ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    [Fic SKKS] GeolRim : Eternal Love [Yaoi]

    ลำดับตอนที่ #5 : Chapter : 5

    • อัปเดตล่าสุด 16 ก.ย. 55


     
    ใต้ต้นแปะก๊วยใหญ่ที่ประจำของแจชินเมื่อครั้งยังเป็นนักศึกษาที่ซองคยุนควันแห่งนี้ แจชินปีนขึ้นไปยืนกอดอกพิงกิ่งก้านใหญ่ของมัน ทอดสายตามองไปยังกลุ่มคนสามคนใต้ต้นไม้อีกต้นที่อยู่ตรงข้ามห่างออกไป นัยน์คมจับจ้องไปยังร่างที่สวมชุดสีสดใสที่นั่งหัวเราะเพราะชนะไพ่ที่ล้อมวงเล่นกับยุนฮีและซอนจุน เสียงหัวเราะลอดมาเบาๆตามลม มุมปากยกยิ้มตามเสียงหัวเราะนั่น
     
    ชายหนุ่มอีกคนที่ยืนพิงลำต้นแปะก๊วยอยู่ด้านล่างก็มองไปยังจุดหมายเดียวกัน ความสดใสของยงฮาและเสน่ห์ของยอริมนั่นเป็นสิ่งที่เรียกให้ผู้คนที่กระจัดกระจายกลับมารายล้อมอยู่รอบๆตัว หัวใจที่แห้งแล้งของชายหนุ่มเองก็เช่นกันที่ได้น้ำจากคนที่มีชีวิตชีวาอย่างยงฮามาชโลมมันจนกลับมามีชีวิตอีกครั้ง 
     
    “เจ้ามีสิ่งใดอยากพูดกับข้าก็ว่ามาเถอะ” ยืนนานๆข้าก็เมื่อยเป็น ใจจริงอยากที่จะเอ่ยคำนี้ต่อมากแต่ทว่า อย่าพูดเสียจะดีกว่า
     
    “เพราะเหตุใดเจ้าถึงมาที่โชซอน ... หรือจะมาพายงฮาไปกับเจ้าอีก” น้ำเสียงที่เอ่ยถามออกมาดูช่างเจ็บปวดยิ่งนัก ดงวอนเงยหน้าขึ้นมองคนที่ยืนพิงต้นไม้อยู่ด้านบน
     
    “แล้วเจ้าคิดว่าข้าควรพายงฮาไปอยู่กับข้าไหมล่ะ” แจชินก้มลงมองด้านล่างสบตากับอีกคนที่แหงนหน้าขึ้นมา เจ้าม้าบ้ากระโดดลงมายืนอยู่ข้างกัน เสียงกระโดดเรียกให้ทั้งสามที่นั่งเล่นไพ่หยุดมือแล้วหันมามอง จริงๆแล้วซอนจุนไม่เห็นด้วยที่จะมานั่งเล่นอะไรแบบนี้ในรั้วโรงเรียนแต่ยงฮาก็ล็อคคอจนซอนจุนต้องยอมเล่น
     
    “ถึงยงฮาจะอยากไปกับเจ้า ข้าก็ไม่ยอมให้ยงฮาไปกับเจ้า” ดงวอนสะบัดพัดแล้วโบกพัดลมเบาๆ
     
    “แล้วเจ้าจะเรียกร้องสิทธิ์อันใดเพื่อห้ามยงฮากับข้า? ถ้าข้าเอ่ยปากอยากให้ยงฮาไปเมืองชิงกับข้า ข้าเชื่อว่ายงฮาจะไปกับข้า แม้ว่าเจ้าจะห้ามก็ตาม จริงหรือไม่ท่านกอลโอ” ผู้ตรวจการณ์หนุ่มยืนพิงลำต้นใหญ่แล้วก้มหน้าลง เพราะที่ชายหนุ่มข้างตัวเอ่ยมามันก็คือความจริง
     
    “เจ้า...... ไม่พายงฮาไปจากข้าได้ไหม” ดงวอนรวยพัดก่อนจะใช้มันตีที่ไหล่กอลโอเบาๆ
     
    “เพราะเหตุใดข้าถึงต้องทำตามเจ้า เหตุใดเจ้าถึงต้องรั้งยงฮาไว้ที่ข้างกายเจ้า” แจชินเองก็ให้คำตอบไม่ได้เช่นกัน อาจจะเพราะไม่อยากตอบหรือไม่อยากยอมรับสิ่งที่คิดในใจ เมื่อเห็นว่าคนห้ามไม่มีคำตอบดงวอนก็ก้าวเท้าเดินจากไป แต่ทว่าเดินไปได้เพียงแค่สองก้าวก็ต้องชะงักหยุดกับประโยคที่เรียกรอยยิ้มและอาการเจ็บแปลบภายในอก
     
