ลำดับตอนที่ #2
คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #2 : [Everyone is special] : Alette Dalane
STUDENTS
ชื่อ-นามสกุล แอนเล็ต ดูลาน (Alette Dalane) [ส่วนใหญ่เรียก แอนหรือแอนเล็น]
เชื้อชาติ ฝรั่งเศษ
อายุ 17 ปี
ระดับ S
เพศ ชาย
ชอบเพศ ชายและหญิง (รุก)
ลักษณะเด่นภายนอก แอนเล็ตเป็นชายหนุ่มผอมเพรียว เอวบางและไหล่แคบ มีใบหน้างดงามเหมือนผู้หญิง ผิวขาวนวลนิ่ม
เส้นผมสีขาวเงิน ดวงตาสีน้ำเงินดูร้ายลึกและหยิ่งยโส เป็นที่รู้จักกันดีในฐานะคนที่มีพลังพิเศษที่มีอีโก้ค่อนข้างสูงและมีลักษณะ
นิสัยคล้ายกับหญิงสาวเจ้าเล่ห์จากในนิทานเจ้าหญิงปรัมปรา เป็นคนที่แต่งกายถูกระเบียบตลอดไม่ว่าในหรือนอกสถานที่ ในช่วง
อื่นๆที่ไม่ได้เเต่งเครื่องแบบก็มักจะเห็นเขาสวมชุดคอกว้างแบบผู้หญิงอยู่เป็นประจำ และที่คาดไม่ได้คือโชกเกอร์สีดำที่มีกุหลาบ
กระดาษประดับและสายข้อมือที่มือขวาและมีจี้รูปดาวประดับ อีกทั้งยังชอบสวมที่คาดผมสีดำ สามสิ่งคือเครื่องประดับที่เป็น
เอกลักษณ์ของเขา อย่างไรก็ตามแอนเล็ตนั้นเป็นคนที่มีร่างกายอ่อนแอและแรงน้อยมาก อีกทั้งเขายังตัวเบาอย่างน่าเหลือเชื่อ
ส่วนสูง/น้ำหนัก 170 cm. ll 51 kg.
ปี 4 (เรียนช้าเพราะปัณหาด้านสุขภาพ)
คลาส S
ชมรม ดนตรี
งานอดิเรก ร้องเพลงและฝึกแร็ป, การศึกษาภาษาหลายๆภาษา, เขียนบทความในเน็ตด้วยไอดีโนเนม
พลัง แอนเล็ตเป็นคนที่ค่อนข้างพิเศษกว่าคนพิเศษ เพราะเขามีพลังถึง 2 อย่างด้วยกัน
1. ดวงตาของแอนเล็ตสามารถฉายภาพสิ่งต่างๆที่เขารู้จักรูปลักษณ์ของมันได้หากมีจออิเล็กทรอนิกส์อยู่ใกล้ๆ (จะจอคอมจอโทรศัพท์อะไรก็ได้ ขอแค่มีเสียงจากจอนั้นแม้เพียงเล็กน้อย) ซึ่งมันจะมีลักษณะคล้ายภาพโฮโลแกรม ซึ่งสามารถใช้สร้างเป็นเอฟเฟคต่างๆหรือรูปสิ่งต่างๆที่เขาสามารถนึกภาพมันได้ และเขาสามารถเปลี่ยนมุมมองและการยินของตนไปยังสิ่งที่ฉายได้ หากสิ่งนั้นมีอวัยวะหรือการทำงานที่ตรงกัน (เช่นสามารถมองเห็นได้ถ้าสร้างเป็นรูปกล้อง สามารถได้ยินได้ถ้าสร้างเป็นรูปหูฟัง ถ้าสร้างเป็นรูปคนก็จะทำได้ทั้งมองเห็นและได้ยิน)
