คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #4 : 1.3 ชยันต์
*/มีบางฉากที่อาจรุนแรงเกินไปจนกระทบกระเทือนจิตใจได้ โปรดใช้วิจารณญาณในการอ่านนะคะ/*
---------------------------------------------
รู้ตัวอีกทีเขาก็ขับรถออกมาจากบริษัทแล้ว คิดมาตลอดทางว่าทำไมเขาถึงขาดสติทำอย่างนั้น ทำไมถึงได้หน้ามืดโมโหไปฆ่าน้ำตาลได้ ราวกับว่า...ราวกับว่ามีมือปริศนาคอยบังคับให้เขาทำ และตอนนี้เขากลายเป็นฆาตกรไปแล้ว เขากลับบ้านไม่ได้ สมิงคาราคนนั้นอาจแจ้งตำรวจให้มาจับเขา พอเขาโดนจับติดคุก ชื่อเสียงและอนาคตที่เขาสร้างมาหลายปีก็จะดับลง กลายเป็นดาวตกฟ้า ไม่มีทางที่จะกลับมามีที่ยืนในสังคมอีก ทุกสิ่งทุกอย่างจะหายไป สูญสิ้น ไม่เหลืออะไรอีก
ไม่! เขาจะโดนจับตอนนี้ไม่ได้ ต้องหนีก่อน! แล้วค่อยติดต่อทนายหาทางช่วยให้เขารอด เพราะเขาไม่ได้ตั้งใจ เขาไม่ได้ตั้งใจฆ่าน้ำตาล เขาแค่อยากให้เธอหยุดหัวเราะ
ใช่แล้ว! ทั้งหมดนี่เป็นความผิดของสมิงคารา เพราะสมิงคาราเริ่มหัวเราะใส่เขาก่อน เขาจึงขาดสติยั้งคิด การฆ่าคนโดยไม่ได้เจตนาไม่ถือเป็นความผิด ทั้งหมดเป็นเพราะยัยนั่นคนเดียว
แล้วสัญญาอะไรกันที่สมิงคาราพูดถึง เก้าปีก่อน เขายังเป็นแค่เด็กนักเรียนมัธยม.....ไม่! ไม่ใช่เวลามาคิดเรื่องนี้ เรื่องที่เขาต้องคิดคือทำยังไงให้ไม่ต้องติดคุกและเสียชื่อเสียง
ชยันต์ขับรถเข้าเขตแถบชานเมือง ในหัวเหม่อลอยคิดหาทางรอดให้ตัวเอง ทั้งสบถทั้งด่าสมิงคาราไปตลอดทาง คนเรามักจะเป็นแบบนี้ โทษว่าเป็นความผิดของคนอื่นทั้งที่ตนเป็นผู้กระทำเองแท้ๆ
กระทั่งเห็นด่านตำรวจอยู่ตรงหน้า ก็รู้สึกกลัวจับใจ ทำไมกัน! ทำไมถึงตั้งด่าน หรือว่าสมิงคาราจะแจ้งตำรวจแล้วจริงๆ
เมื่อหลอนคิดว่าตำรวจที่อยู่ตรงด่านจะมาจับตนเอง ชยันต์ก็เริ่มมองหาทางรอดอื่นก็เจอเข้ากับป้ายโรงแรมม่านรูดพอดี จึงเลี้ยวขับเข้าไปในซอยลึกพอสมควรก็เจอตัวโรงแรม ยิ่งได้มาเห็นความซอมซ่อของโรงแรม เขาก็ยิ่งนึกสมเพช แต่ในเมื่อไม่มีทางเลือกแล้ว วันนี้เขาก็คงต้องหลบอยู่ที่นี่ไปก่อน
พนักงานโรงแรมที่มารูดม่านดูจะไม่รู้จักว่าเขาเป็นดารา ชยันต์ค่อยโล่งใจ แต่ก็รีบเดินเข้าห้องพักเพราะกลัวจะโดนจำได้จริงๆ
ชายหนุ่มค้นรถอย่างบ้าคลั่ง เพื่อหาบางอย่าง อะไรก็ได้ที่จะทำให้เขารู้สึกปลอดภัยหรืออุ่นใจขึ้น จนเจอเข้ากับมีดคัตเตอร์ เขาจึงคว้าใส่กระเป๋าไปด้วย
ในห้องพักค่อนข้างสะอาด แต่ก็มีกลิ่นอับเหมือนไม่เคยเปิดใช้บริการ ดูรวมๆแล้วชยันต์ค่อนข้างพอใจ จึงเดินเข้าห้องน้ำเพื่อล้างหน้าให้น้ำเย็นๆช่วยเรียกสติความคิด แต่แล้วเมื่อเข้าเงยหน้าขึ้น....
