ตอนที่ 7 : บทที่ 7 100%
บทที่ 7
หย่งชิ่งกระโดดข้ามหัวหนึ่งในพวกมัน แล้ววิ่งไปที่ขอบเหวด้วยความเร็วสุดฝีเท้า พวกมันต่างตกตะลึงเห็นเด็กชายแสดงกิริยาห้าวหาญผิดวิสัยเด็ก จึงตั้งใจรับการปะทะเต็มที่ ใครจะคิดว่าเด็กตัวแสบเล่นกระโดดหนีไปเสียดื้อ พลันเมื่อรู้สึกตัวจึงวิ่งตามหย่งชิ่งไปติดๆ
“พี่สี่ช่วยข้าด้วย!” หย่งชิ่งตะโกนดังลั่นกลายเป็นเสียงสะท้อนกับภูเขาดังซ้ำๆ
มันผู้หนึ่งเข้ามาขวางหน้าฟันกระบี่ในมือใส่หย่งชิ่ง แต่พลาดร่างน้อยตีลังกากลับหลังหลบคมกระบี่ได้อย่างหวุดหวิด หย่งชิ่งโต้กลับด้วยฟันกระบี่ออกไปด้วยลมปราณที่แกร่งกล้าอย่างน่าตกใจ พลังสายหนึ่งถูกดึงออกมาและตามด้วยลมปราณจากจุดสำคัญต่างๆ รวบไว้ที่กระบี่สร้างกระแสพลังมหาศาล ปลายกระบี่ไม่แม้แต่จะถูกอาภรณ์ภายนอกของมันเสียด้วยซ้ำแต่กลับเกิดรอยกรีดเป็นทางยาวคมลึกบนร่างนักฆ่า เลือดพุ่งออกมาจากบาดแผลกระเด็นใส่หน้าเด็กหญิง ร่างของมันล้มลงต่อหน้า
นางเก็บกระบี่เข้าฝักในจังหวะแตะปลายเท้าตรงขอบเหวพอดี ร่างน้อยโผนทะยานไปข้างหน้าไม่สนใจแล้วว่าเบื้องล่างคือหุบเหวลึกที่สามารถปลิดชีพนางได้หากกระโดดข้ามไปไม่ถึงอีกฟากฝั่งหนึ่ง สายลมเย็นยะเยือกปะทะดวงหน้าเปื้อนเลือด ชุดบุรุษสีขาวลู่ลมประดุจปีกของวิหคอีกเพียงไม่กี่จั้งนางก็จะแตะถึงผืนดินอีกฝั่งหนึ่ง
ทันใดนั้นร่างน้อยพลันร่วงหล่นสู่หุบเหวอันมืดมิดเบื้องล่าง นางกรีดเสียงร้องดังลั่น
“พี่สี่! ถ้าข้าตายข้าจะเป็นผีมาหลอกท่าน”
ในขณะที่ร่างกำลังดิ่งลงเรื่อยๆ มือน้อยพยายามไขว่คว้ากิ่งไม้ที่ยื่นจากจากผาหิน แต่กำลังแขนยังน้อยนักไม่อาจต้านแรงโน้มถ่วง มือเล็กได้รับบาดเจ็บเลือดอาบ เนื้อตัวเกี่ยวกิ่งไม้เป็นรอยข่วนอาภรณ์ขาดรุ่ย ความสิ้นหวังเข้าครอบงำหัวใจดวงน้อย คิดถึงท่านพ่อ คิดถึงท่านแม่ นางไม่มีโอกาสร่ำลาพวกท่านอีกแล้ว คิดถึงพี่สี่ตัวร้ายกาจผู้งามพิสุทธิ์ พี่ใหญ่ผู้หาญกล้า พี่รองผู้ปราดเปรื่อง พี่สามผู้เป็นฤดูใบไม้ผลิของนาง
นางไม่คิดโทษพี่สี่ ได้แต่น้อยใจในโชคชะตา ชาติหน้าฉันใดขออธิษฐานให้นางได้เกิดใหม่พบเจอพวกท่านทุกชาติภพไป นัยน์ตาคมซึ้งปิดลงพร้อมกับหยดน้ำตาอุ่นจัด
ทันใดนั้นหย่งชิ่งรู้สึกถึงไออุ่นอันคุ้นเคย ร่างน้อยถูกรัดเอวแน่นก่อนจะเปลี่ยนทิศทางขึ้นไปข้างบนด้วยแรงกระตุกเป็นจังหวะพลิ้วไหวดุจสายลม
พี่สี่... ดวงหน้าอาบน้ำตาซบแนบกับแผ่นอกกว้าง ความอึดอัดในหัวใจมลายหายไปดุจไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน
พี่สี่กอดนางไว้แตะปลายเท้าบนหน้าผาทีละขั้นกระทั่งไปถึงข้างบนในที่สุด เขาไม่ได้ปล่อยร่างน้อยลงยืนกับพื้นแต่กลับตรึงใบหน้าเล็กไว้ด้วยปลายนิ้ว สำรวจดวงหน้าเปื้อนเลือดปนน้ำตาด้วยสีหน้าซีดเผือด
“เจ้าได้รับบาดเจ็บตรงไหน?”
หย่งสือรู้สึกเหมือนกลับไปเป็นเด็กอายุ สิบขวบอีกครั้ง ภาพหย่งชิ่งตัวกลมป้อมในวัยเพียงห้าขวบได้รับบาดเจ็บกระดูกแขนหักยังฝังลึกอยู่ในใจเขาไม่เสื่อมคลาย นับจากวันนั้นเขาสาบานว่าจะปกป้องนางด้วยชีวิต หย่งชิ่งในยามนี้ยังคงเป็นเด็กเล็กไร้ทางสู้ มันผู้ใดหาญกล้าทำร้ายน้องน้อยของเขา
มันผู้นั้นจักต้องไม่ตายดี!
