คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #3 : อาระวาด
Credit : https://pin.it/3Ysunx2
วันเวลาเจ็ดวันผ่านไปอย่างเชื่องช้า มู่เทียนพักผ่อนอย่างเป็นสุขในเรือนของเยว่ชื่อโดยไม่มีผู้ใดกล้ารบกวน ในวันหนึ่ง มังกรทมิฬได้ทำเพียงไม่กี่อย่าง ตื่นนอน กินโสมหิมะ นอนหลับ เดินเล่น ทุกอย่างวนเวียนดูน่าเบื่อหน่าย ลี่ฮูยินเองก็มาเยี่ยมบ้างเป็นบางคราก่อนจะผละออกไปจัดการงานอื่นในจวน นั่นทำให้มู่เทียนรู้สึกเหงาไม่น้อยยามเมื่อมารดาจากไปดังนั้นตนจึงสรรหากิจกรรมอื่นมาทดแทนความว่างเปล่าอันน่ารำคาญในกิจวัตรประจำวัน ยามนี้มู่เทียนได้ออกมานอนเล่นที่ศาลาริมสระบัวหลังจวนโดยมีไป่ชิงคอยดูแล ดวงตาสีฟ้าดุจท้องนภากว้างทอประกายทอดมองพื้นน้ำที่มีเหล่าเหลียนฮวากำลังแข่งกันผลิบานสร้างเป็นภาพงามตาตรงหน้า
เมื่อเห็นเหลียนฮวา มู่เทียนก็นึกถึงความทรงจำของตน ในภพแรก ดอกเหลียนฮวานี้เป็นของชอบของมารดา ยามที่ท่านเห็นมัน ท่านมักจะยิ้มออกมาและเอ่ยเปรยว่าอยากเห็นทุ่งเหลียนฮวาสักครา ในภพที่สอง ดอกเหลียนฮวากลายเป็นดั่งสิ่งที่น่าชิงชังสำหรับมู่เทียนเพราะมารดาต้องสิ้นใจก็เพราะพวกมัน และในความทรงจำของหยางเยว่ชื่อ มันก็เป็นสิ่งน่าสะพรึง เมื่อครั้งเยาว์นางถูกผลักตกจากเรือขณะกำลังล่องเรือชมทุ่งเหลียนฮวาเป็นผลให้นางเกลียดชังดอกไม้พวกนี้รวมไปถึงทุกสิ่งที่เกี่ยวกับเรือและธารแม่น้ำ
ยามนี้เขาไม่อาจแยกออกได้เลยว่าตัวเขาในชาติภพแรก ชาติภพนี้หรือชาติภพของตน ชาติภพไหนกันแน่ที่เป็นตัวของเขาจริงๆ มันเหมือนกับดวงวิณญาณทั้งสามชาติ ทั้งสามภพกำลังหลอมเหลียวเขาด้วยกันอยู่ภายใต้อกนี้ เพราะยามที่จ้องมองเจ้าดอกเหลียนฮวานี่…ความรู้สึกมากมายก็ตีกันจนไม่อาจรับรู้ได้เลยว่าสิ่งใดกันแน่ที่ตนรู้สึก สิ่งเดียวที่เขาแน่ใจและมั่นใจ…คือความรู้สึกที่อยากปกป้องสิ่งสำคัญเอาไว้ด้วยทุกวิถีที่ตนสามารถทำ เพราะเขาสูญสิ้นมันไปไม่รู้กี่ครั้งต่อกี่ครั้ง เมื่อคนสำคัญได้ย้อนหวนคืนมาหาตน เขาก็มิอาจปล่อยมือคนเหล่านั้นไปได้อีก เขาไม่สามารถ..ทนเห็นทั้งสอง ถูกพรากจากตนไปได้อีก
“คาระวะท่านพี่รองเจ้าคะ….”