"ติ๊กตอก…หมดเวลาในสัญญาแล้วล่ะ ชยันต์"
ภาพที่สะท้อนในกระจก เผยให้เห็นร่างระหงของสตรีชุดสูทขาว ใบหน้าสวยงามฉีกยิ้มให้เขาราวกับเพื่อนเก่าที่ไม่ได้เจอกันมานาน ไม่ใช่! ไม่ใช่รอยยิ้มของผู้บริหารสาวคนนั้นอีกแล้ว เป็นหล่อน! เป็นหล่อนแน่นอน!!
"นะ...นะ...นลิน...ลิน" การได้เรียกชื่อนี้อีกครั้งมันช่างยากเย็นเหลือเกิน ราวกับเขาเค้นลมหายใจสุดท้ายเพื่อพูดออกมา "เป็น...เป็นลินใช่ไหม"
สตรีชุดสูทขาวที่ถูกเรียกว่า 'นลิน' ไม่ได้ตอบรับ แต่รอยยิ้มบนใบหน้าค่อยๆจางหายไป เธอไม่ยิ้มอีก เพียงแต่มองชยันต์ด้วยแววตาจริงจังจนเขาขนหัวลุกชัน
"ตายแล้ว...ไม่ใช่เหรอ วันนั้น...คืนนั้น เป็นไปไม่ได้!" ความทรงจำในคืนต้องห้ามไหลเข้าสมองของเขาราวกับสายน้ำ ใบหน้าของเธอคนนี้ในคืนนั้นเขาไม่มีวันลืมได้ แม้ว่าจะเลือนรางบ้าง แต่ก็ยังมีสักวันที่กลับมาฝันถึงอีก
เสียงกรีดร้อง เสียงร้องไห้ เสียงอ้อนวอน เสียงไอกระอักเลือด เสียงลมหายใจเฮือกสุดท้ายยามขาดห้วงไป นลินที่ถูกปลิดชีวิตในคืนนั้นเมื่อเก้าปีก่อน เขาไม่มีทางจำเป็นคนอื่นได้ และคนที่อยู่ตรงหน้าเขาตอนนี้ก็คือคนๆเดียวกัน
"ถ้าไม่มีลินช่วย พวกเราคงต้องลำบากแย่เลย"
ชยันต์แทบจะล้มทั้งยืน เพราะประโยคนี้ เป็นประโยคที่เขาพูดกับนลินกันแค่สองคนในคืนนั้น คืนวันที่ 29 ตุลาคม! ที่เขาขอให้นลินออกจากบ้านช่วงค่ำโดยอ้างให้ไปช่วยซ้อมบทละครเวทีแทนเพื่อนอีกคน ระหว่างทางเดินไปโรงเรียน เขาก็พูดประโยคนี้กับเธอ ที่จำได้เพราะเขาต้องการจะขอโทษและขอบคุณทางอ้อม
ขอโทษที่เขากำลังลวงนลินไปฆ่า และขอบคุณที่นลินจะทำให้อนาคตของเขารุ่งโรจน์
"แต่มึงตายไปแล้วนะ!! กูเห็นกับตา กูฆ่ามึงกับมือ กูเป็นคนแทงมึงคนแรก ทำไม ทำไมมึงมาอยู่ที่นี่ได้!!" ชยันต์สติแตกมากกว่าเดิมและพุ่งเข้ามาจับแขนของหญิงสาวและเขย่าอย่างแรง
คนถูกเขย่ายิ้มอย่างเย็นชาและปัดมือทั้งสองของชยันต์ที่บีบไหล่ของเธอออก ก่อนจะปัดบริเวณที่ชยันต์แตะบนเสื้อสูทสีขาวเมื่อครู่ ราวกับเป็นสิ่งที่น่าขยะแขยง "ที่ชยันต์พูดมาอาจจะถูกก็ได้ แต่ว่าถูกแค่ครึ่งเดียวนะ"
เป็นนลินจริงๆด้วย!! วิธีการพูดของเธอ น้ำเสียงเป็นเด็กสาวซุกซนแบบนี้ คือนลิน แต่วันนั้นเขาเป็นคนลงมือฆ่าเธอแท้ๆ แล้วเหตุใด ถึงยังมีชีวิตอยู่ หรือว่าจะเป็นผี หรือว่าเขาจะประสาทหลอน บางทีอาจไม่ใช่นลิน แต่เป็นสมิงคาราที่มีใบหน้าคล้ายนลินเท่านั้น ต้องเป็นอย่างหลังแน่นอน บางทีเธออาจรู้ความลับนี้แล้วต้องการแบล็กเมล์เขา!
