ตอนที่ 20 : บทที่ 20 100%

บทที่ 20
จุมพิตบางเบาราวกับปีกผีเสื้อแตะบนกลีบบุปผา ทว่าจารจำฝังลึกดุจดั่งสลักบนหินผา
เฉินหย่งชิ่งช่วงชิงหัวใจของเขาซ้ำสอง ด้วยจุมพิตนุ่มนวลราวขนนก กลีบปากนุ่มฉาบด้วยสุราแรงฤทธิ์ ส่งผลให้เขาคล้ายมึนเมา ลุ่มหลงนางมากขึ้นร้อยเท่าพันทวี สีแดงปรากฎชัดเจนบนแก้มสีทองแดงทั้งสองข้างของแม่ทัพไร้พ่าย ความแข็งกระด้างเย็นชาถูกแทนที่ด้วยความอบอุ่น ช่วยละลายหัวใจอันเปลี่ยวเหงาอ้างว้าง เขากัดปากพยายามกลั้นยิ้มโง่งมเหมือนคนเบาปัญญูา แต่ก็ทำไม่ได้
"เจ้า... เจ้า..."
เหวินหรงจนคำพูดอย่างสิ้นเชิง เขาจ้องริมฝีปากตรงหน้าอย่างหลงใหล รอยยิ้มแสนซื่อไร้เดียงสา ทว่าดวงตาสีดำสนิทงามซึ้งหยาดเยิ้มราวกับจะหยดลงมา คล้ายยั่วยวนอย่างประหลาด ดึงดูดให้เขาอยากประทับริมฝีปากเชยชิมรสสุราร้อนแรงจากนางอีกครั้ง
"ข้าจะเทิดทูนท่านเหมือนเดิม ท่านต้องการให้ข้าเทิดทูนท่านทุกวัน หรือวันเว้นวันดี" นางยิ้มทะเล้นยักคิ้วสลับกันไปมาดูทะลึ่งตึงตังขาดความเป็นกุลสตรีอย่างมาก ไม่ว่ารอยยิ้มแบบไหน เขาก็ชื่นชอบทั้งนั้น
"ทุกวัน..." เขายิ้มโง่งม หัวใจพองโตแทบจะแตกออกมา ปลายนิ้วเกี่ยวพันเส้นผมที่นุ่มประดุจเส้นไหม อยากให้เขาสามารถผูกมัดหัวใจของนางดังเส้นผมร้อยรัดปลายนิ้วเช่นนี้
"ข้าจะอยู่รับใช้ท่านจนกว่าจะถึงกําหนดที่รับปากไว้กับท่านพ่อ หลังจากนั้นคงต้องกลับพรรควิหคเพลิง ไม่เช่นนั้นท่านพ่อต้องจับได้ เรื่องที่ข้าโกหกไม่ได้เดินทางไปพักผ่อนที่หอโอสถตะวันตก แต่กลับปลอมเป็นชายมาสมัครทหารที่นี่"
"หอโอสถตะวันตกคือที่ใดกัน?"
"แสดงว่าพี่สี่มิได้เล่าเรื่องราวทั้งหมดให้ท่านฟัง ก็ดีหลังจากนี้ข้าจะเล่าเรื่องราวที่หายไปแปดปีให้ท่านฟังเอง"
หย่งชิ่งหาวออกมาบิดกายอย่างเกียจคร้าน
"ข้าขอตัวไปนอนก่อน สุราของท่านรองแม่ทัพแรงเหลือใจ เห็นที่พรุ่งนี้ข้าคงไม่ตื่นเช้าโดยง่าย อย่างไรท่านก็ดูแลตัวเองไปก่อนแล้วกัน" ข้ารับใช้คนใหม่ผลักงานไปให้ผู้เป็นนายหน้าตาเฉย
หย่งชิ่งทำท่าจะกลับไปยังที่นอนของตนซึ่งปูบนพื้นอยู่หน้าฉากกั้น เหนื่อยมาทั้งวัน เมื่อคืนนางก็ตื่นเต้นจนนอนไม่หลับ บัดนี้ทุกอย่างคลี่คลายนางไม่ต้องกังวลสิ่งใด ร่างกายจึงออกอาการประท้วงในทันที
ผิดกับชายหนุ่มที่ตื่นเต็มตาแล้วมิอาจข่มตาลงได้ แต่นางกลับบอกว่าง่วงนอนเพราะฤทธิ์สุรา เขาฉุดร่างที่กำลังเดินหนีลงมานั่งบนตักอีกครั้ง หย่งชิ่งเนื้อตัวเย็นเฉียบอย่างน่าเป็นเห่วง ไปนั่งตากน้ำค้างฟังหลี่เต๋อโม้อยู่ครึ่งค่อนคืน ถึงจะบอกว่านางเป็นชาวเหอเสี่ยงชินกับอากาศหนาวเย็น แต่เขาไม่อาจวางใจปล่อยนางไปนอนตามยถากรรมได้
"อย่าไปนอนที่ด้านหน้าเลย เจ้านอนตรงนี้เถอะ ข้าจะออกไปตรวจตราในค่ายเสียหน่อย"
หย่งชิ่งไม่ปฏิเสธ นางง่วงนอนจะตายอยู่แล้ว หญิงสาวล้มตัวลงนอนอย่างง่ายดาย มิได้ใส่ใจสักนิดว่ากำลังนอนอยู่บนเตียงของผู้ใด
เหวินหรงห่มผ้าให้นางสองชั้น นางช่างไม่ระมัดระวังตัว หากเขากลายเป็นหมาป่าหิวโซขึ้นมาจับนางกินเสียตอนนี้ นางจะทำอย่างไร?
ช่างเถิด... เขารออย่างทนทุกข์ทรมานมาแปดปี หากต้องรอนานขึ้นอย่างมีความสุขอีกสักหน่อย ให้เวลานางอีกสักนิด มิให้ผู้อื่นครหาว่าเขาใช้อำนาจบีบบังคับให้นางแต่งงานด้วย รอให้จบศึกครั้งใหญ่นี้เสียก่อน คงไม่เนินนานเกินไป
เขานั่งมองคนหลับอยู่นาน อิ่่มเอมใจแล้วจึงออกไปนอกกระโจมรอชมแสงแรกแห่งอรุณรุ่ง ที่มาพร้อมกับความสุขใจเป็นครั้งแรกในรอบหลายปีที่ผ่านมา
หย่งชิ่งนอนเต็มอิ่มแล้ว เมื่อตื่นขึ้นมาเหวินหรงไม่อยู่ในกระโจม นางถือโอกาสอาบน้ำร้อนอย่างมีความสุข เมื่ออาบน้ำแต่งตัวเสร็จก็มีนายทหารนำสำหรับอาหารมาส่งถึงที่ โดยมีเหวินหรงเดินตามเข้ามานั่งกินอาหารเช้ากับนางด้วย
เหมาะเจาะเกินไปกระมัง หวังว่าเขาคงไม่ได้แอบดูนางอาบน้ำหรอกนะ
หย่งชิ่งคิดพลางจ้องหน้าซึ่งยังคงความสงบเยือกเย็นไร้พิรุธของเขาไปพลางระหว่างกินอาหารเช้า นางยังจำน้ำตาอันล้ำค่าของเขา รอยยิ้มโง่งมของเขาที่เกิดขึ้นเมื่อคืนได้ขึ้นใจ พอมาเช้านี้เปลี่ยนเป็นคนละคนเสียแล้ว
น่าตายนัก!
