ลำดับตอนที่ #1
คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #1 : [Sideran School] : Anatiar Durand
APPLICATION FORM
....
"พวกเขาจะไม่มีวันกลัว ตราบใดที่พวกเขายังไม่ได้เห็นความตายที่แท้จริง"
"หุบปากไปบ้างก็ดีนะ ไอ้สุนัขงี่เง่า"
บทบาทที่เลือก : นักเรียนห้อง A
ชื่อ : เอนาเทียร์ ไฮอัส วอน ดูแรนเดล (Anatiar Hias von Durandel) ll เฟนเรียร์ Fenrir
ชื่อเรียก : เทีย,ไฮอัส (ถ้าเทียส่วนใหญ่คนที่สนิทจะเรียก บางคนที่ไม่ค่อยสนิทอาจจะเรียกคุณไฮอัส)
เฟนเรียร์ (แต่เทียจะเรียกแบบไม่หมาก็สุนัข และลงท้ายด้วย บ้า งี่เง่า โง่ ปากมาก เป็นต้น)
อายุ : 22 ปี ll ????(ไม่สามารถทราบได้)
เพศ : ชาย ll ชาย
เผ่าพันธ์ : มนุษย์เทียม(โฮมุนคิวลัส) ll สุนัขเทพ
ส่วนสูงและน้ำหนัก : 165 cm. 48 kg. ll 190 cm. 83 kg.
ลักษณะทางกายภาพ : เทียมีร่างกายเล็กเหมือนเด็กชาย ไหล่แคบและเอวบาง มีผิวสีขาวเนียนนุ่มเหมือนตุ๊กตา
เส้นผมสีขาวเงินยาวรวบเป็นหาง ดวงตาสีน้ำเงินนิ่ง ใบหน้าเฉยเมยไม่แสดงอารมณ์
เฟนเรียร์ร่างมนุษย์นั้นเป็นบุรุษตัวสูงเพรียว ไม่ไหล่กว้างหรือแคบจนเกินไป เส้นผมยาวสีขาวฟ้าลักษณะคล้ายขน
สุนัขและมีหูกับหางของสุนัขป่า ดวงตาสีทองแก่ดูสงบนิ่งแต่ดุร้าย ผิวสีเนื้อเข้มเล็กน้อย
เฟนเรียร์ในร่างสุนัขป่า เป็นสุนัขป่าตัวใหญ่สูงตระหง่าน มีขนสีขาวเทาปนฟ้า
ดวงตาสีทอง
ประวัติ :
"โดดเดี่ยว สิ้นหวัง ถูกทรยศ โกรธแค้น"
"ความรู้สึกที่จมดิ่งมันจะค่อยๆตกตะกอนและจมลึกลงไป"
"ทว่าในขณะเดียวกัน มันก็ค่อยๆหยั่งลึกและฝังรากจนมิอาจถอนออกได้อีก"
"เมื่อรู้ตัวอีกทีนึง ชีวิตของข้าก็ถูกกำหนดด้วยคำว่า 'การล้างแค้น' เพียงเท่านั้น"
หลังจากถูกหลอกด้วยกลอุบายของเหล่าทวยเทพ เฟนเรียร์ได้ถูกจองจำลึกลงไปในสถานที่ที่มิอาจเข้าถึงได้ เขานั้นเต็มไปด้วยความโกรธแค้นจำนวนมาก ความรู้สึกเหล่านั้นกัดกินสุนัขป่าตัวใหญ่ทุกครั้ง ทุกวัน ทุกการระลึก ไม่มีสิ่งใด ไม่มีอะไร ไม่มีความหมายหรือประโยคใดๆที่เขาเคยระลึกถึงมันนอกจากการล้างแค้น ตัวตนของเขาถูกกลืนกินและจมดิ่งลงสู่ห้วงลึกอันไร้จุดสิ้นสุด ในขณะที่กายาของเขานั้นถูกผูกมัดด้วยตรวนโซ่ที่มิอาจพังทลาย ความทุกข์ทรมาณ..ที่ยิ่งกว่าตายทั้งเป็น
