คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #1 : บทที่ 1 สามเกลอ
บทที่ 1 สามเกลอ
ผมเป็นลูกครึ่งญี่ปุ่น-ไทย แต่ใช่ว่าผมจะพูดญี่ปุ่นได้คล่องนะ เพราะยังไงก็ย้ายมาเรียนที่นี่ตั้งแต่เด็กแล้ว
บอกตามตรงว่าอุปสรรคของผมคือร่างกาย เพราะตอนเด็กเคยโดนล้อเรื่องแก้มและฟันผุบ่อยๆ เลยพยายามไม่กินของหวานมาแต่ไหนแต่ไร ร่างกายจึงไม่ค่อยได้รับไขมันนัก ผมจึงค่อนข้างผอมค่อนแห้งเลยทีเดียว มันเป็นเรื่องยากที่ผมจะสอบนายร้อยได้อย่างที่พ่อหวัง
สิ่งหนึ่งที่แม่ให้ผมไว้ก่อนจะจากไปคือหีบใบหนึง ไม่ได้สลักสำคัญอะไรมากมาย แต่ก็อดคิดไม่ได้ว่าถ้ามันหายไปผมจะใช้อะไรดูต่างหน้าแม่กัน?
นี่เป็นปัญหาหลักเลยล่ะ
"ไอ้เหี้ยจัน มึงมาดูกล่องมึงดิ วันนี้กูชนขอบมันไปสองครั้ง นิ้วตีนกูระบมหมดแล้ว"
"ผมว่ามันก็อยู่ดีๆ นะ แอนดริวต่างหากที่เดินไม่ดูตาม้าตาเรือไปชนเอง"
"มึงว่ากูซุ่มซ่ามหรอ"
"ป่าวนะ ผมพูดหรอ ไม่หนิ" ผมพูดเสียงเรียบๆ ตอนนี้สายตาแทบจะไม่ได้มองเพื่อนเลย รายงานบนโต๊ะสำคัญมากกว่า
"ไอ้สัสจัน" แอนดริวกัดฟันกรอดไม่ยอมเลิกรา
"มีไรหรอแอนดริว ถ้าไม่ใช่เรื่องสลักสำคัญกว่านิ้วเท้านั่นก็กรุณาอย่าพูดอีกได้มั้ย ตอนนี้ผมกำลังทำรายงานอยู่นะ" ผมเอ่ยพลางดันแว่นกรองแสงขึ้น พร้อมกับถอนหายใจเล็กน้อย "ทีหลังก็อย่าไปชนมันอีกล่ะ"
"เหอะ" เขาแค่นเสียงไม่พอใจ "ใช่ซี้ กูไม่ใช่ไอ้พี่ผาหนิ มึงจะมาสนใจกูทำไม" แต่สุดท้ายเขาก็ทำเสียงน้อยอกน้อยใจ ทำเอาผมต้องหันขวับไปหา
ยอมรับว่าแอนดริวมีสิ่งหนึ่งที่ผมอิจฉามาตลอด นั่นคือหุ่นซิกส์แพ็คของเขา...มันค่อนข้างบาดใจผมในเรื่องนี้ เพราะผมไม่มีทางเป็นอย่างเขาได้เลย
มองเขาที่เพิ่งจะอาบน้ำเสร็จแล้วก็ต้องก้มดูหน้าท้องตัวเองอีกสักร้อยรอบ
แอนดริวทำหน้าตาหมาหงอยเป็นประจำเมื่อผมไม่สนใจเขา ให้ตายเถอะ...ผมทนหน้าตาแบบนั้นไม่ได้
"มานี่มา แอนดริว" ผมไม่ได้ปรามเรื่องที่เขาพูดถึงพี่ผา แต่พยายามเปลี่ยนเรื่องแทน
เขาหรี่ตาลงอย่างเหี้ยมเกรียมเมื่อผมทำเสียงเมื่อเรียกหมาอยู่จริงๆ "กูไม่ใช่หมา"