พี่สี่ร่างกายสั่นเทิ้มไปทั้งตัว หย่งชิ่งจับความกังวลใหญ่หลวงของเขาได้ แผนเอาคืนพี่สี่จึงถูกพักไว้ก่อน
นางคว้ามือเรียวสวยของเขามากุมไว้ แล้วบอกอย่างอ่อนโยน
“พี่สี่อย่าได้กังวล เลือดนี้เป็นเลือดของพวกคนชั่ว ข้าฟันมันไปคราหนึ่งเลือดของมันจึงกระเด็กถูกใบหน้าของข้า”
คุณชายสี่พ่นหายใจอย่างโล่งอก ทีแรกเขาตั้งใจขึ้นมาจากเหวด้านล่างช้าหน่อยให้หย่งชิ่งเป็นกังวลที่บังอาจแกล้งถีบเขาตกเหว แต่เมื่อได้ยินเสียงร้อง หัวใจร้อนรนต้องรีบขึ้นมาช่วยทั้งที่ไม่อยากเชื่อว่านางจะถูกทำร้ายจริง เกรงจะเป็นเล่ห์กลของจอมมารตัวน้อยเสียมากกว่า
เกือบไปแล้ว เขาเกือบสูญเสียนางไปอีกแล้ว
คลาดสายตาไม่ได้อีกแล้ว
นิ้วเรียวยาวปาดน้ำตาบนแก้มเนียนด้วยกิริยาอ่อนโยนเป็นที่สุด
“พวกมันเป็นใคร” น้ำเสียงอ่อนหวานเมื่อครู่แปรเป็นโหดเหี้ยมแข็งกร้าว
เด็กหญิงหน้าเครียดลงเช่นกัน
“ผู้คนที่หวังตำแหน่งชนะเลิศการแข่งหมากล้อมส่งพวกมันมากำจัดข้า น่าขำยิ่งนักชีวิตข้ามีค่าเพียงแค่เงินหนึ่งหมื่นตำลึง” ปากว่าขบขันแต่นางไม่ขันสักนิด
คุณชายสี่กัดฟันจนได้ยินเสียงเสียดสีน่ากลัวฟันจะแตกยิ่งนัก ดวงหน้างดงามแปรเป็นสีดำคล้ำดุร้ายบดบังความงามแปรเปลี่ยนเป็นความน่ากลัวอย่างที่สุด
"ไอ้เด็กบ้าอยู่นั่นเอง ข้าเห็นมันตกเหวไปแล้วแท้ๆ ยังอุตส่าห์รอดมาได้ ตามมันไปเร็วเข้า"
หย่งชิ่งและหย่งสือหันไปตามเสียงตะโกนก้อง พวกมันที่เหลืออีกสี่คนกระโดดข้ามหุบเหวลึกมาล้อมพวกเขาทั้งสอง โดยไม่ใส่ใจกับสหายที่ได้รับบาดเจ็บนอนแน่นิ่งหายใจรวยริน ดูจากวิชาตัวเบาแล้วฝีมือพวกมันนับว่าไม่ธรรมดา
หย่งสือกระพือพัดในมือราวกับร้อนเสียเต็มประดา เขาใช้ตัวเองยืนบังหย่งชิ่งแทบไม่เห็นตัวนาง
"ไอ้หน้าสวยหลบไปเสีย ถ้ายังอยากมีชีวิตอยู่อีกนานๆ" สีหน้าพวกมันเปลี่ยนไป สถานการณ์กลับตาลปัตรนึกว่าจะสามารถสังหารเด็กน้อยได้ง่ายแค่พลิกฝ่ามือ แต่กลับต้องสูญเสียพี่น้องไปหนึ่ง ซ้ำยังต้องประมือกับผู้มีวรยุทธ์อีกด้วย ขาดทุนไปแล้ว
ทว่าดูแล้วพวกมันมีสี่คนฝีมือหาได้ตกเป็นรองไม่ ขอระบายความแค้นให้พี่น้องที่ได้รับบาดเจ็บจะได้สมน้ำสมเนื้อกัน
ไอ้หัวหน้าปากเปราะดันเรียกพี่สี่ว่าไอ้หน้าสวย พวกมันรนหาที่ตายแล้ว
"สับพวกมันเป็นหมื่นชิ้นเลยพี่สี่" หย่งชิ่งยุ นางเกือบเป็นผีเฝ้าก้นเหวเพราะพวกมัน ไม่คิดเอาคืนคงมิใช่นาง
"พวกเจ้าจะสั่งเสียอะไรก่อนตายหรือไม่" คุณชายสี่ถามด้วยน้ำเสียงเย็นเยียบ นัยน์ตาสีดำดุจมีกองเพลิงสุมอยู่ในนั้น โทสะกำลังแผดเผาในอกมิอาจให้อภัยพวกมันได้
นอกจากเขาแล้วผู้ใดก็ห้ามกลั่นแกล้งชิ่งเอ๋อร์เป็นอันขาด
ใครคิดทำร้ายนางพวกมันต้องตาย!
"สามหาวเกินไปแล้ว ในเมื่ออยากรนหาที่ ข้าก็จะเด็ดหัวเจ้าก่อน แล้วค่อยกำจัดเด็กนั่นทีหลังก็ไม่ถือว่าเปลืองแรงสักเท่าไร"
พวกมันช่างหาญกล้าหาเรื่องตายโดยแท้ ไม่เห็นพรรควิหคเพลิงอยู่ในสายตาหรืออาจเพราะถูกอำนาจเงินบังตา
พวกมันตั้งท่าแล้วแทงกระบี่ใส่หย่งสือพร้อมกัน
หย่งสือซึ่งระวังตัวอยู่แล้ว คว้าตัวน้องน้อยกระโดดเหยียบปลายกระบี่ของพวกมัน แล้วลอยตัวขึ้นสูงหันไปโปรยผงสีดำใส่นักฆ่าทั้งสี่คน ปลายเท้าแตะบนยอดไม้ไม่หันไปมองผลงานของตนแต่กลับทะยานพาหย่งชิ่งไปยังฝั่งเดิมที่จากมา
นางหันไปมองพวกมันที่ล้มนอนกลิ้งกับพื้น ผงสีดำนั่งคงเป็นพิษหนอนไชกระดูก ซึ่งเป็นหนึ่งในสิบอันดับพิษร้ายแห่งยุทธภพ ผู้ใดถูกพิษนี้จะต้องทนทรมานเจ็บปวดไปทั้งร่างกายเหมือนถูกหนอนกรดชอนไชไปทั่วไม่เว้นแม้แต่กระดูก ทรมานถึงเจ็ดวันเจ็ดคืนกระทั่งพิษไหลออกทางทวารทั้งเก้าสิ้นลมในที่สุด
พี่สี่นี่เป็นพวกซาดิสม์อย่างไม่ต้องสงสัย พวกมันโชคร้ายที่ดันมาเจอพี่สี่ตอนอารมณ์เสียสุดขีด นางไม่หันกลับไปมองพวกมันอีก กลัวว่าภาพจะติดตาแค่นี้นางก็ฝันร้ายมากพอแล้ว สงสารไหม? บอกเลยว่าไม่ ช่วยไม่ได้ที่พวกมันจะทำร้ายนางก่อน
"เจ้าไปรอที่ม้าเดินไหวไหม?"