ทว่า จู่ๆวันนึงก็มีบางคน.. ไม่สิ มันอาจเป็นเพียงจิตสำนึกของเด็กตัวเล็กๆคนหนึ่งได้ย่างกรายเข้ามา มันคือพลังจากเวทพันธสัญญาที่ต้องการจะผูกมัดและอัญเชิญเฟนเรียร์ไปยังโลกตามประสงค์ของเด็กน้อย
ในเริ่มแรก ไม่มีคำว่าเป็นมิตร ไม่มีวาจาที่อ่อนหวาน ไม่มีการเจรจาใดๆ มีเพียงเสียงคำรามตะโกนขู่ฟ่อที่เต็มไปด้วยความเกลียดชังที่ต้องการระบายออกมาอย่างไม่มีที่สิ้นสุดเท่านั้น
ทว่า เด็กชายตัวน้อยนั้นไม่เคยย่อท้อ แม้จะโดนไล่โดนต่อว่าขนาดไหนเขาก็มักจะกลับมาพร้อมกับรอยยิ้มเสมอ เป็นเรื่องที่น่าแปลกใจ เมื่อเฟนเรียร์นั้นค่อยๆรับฟังเขา ราวกับประตูที่ปิดตายกำลังค่อยๆเปิดออก เด็กชายมักจะเล่าถึงความรู้สึกและชีวิตประจำวัน จากที่ตะโกนไล่กลายเป็นการนั่งฟังอย่างเงียบๆ เรื่องราวของเด็กชายนั้นไม่ได้สวยหรูมากนัก เพราะเด็กชายมักจะถูกจับไปทำอะไรบางอย่างและไม่ค่อยมีอิสระเท่าไหร่นัก แต่เด็กชายมักจะมองโลกในแง่ดีและพูดถึงหิมะในยามเช้าเป็นประจำ เฟนเรียร์นั้นเต็มไปด้วยความสงสัยเกี่ยวกับเด็กชาย เขาไม่รู้สึกโกรธแค้นหรืออะไรกับบุคคลที่พรากอิสระจากเขาไปบ้างงั้นหรือ ?
"โกรธหรอ ? ก็โกรธอยู่บ้างแหละนะ"
"แต่ถ้าจะเก็บมันไว้นานๆ... มันก็ไม่ต่างจากเอาโซ่มาล่ามตัวเองนักหรอก..."
"สู้ปล่อยมันไปจะดีกว่า แบบนั้นแล้วมันทำให้ผมรู้สึกได้ถึง 'อิสระ' มากกว่าการมานั่งโกรธแค้นใครอะไรแบบนั้น"
ท้ายที่สุดแล้ว เฟนเรียร์ก็ได้รู้สึกถึงอะไรบางอย่างที่ไม่เคยรู้สึกมาก่อน มันอาจจะเป็นความรักหรือไม่ใช่..อย่างไรก็ตาม เขารู้สึกเหมือนกับว่า หัวใจของเขาได้ถูกผูกมัดโดยรอยยิ้มของเด็กคนนี้เสียแล้ว เรื่องราวของหิมะในยามเช้าเป็นเรื่องราวเรื่องแรกและเป็นเรื่องเดียวที่เขาจะจดจำมันตลอดไป ท้ายที่สุดเขาก็ได้ตกลงทำพันธสัญญา นั่นเป็นครั้งแรกที่เขาได้สร้างร่างจำลองของตนขึ้นที่ภายนอกและพบกับร่างจริงของเด็กคนนั้น
"ทว่าทุกอย่างมันไม่เหมือนที่จินตนาการเอาไว้"
"เด็กคนนั้นช่างเฉยชา ไม่แสดงอารมณ์ใดๆ แม้กระทั่งการยิ้มเพียงเล็กน้อย"