การปั่นหัวท่านแม่ทัพใหญ่ไม่ใช่เรื่องยาก แต่นางอาจต้องใจกล้าสักหน่อย ให้ตายเถอะ! นางชอบยิ้มโง่งมของเขามากกว่าสีหน้าท่อนไม้ไร้อารมณ์ มีเพียงนัยน์ตาวาววามเท่านั้นกระมัง ที่พอให้นางรู้สึกว่าเขากำลังพึงพอใจอย่างมาก
เหวินหรงสั่งเด็ดขาดให้นางติดตามเขาไปทุกที่ เขาไม่วางใจให้นางอยู่ในค่ายทหารเพียงลำพัง ถึงแม้ทหารทุกคนจะได้รับการฝึกอย่างเข้มงวด อีกทั้งยังมีบทลงโทษทางอย่างรุนแรงหากทำผิดวินัย กันไว้ก่อนดีกว่าแก้ เขาไม่อยากต้องมาเสียใจภายหลัง
เช้านี้มีประชุมกับท่านกุนซือคนใหม่วางแผนการเดินทางไปเผ่าหูหลาง นางจึงต้องติดตามเขาไปอย่างเลี่ยงไม่ได้ เหวินหรงห่มเสื้อคลุมขนจิ้งจอกให้กับนางยามเห็นร่างโปร่งบางสั่นงันงก หย่งชิ่งเข้ามาในฐานะคนจร จึงไม่ได้นำอาภรณ์ติดมาด้วยมากนักเกรงจะถูกสงสัย นางจึงได้แต่สวมอาภรณ์ซอมซ่อสองชั้นเท่านั้น เสื้อคลุมขนจิ้งจอกทั้งอุ่นทั้งหนาอีกทั้งหอมกรุ่น นางถูกใจยิ่งนัก
ทั้งสองเดินเคียงคู่กันไป ท่านแม่ทัพใหญ่นิสัยการเดินรวดเร็วฉับไว ครานี้กลับลดความเร็วของฝีเท้า รั้งรอข้ารับใช้ส่วนตัวให้เดินเคียงคู่กันไป ทั้งสองเดินใกล้กันมาก หลังมือแตะกันเป็นครั้งคราว นัยน์ตาเหยี่ยงคมเหลือบมองบุรุษรูปงามข้างกายเป็นระยะ ผิดกับข้ารับใช้หน้าหยกที่กลับเดินลอยชายเอ้อระเหย ทำให้นายทหารหลายคนอดมองทั้งคู่ด้วยความสงสัยไม่ได้
ข้ารับใช้ที่แต่งกายราวกับขอทานเมื่อวานนี้กลับสวมเสื้อคลุมขนจิ้งจอกหรูหรา ชายเสื้อคลุมลากพื้นดูก็รู้ว่าไม่ใช่ของเจ้าตัวเป็นแน่ หลายคนเคยเห็นท่านแม่ทัพใหญ่สวมเสื้อคลุมตัวนี้ ซํ้าทั้งคู่ยังเดินใกล้ชิดกันท่าทางสนิทสนม มิคล้ายนายกับบ่าว กลับคล้ายกับคู่รักเสียมากกว่า
เพลานี้ในกองทัพไม่มีเรื่องใดให้พูดถึงนัก หัวข้อท่านแม่ทัพใหญ่กับข้ารับใช้หน้าหยก จึงเป็นที่กล่าวขานในวงกว้าง
เพียงแค่เดินคู่กัน ก็กลายเป็นหัวข้อจับกลุ่มนินทาได้แล้ว
หย่งชิ่งไม่สนใจสิ่งใดยกเว้นเรื่องที่สามารถขายข่าวได้ คำนินทาปากหอยปากปูจึงมิอยู่ในสายตา ส่วนเหวินหรงยิ่งแล้ว เมื่อก่อนเขาไม่เคยสนใจผู้ใด บัดนี้มีหย่งชิ่งเข้ามา นางจึงเป็นจุดศูนย์รวมเพียงอย่างเดียวของเขา ต้องรอให้ฟ้าถล่มดินทลายก่อนกระมังจึงจะสามารถดึงสายตาของเขาไปจากนางได้
ทั้งสองมาถึงหน้ากระโจมหลังใหญ่ที่ใช้สำหรับเป็นสถานที่ประชุม โดยรอบถูกคุ้มกันแน่นหนามิให้ผู้ใดผ่านเข้ามาในรัศมีห้าจั้ง เหวินหรงกำลังตรงเข้าไปแต่ถูกหย่งชิ่งยกมือขวางไว้เสียก่อน
คุณชายสี่นั่งเป็นประธานอยู่บนตั่งซึ่งเป็นที่นั่งของท่านแม่ทัพใหญ่ หน้ากากอสูรสีดำนัยน์ตาโปนดุดัน เจาะรูเล็กๆ สำหรับมองจมูกยาวปากใหญ่อัปลักษณ์จนไม่กล้วจะมองตรงๆ ถูกวางไว้ข้างกาย เขาเอ้อละเหยลอยชายในค่ายแห่งนี้ในฐานะผู้คุมกฎ หากมีทหารฝ่าฝืนสามารถลงทัณฑ์ได้ทันทีโดยมิต้องไต่ถามผู้ใด
"พี่รองครานี้ท่านต้องจ่ายข้าร้อยตำลึงแล้ว" คุณชายสี่บอกอย่างเป็นต่อ แบมือกระดิกนิ้วใส่คุนชายรองอย่างมั่นใจในผลพนัน
คุณชายรองที่กำลังนั่งเขียนบัญชีรายรับรายจ่ายสินค้าที่ส่งให้กองทัพวางพู่กันลง รอให้หมึกบนม้วนไผ่แห้ง เขามารับหน้าที่จัดสรรเสบียงและวัตถุดิบต่างๆ ส่งให้กองทัพ ด้วยความเชี่ยวชาญด้านซื้อขายต่อรองจึงสามารถช่วยให้เหวินหรงเบาแรงไปค่อนข้างมาก เมืองหลวงจึงไม่ต้องส่งเสบียงทั้งหมดมา เพียงแค่จัดสรรมาบางส่วนเท่านั้นลดค่าขนส่งอีกทั้งได้สินค้าคุณภาพดีในราคายุติธรรม
"ยังมิรู้ผล เจ้าอย่าเพิ่งลำพองไปเลย" คุณชายรองโต้ทั้งที่แอบผวาในใจ เจ้าสี่่ลงเงินหนักครานี้เห็นท่าจะมั่นใจผลแพ้ชนะ หรือเขาต้องเสียเงินก้อนใหญ่ให้กับเจ้าสี่แล้ว
"อีกเดี๋ยวพวกเขาเข้ามาท่านก็จะรู้เอง" คุณชายสี่บอกด้วยสีหน้ากระหยิ่มยิ้มย่อง แบบผู้ที่ถือไพ่เหนือกว่า
คุณชายสามชะงักมือที่กำลังวาดแผนที่เขตแดนของแคว้นเป้าจื่อ ซึ่งเขาเคยเดินทางเข้าไปหลายครั้ง ด้วยความที่เป็นหมอฝีมือรักษาสูงส่ง ไม่ว่าไปดินแดนไหนก็มีแต่ผู้อ้าแขนรับ เขาเข้าไปหาสมุนไพรล้ำค่าซึ่งมักจะขึ้นบนภูเขาน้ำแข็งของแคว้นเป้าจื่อบ่อยครั้ง ชำนาญเส้นทาง รู้หลบหลีก หากจะหาผู้ใดที่เชี่ยวชาญภูมิศาสตร์ในแคว้นเป้าจื่อแล้ว คงมีเขาเฉินหย่งฝูนี่แหละเป็นอันดับหนึ่งในนั้น
"เจ้าเล่นไม่ซื่ออีกแล้วหรือน้องสี่?" คุณชายสามส่ายหัว ไม่ว่าพนันกี่ครั้งน้องสี่ต้องเล่นตุกติกทุกที
"ข้าเชื่อมั่นในความฉลาดของชิ่งเอ๋อร์ต่างหาก อย่างนางมีหรือจะใจเย็นรอให้พ้นข้ามคืน นางต้องเค้นคอท่านอ๋องรีดความจริงแน่"
หย่งชิ่งโกรธจนควันออกหู รีดความลับอันใดกัน นางต่างหากที่เป็นฝ่ายถูกจับไต๋ได้ เพราะความปากสว่างของพี่สี่เพียงผู้เดียว
"น่าตายนัก! ข้าต้องยินดีที่ได้รับความไว้เนื้อเชื่อใจจากท่านพี่สี่ถึงขนาดนั้น พวกท่านช่างเป็นพี่ชายที่ห่วงใยน้องสาวอย่างหาที่เปรียบมิได้"
ยังไม่ทันได้ตั้งตัวหย่งชิ่งพุ่งฝ่ามือซัดเข้าใส่คุณชายสี่เต็มแรง ร่างปราดเปรียวที่กึ่งนั่งกึ่งนอนเอกเขนกอยู่บนตั่งหลบพ้นได้หวุดหวิดกลิ้งตัวไปด้านข้าง แต่ตั่งบุผ้าไหมขาทั้งสี่ประดับมุกหรูหรากลับไม่รอดชีวิตแหลกเป็นผุยผงคามือหย่งชิ่งทันที
คุณชายสี่เบิกตากว้างสีหน้าตื่นตะหนกราวกับเห็นผี เขายกมือสองข้างขึ้นห้าม “ชิ่งเอ๋อร์ฟังข้าก่อน”
“ย้าก!”
ผัวะ!
เท้าคู่เล็กกระโดดถีบพี่ชายเต็มเปา ร่างคุณชายสี่กระเด็นออกไปนอกกระโจมโชคดีที่มีทหารด้านนอกช่วยรับแรงปะทะทำให้เขาไม่กระเด็นไปทำลายกระโจมอีกหลายหลัง นางยังคงไม่สาสมใจทะยานตามร่างคุณชายสี่ที่ลุกขึ้นรับมือน้องน้อยที่กำลังฉุนขาด หลายสิบกระบวนท่า จะทำร้ายน้องก็ไม่กล้า แต่รับมือเพียงอย่างเดียวก็ไม่ไหว หย่งชิ่งกะส่งเขาไปนอนพักหลายเดือนเพื่อมิให้มากวนใจนางในเร็ววันนี้
นายทหารหลายคนจะเข้าไปช่วยแยกทั้งคู่แต่ถูกเหวินหรงยกมือห้าม เขายืนเอามือไขว้หลังยืนนิ่งดวงตาพราวระยับแฝงความขบขันหลายส่วน ฝีมือคุณชายสี่เขาเคยเห็นมาบ้างแล้ว แต่ฝีมือของหย่งชิ่งเขายังสงสัยอยู่ ได้เห็นครานี้คงจะได้สิ้นสงสัย
“ชิ่งเอ๋อร์ ข้ามีเหตุผลนะ!” คุณชายสี่โยกตัวหลบหมัดหนักหน่วงที่สามารถทำเขาถึงตายได้ในไม่กี่หมัด แต่ก็ถูกไปหนึ่งหมัดจนได้ เขากระอักเลือดออกมาคำหนึ่ง
“ซ้อมก่อนถามทีหลัง!” หญิงสาวไม่เลิกราตามติดร่างที่พยายามใช้วิชาตัวเบาหนี มีหรือนางจะเสียรู้พี่สี่ เขามาไม้ไหนนางมิเคยลืม วิชาตัวเบาเขาก็เป็นผู้สั่งสอนให้ ศิษย์คิดล้างครูเป็นเช่นไร
นางจะแสดงให้เห็นบัดเดี๋ยวนี้
เหวินหรงหลับตาข้างหนึ่งอย่างทนดูไม่ได้ หากเปลี่ยนคุณชายสี่เป็นตัวเอง เขาคงมีสภาพไม่แตกต่างกันสักเท่าไรนัก
อย่าได้ริอ่านทำให้เฉินหย่งชิ่งโมโหเชียว!