เสียงไม่คุ้นหูทำให้มู่เทียนหลุดออกมาจากภวังค์ เขาหันไปมองตามเสียงจนได้พบกับ..หยางเจียวจ้าน บุตรีของอนุจิน พี่น้องร่วมบิดากับหยางเยว่ชื่อ สตรีผู้นี่เองที่เป็นจุดเริ่มต้นของความเลวร้ายในชีวิตของเยว่ชื่อ เสี้ยววิณญาณของตัวเขา มู่เทียนจ้องมองอีกฝ่ายอย่างพินิจ ใบหน้าหวานละมุนราวกับเทพธิดาสมกับที่ได้รับฉายาเซียนหนวี่ ดวงตาสีดำขลับทั้งยังกลมโตดุจนัตย์ตาลูกกวางน้อยแรกเกิด ท่าทีกริยาที่อ่อนหวาน…ไม่แปลกเลยที่สิ่งเหล่านี้จะทำให้ผู้คนเทใจเชื่อทุกสิ่งที่หลุดออกมาจากปากนาง จะว่าไป..จินจ้านก็ใบหน้าคลับคล้ายคลับคลากับสตรีผู้หนึ่งที่มู่เทียนเคยเห็นในชาติภพแรก
อ้อ…สาวชู้ของสวะเดนตายที่ทำลายชีวิตเขากับมารดาในชาติภพแรกอย่างไรเล่า ดูเหมือนสวรรค์จะ'จงใจ'ส่งนางเป็นมารชีวิตให้เขาได้ทุกชาติไปเลยนะ
“น้องสาม…ไม่คิดว่าจะได้พบเจ้าที่นี้เลยนะ”มู่เทียนเอ่ยพลางรับน้ำชาจากไป่ชิงมาจิบอย่างเชื่องช้า เขาจงใจไม่รับคาระวะจากนางและไม่เอ่ยชวนนางมานั่งสนทนาด้วยกันตามมารยาท ทั้งยังปล่อยนางย่อค้างไว้เช่นนั้นไม่สนใจ
นี้นับเป็นการหยามเกียรติอย่างหนึ่งสำหรับสตรีชั้นสูงเช่นเจียวจ้าน
“เรียนพี่รอง…น้องสามไม่รู้ว่าท่านพี่จะมาพักผ่อนที่นี้จึงเข้ามากวน เดิมที่น้องชอบมานั่งเล่นตรงนี้เป็นประจำ ไม่คิดเลยว่าพี่รองก็จะชอบที่นี้เช่นกัน”คำพูดที่ดูไร้เดียงสาทว่ากลับแฝงความนัยจิกกัดเช่นนี้ มู่เทียนไม่ประหลาดใจเลยจริงๆที่หลายคนจะมองธาตุแท้สตรีตรงหน้าไม่ออกเพราะมัวแต่หลงไหลแต่กับรูปลักษ์ภายนอกที่ราวกับลูกกวาง
“เป็นเช่นนั้น…น่าแปลกใจเสียจริง เจ้าคิดเหมือนข้าหรือไม่ ไป่ชิง?”มู่เทียนหันมาถามบ่าวคนสนิทของมารดาที่ตอนนี้ผันตัวมาเป็นบ่าวรับใช้ข้างกายของเขาแทน
“เจ้าค่ะ คุณหนู…เดิมที่สระบัวนี้เป็นสระในเขตเรือนชิงอี๋ น่าแปลกใจยิ่งนักที่คุณหนูสามมานั่งเล่นที่นี้ได้เป็นประจำ”ไป่ชิงเอ่ยจบประโยค สตรีผู้มาใหม่ก็รู้สึกชาไปทั้งหน้าราวกับถูกตบด้วยมือที่มองไม่เห็น
นี้มันจะกล่าวว่านางเป็นสตรีหน้าไม่อายที่กล้าบุรุกเรือนคนอื่นตามใจชอบงั้นรึ?!!!
“น้องสามต้องขออภัยพี่รองจริงๆที่ล่วงเกินเข้ามาในพื้นที่ส่วนตัวของท่านเช่นนี้…เขตเรือนของพี่รองกว้างขวาง..ผิดกับเขตเรือนของน้องยิ่งนัก ทำให้นางเผลอตัวรบกวนพี่รองไปอย่างไม่ได้ตั้งใจ”เจียวจ้านยังคงไม่ยอมแพ้ นางซ่อนฝ่ามือที่กำหมัดแน่นด้วยความไม่พอใจเอาไว้ใต้แขนสื้อ นางแปลกใจจริงๆที่เหตุใดวันนี้นังเยว่ชื่อจึงดูสงบและเยือกเย็นผิดปรกติ
สตรีเช่นนังเยว่ชื่อน่ะรึจะเยือกเย็น…ดูท่าฝนคงจะตกเป็นทองไปแล้วกระมัง!
“มิแปลก…เดิมที่เขตเรือนก็แบ่งตามตำแหน่งอยู่แล้ว ข้าเป็นบุตรีของฮูยินเอกก็ย่อมมีเขตเรือนกว้างขวาง รึเจ้าจะกล่าวว่าบุตรีอนุเช่นเจ้าสมควรมีเขตเรือนแทบเคียงกับข้าเล่า? น้องสาม”คำพูดของมู่เทียนฟาดหน้าเจียวจ้านจนนางไม่อาจกล่าวสิ่งใดได้อีก คำพูดที่ตอกย้ำที่ต้นกำเนิดอันแสนต่ำต้อยอันเป็นปมฝังแน่นติดตัวของนาง ตัวของสตรีแสนบอบบางแทบจะคุมความสั่นเทาด้วยความโกรธเอาไว้ไม่อยู่
“น้องสาม..ไยตัวเจ้าจึงสั่นเทาเช่นนั้น มีสิ่งใดให้ข้าช่วยหรือไม่?”มู่เทียนเอ่ยถามก่อนจะระบายรอยยิ้มออกมา