    “เพราะยงฮาสำคัญที่สุดสำหรับข้า เป็นคนสำคัญที่ข้าอยากให้อยู่ข้างกาย” ดงวอนออกก้าวเดินต่อไปยังกลุ่มที่นั่งล้อมวงเล่นไพ่กัน 
     
    “เจ้าคุยอะไรกับกอลโอน่ะ” ยงฮาลุกขึ้นเดินเข้าไปกอดแขนดงวอนทันที อยากรู้ว่าคุยอะไร ที่ตนกับซอนจุนและยุนฮีต้องระเห็จมาอยู่ตรงนี้ก็เพราะกอลโอบอกให้มาอยู่ตรงนี้ ถ้าไม่อย่างนั้นจะให้ผีแปะก๊วยมาหลอก
     
    “ไม่รู้สิ ถ้าเจ้าอยากรู้ต้องถามกอลโอของเจ้าดูเองนะ” ดงวอนไล้แก้มใสด้วยปลายนิ้วซึ่งยงฮาเองก็ไม่ปัดป้องใดๆ
     
    “ยงฮาอีกสองวันข้าจะกลับเมืองชิงแล้วนะ” ดวงตากลมเบิกกว้างก่อนจะกระโดดเกาะแขนของชายหนุ่มไว้
     
    “ข้าไปด้วยสิ ข้าอยากไปเที่ยวเมืองชิงอีก ข้าจะได้ไปดูเจ้าต้นไม้ของข้าว่าเป็นอย่างไรบ้าง เจ้าดูแลมันดีหรือไม่”
     
    “ยงฮา เจ้าจะไปกับข้าได้หรือ? กอลโอของเจ้าคงไม่ยอม” ใบหน้าน่ารักหงอยลงทันที ก่อนจะวาดรอยยิ้มอีกครั้ง
     
    “ข้าน่ะ กูยงฮานะ~” ว่าแล้วก็ขยิบตาให้อีกคนก่อนจะวิ่งไปหากอลโอที่ยืนมองมา
     
    “กอลโอ~~~ ถ้าดงวอนกลับเมืองชิงข้าไปกับดงวอนได้ไหม” ยงฮาวิ่งเข้ามากอดคอกอลโอด้วยรอยยิ้มแล้วทำท่าออดอ้อน แจชินปรายตามองคนที่มากอดแขนอ้อนแล้วเลยมองไปยังดงวอนที่ยังยืนอยู่ที่เดิมกับยุนฮีและซอนจุน
     
    “ข้าอยากไปเมืองชิงอีก ข้าอยากไปดูต้นไม้ที่ข้าปลูกไว้ จริงๆก็ดงวอนนั่นแหละปลูกแต่ข้าชอบ ข้าไปได้ไหม หรือไม่ก็เจ้าไปกับข้าก็ได้นะ~~ กอลโอของข้า~~ ไปเมืองชิงกันเถอะ~~~” แจชินมองคนข้างกายที่พยายามโน้มน้าวให้ตนไปเมืองชิงด้วยกันก่อนจะดึงแขนออกจากสองแขนของยงฮา
     
    “เจ้าไม่อยากอยู่กับข้าที่นี่แล้วหรือยงฮา” ยงฮายืนมองแผ่นหลังของแจชินที่เดินจากไป ยุนฮีรีบวิ่งเข้ามารุ่นพี่ยงฮาที่เธอรักทันทีที่แจชินเดินหนีไป 
     
    “รุ่นพี่ยงฮา” ยุนฮีวิ่งเข้ามาจับแขนของยงฮาที่ยังคงยืนนิ่ง
     
    “ไม่เป็นไร ... ข้าไม่เป็นไร ข้า กูยงฮา นะ~” แม้จะเป็นคำพูดที่เป็นเอกลักษณ์ของรุ่นพี่ แต่ทว่ามันกลับดูไม่ใช่รุ่นพี่กูยงฮาของเธอเลยแม้แต่น้อย ยงฮายังคงมองคนที่เดินจากไปจนแทบจะลับสายตา  ...เจ้าเป็นอะไรไปกอลโอของข้า ข้าทำสิ่งใดผิดไปหรือ บอกข้าสิ อย่าเดินหนีข้าแบบนี้...
     
    คืนนั้นกอลโอก็ไม่มานอนที่บ้านของพ่อค้าหนุ่ม ยงฮานั่งดื่มเหล้าตลอดทั้งคืน ค่ำคืนที่ดวงจันทราทอแสงสีนวลอยู่บนท้องนภาสีมืดนั้นช่างสวยงดงามยิ่งนัก แต่คนที่นั่งมองมันเพียงลำพังกับขวดเมรัยกลับไม่ได้รื่นรมย์ตามสิ่งบันเทิงใจนั้นเลย ยงฮามองแก้วเหล้าในมือด้วยแววตาสั่นไหวก่อนจะกระดกมันเสียหมดจอก เรียวปากยกยิ้มอย่างนึกสมเพชตัวเอง
     
