คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #6 : ฉันต้องการลูกโป่ง
ถูกกักบริเวณ นั่นคือสิ่งที่ฉันรู้สึกและสิ่งนี้ไม่มีใครอื่นทำนอกจากแม่ของฉันหลังจากที่ฉันแสดงความสามารถนั้นออกมา
ตั้งแต่วันนั้นเป็นต้นมา เธอก็ไม่ห่างจากฉันเลย คอยมองฉันเหมือนผีตลอดเวลา ในระหว่างวันเธอก็จะเอาผ้ามัดฉันไว้กับหลังเพื่อทำงานบ้านโดยฉันก็จะนอนบนหลังเธออย่างสงบ
ตั้งแต่วันนั้นก็ผ่านมาหนึ่งเดือนแล้ว และเนื่องจากการกระทำของแม่ กิจวัตรประจำวันของฉันก็เปลี่ยนไป ฉันนอนตลอดทั้งวันมีเพียงเนจิเข้ามาเล่นกับฉันในตอนที่ตื่นขึ้นเท่านั้น
ฉันเล่นกับเขาเป็นเวลาหนึ่งชั่วโมงพร้อมกับที่ฝึกฝนเนตรสีขาวอย่างต่อเนื่อง
ตอนกลางคืนเองฉันก็ฝึกการควบคุมจักระและเนตรสีขาว
และแน่นอนว่าจะลืมการแกล้งแม่ที่ปกป้องฉันมากเกินไปได้ไงกันเล่า? เธอเริ่มร้องไห้กลางดึกเพื่อรบกวนการนอนหลับอันสบายใจของแม่
'ถ้าฉันไม่ได้ คนอื่นก็ต้องไม่ได้!'
และนี่สถานการณ์ปัจจุบันของฉัน แม่ลืมตาแล้วรีบวิ่งเข้ามาหาฉัน
"เป็นอะไรหรือลูกรัก? ร้องไห้ทำไมจ๊ะ" เธออุ้มฉันขึ้นจากเปลอย่างกังวลแล้วถาม
เสียงสะอื้นของเธอหยุดลงและเธอก็มองดูใบหน้าที่เป็นกังวลของแม่ เธออยากจะหัวเราะให้ดังจริงๆ ดูหน้าหล่อนสิ และแน่นอนว่าฉันก็หัวเราะ
"เจ้าปีศาจน้อยนี่ ให้แม่ได้นอนอย่างสบายใจหน่อยเถอะ" เธอเหล่ตามองไปที่ฉันที่หัวเราะคิกคัก
สิ่งนี้เกิดขึ้นทุกคืน บางทีเป็นหนึ่งหรือสองครั้งต่อคืนและเธอเริ่มรู้สึกว่าเจ้าเด็กตัวแสบทำสิ่งนี้โดยตั้งใจ
ฉันแกล้งหลับอย่างสนุกสนาน เธอวางฉันไว้บนเปลแล้วถอนหายใจเฮือกจากริมฝีปากของเธอ ก่อนจะกลับไปนอนบนเตียงกับพ่อ
ฉันล่ะสงสัยจริงๆ ขนาดฉันร้องเสียงดังเขาก็ยังไม่ตื่นเลย เขาเป็นหัวหน้าตระกูลจริงปะเนี่ยหรือเขาแค่แกล้งทำเป็น?
'นี่ อย่างน้อยก็พยายามตื่นขึ้นมาดูลูกตัวน้อยๆ ของนายบ้างสิ'
พอมาคิดดูแล้วก็ไม่ได้เห็นอะไรแปลกๆ แต่อย่างใด
'หรือว่าพวกเขาทำสิ่งนั้นลับหลังฉันกัน?'
