คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #33 : พลิก
ลมหายใจร้อนของตัวเองผ่อนออกมาจากจมูกเป็นจังหวะ กลิ่นแอลกอฮอล์คละคลุ้งไปหมดจนสติที่เลือนรางอยู่แล้วยิ่งเหลือน้อยลงไปทุกที ตอนนี้เธออยู่ที่ห้องตัวเองรึเปล่าก็ยังไม่แน่ใจ แต่เท่าที่รู้คือมีใบหน้าหนึ่งที่ลอยวนไปวนมาในหัวของเธออยู่เต็มไปหมด สายตากลมโตที่คุ้นเคยจ้องมองมาที่เธอนิ่ง
เจนนี่มองใบหน้าที่ยิ่งอยากจะไล่ออกไปยิ่งดูเหมือนเข้ามาใกล้ขึ้นเรื่อยๆ เธอควบคุมความคิดและร่างกายของตัวเองไม่ค่อยได้ก็จริง... แต่ก็ยังพยายามเปิดเปลือกตาให้ได้มากที่สุดแม้ว่ามันกำลังใกล้จะปิดลง
'นี่ฉันเมาจนเห็นภาพหลอนแล้วรึไง?' สาวหน้าหมวยคิดกับตัวเองอย่างสมเพชแล้วก็พยายามพูดสิ่งที่คิดออกไปให้หมดแม้จะไม่ได้กรองคำพูดก่อน เพราะยังไงคนตรงหน้าก็ไม่ได้อยู่ตรงนี้อยู่แล้ว
"ออกไปซักที" ...ในหัวฉันมีแต่เธอเต็มไปหมด
...
และแล้วใบหน้าที่ดูเหมือนอยู่ใกล้เธอมากๆก็ชะงักค้างหยุดอยู่ตรงนั้นทั้งๆที่เมื่อกี๊เหมือนค่อยๆเลื่อนใกล้เข้ามา แต่ถึงอย่างนั้นเจนนี่ก็ยังคงเห็นหน้าอีกคนเป็นภาพซ้อนกันหลายๆอันอยู่ดี เธอจึงพูดกับตัวเองต่อด้วยความที่เมามายจนไม่มีสติ
"บังอาจจริงๆ" ...ที่มาทำให้ฉันรู้สึกแบบนี้
...
น้ำเสียงกดต่ำทำให้แม้แต่เธอยังรู้สึกถึงความแค้นของตัวเองในประโยค แต่ในขณะเดียวกันก็เป็นเหมือนการระบายความในใจที่เก็บกักมานานไปด้วย จะดีกว่านี้ถ้าภาพหลอนของคนตรงหน้าเป็นสาวร่างโปร่งตัวเป็นๆที่ได้มาฟังเธอพูดตอนนี้ เพราะอารมณ์ความรู้สึกของเธอมันสื่อไปไม่ถึงอีกคนซักที แต่จะให้มาคุยกันดีๆตอนนี้ก็ดูจะสายไปแล้ว เพราะฉะนั้นเธอจะพูดกับภาพลวงที่หัวสมองตัวเองสร้างขึ้นมาด้วยพิษแอลกอฮอล์นี่แหละ
"เธอน่ะน่ารำคาญเป็นบ้า" ...ทำไมไม่ยอมพูดออกมาตรงๆกับฉันซักที
...
ทันทีที่ระบายความรู้สึกออกไปอย่างหงุดหงิด จู่ๆภาพใบหน้าของคนที่ค้างอยู่ตรงหน้าก็ถอยห่างออกไปเฉยๆ แถมยังทำหน้าทำตาเหมือนกับว่าเข้าใจที่เธอพูดอีก
นี่มันอะไรกัน?
สติสัมปชัญญะที่เหลือเพียงน้อยนิดของเธอประมวลภาพตรงหน้าอย่างยากลำบาก ลิซ่ากำลังขมวดคิ้วทำหน้าเจ็บปวด มันต้องเป็นเธอไม่ใช่หรือไงที่ทำหน้าแบบนั้นน่ะ... เธอต่างหากที่เป็นคนรอมาจนไม่รู้จะรอยังไง แถมที่เธอเห็นตรงหน้านี่มันเป็นแค่สิ่งที่สมองของเธอสร้างขึ้นมาไม่ใช่หรือ... จะมาทำเหมือนมีความรู้สึกแบบนี้ได้ยังไง?