    ถึงยงฮาจะดูเป็นคนเรื่อยเปื่อยแต่ก็ใช่ว่าพ่อค้าหนุ่มคนนี้จะไม่รู้เรื่องราวอะไร ยงฮาเข้าใจความหมายของคำถามที่แจชินทิ้งไว้ให้ก่อนเดินจากไปเพราะยงฮาคือคนเดียวที่รู้ทุกอย่างเกี่ยวกับแจชินดีที่สุด ความนัยในคำถามนั้นกอลโออยากให้ยงฮาเลือกที่จะอยู่กับใคร อยู่กับแจชินที่โซชอน หรือ ไปชิงกับดงวอน แม้มันอาจจะเป็นเพียงเรื่องเล็กน้อย แต่ยงฮาก็รับรู้ได้จากสายตาของแจชิน
     
    ใจตนเพียงแค่อยากกลับไปเที่ยวเล่นและอยากให้กอลโอได้ไปเที่ยวด้วยกันก็เพียงเท่านั้น แต่กลับกลายเป็นว่าแจชินอาจจะเข้าใจผิดไป แต่ถ้าจะให้เลือกจริงๆตามดั่งที่พ่อม้าบ้าอยากให้เลือก แจชินจะไม่รู้เลยหรือว่ายงฮาเลือกที่จะอยู่ที่ไหนและกับใคร ยงฮาก้มหน้าลงกับแขนข้างที่พาดกับขาที่ตั้งชัน ก้มซบลงไปแล้วหลับตานิ่ง แล้วหยดน้ำตาก็ไหลรินจากหางตน ยงฮาไม่เคยร้องไห้ให้ใครเห็น กูยงฮาไม่ใช่คนอ่อนแอ แต่ถ้าเป็นเรื่องที่เกี่ยวกับมุนแจชิน กูยงฮาก็พร้อมที่จะหลั่งน้ำตาและคิดมากไปเสียทุกครั้ง เหตุทุกครั้งที่ยงฮาร้องไห้ก็ไม่พ้นด้วยเรื่องของมุนแจชิน
     
    “เจ้าไม่รู้ใจข้าเลยหรือกอลโอ” น้ำเสียงที่ทอดถามกับแก้วเหล้าในมือไร้ซึ่งเสียตอบกลับใดๆ ยงฮารินเหล้าใส่แก้วก่อนจะยกดื่มรวดเดียว ซ้ำแล้วซ้ำเล่า ... ตลอดคืน
     
    ......เจ้าว่าข้าจะเลือกทางไหนดีกอลโอ ข้าจะทิ้งเจ้าได้ลงหรือไม่นะ......
     
    หลังจากที่แจชินเดินจากไปแล้วเจ้าตัวออกจากซองคยุนควันไปนั่งที่ร้านเหล้านั่งดื่มเหล้าตั้งแต่เย็นจนถึงเวลาร้านปิด ชายหนุ่มเดินเซๆออกจากร้านเหล้ากลับไปยังบ้านของยงฮา และด้วยนิสัยรีบร้อนของตนก็กระโดดข้ามกำแพงบ้านเข้าไป แจชินเดินไปตามทางที่มืดมิดด้วยความเคยชินที่มาบ้านนี้บ่อยเสียยิ่งกว่ากลับบ้านของตนเอง
     
    บานประตูห้องนอนของเจ้าของบ้านค่อยๆถูกเปิดออก ค่ำคืนนี้เป็นคืนเดือนหงาย แจชินเลยมองเห็นทุกอย่างภายในห้องได้อย่างชัดเจน สองเท้าก้าวเดินเข้าไปลงนั่งข้างๆคนที่นอนอยู่บนพื้นไร้ซึ่งผ้าปูนอนและผ้าห่มใดๆ โต๊ะข้างกายก็มีแต่ขวดเหล้าและแก้วเพียงเท่านั้น แจชินจึงจัดการหยิบผ้าปูนอนและหมอนมาปูไว้ให้พร้อมกับอุ้มคนที่หลับไม่รู้เรื่องรู้ราวไปลงนอนที่ฟูกนอน คืนนี้ดวงจันทราส่องสว่างจริงๆ สว่างมากเกินไป สว่างจนแจชินมองเห็นรอยหยาดน้ำตาที่แก้มของยงฮา
     
    “เจ้าร้องไห้เพราะข้าอีกแล้วหรือยงฮา” ปลายนิ้วไล้สัมผัสแก้มที่ยังมีคราบของหยดน้ำตาเบาๆ สิ่งเดียวที่แจชินผู้ที่จะทำทุกอย่างตามแต่ใจตัวไม่อยากทำและอยากให้เกิดขึ้นเลยก็คือ คนที่ร่าเริงอย่างกูยงฮาต้องมีน้ำตา และที่สำคัญน้ำตานั้นเป็นเพราะเขาเอง แจชินไม่อยากเห็นและไม่ชอบยงฮาร้องไห้ แค่เห็นใจก็เจ็บปวดไปทั้งใจ
     
