้าไม่ติดว่าเป็นพี่สาวแท้ๆล่ะก็.... แล้วพูดอย่างกับจะเจอกันได้ง่ายๆ
เธอกับครอบครัวอยู่ไกลถึงอเมริกา
“แล้วพี่ล่ะ
ทำไมไม่พาหลานมาหาผมบ้าง”
(อย่ามาย้อนนะ
มีเมียแล้วก็ทำเองสิ จะถามหาหลานทำไมยะ)
“........” หมายถึงให้ผมมีลูกใช่มั้ย
(เงียบอีกแล้ว... เจค
ลืมมันไปได้แล้ว ทุกอย่างมันผ่านไปแล้ว ไม่แน่นะว่ายัยหนูอาจรอเกิดเป็นลูกแกอยู่ก็ได้) ที่พี่สาวผมพูดแบบนั้นเพราะลูกทั้งสามคนของเธอเป็นผู้ชายทั้งหมด
(น้องรอนานแล้ว รีบๆมาสักที)
“เพ้อเจ้อ...”
(ย่าห์ ไอ้น้องบ้า
คนอุตส่าห์เป็นห่วง)
“เด็กทั้งคน
พูดอย่างกับทำได้ง่ายๆ”
(แล้วมันยากรึไง?)
“ถ้าหมายถึงวิธีทำ ก็ไม่ยากนะ
เพิ่งทำไป”
(กรี๊ดดดด
เบามือกับน้องสะใภ้ฉันหน่อยนะ)
“หึหึหึ”
(หัวเราะแบบนี้
แปลว่าไม่ทันแล้วสินะ)
(ยินดีกับตำแหน่งผู้นำด้วย
ดูแลตัวเองดีๆ ตอนนี้แกไม่ได้ตัวคนเดียวแล้ว)
(พี่กับหลานคิดถึงแกนะเจค)
เวลาฮวาพูดจาจริงจังทีไร ผมก็ไปไม่เป็นทุกที
เราสองคนพี่น้องอายุห่างกัน ห้าปีแถมยังคนละเพศมันยิ่งทำให้เราไม่ค่อยได้พูดคุยกันมากเท่าไหร่
ก็เลยแสดงออกด้วยการตีกันมากกว่า หมายถึงเธอนะที่ตีผมอยู่เรื่อย
“ครับ พี่ก็ดูแลตัวเองด้วย”
(ไม่ต้องดูแลแล้วมั้ง
ผู้ชายล่ำบึ้กยืนอยู่รอบบ้านยันหน้าปากซอย)
“อ่ะ เหรอ สงสัยคนของพ่อ”
(พ่อเหรอ หึหึหึ
ฉันไม่ได้โง่นะยะ แค่นี้แหละ ไปป้อนนมก่อน)
“จุนสามขวบแล้ว
ยังกินนมแม่อยู่เหรอ”
จุนคือลูกชายคนเล็กของพี่ฮวา
(ไม่ได้ป้อนลูกหรอก แค่นี้นะ
บายโบร)
รีบวางแบบนี้ก็เข้าใจแล้วว่าไปป้อนนมใคร -_-
ผมค่อยๆลุกจากเตียงเพื่อให้เกิดการรบกวนคนตัวเล็กให้น้อยที่สุด
เมียผมเหนื่อยมาหลายชั่วโมง ผมอยากให้เธอพักผ่อน ใบหน้าของเธอดูซูบผอมไปนิดหนึ่ง
คงเพราะผมเองที่ทำให้เธอกังวลและคิดมากจนเธอนอนไม่หลับมาหลายคืน
มันไม่ใช่แค่เธอหรอก ผมเองก็ไม่ได้ต่างกัน
ตั้งแต่วันที่พายูรินกลับมาจากที่นั่น
ผมก็ไปนอนที่อื่นอยู่เรื่อยๆ เพราะผมยังเจอเธอไม่ได้จริงๆ
ยิ่งมองหน้าก็ยิ่งรู้สึกผิดว่าผมปกป้องเธอไม่ได้เลย ยิ่งเห็นเธอ คำถามที่ว่า ถ้าวันนั้นผมพาเธอกลับมาไม่ได้
ผมจะมีชีวิตอยู่ต่อไปได้ยังไงมันก็เกิดขึ้น และอีกอย่างหนึ่งคือผมโกรธเธอมากที่เธอไม่ระวังตัว
และอยากลงโทษให้เธอหลาบจำว่า ถ้าเธอก้าวเข้ามาในโลกของผมแล้ว
เธอไม่ควรไว้วางใจใครหน้าไหนทั้งนั้น
แต่การลงโทษเมียตัวเองมันก็เป็นเหมือนการลงโทษตัวผมเองไปด้วย
ทุกคืนที่ไม่มีเธอนอนข้างๆ ผมไม่อาจข่มตาให้หลับได้สนิทจริงๆเลยสักคืน
ผมโหมงานหนักๆเพื่อจะได้หยุดคิดเรื่องของเธอ แต่ก็ทำไม่ได้หรอก
คิดถึงจนแทบจะบ้าอยู่แล้ว
เพราะสิ่งที่พี่ฮวาพูดมันทำให้ผมเดินมายังห้องห้องหนึ่งที่ผมไม่ได้เข้ามาเกือบปีได้แล้วมั้ง