ความไม่เข้าใจบวกกับจิตใจที่เมาฤทธิ์เหล้าของเธอทำให้สาวหน้าหมวยยอมแพ้ที่จะคิดอะไรที่เป็นเหตุเป็นผล สติของเธอกำลังเหลือน้อยลงไปทุกที...อีกนิดก็จะดับลงไปอยู่แล้ว ยิ่งสภาพร่างกายแย่จิตใจก็เริ่มควบคุมไม่ได้ไปด้วยเช่นกัน ปากของเธอจึงพูดไปเรื่อยตามทีใจคิดโดยไม่ได้ไตร่ตรองอะไรทั้งสิ้น
"รู้รึเปล่าว่าถ้าเป็นคนอื่นน่ะฉันไล่ออกไปนานแล้ว"
"ยัยบ้าเอ๊ย"
...
อืม...
เธอจะต้องย้อนไปถึงตอนไหนดีล่ะ?
เอาเป็นว่ารู้อีกทีตอนนี้สาวหน้าหมวยก็กำลังก้าวออกไปกลางวงที่กำลังเล่นเกมไร้สาระที่ปกติเธอไม่คิดแม้จะเข้าร่วม
ชายหนุ่มปีหนึ่งหน้าตาไม่คุ้นยืนรอเธออยู่ด้วยใบหน้าทะเยอทะยานและรอยยิ้มที่ได้ใจ ก่อนหน้านี้เธอรู้อยู่แล้วว่าตัวเองคงจะตกเป็นเป้าอันดับต้นที่จะโดนคนเรียกออกไป แต่ที่ตอนนี้ขาเรียวของสาวดาวคณะกำลังก้าวข้ามน้องรหัสร่างโปร่งที่นั่งอยู่ข้างหน้าเธอไปโดยไม่มีความลังเลเลยเพราะเจนนี่ก็รู้อีกเหมือนกัน...
ว่าเมื่อสาวร่างสูงเห็นแบบนี้แล้วจะต้องเข้ามาหยุดเอาไว้แน่ๆ
หมับ
แล้วมันก็เป็นอย่างนั้นจริงๆ
ข้อมือของเธอถูกดึงไปเป็นเหมือนคำสั่งเด็ดขาดที่คนตัวสูงเป็นคนออกกล่าวโดยไม่มีเสียง เจ้าของขายาวก้าวไปข้างหน้าอย่างมั่นคงและรวดเร็วโดยที่มือก็ยังจับข้อมือของเธอแน่น ในจังหวะนั้นหัวใจของเธอเต้นไม่เป็นจังหวะ ในใจก็คิดอย่างมั่นใจว่าจังหวะนี้มันจะต้องเกิดขึ้นแน่ๆ
สิ่งที่รอคอยมานานทั้งๆที่ชาตินี้ไม่เคยคิดว่าตัวเองจะได้รู้สึกแบบนี้...
เธอ... เจนนี่ คิม ดาวคณะปีสองที่ไม่เคยรู้สึกรู้สาอะไรทั้งสิ้นกับเรื่องบ้าๆที่เกี่ยวกับหัวใจ ก้อนเนื้อในอกของเธอมันตายด้านในชนิดที่ว่าไม่เคยมีใครสามารถมามีอิทธิพลกับความรู้สึกเธอมาก่อน สายตานับพันที่จ้องมองมาที่เธอเหมือนกับเด็กมัธยมปลายที่แอบชอบรุ่นพี่ในฝันมาเป็นเวลานับปีไม่ได้เคยทำให้สาวหน้าหมวยมีความรู้สึกร่วมอะไรไปด้วยเลยแม้แต่นิด
แต่ตอนนี้ในขณะที่โดนดึงมือออกไปนั้นในจิตใจอันเย็นชาของเธอกลับกำลังตั้งหน้าตั้งตารอหวังจะได้ยินสิ่งที่รอคอยจากปากของคนร่างโปร่งตรงหน้าอย่างตื่นเต้น
'ในที่สุดก็จะพูดมันออกมาซักที!'
...
"ไม่มีอะไรหรอก"
น้ำเสียงเรียบเฉยที่พูดสิ่งที่ตรงกันข้ามกับที่เธอกำลังรอคอยทำให้เกิดความรู้สึกใหม่ขึ้นในใจทันทีที่ได้ยิน
ผิดหวัง...
'อะไรกันเนี่ย?'