2. แอนเล็ตสามารถดัดเสียงของผู้หญิงได้ทุกแบบ และคำพูดของเขานั้นจะเป็นการแชร์ความรู้สึกและทำให้คนคล้อยตาม ทำให้เวลาเขาพูดในด้านลบก็จะดูโหดกว่าปกติ หรือพูดในด้านดีก็จะดูเป็นคนดีมากกว่าปกติเช่นกัน หรือเวลาร้องเพลงก็จะทำให้คนรู้สึกคล้อยตามไปตามเนื้อหาของเพลงนั้นๆ(ใช้กับการขยายเสียงได้ แต่การอัดหรือฟังย้อนหลังจะไม่สามารถใช้ได้) และเป็นเพราะพลังนี้เองที่ทำให้แอนเล็ตโตมาค่อนข้างเหมือนผู้หญิง (เป็นพลังที่ได้มาจากแม่)
นิสัย
"เพราะฉันเกิดมามีมากกว่าคนอื่น สุดโต่งกว่าคนอื่น คนอื่นจึงมองว่าฉันมันโคตรพิเศษ"
"ทุกครั้งที่พวกเขามองมาที่ฉัน ฉันรู้ว่าพวกเขาอิจฉาฉัน และทุกครั้งที่ฉันมองไปที่พวกเขา ฉันก็รู้ตัว ว่าฉันอิจฉาพวกเขา"
ในมุมมองของคนอื่นนั้น แอนเลตเป็นชายหนุ่มที่มีลักษณะนิสัยเหมือนผู้หญิง จุกจิกและอารมณ์ร้าย เป็นพวกไฮโซที่มีอีโก้ค่อนข้างสูง สังเกตุได้จากการที่เขาจะคบค้าสมาคมแค่กับคนที่มีพลังพิเศษด้วยกันเท่านั้น เป็นพวกปากคอร้ายลึก ไม่ได้ด่าแรงๆว่าตรงๆ แต่จะพูดในเชิงลอยๆขึ้นมาเพื่อกระทบคนอื่น เช่น พวกขี้แพ้เนี่ยมันขี้แพ้จริงๆเลยนะ.. พวกโง่นี่ก็ไม่ค่อยจะรู้ตัวเองเท่าไหร่เลยนะ.. บางคนเนี่ยผิดแล้วยังไม่รู้ตัวอีก อะไรทำนองนี้
แอนเลตนั้นเป็นคนที่ค่อนข้างเชิดหน้าชูตาและมีความมั่นหน้าในระดับสูงและมีความเป็นตัวของตัวเองโดยไม่เกรงใจใคร เขาเป็นที่สุดของห่วงโซ่อาหารแม้แต่กับผู้มีพลังพิเศษด้วยกัน ทั้งฐานะครอบครัวที่เป็นผู้มีพลังพิเศษและประสบความสำเร็จในระดับประเทศทั้งคู่ ตัวเองก็เกิดมามีพลังถึงสองอย่าง อีกทั้งพลังของเขานั้นยังทำให้คำพูดของเขาดูมีน้ำหนักและยากจะทำหูทวนลมจึงยิ่งทำให้
แอนเล็ตเป็นราชสีห์ที่เหนือกว่าราชสีห์ทั้งปวง
เงินรายเดือนมีเป็นแสน ใช้จ่ายยังไงก็ไม่หมด กินอะไรก็ไม่อ้วน เป็นคนที่ดูไม่ต้องมีความพยายามอะไรใดๆเลยแม้แต่น้อย เพราะไม่ว่าอะไรคนอื่นก็ประเคนให้ ไม่ว่าอะไรเขาก็มีดีอยู่แล้ว ไม่ต้องลดหุ่นหรือรักษา ไม่ต้องฝึกดัดเสียง พรสวรรค์ในฐานะนักร้องก็ได้รับมาจากแม่เต็มๆ แต่งกายแบบไหนก็ดูดีเพราะใบหน้าและร่างกาย มีเพียงเรื่องเดียวเท่านั้นที่เขาด้อยกว่าคนอื่น นั่นคือเรื่องสุขภาพ
แอนเลตนั้นสุขภาพอ่อนแอมากชนิดที่โตในโรงพยาบาลเสียด้วยซ้ำ ในปัจจุบันเขายังไม่สามารถทนแดดร้อนๆได้ และไม่สามารถเดินนานๆหรือวิ่งโลดโผนเหมือนคนอื่นๆ แม้กระทั่งเรี่ยวแรงยังงัดข้อแพ้เด็กประถมได้ง่ายๆเลยด้วยซ้ำ
"อะไรที่ทำให้ฉันเป็นคนพิเศษ ?"
"โลกหรอ ? หรือว่าผู้คน ?"
