คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #5 : เทวารัณย์ (1)
---------------------------------------------
หลังจากเก็บกู้ศพของชยันต์ พวกนักข่าวที่รู้เรื่อง ก็พากันโหมกระหน่ำข่าวนี้กันอย่างบ้าคลั่ง
'พระเอกใหญ่สุดหล่อสายบุญ ฆ่าตัวตายสยองในโรงแรมม่านรูด'
ข่าวนี้ถูกนำเสนอทุกช่องโทรทัศน์ ไม่มีใครไม่พูดถึงข่าวนี้ เพราะมันเป็นเรื่องสยองปนประหลาด ที่พระเอกดังไปฆ่าตัวตายอยู่ในโรงแรมม่านรูดซอมซ่อ เหตุจูงใจใดๆก็ไม่ชัดเจน เพราะเขาไม่เคยมีข่าวเสียหายอะไรทั้งนั้น
เทวารัณย์นั่งเหม่อมองสร้อยข้อมือเส้นเล็กที่ถูกบรรจุอยู่ในซองหลักฐาน ไม่ว่าจะมองมุมไหน มันก็คือสร้อยข้อมือที่เขาซื้อให้นลินเมื่อสิบปีก่อนแน่นอน สร้อยที่เขาคิดว่ามันหายไปแล้ว แต่กลับมาปรากฎอยู่ในที่เกิดเหตุคดีของชยันต์ซะได้
"พี่รัณย์!"
เจ้าของชื่อที่นั่งเหม่อสะดุ้งตกใจกับเสียงของนฤตย์ ที่ไม่รู้ว่าเรียกอยู่นานแค่ไหนแล้ว แต่จากสีหน้าที่บูดบึ้งก็คงนานพอสมควร
"มีอะไร" เทวารัณย์ถามอย่างไม่สบอารมณ์ที่คู่หูรุ่นน้องมาขัดจังหวะการใช้ความคิด
"หัวหน้าเรียก" นฤตย์ตอบสั้น และเดินนำชายหนุ่มไปที่ห้องทำงานส่วนตัวของนายตำรวจยศสารวัตร ซึ่งเป็นหัวหน้ากองสืบสวนที่พวกเขาสังกัดอยู่
"มาแล้วเหรอ พวกเอ็ง" นายตำรวจผู้เป็นหัวหน้าคาบบุหรี่ไว้ที่ปากอย่างเคยชิน เพียงแค่คาบไว้แต่ไม่จุดสูบ
"คิดว่าเลิกบุหรี่แล้วซะอีกนะ ตาเฒ่า" เมื่อประตูห้องปิด มีเพียงพวกเขาสามคน สรรพนามจาก'หัวหน้า'จะถูกเปลี่ยนเป็น'ตาเฒ่า'ทันที อย่างคนคุ้นเคย
ตาเฒ่าคนนี้ชื่อว่า ปราณ ก็คือ นายตำรวจที่เคยทำคดีฆาตกรรมของนลินนั่นเอง
"เลิกแล้ว แต่ข้าชินที่จะคาบมันไว้เท่านั้น" ปราณแก้ตัวกับนฤตย์ผู้เป็นตัวป่วนกวนประสาท
ทั้งสองพูดหยอกล้อให้บรรยากาศในห้องได้ผ่อนคลาย มีเพียงเทวารัณย์ที่ยังคงจ้องมองซองหลักฐานใส่สร้อยข้อมือ ที่เขาบังเอิญหยิบติดมือมาด้วย
ปราณมองซองหลักฐานพลางถาม "นี่คือสร้อยที่เอ็งถามหาในวันนั้นเหรอ" เขารู้เรื่องที่นฤตย์เล่าให้ฟังคร่าวๆ ก็พอเดาออก
"ครับ"
นานแล้วที่ไม่ได้เห็นชายหนุ่มเป็นอย่างนี้ ดูคิดมาก พูดน้อย กังวล แววตาสับสน
"เอ็งคิดว่าจะเกี่ยวข้องกันรึเปล่า"
นฤตย์ไม่ได้พูดอะไร เพียงแค่มองผู้เป็นเหมือนพี่ชายกำลังครุ่นคิดอย่างหนัก
"ผมไม่รู้...ผม...ไอ้ลินมันชอบผู้ชายคนนั้น"