"ไปแต่งตัวซะที รู้รึเปล่าว่าผมอิจฉาหุ่นนายอยู่ตลอดเวลาอ่ะ" ผมผินหน้ากลับมายังกองรายงาน นี่ต้องรีบส่งจริงๆ นะ ได้โปรดอย่าทำให้สติผมฟุ้งสิ
"ก็บอกว่าให้ไปออกกำลังอยู่ตลอด ไม่เห็นเชื่อกัน"
"ช่างเรื่องออกกำลังกายเหอะ ผมบอกนายไปสองรอบแล้วว่าอย่ากวนตอนผมทำงาน"
"อยู่กับมึงมันน่าเบื่อจริงๆ มิน่าทำไมไอ้เกล้าถึงไม่ค่อยมาหา กูว่าน่าจะเป็นเพราะมึงทำตัวคร่ำครึอย่างนี้นี่แหละ"
"ผมว่าเกล้าเค้าน่าจะเบื่อที่แอนดริวพูดเยอะมากกว่า ขนาดผมยังอยากออกไปข้างนอกเลย"
"ไอ้สัสจัน มึงว่ากูพูดมากน่ารำคาญหรอ?" เหมือนเขาไม่ได้จะถามแต่ผมก็อยากจะพูดเหมือนออกไปนะ "ไม่ต้องกวนตีนกูอีก" เขาดักคอ
"ผมเปล่า"
ก็อกๆ
เสียงเคาะประตูดังขึ้นหลังจากผมพูดออกไปได้ไม่กี่วิ มันดังเป็นจังหวะจะโคนที่ทำให้ผมรู้ทันทีว่าหลังประตูนั่นเป็นใคร
ไม่ต้องให้ผมลุกขึ้นจากเก้าอี้ แอนดริวก็ย่ำเท้าไปยังประตูแล้ว เสียงคุ้นหูของเกล้าดังขึ้นทันทีหลังจากประตูถูกเปิด
"ไอ้ห่าดริว วันนี้เสล่อมาทำไมวะ กูจะนอนกอดจันเจ้า ไม่ได้อยากแบ่งพื้นที่เตียงกับมึง" เกล้าเป็นเพื่อนสนิทผมที่มีใบหน้าเป็นอาวุธไม่แพ้แอนดริวเลย แต่ในความคิดผมพวกเขาต่างก็เหมือนหมาด้วยกันทั้งหมดเลย
ผมคิดในใจพลางเลื่อนสายตาลงมายังบรรทัดสุดท้ายของรายงาน จรดนิ้วไปยังแป้นพิมพ์พร้อมกันนั้นก็ดูข้อมูลจากหนังสือไปด้วย
"ใครอยากนอนกอดมันวะ ตัวเหม็นจะตายห่า จะกอดก็กอดไปเลย" แอนดริวตอกกลับเช่นกัน ผมไม่แม้แต่จะหันไปดู พยายามจะพิมพ์ให้เสร็จแล้วล้มตัวลงนอนทันที
แต่ก็คิดขึ้นมาได้ว่าแอนดริวก็เคยกอดผมตอนนอนด้วยกันสามคนนะ...ตอนนั้นเกล้าซุกแผ่นหลังผม และแอนดริวก็กดหน้าผมแนบกับอกเขา
เฮ้ อย่าคิดลึกกันเชียว ผมกับพวกเขานอนอย่างนี้มาตั้งแต่อนุบาลแล้ว พ่อกับแม่เราทั้งสามสนิทกันดีมันเลยเป็นโชคร้ายที่ผมต้องคบกับพวกเขาไปตลอดชีวิต
"อื้อหือ มึงดูถูกสบู่เด็กของมันได้ยังไงวะ กูยังชอบแอบเอามาใช้เลย มึงบังอาจนักแอนดริว ไปนอนโซฟาเลยไป!"