เทียคือโฮมุนคิวลัสแห่งตระกูลดูแรนเดล ตระกูลดูแรนเดลนั้นเป็นตระกูลจอมเวทเก่าแก่ที่มีอำนาจและชื่อเสียง ทว่าพวกเขานั้นไม่ใช่จอมเวทสายต่อสู้ แต่เป็นนักศึกษาและวิจัย ทว่าพวกเขานั้นต้องการให้ตนดูน่ายำเกรง พวกเขาจึงได้สร้างเหล่าโฮมุนคิวลัสขึ้น เพื่ออำนาจในด้านพลังและการต่อสู้ เชื้อสายที่จะถูกทำลายเท่าไหร่ก็ไม่อาจสั่นคลอนอำนาจของดูแรนเดลได้ เหล่าโฮมุนคิวลัสนั้นไม่ต่างจากตุ๊กตา หรือทหารเดนตายอะไรแบบนั้นเลยแม้แต่น้อย
เทียก็เป็นเช่นเดียวกับพวกเขา ในแต่ละวันของเทียคือการตรวจสุขภาพและทดลองการเพิ่มพูนมานา บางวัน.. เขาอาจจะพบกับศพของคนที่หน้าคล้ายๆกับเขาถูกยกออกไปมา แม้จะดูน่ากลัวแต่ก็หนีไปไหนไม่ได้ ตั้งแต่ตอนนั้นมาเทียก็เริ่มที่จะเก็บอารมณ์ของเขาไว้ภายใน มันไม่มีความหมายที่จะแสดงมันออกมาต่อหน้าของคนที่ไร้เมตตา มันไร้ความหมายที่เขาจะทำให้ตัวเองอ่อนแอ ถ้าต้องการจะรอด มีเพียงโชคและความพยายามเท่านั้นแต่ช่วยเขาได้
ซ้ำแล้วซ้ำเล่า การผ่าตัดเปลี่ยนวงจรยังคงดำเนินต่อไป จนกระทั่งเมื่อมันสำเร็จ เทียนั้นมีพลังเวทในตัวสูงมาก มากยิ่งกว่าจอมเวทหนุ่มสาวระดับแนวหน้าหลายๆคนเสียอีก มันมีปริมาณที่มากจนเกินไปเสียด้วยซ้ำ เหมือนกับเป็นก้อนพลังงานเคลื่อนที่เลยก็ว่าได้ ทว่ายิ่งพลังมหาศาลการใช้เวทก็ยิ่งอันตราย เทียไม่ควรจะใช้เวทใดๆเลยเพราะเขายังควบคุมมันไม่ได้ไม่ดีพอ ทว่าหากเป็นเช่นนั้นเขาก็ไม่ต่างจากอัญมณีที่จะถูกนำไปรีดพลังงาน เขาต้องหาวิธีอื่นที่จะใช้ดึงพลังเวทของเขาออกมาให้เป็นประโยชน์
วิธีการนั้นคือ 'การทำพันธสัญญาและอัญเชิญ' ยิ่งระดับสูงเท่าไหร่ก็ยิ่งใช้พลังเวทมากและควบคุมยาก ทว่าเทีย
นั้นก็ไม่สามารถก้าวกลับไปได้อีกต่อไป อย่างน้อยๆ ถ้าหากเขายังสามารถก้าวหน้าต่อไปได้ เขาก็จะไม่ถูกคนอื่นควบคุม
การทำพิธีเกิดขึ้นแบบสุ่มๆ สิ่งที่เทียเห็นคือโพรงขนาดยักษ์ที่มีสุนัขป่าตัวมหึมาถูกล่ามโซ่เอาไว้ ไม่รู้ว่าเพราะอะไร แต่มันให้ความรู้สึกอึดอัดไม่ต่างจากตัวเขาเลยด้วยซ้ำ มันเป็นความเข้าใจตั้งแต่แรกพบ ความรู้สึกที่จะหนีไปไหนก็ไม่ได้ ดิ้นไปไหนก็ไม่ได้ อาจจะเป็นเพราะมีเพียงจิตสำนึกที่หลุดออกมา เทียจึงสามารถแสดงอารมณ์และธาตุแท้ของตนที่ถูกกักเก็บไว้นานนับปี