ทว่าในมุมมองจริงๆนั้น แอนเล็ตเป็นคนที่ชอบอิจฉาคนอื่นในทุกด้านๆ เขานั้นอิจฉาคนที่มีร่างกายแข็งแรงตั้งแต่เกิด อิจฉาคนที่ครอบครัวมักจะมีเวลาให้กับพวกเขาเสมอ อิจฉาที่พวกเขาสามารถมีมิตรภาพได้ง่ายๆ อิจฉาที่พวกเขาไม่จำเป็นต้องเกรงใจกันและเปิดใจคุยกันอย่างถ่องแท้ มันเป็นสิ่งที่เขาไม่เคยมี เกิดมาก็อ่อนแอ พ่อและแม่ก็ติดงานหนักจนแทบไม่เห็นหน้ากัน คนอื่นเอาแต่เกรงกลัวและเกรงใจฐานะของเขา คิดว่าการที่คนอื่นเกรงใจและเกรงกลัวตนเองนั้นมันดีงั้นหรอ ? แอนเล็ตไม่เคยคิดแบบนั้น มันก็เหมือนกับการที่คุณต้องเปลี่ยนตัวเองไปตามสภาพสังคม มันไม่ใช่การที่คนอื่นเกรงกลัวเขาเพราะบุคลิก แต่เป็นเขาเองต่างหาก ที่ต้องเปลี่ยนบุคลิกเพราะถูกผู้คนเกรงกลัว จริงๆแล้วแอนเล็ตไม่ใช่พวกที่แบ่งแยกคนจากการมีพลังหรือไม่มี แต่เขาแบ่งแยกคนที่ทัศคติของพวกเขาว่าพวกเขาแบ่งแยกคนธรรมดากับคนพิเศษหรือเปล่า
เพราะการคบค้าสมาคมกับพวกคนธรรมดามันยุ่งยาก แอนเล็ตจึงไม่ค่อยอยากสนิทกับพวกเขา อาจเป็นเพราะปมในวัยเด็กด้วย แอนเล็ตนั้นแทบจะมองคนธรรมดาในแง่ร้าย(ไม่ได้ร้ายแบบพวกคนธรรมดาเป็นคนไม่ดี แต่มองว่าพวกคนธรรมดามีทัศคติแบ่งแยกเลยไม่กล้าเข้าหา) เขาจึงเลือกที่จะอยู่กับคนที่มีพลังพิเศษเหมือนกัน และคนเหล่านั้นเป็นเพียงไม่กี่คนที่รู้จักตัวตนที่แท้จริงของแอนเล็ต ว่าเขาก็ไม่ค่อยต่างจากสาวห้าวสาวร้ายตามสไตล์แบดเกิร์ล(บอย)ซักเท่าไหร่นัก และเอาเข้าจริงเขาเป็นคนช่างพูดและมีอารมณ์ขำ โดยส่วนมากจะเป็นเรื่องประเด็นดราม่า ข่าว หรือสังคมต่างๆที่เขาชอบพูด ถ้าหากคุณนึกไม่ออก ก็เพียงแค่จินตนาการว่ามีกลุ่มเพื่อนสาวไปนั่งเมาท์มอยกันในร้านเค้กอย่างสนุกสนานและหัวเราะคิกคัก สภาพของเขานั้นก็ไม่ต่างจากพวกเธอเท่าไหร่เลย เพียงแต่เพราะเขาไม่ค่อยพูดเวลาอยู่ในสถานที่ที่คนเยอะๆ และมักจะได้พูดตอกหน้าคนอื่นอยู่เป็นประจำ เขาจึงถูกคนอื่นมองว่าเป็นพวกคนมั่นหน้าที่ไม่เกรงใจชาวบ้าน (แต่ก็ไม่เกรงใจจริงๆนั่นแหละ--)
และแน่นอนว่าเขาก็เป็นพวกที่ประเภทแกล้งเอาสนุกได้ อย่างเช่นตุ๊กตาแมลงสาบบิน หลายๆคนอาจจะคาดไม่ถึง แต่เวลา
แอนเล็ตตกใจจนร้องกริ๊ดนั้นถือเป็นอะไรที่สนุกมาก เพราะเสียงของเขาจะให้ความรู้สึกตกใจยิ่งกว่าคนอื่นเช่นกัน และเขาเองก็ไม่ค่อยถือสาเรื่องการแกล้งเล็กๆน้อยๆในหมู่เพื่อนของเขาอยู่แล้ว