สีหน้าของเธอยังคงนิ่งอยู่ก็จริง... แต่ข้างในใจเหมือนกับคนที่วิ่งมาด้วยความเร็วสูงแล้วสะดุดล้มลงอย่างแรงโดยที่ไม่ได้คาดฝัน นี่เหรอ... ความรู้สึกเวลาโดนคนปฏิเสธมันเป็นอย่างนี้? สาวหน้าหมวยนึกไปถึงภาพของผู้คนนับไม่ถ้วนที่เข้ามาสารภาพรักด้วยใบหน้าหลากหลายอารมณ์แล้วก็ถูกเธอเย็นชาใส่ รู้อย่างนี้น่าจะปราณีไปสักหน่อยถ้ามันจะเจ็บขนาดนี้
ไม่โดนเข้าเองไม่รู้เลยจริงๆ
ตึก ตึก ตึก
ดาวคณะหน้าสวยก้าวออกมาจากพื้นที่เกิดเหตุด้วยคิ้วทั้งสองข้างที่ขมวดเข้าหากันอย่างไม่เข้าใจเป็นครั้งแรก
นี่มันเรื่องบ้าอะไร... ทำไมเธอที่ไม่เคยเหลียวแลใครจะต้องมารู้สึกอะไรแบบนี้ให้กับรุ่นน้องร่างโปร่งที่เคยมาบอกว่าเกลียดเธอด้วย
แถมยังโยนอมยิ้มที่เธอให้ทิ้งขยะในวันแรกที่เจอกันอีก
มือเรียวของเจนนี่ล้วงกระเป๋าหลังกางเกงยีนส์สีดำของตัวเองแล้วก็หยิบวัตถุอันเล็กที่เธอเตรียมมาให้อีกคนในฐานะพี่รหัส เธอจ้องมองมันสักพักด้วยความรู้สึกในใจที่ไม่สามารถบรรยายได้ สีหน้าไร้ความรู้สึกกับประโยคปฏิเสธที่มาจากใบหน้าที่มีดวงตากลมโตทั้งสองข้างยังคงลอยวนเวียนอยู่ในหัว ดังนั้นเมื่อเธอเห็นถังขยะสีเหลืองที่อยู่ข้างทางตั้งอยู่ข้างหน้า ดาวคณะสาวจึงยกอมยิ้มที่อยู่ในมือขึ้นเตรียมจะโยนลงไปเหมือนกับที่อีกคนทิ้งขว้างความรู้สึกของเธอ แต่แล้วก็มีเสียงของใครบางคนเรียกเธอขึ้นมาเสียก่อน
"พี่เจนนี่!"
สาวหน้าหมวยหันไปตามเสียงเรียกแล้วก็พบกับใบหน้าเข้มของชายหนุ่มที่ทำให้เธอถอนหายใจออกมาสั้นๆด้วยความเหนื่อยหน่ายที่จะต้องเจอ แม็คกึ่งวิ่งมาทางเธอแล้วก็มาหยุดตรงหน้า สาวหน้าหมวยเหลือบมองอีกคนเล็กน้อยด้วยหางตาก่อนที่จะออกตัวเดินไปต่ออย่างไม่ค่อยจะสนใจคนที่วิ่งมาสักนิด
"หน้าแดงเชียวนะครับ... เขินผมรึเปล่าเนี่ย?" เด็กปีหนึ่งที่คอยตามจีบเธอมาสักพักยังคงเล่นมุขหยอดใส่ตามเคย เจนนี่เพียงกลอกตามองบนแล้วก็เดินต่อไปเหมือนกับเธอไม่ได้ยินสิ่งที่อีกคนพูด
"เสื้อยับปากบวมขนาดนี้... หรือว่า มีอะไรที่ผมต้องรู้เกี่ยวกับห้องที่พี่เพิ่งเดินออกมารึเปล่า?"
ประโยคที่ฟังดูรู้ดีของชายหนุ่มทำให้เจนนี่เผลอสะดุ้งในใจ ขาเรียวทั้งสองข้างของสาวหน้าหมวยยังคงก้าวต่อไปเรื่อยๆราวกับว่าเธอไม่ได้รู้สึกกระทบกระเทือนอะไรกับน้ำเสียงรู้ทันของอีกฝ่าย แต่เมื่อจู่ๆแม็คก็หยุดเดินแล้วก็ทำทีเหมือนจะเดินกลับไปทางที่เธอเพิ่งจะมา มันก็เป็นสัญญาณเพียงพอที่สาวดาวคณะจะต้องกล่าวออกไปอย่างไม่สบอารมณ์
"จะเอาอะไร?"