มันคงจะสนุกน่าดูถ้าได้หนังโป๊แบบสดๆ แต่ก็ต้องผิดหวังเพราะไม่มีอะไรเกิดขึ้นเลย
ฉันส่ายหัวเลิกสนใจและมุ่งความสนใจไปที่การฝึกซ้อม มันเป็นการพักผ่อนที่ดี
เมื่อเปิดใช้งานเนตรสีขาว ฉันดูจุดจักระทั้งหมดของฉัน รวมเป็น 361 จุด ฉันตั้งสมาธิและเริ่มนำทางเส้นจักระไปยังทุกจุดจักระ
ในไม่ช้าสายจักระ 361 เส้นก็ระเบิดออกมาจากทุกด้านร่างกายของฉันโดยไม่ทำให้เสื้อผ้าหรือเปลที่ฉันนอนอยู่เสียหาย เพราะพวกมันไม่มีตัวตนหรือก็คือสัมผัสกับสิ่งใดไม่ได้
ถ้าฉันไม่มีเนตรสีขาวฉันก็คงไม่สามารถเห็นพวกมันได้ หลังจากนั้นฉันเริ่มเทจักระเข้าไปหาพวกมันด้วยจำนวนมาก และพวกมันก็มีพลังมากขึ้น
ตาปกติไม่สามารถมองเห็นสายจักระได้ มีเพียงเนตรสีขาวเท่านั้นที่สามารถมองทะลุเห็นพวกมันได้ หรือนินจาสายตรวจจับก็สามารถสัมผัสถึงพวกมันได้
นี่คือผลลัพธ์ของการฝึกห้าเดือนของฉัน ฉันไม่ได้ผลัดวันประกันพรุ่งแม้แต่นิดและไม่เสียเวลาแม้แต่นาทีเดียว
ทุกๆ ว่าฉันจะศึกษาจักระอย่างใกล้ชิด สังเกตว่าจักระนั้นเกิดขึ้นได้ยังไง และจักระสามารถเปลี่ยนแปลงเป็นสิ่งหนึ่งได้ยังไง
หลังจากควบคุมจุดจักระทั้ง 361 จุดเป็นเวลาเกือบสามชั่วโมง ฉันก็ดึงจักระทั้งหมดกลับเข้าสู่ร่างกายได้อย่างเชี่ยวชาญ ฉันไม่อยากเสียจักระอันมีค่าของฉันไปได้เลย ดวงตาของฉันก็เพียงพอแล้วสำหรับเรื่องนั้น
และถึงแม้ไม่มีเนตรสีขาว ฉันก็ทำได้เลยในตอนนี้
หลังจากที่ดึงจักระกลับเข้าไปในร่างกาย ฉันเริ่มควบคุมมันและเริ่มขยายเส้นทางจักระของฉัน เริ่มต้นจากหัวลงไปยังนิ้วเท้า ฉันเพ่งจักระทั้งหมดของฉันไปที่จุดหนึ่งและพยายามขยายจุดนั้น ฉันระวังมากพอที่จะไม่ทำร้ายตัวเอง และก็ทำจุดต่อไปให้เสร็จ มันเป็นกระบวนการที่น่าเบื่อสุดๆ แต่ฉันก็ต้องทำเพื่อความแข็งแกร่งในอนาคต
สามรอบเป็นขีดจำกัดของร่างกายของฉัน และฉันก็เริ่มทำเช่นนี้มาเรื่อยมา ร่างกายที่กำลังเติบโตของฉันเริ่มมีความแข็งแกร่งขึ้นทีละน้อยตามความต้องการของฉัน
ปัจจุบันฉันรักษาปริมาณจักระที่ร่างกายมนุษย์สามารถครอบครองได้เมื่ออายุ 5 เดือน
กว่าจะรู้ตัวก็เป็นเวลาเช้าแล้ว ผู้คนเริ่มตื่นขึ้นมา เธอเห็นพวกเขาวิ่งไปมาหลังจากใช้เนตรสีขาว ตอนนี้ระยะที่สามารถมองเห็นได้คือ 1-2 กิโลเมตร
หลังจากใช้จักระทั้งหมดไปกับดวงตาแล้ว ในที่สุดการฝึกซ้อมสำหรับวันนี้ก็จบลง
หลังจากได้รับนมจากแม่แล้ว ฉันก็ถูกมัดไว้ด้านหลังแม่อีกเช่นเคย โดยที่หลังของพวกเราชนกัน ฉันจึงมองเห็นด้านหลังของเธอได้
ในมุมมองสำหรับฉันต่อผู้อาวุโสของตระกูล พวกเขาดีกับฉันและพ่อแม่ของฉันอย่างน่าประหลาดใจ
แถมพวกเขายังเล่นกับฉันเป็นครั้งคราว พวกเขาไม่ได้แสดงว่าเป็นคนไม่ดีเหรอ? ตอนนี้พวกเขาใจดีกับฉันมาก แล้วฉันจะพวกเขารู้จุดยืนของตัวเองยังไง? และฉันจะสั่งสอนพวกเขาให้ถ่อมตัวได้ยังไง?