คุณชายสี่โดนทั้งหมัดทั้งเท้าทั้งศอก เรียกได้ว่าโดนซ้อมแบบสิ้นท่าสะบักสะบอมไปทั้งตัว หย่งชิ่งเป่าลมใส่หมัดตัวเอง หมัดสุดท้ายนี้นางจะไม่ยอมให้พี่สี่ฟื้นมาอีกเลยภายในสามวัน นางง้างมือไปข้างหลัง
มือที่ง้างสุดแขนถูกจับไว้แน่น ชุดเกราะสะท้อนแยงตานาง หย่งชิ่งหันไปมองคนที่บังอาจทำลายหมัดพิฆาตของนาง
“พี่ใหญ่!”
คุณชายใหญ่สวมชุดเกราะ เหงื่อไหลซึมตามไรผมและหน้าผาก เหมือนเพิ่งออกแรงอย่างหนักมาหยกๆ หย่งชิ่งลดหมัดลง คุณชายสี่ใช้วิชาตัวเบาเหินลับหายไปในท้องนภา
“พวกท่านมาทำอะไรกันที่นี่?” พวกพี่ชายของนางอยู่ในค่ายครบทั้งสี่ ไม่ชอบมาพากลอย่างมาก
คุณชายใหญ่หันไปทางท่านแม่ทัพใหญ่ที่ยืนไม่รู้ร้อนหนาว
อู่เฉิงเชียนยื่นหน้ามาจากแผ่นหลังคุณชายใหญ่ เขาสวมเครื่องแบบนายทหารใหม่เช่นเดียวกับหย่งชิ่งแต่สภาพรุ่งริ่งสิ้นดี เนื้อตัวสกปรกราวกับเพิ่งไปนอนกลิ้งคลุกฝุ่นมาทั้งตัว ใบหน้าที่เคยสะอาดเกลี้ยงเกลาผิวอ่อนใสดุจผิวทารกบัดนี้เปื้อนฝุ่นโคลนบังเกิดรอยเขียวจ้ำหลายจุด เบ้าตาข้างหนึ่งเขียวช้ำ หย่งชิ่งกลั้นยิ้มสุดท้ายก็ระเบิดหัวเราะออกมา
“ฮ่าๆๆ ฮ่าๆๆ พี่เฉิงเชียนท่านไปทำอะไรมา”
อู่เฉิงเชียงกระโดดออกมาจากแผ่นหลังคุณชายใหญ่โผเข้าหาหย่งชิ่ง กอดคอนางร้องไห้กระซี้กระซิก หย่งชิ่งตกใจเล็กน้อย มีไม่กี่ครั้งที่นางถูกเฉิงเชียงกอดเช่นนี้ เขาเปรียบเสมือนพี่ชายคนหนึ่งของนาง เมื่อยามเขาถูกรังแกมีหรือนางจะนิ่งเฉยทำเป็นไม่รู้ไม่ชี้
“ท่านเป็นอะไรพี่เฉิงเชียน” หย่งชิ่งจับบ่าคุณชายอู่ออกห่าง เวลานี้นางตัวสูงเกือบเท่าเขาแล้ว มิต้องแหงนหน้าคุยกับเขาเหมือนเมื่อก่อน นางเหลือบมองไปทางพี่ใหญ่ที่ยืนทำหน้าไม่รู้ไม่ชี้ ตัวการที่ทำให้พี่เฉิงเชียนเสียน้ำตาแถมยังเจ็บเนื้อเจ็บตัวคงไม่แคล้วพี่ชายใหญ่ของนางเอง
อู่เฉิงเชียงตวัดสายตาเจ็บช้ำไปทางบุรุษผู้สวมชุดเกราะสง่างามด้านหลัง เขาถูกคุณชายใหญ่ เฉินหย่งเล่อ ข่มเหงรังแกครั้งแล้วครั้งเล่า แต่เพื่อหย่งชิ่งเขามิเคยปริปากบ่น ครานี้รู้ว่านางเข้ามาสืบข่าวในค่ายทหารมีแต่บุรุษ เขาจึงติดตามมาคุ้มครองนาง แต่ที่ไหนได้กลับถูกคุณชายใหญ่ลากไปฝึกทหารอันแสนโหดร้ายทารุณ
“หย่งชิ่งเจ้าต้องให้ความเป็นธรรมกับข้านะ คุณชายใหญ่ลากตัวข้าไปฝึกทหารโดยไม่ยินยอม บังคับขืนใจ ซ้อมข้าเสียกระดูกกระเดี้ยวแทบแหลกเหลว ราวกับข้าเป็นตุ๊กตาผ้าก็ไม่ปาน"
หย่งชิ่งเกาหัวไม่รู้จะทำอย่างไรดี กับผู้อื่นนางกลั่นแกล้งไล่ไปให้พ้นทางโดยง่าย แต่สำหรับพี่เฉิงเชียนเขาเป็นคู่หมั้นของนางตั้งแต่เล็กซ้ำยังเอ็นดูเป็นห่วงเป็นใยนางมาตลอด นางมิอาจตัดใจทำร้ายเขาได้ลงคอ สุดท้ายต้องหันไปห้ามคนของตัวเอง
“พี่ใหญ่ท่านหนักมือไปแล้ว รู้ทั้งรู้ว่าพี่เฉิงเชียนเป็นเพียงบัณฑิตไร้วรยุทธ์ ท่านปล่อยเขาไปเถิด”
"มานี่! เป็นชายชาติอาชาไนย ร้องไห้คร่ำครวญราวอิสตรี ไม่ละอายต่อข้าก็น่าจะละอายต่อใต้เท้าอู่บ้าง" คุณชายใหญ่ลากคอเสื้อคนที่กำลังครวญครางใส่บ่าของหย่งชิง โยนโครมลงไปนอนกองกับพื้น เฉิงเชียนบิดกายไปมาร้องโอดโอย น้ำตาไหลพราก
"พี่ใหญ่ไยท่านไม่รู้จักรักหยกถนอมบุปผาบ้าง" หย่งชิ่งจะเข้าไปช่วยประคองเฉิงเชียง แต่ถูกรั้งกายไว้เสียก่อน
เหวินหรงถูกคุณชายใหญ่ตัดหน้ากระชากตัวบุรุษรูปร่างอ้อนแอ้นผู้นั้นออกไป ก่อนที่เขาจะใช้เท้าเขี่ยกระเด็นจากตัวหย่งชิ่ง ใครจะทนดูนางแตะต้องชายอื่นได้ เขาประสานนิ้วยึดมือน้อยไว้แน่น นางดึงดันจะเข้าไปช่วยเฉิงเชียนแต่กลับสลัดเขาไม่หลุด
คุณชายใหญ่ถอนใจอย่างเหนื่อยหน่าย รักหยกถนอมบุปผาต้องใช้กับอิสตรี หาใช่บุรุษทั้งแท่งเช่นอู่เฉิงเชียน บุรุษหน้าสวยผู้นี้จะนับเป็นบุปผาได้อย่างไร
คุณชายใหญ่ลากคออู่เฉิงเชียนเข้าไปในกระโจม โยนปุไว้ที่มุมด้านในรับขวดยาจากคุณชายสามโยนให้คนที่นั่งหมดอาลัยตายอยาก กำชับเสียงแข็ง “เจ้าใส่ยาไป ห้ามออกจากกระโจมนี้เด็ดขาดก่อนข้าจะอนุญาต”
ทุกคนเข้ามาในกระโจมมีโต๊ะไม้มะเกลือสีดำตัวใหญ่อยู่ตรงกลาง พี่ใหญ่นั่งข้างพี่รอง ส่วนเหวินหรงนั่งหัวโต๊ะ
หย่งชิ่งยืนอยู่กลางกระโจมนัยน์ตาคมซึ้งมองพี่ชายทั้งสามสลับกันไปมา นางคิดว่าแผนนี้เป็นของพี่สี่ผู้เดียว แต่นางคิดผิด
แม้แต่พี่เฉิงเชียนยังกระโดดมาร่วมลุยน้ำขุ่นกับพวกนางด้วย