และแอนเล็ตเองก็ประสบปัญหาบางอย่างที่คนอื่นไม่ค่อยคิดถึงมันเช่นกัน อย่างเช่นตัวเบาเกินจนเวลากางร่มเดินขณะฝนตกแล้วมีลมพัดผ่านก็อาจจะทำให้ตัวปลิวได้ หรือว่าแรงน้อยจนหมุนลูกบิดที่แน่นๆไม่ไหว หรือว่าจะสวยเกินไปจนมีคนมาทักขอเบอร์บ่อยๆแม้ว่าเขาจะใส่กางเกงขายาวอยู่ตลอดก็ตาม
"ฉันชอบเสียงเพลง เพราะมันไม่เคยเลือกผู้ฟัง"
"มันไม่เคยจำกัดว่าใครเป็นคนพิเศษ และสิ่งที่มันทำนั้นมีเพียงการถ่ายทอดอารมณ์ให้กับทุกคนที่ได้ฟังมัน"
แอนเล็ตนั้นชอบดนตรีมาตั้งแต่เด็ก เขาชื่นชมในเสียงดนตรีของใครหลายๆคน เขาไม่ค่อยจะฟังเรื่องความเพราะของเสียง แต่เขาจะฟังอารมณ์ที่เสียงจะสื่อและอินไปกับมัน เวลาว่างๆนั้นแอนก็มักจะฟังเพลงหลายๆแบบอยู่เป็นประจำ เขานั้นชอบเพลงทุกรูปแบบทุกภาษาจึงทำให้เขาตั้งใจเรียนภาษาเพื่อนำมันไปเขียนเพลงด้วย บางครั้งแอนเล็ตก็มักจะเขียนเพลงเล่นอยู่เสมอ แต่เขาไม่ค่อยชอบซ้อมเดี่ยวเท่าไหร่นักถ้าไม่มีเพื่อนชวน เวลาว่างๆของเขาเองก็มักจะฝึกแร็ปอยู่บ้างแต่ก็ไม่ได้บ่อยนัก เพราะเขาเหนื่อยจากการแร็ปได้ง่ายเพราะหายใจไม่ค่อยทัน แต่เขาก็พยายามเพื่อเพิ่มขีดจำกัดตัวเองอยู่เสมอ เขานั้นมีพรสวรรค์ของนักร้องที่เยี่ยมยอด และการเต้นเองก็ดีเช่นกัน แม้ว่าเขาจะเต้นเองไม่ได้ แต่เขาก็สามารถใช้พลังของเขาในการฉายภาพเพื่อออกแบบท่าเต้นได้ เขามีความฝันที่อยากเป็นนักดนตรีและอยากสร้างวงกับเพื่อนๆของเขา
ชอบ สัตว์ขนฟูนุ่มนิ่ม, หมอนและเตียง, ของหวานต่างๆ พุดดิ้ง เค้ก, เสื้อคอกว้าง, ผมยาว, สีโทนขาว~ดำ, อ่านไบเบิลให้เพื่อนฟัง(เอาง่ายๆคือกวนเพื่อนนั่นแหละ...)
สเป็คที่ชอบ - คนที่ตัวสูงกว่าและดูแมนกว่า(ชายหรือหญิงก็ได้) มีความเป็นทาสเมียและเกรงใจเมียสูง ออกแนวพ่อบ้านใจกล้า
เขาเป็นพวกรุกSที่ชอบเมะรับ และชอบรังแกพวกเขาเล่นเอาสนุกอย่างมาก
ไม่ชอบ ฝุ่นและโคลน, แดดหรืออะไรที่มันร้อนๆ, อาหารรสจัด, กลิ่นยาในโรงพยาบาล, สีฉูดฉาดตาและเสื้อผ้าที่มีลายมาก, แมลงมีปีก, ซากแมลง, ทัศคติแบ่งแยกคนธรรมดาและคนพิเศษ, พวกคนที่อิจฉาเขาโดยที่ไม่รู้จักเขาดีพอ
สเป็คที่ไม่ชอบ - พวกก้าง พวกหน้าละอ่อนทำตัวอ่อนแอ พวกหน้าหม้อ
ประวัติ หมายเหตุ : ข้อความใน [ ] คือส่วนขยายที่ไม่มีในบทความ
บทความ I'm Special
by ID34125586
สวัสดี ฉันคือคนที่มีพลังพิเศษ และค่อนข้างพิเศษกว่าคนทั่วไป
อย่างแรก, ฉันเป็นคนที่มีพลังพิเศษถึงสองอย่าง ฟังดูวิเศษไหมล่ะ ?