คนตายไปแล้ว ไม่อาจฟื้นคืนอีก!!
ชยันต์ใช้ความพยายาม จนสงบสติของตนลงในที่สุด เขาดึงภาพลักษณ์ดาราหนุ่มเจ้าบทบาทออกมาใช้และหัวเราะเบาๆกลบเกลื่อนท่าที "หึหึ คุณถูกผมแสดงใส่แล้วล่ะ คุณคาร่า เมื่อครู่ผมแค่ลองซ้อมบทเท่านั้น ขอบคุณนะครับที่เล่นกับผมด้วย"
สมิงคาราทำหน้าสับสน ก่อนจะส่ายหน้าไม่เข้าใจ "ซ้อมบท! ถ้าอย่างนั้นน้ำตาลก็คงเล่นได้ดีจริงๆ...เล่นจนตายสนิทเลยสินะ หึหึหึ" ก่อนจะหัวเราะออกมา
ชยันต์ถูกตอกกลับจนหน้าผิดสี แต่ก็ยังแถต่อ "นั่นก็เป็นแค่การซ้อมบท ผมเห็นแววนักแสดงในตัวของน้ำตาล จึงบอกให้แสดงแกล้งทำคุณเชื่อ แล้วคุณก็เชื่อจริงๆด้วย"
"ฉันไม่เห็นรู้เรื่องด้วยเลย" มีอีกเสียงดังขึ้นข้างหลังของชยันต์ จนเขาสะดุ้งโหยงหันกลับไปดู
"อ้ากกกก!" ชายหนุ่งร้องลั่นตกใจ แข้งขาอ่อนยวบล้มใส่เตียงนอน ก่อนจะกลิ้งตกไปอีกด้านอย่างน่าอนาถขบขัน
เป็นน้ำตาล ผู้จัดการสาวที่เขาพึ่งฆ่าไป แต่หล่อนมาในสภาพคอบวมม่วง ตาถลนห้อเลือด น้ำลายและลิ้นห้อยย้อยออกจากปากอย่างไม่อาจควบคุมได้ ซึ่งเป็นภาพที่ทำเอาพระเอกหนุ่มดาวรุ่งถึงกับหวาดกลัวสติแตก
"คุณทำให้ฉันเป็นแบบนี้เองนะ คุณชยันต์"
"อ้ากกก ไม่! ไม่! ออกไป! ไปให้พ้น!!"
ชยันต์ปัดมือไปมาบนอากาศคล้ายต้องการผลักไส ทันไดนั้น ตัวของเขาก็ถูกมือปริศนายกขึ้นโยนลอยไปบนเตียง จนจมูกของเขากระแทกเข้ากับขอบหัวเตียง เลือดสดๆพุ่งกระฉูดออกมาจากโพรงจมูก
เขาพยายามมองว่า ใครคือคนโยนเขา แต่เพราะดวงตาพร่ามัวเกินไป จึงเห็นแค่เงาดำใหญ่ทมึนน่ากลัว ยืนอยู่ข้างสมิงคารา
สิ่งที่ทำให้เขาเห็นชัดเจนที่สุดก็เห็นจะเป็นดวงตาคู่นั้นของสมิงคารา ซึ่งจ้องมองเขาอย่างอาฆาตแค้น มันเป็นสายตาเดียวกับคืนนั้น...
คืนที่เขาลงมือฆ่า นลิน
เขารู้สึกกลัวจับใจถึงจิตสังหารที่มาจากดวงตาคู่นั้น แล้วเขาก็คิดอะไรบางอย่างออก จึงหยิบกระเป๋าสตางค์หนังแท้ราคาแพงออกมาเปิดมันออกก่อนจะล้วงเข้าไปในส่วนที่ลึกที่สุดเพื่อหยิบบางสิ่ง
สร้อยเงินเส้นเล็กปรากฏตัวออกมาจากกระเป๋าสตางค์ และถูกโยนไปทางหญิงสาว
"เอาคืนไป!"