ถ้าหากเหวินหรงคิดจะลงโทษนาง หรือหากเมื่อคืนนี้นางตัดสินใจลงมือสังหารเขาจริงๆ พวกพี่ชายคงไม่แคล้วถูกอาญาติดร่างแหไปกับนาง
ไม่รู้ว่าเป็นเพราะพวกพี่ชายไว้ใจนาง เพราะเหวินหรงเป็นตัวโง่งม หรือเพราะนางไม่เอาไหน พวกพี่ชายถึงไม่สำเหนียกถึงอันตรายที่พวกเขาจะประสบพบพาน
หย่งชิ่งเข้าไปช่วยคุณชายอู่ใส่ยาด้วยความสงสาร พี่ใหญ่หนักมือไปแล้ว นางนึกเสียดายผิวพรรณนวลเนียนเกลี้ยงเกลา มือไม้ที่เคยจับเพียงพู่กันบัดนี้พองแตกหยาบกระด้าง ไม่รู้ว่าคุณชายอู่เข้ามาฝึกกับพี่ใหญ่ในค่ายนี้นานเท่าไรแล้ว สังเกตแต่ละคนดูคุ้นเคยกับเหวินหรงอยู่มาก
งานนี้นางถูกพวกพี่ชายต้มจนสุกแล้วสุกอีกกระมัง
หย่งชิ่งประคองคุณชายอู่ให้นอนพักผ่อนแล้วมานั่งข้างคุณชายสาม ซึ่งยังก้มหน้าก้มตาวาดแผนที่ท่าทางสบายใจ
"ข้ารอฟังคำอธิบายจากพวกท่านอยู่นะ" หย่งชิ่งเอ่ยทำลายความเงียบ
ทุกคนมองหน้ากันอย่างอึดอัดยกเว้นพี่สาม
"ไม่เกี่ยวกับข้า... ข้าสมัครใจมาเป็นกุนซือด้วยตัวเอง เรื่องทั้งหมดเจ้าสี่เป็นคนวางแผน พี่ใหญ่ไม่คัดค้าน พี่รองตั้งโต๊ะพนัน คุณชายอู่หึงเจ้าเลยตามมาด้วย ท่านพ่อกับท่านแม่ยังไม่รู้เรื่องราว" คุณชายสามเล่าได้ใจความทั้งหมด ด้วยการพูดไม่กี่ประโยค ทั้งที่ยังก้มหน้าวาดแผนที่ไม่หยุดมือ
คุณชายใหญ่ยิ้มแห้งให้น้องน้อยที่บัดนี้กำลังถกแขนเสื้อ แววตาเหมือนตอนที่กำลังซ้อมคุณชายสี่ไม่มีผิด พลางบอก "พวกเราเป็นห่วงเจ้า... ห่วงมากๆ"
"ถ้าเป็นห่วงข้าจริงก็สมควรเล่าเรื่องทั้งหมดให้ฟังตั้งแต่แรก" น้ำเสียงหย่งชิ่งเปี่ยมไปด้วยอารมณ์ขุ่นมัว
คุณชายสามวางพู่กันหันไปลูบหัวน้องน้อย หย่งชิ่งจึงเอนกายซบบ่าพี่ชายรู้สึกสบายใจขึ้น ดีจริงที่เรื่องนี้พี่สามไม่มีส่วนเกี่ยวข้อง การเอาเรื่องพี่สามคงทํานางลำบากใจมากพอดู
"พวกข้าไม่รู้ว่าเจ้าจดจำเรื่่องราวได้มากน้อยแค่ไหน เกรงว่าถ้าเล่าไปแล้วจะเป็นการลากเจ้ากลับไปสู่อดีตที่ไม่น่าจดจำอีก จึงรอดูทีท่าของเจ้าก่อน" คุณชายใหญ่พยายามอธิบาย สิ่งที่พวกเขาทำไปเพื่อหย่งชิ่่งทั้งสิ้น จักทำสิ่งใดคิดถึงจิตใจนาง ขยับแต่ละก้าวคิดถึงความปลอดภัยของนาง ท่านแม่ทัพใหญ่รับปากพวกเขาแล้วว่าจะไม่ทำร้ายหย่งชิ่งแม้แต่ปลายเส้นผม พวกเขาจึงวางใจปล่อยให้น้องน้อยสืบเรื่องราวต่อไป
"เจ้าต่างหากที่ไม่ยอมเปิดปากถามตั้งแต่ทีแรก" คุณชายรองบอกเสียงอ่อย มิกล้าขึ้นเสียงเพราะตัวอย่างมีให้เห็น เจ้าสี่ถูกซ้อมหนีเตลิดไปก่อนไม่ต้องอยู่รับหน้าแต่อาการคงสาหัสมิน้อย
หย่งชิ่งขมวดคิ้ว พวกพี่ชายทำลงไปทั้งหมดก็เพื่อนางจริงๆ ต่างฝ่ายต่างปกป้องจนมิกล้าเอ่ยปาก
อา... นางซ้อมพี่สี่ก่อนจะได้รู้ความจริง
กำไรแล้ว!
"ข้าไม่ต้องการให้ผู้อื่น..." หย่งชิ่งเหลือบไปมองต้นเหตุของเรื่องราวทั้งหมด
"เข้าใจผิดเรื่องของข้า หากเจ้าบอกทุกคนไปตอนนั้น ถ้าเกิดข้าเป็นคนร้ายตัวจริง เจ้ากลัวว่าข้าจะต้องได้รับโทษทัณฑ์ถูกหรือไม่?"
เหวินหรงตอบแทนนาง เขาเพิ่งเข้าใจตอนนี้เองว่าเหตุใดหย่งชิ่งจึงเก็บเรื่องเงียบไว้ตลอดแปดปี ไม่แพร่งพรายให้แม้กระทั่งคนในครอบครัวได้รับรู้ นางเก็บความลับ ความช้ำ ความหวาดกลัวไว้ในใจเพียงผู้เดียว เผชิญหน้ากับความรู้สึกถูกหักหลัง หวาดระแวงไม่อาจวางใจผู้อื่นได้อีก
“แล้วท่านจะรับผิดชอบเรื่องนี้อย่างไรท่านแม่ทัพใหญ่” คุณชายใหญ่เลิกคิ้วใส่เหวินหรง
คุณชายอู่รับรู้ถึงความไม่ปกติในน้ำเสียงของคุณชายใหญ่ เขาลุกขึ้นยืนหันไปมองท่านแม่ทัพใหญ่แล้วก้มมองตัวเอง พลันเกิดความรู้สึกอดสูอับอาย เขาไม่มีอะไรเทียบกับท่านแม่ทัพใหญ่ได้เลย แววตาของท่านแม่ทัพใหญ่ที่มองหย่งชิ่งแฝงความหมายชัดเจนว่ารู้สึกอย่างไรกับนาง เขาคงไร้วาสนาที่จะได้ครองคู่กับหย่งชิ่ง
“หลังจบศึกครานี้ข้าจะไปสู่ขอหย่งชิ่งกับอาหญิงและท่านประมุข” เหวินหรงบอกความตั้งใจที่เกิดขึ้นเมื่อแปดปีที่แล้ว และบัดนี้มันไม่เคยแปรเปลี่ยนไปเลย
เฉินหย่งชิ่งกะพริบตาปริบๆ ไม่มีเสียงผู้ใดเอ่ยคัดค้าน แม้แต่พี่เฉิงเชียน แน่ล่ะในเมื่อบัดนี้ทั้งเมืองเหอเสี่ยงหามีผู้ใดหาญกล้ามาสู่ขอนางกับท่านพ่อสักคน พวกพี่ทั้งสามคงมิกล้าปริปากมิเช่นนั้นคงต้องเลี้ยงดูนางไปจนเส้นผมขาวโพลน
"ท่านจะไม่ถามข้าสักคำเชียวหรือ"
เหวินหรงหรี่ตา เขาไม่ชอบให้ผู้อื่นขัดใจ ครานี้ดูเหมือนต้องยกเว้น "เจ้าคิดว่าอย่างไร?"