หย่งชิ่งพยักนางเดินตรงไปที่อาชาสีดำเชื่องช้ายังไม่หายจากอาการตกใจ นึกสงสัยว่าพี่สี่จะทำอะไร
คุณชายสี่หยุดยืนข้างคนร้ายที่ได้รับบาดเจ็บ มันเบิกตากว้างหวาดกลัว บาดแผลบนอกของมันลึกมากจนเห็นกระดูก เป็นรอยกรีดเฉียงยาวเลือดไหลนองพื้น นี่เป็นฝีมือน้องเล็กจริงรึ นางตวัดดาบโกโรโกโสได้ร้ายกาจถึงเพียงนี้ รอยยิ้มปริศนาประดับบนใบหน้าเหี้ยมเกรียม เขาหยิบขวดสีดำจากอกเสื้อ เทน้ำจากขวดหนึ่งหยดบนแผลเปิดกว้างของมัน
“อ้ากกกกก เจ้าทำอะไรข้า” มันร้องเสียงหลงอย่างเจ็บปวดแสนสาหัส นิ้วมือตะกุยไปบนบาดแผลดึงเนื้อหนังออกมาเละเทะโลหิตเต็มสองมือของมัน ดูน่าเวทนายิ่งนัก
หย่งสือเหยียบบนบาดแผลของมัน บดขยี้เท้าหนักๆ เนื้อกำลังกลายเป็นสีดำเละๆ ยาพิษกัดกินเนื้อลามไปทีละน้อย มันจะเจ็บปวดขนาดต้องร้องขอความตาย
“เจ้าสมควรตายอย่างทรมานที่สุดเพราะบังอาจลงมือทำร้ายน้องเล็กของข้า ยาพิษเจ็ดบุปผาจะพาเจ้าลงนรกอย่างทรมานที่สุดจนเจ้าไม่อยากเกิดใหม่อีกเลย ใครส่งเจ้ามา!” เขาเน้นเสียงในประโยคสุดท้ายทีละคำฟังโหดเหี้ยมเย็นชายิ่งนัก
“ขะ ขะ ขอยาถอนพิษให้ข้า แล้วข้าจะบอก” มันเอ่ยอย่างกระท่อนกระแท่น กว่าจะเค้นแต่ละคำออกมาช่างยากเย็นจนขี้เกียจฟัง
“หึ.. หึ.. ใช่ว่าข้าอยากรู้นักหนา เรื่องราวในยุทธภพมีเรื่องใดบ้างที่พรรควิหคเพลิงไม่รู้ไม่เห็น ขอให้เจ้าตายอย่างมีความสุขนะ” หย่งสือหันหลังให้มัน เดินจากมา
“ดะ ดะ เดี๋ยว” มันพยายามส่งเสียง แต่เสียงที่เปล่งออกมาแผ่วเบาใกล้ขาดใจเต็มทีแล้ว
หย่งสือชะงักเท้ามุมปากกดลึกเจ้าเล่ห์ เขาหันกลับไปตีหน้าขรึมเครียด เข้าไปนั่งข้างมันเอียงศีรษะรอฟัง ริมฝีปากสีม่วงคล้ำแตกระแหงขยับพะงาบๆ แทบไม่ได้ยิน
นัยน์ตาคู่งามทอประกายเลือดเย็น ร่างสูงสง่าลุกขึ้นยืนอีกครั้งหาได้สนใจร่างที่ยื่นมือมาทางเขาดั่งคำทวงสัญญาไม่ คุณชายสี่เดินตรงไปหาน้องเล็กมองเธอด้วยแววตาอ่อนโยน ดึงผ้าสีขาวจากอกเสื้อชุบน้ำจากถุงหนังพอชื้น ค่อยๆ บรรจงเช็ดรอยเลือดสกปรกบนใบหน้าซีดเซียว เขาย่นคิ้วเมื่อเห็นสีน้ำตาลคล้ายผงสีติดมาบนผ้าด้วย ดวงหน้าเล็กๆ เปลี่ยนเป็นสีผิวเป็นสีขาวอมชมพูนวลผ่อง ดวงหน้าคมเข้มคล้ายเด็กชายหายไป กลายเป็นใบหน้างดงามของเด็กหญิงอย่างแท้จริง นิ้วเรียวยาวแตะแต้มบนผิวแก้มเนียนใช้นิ้วปาดเบาๆ เห็นผงสีน้ำตาลติดมากับนิ้วด้วย
“น้องเล็กเจ้าเล่นอะไรอีกล่ะ ข้าล่ะมึนกับความเจ้าเล่ห์ของเจ้าไปหมดแล้ว”
“ข้าแค่เขียนคิ้วแต้มชาดเหมือนสตรีทั่วไป ท่านสงสัยอันใดกันพี่สี่”
น้องน้อยเถียงฉอดๆ ดวงหน้าเล็กๆ อ่อนหวานน่ารักยิ่งนัก จะไม่ให้บรรดาพี่ชายทั้งรักทั้งหลงได้อย่างไร
คุณชายสี่ส่ายหน้าคร้านจะต่อล้อต่อเถียงด้วย เขาปลดเชือกผูกอาชา กระโดดขึ้นบนหลังม้าก่อนจะจับมือน้อยเย็นเฉียบขึ้นมานั่งด้านหน้า หยิบหน้ากากสีเงินมาใส่กระตุ้นม้าจากไปโดยไม่แม้แต่จะเหลียวมองร่างที่กำลังกลายเป็นซากศพในไม่ช้า
การแข่งขันหมากล้อมรอบที่สอง
การแข่งขันวันนี้จะลดจำนวนผู้เข้าแข่งขันเหลือเพียงหนึ่งร้อยคน หย่งชิ่งต้องแข่งสองรอบทั้งรอบเช้าและรอบบ่าย
หย่งชิ่งนึกเสียใจเป็นครั้งแรก ที่เคยหัวเราะเยาะอันสือเรื่องขบวนแห่น่าอายครั้งนั้น เหมือนถูกสวรรค์ลงโทษอย่างไรอย่างนั้น เมื่อเช้าท่านพ่อเกณฑ์คนของพรรควิหคเพลิงเดินขบวนยาวเหยียดพานางไปสนามแข่งขัน เท่านั้นยังไม่พอรอบสนามมีแต่คนของพรรควิหคเพลิงคอยสังเกตการณ์อยู่โดยรอบ จุดประสงค์สำคัญคือปกป้องคุณชายห้าแห่งพรรควิหคเพลิงจากอันตรายทั้งปวง
ชาวบ้านชาวเมืองต่างวิจารณ์เซ็งแซ่ แต่หามีผู้ใดกล้าพูดดังกว่าเสียงซุบซิบนินทาไม่
โรคภัยเข้าทางปากวิบัติก็ออกทางปากเช่นกัน
ผู้ใดอยากวิบัติเพียงแค่กล่าวว่าคุณชายห้าพรรควิหคเพลิงดังๆ วิบัติได้มาถึงตัวเป็นแน่
เท่านั้นยังไม่พอ ยามลงสนามแข่ง พี่ชายทั้งสี่ของนางเข้ามายืนเป็นหลักศิลาล้อมทั้งสี่ด้าน เป็นที่ข่มขวัญคู่แข่ง การกระทำทั้งหมดล้วนมีคุณชายอู่เป็นผู้หนุนหลัง หาไม่แล้วคงไม่ราบรื่นถึงเพียงนี้