แม้ว่าหมาป่าตนนั้นจะไม่สนใจสิ่งใด มีเพียงความโกรธแค้นที่กัดกลืนนานนับพันปี ทว่าเทียกลับไม่ยอมแพ้ พิธีถูกทำขึ้นซ้ำไปซ้ำมา ท้ายที่สุด เฟนเรียร์ก็ได้ตอบรับและได้ร่วมทำพันธสัญญากับเขา
แม้ทุกอย่างจะไม่เป็นไปตามที่คาดคิด ทว่าเฟนเรียร์นั้นรู้สึกได้ว่าเทียก็คือเด็กชายคนนั้น แม้จะไม่แสดงออก แต่การกระทำในบางครั้งมันก็ฟ้องให้เห็น เช่นการนั่งมองหิมะในยามเช้าผ่านหน้าต่างบานเล็ก
แม้ตระกูลดูแรนเดลจะต้องการควบคุมเทีย แต่เฟนเรียร์นั้นเป็นตัวตนที่เหนือความคาดหมายและไม่ควรที่จะย่างกรายเข้าไปยุ่ง แม้เฟนเรียร์จะมีข้อจำกัดอย่างมากเพราะเป็นเพียงร่างจำลองก็ตาม แต่ว่าความเสียหายนั้นไม่คุ้มค่าเอาเสียเลย ท้ายที่สุดตระกูลดูแรนเดลก็ได้ปล่อยให้เทียเป็นอิสระ มันจะเป็นผลดีมากกว่าถ้าเทียยังคงเป็นคนในตระกูลอยู่แม้จะไม่สามารถสั่งหรือบังคับอะไรได้ก็ตาม และเฟนเรียร์ก็ได้มีเป้าหมายไหม่และละทิ้งความคิดที่จะล้างแค้นไป
"ถ้าหากได้เห็นรอยยิ้มของเด็กคนนี้อีกครั้ง...มันคงจะเป็นความทรงจำที่สวยงามที่สุดเท่าที่ชั้นเคยมีมา"
ลักษณะนิสัย : เทียนั้นเป็นคนที่นิ่งเงียบ เขาแทบจะไม่แสดงอารมณ์ใดๆออกมาเลย มันอาจจะมีเพียงเล็กน้อยจากการถอนหายใจ ขมวดคิ้วเล็กๆ มองแรงเล็กน้อย แต่มันก็ไม่ค่อยต่างอะไรกับใบหน้าปกติของเขาอยู่แล้ว เทียนั้นเป็นคนที่ไม่ค่อยหาเรื่องพูดเท่าไหร่ แต่ถ้าคนอื่นมาพูดเขาก็จะพูดด้วย เป็นคนที่บ่นค่อนข้างจะยาวและวกกลับไปกลับมาเสมออีกทั้งยังมีมือไม้ที่ค่อนข้างหนัก เรียกได้ว่าตบหัวคว่ำได้ง่ายๆถ้าคนโดนไม่ระวังตัว ใจจริงแล้วเทียนั้นเป็นคนที่จิตใจค่อนข้างดี เพียงแต่เขาไม่ค่อยแสดงความมีน้ำใจออกมาเท่าไหร่นัก และเขามักจะแสดงท่าทีที่ดูเป็นอารมรณ์ด้านลบบ่อยกว่า จึงมักจะชวนให้คนอื่นเข้าใจผิดอยู่เสมอ
เทียนั้นปากคอค่อนข้างจะร้าย อาจจะไม่ด่าถึงขั้นรุนแรง แต่มันจะมาในรูปแบบประชดประชันหรือการใช้คำว่าโง่ งี่เง่า ปากมาก ซึ่งจะสังเกตุได้ว่าเทียนั้นไม่เคยเรียกเฟนเรียร์ว่าเฟนเรียร์เลย แต่เทียจะเรียกเขาว่า หมาโง่ หมางี่เง่า หมาปากมากแทน อีกทั้งเขายังไม่เคยเกรงใจเฟนเรียร์แม้แต่น้อย เรียกได้ว่าตบตีถีบเตะก็ทำมาแล้ว แม้กระทั่งเฟนเรียร์ยังสงสัยเลยว่าทำไมตอนปัจจุบันกับตอนคุยกันครั้งแรกถึงได้แตกต่างกันขนาดนี้...