และก็เป็นดั่งคาด เจียวจ้านไม่โง่พอที่จะระเบิดอารมณ์ของตรงในเรือนของผู้อื่น ยิ่งในเรือนของเยว่ชื่อยิ่งต้องระมัดระวัง นางจึงเลือกที่จะถอยกลับโดยไม่คิดแม้แต่จะเอ่ยลา ไป่ชิงคิดจะรั้งตัวอีกฝ่ายไว้ให้ปฏิบัติตามธรรมเนียมแต่มู่เทียนก็คว้าแขนอีกฝ่ายไว้เสียก่อน แววตาของมังกรทมิฬวาววับและเย็นยะเยือกในคราวเดียวกัน ในภพแรก..ก็เป็นนางที่ทำให้บันปลายชีวิตของเขาและมารดาต้องได้พบเจอกับเจ้าสวะเดนตายและลาจากโลกไปด้วยความทุกข์อันแสนเจ็บปวด ในภพที่สองก็เป็นนางที่คาบข่าวของในเผ่ามังกรไปบอกกับแม่ทัพมนุษย์จนเผ่าของเขาแทบสิ้นสูญ ยังไม่นับถึงเรื่องที่นางกระทำไว้กับเยว่ชื่ออีกเล่า
หนี้แค้นของเขาต่อนาง…นับว่ามากล้น เช่นนั้นต้องค่อยๆเป็นค่อยๆไป ทุกหนี้เลือดต้องได้ชดใช้อย่างปราณีตและบรรจง
“คุณหนู…คุณหนูสามนับว่าเป็นหมาป่าในคราบลูกแกะ รู้หน้าไม่รู้ใจ ปล่อยไว้จะไม่เป็นภัยหรือเจ้าคะ?”ไป่ชิงเอ่ยถามด้วยความกังวล
นางรู้สึกได้ว่าคุณหนูสามเองก็เป็นหนึ่งในต้นเหตุที่ทำให้คุณหนูของตนบาดเจ็บสาหัสในครานี้ นี้ยังไม่ถึงวัยปักปิ่นนางก็เลือดเย็นเสียจนจะฆ่าคนได้ ต่อไปในภายภาคหน้าเล่า?!
“ไม่เป็นไร….ข้าเองก็ไม่ได้ตาบอดแล้ว ต่อไปนี้คอยจับตานางไว้ก็พอ"
มู่เทียนกล่าวก่อนจะหยิบขนมขึ้นกัด เขาไม่รู้ว่าเหตุใดในยามที่ฟื้นขึ้นมาในร่างของเยว่ชื่อ ตาของอีกฝ่ายที่สมควรมืดบอดกลับสามารถมองเห็นได้อย่างปรกติ อาจเป็นเพราะนางกลายเป็นลูกครึ่งมังกรงั้นหรือ? แต่พลังในการรักษาตัวก็ไม่น่าจะมีผลกับบาดแผลที่ล่วงเลยเวลามาเนิ่นนานแล้วสิ เรื่องที่เยว่ชื่อหายตาบอดมีเพียงแค่เยว่เลี่ยงและไป่ชิงเท่านั้นที่รู้ ผู้อื่นยังคงเข้าใจกันว่าเยว่ชื่อฟื้นจากอาการบาดเจ็บสาหัสแต่ดวงตายังคงใช้การไม่ได้เช่นเดิม นี้ก็เพื่อความปลอดภัยสำหรับเขาและการป้องกันเหตุภัยร้ายในวันหน้าด้วย
“หากคุณหนูกล่าวเช่นนั้น ข้าน้อยก็ไม่ขัดเจ้าคะ”ไป่ชิงนั่งลงคอยรับใช้มู่เทียนอย่างเงียบๆเช่นเคย
ยามอุ้ย[13.00-14.59]
“คุณหนูรองขอรับ นายท่านเรียกคุณหนูรองไปพบที่ห้องทำงานขอรับ”
พ่อบ้านของจวนสกุลหยาง ‘เทียนอัน’ เอ่ยกับมู่เทียนที่ตอนนี้กำลังนอนพักอยู่บนเตียงผ้าแพรแสนนุ่มของตัวเอง ไป่ชิงโค้งตัวคาระวะชายชราอย่างนอบน้อม มู่เทียนโค้งตัวเล็กน้อยก่อนจะรับยาบำรุงจากไป่ชิงมาดื่ม เทียนอันไม่ได้ง่ากล่าวอะไรเยว่ชื่อมากนักเพราะตนเองก็รู้ว่าอีกใ่ายเพิ่งฟื้นและกำลังรักษาตัวจากอาการบาดเจ็บอยู่ บาดแผลของนางฉกรรจ์และน่ากลัวซะจนแม้แต่ชายอกสามศอกเช่นเขายังแอบยกย่องนางที่ทนความทรมารก้าวข้ามประตูผีมาโลกคนเป็นได้
“ขอบคุณท่านเทียนอันที่เป็นธุระ ฝากเรียกท่านพ่อด้วยว่าข้าคงใช้เวลาสักเค่อกว่าจะไปถึง ต้องขอภัยท่านพ่อล่วงหน้าที่ให้รอ”มู่เทียนเอ่ยพลางแสร้งกุมท้องของตนเอาไว้ เท่านั้นชายชราก็เข้าใจทันที
“ขอรับคุณหนู บ่าวจะเรียกนายท่านให้”หลังพูดจบอีกฝ่ายก็เดินจากเรือนชิงอี๋ไปทันที
“คุณหนูเจ้าคะ อาการบาดเจ็บของท่านหายดีขึ้นมากแล้ว ไยต้องโกหกท่านพ่อบ้านด้วยเล่าเจ้าคะ?”ไป่ชิงถามอย่างไม่เข้าใจ แม้ตนจะสงสัยว่าเหตุใดบาดแผลลึกเช่นนั้นจึงสมานตัวไวนักแต่ก็ไม่คิดจะถามให้กวนใจคุณหนู