"ไปกินข้าวกับผมเย็นนี้ก็พอครับ" หนุ่มหน้าเข้มตอบออกมาด้วยรอยยิ้ม และแน่นอนว่าถ้าเธอยังไม่อยากให้เขาเดินไปยังห้องเล็กๆที่ยังคงมีคู่กรณีของเธออยู่ สาวดาวคณะก็ไม่มีทางเลือกนอกจากทำตามที่อีกคนขออย่างถูกมัดมือชก
"เป็นแฟนกับผมเถอะครับ"
ท่ามกลางผู้คนอีกหลายคนที่นั่งอยู่เต็มร้านอาหารและคุยกันเสียงดัง มือเรียวของสาวหน้าหมวยคนแก้วน้ำปั่นที่เธอเพิ่งสั่งมาพลางฟังประโยคที่เธอได้ยินจนเคยชินอย่างเบื่อหน่าย สายตาเฉี่ยวตวัดขึ้นมองหน้าอีกคนอย่างคมกริบแล้วก็กล่าวออกไปด้วยน้ำเสียงเย็นชาและคำตอบที่เหมือนกับทุกครั้ง
"ไม่เอา"
ชายหนุ่มหัวเราะออกมาทางจมูกสั้นๆอย่างไม่ได้คิดอะไร เขาเม้มปากยิ้มๆอย่างเจ็บใจนิดๆแล้วก็ทำหน้าเหมือนกำลังคิดหาวิธีโน้มน้าวทางอื่น ซึ่งก็แน่นอนว่าเธอไม่ได้สนใจอยู่แล้ว ในหัวกลับคิดอย่างอื่นไปเรื่อยเปื่อยแทนเหมือนกับว่าคนตรงหน้าไม่ได้มีตัวตนอยู่ตรงนี้
'ทำไมคนอื่นๆถึงได้พูดออกมากันง่ายจังนะ...'
ใบหน้าของคนที่เพิ่งปฏิเสธเธอในห้องแคบๆลอยมาอีกครั้ง รสจูบทั้งอันที่รุนแรงและนุ่มนวลยังคงสลักอยู่ในหัวของเธอเหมือนกับไฟร้อนที่เผาไหม้ลงไปในตัว สาวหน้าหมวยกัดริมฝีปากของตัวเองอย่างอึดอัด คิ้วสวยขมวดแน่นด้วยความปวดใจที่ไม่เคยได้ลิ้มลองมาก่อนในชีวิต
"พี่ลิซ่างั้นเหรอ?"
คำพูดของแม็คทำให้สติเธอกลับมาที่เขาอีกครั้งทันที เจนนี่มองหน้าคนตรงหน้าด้วยความตกใจแล้วก็พบกับรอยยิ้มมุมปากที่ดูเหมือนอีกคนกำลังได้เปรียบเธอ สายตาของคนหน้าเข้มละจากโทรศัพท์มือถือในมือตัวเองแล้วก็เงยขึ้นมามองหน้าเธอยิ้มๆพลางชูสิ่งที่ตัวเองเพิ่งเห็นให้เธอได้ดู
'!!!'
ภาพในหน้าจอโทรศัพท์คือฉากที่เพิ่งเกิดขึ้นเมื่อกี๊ในห้องนั้นระหว่างเธอกับลิซ่า แต่มันดูเหมือนถูกถ่ายมาจากข้างนอกห้องโดยใครคนอื่นที่เพิ่งส่งรูปนี้มาให้ชายหนุ่ม ถึงแม้รูปจะไม่ได้ชัดมากแต่มันก็เห็นชัดเจนว่าใครเป็นใครและบุคคลในรูปก็ไม่พ้นเธอกับน้องรหัสของตัวเองที่อยู่ใกล้กันเกินที่ใครควรจะได้เห็น
"หึๆๆ" เสียงหัวเราะต่ำในลำคอของหนุ่มนักศึกษาทำเอาเธอไม่ไว้ใจในสิ่งที่กำลังจะเกิดขึ้น เจนนี่ถอนหายใจออกมาด้วยใบหน้านิ่งที่ยังคงกักเก็บอารมณ์ไว้ได้อย่างดี สาวหน้าหมวยยกมือขึ้นกอดอกด้วยอารมณ์คุกรุ่นแล้วก็เม้มปากนิ่งพลางคิดหาวิธีที่จะไม่ให้เป็นฝ่ายเสียเปรียบแม้มันจะเหมือนว่าไม่มีทางแล้วก็ตาม
"..."
"ไม่น่าเชื่อ..." หนุ่มหน้าเข้มพูดขึ้นมาด้วยน้ำเสียงสูงที่ดูประหลาดใจและก็เย้ยหยันไปในเวลาเดียวกัน เขาวางโทรศัพท์ลงบนโต๊ะใกล้ๆจานของตัวเองอย่างช้าๆแล้วก็พูดขึ้นมาต่อด้วยท่าทางที่มั่นใจยิ่งขึ้นกว่าเดิม จังหวะนี้ไม่ว่ายังไงรุ่นพี่ดาวคณะก็ต้องยอมตามใจเขาแน่นอน... เพราะคนที่ควบคุมเกมในตอนนี้ก็คือคนที่มีหลักฐานมัดตัวอีกคนได้ทุกเมื่อและจะเอาไปทำอะไรก็ได้ถ้าต้องการ
"หลานของผู้อำนวยการเนี่ย... ทำแบบนี้จะดีเหรอครับ?" แม็คกอดอกบ้างแล้วก็ยิ้มให้เธออย่างสะใจที่เห็นคนหน้าสวยเงียบตึงไม่หือไม่อืออะไรทั้งสิ้น ตอนนี้ไม่ว่าเธอจะเก็บอารมณ์เก่งขนาดไหนคนตรงหน้าก็ต้องรู้ถึงรังสีความเครียดและกังวลของเธอแน่นอนในเมื่อชายหนุ่มกำลังขู่เธอทางอ้อมด้วยสิ่งที่เธอไม่สามารถแก้ตัวได้
และแถมคนตรงหน้ายังรู้อีกว่าเธอเป็นหลานของผู้อำนวยการที่เข้มงวดของมหาวิทยาลัยนี้
"..."
