ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    ฟ้องพ่อแล้วนะ(Yaoi)

    ลำดับตอนที่ #2 : บทที่ 2 ผมไม่อยากยุ่งด้วยเลย

    • อัปเดตล่าสุด 3 ธ.ค. 61


    บทที่ 2 ผมไม่อยากยุ่งด้วยเลย


         พ่อน่ะชอบพูดเสมอว่าผมมีความสามารถหลายอย่าง ทว่ามันมากเกินไปก็ลำบากเราเสียเปล่าๆ


         อ่า...คงจะงั้นแหละมั้ง


         แชทจากทุกแอพที่สามารถติดต่อผมได้เด้งรัวๆ แต่เช้าทำเอาผมสะดุ้งตื่นตั้งแต่ตีห้าด้วยความที่เป็นหลับง่ายตื่นง่ายทำให้ผมได้เจอท่อนแขนล่ำบึกวางพาดเอวผมอยู่

         

        เห็นทีว่าวันนี้ผมคงต้องลงมือทำอาหารเองแล้วล่ะนะ


        ผมลุกขึ้นท่ามกลางความมืด พยายามออกจากเตียงด้วยเสียงเบาที่สุด สัมผัสได้ว่าเกล้าเองก็ตื่นเช่นกันผมจึงส่งยิ้มให้เขาพลางเอ่ยว่านอนต่อเถอะ เพิ่งจะตีห้าเอง

       

         จากนั้นเปลือกตาของเขาก็ปิดลงอีกครั้ง ผมหันกลับมาสนใจโทรศัพท์ตรงหน้า 


         Pam : จันนนนนนนนนนน

                     จาาาาาาานนน

                     จานเอ้ยยยยยยยย

                     ตอบบบบบบบบ

                     ได้โปรดดดดดกกดดาดบก


         ผมมองดูเวลาที่แชทนี้เริ่มส่งมาคือเมื่อวานตอนผมกินข้าวกับทั้งสอง จากนั้นก็ผมก็ไม่ได้แตะโทรศัพท์อีกเลย รู้สึกผิดแฮะ


         ล่าสุดคือการรัวเมื่อครู่ที่ทำให้ผมตื่น


          ครับ? :  Jun


        Pam : โอ้ย หนูจัน กว่าจะตอบนะ

                    ยังจำงานชมรมได้ป่าว ที่เขาจะให้เราออกไปแสดงเพื่อคัดตัวไปแข่งอ่ะ 


        ผมนึกย้อนกลับไป ก็จำได้ว่าเคยได้ยินเรื่องนี้อยู่บ้าง


     จำได้ครับ : Jun

    มีอะไรหรอครับ         

       

        Pam : จริงๆ พี่ก็รู้นะว่าหนูจันไม่ชอบเล่นดนตรีต่อหน้าคนเยอะๆ แต่แบบ...มันไม่ทันแล้วอ่ะหนู

                ไอ้เต้ยมันดันส่งชื่อหนูจันลงไป ไม่ใช่ลงแข่งนะ 

                 แต่ลงแสดงพิธีเปิดจ้าาาา *อีโมจิน้ำตาไหล*

                 พี่เพิ่งจะรู้เมื่อวานนี้เอง ดั้ยปดหั้ยอะไพยกัลดั้วะ

          

           ผมไม่รู้ว่าต้องรู้สึกยังไงดี...การเล่นดนตรีน่ะมันเป็นของที่ผมชอบก็จริง แต่มันก็แค่เพื่อความผ่อนคลายไม่ใช่ไว้แข่งขัน ผมไม่อยากมาเดาใจกรรมการว่าชอบอะไร แนวไหน ผมแค่อยากเล่นเมื่อตอนที่อยากเล่นมันก็เท่านั้น


          ถอนชื่อออกก็ไม่ได้หรอครับ : Jun


          Pam : ไม่ได้เลยค่ะ หนูจัน เห็นว่างานนี้มีคนใหญ่คนโตมาร่วมอ่ะ โรงเรียนเลยอยากให้มีพิธีเปิดอลังๆ 

                     ไอ้เต้ยมันเคยเห็นหนูเล่นดนตรีไง มันเลยลงชื่อหนู แต่มันดั๊นนนลืมบอกมานึกได้ก็ตอนเค้าจะเตรียมงานกันอยู่แล้ว

                    อันนี้พวกพี่ผิดจริงๆ แต่พี่ก็อยากให้น้องแสดงนะ เพราะยังไงหนูจันก็ที่สุดในชมรมแล้ว