อย่างที่สอง, ชีวิตของฉันนั้นคือการคาบช้อนเงินช้อนทองมาเกิด พ่อและแม่ของฉันเป็นคนที่มีพลังพิเศษและประสบความสำเร็จทั้งคู่ [พ่อเป็นนักธุรกิจส่งออกอุปกรณ์อิลเล็กทรอนิกส์ระดับประเทศ แม่เป็นศิลปินที่ดังจนได้ไปแสดงนอกประเทศ] ชีวิตของฉันดูดีนะว่ามั้ย ? แต่ว่านะ ฉันน่ะเกิดและอยู่ในโรงพยาบาล ร่างกายของฉันอ่อนแอมากจนทำได้แค่นอนอยู่บนเตียง นานๆครั้งพ่อกับแม่ของฉันถึงจะมาเยี่ยมฉันได้ เพราะพวกท่านมีตารางงานที่ยุ่งมาก
ทุกวันของฉันคือการนอนพักอยู่บนเตียง กลิ่นยาคละคลุ้ง ที่ฉันทำได้คือมองออกไปนอกหน้าต่างหรืออ่านหนังสือ ฉันพักอยู่ที่ห้อง VIP ชั้นแรก มันอยู่ติดกับสนามหญ้าที่เด็กคนอื่นๆมักจะมาเล่นกัน ฉันชอบมองพวกเขา และพวกเขาก็มองมาที่ฉัน จนในที่สุดฉันก็ขอให้คุณหมอพาพวกเขาเข้ามาพูดคุยกัน มันเป็นครั้งแรกที่ฉันมีเพื่อน ฉันรู้สึกดีใจมากเลยนะ ฉันอิจฉาพวกเขา พวกเขาสามารถเดินได้ในขณะที่ฉันทำได้แค่นั่งและนอนบนเตียง พวกเราเล่นอะไรด้วยกันได้ไม่มากเท่าไหร่ ส่วนใหญ่ก็ได้แต่พูดคุยกัน ฉันชอบฟังเรื่องที่พวกเขาเล่ามาก ทั้งครอบครัวและการละเล่นที่พวกเขาได้เล่นกัน มันฟังดูดีนะ ฉันเองก็อยากเป็นแบบพวกเขาบ้าง
จนกระทั่งวันหนึ่ง ในขณะที่ฉันลองใช้พลังครั้งแรก [พลังฉายภาพและสร้างตัวเองพร้อมสลับมุมมอง ทำให้แอนเล็ตสามารถเดินออกไปข้างนอกได้ เป็นครั้งแรกที่เขาได้เดินแม้จะเป็นการใช้พลังก็ตาม] ฉันไม่อยากบอกว่าพลังของฉันคืออะไร แต่ฉันได้ยินพวกเขาคุยกันถึงฉัน มันเป็นเรื่องที่พลิกผันมาก เหมือนกับการเอามีดมาแทงข้างหลังก็ไม่ผิดนัก
คนนึงบอกว่าฉันน่ะน่าอิจฉา ครอบครัวก็ดี มีพลังพิเศษ ฐานะก็ดี แต่ดันทำตัวอ่อนแอ
อีกคนก็บอกว่า ถ้าเขาเป็นฉันเขาจะไม่มาเอาแต่นอนบนเตียงแบบนี้หรอก เขาบอกว่าฉันมันขี้เกียจ
อีกคนก็พูดเสริมขึ้น ถ้าไม่ใช่เพราะฉันมีฐานะเขาก็คงไม่มาคุยกับฉันหรอก มันทิ่มแทงใจฉันมาก
พวกเขาทุกคนต่างพูดเป็นเสียงเดียวกันว่าไม่ชอบฉันที่เป็นผู้ชายแต่กลับอ่อนแอเหมือนผู้หญิง ขนาดเสียงยังหวาน เกิดมาดีทุกอย่างแต่ดันทำตัวอ่อนแอ พวกเขาเสียเวลาที่ต้องมานั่งคุยกับฉันแทนที่จะได้เล่นอยู่ข้างนอก คุณรู้ไหมว่ามันเจ็บปวดมากแค่ไหนที่ลับหลังกันคนเราสามารถต่อว่ากันได้ขนาดนี้ แม้ว่าพวกเขาจะไม่เคยรู้เลยว่าฉันอิจฉาพวกเขาขนาดไหนก็ตาม
ฉันทะเลาะกับพวกเขาในอีกวันที่พวกเขาเดินเข้ามา พวกเราทะเลาะกันแรงมาก แต่ฉันเจ็บใจ และเจ็บที่หน้าอก ฉันอยากจะตะโกนให้ดังๆแต่มันทำไม่ไหว ท้ายที่สุดอาการของฉันแย่ลง หมอเข้ามาห้ามและแยกพวกเรา เมื่อเรื่องนี้ถึงหูพ่อแม่ฉันพวกเขาก็สั่งห้ามไม่ให้นำเด็กพวกนั้นมาเจอฉันอีก มันฟังดูดีนะ มันเหมือนกับว่าฉันชนะเลย แต่ในใจของฉันรู้สึกว่างเปล่า
ฉันก็แค่... อยากให้พวกเขารู้ ว่าฉันก็อิจฉาพวกเขาเหมือนกัน...