เพราะเหตุการณ์ที่หุบเหววันนั้นทีเดียวเชียว เมื่อพี่สี่พานางกลับไปถึงพรรควิหคเพลิง ทุกอย่างก็อลหม่านไปหมด ท่านพ่อถึงกับออกปากมิให้นางกลับไปแข่งขัน แต่เมื่อหย่งชิ่งต้องการสิ่งใดแล้วใช่จะขัดขวางโดยง่าย ซ้ำยังมีพี่สามคอยหนุนหลังเป็นกำลังสำคัญ การแข่งหมากล้อมครั้งนี้มีศักดิ์ศรีของพรรควิหคเพลิงเป็นเดิมพัน เพราะการแข่งนัดแรกพี่สี่ได้ป่าวประกาศความเก่งกาจสามารถของหย่งชิงไปแล้ว หากถอนตัวกลางคันจะกลายเป็นพรรควิหคเพลิงไร้น้ำยาไม่กล้าแข่งขันจนรู้ผลแพ้ชนะ
หลังจากนั้นท่านพ่อและพวกพี่ชายออกไปข้างนอก ทิ้งหย่งชิ่งไว้กับท่านแม่ ท่านช่วยทำแผลที่มือคอยปลอบประโลมขับกล่อมให้นางนอนพักผ่อน ท่านพ่อสั่งลูกศิษย์ฝีมือดีหลายสิบคนคอยดูแลพรรควิหคเพลิง และไม่ให้หย่งชิ่งหนีออกไปข้างนอก ใช่ว่านางอยากจะหนีเที่ยวเสียเมื่อไร วันนั้นนางใช้พลังหมดสิ้นไปแล้ว กว่าจะออกซ่าได้คงอีกหลายวัน
พวกท่านพ่อออกไปไหนนี่สิน่าสงสัย พวกท่านกลับมาอีกครั้งยามพลบค่ำด้วยอาการเหนื่อยอ่อน
หย่งชิ่งเลียบๆ เคียงๆ เข้าไปถาม จึงรู้จากพี่สามว่าท่านพ่อยกคนไปถล่มพรรคอสูรดำจนราบเป็นหน้ากลอง นายน้อยบุตรคนที่เจ็ดของประมุขพรรคอายุเพียงสิบเอ็ดปีถูกตัดมือทั้งสองข้าง ไม่สามารถเดินหมากล้อมได้อีก
นางรู้แล้วว่าพี่สี่ได้นิสัยจอมวายร้ายมาจากผู้ใด
ทราบดังนั้นนางพอจะปะติดปะต่อเรื่องราวได้
พรรคอสูรดำยอมสูญเสียมือของนายน้อยดีกว่าถูกฆ่าทิ้งทั้งหมด เฉินหย่งเป่ามิใช่เด็กอมมือ ผู้ใดบงการ ผู้ใดสามารถสั่งมือสังหารได้เขารู้แก่ใจ แต่หากไร้หลักฐานฆ่าคนดั่งผักปลาคงยากจะยืนอยู่ในยุทธภพ
มือสังหารชุดดำเป็นคนของพรรคอสูรดำ ไม่ว่าจะเป็นผู้ใดสั่งฆ่านางก็ตาม นายน้อยบุตรคนที่เจ็ดได้รับเคราะห์กรรมไปเรียบร้อยแล้ว หากจะสาวความจริง คำสั่งสังหารคุณชายห้าพรรควิหคเพลิงย่อมไม่ใช่ออกจากปากผู้ต่ำต้อยไร้อำนาจเป็นแน่
พวกมันหาโอกาสเหมาะเห็นนางอยู่ตามลำพังจึงลงมือ ไม่ตีหญ้าให้งูตื่น[1]นางเกือบเสียท่าหากพี่สี่ไม่มาช่วยไว้ได้ทันกาล ท่านพ่อเป็นกังวล ท่านแม่น้ำตาปริ่มขอบตา พี่ชายทั้งสี่หน้าซีดเผือดเมื่อทราบเรื่องราวที่เกิดขึ้น
นั่นเป็นเหตุผลทั้งหมดทั้งมวลของการเคลื่อนขบวนพรรควิหคเพลิงมายังสนามแข่งหมากล้อมในวันนี้
ดูเหมือนเป็นการไม่ยุติธรรมกับคู่แข่งของนาง เขาเป็นบุรุษวัยกลางคนมีลักษณะของบัณฑิตดูก็ทราบว่าขวัญหนีดีฝ่อสมาธิแตกกระเจิงจนไม่อาจเดินหมากได้อย่างใจคิด เมื่อเทียบกับอันสือแล้วทั้งฝีมือและจิตใจห่างชั้นกันมาก จะว่าบุรุษผู้นี้จิตอ่อนก็พูดได้ไม่เต็มปาก หากเป็นนางมีบุรุษแผ่กลิ่นอายสังหารยืนล้อมรอบกายแล้ว ก็ยากจะประคองสติให้จดจ่ออยู่กับการแข่งขันได้เช่นกัน
เพียงแต่นางชินเสียแล้วกับใบหน้าทุกอารมณ์ของพวกพี่ชาย เขาจึงเป็นแค่อากาศธาตุสำหรับนางในเวลานี้
“พี่ใหญ่กับพี่สี่ ท่านทั้งสองช่วยหันหลังไปได้ไหม ให้แค่พี่รองกับพี่สามคอยเป็นผู้สังเกตการณ์ก็พอ”
พี่ใหญ่ทำตามอย่างว่าง่าย ส่วนพี่สี่ยืนนิ่งชั่วอึดใจแล้วค่อยหันหลังอย่างยียวนกวนอารมณ์ยิ่งนัก ท่านพ่อช่างมองการณ์ไกล หย่งชิ่งไม่เต็มใจเรื่องการอารักขาในครั้งนี้ ท่านพ่อจึงสั่งให้ทุกคนเชื่อฟังคำสั่งนางปิดปากให้สนิท ผู้อื่นคงไร้ซึ่งปัญหา จะมีก็แต่พี่สี่นี่แหละที่เป็นตัวปัญหาเพียงผู้เดียว
พี่ใหญ่มักทำหน้าตาดุดันเป็นที่น่าเกรงกลัวแก่ทุกผู้ที่พบเห็น ส่วนพี่สี่นั้นเวลานี้ดวงตาคู่งามภายใต้หน้ากากสีเงินดุจอสรพิษร้ายไอสังหารเข้มข้นไม่สมควรเข้าใกล้ หันหลังไปก็ดีแล้ว ส่วนพี่รองและพี่สามยังคงทำตัวตามสบายพอให้เป็นหูเห็นตาแทนพี่ใหญ่และพี่สี่ได้
“ขอเชิญท่านเริ่มเสี่ยงทายหมากเถิด หากหมดเวลาเสียก่อนพวกเราจะลำบาก” การแข่งขันกำหนดเวลาสองชั่วยาม หากหมดเวลาก็จะต้องนับแต้มบนกระดานทันที