          พ่อครับ...ผมกำลังจะมีเรื่องยุ่งๆ ครับ


          เฮ้อ ผมถอนหายใจออกมาอย่างเหนื่อยหน่าย ในใจพลันหนักอึ้ง รู้สึกตื่นเต้น? สับสน? หวาดกลัว? มันคืออะไรกันแน่นะ

         

          หลังจากนั้นอีกชั่วโมงหนึง เกล้าตื่นขึ้นมาก่อน ตามด้วยแอนดริวอีกสามสิบนาทีให้หลัง แต่พวกเขาน่ะทำนิสัยน่ารำคาญอีกแล้ว นอกจากจะไม่ช่วยผมทำอาหารแล้วยังจะมาแอบใช้สบู่เด็กของผมอีก

      

          "กลิ่นแม่งปัญญาอ่อน" ขอโทษนะแอนดริว แต่ว่าในห้องน้ำก็มีสบู่เหลวอีกหลายยี่ห้อเลยนะ...นายแหละปัญญาอ่อน


         "เออจริง กลิ่นนี้มาจากตัวมึงแล้วกูอยากจะอ้วกเลย เพราะมันต้องมาจากจันเจ้าเท่านั้น" ถึงเขาจะพูดอย่างนั้นแต่เขาก้ใช้ด้วยหนิ


         "ข้าวเช้าเสร็จแล้วนะครับ" ผมพูดโดยที่มือยังคงง่วนอยู่กับการจัดกล่องข้าวเที่ยงของตนเองอยู่


         ไม่ทันรู้ตัว เกล้าก็เข้ามารวบตัวผมเข้าสู่อ้อมกอดพลางพูดว่า "กลิ่นนี้ต้องมาจากจันเจ้าเท่านั้นแหละ เนอะ"


         "น้อยๆ หน่อยไอ้เกล้า" แอนดริวมาช้าสุดเสมอ เขาไม่ได้มาแย่งผมออกจากเกล้า แต่เขาเอ่ยแผ่วเบามีความเป็นห่วงในน้ำเสียงนั้น "คิดเรื่องอะไรอยู่"


          "นั่นสิ" เกล้าเองก็รู้ เขาจับมือผมที่พันพลาสเตอร์สีเนื้อไม่สะดุดตาเบาๆ ราวกับกลัวว่าผมจะเจ็บ


         ต้องยอมรับก่อนว่าผมมีความสามารุด้านการทำอาหารในระดับหนึ่งเลยทีเดียว ผมหั่นผัก สับเนื้อ แล่ปลา ปอกเปลือกจนชินมือนานแล้วล่ะ แล้วด้วยเรื่องอะไรที่สามารถทำให้ผมเจ็บตัวได้กัน?


         "ก็แค่เรื่องไม่เป็นเรื่องเท่านั้นแหละ เกล้ากับแอนดริวไม่ต้องกังวลอะไร ผมแค่คิดอะไรนิดหน่อย" 

     

          ผมดีใจที่มีพวกเขาอยู่ตลอด...มันคือครอบครัว พวกเขาเติมเต็มบางส่วนในชีวิตของผมจนผมไม่สามารถอยู่ได้ถ้าขาดพวกเขาไป ผมรู้ว่ามันเห็นแก่ตัว แต่จะดีสักแค่ไหนนะถ้าพวกเขาไม่มีคนรัก? บางทีอาจจะต้องดูแลกันจนแก่เฒ่า 


         น่ารักดี


         พวกเขารู้ว่าให้ตายผมก็จะไม่ยอมพูด แน่นอนว่าไม่ซักไซร้จนเกินเหตหรอก ในมื้อเช้าของเรา พวกเขาโยนผมไปมาสลับกันกอดก่อนที่ผมจะออกไปโรงเรียน


         หอของผมมีชื่อว่า 'วสันตสุข' เนื่องด้วยทางบ้านผมค่อนข้างมีฐานะการจะเข้าอยู่ในหอแบบประหนึ่งคอนโดนี้ก็ไม่ได้ลำบากอะไร


         ในซอยมีหอพักนักเรียนนักศึกษามากมาย แต่มีอีกหนึ่งที่ที่ผมชอบเดินเข้าไปมากที่สุดคือสวนสาธารณะสุดซอย


         เพราะ...พี่ผาชอบมาวิ่งประจำเลย


         ขอสารภาพอย่างหนึ่งนะครับ ผมน่ะออกมาจากหอตั้งแต่หกโมงสี่สิบห้า เป็น้วลาเดียวกันกับที่พี่ผาเริ่มวอร์มอัพ