"ไม่จำเป็น" หย่งชิ่งตอบสั้นๆ
อู่เฉิงเชียนปรบมือสีหน้ายินดีปรีดา คุณชายใหญ่หันขวับไปมองดวงตาเปี่ยมรังสีเข่นฆ่า เขาหน้าเผือดสีหมุนตัวหันหน้าเข้าหากระโจมก้มหน้างุดเนื้อตัวสั่นเทา
"เพราะเหตุใด?" เหวินหรงสีหน้าไม่เปลี่ยน
ในภพนี้นางเพิ่งอายุสิบแปดเองนะ นางยังมิได้ออกท่องโลกกว้าง ยังไม่ได้ประมือกับจอมยุทธ์ทั้งหลาย แล้วนางกลับต้องมาแต่งงานอยู่กับเหย้าเฝ้ากับเรือน คอยดูเขาไปออกรบ เฝ้ารอให้เขากลับมาอย่างปลอดภัยอย่างอกสั่นขวัญแขวนไปตลอดอายุขัย นางไม่ขอทน
"ข้ายังไม่อยากแต่งงาน" นางตอบแบบกำปั้นทุบดิน แต่ทำให้ใครบางคน ดวงตาลุกวาบ
ความหวังเรืองรองเปล่งประกายจากดวงตาของอู่เฉิงเชียง หรือหย่งชิ่งยังมีใจให้เขาอยู่
"ไม่แต่งตอนนี้ใช่วันหน้าจะไม่แต่ง เพียงเจ้าไม่รังเกียจข้าก็เพียงพอแล้ว" เหวินหรงกล่าวด้วยทีท่ามั่นใจ นัยน์ตาเหยี่ยวจับจ้องกลีบปากของนาง ย้ำเตือนบางอย่างที่ทำให้ใบหน้าของนางร้อนผ่าว
คุณชายรองลุกขึ้นตบโต๊ะใบหน้าไม่พอใจหลายส่วน หย่งชิ่งแต่งกับท่านแม่ทัพใหญ่มีแต่ได้ไม่มีเสีย เหตุใดน้องรักจึงเบาปัญญาปล่อยปลาตัวใหญ่หลุดมือไปเล่า ไม่สมกับที่เขาเฝ้าเคี่ยวกรำนางมากับมือเอาเสียเลย
"ไม่ได้นะชิ่งเอ๋อร์ เจ้าค้างคืนในกระโจมท่านแม่ทัพใหญ่ถือว่าเสื่อมเสียไปแล้ว อย่างไรก็ต้องแต่งกับเขา”
หย่งชิ่งตวัดดวงตาเย็นชาเอาเรื่องไปทางคนพูด นางยังไม่ได้สะสางกับพี่รองและพี่ใหญ่ แต่พี่รองกลับหาเรื่องใส่ตัวโดยแท้
“พี่รองท่านเป็นบุรุษคร่ำครึไปตั้งแต่เมื่อไรกัน ข้าเป็นชาวยุทธ์ไม่ถือสาเรื่องหยุมหยิมเช่นนี้ ดูอย่างพี่สี่ค้างในหอคณิกาเกือบทุกคืนไม่เห็นต้องรับผิดชอบสตรีแม้แต่คนเดียว อีกทั้งท่านพูดเช่นนี้เท่ากับไม่เชื่อในเกียรติของข้า หลู่เกียรติของท่านแม่ทัพใหญ่ จะต้องโทษลบหลู่เบื้องสูงเอาได้”
คุณชายสามกำพู่กันที่สั่นระริกในมือแน่น เขากลั้นหัวเราะตัวโยน พี่รองเจอดีเข้าแล้ว หย่งชิ่งมิได้มีดีเพียงแค่สติปัญญา อีกทั้งฝีปากที่ลับกับเจ้าสี่มาเสียคมกริบ พี่รองหรือจะใช่คู่มือของนาง นางก็สุดแสนจะก๋ากั่นไปบังอาจเปรียบเทียบกับเจ้าสี่ที่ค้างคืนในหอคณิกาเป็นว่าเล่น แม้แต่พี่ใหญ่ยังมุมปากกระตุก จะยิ้มก็ไม่กล้าเกรงจะหาพวกไม่ได้ เจ้าสี่หายเข้ากลีบเมฆไปแล้วเหลือเพียงพี่รองที่ยังพอช่วยกันต้านหย่งชิ่ง
“ข้ายังไม่มั่นใจในเกียรติของข้าเรื่องนี้เหมือนกัน” เหวินหรงเอ่ยให้ท้ายคุณชายรอง แต่ยังคงสีหน้าเฉยชาไว้ดังเดิม
อิสตรีทั่วทั้งเมืองหลวงอยากแต่งงานกับเขา แต่หญิงสาวที่แต่งกายเป็นบุรุษซ้ำยังหล่อเหลาแทบลืมหายใจ กลับปฏิเสธอย่างไม่เสียเวลาคิดเลยแม้แต่น้อย นางมักจะสร้างความประหลาดใจให้เขาอยู่เสมอ ห่างไกลคำว่าน่าเบื่อมากเลยทีเดียว
"ท่าน... ท่าน... ฮึ่ย!" หย่งชิ่งกำหมัดแน่น นางอุตส่าห์มอบทางหนีทีไล่ให้แก่เขา กลับถูกหักหลังป่นปี้ ท่านแม่ทัพใหญ่โง่งมผู้นี้ ปราบข้าศึกชนะศัตรูชื่อเสียงสะท้านสะเทือนทั่วหล้า มีตรงไหนน่าเชื่อกัน
บรรดาพี่ชายลอบถอนหายใจอย่างโล่งอก หย่งชิ่งไม่ยินดีแต่งงาน แสดงว่านางหาได้ชื่นชอบในตัวท่านแม่ทัพใหญ่สักเท่าไรนัก ท่านแม่ทัพใหญ่ผู้นี้ปราบหย่งชิ่งเสียอยู่หมัด ถึงจะแต่งงานกันไปนางคงมีเพียงความเกรงใจหาใช่ความรักความชื่นชมดังเช่นสามีภรรยาทั่วไป ไม่มีใครสามารถแย่งความรักของนางที่มีต่อพี่ชายที่แสนดีอย่างพวกเขาไปได้
"เรื่องนี้ข้าขอตกลงกับหย่งชิ่ง ตามลำพังน่าจะเป็นการดีกว่า เปลี่ยนมาประชุมเรื่องที่เราจะเดินทางไปเผ่าหูหลาง" เหวินหรงเปลี่ยนเรื่อง
บรรยากาศเป็นงานเป็นการบังเกิดขึ้นทันใด
"การเดินทางนี้ครั้งนี้ อาจถูกซุ่มโจมตีจากแคว้นเป้าจื่อ ข้าจึงต้องการให้ท่านกุนซือชี้แนะเส้นทางเพื่อระมัดระวังการดักซุ่มโจมตีอีกทั้งหาทางหนีทีไล่ “
"ข้าได้เตรียมเส้นทางไว้หมดแล้ว ท่านแม่ทัพใหญ่โปรดวางใจ เส้นทางไปเผ่าหูหลางโดยรอบเป็นที่ราบ ไม่สามารถซุ่มโจมตีได้ จะมีก็แค่ช่วงก่อนถึงเผ่าหูหลางซึ่งเป็นป่าทึบระหว่างหุบเขา การที่แคว้นเป้าจื่่อจะนำกองกำลังมาดักซุ่มโจมตีโอกาสช่างน้อยนิด แต่ก็ใช่ว่าจะไม่มีเลย กันไว้ดีกว่าแก้ รอบคอบไว้ก่อนพึงดี"
สมแล้วที่เป็นพี่สาม ในช่วงที่นางหายไปพี่สามเดินทางตามหานางไปทั่วทุกแว่นแคว้น เขาเชี่ยวชาญเรื่องเส้นทางและการวาดแผนที่ สติปัญญาเฉลียวฉลาดกว่าพี่น้องทุกคน การเข้าสอบเป็นขุนนางง่ายเหมือนพลิกฝ่ามือ แต่เขาไม่ปรารถนายศฐาบรรดาศักดิ์ใดๆ
"ข้าคงต้องให้ท่านกุนซือไปกับขบวนเยือนเผ่าหูหลางในครั้งนี้ด้วย"
"น้อมรับคำบัญชา" คุณชายสามประสานมือรับคำบัญชา
เหวินหรงหันไปทางคุณชายใหญ่ พี่น้องตระกูลเฉินรับอาสาเข้ามาช่วยศึกครั้งนี้ คุณชายใหญ่รับหน้าที่ฝึกทหารใหม่ซึ่งเป็นชาวเมืองเหอเสี่ยง เนื่องจากเป็นชาวเหอเสี่ยงด้วยกัน ซ้ำชื่อเสียงและฝีมือของคุณชายใหญ่แห่งพรรควิหคเพลิงย่อมเป็นที่ยอมรับของทุกคน เวลาเพียงหนึ่งเดือนที่เหลืออยู่จึงกลายเป็นหนึ่งเดือนที่มีค่าอย่างยิ่ง
"คุณชายใหญ่ ข้าคงต้องฝากเหล่าทหารใหม่ไว้ในมือท่านแล้ว"
"ท่านไม่ต้องกังวลเป็นหน้าที่ของข้าอยู่แล้ว เมื่อข้าอาสามารับใช้กองทัพ ข้าก็ต้องทำหน้าที่อย่างเต็มกำลัง"
"ข้าต้องขอบคุณพวกท่าน ที่ช่วยมาเป็นกำลังสำคัญให้กองทัพในเวลานี้ ศึกนี้ใหญ่หลวงนัก เรามิใช่ต้องรับมือแคว้นเป้าจื่อเพียงแคว้นเดียวยังมีชนกลุ่มน้อยและอาจมีกองทัพที่พวกเราคาดไม่ถึงอีกด้วย"
"ถ้าเช่นนั้นกำลังทหารในมือเพลานี้อาจไม่เพียงพอ" กุนซือคนใหม่เริ่มคำนวณกำลังทหารในมือ
กำลังทหารทั้งหมดยี่สิบห้าหมื่นนาย สามารถออกรบได้จริงยี่สิบสามหมื่นนาย นอกนั้นเป็นทำเบียนชื่อลวง ส่วนหนึ่งหนีทหาร ผู้สูงอายุ คนเจ็บ ส่วนของทหารแรงงานมิเคยจับอาวุธทำครัวหรือหน้าที่ซักล้างดูแลค่าย
"จำนวนเหลื่อมล้ำกันเล็กน้อยมิใช่ปัญหา อยู่ที่ขวัญและกำลังใจของกองทัพต่างหากที่สำคัญ เวลานี้ได้คนมีฝีมือเช่นพวกท่าน ข้าก็เบาใจไปส่วนหนึ่ง ที่ข้าเดินทางไปขอกำลังจากเผ่าหูหลาง มิใช่เพราะกลัวพ่ายศึก แต่ข้าไม่อยากให้เกิดการสูญเสียเลือดเนื้อ ของชนเผ่ากลุ่มน้อยบางกลุ่มที่ถูกบังคับให้มาร่วมรบด้วย เผ่าหูหลางเป็นชนกลุ่มน้อยที่ใหญ่ที่สุดในดินแดนเหนือ หากมีเผ่าหูหลางอยู่ข้างเรา เป็นการเปิดโอกาสให้ชนเผ่ากลุ่มน้อยเข้ามาสวามิภักดิ์กับแคว้นหู่"
"แต่เผ่าหูหลางสวามิภักดิ์ต่อแคว้นหู่มาหลายปีแล้ว เหตุใดชนกลุ่มน้อยพวกนั้นจึงไม่เชื่อถือ" คุณชายใหญ่ถามด้วยความกังขา
"เหตุเพราะนอกจากถวายบรรณาการทุกปีแล้ว ยังไม่มีสิ่งใดมายืนยันว่าเผ่าหูหลางสวามิภักดิ์ทั้งกายใจ มิใช่แสร้งเล่นละครตบตา ครานี้เป็นการพิสูจน์อย่างแท้จริง"
คุณชายใหญ่พยักหน้ารับ
"ข้าขออยู่ช่วยพี่ใหญ่ที่นี่แล้วกัน" หย่งชิ่งเผยยิ้มซุกซน นางวาดแผนไว้ในใจหลายสิ่ง ทั้งเรื่องล้างแค้นพี่ใหญ่และพี่รอง โจมตีพี่สี่ หากไปกับเหวินหรงนางก็เป็นได้แค่ข้ารับใช้กระดุกกระดิกไปไหนไม่ได้ น่าเบื่อแย่
"เจ้าต้องไปกับข้าด้วย ข้ารับใช้ส่วนตัวจะอยู่ห่างเจ้านายได้อย่างไร" ผู้เป็นนายสั่งด้วยน้ำเสียงเด็ดขาดหนักแน่น ผิดกับดวงตาที่ไหวระริกราวกับดวงดาวบนท้องฟ้า
"แต่ว่า..."