สมิงคารามองไปยังสร้อยเส้นเล็กที่ถูกโยนลงมาข้างฝ่าเท้า ชยันต์ซึ่งรอดูท่าที ค่อยๆล้วงมือเข้าไปในกระเป๋าเพื่อคว้ามีดคัตเตอร์ออกมา
พอจับมีดได้ เขาก็ตั้งใจจะพุ่งเข้าไปหาสมิงคาราทันที หวังทำร้าย แต่เงาดำร่างใหญ่คว้าแขนข้างที่เขาจับมีดเอาไว้และบิดมันอย่างแรงจนมีดร่วง
น้ำตาลในสภาพคอห้อยน้ำลายย้อยเดินโซเซเข้าไปหาชยันต์และหยิบมีดที่ร่วงขึ้นมาพร้อมกับหัวเราะเสียงแหลม
ชยันต์หวาดกลัวสุดขีดกับสภาพของน้ำตาล จนเขาปล่อยของเหลวออกจากหว่างขาอย่างน่ารังเกียจ น้ำตาลจึงยิ่งหัวเราะ ดังขึ้นกว่าเดิม
"กลัวเหรอชยันต์"
ชยันต์หันไปมองสมิงคาราที่ตอนนี้ ไม่ได้อยู่ในร่างของหญิงสาวชุดสูท แต่เป็นเด็กสาวในชุดลำลองร่างอาบเลือด
ความทรงจำในคืนนั้นผุดขึ้นมาอีกครั้ง คืนที่เขาลงมือฆ่านลิน เด็กสาวร่วมชมรมสุดจะหัวอ่อนว่าง่าย และหลงเสน่ห์เขาจนยอมทำตามแทบจะทุกอย่าง
คืนนั้นเขาให้เธอสวมเสื้อคลุมยาวประกอบฉากละครเวที เพราะอ้างว่ามาช่วยซ้อมแทนนักแสดงที่ไม่มา จากนั้นก็พาเธอไปยังกลางเวที จับเธอนอนมัดติดกับแท่นบูชาประกอบฉาก ซึ่งเด็กสาวไม่ได้เอะใจแม้แต่น้อย เพราะมันคือส่วนหนึ่งของบทแสดง
"มัดแน่นไปแล้วนะ ชยันต์" เธอโอดครวญเมื่อรู้สึกเจ็บที่ข้อมือ
"ขอโทษนะ" เขาขอโทษเธอเสียงสั่น
"อืม ไม่เป็นไร แต่ช่วยคลายเชือกก่อนได้ไหม ฉันอยากจัดท่าใหม่น่ะ"
ชยันต์ไม่ได้ทำตามที่เธอขอ เพียงแค่ลุกขึ้นและเดินหายเข้าไปหลังเวที
เธอส่งเสียงเรียกเขาตามหลังอย่างไม่เข้าใจ ทันใดนั้นก็ได้ยินประโยคคล้ายบทกลอนดังแว่วจากคนหลายคนพูดพร้อมกัน
"อันว่ากริช นิรันดร์นี้ มีอสูร
จักพิสูจน์ โดยเสียงเรียก พรากวิญญาณ
เป็นสัญญา ปลดวิญญาณ สิงสู่กริช
เวทย์สัมฤทธิ์ อำนวยพร แก่พวกเรา"
ชยันต์เดินออกมาจากหลังเวทีเมื่อกลอนจบ เขาสวมเสื้อกันฝนทับชุดลำลอง เด็กสาวมองอย่างสับสน แต่ก็ยังใจเย็นเมื่อคิดว่านี่ส่วนหนึ่งของบทละครที่เธอมาซ้อม
"ชยันต์ กลอนเมื่อกี้บทมาใหม่เหรอ ไม่เห็นเคยได้ยินตอนซ้อม..."
ยังไม่ทันที่เด็กสาวจะพูดจบ กริชที่ชยันต์ถือซ่อนไว้ข้างหลังก็ปักลงไปที่กลางอกของเธออย่างแรง หยาดเลือดกระเซ็นเมื่อเขาดึงกริชออก ก่อนจะส่งต่อให้บุคคลอีกคนที่ยืนรออยู่ข้างๆ
คนผู้นั้นรับไว้ ก่อนจะปักลงมาที่อกของเด็กสาวที่นอนกระอักเลือดอีกครั้ง เธอกรีดร้อง น้ำตาไหลอย่างเจ็บปวดกับ บาดแผลที่โดนแทง ยังไม่สามารถทำให้เธอหมดลมหายใจได้ กริชถูกส่งต่อไปอีกคน
"ฮือ....ได้...โปรด...อย่า....อึก!"