อีกฝ่ายใช้ชายเสื้อซับเหงื่อที่หน้าผาก ลำพังเล่นหมากกับผู้ที่ชนะมืออันดับสามอันสือได้ก็นับกว่าลำบากแล้ว แต่กลับต้องอยู่ในวงล้อมหอกดาบแหลมคมของเหล่าจอมยุทธ์ หากเขาเกิดชนะคุณชายห้าขึ้นมา ไม่เป็นการขัดใจพรรควิหคเพลิงพาชีวิตหาไม่หรอกหรือ
“ท่านพี่จื่อจานอย่าได้วิตก ท่านพี่ทั้งสี่ของข้ามีหน้าที่รักษาชีวิตข้าเท่านั้น มิได้ต้องการชีวิตผู้ใด ท่านจงเดินหมากอย่างสบายใจ” หย่งชิ่งบอกผู้อาวุโสกว่าด้วยน้ำเสียงอ่อนน้อมถ่อมตน ริมฝีปากยิ้มพรายเป็นมิตรทำให้อีกฝ่ายใจสงบลงอย่างประหลาด
ราวกับเด็กน้อยเปิดแย้มประตูในใจของเขาออกดู ไหล่หนาของถานจื่อจานตั้งตรงผึ่งผายคลายกังวลไปมาก ใบหน้าเผือดเริ่มมีเลือดฝาด การแข่งขันจึงเริ่มขึ้น ณ บัดนั้น
หย่งชิ่งกำชัยชนะภายในเวลาไม่ถึงครึ่งชั่วยาม จื่อจานเดินหมากอย่างระมัดระวังเกินไป วางกลยุทธ์ดีแต่ไร้ความยืดหยุ่น ครั้นเมื่อพบนางใช้อุบายลวงแสร้งวางหมากเสียสุดท้ายกลายเป็นจู่โจมแบบไม่รู้ตัวจึงถูกเด็กหญิงต้อนเสียอยู่หมัด โชคดีที่นางได้คู่มือที่ไม่น่ากลัว หรืออาจเป็นนางสามารถก้าวผ่านอันสือมาแล้ว ผู้อื่นก็ไม่ใช่คู่แข่งอีกต่อไป
คู่แข่งในช่วงบ่ายก็เช่นกัน วันนี้หย่งชิ่งกลับบ้านอย่างสบายใจ
การแข่งขันดำเนินต่อไป จัดขึ้นวันเว้นวัน ผู้เข้าแข่งขันลดจำนวนลงอย่างรวดเร็ว เกมกลับยิ่งทวีความเข้มข้นมากขึ้น ยิ่งเข้าไปถึงรอบลึกๆ รอบสนามผู้เข้าชมต่างคึกคัก
หย่งชิ่งสามารถเอาชนะคู่แข่งจนเข้าไปในรอบสี่คนสุดท้ายได้ในที่สุด
การแข่งหมากล้อมรอบสี่คนสุดท้าย สนามแข่งขันจัดขึ้นบนปะรำยกสูงกางผ้ากันแดดกันฝน พร้อมด้วยป้ายไม้ขนาดใหญ่ตีตารางสิบเก้าเส้นแทนกระดานหมากล้อมที่ใช้แข่งขันสองป้ายหันไปทางผู้เข้าชม ยามผู้เล่นเดินหมากบนกระดาน ก็จะมีคนแขวนตัวหมากบนป้ายไม้ขนาดใหญ่ให้ทุกคนในสนามได้เห็น ท่านเจ้าเมืองอู่มาร่วมเป็นสักขีพยานในการแข่งขัน คุณชายทั้งสี่แห่งพรรควิหคเพลิงยืนล้อมสี่ด้านข้างล่างปะรำแข่งขัน
เวลาในการแข่งเพิ่มเป็นสองชั่วยาม
หย่งชิ่งสวมชุดบุรุษสีขาวแกมเงินด้วยลายน้ำงามวิจิตรขลิบดำที่ชายเสื้อ ใช้วิชาตัวเบากระโดดขึ้นไปบนปะรำ นับจากวันที่ไปฝึกวิชาตัวเบากับพี่สี่ ผ่านความเป็นความตายมาครั้งหนึ่ง วิชาตัวเบาของนางรุดหน้าขึ้นอย่างเหลือเชื่อ ซ้ำพี่สี่ถ่ายทอดเคล็ดลับอย่างไม่ปิดบัง เหลือเพียงแค่ตัวนางเท่านั้นว่าจะดึงความสามารถของตัวเองออกมาได้มากแค่ไหน ณ ตอนนี้ศักยภาพร่างกายของนางยังไม่สามารถดึงพลังมาใช้ได้อย่างเต็มที่ แต่นางก็หวังว่าเมื่อเติบโตขึ้นนางจะมีฝีมือไม่ด้อยไปกว่าพี่สี่
คู่แข่งในวันนี้เดินขึ้นบันไดอย่างสง่างามโดดเด่นด้วยอาภรณ์สีเขียวปีกแมลงทับดูหล่อเหลาเฉิดฉายตราตรึงผู้คนในสนามแข่งขัน ใบหน้าคมสวยประดับรอยยิ้มกรุ้มกริ่มมองเด็กหญิงตรงหน้าราวกับมองขนมหวาน วันนี้ชิ่งเอ๋อร์ของเขาน่ารักมีเสน่ห์เช่นเคย
เด็กหญิงอมยิ้มน่ารักยกมือคารวะคู่แข่งอย่างอ่อนน้อม
“หย่งชิ่งคารวะพี่เฉิงเชียน”
"ชิ่งเอ๋อร์ไม่ได้พบกันหลายวันเจ้าสบายดีนะ"
เฉิงเชียนมองผ้าพันแผลที่มือของเด็กหญิงด้วยความเป็นห่วง โชคดีที่นางไม่เป็นอะไรมาก
เขาพอทราบมาว่าชิ่งเอ๋อร์เป็นเด็กฉลาด หากไม่คาดว่านางจะสามารถชนะคู่แข่งที่มีฝีมือเดินหมากล้อมฉกาจฉกรรจ์เข้ามาถึงรอบนี้ ร่างน้อยยืนเด่นเป็นสง่าน่าเกรงขาม รูปร่างสูงเปรียวโดดเด่นถึงแม้จะอยู่ในวัยเพียงแค่สิบขวบก็ตาม ยิ่งเห็นยิ่งอยากได้มาเป็นคู่เรียงเคียงหมอน นึกอยากกอด อยากหอมแก้มเนียน อยากนั่งคุยด้วยทุกวัน ติดตรงพี่ชายทั้งสี่ของนางที่ดุราวกับเสือ เวลาเขาไปเยี่ยมเยียนคู่หมั้นก็ออกปากไล่อย่างไม่รักษาน้ำใจ
วันนี้สบโอกาสพวกพี่ชายของนางต้องรักษาการณ์อยู่ด้านข้างปะรำพิธี ไม่ได้มายืนเฝ้าเหมือนอย่างเคย เขาเลยเรียกชิ่งเอ๋อร์ได้สะดวกปาก เขาชอบชื่อนี้เหมาะสมกับแม่นางน้อยยิ่งนัก
หย่งชิ่งยังยิ้มค้างบนใบหน้า เพราะอีตาเฉิงเชียนไม่ยอมหุบยิ้มสักที ถึงใบหน้าหล่อเหลาจะยิ้มแล้วยิ่งน่ามอง แต่นางก็เอียนจะแย่
ไม่พบหน้าหลายวันอะไรกัน!