          ฮือ...ดูหุ่นบึกบึนใต้เสื้อกล้ามนั่นสิ ให้ตตายเถอะ...พ่อครับ ผมเป็นเด็กใจแตก


          "หวัดดีไอ้เสือ มาสักที พวกกูวิ่งไปจะครบหนึ่งรอบละ" เพื่อนๆ กลุ่มเดียวกันประชดประชัน เขามีหน้าตาค่อนข้างร้ายกาจหุ่นเองก็แซ่บไม่แพ้พี่ผา


          แต่ขอโทษนะ พี่ผาคือนัมเบอร์วันของผม


          "เออกูมาช้าเองแหละ แต่โทษทีนะน้องสาวกูป่วย" 


          แสงแดดอ่อนๆ ในยามเช้าบวกกับอากาศที่ร้อน ส่งผลให้พวกเขานั้นเหงื่อออกตามไรผมและกรอบหน้า 


           "หล่อมากๆ..." ผมเผลอมองอย่างเหม่อลอย ในตอนนี้ผมกำลังนั่งอยู่ไม้หินอ่อนด้านใน สามารถมองวิวได้ทั่วสวนสาธารณะ กลุ่มพี่ผาอยู่ข้างหน้าผมไม่ไกลนี่เอง


           พ่อครับ...ผมอยากมีแฟนแล้วล่ะครับ


           ผมเคยเอาพี่ผาเทียบกับแอนดริวและเกล้าปรากฏว่าใบหน้าของสองคนนั่นอยูาเหนือกว่า อาจจะเป็นเพราะกลิ่นอายความเป็นผู้ใหญ่มากกว่า อย่างไรก็ตาม ผมชอบคนชื่อผีผามากกว่า


          [เออ กูรู้ว่ากูหล่อแต่มึงไม่ต้องชมบ่อยหรอก เดี๋ยวกูนอกใจเมีย] เสียงที่มั่นใจแบบน่าเกลียดของใบไม้ ดังออกมาตามหูฟังตัวโปรด


         กิจวัตรในตอนเช้าของผมคือการคอลกับใบไม้และแฟนของเขา จริงๆ แล้วเขาอยากคุยกันเองมากกว่าแต่กลัวว่าผมจะน้อยใจ เลยให้คอลด้วยกันแบบสามคน


          "มารผจญ"


          [มึงกล้าว่ากู! ไอเหี้ย กูจะฟ้องพี่ชายมึง] อีกฝ่ายเอ่ยอย่างมีอารมณ์ ใบไม้น่ะถือว่าเป็นเพื่อนสนิทผม ตัวเล็กบอบบางน่ารักและเป็นแฟนกับเพื่อนเก่าแก่ของผมด้วยเธอชื่ออิ๋งอิง


         ตอนรู้ข่าวว่าทัั้งสองคบกัน ผมรู้สึกสงสารอิ๋งอิงมากๆ ...ใบไม้มีแต่นิสัยแย่ๆ ผมยังทนคบกับเขามาเกือบปีเลย ทนมาเกือบปี!


          "เกล้ากับแอนดริวไม่ว่าหรอก พวกเขารักผมมากเลยนะ" 


          [ลำไยมาก พวกแก้งค์เดือนมหาลัย มึงก็ขวัญใจห้าทับแปด อีเหี้ย กูคบกับกลุ่มอะไรอยู่วะ] 


          "ไม่มีใครบอกว่าคบกับใบไม้นะ ถ้าลำบากใจก็ไปไกลๆ เลย"


         [ยอกย้อนนักนะ อิ๋งอิงแม่งก็ไม่มาสักที รู้มั้ยว่ากูอยากคุยกับแฟน จู๋จี๋ให้มึงกระอักตายไปเลย]


         "ไม่มีทางที่ผมจะอิจฉาใบไม้หรอก ผมมี 'คนในใจ' แล้ว"


          [แหม คนในใจเต็มปากเต็มคำเชียวนะ แล้วนี่มึงไปสวนหรอ]


           "อืม... ผมมาหาคนในใจ ฮือ เขิน" อีกเรื่องที่ผมชอบทำคือการมามองพี่ผาแล้วแอบเขินคนเดียว หลังจากนั้นก็จะจิกเล็บเข้าตุ๊กตาหมีน้อยที่ผมห้อยไว้กับกระเป๋า


          หน้าตามันยับยู่ยี่ไปหมดเลย โถ น่าสงสารจัง


          [โว้ย! ไอ้จัน มึงนี่มันบ้าชัดๆ อยู่ๆ จะเขินก็เขิน จะอายก็อาย คนอื่นเขาคงคิดว่ามึงบ้าไปแล้ว] ใบไม้พูดเสียงดังมาก จนมันน่าจะรอดผ่านหูฟังออกไป แต่ผมก็ไม่ได้อะไรมากแค่ขมวดคิ้วลงนิดหน่อย