"พ่อผมสนิทกับลุงนพวิชญ์เสียด้วย ถ้าไปบอกว่าพี่กับน้องรหัส-"
"อยากได้อะไรก็บอกมา" ดาวคณะสาวพูดแทรกขึ้นมาอย่างหมดความอดทน เธอไม่ต้องฟังจนจบก็รู้ว่าอีกคนจะพูดอะไรออกมาบ้าง และถึงจะไม่อยากยอมรับแต่เธอก็รู้ดีว่าคำขู่ของเขาจะเป็นจริงได้ เพราะแม็คไม่ใช่คนเดียวที่รู้เกี่ยวกับตำแหน่งและครอบครัวของเธอ... เจนนี่เองก็รู้เหมือนกันว่าพ่อของเขามีอำนาจขนาดที่ที่บอกเพียงคำเดียวผู้อำนวยการก็รับลูกชายเข้าเรียนในมหาวิทยาลัยทันทีโดยไม่สนใจคะแนนที่สอบเข้าของเขา
ชายหนุ่มยิ้มกว้างอย่างพอใจกับความตรงไปตรงมาของรุ่นพี่หน้าสวย แม็คโน้มตัวมาข้างหน้าเล็กน้อยก่อนจะกล่าวสิ่งที่ประสงค์ออกมาอย่างไม่ปิดบัง โดยคราวนี้คนที่ต้องเงียบฟังก็คือรุ่นพี่ที่เขาแอบชอบมานานที่ตอนนี้มาอยู่ในกำมือของเขาเรียบร้อย
"ผมเข้าใจว่าพี่ก็อาจจะไม่ได้อยากไปป่าวประกาศกับทุกคนว่าคบกับผม... เพราะฉะนั้นก็ไม่ต้องทำอย่างนั้นก็ได้ ถึงจะน่าเสียดายไปหน่อยก็เถอะ"
เจนนี่หรี่ตาอย่างไม่พอใจ เธอกัดฟันกรอดกับท่าทีโอ้อวดของคนตรงหน้า แต่ก็ยังคงไม่แสดงสีหน้าอะไรให้อีกคนได้ใจไปมากกว่าที่เป็นอยู่ หากความเงียบของเธอนั้นก็เหมือนบอกชายหนุ่มเป็นกลายๆว่าเขากำลังได้คำตกลงจากเธอแม้จะไม่เต็มใจก็ตาม
"แต่ถ้าผมไปบอกใครว่าพี่เป็นแฟนผมพี่ล่ะก็ พี่ห้ามปฏิเสธเด็ดขาด..."
"แล้วก็พี่ลิซ่าน่ะ..."
"ห่างๆเลยนะครับ"
รอยยิ้มกว้างกับสายตาที่มองมาทำให้เธอรู้ได้เลยว่าแม็คเอาจริง และนั่นก็จะทำให้อะไรๆต่อจากนี้ยากขึ้นอย่างแน่นอน ทั้งๆที่สถานการณ์ตอนนี้สำหรับเธอมันก็ไม่ง่ายอยู่แล้ว
ถึงตอนนั้นประโยคของลิซ่าก็ยังคงไม่หายไปจากหัวเธอแม้แต่นิด
'ไม่มีอะไรหรอก'
นึกไว้แล้วว่ามันต้องไม่ง่ายจริงๆด้วย...
พอกลับมาถึงหอคนตากลมก็มารออยู่หน้าห้องแล้ว เจนนี่บังคับสายตาตัวเองให้ดูนิ่งสนิทเพื่อไม่ให้เกิดอะไรขึ้น จริงๆมันก็ไม่ใช่เรื่องยากสำหรับเธออยู่แล้วที่จะทำท่าทางเย็นชา แต่อีกคนก็พยายามเค้นความจริงเรื่องที่เธอเป็นแฟนกับแม็คอย่างสุดตัว
'จะตอบว่ายังไงดีล่ะ?'