นางต้องมาแข่งหมากล้อมวันเว้นวัน เฉิงเชียนก็มักจะมาดักรอพบนางทุกครั้ง มิหนำซ้ำเมื่อวานเขายังไปที่พรรควิหคเพลิง แจ้งว่าตัวเองเป็นคู่แข่งกับนางในรอบก่อนชิงชนะเลิศ แต่เมื่อเห็นมือที่ได้รับบาดเจ็บเขากลับน้ำตาเอ่อคลอละล่ำละลักถามอาการด้วยความเป็นห่วงเกินเหตุ นางจึงบอกไปแค่ว่าได้รับบาดเจ็บตอนเล่นซนไม่ได้เป็นอะไรมาก
หย่งชิ่งรู้สึกแปลกใจในทีแรกไม่คิดว่าเฉิงเชียนจะเข้าร่วมการแข่งขันครั้งนี้ด้วย นางไม่รู้ว่าจะดีใจหรือเสียใจดีที่ต้องแข่งหมากล้อมกับเขา
การที่อู่เฉิงเชียนแข่งหมากล้อมฝ่าฟันมาถึงรอบนี้ได้ฝีมือย่อมไม่ธรรมดา จุดประสงค์ของนางที่เข้าแข่งขันหมากล้อม เป็นเพราะอยากเดินหมากกับผู้มีฝีมือ การแข่งขันครั้งนี้นับว่าสมใจนางยิ่งนัก หลายวันมานี้หย่งชิ่งเรียกได้ว่าเกือบถึงจุดอิ่มตัวแล้ว บางกระดานนางชนะอย่างง่ายดาย บางกระดานนางตกเป็นรองเกือบพ่ายแพ้ แต่ก็พลิกกลับมาชนะได้อย่างสนุกสนาน
แต่การเดินหมากกับเฉิงเชียน นางไร้ซึ่งความกระตือรือร้นเดินก็ได้ไม่เดินก็ดี นางไม่ชอบสายตาคมกล้าของเขา ในเวลานี้ รู้สึกเหมือนกำลังถูกกลืนกินไปทั้งตัวด้วยสายตาคู่นั้น อึดอัดอย่างบอกไม่ถูก หรือนางจะแกล้งยอมแพ้ จะได้ไม่ต้องทนดูหน้าเขานานนัก
ไม่ได้! นางเกือบลืมเรื่องที่พนันกับพี่สี่ไปเสียสนิท แพ้พนันใครก็ได้ แต่ห้ามแพ้พนันพี่สี่เป็นอันขาด
นางยอมไม่ได้
"เพราะพี่เฉิงเชียนช่วยดูแล ข้าจึงเดินหมากอย่างไร้กังวล ขอบคุณในความมีน้ำใจของท่าน" หย่งชิ่งตอบกลับไปอย่างสุภาพเช่นเคย ต่อให้รำคาญเขาแค่ไหนนางก็จะทำเช่นนี้ การมีคนรักย่อมดีกว่ามีคนเกลียด
เฉิงเชียนหน้าตาหล่อเหลาไร้ที่ติ เสียแต่ช่างตื๊อเกินประมาณ หากเขาถอยห่างจากนางอีกนิด เว้นระยะให้นางหายใจสักหน่อยคงจะดีไม่น้อย
"อ้อ... ข้าสั่งขนมจากร้านสายธารน้ำผึ้งมาฝากเจ้า หลังแข่งเสร็จเราไปนั่งดื่มชากินขนมกันเถอะนะ" น้ำเสียงนุ่มหวานเอ่ยเชิญชวนแสดงน้ำใจและแสนกระตือรือร้น
ลาภปากลอยมาตรงหน้า หย่งชิ่งมิอาจขัดได้ ร้านสายธารน้ำผึ้งเป็นร้านขนมที่อยู่ต่างแคว้น ขึ้นชื่อลือชาเรื่องความพิถีพิถันและรสชาติแสนอร่อยดุจขนมที่สวรรค์ประทานมาให้ ต้องสั่งซื้อล่วงหน้าเป็นแรมเดือนกว่าจะได้ลิ้มรส หย่งชิ่งเคยชิมเพียงครั้งเดียวติดใจไม่เคยลืมเลือน
เฉิงเชียนฉลาดยิ่งนักสามารถจับจุดอ่อนของนางได้อย่างอยู่หมัด
หรือที่จริงเป็นเพราะนางตะกละเกินไป ไม่เคยปฏิเสธของกินที่เขาส่งมาให้สักครั้ง
"พี่เฉิงเชียนช่างเปี่ยมล้นน้ำใจ ข้าขัดใจท่านคงไม่เหมาะ อย่างไรเสียเรารีบเดินหมากให้จบแล้วไปกินขนมกันเถอะ" น้ำเสียงเล็กอ่อนหวาน ดวงตาแวววาวสดใสเพิ่มเสน่ห์ชวนมองให้ดวงหน้าคมซึ้งอีกหลายเท่า
คุณชายตระกูลเฉินทั้งสี่ ได้ยินคำตอบของน้องน้อยแล้วพากันส่ายหน้า ถ้าพวกเขาเลี้ยงนางอดๆ อยากๆ ก็ว่าไปอย่าง เพราะความตะกละนั่นแหละนางจึงตกหลุมพรางของเฉิงเชียนทุกทีไป
เฉิงเชียนและหย่งชิ่งหันไปทางเจ้าเมืองอู่ยกมือคารวะให้เกียรติก่อนจะนั่งลง เริ่มการแข่งขันหมากล้อมที่ทุกคนต่างใจจดใจจ่อรอชม
หย่งชิงได้หมากดำเป็นฝ่ายเดินหมากก่อน ไม่รู้สึกกดดันแต่อย่างใด เฉิงเชียนวางหมากต่ออย่างรวดเร็วเช่นกัน บางครั้งเขาวางหมากเร็วจนมือทั้งสองแตะกันคล้ายตั้งใจคล้ายไม่ตั้งใจ หากเขาไม่ตั้งใจนั่นเท่ากับเขาคิดเร็วมาก หย่งชิ่งไม่ชินกับรูปแบบการเดินหมากเร็วเช่นนี้ การแข่งขันยังดำเนินต่อไปเรื่อยๆ
"พี่เฉิงเชียน ข้าอยากกินขนมแล้ว เมื่อไหร่หมากกระดานนี้จะจบสักทีเนี่ย อุ๊ย.." หย่งชิ่งแกล้งวางหมากพลาด ร้องอุทานแผ่วเบา ช้อนตามองฝ่ายตรงข้าม หน้าแดงนิดๆ ด้วยความอาย แก้มแดงระเรื่อ