เทียนั้นเป็นพวกที่ไม่ชอบขี้หน้าใครแล้วแทบจะไม่ถอนออกจากบัญชีดำเลย แต่เขาไม่คิดจะหาเรื่องใคร เพียงแต่ถ้าไม่ชอบใครแล้ว เทียจะเมินและไม่สนใจคนๆนั้นเลยจนเรียกว่าไม่อยากยุ่งด้วย เทียนั้นไม่ชอบพวกคนห้าวๆ ทำตัวไม่มีกาลเทศะ พยายามยัดเยียดความคิดหรือชักจูงคนอื่น หรือจะพวกขี้เกียจที่ไม่ยอมช่วยงานก็นับด้วย และเทียก็ไม่เคยคิดเกรงใจที่จะเอาเท้าไปแนบหลังเป็นการปลุกพวกเขาเลยแม้แต่น้อย
นอกจากนี้ พวกคนเปราะบางหรืออ่อนแอเองก็ชวนให้ขัดใจอย่างมาก เทียจะพยายามผลักดันให้คนอื่นเข้มแข็งอยู่เสมอ แน่นอนว่ามันจะเป็นไม่กี่ครั้งที่เขาจะพูดให้คนอื่นรู้สึกมั่นใจขึ้นมาและเห็นคุณค่าในตัวเอง แต่มันก็อาจจะจบท้ายด้วยการชี้หน้าและบอกว่าไอ้ขี้แพ้ก็เป็นเรื่องปกติ
เทียเป็นพวกเก็บรายละเอียด ช่างสังเกตุ มีการเตรียมพร้อมอยู่เสมอ เพราะเขาไม่ใช่จอมเวทปะทะโดยตรง แต่เป็นนักเล่นแร่แปรธาตุ ศาสตร์การปรุงยาและสร้างศิลาคือสิ่งที่เทียถนัด ดังนั้นเทียจึงไม่ค่อยเน้นการสู้โดยตรงถ้าไม่มีเฟนเรียร์ปกป้อง เขานั้นมีคติว่าจอมเวทต้องเตรียมพร้อมเสมอ ดังนั้นเขาจึงเป็นคนที่มีสติ คิดไวทำไว แก้ไขปัญหาเฉพาะหน้าได้ดี
ชอบพูดจาหักหน้าคนพูดมาก เช่น อืม ชั้นกำลังจะนั่งพอดี, แล้วห้องน้ำเนี่ยไปทางขวาหรือซ้ายนะ ? เป็นต้น
การวางตัวของเทียนั้นอาจจะดูคล้ายผู้หญิงบ้าง อย่างเช่นชอบนั่งหุบขาหรือไขว่ห้าง แต่งกายรัดคุมค่อนข้างมาก ไม่ชอบการอาบน้ำรวม หรือจะเป็นการชอบไว้ผมยาว ไม่ชอบการออกแรงหรืออากาศร้อนๆตลอดจนที่ที่อึดอัด ส่วนใหญ่เทียมักจะอ่านหนังสือหรือดูคนอื่นฝึกซ้อมอยู่เสมอ แม้จะดูเป็นคนเงียบๆแต่เทียเองก็ค่อนข้างที่จะขี้เหงา เขาเลยมักจะอยู่กับคนอื่นๆมากกว่าไปอยู่คนเดียว