ฉันหัวเราะกับความคิดที่ไร้สาระของฉัน 'ถ้าพวกเขาเป็นคนดีล่ะก็ ฉันจะได้ใช้ความดีของพวกนั้นให้เกิดประโยชน์' รอยยิ้มผุดขึ้นมาบนใบหน้าโดยไม่รู้ตัว แต่สำหรับเด็กวัยเตาะแตะอย่างนี้มันดูน่าขนลุก
ตอนนี้คงได้แต่คิดก่อนจะนอนเท่านั้น คุณแม่ของฉันเดินเข้าไปในกลุ่มคนและสมาชิกตระกูลสาขาทุกคนต่างก็ทักทายเธอด้วยความเคารพ และยังกระซิบกับคนข้างพูดสิ่งดีๆ ที่เกี่ยวกับฉัน
'พวกเขาเริ่มประจบฉันแม้ว่าฉันจะเป็นเด็กด้วยเหรอ?' ฉันอดหัวเราะไม่ได้เมื่อได้ยินคำชมของพวกเขาที่มีต่อฉัน
'ดี ดีมาก สรรเสริญฉันซะ ฉันอาจจะไม่เลือกพวกนายเป็นหนูทดลองในอนาคตก็ได้' ฉันคิดในใจขณะเริ่มนึกคาถาทุกอันในเรื่องที่ทุกคนใช้
ฉันจำท่าประสานอินทุกอันของคาถาที่นินจาทุกคนทำมันได้ ฉันจำท่าประสานอินของคาถาผนึกซากอสูรมรณะได้อีกด้วย แต่ฉันไม่ได้คิดจะใช้มันในเร็วๆ นี้แน่
'ฉันยังรักชีวิตตัวเองอยู่นะเฮ้ย'
แล้วทำไมฉันถึงไม่ใช้คาถาอื่นๆ เลย เช่นคาถาอย่าง 'คาถาลมพัดพายุหมุน' 'คาถาไฟลูกบอลเพลิง' และ 'คาถาน้ำกระสุนน้ำ' และอื่นๆ เป็นเพราะฉันต้องการที่จะควบคุมจักระให้ได้สมบูรณ์ก่อน
ถ้าฉันจะเรียนคาถาเหล่านี้ ฉันจะไม่เรียนคาถาแบบเดิมๆ เช่น การจำท่าประสานอิน และอื่นๆ อีกบลาๆ อะไรพวกนั้น
'ปล่อยไว้ให้เป็นเรื่องของอนาคตแล้วกัน' ฉันคิดในขณะที่เพลิดเพลินกับความงามยามเช้ารุ่งอรุณอันแสนสดใสในตระกูลของฉัน ซึ่งมันสมควรที่จะถูกเรียกว่าเป็นตระกูลที่ร่ำรวยที่สุดและมีเกียรติที่สุด มีสวนหลายแห่งที่มีสระน้ำขนาดเล็กที่ได้รับการดูแลอย่างดี ต้นไม้ที่มีใบสีชมพูนั่นคงเป็นต้นซากุระ และดอกไม้นานาชนิดที่ส่งกลิ่นหอมไปทั่ว
ทั้งคนในตระกูลสามารถมีพื้นที่ฝึกซ้อมแบบส่วนตัวได้หากต้องการ
'เช้าแล้วแฮะ ถึงเวลาเข้านอนแล้วสิ' ฉันคิดพร้อมกับหาว
และเวลาก็ผ่านไปอีกห้าเดือนโดยไม่มีเหตุการณ์สำคัญเกิดขึ้น
ฉันฝึกฝนการควบคุมจักระ สายจักระ ขยายเส้นทางจักระและฝึกฝนการมองเห็นทั้งภายในและภายนอกอย่างเข้มงวด
ฉันสามารถสร้างมีดจักระบนมือของฉันได้แล้ว และยังสามารถตัดคอของใครบางคนได้อย่างรวดเร็วโดยที่ไม่รู้ตัว
ตอนนี้ฉันกำลังวิ่งด้วยขาเล็กๆ เพื่อวิ่งไล่จับ 'พี่ใหญ่' ที่รักอยู่ ฉันสามารถที่จะเดินได้เมื่อเดือนที่แล้วเองและยังพูดได้ด้วย แต่ฉันก็ยังไม่ได้พูดกับพวกเขาเลย
เนจิชะลอความเร็วลงเพื่อที่ให้ฉันจะได้จับเขาได้ และในที่สุดฉันก็จับเขาไว้พร้อมกับหัวเราะคิกคัก