    เมื่อห่มผ้าให้คนนอนดิ้นเรียบร้อยแล้วแจชินก็ตัดสินใจลุกขึ้นเดินออกจากบ้านของพ่อค้าหนุ่มไป ปล่อยให้ยงฮานอนท่ามกลางแสงจันทราที่สาดส่องเข้ามาในห้องเพียงลำพัง แม้จะหนาวเหน็บเพียงใดไออุ่นจากผ้าก็คงพอทำเนาแม้จะไม่อุ่นสู้ไออุ่นจากอ้อมกอดของแจชินก็ตาม เมื่อแจชินปีนกำแพงจากไปก็เดินกลับไปที่บ้านของตนเอง ใบหน้าเข้มฉายแววมุ่งมั่น ..อาจจะถึงคราวที่ตนต้องทำอะไรเพื่อยงฮาบ้างแล้ว เพาะตลอดเวลาสิบกว่าปีที่อยู่ด้วยกันมา ยงฮาทุกทุกอย่างเพื่อตนมาตลอด..
     
    เมื่อแสงอรุณสาดส่องเข้ามาแทนที่แสงเย็นของจันทรา เปลือกตาบางก็ค่อยๆลืมตาตื่นขึ้น ยงฮาลุกขึ้นนั่งแล้วมองไปรอบๆห้องเมื่อไม่สัมผัสถึงไออุ่นที่คุ้นชิน แต่ก็ต้องสงสัยกับตัวเองว่าตนนั้นมานอนบนฟูกนอนได้อย่างไรเพราะก่อนที่จะหลับไปนั้นยงฮาจำได้ว่าตนล้มตัวลงนอนที่พื้น แล้วฟูกนอน ผ้าห่มและหมอนมาได้อย่างไร?
     
    “สงสัยข้าคงจะละเมอลุกขึ้นมากลางดึกล่ะมั้ง” เมื่อคิดได้ดังนั้นยงฮาก็ลุกขึ้นเตรียมตัวไปอาบน้ำเพื่อไปเปิดร้านขายผ้าที่หยุดมาเสียหลายวัน
     
    ยงฮาที่วันนี้สวมชุดสีเขียวอ่อนเดินหมุนตัวพร้อมกับพัดคู่ใจสีขาวลายอักษรสีแดง เด็กรับใช้ที่ต้องไปร้านขายผ้าด้วยเป็นประจำเดินตามหลังพร้อมกับหอบพับผ้าสีสวยที่ยงฮาสั่งให้ตัดส่วนที่เปื้อนออกเดินตามหลังมาอย่างอารมณ์ดีตามนายของพวกตน ผ้านี้ยงฮาว่าจะนำไปไว้ที่ร้านเผื่อมีใครต้องการจะมาขอแบ่งซื้อ แต่ส่วนที่เหลือยงฮาก็กะว่าจะนำไปมอบให้กับเหล่าเด็กๆในย่านการค้าเพื่อตัดชุดสวมใส่
     
    เมื่อประตูของร้านขายผ้าชื่อดังเปิดออกเหล่านางคณิกาก็พากันรีบเข้ามาหาพ่อค้าหนุ่มทันที ทั้งมาสอบถามว่าหายไปไหนเสียหลายวันและมาหาซื้อผ้าใหม่เพื่อเตรียมตัดชุดในวันงานเฉลิมฉลองของเมือง วันนี้ก็เป็นอีกหนึ่งวันที่วุ่นวายแต่ยงฮาก็ต้อนรับเหล่านางคณิกาทุกคนที่เข้ามา และชายหนุ่มที่เดินโบกพัดเข้ามาด้วยเช่นกัน
     
    “โอ๊ะ~ ดงวอนเจ้ามาทำอะไรที่นี่” ชายหนุ่มส่งรอยยิ้มมาพร้อมกับกวาดสายตามองไปยังเหล่าคณิกาในร้าน
     
    “มาช่วยเจ้าขายผ้ายังไงล่ะ” ยงฮาขยิบตาให้อย่างรู้ทัน
     
    “แล้วนี่เจ้าเตรียมตัวหรือยัง ยังจะมาเที่ยวเล่นอยู่อีก” ยงฮาที่กำลังเลือกสีจากพับผ้าให้เหล่าคณิกานางหนึ่งเอ่ยถามกับสหายรักที่ยืนคุยกับนางคณิกาอยู่ข้างเคียง
     
    “ข้าสิต้องถามเจ้า เจ้าน่ะเตรียมตัวไปกับข้าหรือยัง” ยงฮาไม่ได้ตอบคำถามแต่กลับส่งยิ้มให้แทน 
     
    “พรุ่งนี้ข้าจะโดยสารเรือที่ท่าเรืออุนชองยามเช้า ถ้าเจ้าจักไปกับข้าก็มาที่ท่าเรือกับ แต่ถ้าเจ้าไม่คิดที่จะไปอยู่เมืองชิงกับข้าเจ้าก็ไม่ต้องไปเสียล่ะ” ยงฮายกแขนขึ้นกอดคอดงวอนก่อนจะขยิบตาให้
     