กริชถูกแทงลงไปและถูกส่งต่อไปเรื่อย จนกระทั่งคนที่ 6 มืออันสั่นเทาของคนที่ 6 กำกริชไว้แน่น พลางเดินมาข้างๆเด็กสาว
เธอจ้องหน้าด้วยดวงตาที่เต็มไปด้วยน้ำตา แต่กระนั้นก็ยังเห็นใบหน้าของคนที่ 6 ชัดเจน สติอันเรือนรางรู้สึกและสัมผัสได้ถึงความผิดหวัง และเสียใจมาก ก่อนที่ดวงตาของเด็กสาวจะเปลี่ยนเป็นมองเรียงคนอย่างเคียดแค้น อาฆาตปานจะกินเลือดกินเนื้อกินกระดูก จิตอาฆาตของเธอแรงกล้าจนทำให้ผู้จ้วงแทงทั้ง 6 คน ขนหัวลุก
คนที่ 6 ดูผวาหวาดกลัวมาก แต่ก็ยังกลั้นใจเงื้อกริชปักลงไปที่กลางอกพอดีกลับหัวใจของเด็กสาวจนร่างแน่นิ่งไป แต่ดวงตายังคงจ้องมองมายังบุคคลที่ 6 อย่างพยาบาท
ชยันต์กลัวจนอาเจียนรดพื้น กลิ่นคราวเลือดคละคลุ้ง ติดเต็มเสื้อกันฝนของเขา เขาสะอิดสะเอียนจนแทบคลั่ง มันเป็นความทรงจำที่เขาต้องการลืมมากที่สุด
"อ๊ากกกกกกกก!!"
ชยันต์ที่เห็นภาพในอดีตโผล่เข้ามาในหัวกรีดร้องลั่นห้องโรงแรม เขาปิดดวงตาทั้งสองของตน เพราะไม่อยากเห็นภาพเหล่านั้นอีก แต่ไม่ว่าจะปิดยังไง สิ่งที่โผล่เข้ามาในหัวก็ยังคงชัดเจนจนเขากรีดร้องเจียนคลั่ง
"อ๊ากกกกกกกก!!"
ภาพที่เขาจ้วงแทงเด็กสาว วนอยู่ซ้ำแล้ว ซ้ำเล่า จนเขารู้สึกถึงความเจ็บปวดทุกครั้งที่จ้วงแทง มันเหมือนกับว่าเขากำลังโดนแทงเข้าที่อกลงมาที่ท้อง กว่าจะรู้ตัว มือของเขาก็กำลังถือมีดคัตเตอร์จ้วงแทงไปที่ท้องของตัวเอง เครื่องในไหลออกมากองข้างนอก กลิ่นคาวเลือดลอยทั่วห้อง ผ้าปูที่นอนที่เคยเป็นสีขาว บัดนี้กลายเป็นสีแดงฉาน มันเต็มไปด้วยเลือดของเขา
สมิงคาราที่กลายเป็นเด็กสาวชื่อนลินยังคงยืนมองเขาอยู่ที่ปลายเตียง โดยสภาพเหมือนกับตอนตายไม่มีผิด แววตาของเธออาฆาตมาดร้าย ริมฝีปากค่อยๆคลี่ยิ้มเยาะ เย้ยหยัน
ไม่! เขาไม่อยากเห็นเธออีกแล้ว ไม่เอาแล้ว
"ไม่อยากเห็นแล้ว....ไม่อยากเห็นแก...ไม่เอาแล้ว...."
ชยันต์ยกฝ่ามือขึ้นมา ก่อนจะบรรจงควักดวงตาทั้งสองข้างออกมาจากเบ้า พร้อมกับหัวเราะเยาะอย่างบ้าคลั่ง
"เท่านี้ก็ไม่เห็นแล้ว...อึก...ไม่เห็นอีกต่อไป..."
นั่นคือสิ่งที่ตำรวจสายตรวจเห็นจากทางหน้าต่าง ตอนที่กำลังพยายามจะเข้ามาช่วยชยันต์
---------------------------------------------
ความคิดเห็น