"ฮะฮะๆ วิ่งเร็วมากเลยน้องเล็ก เธอจับพี่ได้ด้วยแน่ะ!" เขาหัวเราะพร้อมรอยยิ้มกว้าง ปัจจุบันเขาอายุ 2 ขวบ
เธอแค่หัวเราะกับท่าทางตลกแบบเด็กๆ ของเขา
หลังจากเล่นกับเขาอีกสักพัก เขาก็พูดขึ้นว่า "เรียกชื่อพี่หน่อยสิ เนจิ.. เนจิ"
เขาพยายามสอนเรียกชื่อของเขาให้ฉันทุกวัน และฉันคิดว่าถึงเวลาให้รางวัลเขาแล้ว
ฉันค่อยๆ อ้าปากขึ้น "นาาจิ" แล้วฉันก็หยุด
"ใช่ ใช่ พูดออกมาเลย พี่เนจิ.. " เขาประสานมือไว้ตรงหน้าฉัน
"เนนนจิ... เนจิ.. " ในที่สุดฉันก็พูดคำแรกออกมา
"ใช่! เก่งมากเลย" เขาดีใจมากที่เธอพูดชื่อเขา เขาจับไหล่เธอแล้วมองสบตากับฮินาตะ เขามีความสุขในแววตาซึ่งฉันก็เห็นมัน
"นี่แหละน้องสาวของพี่" เขาพูดแล้ววิ่งออกไปข้างนอกเพื่อบอกทุกคน
'ฮิๆ พี่ใหญ่ นายมาถูกทางแล้วล่ะ' เธอหัวเราะคิกคัก
ไม่นานพ่อแม่ของฉันและพ่อของเขาก็เข้ามาในห้องด้วยสีหน้าตื่นเต้น
"ผมไม่ได้โกหกนะครับน้า เธอพูดชื่อผมจริงๆ" เนจิพูดกับแม่ของฉัน
จากนั้นเขาก็มองมาที่ฉันด้วยรอยยิ้ม "บอกพวกเขาเลยว่าเธอพูดชื่อของพี่ "
"เนจิ..." ฉันพูดได้เพียงคำเดียวเท่านั้น และเขาก็ดีใจมาก
สีหน้าของแม่ฉันเปลี่ยนไปทันทีเมื่อเธอรู้ว่าเธอไม่ใช่คนที่ฉันเรียกเป็นคนแรก เธอเข้ามาใกล้ฉันอย่างรวดเร็วแล้วพูดว่า "พูดคำว่าแม่หน่อยเร็วลูกรัก"
"เนจิ"
"ไม่ใช่จ๊ะ นี่แม่"
"เนจิ" ฉันพูดซ้ำเหมือนนกแก้ว แล้วพวกเขาทั้งหมดก็หัวเราะลั่น
และตั้งแต่วันนั้นก็ผ่านไปสองเดือน และวันเกิดของฉันก็มาถึงและผ่านไป มันเป็นวันที่น่าเบื่อหน่ายจริงๆ
"หนูอยากได้ลูกโป่งนะพี่" ฉันพูดกับเนจิขณะชี้ไปที่ร้านลูกโป่ง ในตอนนี้เรากำลังเดินเล่นอยู่นอกตระกูลและฉันก็เห็นผู้คุ้มกันทั้งสองเดินตามเรามา ขณะที่อยู่ในเงามืด ฉันค้นพบตั้งแต่วันแรกว่าพวกเขาแข็งแกร่งกว่าผู้คุ้มกันทั่วไป ถ้าให้เดาล่ะก็ พวกเขาอยู่สูงกว่าระดับโจนินแน่ๆ
ฉันสังเกตเห็นด้วยว่าพวกเขาไม่ได้รายงานต่อพ่อของฉัน และไม่ต้องใช้อะไรมากในการเดาว่าพวกเขาคือผู้คุ้มกันส่วนตัวของฉัน
'พ่อของฉันใจดีมากจริงๆ พวกเขาจะมีประโยชน์หลังจากผ่านไปสองปี' ฉันคิด
แม่ของฉันก็เดินเคียงข้างเราเช่นกัน เราทั้งคู่ต่างอยู่ในอ้อมแขนของเธอ
"ทำไมไม่ถามแม่ล่ะ" เธอถาม
"หนูอยากได้ลูกโป่งค่ะแม่" ฉันหัวเราะพร้อมทำตัวหน้าด้าน และแม่เองก็ยิ้มแย้มแจ่มใส
"แน่นอนลูกรัก" เธอกล่าว
ความคิดเห็น