จะเป็นไปได้ไหม ที่นลินจะมอบสร้อยเส้นนี้ให้กับชยันต์ นี่คือสิ่งที่ทำให้เทวารัณย์สับสน
"แต่ผมจำได้ ว่าคืนนั้นพี่ลินใส่มันอยู่ ผมเห็น พี่ลินไม่เคยถอดมันออก" นฤตย์ยืนยันเสียงแข็ง เขาเห็นเต็มสองตา จำได้ไม่ลืม เพราะเวลาที่พี่สาวของเขามีเรื่องกังวลใจ ซึ่งจะเป็นเฉพาะเวลาคุยกับพ่อ เธอจะลูบสร้อยข้อมือไปมา ราวกับเป็นที่พึ่งทางใจ แล้ววันนั้น พ่อก็ตำหนินลินเรื่องสอบเข้ามหาวิทยาลัย เขาจึงเห็นพี่สาวลูบสร้อยข้อมือเส้นนี้นั่นเอง
"ผมอยาก...ขออนุญาตรื้อมันขึ้นมาอีกได้ไหมครับ" เทวารัณย์กำลังหมายถึง การรื้อคดีฆาตกรรมนลินเมื่อ 9 ปีก่อน ซึ่งเขาเคยทำแล้วถึงทางตันต้องเก็บพับมันไว้ แล้วตอนนี้ เบาะแสของหลักฐานชิ้นสำคัญปรากฏ จึงอยากรื้อคดีขึ้นมาอีกครั้ง
ปราณถอนหายใจอย่างหนักใจ ขมปากอยากจะจุดบุหรี่สูบสักอึกใหญ่ๆให้หายเครียดกับไอ้หนุ่มคนนี้จริงๆ
"เออ...ตามใจ แต่ถ้าถึงทางตันอีก รับปากข้าสิ ว่าเอ็งจะปล่อยมันไป" เขาไม่อยากให้ไอ้หนุ่มคนนี้มันจมปลักอยู่กับอดีตอันขมขื่นนี้อีก อยากให้มันวางมือลงและไปใช้ชีวิตซะ
เทวารัณย์ไม่พูด เพียงแค่พยักหน้าอย่างจำใจ
ก๊อกๆ
เสียงเคาะประตูกระจกดัง เรียกความสนใจของทั้งสามให้หันไปมอง เป็นนายตำรวจน้องใหม่ยศหมู่ชื่อทาย ที่ดูเหมือนอยากบอกอะไร ปราณจึงกวักมือให้เข้ามารายงาน
"ขอโทษที่ขัดจังหวะครับ แต่ผมมีเรื่องที่ต้องบอก"
"ว่ามา"
"คดีของพระเอกชยันต์น่ะครับ ตามที่ผู้หมวดนฤตย์บอกให้ผมติดต่อคนใกล้ชิดพระเอกเพื่อสอบถามเรื่องที่อาจเป็นเหตุจูงใจฆ่าตัวตาย พ่อแม่ญาติพี่น้องบอกไม่รู้ แต่ว่า คนที่เป็นผู้จัดการของพระเอกน่ะครับ ตอนนี้อยู่โรงพยาบาล ทราบไหมครับว่าทำไม" หมู่ทายพูดให้คนฟังลุ้นรอคำตอบ ทำเอาชายทั้งสามที่ฟังอยากจะซัดหน้าให้เละกับการเว้นวรรคนี้
"พูดมา" เสียงดุของปราณทำเอาหมู่ทายไม่กล้าเล่นต่อ รีบรายงานทันที
"จากคำให้การของคนโทรเรียกรถพยาบาลบอกว่า ผู้จัดการโดนพระเอกทำร้ายร่างกายในวันที่พระเอกเสียชีวิตครับ เธอถูกหามออกจากบริษัทต้นสังกัดพระเอกไปส่งโรงพยาบาลก่อนพระเอกเสียชีวิตไม่กี่ชั่วโมงครับ"
เทวารัณย์ลุกขึ้น หันไปพยักหน้ากับนฤตย์ "โรงพยาบาลไหน"
"จะส่งข้อมูลพิกัดไปให้ครับ"
ปราณพึมพำสั้นๆเป็นเชิงอนุญาตให้ลูกน้องทั้งสองออกไปสืบสวน ทั้งคู่จึงมุ่งหน้าไปยังโรงพยาบาลที่ผู้จัดการของชยันต์พักรักษาตัวอยู่ทันที