เฟนเรียร์นั้นเป็นชายที่ค่อนข้างมาดขรึมเล็กน้อย แต่ก็ปากร้ายไม่แพ้เทียเช่นกัน เขาเป็นพวกที่ไม่ค่อยสุงสิงกับใครและเข้าสังคมไม่ค่อยเก่งเท่าไหร่นัก สอบตกด้านการพูดผูกมิตรอย่างมากจนแก้ไม่ได้ เป็นพวกชอบแยกเขี้ยวขู่อีกต่างหาก ทว่ากับเทียแล้วเขาก็ไม่ต่างจากสุนัขและพี่เลี้ยงคนนึง เขามักจะดูแลเทียในหลายๆด้าน แม้กระทั่งการทำผมเขาก็เป็นคนทำให้เช่นกัน แม้ว่าเทียจะชอบใช้ความรุนแรงทั้งคำพูด ทั้งมือทั้งเท้าหรือกระชากโซ่เวทที่เชื่อมกับคอของเขา แม้ว่าเฟนเรียร์จะบ่นเจ็บบ่นเซ็งบ้าง แต่ใจจริงแล้วเขาค่อนข้างจะชอบมัน หรือบางทีเขาอาจจะเป็นมาโซคิสท์ดีๆนี่เอง...ก็เป็นไปได้นะ
เฟนเรียร์นั้นชื่นชอบการท้าทายและการต่อสู้ แม้จะไม่ค่อยแสดงออกแต่ถ้ามีโอกาศเขาก็มักจะตอบรับเสมอ เพราะมีเทียเป็นคนจำกัดพลังเขาจึงไม่ได้กังวลอะไรมากนัก เขามักจะออกกำลังกายหรือฝึกซ้อมอย่างสม่ำเสมอด้วยเหตุผลที่ว่ามันสนุกดี ทั้งการกินและการนอนก็เช่นกัน การใช้ชีวิตปกติแบบมนุษย์เองก็เป็นงานอดิเรกอย่างนึงของเขา แม้ว่าชาติกำเนิดของเขาจะเป็นสุนัขก็ตามที...
เฟนเรียร์ไม่ค่อยชอบผู้หญิงเท่าไหร่นัก หรือพวกคนที่ชอบยั่วยวน เขาไม่ชอบพวกที่เล่นจิตวิทยาหรือการใช้เล่ห์กลเป็นอย่างมาก และแม้ว่าเขาจะไม่ได้มีเป้าหมายในการล้างแค้นแล้ว แต่เขาก็ยังเบื่อและไม่ชอบขี้หน้าเหล่าทวยเทพตั้งแต่ชื่อยันเงา และชื่อเซอเบอรัสเองก็เป็นชื่อที่เขาได้ยินแล้วหูกระตุกเช่นกัน เขาไม่ชอบชื่อเซอเบอรัสเนื่องจากมันเป็นชื่อสุนัขที่โด่งดังไม่แพ้เขา จะเรียกว่ามันเป็นอีโก้ส่วนตัวก็ย่อมได้
เฟนเรียร์นั้นเป็นพวกพูดมาก และแน่นอนว่าเขามักจะโดนเทียหักดิบประโยคอยู่เสมอ เขาและเทียนั้นเป็นดูโอ้ที่ดูจะกัดกันอยู่ตลอดเวลา เพราะเฟนเรียร์เองก็ชอบบ่นใส่เทียเช่นกันและยังทะเลาะกันค่อนข้างบ่อย แต่ทว่าพวกเขาไม่เคยมีปากเสียงรุนแรงหรืองอนอะไรกันเลยแม้แต่น้อย จนเรียกได้เลยว่ามันเป็นบรรยากาศปกติของสองคนนี้ไปแล้วในสายตาของคนอื่น