“บาดแผลของข้า หากเป็นปรกติคงต้องใช้เวลาเป็นเดือนถึงจะหาย ที่ข้าดีขึ้นมากเช่นนี้ก็เพราะโสมหิมะจากท่านแม่ หากพวกอนุรู้เข้าคงมิวายมาก่อกวนกับข้าอีก เช่นนั้นก็เล่นละครไปก่อนเถอะ”มู่เทียนพูดก่อนจะลุกขึ้นโดยมีไป่ชิงประคอง
“เจ้าค่ะคุณหนู"ไป่ชิงรับคำอย่างว่าง่าย
คุณหนูของนาง..ดูเปลี่ยนไปราวกับคนละคน
ระหว่างทางจากเรือนชิงอี๋ไปยังเรือนหลงหมิงนั้นไม่ไกลเท่าไหร่นักแต่เพราะมู่เทียนต้องการแสดงให้คนอื่นเห็นว่าตนยังคงอาการไม่สู้ดีนัก เขาจึงต้องเดินอย่างเชื่องช้าเสมือนว่าตนไร้เรี่ยวแรงแม้แต่จะเดินด้วยตนเองยังทำไม่ได้ แม้ว่าในสามัญสำนักของมังกรผู้แข็งแกร่ง การทำเช่นนี้ก็ช่างน่าอายจนแทบกระอักเลือดแต่เพื่อไม่ให้มีผู้ใดมากวนใจ มู่เทียนก็ต้องจำใจกล้ำกลืนก้อนเลือดนั้นไว้ในคอ ระหว่างทางสายตามากมายจ้องมองมาที่เยว่ชื่อด้วยความอยากรู้อยากเห็น ปรกติเยว่ชื่อจะสวมผ้าคาดตาเอาไว้แต่วันนี้นางกลับเลือกสวมผ้าพื้นบางป้องกันไม่ให้ผู้ใดเห็นใบหน้านางได้ชัดเจนนัก พวกเขามองเห็นเพียงจมูกโด่งเชิดรั้นกับริมฝีปากสีชมพูระเรื่อยแสนดึงดูดสายตา
มู่เทียนมองโดยรอบอย่างน่าเบื่อ ไม่ว่าจะที่ใดก็ช่างน่าเบื่อไม่ต่างกัน สิ่งเดียวทำให้เขายังอยู่ตรงนี้ ยังหวนคืนกลับมา..คงมีเพียงแค่สิ่งเดียว กล่าวกันว่ามังกรนั้นรักเดียว เมื่อปักใจรัก…เขาก็ไม่อาจหวนคืนดวงใจสู่ตนได้อีก ก่อนที่จะเจอไท่ฝูเขาไม่คาดคิดมาก่อนเลยว่าในสักวันหนึ่งจะมีผู้ใดมาเคียงข้างตนได้ เพราะโรคประหลาดที่ปฏิเสธบุรุษเพศและใจที่มิได้รักใคร่ในสตรี เขาคิดว่าตนจะไม่มีวันมีคู่และครองสถาณะเช่นนี้ไปจนกว่าจะสิ้นชีพในสักวัน การที่อยู่คนเดียวและมีความสุขกับมันได้นับว่าเป็นเรื่องที่ไม่เลวซ้ำยังมีความสุข เขาพอใจกับสิ่งที่มีอยู่จนกระทั่งได้พบเจอกับความรัก เขายอมรับว่าเขากลัว..กลัวการที่ใครสักคนจะเข้ามาและมีอิทธิผลต่อตัวเขามากกว่าจิตใจและเหตุผลของตัวเอง และนั่นเองเป็นเรื่องเดียวที่เขาไม่อาจให้อภัยตนเองได้ เพราะเขามัวแต่กลัวสุดท้ายไท่ฝู่จึงจากไปโดยไม่ได้ยินคำในใจของเขาด้วยซ้ำ
“ไท่ฝู่…”
“เจ้าคะ?”ไป่ชิงเอ่ยถามเพราะเมื่อกี้ตนไม่ได้ยินสิ่งที่คุณหนูกล่าวชัดนัก มู่เทียนได้สติ เขาหันมองไป่ชิงก่อนจะส่ายหน้าเบาๆ
“ไม่มีอะไร เรารีบไปกันเถอะ"เมื่อได้ยินคุณหนูตนไม่ว่าสิ่งใดไป่ชิงจึงประคองอีกฝ่ายต่อไปโดยไม่ตั้งคำถามอีก แต่เมื่อเดินได้ถึงหน้าเรือนหลิงเหมยของนายท่านสกุลหยาง อีกฝ่ายก็ดันมายืนรออยู่หน้าเรือนก่อนเสียแล้ว ไป่ชิงถอยไปอย่างรู้งานส่วนมู่เทียนก็ย่อตัวลงช้าๆพลางยิ้มออกมาเล็กน้อย
“คาระวะท่านพ่อ…เสี่ยวชื่อขออภัยที่ทำให้ท่านพ่อต้องรอนาน”
น้ำเสียงหวานและการกล่าววาจาที่เปลี่ยนไปทำให้'หยางซือสือ'ตกใจจนลืมแม้กระทั่งรับการทักทายจากบุตรี ปรกตินั้นหยางเยว่ชื่อ บุตรสาวของตนนั้นไม่มีท่าทีอ่อนหวาน กริยางดงามประนึ่งนางสนมในวังเช่นนี้ นางออกจะเป็นสตรีที่แข็งกระด้างเอาแต่ใจแม้แต่น้ำเสียงยังแข็งกร้าวร้าวกับมีบุรุษมาสิ่งสู่ ซ้ำยังไม่เคยแม้แต่จะยอมมาตามคำเชิญของเขาด้วยซ้ำ นางมักจะอ้างว่านางพิการจึงไม่อยากออกไปไหน ทำให้ทุกครั้งเขาต้องเป็นฝ่ายไปหาบุตรสาว คราแรกที่พ่อบ้านเทียนอันมาบอกตนว่าบุตรีของตนจะมาที่นี้ เขายังแทบไม่เชื่อหูตัวเองด้วยซ้ำ
หรือเพราะอาการบาดเจ็บนางจึงเปลี่ยนไปเช่นนี้?