    “ถ้าอย่างนั้นคืนนี้ไปดื่มเหล้ากันที่หอนางโลมกัน ข้าเลี้ยงเจ้าเอง!” และเหล่านางคณิกาทั้งหลายก็เข้ามารุมคุณชายทั้งสองไว้
     
    “ไปที่หอขอข้างนะเจ้าคะ ... ไปที่หอข้างเถอะ เดี๋ยวข้าจะบริการคุณชายทั้งสองเป็นอย่างดีเลยเจ้าค่ะ ... ไปที่หอข้าดีกว่าค่ะท่านยอริม” แต่แล้วเสียงทั้งหลายก็หยุดลงเมื่ออดีตนางคณิกาที่ชื่อเสียงโด่งดังเอ่ยเรียกพ่อค้าผ้า
     
    “ท่านยอริม” ยงฮาหันไปมองก่อนจะวาดรอยยิ้มแล้วเดินแหวกเหล่าคณิกาคนอื่นมาหา
     
    “ว่ายังไงเล่าแม่นางโชซอน เจ้ามาถึงร้านของข้าเพราะคิดถึงข้าใช่หรือไม่” นางวาดรอยยิ้มขึ้นก่อนที่จะได้ตอบอะไรออกไปเสียงทุ้มจากด้านหลังก็เอ่ยขัดเสียก่อน
     
    “ยงฮา เจ้านี่มันเหลือเกินจริงๆนะ” ยงฮามองใบหน้าของอีกคนที่ก้าวเท้าเข้ามาในร้านด้วยสีหน้าทะเล้น
     
    “ทำไมเล่าอินซู ก็ผู้หญิงทุกคนในเมืองโซชอนนี้ก็เป็นผีเสื้อตัวน้อยๆของข้านั่นแหละ” ว่าแล้วก็หมุนตัวเสียหนึ่งรอบพร้อมกับเสียงตอบรับของเหล่าคณิกาคนอื่น
     
    “เจ้าคงจะลืมไปเสียล่ะมั้งว่าโซซอนเป็นภรรยาของข้า” ยงเดินเข้าไปใกล้อินซูก่อนจะใช้พัดตีไปที่แผ่นอกเบาๆ
     
    “ข้ารู้หรอกว่าเจ้าน่ะบังคับจิตใจแม่นางโชซอนให้มาเป็นภรรยาของเจ้า เพราะความจริงแล้วแม่นางโชซอนชอบข้าตั้งหาก~” อินซูส่ายหน้าด้วยไม่รู้ว่าจะจัดการเจ้าเพื่อนคนนี้อย่างไรดี ส่วนนางก็เพียงแค่ยกมือขึ้นมาป้องปากแล้วหัวเราะเบาๆ
     
    “ข้ามาหาผ้าใหม่เพื่อตัดใส่วันงานฉลองของเมือง ท่านยอริมช่วยแนะนำให้ข้าหน่อยสิ” 
     
    “โอ๊ะ~ ผู้ที่ล้ำนำสมัยอย่างเจ้าต้องให้ข้าช่วยเลือกอีกหรือ? ข้าว่าเจ้าเลือกเองก็ฝีมือดีอยู่แล้วนะแต่ในเมื่อผีเสื้อแสนสวยคนสำคัญของข้าเอ่ยปากทั้งที ยอริมผู้นี้จะปฏิเสธเจ้าได้อย่างไร~” นางเพียงแค่ก้มหัว ย่อเข่าลงเพื่อน้อมรับคำชมเท่านั้น 
     
    “ใช่สิ~ แม่นางโชซอนหลังจากปิดร้านแล้วข้าไปที่บ้านของเจ้าได้ไหม?” นางหันมามองแล้วก้มหน้าลง
     
    “พาเพื่อนของท่านมาด้วยก็แล้วกันข้าจะเตรียมอาหารไว้ต้อนรับ”
     
    “เจ้าไม่ถามอินซูก่อนหรือว่าอยากให้ข้าไปไหม” แม่นางโชซอนยกมือขึ้นปิดปากแล้วหัวเราะเบาๆ
     
    “ไม่ว่ายังไงท่านอินซูก็ไม่ขัดข้องหรอก” ถึงอยากจะขัดก็ขัดไม่ได้เสียมากกว่าล่ะมั้ง ยงฮาได้แต่ขันขำอยู่ในใจ
     
    “แล้วเมื่อใดเจ้ากับอินซูจักจัดพิธีแต่งงานกันเสียทีเล่า” โชซอนหันมายิ้มพร้อมกับยกผ้าสีเหลืองนวลขึ้นมาให้ยงฮา
     
    “ถ้าท่านกับท่านกอลโอครองคู่กันเมื่อไหร่ ข้าก็จักจัดพิธีแต่งงานของข้ากับอินซู” ยงฮาเพียงแค่ส่งยิ้มบางๆให้เท่านั้น โชซอนคือหนึ่งในไม่กี่คนที่รับรู้ว่ากูยงฮาคนนี้มีใจเกินเพื่อนให้มุนแจชิน
     