"ชิ่งเอ๋อร์เจ้าไปกับข้า หากอยู่ที่นี่อาจถูกพี่ใหญ่พี่รองเจ้าสี่กลั่นแกล้งอีก ข้าอดเป็นห่วงเจ้าไม่ได้”
หย่งชิ่งกอดแขนพี่สาม พี่ชายผู้เปรียบเสมือนสายลมวสันต์อันอบอุ่นของนาง ดวงหน้าน้อยๆ ถูกับต้นแขนพี่ชายอย่างออดอ้อนยิ้มน้อยยิ้มใหญ่ คุณชายสามลูบศีรษะน้องน้อยเบามือ ดวงหน้าหล่อเหลาละมุนละไมคลี่ยิ้มอ่อนโยน "ไม่มีพี่ชายคนไหน ดีกับข้าเท่าพี่สามอีกแล้ว ก็ได้ข้าจะเดินทางไปกับท่าน"
บุรุษที่เหลือในกระโจมต่างมองคุณชายสามด้วยความอิจฉา หย่งชิ่งเมื่อโตแล้วเวลาปกติไม่ยอมพึ่งพาผู้ใด ทระนงเก่งกาจสามารถ มีเพียงไม่กี่ครั้งที่จะออดอ้อนน่ารักเช่นนี้
“อ้อข้านำสิ่งนี้มาให้เจ้าด้วย” คุณชายสามหยิบของสิ่งหนึ่งที่วางไว้ข้างกายขึ้นมาให้หย่งชิ่ง
“เฮยหลงเทียน!” หย่งชิ่งกอดกระบี่สีดำคู่กายอย่างยินดี “ขอบคุณพี่สามมาก เดินทางครานี้ข้าอุ่นใจนัก” นางหอมแก้มพี่ชายฟอดใหญ่อย่างไม่เกรงสายตาผู้ใด
คุณชายสามรู้สึกเหมือนผิวหนังกำลังจะมอดไหม้ด้วยสายตาแผดเผาริษยาของบุรุษรอบกาย เขาหาสนใจไม่กลับกอดน้องน้อยลูบหน้าลูบตาด้ยความอิ่มเอมใจ
ทำร้ายทำลายเขาไม่ว่า แต่ห้ามทำร้ายน้องน้อยชิ่งเอ๋อร์เป็นอันขาด!
ค่ำแล้วอากาศเหน็บหนาวยิ่งถึงแม้ยังอยู่ในวสันตฤดูก็ตาม หย่งชิ่งและพี่ชายทั้งสี่ออกมาล่าสัตว์ตั้งแต่บ่าย แบ่งปันสัตว์ที่ล่าได้ให้ส่วนเสบียงไปเกือบทั้งหมดเหลือไว้สำหรับเป็นอาหารค่ำเพียงเล็กน้อย
พี่น้องตระกูลเฉินออกมานอกค่ายทหาร นั่งล้อมรอบกองไฟร่ำสุราเจรจาพาทีประสาพี่น้องก่อนจะต้องแยกจากไปทำหน้าที่ของตน
คุณชายใหญ่กำลังยืนดื่มสุราที่ริมแม่น้ำสายตาทอดยาวไปไกล แสงจันทรางามสะท้อนจากผืนฟ้าฉาบบนท้องน้ำระยิบระยับจับตา ในป่าเงียบสงบมีเสียงจิ้งหรีดครวญขับขานดังไปทั่วป่า เสียงนกกลางคืนกรีดร้องวังเวง แต่เขากลับอุ่นใจปราศจากความกลัวอย่างสิ้นเชิง
คุณชายรองเพิ่งหอบฟืนกองใหญ่มาจากในป่านั่งลงหน้ากองไฟ รับไหสุราที่คุณชายสามโยนให้มาดื่มคลายหนาว
คุณชายสามกำลังย่างเนื้อกระต่ายส่งกลิ่นหอมชวนน้ำลายหกไปทั่วบริเวณ ใบหน้าอ่อนโยนอมยิ้มเล็กน้อย กระต่ายย่างตัวนี้สำหรับหย่งชิ่งคนเดียวเท่านั้น ยามที่เขาได้ทำอะไรให้น้องน้อยมันช่างเป็นความสุขใจเหลือจะกล่าว
"อูย... ชิ่งเอ๋อร์ เจ้าใช้มือหรือเท้าทายากันแน่" คุณชายสี่ร้องโอดโอยเกินจริง ใบหน้างดงามปานล่มบ้านล่มเมืองบัดนี้เกิดรอยช้ำหลายจ้ำ บูดเบี้ยวแสร้งทำท่าเจ็บปวด
"ท่านต่างหากเป็นบุรุษหรืออิสตรีกันแน่ ร้องโอดโอยน่ารำคาญจริง แผลแค่นี้ไกลหัวใจ ข้าอุตส่าห์ยั้งมือไว้ไมตรีแล้วจะเจ็บอะไรนักหนา" หย่งชิ่งยังกดน้ำหนักบนแผลฟกช้ำบนใบหน้าพี่ชายเหมือนดั่งแกล้ง
"ยั้งมือไว้ไมตรี เจ้าช่างกล้าพูดมาได้ ไหนบอกว่าแค่เล่นละครตบตาท่านแม่ทัพใหญ่ ให้เขาเข็ดขยาดไม่กล้าเข้าใกล้เจ้า เล่นละครแล้วไยข้าจึงเจ็บระบมไปทั้งเนื้อทั้งตัวแบบนี้"
หย่งชิ่งหน้าตูม คิดแล้วเสียอารมณ์ แม่ทัพใหญ่ผู้นั้นหน้าหนาเต็มทน ปฏิเสธก็ไม่ได้ไล่ก็ไม่ไป อุตส่าห์ไล่ซ้อมพี่สี่แทบเป็นแทบตายกลับเป็นเป็นเรื่องธรรมดาสามัญที่เขาไม่ใส่ใจ
"ใครจะคิดว่านอกจากไม่กลัวแล้ว เขายังจะหิ้วข้าไปเผ่าหูหลางด้วยอีกต่างหาก"
"จะว่าไป ท่านแม่ทัพใหญ่เป็นพวกชอบของแปลกกระมัง บุตรีลูกขุนนางบรรดาศักดิ์ใหญ่โตล้วนหน้าตาพริ้มเพรา กิริยาชดช้อยงดงามในเมืองหลวงมีให้เลือกดาษดา กลับมาสนใจหญิงก็ไม่ใช่ชายก็ไม่เชิงเช่นเจ้า โอ๊ย!"