“นายท่านขอรับ คุณหนูรองเพิ่งฟื้นไม่นาน คงไม่เป็นการดีหากจะยืนพูดคุยกัยหน้าเรือนนะขอรับ”เทียนอันเอ่ยเรียกสติผู้เป็นนายเมื่อเห็นว่าคุณหนูรองเริ่มมีเหงื่อตก หยางซือสือกระแอ่มไอก่อนจะประคองบุตรสาวให้ลุกขึ้น
“ชื่อเอ๋อร์…พ่อตกใจไปหน่อยที่เห็นว่าเจ้ามาหาพ่อเช่นนี้ มามา ลูกรักของพ่อ เราไปนั่งจิบน้ำชาคุยกันในเรือนเถอะ”
สองพ่อลูกพากันเข้ามานั่งจิบน้ำชาในเรือนหลิงเหมย หยางซือสือสรรหาของขวัญล้ำค่าและยาลูกกลอนราคาสูงลิ่วมามอบให้ลูกสาวเพื่อบำรุงร่างกาย ผู้คนในเมืองหลวงอย่างไถ่หนาน รู้ดีว่าความหลงไหลที่หยางซือสือมีต่อลี่เยว่เลี่ยงนั่นมากมายขนาดไหน แม้ว่าพระนางจะเป็นพระธิดาที่ทรงไม่มีใครต้องการแต่เขาก็พยายามทำทุกอย่างเพื่อครองใจนาง ยกนางเป็นดั่งอัญมณีล้ำค่าที่ไม่ว่าผู้ใดก็ไม่อาจเทียบเคียงได้ ผู้ใดที่กล้าหยามเกรียติและทำให้นางเสียใจ ซือสือไม่เคยเสียดายอำนาจในมือที่จะกำจัดพวกมันเพื่อเอาใจภรรยาอันเป็นที่รักเลยสักครา รวมไปถึงบุตรที่กำเนิดมาจากนาง เขาก็ยกให้เป็นดั่งแก้วตาดวงใจ
ไม่ว่าผู้ใดต่างก็พากันริษยาเยว่เลี่ยงและบุตรของนางทั้งสิ้น ยิ่งฮูยินรองของหยางซือสือและเหล่าอนุที่อัครเสนาบดีหนุ่มต้องรับเข้ามาเพื่อเสริมอำนาจให้ตนนั่นยิ่งเลวร้ายไปกันใหญ่
“เสี่ยวชื่อ…เลี่ยงเอ๋อร์บอกว่าลูกมีบาดแผล นางจึงขอให้พ่อหาของวิเศษมาบำรุงให้ นี้เป็นผงไข่มุกจากแดนไกล พ่อได้มาจากการประมูลเมื่อครั้งที่แล้ว สรรพคุณของมันนอกจากรักษาแผลยังบำรุงผิวกายอีกด้วย พ่อหวังว่าเจ้าจะชอบนะ”หยางซือสือเอ่ยด้วยใบหน้าเปื้อนยิ้ม เขายกนู้นหยิบนี้ให้มู่เทียนจนตาลาย ขนาดเขาที่มีชีวิตมายืนยาว บางอย่างเขายังจำได้ดีว่ามันหายากขนาดไหน นับว่าบุรุษผู้นี้มีความสามารถไม่น้อยที่สรรหามันมาได้
“ลูกชอบมันมากเจ้าค่ะท่านพ่อ”มู่เทียนเอ่ยพลางรับถุงผ้ากำมะหยี่สำน้ำเงินเข้มมาและส่งต่อให้ไป่ชิง หญิงสาวแอบยิ้มเบาๆที่นายท่านใส่ใจคุณหนูถึงขนาดสรรหาของล้ำค่ามาให้เป็นหีบ
นับเป็นวาสนาของคุณหนูที่มีบิดาใส่ใจและรักใคร่เช่นนี้
“หลังจากลูกหายพ่อจะจัดงานเลี้ยงให้ลูกนะ ลูกจะได้ร่าเริงขึ้นมาบ้างหลังจากผ่านเหตุการณ์เลวร้ายเช่นนั้นมา”หยางซือสือเอ่ยเอาใจ เขารู้ว่าเยว่ชื่อนั้นชื่นชอบงานเลี้ยงขนาดไหน
“ท่านพ่อ…ลูกดีใจยิ่งที่ได้ยินเช่นนั้น แต่ลูกไม่อยากจัดงานเลี้ยงให้อึกทึกนัก ลูกอยากเพียงแค่ไปสวดมนต์ที่อารามบนเขาสักสองสามวันเท่านั้น ท่านพ่อว่าเช่นไรเจ้าคะ?”มู่เทียนเอ่ยพลางจิบน้ำชา