    “ถ้าเจ้ารอข้า เจ้าอาจจะไม่ได้แต่งงานไปชั่วชีวิตเจ้าก็เป็นได้” นางยิ้มแล้วจับมือของยงฮาไว้
     
    “ท่านต้องเชื่อในปาฏิหาริย์ดั่งเช่นข้า” นางหันไปมองอินซูที่ถือวิสาสะเดินไปนั่งยังเก้าอี้หลังโต๊ะของยงฮาด้วยรอยยิ้ม ซึ่งอินซูที่มองอยู่ตลอดก็ส่งรอยยิ้มกลับคืนมา ยงฮามองทั้งคู่แล้วก็ยกยิ้มตาม ข้าเชื่อในปาฏิหาริย์ดั่งเช่นเจ้า แต่ปาฏิหาริย์ของข้าคงจะเป็นจริงได้ยากนะโชซอน
     
    หลังจากที่ร้านผ้าปิดแล้วยงฮาและดงวอนก็เดินไปยังบ้านของเสนาบดีฮาอินซูและแม่นางโชซอนหญิงสาวที่งดงามทั้งใบหน้า กิริยาและท่วงท่า นางสั่งให้เด็กรับใช้ในบ้านจัดเตรียมอาหารเพื่อต้อนรับดั่งปากว่า อาหารมื้อนี้ช่างมากมายและอร่อยเสียจริง อินซูถามถึงบ้านเมืองในชิงอย่างสนใจใคร่รู้ ด้วยที่ยงฮามักจะชื่อชอบเมืองชิงและสิ่งของจากเมืองชิง
     
    มื้ออาหารนี้ผ่านไปอย่างช้าๆ ชายหนุ่มทั้งสองเอาแต่พูดคุยกันเกี่ยวกับเรื่องในเมืองชิง ยงฮาและโชซอนที่ไม่ได้ร่วมอยู่ในบทสนทนานั้นก็เหลือที่จะเดินชมสวนด้วยกัน ยงฮาเดินเคียงข้างนางอย่างเงียบงันผิดวิสัยของยอริมผู้ที่วาทศิลป์ดีเป็นเลิศ นางแตะที่แขนของยงฮาเบาๆก่อนจะที่ส่งยิ้มให้
     
    “ท่านมีเรื่องที่ไม่สบายใจอยู่ใช่หรือไม่ท่านยอริม” ยงฮาไม่ได้เอ่ยตอบเพียงแค่ส่งรอยยิ้มบางๆให้เท่านั้น
    “ท่านกำลังว้าวุ่นใจถึงท่านกอลโอใช่หรือไม่ ถ้าใช่ฉันต้องคุยกับท่านกอลโอให้รู้เรื่องก่อนที่มันจะสายเกินไป”
     
    “แต่ข้า....”
     
    “ไม่มีแต่ท่านยอริม ข้าเกือบจะเสียอินซูไปเพียงเพราะเราไม่เคยได้คุยกันเอาแต่แสดงความร้ายกาจใส่กัน แต่ท่านไม่เหมือนข้า ท่านผู้ที่ติดตามท่านกอลโอมาแทบจะทั้งชีวิตของท่าน เชื่อข้าเถอะทำตามที่หัวใจท่านต้องการ .. แต่ตอนนี้ข้าขอไปหยิบขวดเหล้าใหม่ให้อินซูก่อนแล้วเดี๋ยวข้าจักกลับมา” ยงฮาเงยหน้ายิ้มให้กับดวงจันทร์ที่คืนนี้ส่องแสงสลัวดูมืดมนไม่ต่างกับตนในเวลานี้
     
    “ข้าควรที่จะทำตามหัวใจของข้าอย่างนั้นหรือ .... ข้าไม่มีหัวใจเพราะหัวใจของข้าอยู่ที่กอลโอ” ถ้าเช่นนั้นคำตอบก็อยู่ไม่ไกลจากหัวใจของตน
     
     แจชินที่นั่งสะสางงานที่วุ่นวายให้เรียบร้อยและเขียนมอบหมายคำสั่งให้เหล่าทหารหน่วยต่างๆไว้ในใบมอบหมายเพื่อให้เหล่าหัวหน้าหน่วยกองแต่ละนายนำไปปฏิบัติตามใบร้องเรียนที่ชาวบ้านเขียนส่งมา แจชินโหมงานทั้งวันทั้งคืนเพื่อให้เสร็จทุกอย่างและเพียงพอต่อการที่จะลางานเสียสองอาทิตย์เพื่อที่จะไปเมืองชิงกับยงฮา
     