นัยน์ตาคู่งามของเฉิงเชียนเป็นประกายตาพราวพร่าง ไม่มีเลยสักคราที่เขาได้ชื่นชมใบหน้าแดงระเรื่อของชิ่งเอ๋อร์ เพียงเพราะได้เดินหมากล้อมด้วยกันเขากลับได้รับโอกาสนี้อย่างง่ายดาย หากเขาตามใจนางอีกสักครั้ง นางจะดีใจจนเปล่งเสียงหัวเราะกังวานใสดุจระฆังใบน้อยหรือเปล่าหนอ
"ข้าสั่งขนมมาหลายชนิดให้เจ้าลองชิม แล้วถ้าชอบอย่างไหนก็บอก ข้าจะสั่งให้ที่ร้านส่งไปให้เจ้าที่พรรควิหคเพลิง" เขาวางหมากต่อ ทำเป็นไม่สนใจตัวหมากที่หย่งชิ่งเดินพลาด
"พี่เฉิงเชียนช่างรู้ใจข้านัก ท่านช่างใส่ใจข้า... มิเสียแรงที่ท่านพ่อไว้วางใจให้ท่านดูแลข้าในภายภาคหน้า” หย่งชิ่งวางหมากอีกตัว
คราวนี้คงมิใช่ความบังเอิญ มือเรียวสวยนิ่มนวลเช่นมือบัณฑิตคว้ามือน้อยมาจับ เกาะกุมไว้ด้วยมือทั้งสองข้าง ดวงตาคลอคลองด้วยหยาดน้ำตาแห่งความปีติ ริมฝีปากสีชมพูระเรื่อของคุณชายอู่คลี่ยิ้มตื้นตัน ไม่นึกฝันว่าแม่นางน้อยจะยอมรับในตัวเขารวดเร็วถึงเพียงนี้ หัวใจพองโตเต้นระรัวในอกด้วยความรักเต็มหัวใจ
“ข้าอยากให้เจ้ารู้ซึ้งถึงหัวใจรักของข้าชิ่งเอ๋อร์ ต่อให้ต้องบุกน้ำลุยไฟ คว้าดาวตะกายเดือน ข้าก็สามารถทำเพื่อเจ้าได้ทั้งนั้น การแข่งขันนี้ช่างน่าเบื่อ ข้าอยากไปนั่งจิบชาร้อนป้อนขนมให้เจ้าเต็มทีแล้ว”
“จะทำได้อย่างไร ข้าไม่อยากแพ้พี่เฉิงเชียนนะ” เด็กหญิงแสร้งทำหน้าสลดลูบมือข้างที่มีผ้าพันแผลเรียกความสงสาร
“มิเป็นไรดอกเจ้ารีบเดินหมากเถิด พี่เฉิงเชียนจะมอบชัยชนะให้เจ้าเอง”
หย่งชิ่งอมยิ้ม ยกชายแขนเสื้อขึ้นปิดหน้าหัวเราะคิกคัก ไหล่เล็กไหวระริก โดยหารู้ไม่ว่าเมฆดำครึ้มแห่งโทสะกำลังเข้าครอบงำคุณชายตระกูลเฉินทั้งสี่ที่อยู่เบื้องล่าง
เพียงไม่ถึงครึ่งก้านธูป ชัยชนะของหย่งชิ่งก็ถูกประกาศออกไปอย่างรวดเร็ว ท่ามกลางเสียงโห่ร้องดูแคลนของผู้คนรอบสนาม ผู้เข้าแข่งขันทั้งสองมิได้ใส่ใจ ต่างลุกขึ้นกล่าวลากับท่านเจ้าเมืองอู่ เฉิงเชียนจูงมือน้อยลงจากปะรำแข่งขันด้วยดวงหน้ายิ้มแย้มเปี่ยมสุขไม่คล้ายผู้แพ้แต่อย่างใด
“หย่งชิ่งไปที่จวนของข้านะ อยู่ใกล้แค่นี้เอง เมื่อสองวันก่อนพ่อค้านำชาชั้นดีที่ส่งเข้าวังหลวงมาให้ท่านพ่อ เราจิบชาร้อนๆ แก้มเจ้าจะได้แดงระเรื่อ แล้วข้าจะไปส่งเจ้ากลับพรรควิหคเพลิงด้วนตนเอง”
ยังเดินลงบันไดไม่ถึงขั้นสุดท้าย ร่างน้อยของหย่งชิ่งกลับลอยละลิ่วไปอยู่ในแขนของคุณชายใหญ่พรรควิหคเพลิง
“ขอบคุณคุณชายอู่ที่มีน้ำใจ แต่หย่งชิ่งได้รับบาดเจ็บคงไม่สะดวกไปกับท่าน พวกเราจะพาน้องห้ากลับบ้านเอง”
“เดี๋ยวสิพี่ใหญ่... ขนมของข้า” หย่งชิ่งอุทธรณ์ นางอุตส่าห์นั่งหยอดคำหวานกับเฉิงเชียน เกือบตกทะเลน้ำเชื่อมตาย แล้วต้องมาแห้วเพราะพี่ใหญ่ ทำร้ายจิตใจกันเกินไปแล้ว
“เอ่อ... ข้า... แค่จิบชาแป๊บเดียวเองคงไม่กระเทือนบาดแผลที่มือชิ่งเอ๋อร์กระมัง ที่จริงข้าป้อนนางยังได้ พวกท่านจะได้ไม่ต้องเป็นห่วงแผลที่มือของนาง” เฉิงเชียนหาลู่ทางแย่งชิงตัวคู่หมั้นจากพยัคฆ์ร้ายตระกูลเฉินทั้งสี่ ทั้งที่เห็นแต่หนทางพ่ายแพ้อยู่ตรงหน้า
ต่อให้เกณฑ์คนทั้งจวนมาสู้ยังไม่สามารถล้มคุณชายทั้งสี่แห่งพรรควิหคเพลิงได้เลย หากคิดจะชิงตัวชิ่งเอ๋อร์จริงๆ คงต้องทิ้งชีวิตไว้ที่นี่
คุณชายตระกูลเฉินทุกคนกุมมือที่กระบี่ข้างกายดีดออกจากฝักเล็กน้อยเตรียมพร้อมเต็มที่ เพลิงโทสะจุดขึ้นในดวงตาคม ไม่เพียงบังอาจเรียกน้องน้อยของพวกเขาอย่างสนิทสนม ยังหาญกล้าจะป้อนขนมนางอีก หากคุณชายอู่เอ่ยวาจาผิดหูแม้เพียงคำเดียว ร่างประเปรียวอ้อนแอ้นได้ขาดเป็นสองท่อนแน่!