“สวดมนต์ที่อารามบนเขางั้นรึ?! เจ้าเป็นถึงบุตรีของอัครเสนาบดีเหตุใดต้องไปลำบากตรากตรำถึงวัดห่างไกลเมืองเช่นนั้นด้วยเล่าลูกรัก อารามหลวงในไถ่หนานเองก็มีเหตุใดเจ้าไม่ไปที่นั่นแทนเล่า"ซือสือสื่อชัดเจนว่าเขาไม่ต้องการให้บุตรสาวเดินทางออกนอกเมืองหลวงเช่นนี้ อารามบนเขานอกจากจะทุรกันดานและลำบากแล้วยังอันตราย
หากบุตรีเป็นอะไรไปอีกครา เขาไม่หัวใจวายตายตามไปด้วยเลยรึ?! แค่คราวนี้เขาก็เป็นลมจนเขาอ่อนไปหมดแล้ว
“ท่านพ่อ…เมืองหลวงช่างวุ่นวาย อารามหลวงในไถ่หนานก็มีผู้คนเยอะแยะ ลูกอยากหาที่สงบๆมากกว่าน่ะเจ้าค่ะ”มู่เทียนกล่าวพลางรินน้ำชาให้บิดา
“ถ้าเจ้าต้องการเช่นนั้น…ก็ตามใจเจ้าเถอะ”หยางซือสือไม่คิดจะห้ามปรามต่อไปอีก เขาเองหากบุตรีต้องการสิ่งใดก็จะสรรหามาให้อยู่แล้ว อีกอย่างใช่ว่าอาการบาดเจ็บนี้จะหายในเร็ววันเสียหน่อย อาจต้องพักฝืนเกือบเดือน ถึงตอนนี้เสี่ยวชื่ออาจจะเปลี่ยนใจก็ได
“ขอบคุณท่านพ่อที่เมตตาเจ้าค่ะ” มู่เทียนยกยิ้ม
หลังจากพูดคุยกันอีกไม่กี่ประโยค มู่เทียนก็ขอตัวกลับเรือน โดยที่หยางซือสือก็ไม่ได้รั้งหรือซักไซร้ถามให้รำคาญใจบุตรี ไป่ชิงเรียกบ่าวไพร่ในเรือนชิงอี๋มาอีกนิดหน่อยเพื่อขนของที่นายท่านให้กลับเรือน ตลอดทางบ่าวไพร่เรือนอื่นๆต้องแอบมองด้วยความอยากรู้อยากเห็น แม้ว่าการที่นายท่านมอบของล้ำค่าให้คุณหนูรองนั้นจะเป็นสิ่งที่เห็นอยู่ชินตา แต่ดูเหมือนครั้งนี้จะมากเป็นพิเศษ แถมยังมีบ่าวตาดีแอบเห็นว่าด้านในมียาล้ำค่าหลายชนิด มู่เทียนไม่ได้สนใจ พวกบ่าวจะกล่าวอันใดก็ให้มันกล่าวไป เขาไม่ได้สนใจหรอก
“คุณหนูขอรับ…"เทียนอันเอ่ยเรียกจากด้านหลังทำให้มู่เทียนหยุดชะงัก เมื่อหันหลังกลับมามองก็พบกับพ่อบ้านชราที่ในมือมีหีบไม้สีดำอยู่
“ท่านเทียนอัน? มีธุระอันใดรึเจ้าคะ?"มู่เทียนเอ่ยถาม
“นี้เป็นของขวัญอีกชิ้นจากนายท่านขอรับ ในหีบใบนี้มีกุญแจเปิดกรงอยู่ กระผมให้บ่าวนำกรงไปไว้ที่เรือนชิงอี๋แล้วขอรับ”เทียนอันเอ่ยพลางยื่นหีบให้ มู่เทียนก็รับมาโดยไม่ได้ติดใจอะไร
“ขอบคุณท่านเทียนอันมากเจ้าค่ะ”มู่เทียนเอ่ยเสร็จก็ย่อตัวลงแล้วหันกลับเรือน ไป่ชิงขมวดคิ้วเล็กน้อย ปรกติหากนายท่านจะมอบสิ่งใดให้คุณหนูก็มักจะให้โดยตรงไม่เคยให้บ่าวไพร่นำมามอบให้เช่นนี้
มีอันใดรึเปล่านะ?