    เมื่อยงฮาอยากไปแจชินก็จะไปด้วยไม่มีทางที่จะส่งให้คนๆนี้ไปอยู่กับมันตามลำพังอีกแล้ว ชายหนุ่มที่เลือกจะไปเมืองชิงด้วยนั้นเพราะรู้ว่าเมืองชิงคือสถานที่ที่ยงฮาชอบมากที่สุด เมื่อคิดถึงรอยยิ้มของยงฮาแจชินก็วาดรอยยิ้มตามยงฮาในมโนภาพที่ส่งรอยยิ้มมาให้ แจชินวางแผ่นคำสั่งใบสุดท้ายลงเมื่องานเสร็จชายหนุ่มลุกขึ้นยืนบิดกายไปมาเพ่อไล่ความเมื่อยขบที่นั่งทำงานมาตั้งแต่เมื่อเช้าวานจนมาเช้าของวันใหม่ นับดูแล้วก็ครบหนึ่งวันพอดี
     
    แจชินมอบหมายทั้งหมดให้กับหัวหน้าหน่วยทหารที่มายืนอยู่ในห้องนี้กับตนทั้งคืนก่อนจะรีบออกไปหายงฮาที่บ้าน เช้าขนาดนี้ยงฮายังไม่ตื่นแน่นอนเพราะเจ้าตัวนั้นไม่ชอบตื่นเช้าแต่เมื่อไปถึงบ้านกลับไม่พบยงฮา เด็กรับใช้บอกว่ายงฮานั้นออกไปตั้งแต่เช้าแล้ว ไม่รู้ว่าคุณชายไปที่ไหน เจ้าม้าบ้ารีบออกวิ่งไปยังซองคยุนควันทันที เมื่อไปถึงทางเข้าก็พบกับซอนจุนและยุนฮีที่กำลังจะออกไปด้านนอกเพื่อกลับไปเยี่ยมบ้าน เนื่องในวันหยุดของซองคยุนควัน
     
    “สวัสดียามเช้ารุ่นพี่กอลโอ รุ่นพี่จะรีบไปที่ไหน” ยุนฮีที่ยังคงสวมชุดเพศบุรุษก้มหัวลงพร้อมกับซอนจุนที่ยืนอยู่ข้างกัน แจชินวิ่งมาหยุดตรงหน้าทั้งสองไร้ซึ่งอาการหอบ
     
    “พวกเจ้าเห็นยงฮาไหม”
     
    “... ไม่นะรุ่นพี่ ข้าไม่เห็นรุ่นพี่ยงฮามาตั้งแต่เมื่อวานแล้วรุ่นพี่บอกว่าจะเอาผ้ามาให้ข้าก็ไม่ได้มา” ยุนฮีใช้นิ้วจิ้มที่คางแล้วเงยหน้านึกย้อนไปถึงเมื่อวาน ถ้าเป็นแจชินในยามปกติเขาคงจะสะอึกไปแล้ว 
     
    “อ๊ะ! ข้านึกออกแล้ว เมื่อวันนั้นที่เราคุยกันที่ใต้ต้นไม้ ที่คุณชายดงวอนอีกสองวันจะกลับไปยังเมืองชิง อีกสองวันก็คือวันนี้...” เพียงแค่นั้นแจชินก็ออกวิ่งไปยังท่าเรือทันที เส้นทางที่จะไปเมืองชิงได้นั้นมีเพียงเส้นทางเดียวคือต้องล่องเรือเท่านั้น และท่าที่จะไปเมืองชิงได้ก็มีแค่เพียงท่าเดียวเท่านั้น ท่าเรืออุนชอง!!!
     
    แจชินรีบเร่งฝีเท้าไปยังท่าเรือทันที ท่าเรืออยู่ห่างจากย่านพักอาศัยเข้าไปในป่าทางด้านตะวันออกเพียงสามกิโลเมตร แต่ช่างเป็นเส้นทางสามกิโลเมตรที่แสนจะทรหดที่สุดเพราะต้องวิ่งผ่านเข้าป่าไป บรรยากาศยามเช้าในป่านั้นแสนเย็นสบายและมีหมอกบางๆ แต่เจ้าม้าบ้าไม่มีเวลาที่จะมาภิรมย์กับบรรยากาศนั้นเลยแม้แต่น้อย 
     
    เมื่อวิ่งผ่านป่าเข้ามาถึงท่าเรือ เรือโดยสารก็ออกไปแล้ว ดูท่าว่าน่าจะออกไปได้สักพักแล้วเพราะเห็นอยู่ไกลลิบๆ เพียงแค่นั้นแจชินก็ถึงกับหายใจไม่ออก หัวใจที่เต้นอยู่ก็เต้นช้าลงจนแทบจะหยุดเต้น แจชินไม่เคยนึกเสียใจกับสิ่งที่ตนทำเลยสักครั้งเดียว จะมีก็แต่ครั้งนี้ล่ะที่เสียใจที่เป็นคนผลักไสไล่ยงฮาให้ไกลๆ ทั้งที่เจ้าตัวก็ขอพื้นที่ข้างกายและจะคอยอยู่ข้างๆเสมอมา
     