ในตอนนี้ฉันพอใช้ชีวิตอย่างปกติได้ ทุกคนต่างอิจฉาในตัวฉันอย่างมาก เพราะฉันเป็นคนที่ไม่ค่อยได้พยายามอะไรก็ดูดีตลอด แต่ว่านะ ฉันได้หัดเดินในตอนที่พวกเขากำลังเรียนประถมและวิ่งไล่จับกัน ฉันได้เรียนในห้องสี่เหลี่ยมแคบๆคนเดียว ในขณะที่พวกเขาได้เรียนกับคนอื่นๆ ฉันได้แต่นั่งมองทีวีหรือดูคลิปวิดีโอผ่านเน็ตไปวันๆ ในขณะที่คนอื่นๆได้ลงมือทำกันอย่างสนุกสนาน ฉันพึ่งได้เข้าเรียนกับคนอื่นตอนป. 4 ในโรงเรียนที่มีแต่คนมีพลังพิเศษ ทุกคนต่างบอกว่าฉันนั้นพิเศษ ด้วยเหตุผลเหมือนเดิมนั่นแหละ รวย มีพลังสองอย่าง หน้าตาดี เป็นคนที่ดูมีอำนาจ แต่ว่านะ ฉันน่ะรู้จักสิ่งที่เรียกตัวเองว่ามนุษย์ดี
สิ่งแรกที่พวกเขาจะมองคือจุดที่ดูดีของอีกฝ่าย ในขณะเดียวกัน พวกเขาก็จะเริ่มมองหาจุดที่แย่และนำมาเปรียบเทียบเพื่อลดให้อีกฝ่ายดูต่ำลง ฉันก็เหมือนกัน พวกเขาเริ่มล้อเลียนกันในบางครั้งว่าอย่าทำตัวอ่อนแอน่า อย่าทำตัวเหมือนคนๆนั้นสิ ฉันไม่ได้เข้าแถวเหมือนคนอื่น พวกเขาก็เริ่มล้อกันบ่อยขึ้น จากลับหลังมันค่อยๆกลายเป็นต่อหน้า
ฉันเบื่อ เบื่อการที่ทุกคนเชิดชูฉันเพราะฉันไม่เหมือนคนอื่น ฉันเบื่อกับการเป็นดอกไม้ที่อยู่บนจุดสูงสุด ฉันก็อยากจะอยู่ร่วมกับทุกคนบนทุ่งหญ้า แต่ไม่ว่ายังไง พวกเขาก็มองว่าฉันอยู่สูงกว่า และทุกครั้ง พวกเขาก็พยายามที่จะกระชากฉันลงมา มนุษย์คือสิ่งที่หยิ่งยโสที่สุดในโลกใบนี้ พวกเขาเกรงกลัวสิ่งที่อยู่สูงกว่า ในขณะเดียวกัน พวกเขาก็จะพยายามกระชากให้สิ่งนั้นตกลงมาต่ำกว่าตน ฉันพูดถูกไหม ? ฉันไม่รู้ว่าพวกคุณคิดยังไง แต่ชีวิตของฉันมันเป็นแบบนี้
ขนาดคนที่มีพลังพิเศษเหมือนกันฉันยังคบได้ยากเลย อย่านับประสากับพวกคนธรรมดาเลย บางครั้งพวกเขาก็ชอบบอกว่าพวกเขากลัวพฤติกรรมของเขา โดยที่พวกเขาไม่คิดเลยว่า ฉันต่างหากที่ต้องเปลี่ยนพฤติกรรมเพราะพวกเขา ทำไมกันล่ะ พอฉันอ่อนแอพวกเขาก็พยายามจะฉุดฉัน พอฉันเข้มแข็ง พวกเขาก็หวาดกลัวฉัน ทำไมฉันต้องกลายเป็นสิ่งที่ไม่มีวันเข้ากับคนอื่นได้เพียงเพราะคำว่า "คนพิเศษ" ด้วยล่ะ ?