“รีบกลับเรือนเถอะ ข้าอยากรู้ว่าของขวัญชิ้นใหม่นี้เป็นอันใด”มู่เทียนกล่าวด้วยสีหน้าไม่สู้ดีนัก
ในความทรงจำของหยางเยว่ชื่อ ชีวิตนางก็ไม่ต่างอันใดกับชีวิตของสตรีชั้นสูงทั่วไป วัยเยาว์ล้วนถูกหมั้นหมายกับผู้มีชาติตระกูล และเติบโตมาในห้องหอโดยไม่เคยสัมผัสถึงความโหดร้ายภายนอก ยิ่งบิดาตามใจมารดายกตัวสูงยิ่งกว่าหงส์นางยิ่งได้ใจ เป็นสตรีที่นิสัยกร้าวร้าวแข็งกระด้าง ทำทุกอย่างตามใจตนเองโดยไม่สนสิ่งใด เมื่ออายุได้สิบหนาวนางก็ถูกพี่ชายแท้ๆทำร้ายจนตาบอด นั่นยิ่งทำให้นิสัยของนางที่ชอบเอาแต่ใจอยู่แล้ว ล้วนเติบโตขึ้นด้วยความพยาบาทผู้เป็นพี่ในทุกเมื่อเชื่อวัน นางเกลียดชังทุกคนและโทษทุกอย่างว่าที่นางตาบอดก็มาจากพวกเขา เมื่อเยว่ชื่อเป็นเช่นนี้บิดามารดาจึงหนักใจเพราะคู่หมายที่หมั้นไว้เป็นถึงพระราชนิกูล ตอนนั้นเองที่หยางเจียวจ้านปรากฎกายขึ้นมาราวกับเซียนหนนีว์ผู้มาโปรดทุกคน
หยางเจียวจ้าน บุตรีของหยางซือสือและอนุสี่ นางมีกริยามารยาทเรียบร้อยอ่อนหวานดุจบุปผาแรกแย้มผู้น่าถนุถนอม แต่ไหนแต่ไรนางมักจะถูกลืมอเลือนจากผู้คนเพราะเป็นบุตรีของอนุท้ายจวน และเมื่อเทียบเคียงกับหยางเยว่ชื่อนางก็ไม่อาจสู้สิ่งใดได้ ราวกับสวรรค์ประทานทุกสิ่งอย่างมาเพื่อหยางเยว่ชื่อโดยเฉพาะ ทั้งรูปโฉม ทั้งชาติกำเนิดอันสูงส่ง ทว่านางกลับมีนิสัยแข็งกระด้างไม่น่าเข้าใกล้ ซ้ำยังชอบอาระวาดอยู่เป็นนิจจนบ่าวไพร่ในจวนต้องระแวงทุกครั้งที่อีกฝ่ายขยับตัว เมื่อหยางเยว่ชื่อตาบอดนั้นยิ่งเลวร้าย ตอนนั้นเองที่หยางซือสือคิดจะเปลี่ยนตัวเยว่ชื่อกับเจียวจ้านให้อีกฝ่ายขึ้นเป็นเป็นว่าที่พระชาแทนบุตรีที่ตอนนี้อารมณ์ฉุนเฉียวและไม่เคยเคารพผู้ใด
นอกจากนี้เจียวจ้านยังเป็นสตรีที่มีลมปราณฝึกหัดขั้นสี่ซึ่งเป็นสิ่งที่หาได้ยากยิ่งในสตรีสมัยนี้ ผู้มีลมปราณส่วนใหญ่ล้วนต้องเริ่มตั้งแต่ลมปราณตั้งต้นขั้นแรกแต่นางนั้นต่างออกไป เพราะเมื่อเกิดมานางก็ได้ลมปราณฝึกหัดขั้นแรกเลย นั่นทำให้หยางซือสือเริ่มหันมาสนใจบุตรีที่ไม่เคยแยแสมานาน ภายนอกจวนชื่อเสียงของเจียวจ้านก็ยังเป็นที่รู้จักในแง่ดีผิดกับหยางเยว่ชื่อ และนั่นทำให้หยางเยว่ชื่อผู้เป็นพี่รู้สึกไม่พอใจกับเจียวจ้านบุตรีคนละมารดา ทำให้นางเริ่มกลั่นแกล้งเจียวจ้าน นางแทบอาระวาดทุกครั้งที่ได้ยินเสียงของสตรีผู้นี้ ซ้ำต่อมาเจียวจ้านถูกเปลี่ยนตัวกับตนก็ยิ่งอาระวาดบุกเข้าไปทำลายงานแต่งของผู้เป็นน้องสาวจนถูกกล่าวหาว่าเป็นสตรีวิปริต ชื่อเสียงเลวร้ายย้อนกลับมาทำร้ายนาง จนสุดท้ายก็ถูกฆ่าตายหลังจากที่พยายามวางยาพิษเจียวจ้านแต่ทว่าเกิดถูกจับได้