    “ยงฮา ข้าไม่ให้เจ้าไป กลับมานะ!!!!!!” แจชินตะโกนเสียงดังลั่นเพื่อให้เสียงนั้นดังไปยังเรือนั้น แต่ถึงยงฮาจะได้ยินจริงก็ใช่ว่ายงฮาจะกลับมาได้ เพราะเจ้าตัวคงไม่คิดที่จะกระโดดลงจากเรือแล้วว่ายน้ำมาหรอก แต่ถ้ายงฮาจะกระโดดจากเรือแล้วว่ายน้ำมาตนก็จะรีบวิ่งลงน้ำแล้วว่ายไปรับยงฮาเอง
     
    “ไหนบอกว่าจะอยู่ข้างกายข้าไง” ทอดสายตามองไปยังเรือที่ค่อยๆแล่นไกลออกไปคล้ายกับหัวใจของแจชินที่เต้นช้าลง ช้าลงตามระยะหางไกลของเรือที่แล่นออกไป
     
    “ข้าก็อยู่ข้างกายเจ้าไง” น้ำเสียงที่แสนคุ้นเคยและอ้อมแขนที่กอดคอทิ้งตัวโถมเข้าใส่ แจชินหันไปมองคนข้างกายที่ยิ้มเสียเห็นฟันขาวครบทุกซี่ ยงฮาโบกพัดคู่ใจเบาแล้วขยิบตาให้
     
    “เจ้า!! เจ้าไม่ได้ไปเมืองชิงกับไอ้ดงวอนหรอกหรือ???” ยงฮาเอียงคอก่อนจะขยิบตาส่งให้
     
    “ถ้าข้าไป เจ้าจะเห็นข้ายืนอยู่ข้างกายเจ้าหรือ” แจชินยิ้มขำแล้วจึงยกมือขึ้นเขกหัวยงฮาไปสักที ข้อหาที่ทำให้ตนนั้นใจหาย
     
    “ข้าเจ็บนะ!!” ยงฮากุมหัวข้างที่โดนแจชินเขก แต่แจชินกลับยกแขนขึ้นกอดคอยงฮาไว้
     
    “กลับบ้านกันเถอะ” ยงฮายิ้มกว้างก่อนจะพยักหน้ารับ
     
    “อื้อ กลับบ้านกัน!! อ๊อ~ ดงวอนฝากอะไรถึงเจ้าด้วย บอกให้ข้าเอาให้เจ้ากิน เห็นไหมว่าดงวอนน่ะรักเจ้าแค่ไหน” ยงฮาวิ่งออกจากอ้อมแขนของแจชินไปหยิบห่อผ้าสีเหลืองอ่อนที่ยงฮาวางไว้ที่พุ่มไม้ แจชินเดินตามมาแล้วกอดยงฮาเข้ามาแนบชิด
     
    “อย่าเอ่ยถึงชื่อคนอื่นต่อหน้าข้าอีกและเจ้าก็ห้ามทำอะไรโดยไม่บอกข้าอีก ห้ามหนีข้าไปไหนอีก ข้าเคยบอกเจ้าไปแล้วว่าถ้าจะทำอะไรก็ให้อยู่ในสายตาข้าตลอด” ยงฮาตบแผ่นหลังเพื่อนเบาๆแล้ววาดรอยยิ้มออกมา เมื่อตนนั้นเลือกคำตอบให้ตัวเองได้ถูกแล้ว ยงฮาไม่เคยเสียใจที่เลือกรักกอลโอ
     
    “ข้าไม่เคยหนีเจ้าไปไหน ที่ข้างกายเจ้าก็จะยังมีข้าเสมอ” แจชินยิ้ม ยงฮาก็ยิ้มออกมา เป็นครั้งแรกที่แจชินยิ้มได้เต็มปากกับคำพูดแบบนี้ของยงฮา และเป็นครั้งแรกที่ยงฮายิ้มได้อย่างเต็มปาก และหัวใจของยงฮาก็เต้นไม่เป็นจังหวะ
     
    “ข้าน่ะ กูยงฮา นะ~” พอได้ยินคำนี้เข้าไป แจชินก็ตีแผ่นหลังเล็กที่โอบกอดไว้จนยงฮาสะดุ้งแล้ววิ่งไล่แจชินเพื่อเอาคืน ซึ่งมีหรือที่ม้าหนุ่มจะยอมแต่โดยดี ทั้งสองวิ่งวนเล่นไล่จับกันเหมือนเด็กๆจนไม่รับรู้ถึงสายตาของใครบางคนที่มองมา ... จากที่ไกลๆ เสียงหัวเราะของทั้งคู่สอดประสานดังไปทั่วท่าเรืออุนชองแห่งนี้


    _______________

    เดี๋ยวจะอู้แต่งทุกเรื่องเลยอีก2-3วัน T_________T ป่วยอ่ะ แง๊~~~ ปวดหลัง ปวดไหล่ ไข้กำลังจะมา T________________T
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×