ทว่าเฟนเรียร์เองก็เป็นคนที่รู้จักเทียดีกว่าใครเช่นกัน เขารู้ว่าการกระทำใดๆของเทียนั้นสื่อถึงอารมณ์ใดอยู่ เรียกได้ว่าเขาเป็นคนเดียวที่รู้ว่าเทียรู้สึกอะไรอย่างไรเลยก็ว่าได้ เขาค่อนข้างจะหึงและห่วงเทียเป็นพิเศษในบางเวลาเหมือนกับพี่ชายที่ห่วงน้องชาย และแน่นอนว่าเฟนเรียร์นั้นขี้หงุดหงิดและโกรธง่ายมากๆ หรือว่าอีกอย่างก็คือ เฟนเรียร์นั้นมีการแสดงออกถึงอารมณ์ที่ดูง่ายมากๆนั่นเอง อีกทั้งเขายังเป็นคนที่วีนแหละเหวี่ยงค่อนข้างแรง มันจึงเป็นเรื่องที่ควรระวังเมื่อเขารู้สึกหงุดหงิดขึ้นมา
สิ่งที่ชอบ/ไม่ชอบ : เทีย - ชอบ : กระชากปลอกคอเวทของเฟนเรีย , การอ่านหนังสือ
ไม่ชอบ : คนพูดมากและไม่มีสาระ , คนที่มั่นหน้าเกินไป , ฝุ่น
เฟนเรียร์ - ชอบ : เทีย , การใช้ชีวิตกินนอนออกกำลังกายแบบมนุษย์ , การนอน
- ไม่ชอบ : พวกเจ้าเล่ห์เจ้ากล , คนที่ชอบยั่วยวน , โซ่อย่างอื่นที่ไม่ใช่จากปลอกคอ
แพ้ : เทียแพ้ฝุ่น ll เฟนเรียร์ก็แพ้เทียนั่นแหละ
งานอดิเรก : เทีย - อ่านหนังสือ , ปรุงยาหรือสร้างศิลาแปรธาตุ , กระชากปลอกคอเฟนเรียร์ หรือการเตะตบถีบ
เมื่อเฟนเรียร์ทำตัวไม่ดีต่อหน้าคนอื่น (เหมือนหมากำลังจะกัดแล้วถีบหมาทิ้ง ฟิลประมาณนั้น)
เฟนเรียร์ - ออกกำลังกาย , นอน , เดิน , ฝึกฝนการต่อสู้ในร่างมนุษย์
พลังพิเศษ : ศาสตร์เล่นแร่แปรธาตุ (alchemist) , พันธสัญญาแห่งเฟนเรียร์ (Agreement of Fenrir)
-เทียเป็นนักเล่นแร่แปรธาตุ เขานั้นมีความรู้ในการปรุงยาและการสร้างศิลาที่มีผลในด้านต่างๆและนำมาประยุกต์ใช้ เนื่องจากไม่ใช่จอมเวทจริงๆแต่เป็นนักประดิษฐ์ การเตรียมพร้อมจึงเป็นสิ่งสำคัญ หลักๆแล้วเทียมักจะใช้ศิลาเวทสร้างภูติหรือโกเลมขึ้นมาเพื่อต่อสู้แทนตัวเองเป็นหลัก
-พันธสัญญาแห่งเฟนเรียร์ เนื่องจากว่าเทียนั้นมีพลังเวทในตัวมาก มากเสียจนสามารถทำให้เฟนเรียร์จำลองร่างสุนัขของตนได้ แม้ขนาดจะไม่ใหญ่เท่าตัวจริงแต่ก็มีพลังมากเช่นกัน ด้วยพลังเวทจำนวนมากของเทียนั้นมากพอที่จะทำให้เฟนเรียร์ใช้ร่างมนุษย์ได้ตลอด 24 ชั่วโมงและใช้พลังในการต่อสู้จริงได้ โดยปกติแล้วเฟนเรียร์จะถูกจำกัดให้มีความสามารถเหนือกว่าคนทั่วไปไม่มากนัก จนกว่าจะมีการต่อสู้จริง ทั้งนี้ก็ขึ้นอยู่กับพลังเวทที่เหลือของเทียด้วย