เสียงตะโกนที่ฟังดูเต็มไปด้วยอารมณ์ความโกรธและไม่เข้าใจของลิซ่าทำให้เจนนี่ยิ่งลำบากใจ แต่เหตุผลก็ยังต้องมาก่อนโดยเฉพาะถ้าเธอเพิ่งไปตกลงกับชายหนุ่มมาเมื่อกี๊และเขาก็แสดงให้เห็นชัดเจนว่าเมื่อไหร่ที่เธอผิดสัญญาจะไม่มีการอ่อนข้อ
ถ้าผิดข้อตกลงยังไงก็จะเป็นอันตรายต่อตัวเธอทั้งสองคน ดาวคณะสาวกลั้นใจทำในสิ่งที่ขัดใจตัวเองสุดๆด้วยการไล่อีกคนให้ไปให้พ้น แต่ดูเหมือนคนที่เพิ่งหักอกเธอเองโดยไม่รู้ตัวก็จะไม่ยอมกลับไปง่ายๆเหมือนกัน
"เธอไม่จำเป็นต้องเข้าใจ... หมดธุระแล้วก็ออกไปซะ!"
"..."
ไม่...
สาวหน้าหมวยนั่งลงชิดประตูอย่างหมดแรงหลังจากที่ไล่อีกคนออกไปสำเร็จ ใบหน้าผิดหวังและเสียใจของลิซ่ายังคงติดตาเธอเหมือนภาพวาด ยิ่งเจนนี่รู้ว่ามันเป็นเพราะตัวเองเกราะใบหน้าที่นิ่งและเย็นชาของเธอก็พังทลายลง ในใจเหลือเพียงความรู้สึกผิดและความอยากไปตามอีกคนกลับมาเพื่อนที่จะบอกว่าขอโทษ
แต่เธอก็รู้ดีว่าตัวเองทำแบบนั้นไม่ได้
แถมลิซ่าก็ไม่ยอมพูดมันออกมาซักที... นี่เธอหลอกตัวเองมาตลอดรึไงที่หวังว่าวันหนึ่งสาวร่างโปร่งจะต้องพูดมันออกมาแน่ๆ คนอื่นๆที่ผ่านมาแม้เธอจะแสดงออกว่ารังเกียจอย่างชัดเจนก็ยังเข้ามาสารภาพรักกับเธอกันอย่างกับว่าไม่มีอะไรจะหยุดพวกเขาได้
แต่นี่ขนาดยอมถามไปตรงๆแล้วแท้ๆ...
"เฮ้อ..."
หรือว่าจะไม่ได้ชอบฉันจริงๆนะ?
แล้วเวลาก็ผ่านไปสามอาทิตย์โดยที่ทุกวันสาวดาวคณะปีสองยังคาดหวังเล็กๆว่าคนที่เธอตะคอกไล่กลับไปจะมาหาเธอที่ห้องแล้วก็กล่าวสิ่งที่เธออยากได้ยินและรอคอยมานานในที่สุด
...
แต่วันนั้นมันก็ไม่เคยมาถึง
จะโผล่มาอีกทีก็ตอนที่เธอกำลังจะโดนนักเลงซัดแล้วคนขายาวก็เข้ามารับหมัดแทนให้ บอกตรงๆว่าเธอเองก็ตกใจที่จู่ๆตอนแรกเหมือนกับลิซ่าเป็นส่วนหนึ่งในแก๊งพวกนั้นด้วย แต่ที่ทำให้เธอประหลาดใจมากกว่าก็คือการที่อีกคนเข้ามาช่วยเธอเอาไว้นี่แหละ
ตกลงเธอรู้สึกยังไงกับฉันกันแน่?
ความหวังที่เคยมีกลับมาอีกครั้ง แม้จะดูน้อยนิดแต่สาวหน้าหมวยก็แอบคิดดีใจที่บางทีเธออาจจะไม่ได้คิดผิดไปซักทีเดียว ระหว่างที่นั่งรถของอีกคนกลับหอหลังจากที่มาช่วยเธอไว้ความหวังในใจของเจนนี่ก็ค่อยๆเพิ่มมากขึ้น
บางทีวันที่เธอรอมันอาจจะแค่ยังไม่มาถึงก็ได้... ก็แค่ต้องรอมาถึงตอนนี้เท่านั้นแหละ
จะเสี่ยงก็ช่าง... อุตส่าห์มาถึงขนาดนี้แล้ว วันนี้บอกกับฉันซักทีเถอะ
...
"งั้นไม่เป็นไร"
ปึง
...
สาวหน้าหมวยยืนนิ่งกำมือแน่นอยู่หน้าห้องของคนที่อยู่ชั้น 7 ประโยคที่อีกคนเพิ่งพูดมาดังก้องอยู่ในหัวแถมยังสะท้อนไปมาอย่างบ้าคลั่ง เหมือนเป็นการตอกย้ำให้มันจมดิ่งลงไปช้าๆว่าอีกคนนั้นกำลังถอยออกไป
'นี่ฉันเปิดโอกาสให้ขนาดนี้แล้ว...'