ห้องในสุดทางปีกขวาของชั้น 47 ที่ผมอยู่นี่แหละ
ห้องนี้คงสะอาดอยู่เสมอเพราะผมสั่งให้คนดูแลมาทำความสะอาดตลอด
ถึงแม้เจ้าของห้องจะไม่อยู่ก็ตาม ไม่สิห้องนี้ไม่เคยมีใครมาอยู่เลยต่างหากล่ะ
มือผมเอื้อมคว้าสิ่งที่วางอยู่ไม่ไกลขึ้นมา
ไม่ว่าเวลาจะผ่านไปนานแค่ไหนขนของมันก็ยังคงนุ่มฟูไม่เปลี่ยนเลย เหมือนกับคราบสีเข้มที่เลอะที่ยังคงติดฝังอยู่
คราบที่เคยเป็นสีแดงสดแล้วค่อยๆเปลี่ยนเป็นเข้มขึ้นอย่างที่เห็น
แม้จะให้แม่บ้านซักทำความสะอาดกี่ครั้งต่อกี่ครั้ง
ก็ทำได้เพียงให้สีเข้มๆนั้นจางลงไปได้บ้าง แต่มันไม่เคยหายไป
คงเหมือนกับรอยแผลที่อยู่ในใจของผมล่ะมั้ง ที่มันเหมือนกับว่าหายดีแล้ว
แต่มันยังคงทิ้งรอยแผลเป็นเอาไว้ ให้ผมยังคงคิดถึงมันอยู่เสมอ
“พี่ขอโทษนะ”
“ขอโทษจริงๆ”
End
Jungkook Part
สองแขนแกร่งกอดตุ๊กตากระต่ายสีชมพูเอาไว้แน่น
เมื่อภาพในอดีตหวนกลับมาหลอกหลอนอีกครั้งจนได้ ช่วงเวลาที่อดีตนำพาความรู้สึกของจอนจองกุกให้จมดิ่งไปกับอดีตอันเลวร้ายอีกครั้ง
ภาพความเจ็บปวดที่ฝังอยู่ในความรู้สึกดั่งรอยแผลเป็นที่ไม่มีวันจางหาย
เหตุการณ์ที่ทำให้เด็กชายจอนจองกุกในวันนั้น ยังคงกล่าวโทษตัวเองอยู่เสมอว่า
มันเป็นเพราะเขาที่อ่อนแอ เพราะเขาเองที่ไม่สามารถปกป้องคนที่รักได้
จนเป็นแรงผลักดันให้เขาพยายามทำทุกทางเพื่อให้
จอนจองกุกในวันนี้แข็งแกร่ง เพื่อปกป้อง คนที่เขารัก ศักดิ์ศรีของวงศ์ตระกูล
ความยิ่งใหญ่ของบลูอีเกิ้ล และคนของเขาทุกคนให้จงได้
ถึงแม้ภายนอกของเขาจะดูเข้มแข็งสักเพียงไหน แต่เมื่อใดก็ตามที่เขานึกถึงอดีต
มันก็สามารถทำให้เขากลับมาอ่อนแอดั่งเช่นในวันนั้นอยู่ร่ำไป
แต่ในวินาทีที่มาเฟียหนุ่มกำลังจะจมดิ่งสู่ความเจ็บปวดที่ลึกที่สุด
ความทรงจำที่หนาวเหน็บจนพาลให้น้ำตาเจียนจะไหลหล่นลงมาอีกครั้ง
เขาก็รู้สึกได้ถึงความอบอุ่นที่แผ่ซ่านจากทางด้านหลังของตัวเอง
ความอบอุ่นที่ฉุดให้เขาขึ้นมาจากความมืดมิดอันเจ็บปวด เป็นความอบอุ่นที่มาจาก
อ้อมกอดเล็กๆที่แม้เขามองไม่เห็นใบหน้า เขาก็รับรู้ได้ว่า
ใครคือคนที่นำพาแสงสว่างมาสู่ชีวิตของเขาอีกครั้ง
“พี่ทำเธอตื่นเหรอ”
“เปล่าค่ะ
แค่สะดุ้งตื่นมาแล้วหาพี่ไม่เจอ กลัวสามีหาย เลยเดินตามหา จนเจอว่าพี่เดินมาทางนี้
ก็เลยตามมาค่ะ”
“อย่างนี้นี่เอง” เธอทำให้เขายิ้มออกมาจนได้
“พูดกับฉันได้มั้ยคะ”
“สิ่งที่อยู่ภายในใจของพี่
แบ่งมันมาให้ฉันรับรู้บ้างได้มั้ยคะ” สามีภรรยาไม่ใช่แค่คนสองคนที่แต่งงานกันหรือแค่คนที่รักกันเท่านั้น
หากแต่คือคนทั้งสองที่ต้องร่วมแบ่งปันทั้งความทุกข์และความสุขซึ่งกันและกัน
“พี่แค่กลัว...ว่าถ้าวันหนึ่งเราสองคนมีลูกพี่กลัวว่า...”