คุณชายสี่ร้องเสียงดัง จนสัตว์ป่าในละแวกนั้นแตกตื่นเสียงฝีเท้าสัตว์วิ่งหนีกันอลหม่าน
หย่งชิ่งซัดหมัดใส่แผ่นอกขาวผ่องที่มีปื้นสีเขียววงใหญ่สุดแรง
คุณชายสี่หงายหลังตึงไปนอนตัวขดตัวงอบนพื้นอ่อนนุ่มที่ปกคลุมด้วยใบไม้ทับถมมานานปี เขาร้องครางสีหน้าดูทรมาน พานคนแกล้งใจหายไปด้วย
หญิงสาวช่วยประคองพี่ชายลุกนั่ง ถามด้วยน้ำเสียงเป็นห่วงเป็นใย ดวงหน้างามซึ้งแสดงความรู้สึกสำนึกผิดออกมา
"พี่สี่ท่านเจ็บจริงหรือนี่ ข้าคิดว่าท่านแกล้งเจ็บ ข้าขอโทษนะ ขอโทษจริงๆ" หย่งชิ่งก้มหัวปลกๆ เป็นการขอโทษ ครานี้นางเลิกแกล้งพี่สี่ แล้วช่วยใส่ยาอย่างเบามือ นึกเสียใจนิดๆ ที่แกล้งพี่ชายหนักมือไปหน่อย
"เจ็บตรงนี้ด้วย" คุณชายสี่ชี้ไปตามจุดต่างๆ ของร่างกาย ในใจยิ้มกริ่มเขามิได้เดินลมปราณต้านหมัดเท้าของน้องน้อย ไม่เช่นนั้นมีหรือพลังหมัดไร้ซึ่งลมปราณของนางจะทำอะไรจอมยุทธ์อย่างเขาได้
"เจ้าสี่ครั้งที่เจ้าไปหาเรื่องพรรคภูผาแดง เจ้าถูกกระบี่เสียบมาตั้งหลายแผลกลับไม่ปริปากร้องสักครึ่งคำ แค่ถูกชิ่งเอ๋อร์ซ้อมเท่านี้กลับร้องเป็นสุกรถูกเชือด" คุณชายรองค่อนขอดน้องชายด้วยความหมั่นไส้ ดูก็รู้ว่าหย่งชิ่งมิได้ใช้ลมปราณ ลงมือแต่พอดี ส่วนเจ้าสี่ก็กระโดดถอยหลังเล็กน้อยช่วยผ่อนแรงหมัดที่จะเหวี่ยงเข้ามา แต่ยังกล้าสำออย นิสัยจอมมารยาโดยแท้
"ฮ่าๆๆ ฮ่าๆๆ พี่รองท่านพูดได้เห็นภาพเลย แต่ข้าก็แกล้งพี่สี่หนักมือ สมควรแล้วที่ต้องดูแลเขา"
หย่งชิ่งก้มหน้าก้มตาทายาให้พี่สี่อย่างจริงจัง นางใส่ยาให้พี่สี่เสร็จแล้ว เขารวบสาบเสื้อเข้าที่ตัวสั่นน้อยๆ จากอากาศเย็นยามค่ำคืน นางจึงแบ่งผ้าคลุมไหล่ให้กับเขา
สองพี่น้องซุกอยู่ใต้ผ้าผืนเดียวกัน กลิ่นกายพี่สี่หอมฟุ้งราวกับอัดแน่นด้วยหมู่มวลไม้หอมนานาพรรณ พี่สี่ฝึกวิชาพิษตั้งแต่เด็ก ต้องดื่มพิษสารพัดทั้งเจ็บปวดและทรมานเป็นที่สุด ยิ่งพิษแรงเท่าไรยิ่งขับกลิ่นหอมออกมาจากเรือนกายมากเท่านั้น พี่สี่จึงไม่ยอมให้นางฝึกวิชาพิษเพียงแต่สอนวิชาการใช้พิษและปรุงพิษที่สามารถสัมผัสแตะต้องได้โดยไม่อันตราย
คุณชายสามยื่นเนื้อกระต่ายย่างที่สุกหอมน่ากินให้น้องสาว หย่งชิ่งแบ่งเนื้อบางส่วนมาแล้วส่งคืนให้คุณชายสาม ดึงเนื้อใส่ปากคุณชายสี่คำหนึ่ง นางคำหนึ่ง แบ่งสุราในไหจิบกันคนละอึกสองอึก เพิ่มรสชาติเนื้อกระต่ายให้อร่อยล้ำยิ่งขึ้น
"ข้าต้องเดินทางไปหลายวัน ฝากพี่สี่ดูแลพี่เฉิงเชียนด้วยนะ"
"เจ้ากลัวเขาจะคิดสั้นฆ่าตัวตายหรือไร ถ้าเช่นนั้นเจ้ายอมแต่งงานกับคุณชายอู่ก็หมดเรื่อง" คุณชายสี่กล่าวยิ้มๆ ว่าไปแล้วแต่งงานกับคุณชายอู่ก็ดีเหมือนกัน หย่งชิ่งจะได้อยู่ในเหอเสี่ยงไม่ต้องย้ายตามผู้อื่นกลับเมืองหลวง ซ้ำเขายังสามารถชี้นิ้วสั่งคุณชายอู่โดยง่าย จะพาน้องน้อยไปเที่ยวเตร่ที่ไหนก็ได้ตามอำเภอใจ
คุณชายอู่มีประโยชน์ไม่น้อยจริงๆ
หย่งชิ่่งส่ายหน้าเร็วๆ
"ข้าไม่ยอมแต่งงานกับผู้ชายที่อ่อนแอกว่าข้าเด็ดขาด แค่นึกภาพว่าข้าต้องหาบน้ำ ผ่าฟืน ล่าสัตว์ มองพี่เฉิงเชียนทำกับข้าวในครัว ปักชุนเสื้อผ้า ข้าก็อยากเตลิดหนีไปไกลแล้ว ข้ากลัวพี่ใหญ่รังแกพี่เฉิงเชียนมากกว่า พี่ใหญ่เกลียดคนอ่อนแอเป็นที่สุด ข้าสงสารเขากลัวจะตายคามือพี่ใหญ่เสียก่อน"
พวกพี่ชายพากันอมยิ้มเมื่อคิดภาพตามที่หย่งชิ่งกล่าว หย่งชิ่งถูกเลี้ยงดูราวกับไข่ในหิน มีพวกเขาคอยปกป้อง มีบิดามารดาเลี้ยงดูด้วยความรัก แต่นางไม่เคยอ่อนแอเลยสักครั้ง กลับเข้มแข็งกล้าหาญไม่แพ้บุรุษอกสามศอก ความคิดของนางยิ่งแปลกแตกต่างจากสตรีสามัญทั่วไป นางงามพร้อมด้วยรูปลักษณ์ สติปัญญา ฐานะเป็นหนึ่งในใต้หล้าแทบไม่อาจหาผู้ใดมาเสมอเหมือน แต่หาได้ใส่ใจการออกเรือนไขว่คว้าหาบุรุษสักคนเป็นคู่ชีวิต กลับชอบท่องเที่ยวไปทั่วหล้า วาดรูปสถานที่ต่างๆ ช่วยเหลือผู้ตกทุกข์ได้ยาก
พวกเขารักหย่งชิ่งเสียจนไม่อาจมีสายตาแลหญิงงามผู้ใด ไม่มีผู้ใดงามเท่าหย่งชิ่ง ไม่มีผู้ใดเฉลียวฉลาดน่ารักเท่าหย่งชิ่ง ไม่มีผู้ใดทำให้พวกเขาสุขใจได้เท่าหย่งชิ่ง หากน้องน้อยแต่งงานออกเรือนไป คนที่ต้องร้องไห้น้ำตาเป็นเผาเต่าคงไม่พ้นพี่ชายทั้งสี่
“ถ้าเช่นนั้นเจ้าคงหนีไม่พ้นท่านแม่ทัพใหญ่แล้วล่ะ” คุณชายสี่เบะปากรู้สึกไม่ถูกใจหลายอย่าง
"เจ้ามัวแต่ห่วงผู้อื่น หัดเป็นห่วงตัวเองเสียบ้าง เดินทางครานี้อันตรายรอบด้าน ถึงแม้เจ้าจะมีวิทยายุทธ์และวิชาตัวเบาล้ำเลิศแต่ไม่อาจประมาทได้ สิ่งหนึ่งที่เจ้าไม่ควรลืมคือองค์หญิงเจ็ดเป็นชายาเอกของท่านอ๋องเผ่าหูหลาง แผนลอบสังหารพวกเจ้าเมื่อแปดปีก่อนองค์หญิงเจ็ดอาจจะมีส่วนร่วมไม่น้อย"
คุณชายใหญ่เดินเข้ามาสมทบหน้ากองไฟทรุดตัวนั่งข้างหย่งชิ่ง เล่าเรื่องเก่าก็เหมือนรื้อฟื้นความเจ็บปวดในครานั้นขึ้นมาอีก นับจากนั้นพวกเขาไม่เคยให้หย่งชิ่งห่างสายตาแม้เพียงก้าวเดียว นางไปทำงานต่างเมืองก็จะมีพี่คนใดคนหนึ่งแอบติดตามไปด้วยเสมอ ไม่มีสิ่งใดที่นางรู้แล้วพวกเขาไม่รู้ พวกเขาสาบานร่วมกันแล้วว่าจะไม่ยอมให้อันตรายใดๆ มากล้ำกลายน้องน้อยเป็นอันขาด
เจ้าสี่ถึงกับยอมเสียหมาผิดสัญญาเพื่อความปลอดภัยของหย่งชิ่ง ลำพังเจ้าสี่เพียงผู้เดียวมิอาจสู้ทหารเรือนหมื่น ทางเดียวที่สามารถรับประกันความปลอดภัยของน้องน้อย คือการยอมเข้าเป็นพวกเดียวกับแม่ทัพใหญ่อ๋องหรงซ่าน