มือเรียวของเจนนี่กำเสื้อของตัวเองแน่น ความเจ็บปวดครั้งนี้ไม่เหมือนครั้งไหนเพราะมันเหมือนเข้ามาตบหน้าเธอโดยตรง มันคือการปฏิเสธที่แท้จริงโดยไม่มีคำหยาบหรือเสียงตวาดใดๆ มีเพียงใบหน้านิ่งๆที่ดูไร้ความรู้สึกของลิซ่าและคำปฏิเสธที่เรียบ สั้น มาพร้อมกับสายตาเย็นเยียบของคนที่เธอคุ้นเคย
เจนนี่เดินกลับห้องด้วยใจที่ผิดหวังอีกตามเคย เมื่อมือจับลูกบิดประตูห้องสายตาเฉี่ยวก็เหลือบไปเห็นห้องข้างๆที่เป็นของแม็ค สาวหน้าหมวยจ้องมองประตูนั้นตาขวางด้วยความโกรธเคืองในตัวคนที่เรียกตัวเองว่าเป็น 'แฟน' ของเธอ
จะอะไรก็ช่าง... ยังไงไอ้นั่นก็เป็นหนึ่งในต้นเหตุที่ทำให้เกิดเรื่องนี้ขึ้น
'หึ... รอฉันก่อนเถอะ'
เมื่อเข้ามาในห้องของตัวเองเจนนี่ก็มองไปยังโต๊ะตัวยาวที่เอาไว้วางของ เธอเดินเข้าไปใกล้ก่อนที่จะหยิบวัตถุอันเล็กขึ้นมาไว้ในมือ...
อมยิ้มที่เธอไม่เคยได้มีโอกาสให้อีกคน
ปึก
ขนมอันเล็กถูกโยนลงถังขยะอย่างไม่มีชิ้นดี ในเมื่อคนที่อยากจะให้ไม่แม้แต่จะอยากได้มันก็ไม่มีเหตุผลที่เธอจะเก็บเอาไว้แล้ว
"เฮ้อ"
สาวดาวคณะถอนหายใจออกมาเบาๆ จนถึงตอนนี้เธอก็ยังคงรู้สึกเจ็บ... นี่คนอย่างเธอกำลังอกหักจริงๆเหรอ?
'ฉันต้องทำยังไงลิซ่า... บอกทีสิ'
สาวหน้าหมวยมองเงาตัวเองในกระจกบนโต๊ะเครื่องแป้งนิ่ง ใบหน้าของเธอยังคงเรียบสนิทเช่นเดิม... แต่การที่ไม่แสดงอารมณ์ก็ไม่ได้แปลว่าเธอไม่มีความรู้สึก และคราวนี้ความรู้สึกมันก็รุนแรงจนแม้แต่ตัวเธอยังรู้ชัดว่ามันเกิดอะไรขึ้น
เจ้าของห้องแค่นหัวเราะออกมาทางจมูกเบาๆทั้งๆที่หน้ายังคงนิ่งอยู่ หรือว่าเธอควรแสดงออกให้มากกว่านี้กันนะ? บ้าจริงๆที่คนคนหนึ่งสามารถทำให้เธอมาคิดเรื่องแบบนี้ได้
อืม... สงสัยจะเป็นอย่างที่คิดจริงๆนั่นแหละ
เอาล่ะ... คราวนี้ก็กลับมาในปัจจุบัน
สาวหน้าหมวยจำได้ว่าตัวเองดูการแสดงเต้นของลิซ่าด้วยดวงตาลุกวาวเช่นเดียวกับทุกคนในงาน สาวร่างโปร่งกลายเป็นขวัญใจของคนรอบตัวไปในทันทีที่การแสดงจบลง ทุกคนพูดชมนักเต้นทั้งสี่กันอย่างสนุกปากโดยเฉพาะคนที่เธอเองก็จับตามอง
ยกเว้นคนคนหนึ่งที่จะไม่ได้ปริปากชมอะไรก็คือคนที่นั่งอยู่ข้างๆเธอนี่แหละ
วันนี้แม็คขอให้เธอมาอยู่ด้วยแล้วก็ทำตัวเป็นแฟนกับเขาให้เพื่อนๆเห็นหนึ่งวัน และแน่นอนว่าเขาไม่จำเป็นต้องยกเรื่องรูปนั้นขึ้นมาขู่เธอก็มาอยู่แล้ว เมื่อมาถึงงานชายหนุ่มก็พาเธอมานั่งในซุ้มเบียร์ทันที และไม่จำเป็นต้องเป็นคนฉลาดอะไรก็พอจะรู้ได้ว่าสิ่งที่เขาวางแผนจะทำก็คงไม่พ้นการมอมเหล้าเธอนี่แหละ