“กลัวจะดูแลเขาได้ไม่ดีพอใช่มั้ยคะ” เป็นคำถามที่ตรงกับความคิดของจอนจองกุก
เขายังคงกลัวการสูญเสีย
“พี่กลัว
ทุกอย่างจริงๆ”
“สามีของยูรินเก่งอยู่แล้วค่ะ”
“ถ้าวันหนึ่งเราสองคนมีเจ้าตัวเล็ก
ฉันเชื่อว่าพ่อเจคจะต้องปกป้องพวกเขาได้อยู่แล้วค่ะ” เสียงหวานกับคำพูดน่าฟังของคนเป็นภรรยา
มันเยียวยาความกลัวในจิตใจของจอนจองกุกได้อย่างเหลือเชื่อ
“แต่ก็แอบกลัวว่าเด็กๆอาจจะเป็นภาระของพี่”
“ไม่สิ ต้องเรียกว่า
พวกเขาจะเป็นความรับผิดชอบของเราทั้งสองคน”
จอนจองกุกแย้ง
“ว้าย!!!”
“พี่เจคอุ้มฉันทำไมคะ” หญิงสาวที่กำลังกอดสามีจากทางด้านหลังตกใจมากที่จู่ๆ
จอนจองกุกก็หันมาอุ้มเธอขึ้นอย่างรวดเร็ว
“แล้วจะพาไปไหน” เมื่อขายาวๆก้าวออกมาจากห้อง
นัมยูรินก็เอ่ยถามอีกครั้ง
“ไป ‘เพิ่มความรับผิดชอบ’ ให้ตัวเองสักหน่อย”
จอนจองกุกพูดด้วยใบหน้านิ่งๆตามสไตล์ของเขา
แต่คนฟังรู้ได้เลยว่าภายใต้สีหน้าเรียบเฉยนั้น สามีของเธอกำลังคิดอะไรอยู่ในหัว
“แต่ วันนี้พี่ทำไปเยอะแล้วนะคะ>.<”
“วันนี้ที่ไหน
เมื่อวานต่างหาก” เธอเพิ่งนึกขึ้นได้ว่าก่อนจะเดินออกจากห้องมาเธอเหลือบดูนาฬิกาไปครั้งหนึ่งและมันบ่งบอกว่าเป็นเวลาตีหนึ่งแล้ว
“ของแบบนี้
ต้องทำทุกวันนะครับคนดี”
แค่คนดีก็ยอมเขาทั้งตัวทั้งหัวใจแล้ว
นี่มาเจอคำว่า ‘ครับ’ จากสามีจอมโหดอีก แบบนี้เธอจะขัดใจเขาได้ยังไง
นอกจากให้ความร่วมมือช่วยเขา ‘สร้างความรับผิดชอบ’ ขึ้นมาด้วยกัน
เพราะลำพังเขาแค่คนเดียวจะสร้างสิ่งมหัศจรรย์นั้นขึ้นมาได้ยังไงกันล่ะ
End EP:12
100%
ฝาก สตรีมเเท็ก #พี่เจคใจเย็น ด้วยน้า
ชื่อทางการติดต่อไรท์
twt : @Lilyn_T_V
Facebook group : Lilyn-Fic
ความคิดเห็น