          "ใบไม้ตะโกนเสียงดังมากเลยนะ" ผมปรามแกมตำหนิ


          [ขอโทษคร้าบ อ้ะ อิ๋งอิงเสร็จธุระแล้ว เดี๋ยวกูไปรับมันก่อน แค่นี้นะมึง] ฝ่ายนั้นกดตัดสายไปอย่างรวดเร็ว มันส่งผลให้ผมรู้สึกผิดที่เผลอว่าเพื่อนไปอย่างนั้น


          ผมส่ายหน้าอ่อนใจกับโทรศัพท์ สุดท้ายผมก็ต้องจมตัวเองให้อยู่ในโลกของเสียงเพลง และแอบเฝ้ามองคนในใจอย่างไม่ยอมเบื่อ


           กิจวัตรอะไรกันล่ะเนี่ย?


           แต่เมื่อนึกอะไรขึ้นได้ ผมก็ต้องถอนหายใจอย่างเหนื่อยหน่าย


           จะแสดงอะไรดีล่ะ?


           กลับมาเล่นผีผาอีกสักครั้งดีมั้ย


           

           รายงานวิชาประวัตศาสตร์ ของผมถูกรวบรวมกับเพื่อนในกลุม แต่มันก็ไร้ประโยชน์อยู่ดีในเมื่อมันมีคนที่ไม่ยอมทำมา


          'ไบรอัน' เป็นเด็กหลังห้อง ไม่อยากจะบอกว่าเขามันอันธพาลแค่ไหน งานอะไรก็แทบจะไม่ยอมแตะ ผมรู้แต่แรกว่ามันจะเป็นแบบนี้ แต่ก็ไม่อยากพูดอะไร

      

           "ไบรอัน นายเหลืออีกกี่หัวข้อหรอ จะเป็นไรป่าวถ้าพวกเราอยากให้มันเสร็จภายในวันนี้" กิ่ง เดินเข้าไปยังกลุ่มโต๊ะด้านหลังห้องอย่างกล้าๆ กลัว ในขณะที่ผมนั่งดูดโกโก้ปั่นพร้อมกันนั้นก็ทำงานในคาบที่แล้วให้เสร็จ


           ไบรอันกำลังเล่นเกมส์อยู่กับเพื่อนๆ ของเขา ไม่ได้สนใจไยดีกคำพูดของกิ่งเลยแม้แต่น้อย "เออๆ เดี๋ยวกูทำหรอก เหลือไม่เยอะ ไอ้เหี้ยคิมเอามันดิ  เออ งั้นแหละ สวย!"

      

           กิ่งเป็นคนใจร้อนแต่ไม่ยอมพูดต่อเพราะยังไงก็เปล่าประโยชน์  "งั้นก็ได้" เธอพึมพัมกับตัวเอง แล้วเดินคอตกมาหาผม

      

         แวบแรกผมรู้สึกหงุดหงิด...


         "ขอโทษนะจันเจ้า แต่เราไม่อยากคุยกับไบรอันเลยอ่ะ ช่วยไปพูดแทนได้มั้ย" กิ่งกระซิบกับผมเบาๆ เพื่อให้ได้ยินกันสองคนเท่านั้น ที่เหลืออีกสามคนในกลุ่มเดียวกันไม่ได้ยินอะไรเลย


          เมื่อกี้ พิงค์กี้ เสนอไอเดียเพื่อหาคนไปไกล่เกลี่ยกับไปรอันโดยการโอน้อยออก โอเค ผมยอมรับว่ามันปัญญาอ่อน ก็โตๆ กันแล้วอ่ะยังจะมามัวกลัวเพื่อร่วมห้องอยู่ทำไม


           แต่ผมค้านไม่ได้ ทุกคนในกลุ่มเลือกอย่างนั้น และผมเองก็มีงานมากมายแล้วด้วย มันน่ารำคาญที่ต้องไปไล่เก็บงานจากทุกๆ คน


          สุดท้ายหวยก็ออกที่ผมอยู่ดี...


          กิ่งเหมือนจะถูกผมจ้องแล้วตกใจ ไม่รู้หรอกนะว่าตาของผมมันแสดงอารมณ์แบบไหนออกมา แต่เธอกำลังกลัวผม...


         อ่า...ยุ่งยากชะมัด


    ---------


    นายเอกเราไม่ได้เป็นแนวน่ารักกุ๊กกิ๊กเนาะ อิอิ


        

          

                

       

          

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×