แต่นางห่วงพวกพี่ชายก็พอแล้วนี่ เหตุใดหย่งชิ่งต้องเป็นห่วงอู่เฉิงเชียนถึงเพียงนั้น เขาต้องการฝึกปรือคุณชายอู่ให้เป็นบุรุษที่เข้มแข็งองอาจ สามารถสู้หน้าผู้อื่นได้ อีกไม่นานน่าจะประสบความสำเร็จแล้ว ในภายหน้าคุณชายอู่ต้องขอบคุณในความมีน้ำใจของเขาเป็นแน่
หย่งชิ่งพิงศีรษะกับต้นแขนคุณชายสี่หลับตาถอนหายใจเฮือกใหญ่
"พี่ใหญ่ ข้าไม่รู้ด้วยซ้ำว่าได้กระทำล่วงเกินองค์หญิงเจ็ดตั้งแต่เมื่อใด คิดเท่าไรก็คิดไม่ออก บัดนี้เวลาล่วงเลยผ่านมานานแล้ว นางคงไม่ผูกใจเจ็บมาจนวันนี้กระมัง"
คุณชายสี่หัวเราะในลำคอ ใจคออิสตรียากแท้หยั่งถึง พลิกตำราร้อยแปดสารพันหยั่งรู้ดินฟ้ายังไร้ประโยชน์
"เวลานั้น ข่าวการตายของเจ้าแพร่สะพัดไปทั่วเมืองหลวง นางคิดว่าเจ้าตายแล้ว คงไม่มีสิ่งใดน่าเป็นห่วง แต่พี่สามนี่สิ ข้าพอรู้มาว่านางหลงรักพี่สามหัวปักหัวปำ ถ้าได้พบหน้าท่านอีกครั้งพิษรักจะไม่กำเริบเชียวหรือ" คุณชายสี่กล่าวเป็นจริงเป็นจังกับคุณชายสาม
"ข้ารับมือได้ หย่งชิ่งจะปลอดภัย ข้ารับรองด้วยชีวิตของข้าเอง" คุณชายสามลุกขึ้นประกาศแล้วมองตาพี่น้องทุกคนที่นั่งอยู่โดยรอบ
พี่น้องทุกคนเข้าไปตบบ่ากอดให้กำลังใจคุณชายสาม หย่งชิ่งเป็นคนสุดท้ายที่เข้าไป นางกอดพี่ชายตบหลังเขาเบาๆ ก่อนจะแนบใบหน้ากับอกกว้างเอ่ยด้วยน้ำเสียงสั่นเครือ
"ข้ารู้... ท่านปกป้องข้าด้วยชีวิตเสมอมา ข้าดีใจที่สุดที่ชาตินี้ได้เกิดมาเป็นพี่น้องกับท่าน"
"ชิ่งเอ๋อร์..." คุณชายสามเรียกชื่อน้องน้อยด้วยน้ำเสียงอบอุ่นอ่อนโยน
หย่งชิ่่งไม่เคยถือโทษโกรธเคือง เรื่องราวเมื่อแปดปีก่อน ทั้งที่เวลานั้นนางยังเด็กอยู่มาก ได้รับบาดเจ็บสาหัสต้องไปตกระกำลำบากอยู่กับผู้อื่นที่ไม่ใช่พี่น้องหรือเครือญาติ
เรื่องนี้ยังคงเป็นบาดแผลลึกอยู่ในใจของเขา ครานี้จะได้เผชิญหน้ากับองค์หญิงเจ็ดเขารู้สึกยินดีไม่น้อย เพราะเขารั้งตำแหน่งกุนซือในศึกรบครั้งนี้ เหวินหรงจึงยอมบอกความจริงเรื่องทั้งหมดเมื่อแปดปีก่อนให้เขาฟังแล้ว โอกาสแก้แค้นส่งมาถึงมือ มีหรือเขาจะปฏิเสธ
"เจ้าไม่ต้องเป็นห่วง จะไม่มีผู้ใดมารังแกน้องน้อยของพี่ได้อีกเป็นครั้งที่สอง"
"ข้าไม่ขออะไรมาก ขอให้พี่สามปลอดภัยก็พอ ส่วนข้าจะดูแลตัวเองให้ดีไม่พยายามแส่หาเรื่องเจ็บตัว ท่านพอใจหรือไม่"
"หากน้องน้อยของข้าไม่ซุกซนแล้ว จะเป็นน้องน้อยของข้าได้อย่างไร?" คุณชายสามถามยิ้มๆ
หย่งชิ่งแหงนหน้ามองพี่ชายแลบลิ้นอย่างซุกซน
"ข้าก็พูดให้ท่านสบายใจไปอย่างนั้นเอง อันที่จริงข้าก็ทำไม่ได้เหมือนกัน"
เสียงหัวเราะสวนเสเฮฮาดังขึ้น ทุกคนนั่งล้อมวงรอบกองไฟร่ำสุรากันอย่างครื้นเครง
ช่วงหนึ่งคุณชายสี่ป้องปากกระซิบบอกอะไรบางอย่างแก่หย่งชิ่ง นัยน์ตาคมซึ้งของนางลุกวาวยิ้มร่า ดวงหน้าสุขสดชื่นท่าทางตื่นเต้นยินดี หลังจากนั้นไม่นานนักหย่งชิ่งที่มึนเมาเล็กน้อยก็ขอตัวกลับไปที่ค่ายเพียงลำพัง
08/07/2558
มีคนถามว่าอัปถึงประมาณไหน
อาจจะก่อนจบสัก 5 บทค่ะ ส่วนหนังสือออกเมื่อไรนั้นนักเขียนประมาณไม่ได้จริงๆ ต้องแล้วแต่ว่าจะผ่านพิจารณาสำนักพิมพ์ไหม แต่ถ้าไม่ผ่านก็อย่ากังวลนะคะ นักเขียนจะพิมพ์ขายเองค่ะ ซึ่งราคาอาจแพงกว่าของสำนักพิมพ์ทั่วไป ฉะนั้นนักเขียนจึงอยากส่งให้สำนักพิมพ์พิจารณาก่อน เพื่อนักอ่านจะได้หาซื้อง่ายในราคาที่ถูกกว่านะคะ
亮林 เลี่ยงหลิน
06/07/2558
200 หน้าผ่านไปอย่างรวดเร็ว
นักเขียนมีแจ้งอยู่ในตอนที่ 8 ว่าเรื่องนี้จะอัปไม่จบนะคะ แต่จะแจกหนังสือ 3 รางวัลและของรางวัลพิเศษแถมไปให้เพื่อเป็นการขอบคุณนักอ่าน ที่เป็นกำลังใจให้กันเสมอมา ไม่ว่าหนังสือเล่มนี้จะได้ตีพิมพ์กับที่ไหนก็ตาม
หลังจากนี้เนื้อเรื่องจะเข้มข้นขึ้น และจะอัปช้าลงมากๆ เพราะต้องเร่งงานแล้วค่ะ อยากให้จบเดือนนี้ เพื่อจะได้เขียนเรื่องใหม่ ไม่อยากเป็นนักเขียนไส้แห้ง (ทุกวันนี้ก็แห้งพออยู่แล้ว)
ขอบคุณนักอ่านทุกท่านที่ติดตามและให้กำลังใจเสมอมา
ให้จุ๊บสิบทีเป็นรางวัล ฮิ้ววว
亮林 เลี่ยงหลิน
ช่วงนี
นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ

ขอให้เรื่องนี้ผ่านการพิจารณาของสำนักพิมพ์น่ะค่ะ อยากอ่านเป็นเล่มมากๆ
ดาษดา (ดาษดื่น) น่าจะเป็นอย่างนี้มากกว่าค่ะ
แต่รีดหวงมาก กะพี่ชายทั้งสี่ของนาง
มะอยากให้ออกเรือนเลย...เสียดายความฮา เวลาพี่น้องอยู่ด้วยกัน มันรู้สึกอบอุ่น อิ่มเอม บอกไม่ถูกอ่ะ....
ให้น้องน้อยแต่งงานคนเดียวพอ....โอเค๊ 555555
อะเเหมม ๆหย่งชิงเมาเเล้วกลับค่าย จะเเอบมีฉากฟินๆให้จิกหมอนไหมหนอ -..-
สนุกมาก อ่านรวดเดียวจบเลย มาต่อไวๆนะ
บางทีหนังสือทำมือก้เเพงไป ไม่มีตังค์
ขอให้ผ่าน สนพ.นะคะ จุ๊ฟๆ
พี่ใหญ่ชายอู่ ขอตอนิเศษหลายๆตอนไปเลยค่ะ วายไปเลย ได้โปรด //วิ่งมากอดขาไรท์ หรือไม่ก็สาปชายอู่ให้เป็นหญิงซะ พี่ใหญ่จะได้ไปสู่ขอได้อย่างเป็นทางการ 5555
เมื่อไหร่มาอัพเพิ่ม
พี่สาม โดนน้องน้อยหอมแก้ม ฟินจริงๆ
ติดตามผลงานไรเตอร์มาตลอด ขอบคุณ ที่มีผลงานดีๆให้เราได้ติมตาม ค่ะ
ถ้าออกเป็นรูปเล่มเมื่อไหร่ จะไปจัดเลยเจ้าคร้า