เฟนเรียร์นั้นสามารถใช้พลังน้ำแข็งและการลดอุณหภูมิได้ ผิวหนังที่ป้องกันอาวุธได้ดีและทักษะการต่อสู้ที่รุนแรงและรวดเร็ว พลังของเขานั้นมีมากอย่างล้นท้น แต่อย่างไรก็ตาม เขาจะสามารถดึงพลังได้เท่าที่พลังเวทที่เทียจำกัดเพียงเท่านั้น และร่างกายของเขาจะแข็งแกร่งมากน้อยก็ตามพลังเวทของเทียเช่นกัน
-เพราะเทียมีมานามากและมีประสบการณ์โอนพลังเวท(ใช้เวทพันธสัญญา) เขาจึงสามารถโอนพลังเวทให้คนอื่นเพื่อฟื้นฟูพลังเวทหรือเร่งการฟื้นฟูบาดแผลได้
-ทว่าเทียนั้นเป็นโฮมุนคิวลัสที่ไม่ได้สมบูรณ์มากนัก ร่างกายของเขาเติบโตอย่างจำกัดและพัฒนาได้ยาก ร่างกายของเทียจึงอ่อนแอและเปราะบาง เขาจึงไม่เหมาะที่จะสู้ในด้านการเผชิญหน้าซักเท่าไหร่นัก จึงเป็นเรื่องที่ควรระวังในการต่อสู้ เพราะเทียเองก็ไม่ใช่จอมเวทสายต่อสู้อยู่แล้วด้วย
เพิ่มเติม : -
สัมภาษณ์ออริ (บทนักเรียน)
ท่านคิดยังไงถึงมาสมัครที่โรงเรียนเวทมนต์ซิเดเรีย?
: ถ้ามาโรงเรียนก็ต้องมาเรียนสิ จะให้มาซื้อของรึไงกัน ?
คิดว่าจะดำรงชีวิตในโรงเรียนแห่งนี้ได้ไหม?
: อยู่ได้ก็อยู่ อยู่ไม่ได้ก็ออก หวังว่าจะไม่มีพวกน่ารำคาญเยอะจนเกินไปแล้วกัน
จงขยันศึกษาเวทมนตร์ให้มากที่สุดและอย่าลืมสนุกกับชีวิตในวัยเรียนของเจ้าล่ะ
: อืม (สั้นแค่เนี้ย ? ใช่ครับสั้นแค่นี้แหละ...)
สัมภาษณ์ผู้ปกครองหน่อย
เราชื่อจิ้มคริส ยินดีที่ได้รู้จักนะ แนะนำตัวหน่อยยย : นามปักกา(?)ผมคือ เซราฟครับ--
คิดยังไงมาสมัครค่ะ : ไม่รู้จะหาเหตุยังไงดี เอาเป็นว่าสนใจแล้วกันนะครับ
ยาวไปมั้ยไหม ขอภัยเด้อ : จริงๆแอบคิดว่าจะได้เขียนเยอะกว่านี้อีกนะ..
ขอบคุณที่มาสมัครนะคะ ขอให้โชคดีนะคะ : ขอลบจุ้บออกนะครับ เดี๋ยวโดนฆ่าหมกป่า
ได้รับจดหมายการสมัครของท่านแล้ว...
ลงนาม Anatiar Hias von Durandel
โรงเรียนเวทมนตร์ซิเดเรีย
เก็บเข้าคอลเล็กชัน
ความคิดเห็น