ไม่บ่อยหรอกที่ห้องผมจะไม่เงียบแบบนี้...เป็นแบบนี้อย่างน้อยก็สองวันต่ออาทิตย์ พวกเขาอัปเปหิตัวเองมานอนห้องผมจนแทบจะลืมกลับบ้าน ผมเองก็จนปัญญาแล้ว
"ไอ้สัส มึงเป็นเจ้าของห้องรึไงวะ กูมีสิทธิ์ที่จะนอนกับไอ้จันบนเตียง เข้าใจมั้ย กู-มี-สิทธิ์" พวกเขาเถียงกันประหนึ่งแย่งตุ๊กตา ผมเหนื่อยแล้วแต่การที่ฟังพวกเขาทะเลาะกันก็ย้อนวันวานดีเหมือนกัน
อันที่จริงแล้ว ทั้งแอนดริวแล้วก็เกล้านั้นเป็นรุ่นพี่ของผม ผมเรียนอยู่ ม. 5 ในขณะที่พวกเขาเป็นนิสิตมหาลัยปี 1 กัน ทว่าพวกเขาไม่อยากให้ผมเรียกเขาเป็นพี่อะไรทำนองนั้น และอีกอย่างก็เพราะผมสนิทกับพวกเขาตั้งแต่เด็กแล้ว ถ้าจะให้พูดกับคนที่แม้แต่จะดื่มน้ำยังต้องใช้หลอดเดียวกันก็คงจะพิลึกๆ
"ไบโพล่ามั้งไอ้ดริว ปากบอกไม่อยากกอดๆ แต่มือมึงก็เลื้อยมาตลอดมั้ย"
อ่า...เขาเป็นอย่างนั้นแหละ แอนดริวเอ้ย
"ใครบอกวะ กูไม่เห็นจะอยากกอดมันตรงไหน"
"ให้แน่ก็แล้วกัน"
ในขณะที่ทั้งสองหยุดทะเลาะกันลงแล้ว ผมเองก็ไม่มีอะไรทำ ในสายตาพลันเหลือบไปเห็นแก้วกาแฟสีแดงสดแต่มันบรรบุชาหอมอิมพอร์ตมาจากประเทศจีน ไม่ต้องคิดอะไรมาก...มันเย็นชืดหมดแล้ว
เฮ้อ...ผมขี้เกียจต้มชากาใหม่แล้วนะ
"ดูเครียดๆ นะ จันเจ้า เป็นอะไรรึเปล่า" เกล้าเดินเข้ามาหาผมหลังจากเอาของสดซึ่งปกติจะซื้อมาไว้ห้องผมไปเก็บเรียบร้อยแล้ว มันไม่แปลกหรอกในเมื่อเจ้าตัวเองก็ชอบมากินข้าวห้องผมตลอด
ผมดูเครียดขนาดนั้นหรอ? ไม่รู้ตัวเองเลยนะเนี่ย "ก็ไม่มีอะไรหรอก ปกติดี.. เสียงดังเป็นปกติดี" ผมเบ้ปากเล็กน้อย ป่านนี้ข้างห้องกร่นด่าบุพการีของเรากันหมดแล้ว
"มึงว่าพวกกูทำเสียงดัง?" จู่ๆ แอนดริวที่เงียบปากหลังจากจ้องแท็บแล็ตได้สักพัก ก็เริ่มเบนเข็มมาทางผม
อะไรกัน? ผมยังไม่พูดอะไรเลย "ทำไมชอบร้อนตัวนักนะแอนดริว" บ่นเบาๆ
"มึง...!"
ไม่ต้องให้แอนดริวได้โมโหร้ายจนจบ ผมก็พูดแทรกขึ้นมา "วันนี้ผมอยากกินแค่สลัด หวังเป็นอย่างยิ่งว่าแอนดริวจะไม่ยัดขนมปังปิ้งใส่ปากผมอีกนะ" ผมไม่ได้หาเรื่องแต่พวกเขากังวลกับผมมากเกินไป
บางทีแค่กินอะไรที่มีส่วนผสมของน้ำตาลผมก็แทบจะอ้วกออกมาแล้วล่ะ
เพราะงั้นเลยชอบทำอาหารกินเองมากกว่า โชคดีที่ผมมีหอแบบมีห้องครัวและยังมีของสดทุกหนึ่งสัปดาห์แบบนี้ การที่ทำอาหารไปกินโรงเรียนก็ถือว่าไม่เหนือบ่ากว่าแรง
แอนดริวบ่นว่าทำไมเขาเป็นฝ่ายผิดทั้งๆ ที่ผสมเนยแบบไม่มีน้ำตาลหรือครีมเทียมแท้ๆ ผิดกับเกล้าที่เคยซื้อทาร์ตไข่มาให้กินตอนงานวันเกิด นั่นแหละ เขางอนแล้ว...
ผมกับเกล้าไม่ได้พูดอะไรเพียงแค่ยิ้มอ่อนใจเท่านั้น ในท้ายสุดของวันนี้ แอนดริวยังหน้าบึ้งตึงแม้กระทั่งตอนนอนเขายังเขยิบไปชิดผนังและหันหลังให้ผมด้วย
แต่เชื่อเถอะ หลังจากที่เขาหลับไปแล้ว แขนที่เต็มไปด้วยมัดกล้ามนั่นจะวางพาดบนหน้าท้องของผมแน่นอน
ผมเอามื้อเช้าพรุ่งนี้เป็นประกันเลย
----------
ความคิดเห็น