นี้เป็นเพียงความทรงจำเพียงชีวิตเดียวเท่านั้น..ยังไม่นับถึงความทรงจำอื่นที่แตกต่างกว่านี้อีก ทุกชีวิตหยางเยว่ชื่อผู้นี้ก็ไม่เคยมีจุดจบที่งดงามเลยแม้แต่น้อย ไม่รู้เพราะเหตุใดหยางเยว่ชื่ออต้องวนเวียนกับชีวิตเช่นนี้ซ้ำแล้วซ้ำเล่าจนดวงวิณญาณกลายเป็นวิณญาณอาฆาต มู่เทียนหลุบตาต่ำลงมองที่หีบไม้อย่างครุ่นคิดมีครั้งหนึ่งที่หยางเยว่ชื่อได้รับของขวัญมาจากเทียนอันเช่นกัน เป็นนกวิหคทองคำงานวิจิตร แต่เจ้านกตัวนี้เป็นสัตว์วิเศษเพราะมันจะเลือกนายของตนเองเท่านั้น ทันทีที่มันเห็นเยว่ชื่อมันก็สะบัดหน้าหนีเป็นนัยไม่ยอมรับทันทีทำให้สตรีผู้บ้าคลั่งอาระวาดหนักจับมันถอนขนโยนทิ้งไว้หลังจวน เทียนอันจึงนำมันไปมอบให้หยางเจียวจ้านแทน นางรักษาเจ้านกอย่างดีจนมันหายดีและตอนนั้นเองที่ทุกคนได้รู้ว่ามันเป็นวิหคสวรรค์ สัตว์วิเศษชั้นสูงที่หาได้ยากยิ่ง
นางถูกหาว่าเป็นสตรีกาลกิณีทำร้ายสัตว์เทพนั่นเริ่มเป็นข่าวลือที่หนักหนาครั้งแรก…ก่อนที่อีกหลายๆเรื่องจะตามมา
“ข้าไม่เคยเห็นนายท่านฝากของขวัญมาให้คุณหนูผ่านท่านเทียนอันมาก่อนเลยนะเจ้าคะ คุณหนูคิดเห็นเช่นไรเจ้าคะ?"ไป่ชิงเอ่ยก่อนจะผละจากเยว่ชื่อมารินน้ำชาให้
“รอดูไป พ่อบ้านผู้นั้นแต่เดิมไม่เคยเข้าข้างฝั่งใดในจวนมาก่อน ย่อมมีเหตุบางอย่างที่ทำให้เขาทำเช่นนี้”มู่เทียนใช้นิ้วลูบบนขอบแก้วชาอย่างแผ่วเบา
ไอควันหอมกรุ่นล่องลอยขึ้นมาเตะจมูก แต่มังกรหนุ่มกลับไม่อยากลิ้มรสมันแม้แต่น้อย
“คุณหนูอยากไปดูนกตัวนั้นเลยหรือไม่เจ้าคะ?”ไป่ชิงเอ่ยพลางหันมองไปยังกรงขนาดใหญ่ที่มีผ้าคลุมสีขาวสะอาดคลุมเอาไว้ตนไม่อาจเห็นสิ่งใดภายใน
“บอกให้บ่าวนำมาไว้ที่สวนหลังเรือน ที่นั้นจะเป็นที่อยู่ของมันด้วย”มู่เทียนสั่งพลางครุ่นคิดกับท่าทีของพ่อบ้านเทียนอัน
เหตุใดเขาจึงเลือกนำมันมาให้หยางเยว่ชื่อ? มีเหตุผลอันใดแอบซ่อนไว้งั้นรึ?
มู่เทียนถอนหายใจ เขาเงยหน้ามองใบหน้าของตนที่สะท้อนกลับมาในคันฉ่อง เขากลับมาเพราะต้องการปกป้องคนที่ตนรัก ปกป้องทั้งคู่จากชะตากรรมแสนบัดซบที่พวกตนไม่ได้อยากเจอ ชาติแรกเขาไม่มีอำนาจทั้งยังไร้พลัง ชาติที่สองแม้มีทุกอย่างก็ไม่อาจได้ครอบครองสักอย่าง ชาตินี้เขาไม่ได้ต้องการเช่นนั้น เขาหวังแค่ได้ปกป้องทั้งคู่ไม่ว่าสิ่งใดเขาล้วนทำได้ เขาจะไม่ยอมตายจนกว่ามารดาและไท่ฝูจะมีความสุข เขาจะยอมอยู่ไปตราบนานเพื่อมองเห็นรอยยิ้มจนวินาทีสุดท้ายของทั้งคู่
“คุณหนูเจ้าคะ ในคันฉ่องมีสิ่งใดผิดปรกติหรือเจ้าคะ?”ไป่ชิงเอ่ยถามก่อนจะได้รับการส่ายหน้าช้าๆตอบกลับมา
“ข้าแค่..นึกถึงคนผู้หนึ่งอยู่เท่านั้น”มู่เทียนลูบคันฉ่องเบาๆก่อนจะผละจากไป
ไท่ฝู่….ยามนี้ เจ้าอยู่ที่ใดกันนะ?
ความคิดเห็น