'มึน'
ไม่ใช่ว่าไม่ระวังตัว... แต่เธอถูกแกมบังคับให้ดื่มเข้าไปตลอดเวลาด้วยการถือโทรศัพท์มือถือไว้ในมือของอีกคนเป็นการขู่ จริงอยู่ว่าเธอค่อนข้างคอแข็งพอสมควรเป็นภูมิคุ้มกันอยู่แล้ว แต่จำนวนแก้วที่แม็คส่งมาให้เธอนั้นถึงจะเป็นแชมป์ดื่มมาจากไหนก็คงไม่รอดอยู่ดี
หลังจากนั้นเธอก็จำอะไรไม่ได้เลย เรียกได้ว่ารู้สึกตัวน้อยมาก... ร่างกายหนักอึ้งเหมือนโดนกดให้อยู่กับที่ที่นั่งอยู่ ภาพผู้คนตรงหน้ากลายเป็นอย่างเดียวที่เธอเห็นจากที่ตอนแรกมองได้ไกลออกไปถึงนอกซุ้ม รู้สึกเหมือนมีคนมาจับๆร่างกายแต่ก็บอกไม่ได้ว่าส่วนไหนหรือเป็นใคร
ในตอนนี้หัวเธอมีแต่ใบหน้าของคนคนเดียวที่คอยหลอกหลอนจิตใจเธอมาตลอดไม่ยอมออกไปไหน
...
แล้วจู่ๆคนทั้งร้านก็ลุกฮือกันออกไปจนที่นั่งข้างๆเธอเย็นเยือกขึ้นมาทันที เธอกำลังพยายามคิดหาเหตุผลว่าทำไมถึงได้วิ่งกันออกไป แต่ก็คิดไม่ออกในเมื่อภาพที่เห็นมันเบลอไปหมด เสียงก็แทบจะไม่ได้ยินอะไรทั้งสิ้น
มีเท้าคู่หนึ่งมาหยุดอยู่ตรงหน้าเท้าของเธอ สาวหน้าหมวยจึงเงยหน้าขึ้นโดยอัตโนมัติ
'ลิซ่า?'
เหอะๆๆ ตลกดี
ความรู้สึกหลายอย่างเกิดขึ้นเมื่ออยู่ๆใบหน้าที่อยู่แต่ในหัวก็กลับชัดขึ้นเหมือนกับว่าอีกคนมาให้เห็นตรงหน้าผ่านดวงตาแทน แต่ฤทธิ์ของแอลกอฮอล์ก็ทำให้เจนนี่คิดอะไรไม่ออก รู้ตัวอีกทีเธอก็ถูกขยับมาวางลงบนฟูกนุ่มๆในที่มืดๆเสียแล้ว
สิ่งที่เห็นตรงหน้าก็ตัดสินใจไม่ได้อีกว่าเป็นของจริงหรือของปลอม สติที่เหลือเพียงน้อยนิดจึงสั่งให้เธอพูดทุกอย่างออกไปโดยไม่ต้องคิด...
...
"รู้รึเปล่าว่าถ้าเป็นคนอื่นน่ะฉันไล่ออกไปนานแล้ว"
"ยัยบ้าเอ๊ย"
...
ความเงียบปกคลุมห้องทั้งห้อง สายตาที่แทบจะมองไม่เห็นอยู่แล้วเป็นสัญญาณว่าสติของสาวหน้าหมวยกำลังจะดับลงในอีกไม่กี่วินาที เจนนี่เห็นเพียงเงาบางๆของคนที่ยืนอยู่ไม่ใกล้ไม่ไกล จะว่าเธอเมามากก็ได้แต่ตอนนี้เธอรู้สึกเหมือนร่างตรงหน้าเป็นคนร่างโปร่งจริงๆและไม่ใช่ภาพลวง
ความคิดสุดท้ายของคนบนเตียงยิงขึ้นมาอย่างชัดเจน เจนนี่รวบรวมแรงเฮือกสุดท้ายเพื่อกล่าวสิ่งที่หลงเหลือในใจออกมาให้หมด เสียงแหบของสาวดาวคณะที่ปนด้วยฤทธิ์แอลกอฮอล์จะเป็นสิ่งสุดท้ายที่ตัวเธอเองได้ยินก่อนจะหมดสติไป แต่ถึงอย่างนั้นจิตใต้สำนึกของเธอก็ยังแทบไม่อยากเชื่ออยู่ดี
นี่ต้องให้ฉันเป็นคนพูดก่อนจริงสิ?
"ลิซ่า"
3
"ฟังให้ดี"
2
"ฉัน..."
1
"ชอบเธอ"
-
ความคิดเห็น