“พี่ใหญ่...” หย่งชิ่งมู่หน้าเป็นปลาทอง
“ให้คนส่งชากับขนมไปที่พรรควิหคเพลิง ท่านไม่ต้องมาด้วยตัวเองใช้ผู้อื่นมาก็พอ ชิ่งเอ๋อต้องพักผ่อนสำหรับการแข่งขันในวันพรุ่งนี้ ท่านมีอันใดข้องใจไหม?” คุณชายใหญ่สั่งเสียงเข้มด้วยเสียงเกือบฟังเป็นคำราม สีหน้าแสดงความหงุดหงิดที่สามารถทำให้เสือร้ายยังต้องหลบลี้เข้าป่า
เฉิงเชียนหน้าซีดเหลือสองนิ้ว คุณชายใหญ่ตัวโตกว่าเขาสองเท่าวรยุทธ์สูงส่ง แค่หายใจก็สามารถเป่าเฉิงเชียนกระเด็นไปไกลได้แล้ว หมดทางสู้จริงๆ
ชิ่งเอ๋อร์ ข้าอ่อนแอนักไม่อาจดูแลเจ้าได้
“ได้... ข้าจะส่งชากับขนมไปให้ ขอคุณชายใหญ่เดินดีๆ ฝากดูแลชิ่งเอ๋อร์ด้วย” คุณชายอู่น้ำตาคลอเสียใจอย่างรุนแรงที่พลาดโอกาสได้จิบชาป้อนขนมนางในดวงใจ
คุณชายใหญ่อุ้มน้องน้อยไว้บนท่อนแขนนำขบวนพรรควิหคเพลิงพานางกลับบ้าน
หย่งชิ่งเหลียวหลังกลับไปมองเฉิงเชียน ส่งแววตาเสียใจอย่างสุดซึ้งไปให้ก่อนจะก้มไปกระซิบข้างหูพี่ใหญ่
“ท่านให้พี่สี่ใช้วิชาตัวเบาไปเอาขนมกลับบ้านเลยก็ได้นะ ข้าอยากกินจะแย่ขี้เกียจรอแล้ว”
“น้องสี่เจ้าแวะไปที่จวนรับขนมกับชามาให้ชิ่งเอ๋อร์เลย” คุณชายใหญ่สั่งทันที
“ทำไมต้องเป็นข้าด้วย” คุณชายสี่หน้าง้ำ
“เพราะเจ้าอายุน้อยที่สุด” คุณชายรองเป็นผู้ให้คำตอบ
“จอมมารน้อยต่างหากอายุน้อยที่สุด” คุณชายสี่ยังเถียงไม่เลิก
“เจ้าจะใช้ชิ่งเอ๋อร์ที่กำลังบาดเจ็บเพราะเจ้าละเลยต่อนางได้อย่างไร” คุณชายสามลำเลิกความผิดให้น้องชายฟัง
“ทำไมข้าไม่ปล่อยให้จอมมารน้อยลงไปนอนเล่นที่ก้นเหวนะ ข้าทำผิดมหันต์ลงไปแล้ว!” คุณชายสี่บ่นพึมพำอย่างหัวเสียแล้ว จำใจกระโดดตัวลอยไปทางจวนท่านเจ้าเมือง ไม่วายหันมามองหย่งชิ่งด้วยสายตาอาฆาต และได้รับลิ้นน้อยๆ สีชมพูเป็นการตอบแทน
วันพรุ่งนี้จะเป็นการแข่งขันหมากล้อมรอบสุดท้าย
หากหย่งชิ่งล่วงรู้เหตุการณ์ข้างหน้าว่าจะเกิดหายนะขึ้น และมันสามารถเปลี่ยนแปลงเส้นทางชีวิตของนางไปตลอดกาล นางคงเลือกการยอมแพ้ผู้อื่น ดีกว่ายอมแพ้แก่โชคชะตา
14/05/2558
อัปสดมาก ยังไม่ได้อ่านตรวจทานคำผิด ง่วง หิว อยากนอนแต่ไม่อยากผิดคำพูด จะมาอัปอีกทีประมาณวันจันทร์เลยนะคะ ช่วงนี้มีภารกิจนิดหน่อย อาจจะไม่ค่อยมีเวลาเขียนนิยาย
เมื่อไหร่จะได้เจอพระเอก
นักเขียนอยากให้เรื่องนี้ดำเนินอย่างค่อยเป็นค่อยไปตามที่ตั้งใจไว้ค่ะ หากรวบรัดตัดตอนไทม์ไลน์จะเสีย ส่งผลให้บั่นทอนความสนุกสนานลงไป อยากให้ค่อยๆ ละเลียดความสุขของหย่งชิ่งไปก่อนค่ะ
สะสมเอาไว้นะคะ
亮林 เลี่ยงหลิน
12/05/2558
ต่อไปจะอัปวันเว้นวันเป็นอย่างน้อยนะคะ คงต้องเขียนเรื่องอื่นไปด้วย
ใครถามหาพระเอกคะ อาจจะต้องเป็นตอนที่ 10 เลยกระมังกว่าจะถึงฉากเปิดตัว รอฮีนิดหนึ่งนะ
พี่สี่ร้ายกาจแค่ไหนแต่ไม่ได้ขี้เล็บหย่งชิ่งแน่นอน
亮林 เลี่ยงหลิน
นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ

คู่แข่งคนนี้ถ้านางรู้ก็คงไม่แข่งชนะมาแต่แรกเพื่อมาเจอคู่แข่งคนนี้ เราเดานะว่าน่าจะคนที่นางเอกไม่อยากเจอที่สุด คือคนที่ปล่อยให้นางตายอย่างโดดเดียว เจ็บปวดที่สุดในชาติภพที่แล้ว
ไรท์อัพบ่อยๆ อย่าทิ้งกันไปนานๆเลยน่ะค่ะ รีดเดอร์ไม่ชอบการรอนานๆ
ชิมความสนุกไปเรื่อยๆไม่ใจร้อน
คำว่า คาราวะ แก้เป็น คารวะจ้ะ
สู้ๆนะคะ พี่ไรเตอร์
เค้าเองก็อยากมีพี่ชายน่ารักๆ แบบนี้บ้างนะ!
เป็นกำลังใจให้ค่าา fitghting!!!
อะไรจะเท่ห์ปานน้านนน
บอกเลอ อิจฉาหย่งชิ่งมากกกกกกก