ฉันอยากจะฝากให้พวกคุณคิดไว้ มีคนหลายคนที่มีค่ามากขึ้นเพราะคำว่าคนพิเศษ และก็มีหลายคนที่ด้อยค่าลงเพราะคำว่าคนพิเศษ แต่ก่อนที่พวกคุณจะเรียกพวกเขาว่าอย่างนั้น พวกคุณได้ถามพวกเขาก่อนรึยัง ว่าพวกเขาเลือกมันได้รึเปล่า
พวกเราเลือกเกิดไม่ได้ แต่พวกเราเลือกปฎิบัติกันได้ ด้วยความรู้สึกจากใจจริง ฉันโดดเดี่ยวเพราะคำว่าคนพิเศษ และก็มีบางคนที่ถูกรังแกเพราะคำว่าคนพิเศษ ทั้งคนที่ไร้พลัง และคนที่มีพลัง ฉันไม่เข้าใจว่าทำไมเราต้องแบ่งแยกกัน ในเมื่อทั้งชีวิตที่เราเกิดมานี้ เราต่างก็ต้องการความสุข รอยยิ้ม เพื่อน เราแตกต่างกันตั้งแต่เมื่อไหร่ ความต้องการของเราก็เหมือนๆกัน มีคนที่อยากสร้างวงดนตรีแค่คนๆเดียวหรือ มีคนที่อยากจะสร้างทีมกีฬาแค่คนๆเดียวหรือ มีคนที่อยากจะประดิษฐ์สิ่งไหม่ๆแค่คนๆเดียวหรือ พวกเราก็มีความต้องการที่สามารถเดินไปด้วยกันได้ทั้งนั้นแหละ ถ้าหากพวกคุณเปิดกว้างพอ
"จงอย่าแยกคนเพราะสิ่งที่เขาเกิดมาเป็น แต่จงแยกคนด้วยสิ่งที่พวกเขาอยากจะเป็น"
-จากคนที่มีพลังพิเศษคนหนึ่ง
ศาสนา คริสต์
เพิ่มเติม -แอนเล็ตได้ย้ายโรงพยาบาลประจำมาที่ตัวเมืองแห่งหนึ่งและได้มาเรียนที่แฟล็กซ์เอสเพราะอยู่ใกล้โรงเรียนและเซฟเฮาส์มากที่สุด เซฟเฮาส์ของแอนเล็ตเคยเป็นของแม่เขามาก่อนก่อนที่จะยกให้แอนเล็ตอยู่ที่นั่นแทน เป็นเซฟเฮาส์ที่มีสตูดิโอและห้องสำหรับซ้อมเต้นหรือซ้อมร้องเพลงโดยเฉพาะ แม้ว่าจะเก่าแต่ก็ยังหรูอยู่
-พ่อของแอนเล็ตไม่ค่อยชอบเขาเพราะเขาออกสาวเกินไป(ต้องการลูกชายแบบชายจริงๆ) ส่วนแม่ของเขาเองก็ดูแลเขาบ้าง แต่เหมือนเธอจะเว้นระยะห่างกับเขาแปลกๆ (จริงๆแอนเล็ตเป็นลูกชู้ครับ เลยมีพลังไม่เหมือนพ่อตัวเอง พลังของพ่อเขาคือสามารถประกอบสิ่งของด้วยพลังจิตหากเข้าใจในกระบวนการอย่างถ่องแท้ แต่แม่ของเขาปิดบังไว้และพ่อของเขาไม่ค่อยสนใจเขาอยู่แล้ว ประเด็นนี้จะหยิบมาเล่นไม่เล่นก็ได้ครับ)
เก็บเข้าคอลเล็กชัน
ความคิดเห็น