เทวารัณย์และนฤตย์ใช้เวลาไม่นานก็มาถึงโรงพยาบาล มุ่งตรงไปยังห้องพักรักษาตามข้อมูลที่ได้มา ก็พบกับเพื่อนร่วมงานของผู้จัดการสาว ที่อ้างว่าตนเคยเป็นผู้จัดการของชยันต์มาก่อนจะส่งมอบหน้าที่ให้กับผู้จัดการคนปัจจุบันที่โดนทำร้าย
"น้ำตาลเป็นเด็กดีแต่น่าสงสารค่ะ ฉันเลยให้เขาลองรับงานดูแลชยันต์ที่เป็นดาราใหญ่ต่อจากฉัน เพราะคิดว่าจะได้ไปดูดาราคนอื่นง่ายๆเมื่อฝึกงานกับรุ่นใหญ่ไปแล้ว แต่ไม่คิดว่าจะมาโดนแบบนี้" อดีตผู้จัดการสาวที่ลาออกเพราะเรื่องสุขภาพแจงเหตุผลต่างๆนาๆ พลางเช็ดน้ำตาเม็ดใหญ่ด้วยผ้าเช็ดหน้า
"ก่อนหน้านี้ คุณบอกว่าเคยเป็นผู้จัดการส่วนตัวให้คุณชยันต์มาก่อน แล้วเคยเจอพฤติกรรมรุนแรงแบบนี้ของคุณชยันต์ไหมครับ" นฤตย์สอบสวนอย่างเชี่ยวชาญ ส่วนเทวารัณย์ก็จ้องมองผู้จัดการสาวที่โดนทำร้ายจนอาการหนักผ่านหน้าต่างบานกระจกห้องไอซียู
"อาจมีอารมณ์เสียบ้าง แต่ไม่เคยก้าวร้าวใส่ฉันค่ะ ชยันต์เป็นคนรักษาภาพลักษณ์ของพระเอกเสมอ เขาไม่เคยระเบิดออกมาแบบนี้เลย"
"สรุปคือ คุณน้ำตาล พึ่งมาเป็นผู้จัดการคนใหม่ของคุณชยันต์ได้เกือบสามเดือน แล้วในช่วงสามเดือนนี้ คุณน้ำตาลได้สื่ออะไรที่ฟังดูว่าเธอลำบากใจบ้างไหมครับ อย่างเช่น อยากลาออก หรือเครียดเรื่องคุณชยันต์ ประมาณนี้"
สาวใหญ่ยืนคิดอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะพูดออกมา "ประมาณเดือนก่อน ฉันได้ยินน้ำตาลบ่นเรื่องชยันต์ไม่ยอมไปพบผู้บริหารคนใหม่ของบริษัทน่ะค่ะ เรื่องนี้จะเกี่ยวไหมคะ อ้อจริงด้วย วันที่เกิดเรื่อง เป็นวันที่น้ำตาลและชยันต์ไปพบผู้บริหารคนใหม่ค่ะ น้ำตาลถูกทำร้ายที่นั่น"
นฤตย์ถามต่อ "เรื่องนี้เป็นคดีอาญาเลยนะ แล้วทำไมถึงไม่แจ้งความล่ะครับ"
"แจ้งแล้วค่ะ แต่เรื่องที่ชยันต์ฆ่าตัวตายในไม่กี่ชั่วโมงต่อมามันโด่งดังกลบข่าวนี้ไป"
จริงดั่งที่เธอว่า คนที่ตายไปนั้นเหมือนจะพ้นผิดไปเลย แต่คนที่โดนทำร้ายนี่สิ ใครจะมารับผิดชอบได้ ในเมื่อคนทำร้ายได้ตายไปแล้ว
"ใครเป็นคนแจ้งความครับ" คราวนี้เป็นเทวารัณย์ที่ถาม
"เลขาที่อยู่หน้าห้องผู้บริหารมั้งคะ ฉันไม่แน่ใจ แต่น้ำตาลโดนทำร้ายในห้องผู้บริหารค่ะ"
ชายหนุ่มขอบคุณสาวใหญ่ที่ให้ความร่วมมือ ตอนนี้พวกเขาไม่สามารถสอบสวนน้ำตาลที่นอนนิ่งไม่ฟื้นเพราะอาการหนักได้ เบาะแสที่สามารถหาได้ตอนนี้คือ พวกเขาต้องไปพบผู้บริหารคนนั้น
---------------------------------------------
ความคิดเห็น